Archive

Archive for the ‘Application’ Category

Fuji Xerox introduces a new service “Digital Mailroom” to increase the speed of services.

March 15th, 2014 No comments

Digital Mailroom pics 30

Fuji Xerox (Thailand ) Co., Ltd. by Fuji Xerox Global Services business unit introduces a new service “” that plan to launch in this year. This service is an automation technology to improve working performance and reduce document management cost of all document types in an organization such as invoices, sales orders, contracts, faxes or letters, which consume times, manpower and high cost to manage.

Digital Mailroom is a service that collects and sorts all incoming documents. The document will be converted into digital image and store in digital mailroom system and deliver to end users within the organization. This service helps improve the organization’s communication increase the speed of services, enhance business partner’s relationship, and reduce document errors as well.

Digital Mailroom service is suitable for customers who involve with a lot of documents such as insurance, banking, including large enterprises having high daily document flow. Fuji Xerox aim to launch this service in this year and expect the income about 30 million baht per year .

View :1293
Categories: Application Tags:

เอไอเอส สานต่อเวที “AIS The StartUp” ปี 3 เฟ้นหา Incubated Content Partner

March 10th, 2014 No comments

_AEW9808_1
18 กุมภาพันธ์ 2557 : เอไอเอส เดินหน้ายกระดับมาตรฐาน Startup ให้ก้าวไปอีกขั้น เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้คนรุ่นใหม่ เปิดฉาก “ 2014” เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เพิ่มดีกรีการสนับสนุนเข้มข้นยิ่งขึ้น ฉีกทุกรูปแบบการแข่งขัน มุ่งเฟ้นหา iCP () มาร่วมเป็นดิจิตอลพาร์ทเนอร์กับเอไอเอส โดยเปิดโอกาสให้นักคิด นักสร้างสรรค์ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีผลิตภัณฑ์ในมือพร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจ ร่วมส่งผลงานเข้าแข่งขันใน 3 หมวด ได้แก่ Online/ Digital Content, Corporate Solution และ Social Business เพื่อพัฒนาและนำผลงานออกสู่ตลาดจริง ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอไอเอสและพันธมิตรทั้งไทยและเทศที่มีช่องทางเข้าถึงฐานลูกค้ากว่า 500 ล้านรายในภูมิภาค รวมมูลค่ารางวัลกว่า 39 ล้านบาท

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส เปิดเผยว่า “เอไอเอสเป็นผู้ริเริ่มโครงการสนับสนุนกลุ่ม Startup ในประเทศไทย ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพและพลังของคนรุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิตอล และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแห่งโลกไอที โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าโครงการ AIS The StartUp ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก สร้างผู้ประกอบการดิจิตอลหน้าใหม่ ที่มีแอพพลิเคชั่นและบริการออกมาให้บริการกับผู้ใช้มือถือเป็นจำนวนมาก อาทิ ทีม ShopSpot, Noonswoon, the Trip Packer, Buzzebees, FOURLEAF ฯลฯ อีกทั้ง ยังสร้างแรงผลักดันให้องค์กรต่างๆ หันมาร่วมกันส่งเสริมกลุ่ม Startup ในวงกว้างยิ่งขึ้นด้วย

ปัจจุบันเทรนด์ของ Startup ยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก สำหรับประเทศไทยเอง พัฒนาการของ Startup ได้ผ่านช่วงเวลาของการเริ่มต้นมาแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นของการเติบโต ในปีนี้เอง โครงการ “AIS The StartUp 2014” ในธีม Growing with Partnership จึงตั้งใจปรับรูปแบบการสนับสนุนไปอีกขั้น โดยมีเป้าหมายไปที่กลุ่มนักคิด นักพัฒนา หรือผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีผลิตภัณฑ์หรือผลงาน พร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจไปสู่ตลาดได้จริง ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอไอเอสและพันธมิตร รวมมูลค่ารางวัลกว่า 39 ล้านบาท โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การได้ร่วมเป็น iCP หรือ Incubated Content Partner หรือคอนเทนต์พาร์ทเนอร์ที่ได้รับการบ่มเพาะจากเอไอเอสอย่างเต็มที่ ภายใต้ Business Model ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อกลุ่ม Startup พร้อมทั้งการสนับสนุนจากกลุ่ม Regional Seed Network (RSN) ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรในเครือ SingTel ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดัน Startup ในเครือให้ก้าวไปสู่ระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง”

นายไพโรจน์ ไววานิชกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส กล่าวเสริมว่า “เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคดิจิตอลคอนเทนต์ ที่ขยายรูปแบบหลากหลายกว่าเดิม ไม่จำกัดอยู่เพียงเฉพาะบน Mobile Application แต่มองกว้างไปถึง Solution ที่สามารถตอบสนองการใช้งานและแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้ ดังนั้น AIS The StartUp 2014 จึงเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่ม Startup ที่มีไอเดียหลากหลายได้มากกว่าเดิม โดยแตกไลน์ประเภทของการแข่งขัน เป็น 3 หมวด ประกอบด้วย
1. หมวด Online และ Digital Content ที่มีตลาดเป็นผู้ใช้บริการเป็นวงกว้าง (Mass Customer) และต้องมีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น Mobile App, Digital Content ที่ใช้งานผ่านอุปกรณ์ดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์สื่อสารต่างๆ
2. หมวด Corporate Solution ที่ช่วยในการสนับสนุน หรือจัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีลูกค้าเป้าหมายเป็นองค์กร ห้างร้าน (Enterprise)
3. หมวด Social Business มีผลิตภัณฑ์หรือบริการ และเป้าหมายหลักเป็นไปเพื่อสร้างสรรค์สังคม และมีโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นนำกำไรไปใช้ในการแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาสังคมในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง”
_AEW9786_1
ผู้สนใจสามารถส่งผลงานเป็นวิดีโอพรีเซนเตชั่น ความยาวไม่เกิน 3 นาที นำเสนอแนวคิดทางธุรกิจ, แผนการดำเนินธุรกิจ, วิธีการใช้งาน, การสร้างรายได้, กลุ่มเป้าหมาย รวมถึงประโยชน์ที่ลูกค้าเอไอเอสจะได้รับ โดยเข้ามากรอกใบสมัครที่ www.ais.co.th/thestartup2014 พร้อมแนบ URL ของ VDO มาด้วย ตั้งแต่วันนี้ – 23 มีนาคม 2557 โดยผู้สมัครจะเป็นบุคคลหรือบริษัท ชาวไทยหรือต่างชาติก็ได้ และสามารถส่งผลงานได้มากกว่า 1 ผลงาน โดยประกาศผลงานที่ได้เข้ารอบ Final Presentation ในวันที่ 29 มีนาคม 2557 เพื่อให้ผู้ที่เข้ารอบนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการ ในวันที่ 8-10 เมษายน 2557 และประกาศผลรางวัลชนะเลิศพร้อมรับมอบรางวัลในวันที่ 21 เมษายน 2557

