Archive

Archive for the ‘Software’ Category

เอคเซนเชอร์ ตั้งกลุ่มธุรกิจ Accenture Digital เปิดตัวบริการดิจิตอลแบบครบวงจร

February 21st, 2014 No comments

กลุ่มธุรกิจ ผสานรวมบริการชั้นนำด้านการตลาดดิจิตอล
การวิเคราะห์ข้อมูล และโมบิลิตี้ ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาคและกลุ่มอุตสาหกรรม

กรุงเทพฯ 19 กุมภาพันธ์ 2557 – (Accenture) ประกาศจัดตั้งกลุ่มธุรกิจ Accenture Digital ซึ่งผสานรวมทรัพยากรดิจิตอล ซอฟต์แวร์ และบริการของบริษัท โดยครอบคลุมทั้งในส่วนของการตลาดดิจิตอล โมบิลิตี้ และการวิเคราะห์ข้อมูล แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้ลูกค้าปลดปล่อยพลังของระบบดิจิตอล เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างสรรค์ธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ

Accenture Digital จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้บริการทางด้านธุรกิจและเทคโนโลยีอย่างครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนากลยุทธ์ดิจิตอล การนำเทคโนโลยีดิจิตอลไปใช้งาน ไปจนถึงการจัดการกระบวนการดิจิตอล ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญด้านระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) ระบบโมบิลิตี้ (Mobility) และการตลาดดิจิตอล (Digital Marketing) ของเอคเซนเชอร์ รวมถึงหน่วยธุรกิจ Accenture Interactive ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดหาบริการดิจิตอลให้แก่ผู้บริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจ Accenture Digital จะช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์เชื่อมต่อและอุปกรณ์พกพาที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน โดยกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกโดยใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ก้าวล้ำ และเสริมสร้างประสบการณ์และการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

“ดิจิตอลได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินธุรกิจของลูกค้าของเราอย่างมาก ตั้งแต่วิธีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ประชาชน และซัพพลายเออร์ ไปจนถึงแนวทางการบริหารจัดการบุคลากร” นาย

นนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เอคเซนเชอร์

นนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เอคเซนเชอร์

กล่าว “เพื่อให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว องค์กรธุรกิจทุกแห่งจะต้องรองรับและขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิตอล เราได้ลงทุนอย่างจริงจังใน Accenture Interactive รวมไปถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูลและโมบิลิตี้ และตอนนี้เรากำลังเปิดตัวบริการดิจิตอลแบบครบวงจร เพื่อช่วยให้ลูกค้าแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

กลุ่มธุรกิจ Accenture Digital ซึ่งรวมเอาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ 23,000 คน จะใช้ประโยชน์จากความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งของเอคเซนเชอร์ในเทคโนโลยีคลาวด์ การควบรวมระบบ และแอพพลิเคชั่นสำหรับองค์กร รวมไปถึงเครือข่ายการให้บริการทั่วโลก เพื่อช่วยให้ลูกค้าผสานรวมเทคโนโลยีดิจิตอลไว้ในทุกแง่มุมขององค์กร และปฏิรูปธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม

“ความสามารถของเราในการทำงานร่วมกันได้อย่างครอบคลุมในระบบดิจิตอลทั้งหมด บวกกับความเชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรม และการดำเนินธุรกิจในหลายๆ ประเทศทั่วโลก นับเป็นข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันที่สำคัญของเรา” นนทวัฒน์กล่าว “เราได้ผสานรวมบุคลากร ทักษะและความสามารถที่เหมาะสม เพื่อให้เอคเซนเชอร์เป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับดิจิตอล”

ข้อมูลเกี่ยวกับเอคเซนเชอร์
เอคเซนเชอร์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการให้คำปรึกษา บริการด้านเทคโนโลยี และบริการเอาต์ซอร์ส โดยมีบุคลากรราว 275,000 คนทำหน้าที่ให้บริการแก่ลูกค้าในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ด้วยการผสานรวมประสบการณ์ที่เหนือกว่า ความสามารถรอบด้านที่ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกสายงานธุรกิจ รวมถึงการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับบริษัทที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เอคเซนเจอร์ทำงานร่วมกับลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บริษัทมีรายได้สุทธิ 28.6 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2556 เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทได้ที่ www.accenture.com

Accenture Interactive
Accenture Interactive เป็นหน่วยธุรกิจที่ช่วยให้แบรนด์ชั้นนำทั่วโลกสามารถผลักดันประสิทธิภาพด้านการตลาดที่เหนือกว่า โดยครอบคลุมประสบการณ์ของลูกค้าในหลากหลายช่องทาง Accenture Interactive ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ Accenture Digital นำเสนอโซลูชั่นด้านการตลาดและการปฏิรูปดิจิตอลแบบครบวงจร ติดตามทางทวิตเตอร์ได้ที่ @AccentureSocial หรือเยี่ยมชม www.accenture.com/interactive

Accenture Mobility
Accenture Mobility ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Accenture Digital ทำหน้าที่วางแผน ดำเนินการ และจัดการโซลูชั่นโมบิลิตี้สำหรับองค์กรธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่กลยุทธ์โมบิลิตี้ในองค์กร ไปจนถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ โดยอาศัยความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค Accenture Mobility ช่วยให้ลูกค้าสามารถขยายธุรกิจและจัดการการปฏิรูปได้อย่างเหมาะสม ด้วยการปรับใช้เครื่องมือสำหรับธุรกิจดิจิตอล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.accenture.com/mobility

Accenture Analytics
Accenture Analytics ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Accenture Digital นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่กว้างขวาง เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับปรุงผลประกอบการ ด้วยประสบการณ์อย่างกว้างขวางในเชิงอุตสาหกรรม ฟังก์ชั่นการทำงาน ธุรกิจ และเทคโนโลยี Accenture Analytics ได้พัฒนานวัตกรรมบริการด้านการให้คำปรึกษาและบริการเอาต์ซอร์สสำหรับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุนในระบบวิเคราะห์ข้อมูล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามทางทวิตเตอร์ได้ที่ @ISpeakAnalytics และเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.accenture.com/analytics

View :1632

Ericsson Connected Vehicle Cloud ได้รับชัยชนะในการประกาศรางวัลของ CTIA E-Tech

September 4th, 2013 No comments

· โซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ของอีริคสันได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขา Enterprise Solution – General Business