โดยสิ่งที่ Startup จะได้รับ นอกเหนือจากเงินรางวัล และเครื่องมือสนับสนุนการสร้างธุรกิจให้เป็นจริงแล้ว ยังได้รับโอกาสในการสร้างธุรกิจร่วมกับเอไอเอส รวมมูลค่ากว่า 39 ล้านบาท ทั้งนี้ รางวัลและสิทธิพิเศษที่ผู้ชนะเลิศในแต่ละหมวดจะได้รับ คือ เงินทุนพัฒนา จำนวน 200,000 บาท, ร่วมเป็น iCP พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดจริงกับเอไอเอส โดยได้รับการลดหย่อนกฏเกณฑ์ต่างๆ อาทิ ค่าแรกเข้า, รายได้ประกันขั้นต่ำ เป็นต้น, สื่อทางการตลาด มูลค่า 1,000,000 บาท และการสนับสนุนจากพันธมิตรอีกมากมาย ได้แก่ สิทธิพิเศษจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติในการพิจารณาให้ทุนสนับสนุนโครงการนวัตกรรมเป็นกรณีพิเศษ, ที่ปรึกษาด้านการลงทุน จาก Golden Gate Ventures และ Expara, Microsoft Bizspark พร้อมทั้ง Windows Azure เครดิตมูลค่า USD 60,000 ฟรีในปีแรก และ ลดราคาพิเศษ 50% ในปีที่ 2, Amazon Web Service (AWS) เครดิตมูลค่า USD3,000, พื้นที่ออฟฟิศทำงาน ฟรี 3 เดือน จาก HUBBA, ส่วนลดราคาพิเศษพื้นที่ออฟฟิศทำงาน จาก Launchpad และพิเศษสำหรับผู้ชนะในหมวด Social Business จะได้รับการสิทธิพิจารณาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก Change Fusion นอกจากนี้ ยังมีรางวัลพิเศษจากธนาคารกสิกรไทยจะคัดเลือกผลงานให้ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ “SME มีตังค์เยอะ” จำนวน 1 รางวัล
นอกจากนี้ ทุกๆทีมที่ผ่านเข้ารอบนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการจะได้รับการอบรมด้าน Business Development จาก AIS, ฟรี ค่าธรรมเนียมแรกเข้าสำหรับการเปิดบริการ K-SME Debit Card, ได้รับการยกเว้นค่าบริการและธรรมเนียมในการทำธุรกรรม K-SME บัญชีหลัก, และ การอบรมด้าน Investment Presentation จาก Expara อีกด้วย
“ในครั้งนี้ เอไอเอสได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดี จากหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ Invent, ธนาคารกสิกรไทย, MCFIVA, Golden Gate Ventures, Expara, SIPA, SOFTWARE PARK, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, สกส, Change Fusion ตลอดจนพาร์ทเนอร์ด้าน สื่อออนไลน์และดิจิตอลในวงการ Startup มาร่วมกันสร้างคอมมูนิตี้กลุ่ม Startup ของประเทศไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น

เอไอเอสเชื่อมั่นว่า “AIS The StartUp 2014 Growing with Partnership” จะเป็นการสานต่อแนวทางStartup ที่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้เกิดการเติบโตในอุตสาหกรรม Mobile และ ดิจิตอลคอนเทนต์ ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุค 3G ที่นิยมใช้งาน DATA มากขึ้นทวีคูณ อีกทั้งเป็นการเดินหน้าไปอีกขั้นในการต้อนรับการเป็นพันธมิตรโดยตรงกับตัวผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น หรือผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเอไอเอสยืนยันว่า เราพร้อมจะสนับสนุน ส่งเสริม ทั้งเทคโนโลยี กลยุทธ์-เทคนิคทางการตลาด ช่องทางการเข้าถึงลูกค้าเอไอเอสที่มีกว่า 41 ล้านรายในปัจจุบัน และผลักดันสู่กลุ่มลูกค้าในระดับภูมิภาคผ่านทาง SingTel Group ที่มีฐานลูกค้ารวมกว่า 500 ล้านรายต่อไป” นายปรัธนากล่าวสรุป

View :1497

ดีแทคและเทเลนอร์กรุ๊ปจับมือเปิดตัว dtac Accelerate ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ลงทุนตั้งบริษัทสร้างสตาร์ทอัพหน้าใหม่