· การแข่งขันในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมส่งผลงานเกือบ 300 ชิ้น โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนทั้งในด้านความแปลกใหม่ ความสามารถในการใช้งาน ความสำคัญทางเทคโนโลยี การนำไปใช้งานได้จริง และ ความรู้สึก ‘ว้าว’โดยรวม

· โซลูชั่นด้านการขนส่งและยานยนต์นี้ จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในตลาดยานยนต์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถเข้าถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ผ่านแนวทางใหม่

อีริคสันได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะในการแข่งขัน 2013 CTIA Emerging Technology (E-Tech) Awards ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทางการสื่อสารไร้สายที่โดดเด่น ทั้งสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น mobile apps, ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค, ตลาดองค์กรและ vertical markets รวมทั้งเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ของอีริคสัน ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขา Enterprise Solution – General Business โดยผ่านเกณฑ์การให้คะแนนทั้งในด้านความแปลกใหม่ ความสามารถในการใช้งาน ความสำคัญทางเทคโนโลยี การนำไปใช้งานได้จริง และ ความรู้สึก ‘ว้าว’ โดยรวม

“เกณฑ์การตัดสินในปีนี้ เน้นไปที่ผลกระทบและแรงบันดาลใจที่ได้จากอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สาย ที่มีต่ออุตสาหกรรมประเภทอื่น และต่อวิถีชีวิตประจำวันโดยทั่วไป เรามีความยินดีที่ได้แสดงวิสัยทัศน์และการประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆจากอุตสาหกรรมของเรา ในงาน CTIA 2013 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือสำหรับตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ เราขอแสดงความยินดีกับอีริคสันที่ได้รับรางวัล E-Tech Award สำหรับโซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ในครั้งนี้” คุณโรเบิร์ต เมสิโร รองประธาน และ Show Director ของ CTIA กล่าว

Connected Vehicle Cloud ของอีริคสันได้เปิดโอกาสสำคัญ ทั้งสำหรับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีด้านอื่นๆ ให้สามารถเข้าถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ ผ่านแนวทางใหม่ จากการใช้งานผ่าน Ericsson Service Enablement Platform โซลูชั่นนี้จะสามารถเชื่อมต่อสู่กลุ่มผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น, องค์กรของรัฐ, ผู้ผลิตรถยนต์, และกลุ่มผู้บริโภคได้ โดยตั้งเป้าหมายที่จะรองรับความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งในด้านการปรับเปลี่ยนขนาดของระบบ, ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นให้เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ส่งผลให้เกิดประสบการณ์ในการขับขี่ยุคใหม่และโอกาสทางธุรกิจจำนวนมากสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์

“อุตสาหกรรมยานยนต์ได้กลายเป็นธุรกิจระดับโลกมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และการสร้างการเชื่อมต่อระหว่างยานยนต์ จำเป็นต้องใช้โมเดลทางธุรกิจใหม่ที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลกำไรที่ดีและช่วยพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ภายในอุตสาหกรรมนี้ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น รวมทั้งเชื่อมต่อรถยนต์เหล่านี้เข้ากับอุตสาหกรรมอื่นที่มีการเชื่อมโยงในลักษณะเดียวกันได้ต่อไป” กล่าวโดย คุณเพอร์ บอร์กคลินท์ ประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่าย Business Support Solutions ของอีริคสัน “โซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ถูกสร้างขึ้นบนความสามารถของเครือข่ายโทรคมนาคมที่ก้าวหน้า จึงทำให้เกิดการพัฒนาอย่างมากเพื่อประสบการณ์การขับขี่ยุคใหม่ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่นวัตกรรมของเราได้รับการยอมรับถึงศักยภาพที่จะช่วยพัฒนาตลาด ‘connected car’ ให้ประสบความสำเร็จได้ยิ่งขึ้นไป”

นวัตกรรมจำนวนเกือบ 300 ผลงานได้เข้าร่วมแข่งขัน และมีการคัดเลือกโดยคณะกรรมการของ CTIA E-Tech ที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอันเป็นที่นับถือ ผู้สื่อข่าว และนักวิเคราะห์ การประกาศผลรายนามผู้ชนะในสาขาต่างๆ ได้จัดขึ้นในระหว่างงาน CTIA Conference ที่ Sands Expo & Convention Center ณ เมืองลาสเวกัส

ข้อมูลเพิ่มเติมของ Ericsson Vehicle Cloud solution และ Ericsson Operations Support and Business Support Solutions สามารถดาว์โหลดได้ที่

http://www.ericsson.com/ourportfolio/transport-and-automotive-industry/connected-vehicle-cloud

View :1787

BAC ขยายฐานเจาะตลาดหัวเมืองเศรษฐกิจ พร้อมร่วม MFEC GROUP บุกอาเซียน

August 14th, 2013 No comments

เดินหน้าขยายธุรกิจสู่ตลาดหัวเมืองใหญ่ รับความเจริญที่กระจายออกจากศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างฐานเชื่อมตลาดประเทศเพื่อนบ้านรับ AEC ร่วมสานฝัน ขึ้นเป็นผู้นำด้าน Business Analytics ระดับภูมิภาค มั่นใจได้เห็น โกอินเตอร์ทัน AEC แน่นอน

นายศิริศักดิ์ ถิรวัฒนางกูร กรรมการผู้ จัดการใหญ่ บริษัท บิสซิเนส แอพพลิเคชั่น จำกัด หรือ BAC ในเครือ MFEC GROUP

นายศิริศักดิ์ ถิรวัฒนางกูร กรรมการผู้ จัดการใหญ่ บริษัท จำกัด หรือ BAC ในเครือ MFEC GROUP

นายศิริศักดิ์ ถิรวัฒนางกูร กรรมการผู้ จัดการใหญ่ บริษัท บิสซิเนส แอพพลิเคชั่น จำกัด หรือ BAC ในเครือ MFEC GROUP ผู้ประกอบธุรกิจให้ บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Analytics) อย่างครบวงจร โดยเฉพาะเทคโนโลยี IBM Cognos Business Intelligence Software ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายซอฟต์แวร์และให้บริการ Cognos อย่างเป็นทางการมามากกว่า 10 ปี กล่าวถึงทิศทางการขยายธุรกิจของ BAC ว่า จากนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจออกสู่ตลาดหัวเมืองเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจหลังจากที่ความเจริญได้ขยายตัวออกสู่ตลาดส่วนภูมิภาคอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ จึงทำให้ความต้องการใช้ซอฟต์แวร์ที่สร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“กลุ่มเป้าหมายใหม่ในประเทศไทยของเราหลังจากนี้ คือ ตลาดส่วนภูมิภาค เพราะในส่วนกลางบริษัทใหญ่ๆ จะใช้ซอฟต์แวร์ BI และ ERP ไปหมดแล้ว ประกอบกับปัจจุบันความเจริญและการกระจายรายได้ออกสู่ภูมิภาคค่อนข้างทั่วถึง และรวดเร็ว โดยเฉพาะ หัวเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี ซึ่งเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว และกาญจนบุรีที่จะขยายไปทางทวาย ของพม่า ซึ่งการขยายฐานธุรกิจออกสู่ตลาดภูมิภาคเหล่านี้ นอกจากจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตลาดในประเทศแล้ว ยังถือเป็นการปูฐานธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเพื่อนบ้านภายหลังการเปิด AEC หรือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้วย” นายศิริศักดิ์กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ปัจจุบัน BAC เป็นผู้นำในธุรกิจให้ บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Analytics)ในประเทศไทย ประกอบด้ วยทีมงานกว่า 100 คน ที่มีประสบการณ์ความรู้ ความเชี่ยวชาญอย่างสูงในด้านซอฟต์แวร์ และบริการด้าน BI โดยมีลูกค้ากว่า 200 ราย ทั้งภาครัฐและเอกชนในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ บริการด้านการเงิน และประกันภัย กลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับประเทศ อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย จำกัด (มหาชน) รวมทั้งหน่วยงานขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ กระทรวงการคลัง และ ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น และลูกค้ากว่า 100 ราย เป็นลูกค้าที่ใช้บริการ BAC มายาวนานกว่า 10 ปี นอกจากนี้จะมุ่งขยายกลุ่มลูกค้าไปยังตลาดการศึกษาเพิ่มขึ้น ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง และการแข่งขันยังไม่รุนแรงอีกด้วย

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจของ BAC นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เพียงมุ่งรักษาตำแหน่งผู้นำในธุรกิจให้ บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Analytics) ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายร่วมกับ MFEC GROUP ที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้ขึ้นสู่ผู้นำด้าน IT Services Provider ในระดับภูมิภาค (Regional) ด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นภาพการออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยในส่วนของ BAC การขยายตลาดออกสู่ระดับภูมิภาคจะทำทั้งในนามของ MFEC GROUP และ พันธมิตรของ IBM โดยมั่นใจว่าจะเห็นภาพการออกสู่ตลาดต่างประเทศทันการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2015 อย่างแน่นอน

View :1612

เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค)ผนึกเครือข่ายพันธมิตร จัด Software Park Annual Conference 2013

August 7th, 2013 No comments

ภายใต้แนว คิด Gateway to Global Market : ประตูสู่ตลาดโลก” พบกับผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหาร วิทยากรด้านไอทีและวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เปิดมุมมองหลากหลายมิติ ทั้งเรื่องธุรกิจ เทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากร ร่วมเรียนรู้เรื่องราวความสำเร็จจากผู้มีประสบการณ์จริงในการดำเนินธุรกิจไอ ที ภายใต้แนวคิด “ธุรกิจล้ำ ทำได้ ขายดี ตีตลาดโลก” เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันบุคลากรไอทีและผู้ประกอบการซอฟแวร์ไทย ในเชิงเทคนิคในการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอม รับในระดับสากล รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้อำนวยการ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือซอฟต์แวร์พาร์ค เปิดเผยว่า งาน ในปีนี้จะอยู่ภายใต้แนวคิดหลัก “Gateway to Global Market” หรือ “ประตูสู่ตลาดโลก” โดยซอฟต์แวร์พาร์คจะยึดหลักการเปิดมุมมองธุรกิจใน หลากหลายมิติ โดยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ บุคลากรด้านไอทีและผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ทั้งในเชิงเทคนิคในการพัฒนา ซอฟต์แวร์ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ “ซอฟต์แวร์ พาร์คประเทศไทย เห็นว่าตลาดของซอฟต์แวร์เป็นตลาดสากล ไม่ได้มีขีดจำกัดเฉพาะอาเซียน หรือเอเชีย ดังนั้นการพัฒนาผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ของไทยจำเป็นต้องใส่ชุดประสบการณ์ ระดับโลก พร้อมกับการจัดการต่างๆ เพื่อรองรับการเข้าสู่ตลาดโลกโดยทันที ซึ่งในงาน ในวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการนำชุดประสบการณ์สำเร็จรูป พร้อมการนำพาร์ตเนอร์ในระดับโลก ซึ่งเป็นโครงข่ายที่ซอฟต์แวร์พาร์คได้สร้างขึ้นในรอบหลายปีมาสนับสนุนเพื่อ ให้ผู้ประกอบการได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่”

การ จัดงานในครั้งนี้จะเป็นการจัดกระบวนทัพของธุรกิจซอฟต์แวร์ ไทยให้พร้อมออกสู่ตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระดับภูมิภาคหรือระดับโลก โดยให้ความรู้และมุมมองหลากหลายมิติ ทั้งในเรื่อง ธุรกิจ,เทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้เริ่มต้นและก้าวเข้าสู่สากลอย่างมีแบบแผน ในส่วนของธุรกิจนั้น ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายสองด้านคือ กลุ่มผู้ประกอบการซอฟต์แวร์โดยตรง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะนำซอฟต์แวร์มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทั้งสองกลุ่มจำเป็นที่จะต้องได้รับประสบการณ์คู่ขนาน กัน เพื่อทำให้ตลาดเติบโตไปอย่างมีเสถียรภาพ ดังนั้นชุดประสบการณ์ทางด้านธุรกิจนั้นทางซอฟต์แวร์พาร์คจะคัดเลือกความรู้ ทั้งสองมุมมองเพื่อทำให้ผู้ประกอบการเห็นภาพการทำธุรกิจ ที่ต้องขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างชัดเจน และสามารถนำไปใช้ได้อย่างจริงจัง รวมถึงการแสดงเจตนารมย์ที่จะก้าวไปสู่ตลาดโลกในระดับต่างๆ ความพร้อมและเป้าหมายของการขยายตลาด ซอฟต์แวร์พาร์คจะมีการจัดกลุ่ม หรือ Grouping ในงาน และจะ Customize หรือปรับแต่งใน แต่ละกลุ่มให้ เหมาะสมกับความต้องการต่อไป เนื่องจากบริษัทซอฟต์แวร์ที่ต้องการจะรุกตลาดต่างประเทศ จะมีทั้งต้องการเพียงแค่ไปออกบูธจำหน่ายสินค้าเพียงครั้ง คราว, บางรายต้องการหาคู่ค้าในประเทศต่างๆ เพื่อขยายฐาน, บางรายเพียงต้องการแหล่งทุน และอื่นๆ ซึ่งจะทำให้หน่วยงานสนับสนุนเห็นภาพการรุกตลาดต่างประเทศของผู้ประกอบการได้ ชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึงการมอบรางวัล Software Park Thailand’s Hall of Inspiration 2013 ให้กับผู้ประกอบการไอทีรุ่นใหม่เพื่อเป็นฑูต สร้างแรงบันดาลในให้คนรุ่นใหม่ หวังผลให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการแบ่งปันในอุตสาหกรรม