March 10th, 2014 No comments

ดีแทคและเทเลนอร์กรุ๊ปจับมือเปิดตัว ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ลงทุนตั้งบริษัทสร้างสตาร์ทอัพหน้าใหม่ การันตีความสำเร็จทำธุรกิจได้จริง
dtac Accelerate2_5867
7 มีนาคม 2557 ดีแทคและเทเลนอร์กรุ๊ปเปิดตัวโครงการ dtac Accelerate พร้อมทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท และทรัพยากรเต็มที่ จัดตั้งบริษัท dtac Accelerate ลงทุนให้กลุ่มสตาร์ทอัพ ที่มีความรู้ ความสามารถ ทำธุรกิจได้อย่างจริงจัง สนับสนุนและผลักดันให้เติบโตและเป็นผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีอย่างแท้จริงทั้งในตลาดเมืองไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งหวังที่จะช่วยสตาร์ทอัพคนไทยผงาดบนเวทีโลก ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และการส่งเสริมธุรกิจมือถือเข้าสู่โมบายอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่น ที่ช่วยสร้าง mobile internet ecosystem ให้เติบโตอย่างสมบูรณ์แบบในไทย

“สืบเนื่องมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริการทางด้านดิจิตอล และการพัฒนาคอนเท้นท์สำหรับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชนไทยซึ่งมีการตอบรับเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างรวดเร็ว และมีความกระตือรือล้นที่จะแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆกับเพื่อนและครอบครัว ทำให้ประเทศไทยกำลังกลายเป็นสังคมที่มีนักพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีหรือสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคนี้ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นตัวขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งบ่มเพาะโครงการนักพัฒนาที่สมบูรณ์แบบ อย่างเช่น dtac Accelerate ซึ่งเราเชื่อว่า โครงการนี้จะเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านออนไลน์ครั้งสำคัญในประเทศไทย

เทเลนอร์เล็งเห็นความสำคัญและอนาคตของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จึงพร้อมให้การสนับสนุน และเปิดกว้างที่จะนำแพลตฟอร์มระดับโลก และการทำธุรกิจดิจิตอลมาช่วยสร้างความสำเร็จให้กับสตาร์ทอัพให้แจ้งเกิดทั้งจากตลาดภายในและต่างประเทศ” นายซิคเว่ เบรคเก้ เจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด เทเลนอร์ เอเชีย กล่าว

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า “ “ดีแทคมองเห็นแนวโน้มของการเริ่มต้น Startup Ecosystem ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างสดใส และศักยภาพของประเทศไทยที่จะก้าวไปเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมทางด้านดิจิตอล dtac Accelerate ปีนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการแข่งขันของสตาร์ทอัพ แต่เป็นการสร้างสรรค์ นวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับระบบ mobile Internet ecosystem ซึ่งมีผู้นิยมใช้ข้อมูลและคอนเท้นท์ของไทย และยังมีแอพพลิเคชั่นที่มีแนวคิดใหม่ๆ ที่มาช่วยสร้างสีสันไลฟ์สไตล์และยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับคนไทยมากมาย ดีแทคจึงได้ประกาศเปิดบริษัทใหม่ dtac Accelerate ด้วยเงินลงทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ภายใต้กลุ่มธุรกิจ Corporate Strategy and Business Innovation ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจทางด้าน digital Services ในการสร้างความแตกต่างให้กับดีแทคในตลาด รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างมั่นคง”

นายแอนดรูว์ ควอลเสท ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Corporate Strategy and Business Innovation ดีแทค กล่าวว่า “dtac Accelerate ปีนี้เปิดกว้างให้กับผู้ที่สนใจ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ผู้ร่วมโครงการไว้ 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก Incubation ที่มีไอเดียแล้วแต่ยังไม่มีผลงาน และยังไม่มีโมเดลธุรกิจ แต่มีเวลาเข้ามาร่วมอบรมตลอดโครงการ และกลุ่มที่สอง กลุ่ม Acceleration มีผลงานและเริ่มมีโมเดลทางธุรกิจที่ชัดเจน แต่ต้องการปรับปรุง พัฒนาและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เติบโต มากขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยปีนี้ได้เปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้ามาได้หลากหลายประเภท เช่น โมบายล์แอพพลิเคชั่น ออนไลน์เซอร์วิส ที่เกี่ยวกับสุขภาพ อีคอมเมิร์ซ โมบายล์คอมเมิร์ซ การชำระเงินทางออนไลน์ และบริการทางการเงิน คอนเท้นท์ที่เกี่ยวกับการศึกษา เพลง เกมส์ ความบันเทิง หนังสือ แอพพลิเคชั่น ออนไลน์ เซอร์วิสสำหรับ SME คลาวด์ แอพพลิเคชั่นสำหรับกลุ่มองค์กร และ Technology Social Venture”

ความโดดเด่นและแตกต่างของ dtac Accelerate ปี 2557 ที่ดีแทคและเทเลนอร์กรุ๊ปให้การสนับสนุนคือ
1. บริษัทฯที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับเงินทุนทีมละ 5 แสนบาททันที และสามารถได้รับเงินสนับสนุนต่อเนื่องรวมมูลค่าถึง 1.5 ล้านบาท หากผ่านเกณฑ์การประเมินผลงานในระดับต่อไป
2. โครงการฯ ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการใหม่ แต่ยังเปิดรับผู้ประกอบการที่มีผลงาน อยู่แล้วให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ทางโครงการฯ จะให้ความสนับสนุนและผลักดันตามความเหมาะสมของแต่ละผลงานของผู้สมัคร
3. จัดหาที่ปรึกษา (Mentor) ระดับโลกจากซิลิคอน วัลเล่ย์และในภูมิภาคเอเชีย ทางด้านการ Pitching การสร้าง User Experience โมเดลทางธุรกิจ การทำตลาด รวมถึงการทำเวิร์คช้อป และได้ฝึกการลงสนามจริง พร้อมทั้งจัดองค์กรที่ปรึกษาชั้นนำ เช่น ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ หรือ พีดับบลิวซี มาให้คำปรึกษาในด้านกฏหมายและการเงินอีกด้วย
4. สนับสนุนการทำตลาดอย่างจริงจังไปสู่กลุ่มลูกค้าดีแทครวมถึงลูกในเครือเทเลนอร์กรุ๊ป กว่า 150 ล้านคนทั่วโลก
5. โครงการได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลก ทั้งในเอเชีย และอเมริกา เช่น โกลเด้นท์ เกท เวนเจอร์ (Golden Gate Venture) ธุรกิจเงินร่วมลงทุนชั้นนำในสิงคโปร์ ไซเบอร์ เอเจ้นท์ เวนเจอร์ (Cyber Agent Venture) ธุรกิจเงินร่วมลงทุนที่มีมูลค่า 6.4 พันล้านบาทในญี่ปุ่น แบล็คบ็อกซ์ เวนเจอร์ (Blackbox Venture) ธุรกิจร่วมทุนจาก ซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา
6. ได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ Blackbox Connect ที่ซิลิคอน แวลลี่ย์ สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และเดินทางไป Pitch กับธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ VC ในสิงคโปร์และญี่ปุ่น ซึ่งทีมจะได้รับประสบการณ์อันล้ำค่า ได้เรียนรู้ถึงหลักการต่างๆในการเป็น สตาร์ทอัพ

โครงการจะเปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม – 16 เมษายน 2557 ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานนำเสนอแนวคิด แผนการดำเนินงาน วิธีการใช้งาน การสร้างรายได้ กลุ่มเป้าหมาย ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ หรือเข้ามาดูรายละเอียดและกรอกใบสมัครได้ที่ www.dtac.co.th/accelerate โดยจะมีการคัดเลือกผลงาน 15 ทีมแรก ในวันที่ 17 – 20 เมษายน 2557 หลังจากนั้นจัดนำเสนอผลงานในรอบแรก (Pitch day) 5 ทีมสุดท้ายในวันที่ 22 เมษายน เริ่มปัจฉิมนิเทศ (Orientation) วันที่ 28 เมษายน เริ่มคอร์สอบรม intensive boot camp ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม และนำเสนอผลงานรอบสุดท้ายประกาศผลในวัน Demo day ในเดือนสิงหาคมนี้

View :1439

วอลโว่จับมือแอปเปิ้ลติดตั้ง Apple CarPlay ในรถยนต์

March 4th, 2014 No comments

-แอปเปิ้ลผนึกกำลังพันธมิตรระดับโลก
Volvo & Apple Pic
วอลโว่ คาร์ กรุ๊ป จับมือ เปิดมิติใหม่ในวงการรถยนต์ นำระบบปฏิบัติการของแอปเปิ้ลซึ่งได้รับความนิยมสูงและเป็นที่ชื่นชอบทั่วโลกมาไว้ในรถยนต์หรูของวอลโว่ ผนึกกำลังสุดยอดเทคโนโลยีชั้นนำด้านยนตรกรรมและการสื่อสารเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ

ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ประทับใจมากยิ่งขึ้นในระหว่างการเดินทาง ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ ไว้ในรถยนต์วอลโว่ ซึ่งบริการใหม่นี้จะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถใช้งานหรือบริการต่างๆ ที่อยู่บน iPhone iPad และ iPod ได้จากหน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ในคอนโซลหน้าของรถยนต์วอลโว่

วอลโว่ได้ติดตั้งและเชื่อมระบบปฏิบัติการของแอปเปิ้ลเข้ากับระบบสื่อสารในรถที่วอลโว่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่อยู่ในอุปกรณ์สื่อสารของแอปเปิ้ล ได้ด้วยการสั่งงานด้วยเสียงหรือด้วยปุ่มบนพวงมาลัยรถ ทำให้สื่อสารได้อย่างปลอดภัยและใช้งานง่ายอีกด้วย

จากการทำงานร่วมกันระหว่างระบบปฏิบัติการของแอปเปิ้ลกับซอฟต์แวร์และจอแสดงผลที่วอลโว่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ เป็นที่มาของรูปลักษณ์ในการออกแบบภายในของวอลโว่ โดยเน้นความเรียบง่าย และใช้งานได้จริง ซึ่งเป็น 2 คุณสมบัติหลักที่ผสานจุดแข็งของวอลโว่และแอปเปิ้ลเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

มร. ฮาคัน ซามูเอลสัน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วอลโว่ คาร์ เปิดเผยว่า “รูปแบบการแสดงผลหน้าจอของแอปเปิ้ลนั้นเรียบง่าย สอดคล้องกับแนวคิดการออกแบบในสไตล์สแกนดิเนเวียนที่เน้นความลื่นไหลและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี”

รถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay คือ XC90 ใหม่ รถยนต์ SUV หรูจาก วอลโว่ ซึ่ง XC90 ใหม่เป็น SUV ที่ทันสมัยมากและจะมาแทน XC90 รุ่นที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ในตลาด SUV และเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดของวอลโว่

ระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay ทำให้การแสดงผลหน้าจอในรถยนต์วอลโว่เป็นรูปแบบเดียวกับในไอโฟนที่ผู้ใช้งานคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานโทรศัพท์ ข้อความ เพลง หรือระบบนำทาง นอกจากนี้ วอลโว่ยังมีแอพพลิเคชั่นที่ให้ความบันเทิงจากซัพพลายเออร์ อาทิ เสียงเพลงแบบสตรีมมิ่งจาก Spotify ที่โด่งดังอีกด้วย

หน้าจอแสดงผลใหม่ของวอลโว่สามารถผสมผสานการแสดงข้อมูล และปุ่มควบคุมการทำงานของรถยนต์วอลโว่และการใช้งานของ Apple พร้อมๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสลับไปมาระหว่างการทำงานของรถยนต์หรือไอโฟน

ระบบ Apple CarPlay ถูกผสานเข้ากับเทคโนโลยีการแสดงผลหน้าจอแบบใหม่ของวอลโว่ ทำให้ดูกลมกลืนกับระบบสื่อสารภายในรถ และแสดงผลเช่นเดียวกับบนหน้าจอของแอปเปิ้ล