ใน ด้านเทคโนโลยีนั้น ซอฟต์แวร์พาร์คประเทศไทย ได้นำเสนอเทคโนโลยีจากพันธมิตรในระดับโลก เพื่อฉายภาพ ทิศทางที่สำคัญ รวมถึงตัวช่วยในด้านต่างๆ จากเจ้าของเทคโนโลยี ทั้งในส่วนของโปรแกรมใน ระดับสากลและโปรแกรมที่ปรับแต่งเฉพาะ ประเทศไทยเพียงแห่งเดียว ซึ่งในงานจะมีตัวช่วยจากพาร์ตเนอร์ที่สนับสนุนมากกว่า 10 โครงการ โดยผู้ประกอบการสามารถ เลือกโครงการที่ เหมาะสมกับการรุก ตลาดของ ตนเองได้

สำหรับการพัฒนาบุคลากรนั้น ซอฟต์แวร์พาร์คยังคงยึดแนวทางการพัฒนาบุคลากร ระดับกลาง โดยเน้น Soft Skill หรือการบริหารงานเชิงความสัมพันธ์ที่ มากกว่าการเน้นเรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว เนื่องจากกลุ่มระดับกลางนั้นจะต้องเป็นตัวเชื่อมโยงทรัพยากรกับกลุ่มประเทศ ในอาเซียนเพิ่มมากขึ้น โดยนอกจากโอกาสของ AEC แล้ว ซอฟต์แวร์พาร์คยังเห็นว่าแนวโน้มการสร้างบุคลากรไอทีของไทยในระดับ อุดมศึกษาเริ่มมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนแล้ว โดยคนรุ่นใหม่จะสนใจเรียนสายคอมพิวเตอร์หลักน้อยลง และสนใจที่จะเรียนคอมพิวเตอร์ประยุกต์มากขึ้น ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับแผนงานของซอฟต์แวร์พาร์คในขณะนี้
นอก จากนั้น ซอฟต์แวร์พาร์คยังมุ่งมั่นที่จะสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับภาค ธุรกิจไทย ทั้งในเรื่องการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการซอฟต์แวร์และการส่ง เสริมการนำ IT ให้เข้าไปมีบทบาทในการเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยในงานนี้จะเป็นการเปิดตัว กิจกรรมของทางซอฟต์แวร์พาร์คที่ชื่อ Software Hunter เนื่องจากที่ผ่านมาซอฟต์แวร์พาร์ค ได้รับการติดต่อจากผู้ทีต้องการซอฟต์แวร์ไปใช้ในงานของตน เองหลากหลายโครงการ ทั้งในและต่างประเทศ โดยต่อไปนี้ซอฟต์แวร์พาร์คจะมีบุคลากรที่ดูแลด้านนี้ชัดเจน เมื่อมีความต้องการเข้ามา Software Hunter จะคัดเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมจำนวน หนึ่งเพื่อนำไปสู่การคัดเลือก โดยทั้งหมดได้รับการยอมรับจากซอฟต์แวร์พาร์คแล้วว่าเหมาะสม และมีประบการณ์ในด้านนั้นๆ ซึ่งเท่ากับสำหรับผู้ประกอบการหรือองค์กรและภาคธุรกิจอื่นๆ ที่มองหาซอฟต์แวร์ไทยที่ดีและมีประสิทธิภาพ

นาย สุทัศน์ วงศ์วิเศษกุล, ผู้จัดการ ทั่วไป บริษัท ซีเอ โซลูชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์บริหารจัดการองค์กร ซีเอ ได้เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าเพื่อก้าวสู่ตลาดโลกและเติบโต อย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการดังต่อไปนี้
1. Accelerate IT : โซลูชั่น ที่จะช่วยงานไอทีของท่านพัฒนาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2. Transform IT : โซลูชั่น ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น จากการไร้ขีดจำกัดด้านทรัพยากร
3. Secure IT : โซลูชั่น ที่ช่วยสร้างความมั่นใจด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลสำคัญของ
ธุรกิจซึ่งกลยุทธ์ทั้งสามที่กล่าวมานี้ จะถูกถ่ายทอดเป็นรูปธรรมในภาพของเทคโนโลยีที่สอดคล้อง Trend ใน ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี DevOps (Development and Operations), Mobility, Cloud and SaaS, Big Data ทั้งนี้ ซีเอ มีความพร้อมและยินดีร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของธุรกิจของลูกค้าในตลาด โลก สามารถสอบถามข้อมูลโซลูชั่นเพิ่มเติมได้ที่ บูธ ซีเอ ภายในงาน
นายจิรวิทย์ แม้ ประสาท, ผู้จัดการฝ่าย ซอฟแวร์ อีโค่ ซิสเต็ม บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีส่วนสำคัญในการ สนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทย โดยการเข้าถึงเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ล่าสุด สำหรับงาน Software Park Annual Conference ในปีนี้ บริษัท อินเทลเตรียมจัดแสดงแนวคิดการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการ ทำงานสำหรับอุปกรณ์หลากหลายประเภท (cross platform application development) เช่น สมาร์ทโฟน, แท็ปเล็ต, อัลตร้าบุ๊ก™ จากการใช้ชุดเครื่องมือการพัฒนาของอินเทลสำหรับเทคโนโลยี HTML5, ระบบปฎิบัติการ 8 และ Android นอกจากนั้นภายในบูธ จัดแสดงของอินเทล ได้จัดทำ software showcase สำหรับแนวทางใหม่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในอนาคต เช่นซอฟต์แวร์รองรับการสั่งการด้วยท่าทางภายใต้เทคโนโลยี Perceptual Computing
นายประดิษฐ์ ภิญโญ ภาสกุล, หัวหน้าสายงานพาณิชย์ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์คอมพิวติ้ง มาตรฐานระดับโลกแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระหว่าง ประเทศ ถึง 3 มาตรฐานคือ ISO 20000, ISO 27001 และ BS25999 พร้อมที่จะให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอ ทีแก่องค์กรทุกขนาดในประเทศไทยให้มีความพร้อมในการเปิดตลาด AEC โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นศูนย์ กลางของเนื้อหา และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทรูไอดีซีมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรระดับสากลในการสร้าง ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ ซึ่งต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานสัมมนาครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยผลักดันผู้ประกอบการไอทีของไทยประเทศไทยให้เตรียม ความพร้อมในก้าวเข้าสู่ตลาดสากล