“ผู้ใช้ไอโฟนจะรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านเมื่อขับขี่วอลโว่ เราได้พัฒนาระบบหน้าจอแบบสัมผัสของวอลโว่ใหม่เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์สื่อสารในรถยนต์ ยิ่งเมื่อบวกกับความปลอดภัย และระบบสั่งงานด้วยเสียง อย่าง Siri ยิ่งทำให้แอปเปิ้ลกับวอลโว่เป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างสมบูรณ์แบบ” มร. ฮาคัน ซามูเอลสัน กล่าวสรุป

เชื่อมต่อแบบราบรื่น

Apple CarPlay ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์สื่อสารกับระบบในรถยนต์เป็นไปได้อย่างราบรื่นผ่าน Lightning cable โดยอาศัยการทำวีดิโอสตรีมมิ่งแบบ H.264 ที่จะเชื่อมต่อการสั่งการของผู้ใช้ผ่านหน้าจอแบบสัมผัส และจะมีการพัฒนาระบบ WiFi เพื่อการเชื่อมต่อแบบไร้สายในอนาคต

View :1491

กรมอนามัย ยูนิเซฟ และดีแทค ร่วมผลักดัน SMS *1515 ส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการเด็ก

February 26th, 2014 No comments

dtac DoH UNICEF-2
และดีแทคร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “*1515 SMS ครอบครัวผูกพัน” เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดูแลเด็กให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครอง

การลงนามดังกล่าวจัดขึ้นภายในงานสัมมนาวิชาการอนามัยแม่และเด็ก ในวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2557 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ทั้งสามองค์กรได้เปิดตัวโครงการ SMS *1515 ซึ่งเป็นบริการส่งข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 2 ปี ให้พ่อแม่ผู้ปกครองผ่านข้อความ SMS ทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยข้อมูลเหล่านี้ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยแม่และเด็กได้คัดเลือกให้เหมาะสมกับการพัฒนาในแต่ละช่วงอายุ และครอบคลุมหัวข้อที่หลากหลาย เช่น สุขภาพเด็ก โภชนาการ อาการเจ็บป่วยที่พบบ่อย การป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก และการส่งเสริมพัฒนาเด็กตั้งแต่ 0-2 ปี

นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจุบัน พัฒนาการและการเจริญเติบโตที่ล่าช้าของเด็กปฐมวัยยังเป็นปัญหาที่สำคัญในประเทศไทย โดยกรมอนามัยได้สำรวจพัฒนาการเด็กปฐมวัย (อายุ 0-5 ปี) เมื่อปี 2553 พบว่า เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการสงสัยล่าช้าถึงร้อยละ 30 สูงกว่าค่าเฉลี่ยขององค์การอนามัยโลกซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 15-20 นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กปฐมวัยมีพัฒนาการล่าช้าในด้านภาษาและด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กร้อยละ 19 และร้อยละ 8 ตามลำดับ ซึ่งพัฒนาการทั้งสองด้านถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสติปัญญาของเด็ก

“น่าชื่นชมที่กรมอนามัย และยูนิเซฟ ได้ร่วมดำเนินงานโครงการ SMS ครอบครัวผูกพัน ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของภาครัฐในการพัฒนาสุขภาพแม่และเด็กได้เป็นอย่างดี และสามารถบูรณาการไปกับโครงการฝากท้องทุกที่ ฟรีทุกสิทธิ์ โดยการสื่อสารให้หญิงตั้งครรภ์มาฝากครรภ์เร็ว ได้รับความรู้เพื่อการดูแลสุขภาพของตนเองและบุตร ดังนั้นการมีช่องทางสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมายจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กในประเทศไทย” นายแพทย์พรเทพกล่าว

ปัจจุบันกรมอนามัยได้ออกนโยบายและโครงการต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรี และส่งเสริมการเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม ตัวอย่างเช่น นโยบายฝากท้องทุกที่ ฟรีทุกสิทธิ์ การสร้างพ่อแม่คุณภาพผ่านโรงเรียนพ่อแม่ การใช้กระบวนการกิน กอด เล่น เล่า ให้เด็กได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดและได้กินอาหารตามวัย ซึ่งนโยบายเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ

นายพิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรนานาชาติจะสามารถดึงความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงานมาเพื่อสร้างการบริการที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่ประเทศไทยยังเผชิญอยู่ได้”

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมีความยินดีที่ได้นำเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญทางธุรกิจของดีแทคเข้ามาใช้ในการให้บริการด้านสุขภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านพัฒนาการของเด็ก เพราะโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีและทั่วถึงที่สุด”

ดีแทคและเทเลนอร์ ได้ร่วมกันให้การสนับสนุนยูนิเซฟทั้งด้านการเงิน และโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการอยู่รอด และการพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน โดยในปี 2556 ได้มอบเงินจำนวน 1.3 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนการทำวิจัยเรื่องการจดทะเบียนเกิด นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และยูนิเซฟ ยังได้มีการลงนามเป็นพันธมิตรระดับโลกเพื่อส่งเสริมและสร้างความตระหนักในเรื่องสิทธิเด็ก เป็นจำนวนเงินประมาณ 18.56 ล้านบาท (580,000 ดอลล่าร์สหรัฐ) ตลอดระยะเวลาห้าปีต่อจากนี้

“หลังจากนี้ ดีแทคจะร่วมกับกรมอนามัย และยูนิเซฟ ในการประชาสัมพันธ์ *1515 SMS ครอบครัวผูกพัน เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนมาสมัครรับบริการผ่านการประชุม การอบรม และกิจกรรมอื่นๆ ที่จะจัดขึ้นโดยกรมอนามัย และภาคีอื่นๆ ในอนาคต” นายจอนกล่าวเพิ่มเติม

หญิงตั้งครรรภ์และพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถสมัครใช้บริการนี้ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรับข้อความสำหรับทุกเครือข่ายตลอดโครงการ ผู้ใช้เครือข่ายดีแทคกด *1515 แล้วโทรออก ส่วนผู้ที่ใช้เครือข่ายอื่น โทร. 02-202-8900 (มีค่าใช้จ่ายตามโปรโมชั่นเฉพาะตอนสมัคร)