นางสาวศิรินุช ศรารัชต์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความสัมพันธ์พันธมิตรและผู้จัดการสำนักนวัตกรรม บริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว่า ทางไอบีเอ็มมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างอุตสาหกรรมไอทีให้มีการเติบโตขึ้นไปได้ อย่างต่อเนื่อง และมีความ มุ่งมั่นทุ่มเทในการนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบุคคล กรมาสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่สังคม ดังนั้นเราจึง จัดตั้ง โปรแกรมด้านการศึกษาขึ้น หรือที่ เรียกว่า Academic Initiative Program เพื่อพัฒนาการศึกษาและเพิ่มพูนทักษะของเยาวชน ไทย โดยนำเสนอ solution และ เทคโนโลยีต่างๆ ของ ไอบีเอ็ม สู่มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ และ ยังได้ริเริ่มที่จะให้การรับรองและเสริมสร้างทักษะความ เชี่ยวชาญให้กับนักศึกษาโดยร่วมมือกับสถานศึกษาชั้นนำ เพื่อจัดตั้ง ศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางด้านเทคโนโลยี ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง (Center of Excellent) เพื่อสร้างบุคลากรด้านไอทีที่มีคุณภาพสูง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไอ บีเอ็มได้ร่วมมือกับองค์กรภาคอุตสาหกรรมและได้ประสานงาน ร่วมกับมหาวิทยาลัยกว่า 20 แห่ง ในประเทศไทยเพื่อจัดการฝึกอบรมทางด้านไอทีให้แก่นักศึกษา ภายใต้โครงการ IBM Academic Initiative ส่งเสริมหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์การบริการ (Service Science, Management and Engineering – SSME) เพื่อสร้างบุคลากรในอุตสาหกรรมไอที ที่มีทักษะทั้งทางด้านเทคนิคที่แข็งแกร่งและ ยังมีความรู้ความเข้าใจทางด้านธุรกิจอุตสาหกรรมควบคู่กัน ไป รวมทั้ง ทางไอบีเอ็มยังมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างทรัพยากรทางด้าน IT เพื่อให้ทัดเทียมกับมาตรฐานนานาชาติด้วยการจัด ให้มีการสอบ Certification สำหรับ มืออาชีพอีกด้วย

นอกจากนี้ ยัง ได้มีการจัดตั้งกลุ่ม ISV และ Business Partner สำหรับ อุตสาหกรรมต่างๆ ขึ้นเพื่อพัฒนาและนำเทคโนโลยีของไอบีเอ็มไปใช้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อขยาดตลาดไปสู่นานาชาติ และ ได้จัดให้มีโครงการ IBM Partner World เพื่อช่วยสนับสนุนกลุ่ม ISV เหล่านี้ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นอีกด้วย

View :1397

รัฐบาลฮ่องกงปฏิรูปการบริการสาธารณะ โดยเลือกใช้โซลูชั่น SAS® Visual Analytics ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน

May 21st, 2013 No comments

Hong Kong-big-data-spiral
กรุงเทพฯ ( 20 พฤษภาคม 2556) – หน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพแห่งฮ่องกง (Hong Kong Efficiency Unit) ได้แนะนำเทคโนโลยีและแนวทางด้านธุรกิจใหม่ เพื่อช่วยหน่วยงานภาครัฐของฮ่องกงสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น โดยขณะนี้หน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพฯได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานด้วยการเลือกใช้ SAS® Visual Analytics เพื่อให้ได้มุมมองของข้อมูลเชิงลึกและตรงตามเป้าหมายของหน่วยงานสำหรับการพัฒนาหน่วยงานท้องถิ่นทั่วภูมิภาคให้สามารถจัดเตรียมบริการแก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
โครงการนี้ช่วยให้หน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพฯสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของประชาชนในรูปแบบกราฟิก การพัฒนาของข้อมูลในเชิงลึก และการค้นพบโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมเพื่อช่วยในการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรของตนได้

“การปรับใช้ซอฟต์แวร์จากแซสถือเป็นแนวทางใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงการนำข้อมูลจากการวิเคราะห์มาปฏิรูปบริการสาธารณะของภาครัฐ ซึ่งช่วยสร้างความพึงพอใจในการให้บริการแก่ประชาชน และนี่คือสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพฯ” นายไว่-ฝุ่ง ยุก ผู้ช่วยผู้อำนวยการหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพแห่งฮ่องกง กล่าว และเพิ่มเติมว่า “ซอฟต์แวร์แซสช่วยให้เราสามารถตรวจสอบข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับการร้องเรียนจากประชาชนและสร้างมุมมองเชิงลึกอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งสิ่งสำคัญอยู่ที่ระยะเวลาในการทำความเข้าใจข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะมีปริมาณมากน้อยเพียงใดก็ตาม”
นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับอาวุโสของหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพฯ ยังสามารถดูแผนภูมิและกราฟที่สร้างขึ้นจากข้อมูลทั้งหมด ผ่านทางคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป หรืออุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟนได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “SAS Visual Analytics ถือเป็นโซลูชั่นที่มีนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของฟังก์ชั่นด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง โดยได้รับการยอมรับสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลจากหลายองค์กร และยังใช้ระยะเวลาไม่นานในการวิเคราะห์ข้อมูล ถือเป็นส่วนสนับสนุนองค์กรต่างๆในการพัฒนาตนเอง อีกทั้งช่วยในการปรับกระบวนการและวิธีการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กร และประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับองค์กร สำหรับในประเทศไทยมีหลายองค์กรที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาองค์กรและการแข่งขันด้านธุรกิจ จึงนำโซลูชั่น SAS Visual Analytics เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อช่วยปรับและวางแผนกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรด้วยเช่นกัน”

เกี่ยวกับ SAS® VISUAL ANALYTICS

SAS Visual Analytics เป็นโซลูชั่นแบบ In-Memory ที่สามารถสำรวจข้อมูลปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้สามารถกำหนดรูปแบบ ระบุโอกาสสำหรับการวิเคราะห์เพิ่มเติม และนำเสนอผลลัพธ์ในรูปแบบกราฟิกผ่านการรายงานทางเว็บไซต์หรือ iPad และแท็บเล็ต Android

ทั้งนี้ SAS Visual Analytics สามารถอ่านข้อมูลในหน่วยความจำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นนำไปสู่การประมวลผลและการแสดงผลข้อมูลที่รวดเร็ว โดยผู้ใช้สามารถสำรวจข้อมูลทั้งหมด ดำเนินการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลนับพันล้านแถวได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือวินาที และนำเสนอผลลัพธ์ในรูปแบบกราฟิก ตลอดจนสามารถระบุรูปแบบ แนวโน้ม และความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นภายในข้อมูลได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีการนำเสนอในรูปแบบกราฟิกตามมา

สำหรับวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณสามารถรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของ SAS Visual Analytics คือการทดลองใช้งานเองโดยตรง โดยแซสได้สร้างระบบออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวที่ SAS Visual Analytics demo เว็บไซต์ http://www.sas.com/apps/sim/redirect.jsp?detail=SIM105309_4175

View :1586
Categories: Software Tags:

Baidu PC Faster Hits 3 Million Users after LaunchingUpgradedVersion

April 10th, 2013 No comments

Bangkok, April 3, 2013— Baidu PC Faster today announced that it had reached 3 million active users after launching a major upgrade with version 3.0.

Baidu, China’s leading search engine, introduced its first Beta version of Baidu PC Faster in Thailand in June 2012. The software addresses many of the biggest problems commonly encountered by Thailand’s Internet users, protecting them from hacking attacks, viruses, Trojans and other malware. It also helps users recover available space on hard drives, improves boot time, and protects user privacy.

The new Baidu PC Faster 3.0 adds
· Cloud Scan: Intelligent, cloud-based protection with up-to-the-minute definitions to meet every new threat;

· ToolBox: 15 functional tools that provide easy solutions common and Internet problems. These include Internet Repair, a diagnostic and repair tool that optimizes Web surfing; File Shredder, which can remove stubborn, hard-to-delete files like those generated by many malicious programs or gets rid of confidential documents securely and permanently; and File Recovery, which can help to recover accidentally deleted files from hard drives, SD cards, and USB memory sticks;

· App Store: Over one thousand quality software programs for free , one-click download.

All of these new features come with a user-friendly,Thai language interface.
Kaiser Kuo, director of international communications for Baidu, said, “We deeply appreciate the very positive response that Thai users have had to our software. Baidu will continue to offer a simple, safe, powerful and free solution to protect Thai Internet users and enhance their online experience.”
Baidu PC Faster is always available free to all users and can be downloaded at http://security.baidu.co.th

เกี่ยวกับไป่ตู้
Baidu.com, Inc. เป็นผู้นำด้านการให้บริการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์ภาษาจีน ฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านสื่อนั้น ไป่ตู้มีเป้าหมายที่จะนำเสนอแนวทางที่ดีที่สุดแก่ผู้ที่สืบค้นข้อมูลออนไลน์ และยังให้บริการแพล็ตฟอร์มเปี่ยมประสิทธิภาพ
สำหรับธุรกิจต่างๆ เพื่อการเข้าถึงลูกค้าในอนาคตอีกด้วย ปัจจุบันนี้หุ้น ADS ของไป่ตู้ได้เข้าสู่ตลาด NASDAQ Global
Select Market ภายใต้สัญลักษณ์ “NASDAQ: BIDU” หุ้นสามัญ คลาส A ของไป่ตู้แต่ละหุ้นแทนโดยหุ้น ADS จำนวน 10 หุ้น

View :1946
Categories: Internet, Software Tags:

Norton Safe Web alerts internet users to dangerous websites

April 10th, 2013 No comments


Bangkok, Thailand – April 9, 2013 – A free online Norton program is being offered by Symantec that allows internet users to check the safety of a website before the site is visited. Norton Safe Web is available for free download from https://safeweb.norton.com

The program is designed to detect online threats like viruses, phishing and spyware and detect sites such as those that attempt to steal credit card numbers or passwords, or crash computers.

Often, by the time the site has been visited, it is too late to prevent the damage, but Norton Safe Web detects the dangers before this stage.

Norton’s servers analyse websites to see how they will affect you and your computer, and then using the Norton Toolbar that is installed on your PC, the program lets you know how safe a particular site might be before you view it.

Two symbols appear on your screen to indicate the level of safety, and mousing over these will provide further details.

· The Norton Secured symbol: means that the site is safe for shopping and financial transactions because there are no e-commerce safety threats.
· The Norton OK symbol: means it is safe to proceed but that it is not recommended you put information such as credit card numbers or personal details on the site.

View :1680
Categories: Software, Technology Tags:

Over 7.2 Million PCs in Thailand at Risk as the countdown to End-of-Support for 11-year old Windows® XP Begins

April 10th, 2013 No comments

Industry experts warn businesses and consumers to move away from XP before April 2014 deadline

Bangkok –10 April 2013 – reminded customers today that it will officially retire service and support for XP on 8 April 2014. With this deadline only one year away, it is essential for SMBs and consumers in Thailand to migrate from XP, an eleven year old operating system, to avoid vulnerabilities and risks that have the potential to cause business disruption and extra costs.

From 8 April 2014, Microsoft will no longer provide automatic fixes, updates, or online technical assistance for Windows XP. This also means that users will no longer receive security updates that help protect PCs from harmful viruses, spyware, and other malicious software that can steal personal information.

Crossing a busy road with your eyes closed
Rachod Isarankura Na Ayuthaya, Windows Client Business Group Lead, Microsoft (Thailand) Limited, said: “While XP was one of the most popular operating systems in Microsoft’s history, it was not designed to handle the challenges of today, such as the increased exposure to cyber-attacks and demands for more data privacy, unlike our newer operating systems such as Windows 7 and 8. Continuing to use PCs with XP is similar to crossing a busy road with you’re your eyes closed. By far, the security risk is the most concerning for customers as there are more sophisticated forms of attack which can impact safety of personal information and the hidden costs associated with support and business continuity.”