View :1324

ทูซีทูพี ขยายปีกผนึก มาสเตอร์การ์ด เปิดตัว “easyBills” ครั้งแรกของไทย

February 20th, 2014 No comments

IMG_1094

ให้ลูกค้าจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภค และเติมเงิน ผ่านบัตรเครดิต

กรุงเทพ 20 กุมภาพันธ์ 2557 – บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด ผนึกความร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ด เปิดตัว“easyBills” นวัตกรรมทางการเงินครั้งแรกของไทย ที่ให้ผู้ใช้สามารถจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภค เติมเงิน และบิลอื่นๆ ผ่านบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า ช่วยอำนวยความสะดวกในการจ่ายบิลให้ง่ายขึ้น ผ่านทางเว็บไซต์ www.easyBills.in.th หรือผ่านแอพพลิเกชั่น “easyBills” บนสมาร์ทโฟน แถมยังได้อะไรที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นคะแนนสะสมและการยืดเวลาการจ่ายด้วยการใช้บัตรเครดิต การเก็บบิลที่จ่ายประจำในรายการโปรด และที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เมื่อใช้บัตรมาสเตอร์การ์ด ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2557

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร กรรมการบริหาร บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทฯ เป็นผู้นำในการให้บริการการรับชำระเงินแบบครบวงจร ทั้งในส่วนของ e-Commerce และ m-Commerce ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งจากบัตรเครดิตชั้นนำทุกประเภท และการเรียกเก็บเงินแบบเงินสดผ่านเคาน์เตอร์รับชำระเงินชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงการชำระผ่านตู้เอทีเอ็มและช่องทางต่างๆของธนาคารภายใต้ชื่อบริการ 1-2-3 และในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าที่กังวลกับการจ่ายบิลอยู่เป็นประจำ ให้จ่ายบิลง่ายและสะดวกขึ้น บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวบริการ easyBills ซึ่งเป็นบริการทางการเงินยุคใหม่ที่จะเข้ามาตอบสนองคนยุคดิจิทัล ที่มีไลฟ์สไตล์คุ้นเคยกับโลกออนไลน์ ให้จ่ายบิลได้ง่ายขึ้น ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นบิลค่าน้ำ ค่าไฟ เติมเงินมือถือ ค่าโทรศัพท์ และบิลอื่นๆ ผ่านบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด โดยไม่ต้องสมัครหรือลงทะเบียนล่วงหน้า ผู้ใช้สามารถใช้บริการ easyBills ได้ที่ www.easyBills.in.th หรือผ่านแอพพลิเคชั่น easyBills บนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android และสำหรับช่วงแนะนำบริการใหม่นี้ เรามีความยินดีที่จะยกเว้นค่าบริการสำหรับ 3,000 ท่านแรกที่จ่ายแต่ละบิลในแต่ละเดือนจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557″

นายปิยชาติ กล่าวต่อไปว่า บริการ “easyBills จ่ายบิลง่าย…ได้อะไรมากกว่า” ได้ถูกพัฒนาให้มีฟีเจอร์พิเศษมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตไว้เพื่อง่ายต่อการใช้บริการครั้งต่อไปด้วยความปลอดภัยมาตรฐานสากล PCIDSS Level 1 ที่บริษัทได้รับ การเก็บบิลที่จ่ายประจำไว้ในรายการโปรด การตรวจสอบการจ่ายบิลที่ผ่านมาได้ และการกำหนดเตือนการจ่ายบิลได้ด้วยตนเอง ผู้ใช้งานจะได้รับหลักฐานยืนยันการจ่ายบิลผ่านทางอีเมล์ทันทีที่ทำรายการสำเร็จ

ทางด้าน นายแอนโทนิโอ คอร์โร ผู้จัดการประจำประเทศไทยและพม่า กล่าวว่า “มาสเตอร์การ์ดมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการมองหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ถือบัตรที่มีความสนใจและมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันไป เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทาง ทูซีทูพี (ประเทศไทย) ในการช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่ต้องการชำระค่าสินค้าและบริการที่ใช้อยู่เป็นประจำ ผ่านช่องทางบริการออนไลน์รูปแบบใหม่ที่สะดวกและปลอดภัยผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ด สามารถชำระบิลได้ทุกที่ ทุกเวลา และจ่ายบิลได้หลายรายการเพียงเข้ามาที่ easyBills ที่เดียว แค่คุณมีหมายเลขบัตรมาสเตอร์การ์ดของทุกธนาคาร ก็สามารถชำระบิลต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และมั่นใจได้ในความปลอดภัยด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากล 3D Secure ของมาสเตอร์การ์ด”

easyBills “จ่ายบิลง่าย…ได้อะไรมากกว่า” นับเป็นช่องทางใหม่ของการจ่ายบิลแบบออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้รับความสนับสนุนจากมาสเตอร์การ์ด ผู้ใช้สามารถจ่ายบิลค่าสาธารณูปโภค – ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา โทรศัพท์บ้าน เติมเงินโทรศัพท์มือถือ เติมเงิน e-wallet จ่ายบิลค่าประกัน ค่าสินค้าออนไลน์ ค่าเกมส์ ค่าหนังสือ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ จ่ายได้หลายบิลในที่เดียว และจ่ายที่ไหน เมื่อไรก็ได้ ที่สำคัญปลอดภัยด้วยมาตรฐานระดับสากลของการใช้บัตรเครดิตแบบออนไลน์ 3D Secure