In March 2013, according to StatCounter, Windows XP still makes up 36.40% of PCs in Thailand with a steady rate of decline since Windows 7 was launched in October 2009. That equates to over 7.2 million PCs. This is high, compared to an Asia average of 34 percent. StatCounter data also shows that about 50% of PCs in Thailand are already on Windows 7 and in the last two months, there’s been an uptake of Windows 8 as well.

Industry analysts are in agreement that now is the time to upgrade from the decade old software. Bryan Ma, Associate Vice President of Client Devices Research at IDC Asia/Pacific, said: “Windows XP has been a major platform that both consumers and business alike have depended on for many, many years now. And yet with the termination of extended support for XP looming ahead, it is important that preparations be made to migrate to newer versions of the OS in order to make sure that users can continue to rely on their systems.”

Customers migrating away from XP to increase security
According to the findings of Microsoft’s Security Intelligence Report, Volume 13, released in June 2012, Windows XP with SP3 is three times more vulnerable than Windows 7 SP1. Malware has become a severe threat in the last decade, having increased from 1,000 in 1991 to millions in 2012. Computer threats include viruses, worms, trojans, exploits, backdoors, password stealers, spyware, and other variations of potentially unwanted software.

In addition to the severe security issues, continued use of XP poses additional threats including compliance issues such as encryption, hashing, and signing, while more than 60% of independent software vendors and modern browsers no longer support XP.

Suebsak Komjezsda, MIS Manager, NEC Corporation (Thailand) Ltd., customer of Microsoft (Thailand) Limited, said: “While XP has served us for many years, we cannot fully utilize the current PC to its full potential anymore because many device drivers on Windows XP are missing. Moreover, Windows XP security is way too outdated to be able to protect us from current virus and malware. If we choose to migrate after the damage from virus and malware, it would cost a fortune. This is why we decided to migrate from Windows XP to Windows 7.”

To support SMBs in this effort, Microsoft today announced the Windows Upgrade Centre website, where SMBs can get more information about this issue, learn from analysts and other customers in the region. Microsoft also advises SMB customers to look out for special offers from their resellers in the next few months.

View :1521
Categories: Software Tags: ,

สแปมเมอร์ล่อหลอกเหยื่อด้วยโปรแกรม “X-Ray” มองทะลุเสื้อผ้า

March 26th, 2013 No comments


เคยได้ยินเกี่ยวกับโปรแกรมที่ช่วยให้คุณมองทะลุเสื้อผ้าบ้างหรือเปล่า?

ทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยของไซแมนเทคตรวจพบโปรแกรมอันตรายที่มีชื่อว่า Android.Uracto ซึ่งส่งข้อความสแปมทาง SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่เก็บไว้ในรายชื่อติดต่อของอุปกรณ์ โดยผู้รับจะถูกล่อหลอกได้อย่างง่ายดาย เพราะข้อความเชิญชวนให้ดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวถูกส่งมาจากคนรู้จัก ไม่ได้ส่งมาจากคนแปลกหน้า

ไซต์ (ตามที่แสดงในรูปภาพด้านล่าง) ปลายทางของลิงค์เชื่อมโยงจะแนะนำโปรแกรม “Infrared X-Ray” ให้แก่ผู้ใช้ พร้อมระบุว่าโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ใช้มองทะลุเสื้อผ้า เมื่อดูผ่านกล้องถ่ายรูปในอุปกรณ์ และแน่นอนว่าผู้ใช้จะสามารถถ่ายภาพนั้นได้ด้วย และไม่แปลกใจเลยที่ในความเป็นจริงแล้ว โปรแกรมดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรม รายละเอียดต่างๆ ที่เก็บไว้ในรายชื่อติดต่อของอุปกรณ์จะถูกอัพโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนด

ไซแมนเทคได้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่ามีโปรแกรมในลักษณะเดียวกันนี้ราว 10 โปรแกรม ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยสแปมเมอร์กลุ่มเดียวกัน ส่วนเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์โดเมนดังกล่าวดูเหมือนว่าจะตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าโปรแกรมจะมีลักษณะแตกต่างกัน แต่ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลักๆ คือ:
1. ขโมยข้อมูลที่เก็บไว้ในรายชื่อติดต่อของอุปกรณ์
2. ขโมยรายละเอียดติดต่อ แต่ส่งข้อความ SMS ที่ประกอบด้วยลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมอันตรายให้แก่ทุกคนในรายชื่อติดต่อ
3. ขโมยรายละเอียดติดต่อและพยายามล่อลวงเหยื่อให้จ่ายเงินสำหรับบริการปลอม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูบล็อกโพสต์ของทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยของไซแมนเทคดังต่อไปนี้:
· มัลแวร์บน Android เจาะระบบของเหยื่อ ส่งสแปมล่อลวงตามรายชื่อผู้ติดต่อ
· AAndroid.Uracto แพร่ระบาด ล่อลวงผู้ปกครอง แฟนการ์ตูน นักเล่นเกม ฯลฯ

รับทราบข่าวคราวล่าสุดเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ติดตามได้ที่ @SymantecASEAN

ไซแมนเทคแนะนำว่าผู้ใช้ไม่ควรคลิกลิงค์ในข้อความต่างๆ เช่น อีเมล์ และข้อความ SMS ที่ส่งมาจากคนแปลกหน้า รวมถึงข้อความที่น่าสงสัยจากคนรู้จัก นอกจากนี้ ควรดาวน์โหลดเฉพาะโปรแกรมจากบริษัทที่ไว้ใจได้ ผู้ใช้ที่ติดตั้งโปรแกรมรักษาความปลอดภัยของไซแมนเทค เช่น Norton Mobile Security หรือ Symantec Mobile Security จะได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามนี้ ซึ่งมีชื่อว่า Android.Uracto

View :2771
Categories: Application, Software Tags:

ดีแทค ปั้นโครงการ dtac Accelerate พลิกเส้นทางลัดสุดยอดนักพัฒนาแอพ สู่ซิลิคอน แวลลีย์ ศูนย์กลางนวัตกรรมไฮเทคของโลก

February 28th, 2013 No comments

ดีแทคเปิดตัวโครงการ ประเดิมกิจกรรมแรกด้วยการจัดประกวดผลงานโมบายแอพพลิเคชั่น ในธีม Wizard of App เฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อคว้าเส้นทางลัดสู่โอกาสในการเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ทำงานกับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก นำเสนอผลงานกับกลุ่มนักลงทุนที่ “ซิลิคอน แวลลีย์” ศูนย์กลางธุรกิจไฮเทคซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก พร้อมรางวัลอื่นๆ มูลค่ารวม 50 ล้านบาท

ปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () กล่าวว่า “ดีแทคเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม การเลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีที่สุด ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจสู่โมบายคอนเทนท์และแอพพลิเคชั่น เพื่อสร้าง application ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านการส่งเสริมการตลาดกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในประเทศไทย เพื่อนำแอพพลิเคชั่นดีๆ สู่ผู้ใช้บริการ โดยตอนนี้ ทางดีแทคได้ผู้บริหารหน้าใหม่ คือคุณกระทิง เรืองโรจน์ พูลผล มาร่วมงานเพื่อดูแลฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ application ecosystem”

กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย เราจึงริเริ่มโครงการ dtac Accelerate เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้คนไทยลุกขึ้นมาสร้างนวัตกรรม แอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ และเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยร่วมปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เพิ่มพื้นที่เรียนรู้และแสดงศักยภาพให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จากการที่เคยผ่านประสบการณ์ทำงานที่ ซิลิคอน แวลลีย์ มาก่อน ผมเชื่อว่าที่นั่นคือศูนย์กลางนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรด้านเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักทั่วโลกมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ที่ที่ใครๆ สามารถประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ และวันนี้ ดีแทคได้นำโอกาสนั้นมาสู่คนไทยที่มีความสามารถ มีความกล้าที่จะคิด ทำในสิ่งที่แตกต่าง และเป็นไปได้ โครงการนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นเส้นทางลัดนำทีมนักพัฒนาไทยไปสู่ซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อมุ่งมั่นสร้างฝันให้เป็นจริงบนเวทีการแข่งขันระดับโลก”

ซิลิคอน แวลลีย์ คือศูนย์กลางนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไฮเทคระดับโลก ได้รับการขนานนามว่าเป็นเสมือนดินแดนมหัศจรรย์ ที่ซึ่งความคิด ความฝัน เทคโนโลยี และธุรกิจมาสอดประสานกันและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับโลกได้เสมอ ตั้งอยู่ที่เมืองซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นแหล่งกำเนิดของบริษัทชั้นนำที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก อาทิ กูเกิ้ล ยูทูป แอปเปิ้ล เอชพี ซิสโก้ อินสตาแกรม ฯลฯ

ประสบการณ์ของเรืองโรจน์ที่ซิลิคอน แวลลีย์ มีทั้งการทำงานและการร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัท โดยทำงานที่บริษัทกูเกิ้ล และเป็นหนึ่งในทีมผู้พัฒนากูเกิ้ลเอิร์ธ โปรแกรมแสดงแผนที่ เส้นทาง และภาพภูมิทัศน์จากทั่วโลก และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Technology Startup สามารถระดมเงินทุน 1.1 ล้านดอลลาร์จาก Angel Investor และเริ่มต้นตั้งบริษัทของตัวเองที่นั่น โดยเรืองโรจน์จะนำเอาประสบการณ์ทำงานที่นั่นกว่า 7 ปี มากลั่นกรองและถ่ายทอดสู่ทีมนักพัฒนาที่เข้าร่วมโครงการ dtac Accelerate ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี

กิจกรรมแรกของโครงการ dtac Accelerate คือการจัดประกวดผลงานโมบายแอพพลิเคชั่น ภายใต้ธีม Wizard of App เพื่อหาทีมสุดยอดนักพัฒนาแอพไปสัมผัสบรรยากาศการทำงานแบบองค์กรพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลกที่ “ซิลิคอน แวลลีย์” ศูนย์กลางธุรกิจไฮเทคของโลก และผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันแคมเปญนี้คือ กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ซึ่งจะนำเอาประสบการณ์ในการทำงานที่ซิลิคอน แวลลีย์มาบอกเล่าเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมโครงการ พร้อมทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประสานงานกับบริษัทต่างๆ ที่นั่นเพื่อนำทีมนักพัฒนาไทยไปเรียนรู้การทำงานแบบนักพัฒนานวัตกรรมระดับโลก โดยโครงการ dtac accelerate ได้พันธมิตรระดับโลกมาสนับสนุนโครงการ อาทิ Blackbox Connect ซึ่งเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก

ทีมนักพัฒนาแอพที่ชนะเลิศในโครงการ dtac Accelerate จะได้เดินทางไปซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อเข้าร่วมโครงการ Blackbox Accelerate เป็น 1 ใน 12 ทีมจากทั่วโลก และมีโอกาสได้นำเสนอผลงานกับกลุ่มนักลงทุน ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีองค์กรพัฒนาเทคโนโลยีจำนวนมากมายและภาวะการแข่งขันอันรุนแรง และนอกจากนี้ทีมรองชนะเลิศจะได้รับโอกาสร่วม Accelerator program ในระดับภูมิภาค ซึ่งโครงการ dtac Accelerate นี้มีของรางวัลมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 50 ล้านบาท

การจัดประกวดการพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่น ในโครงการ dtac Accelerate เปิดรับสมัครผู้แข่งขันเป็นทีมจำนวนไม่เกิน 5 คน ผู้สมัครจะต้องส่งข้อเสนอโครงการพัฒนาแอพ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2556 จากนั้นคณะกรรมการประกวดจะคัดเลือกให้เหลือ 30 โครงการและประกาศผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกในเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดโค้ชชิ่งเวิร์คช็อปโดยทีมนักพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลกให้กับทีมที่ได้รับการคัดเลือกระหว่างเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2556 จากนั้นจะคัดเลือกผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่เข้ารอบสุดท้าย 10 โครงการเพื่อทำการพัฒนาจริง และตัดสินหาทีมผู้ชนะเลิศในเดือนกันยายน 2556

การประกวดโมบายแอพเพื่อคว้าโอกาสในการเรียนรู้ประสบการณ์ทำงานที่ซิลิคอน แวลลีย์ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางลัดสู่ความสำเร็จ ดีแทคยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ภายใต้โครงการ dtac Accelerate ตามมาอย่างต่อเนื่อง

View :1912