นายปิยชาติ กล่าวต่อไปอีกว่า ในการออกบริการนี้ตั้งเป้าในช่วงปีแรกคาดว่าจะมีสมาชิกประมาณ 1 แสนราย โดยจะมียอดเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 1 หมื่นราย และในวันที่ 1 มีนาคมนี้ เราจะสามารถเปิดบริการได้เต็มรูปแบบ โดยให้บริการกว่า 40 บิล และตั้งเป้าที่จะขยายบิลให้ได้ไม่เกิน 100 ในปีนี้ และไม่เกิน 200 บิล เพื่อความสะดวกของลูกค้า

ซึ่งปัจุบัน เรามีสาขาบริการให้อยู่ 7 ประเทศ โดยมีสิงคโปร เป็นบริษัทแม่ และมีประเทศอินโดนีเซีย, พม่า, กัมพูชา, ลาว, ฮ่องกง และไทย โดยประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่สามารถทำรายได้หลักของบริษัทฯ ประมาณ 80 % ซึ่งมาจากยอดการใช้บัตรเครดิตของคนไทยที่มีอัตราการใช้บริการที่สูงที่สุดกว่า 17 ล้านใบ และในอนาคตคาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซ จะมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้นถ้าเมื่อมีการเปิดตลาด AEC และจะทำให้ 2C2P มีอัตราการเติบโตอย่างมากแน่นอน นายปิยชาติ กล่าวปิดท้าย

เกี่ยวกับ 2C2P

2C2P ผู้นำในการให้บริการการรับชำระเงินแบบครบวงจร ทั้งในส่วนของ e-Commerce และ m-Commerce ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งจากบัตรเครดิตชั้นนำทุกประเภท และ การเรียกเก็บเงินแบบเงินสดผ่านเคาน์เตอร์การรับชำระเงินชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงชำระผ่านตู้เอทีเอ็มและช่องทางต่างๆ ของธนาคาร เป็นบริษัทแรกๆ ในแถบเอเชีย แปซิฟิกที่ได้รับการรับรองด้านมาตรฐานการรับชำระเงินขั้นสูงด้านความปลอดภัย Payment Card Industry Data Security Standard (PCIDSS) จากสถาบัน PCI Security Standards Council รวมถึงเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัททั่วโลกที่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยจากบริษัทบัตรเครดิตชั้นนำ ในการรับชำระเงินแบบออนไลน์ ทั้งบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็น Verified by VISA, MasterCard SecureCode, JCB J/Secure และ AmericanExpress SafeKey และบริษัทยังมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอันยาวนานกว่า 10 ปี www.2C2P.com

เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด

มาสเตอร์การ์ด (NYSE: MA) www.mastercard.com บริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมและการชำระเงินระดับโลก บริหารจัดการระบบชำระเงินที่รวดเร็วที่สุดในโลก เชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างผู้บริโภค สถาบันการเงิน พันธมิตรทางการค้า หน่วยราชการ และภาคธุรกิจในกว่า 210 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของมาสเตอร์การ์ดช่วยให้ธุรกรรมเชิงพาณิชย์ทุกประเภท อาทิ การจับจ่ายซื้อของ การเดินทางท่องเที่ยว การเปิดธุรกิจ และการบริหารการเงินง่ายดายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ข้อมูลเพิ่มเติมของมาสเตอร์การ์ดสามารถดูได้ที่ทวิตเตอร์ @MasterCardNews ร่วมพูดคุยกันใน Cashless Pioneers Blog หรือลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารต่างๆ จากเราที่ Engagement Bureau

View :1665

Intel Drives In-Vehicle Innovation for the Internet of Things

February 13th, 2014 No comments

IVI_Shot_10

Technology is evolving so rapidly it has become an integral component of everyday life. Having uninterrupted connectivity is a must—even while driving. In fact, analysts predict that by 2016 in-vehicle connectivity and basic online content will become critical buying factors in consumers’ car-buying decisions in mature markets[1]. This dramatic convergence of technology in the car is quickly making it a key device in the (IoT) with the ability to both receive data and feed it to the cloud, to the traffic infrastructure, to other vehicles and more. As a result, automakers are increasingly turning to leading technology companies such as to explore new ways to inform, entertain and assist drivers to create a safer and more enjoyable driving experience.

Intel is Inside Your Car: Intel and Leading Automakers Enhance In-Vehicle Technologies
Intel is partnering with the automotive industry to apply its technology and expertise to the development of innovative applications, services and safety features, some of which already exist in today’s vehicles. With a mix of automotive, IT and consumer electronics expertise and research and development, Intel is helping automakers speed time-to-market, create new driving experiences, and more quickly adapt to changing consumer demand.
IVI_Shot_6
· Infiniti InTouch* Intel is powering the all-new Infiniti InTouch in-vehicle infotainment (IVI) system featured in the Infiniti Q50*. With Intel technology, the InTouch system has the processing performance to deliver a rich experience to the driver and passengers, such as high-end graphics on the touch-screen displays. The Infiniti InTouch system is the first system to feature the Intel logo on the start-up screen.
· BMW ConnectedDrive* Intel technology is used in BMW’s professional navigation system, part of BMW ConnectedDrive, for all its vehicle models, including the future iSeries models. With Intel technology, BMW ConnectedDrive has the processing performance to deliver a compelling experience to the driver and passengers, including a rich display screen interface and quicker response times when interacting with the applications, such as fast route calculation in complex navigation maps.
· Kia Motors Corporation* Intel is powering the in-vehicle infotainment (IVI) system available in the Kia K9 luxury sedan. The K9 IVI system is the first product deployment to be announced from the ongoing collaboration between Intel and Kia. It features dual independent displays, so drivers and passengers can enjoy desired content anywhere in the car.
· Jaguar Land Rover* Intel and Jaguar Land Rover are collaborating on research and product development for future IVI technologies. Additionally, there is a close, collaborative relationship between Intel Labs and Jaguar Land Rover’s research facility in Portland, Ore., that is facilitating joint research projects on next-generation digital vehicle prototypes with in-vehicle experiences that connect the car to devices and the cloud.
· Toyota Motor Company* Intel and Toyota are working together to define next-generation IVI systems that will enable new usage models for mobile device connectivity in the car. Through this collaboration, the companies will focus research on developing a user interaction methodology including touch, gesture and voice technologies as well as information management for the driver.

IVI_Shot_8
Investing in Future Experiences for Drivers
Intel is making significant investments in automotive engineering capabilities, ecosystem alignment and research to help automakers create new driving experiences that will inform, assist, and entertain drivers safely and efficiently. These investments help drive faster time-to-market and will enable tomorrow’s innovative in-vehicle experiences.

· Intel Labs Automotive Research
Seasoned ethnographers and anthropologists at Intel Labs are working on a variety of projects aimed at making roads safer and gaining knowledge about the safest and most intuitive way for drivers to interact with their vehicles. Advanced sensing, computation and interconnected data will have revolutionary changes on the way people travel with their cars and with each other. Research and technology developed across Intel Labs explores how to enable these new experiences, in which cars will know and adapt to their owners, ease the burden of driving and help people get to their destinations more safely.
· Automotive Innovation and Product Development Center Located in Karlsruhe, Germany, the Center serves as Intel’s global center of competence for the development of products and technologies for IVI and telematics solutions. At the Center, a team of experts in automotive hardware and software engineering is optimizing Intel technologies for applications and services as well as capabilities for consumer electronics integration, performance optimization and system design.
· Intel Capital $100 Million Connected Car Fund The Intel Capital Connected Car Fund aims to accelerate the seamless connection between the vehicle and consumer electronic devices as well as drive new in-vehicle applications, services and differentiated user experiences based on Intel technologies. Through the fund, Intel Capital is investing in hardware, software and services companies that are developing leading-edge ingredient technology and platform capabilities that support Intel’s focus areas in automotive. Investments and activities to date include companies with competencies in Advanced Driver Assistance Systems (ADAS), human-machine interface, telematics and cloud services.
· Open Source Development Intel is actively involved in the GENIVI Alliance, a non-profit industry alliance committed to driving the broad adoption of an IVI open source development platform. Intel is also an active contributor to Tizen IVI, an open platform designed specifically for the automotive market, alongside various automakers and automotive suppliers. The effort aims to accelerate open innovation, facilitate differentiation, and enable common frameworks to lower the cost of software integration and speed time to market of new services.

View :1398

Ragnarok Mobile สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ติดอันดับ Top 10 ดาวน์โหลดบน Application มือถือ

February 13th, 2014 No comments


บริษัท เอเซียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“เอเซียซอฟท์”) เผยถึงความสำเร็จของเกม Ragnarok Mobile หลังเปิดให้บริการเกมในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบบนมือถือผ่านระบบ App Store และ Google Play เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา
Ragnarok Mobile เกมรูปแบบ MMORPG บนมือถือ ได้รับการพัฒนามาจากเกม Ragnarok Online เพื่อสร้างประสบการณ์และรูปแบบการเล่นที่แตกต่างจากเดิมจาก PC สู่มือถือ ซึ่งมีลักษณะตัวเกมที่มีความสดใสน่ารัก พร้อมระบบการเล่นแบบ RPG เต็มรูปแบบทั้งระบบดันเจี้ยน ระบบล่าบอส ระบบปาร์ตี้ เควส และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งระบบต่างๆ ที่กล่าวถึงนั้นมีการรองรับบนสมาร์ทโฟนแล้ว ผู้เล่นจึงสามารถสัมผัสบรรยากาศเกมออนไลน์ในตำนานได้บนมือถือของท่าน
Ragnarok Mobile กับเส้นทางความสำเร็จในประเทศไทยเริ่มจาก
- การเปิดตัวเกมให้เหล่าเกมเมอร์ได้รู้จักเป็นครั้งแรกในงาน Playpark Fanfest 2013 By Gigabyte ในเดือนตุลาคม 2556
- เปิดให้บริการเกมและปล่อยดาวน์โหลดเกมผ่านทาง App Store และ Google Play อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2557 โดยยอดดาวน์โหลดพุ่งติดอันดับ Top Chart ของ App Store ในหมวดเกมฟรี
- เปิดให้บริการ Cash Shop ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการจนถึงปัจจุบัน และยังคงได้รับความนิยมจากผู้เล่น ด้วยยอดดาวน์โหลดติดอันดับ Top 5 ทั้งในระบบ iOS และ Android
- หลังจากเปิดให้บริการผู้เล่นให้ความสนใจเกม Ragnarok Mobile เป็นจำนวนมาก ทางเอเซียซอฟท์จึงได้อัพเดทเกม Ragnarok Mobile เป็นเวอร์ชั่น 1.04 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 โดยปรับระบบเกมให้
สามารถรองรับผู้เล่นที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พร้อมปรับระบบการเชื่อมต่อเพื่อให้เข้าเล่นเกมได้อย่างราบรื่นและมีความเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น พัฒนาระบบผสมการ์ดในระบบ iOS ให้ผู้เล่นสามารถใช้งานได้ และ
นอกจากนี้ยังมีการปรับระบบของตัวเกมให้รองรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน และดีไวท์ทุกประเภททั้งมือถือและแทปเล็ท
- หลังจากเปิดให้บริการเกมตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2557 จนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 มียอดการดาวน์โหลดเกม Ragnarok Mobile จำนวน 500,000 ดาวน์โหลด ทั้ง iOS และ Android
นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอเซียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เอเซียซอฟท์มีความภูมิใจที่ได้เลือกเกม Ragnarok Mobile มาเปิดให้บริการในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้เล่นในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้เราให้บริการเกม Ragnarok Online ในเวอร์ชั่น PC มาตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และการนำ Ragnarok Mobile มาให้บริการในประเทศไทยถือเป็นกลยุทธ์ในการบุกตลาด Mobile Game และดึงผู้เล่นเก่าๆ ของRagnarok Online ให้กลับมาเล่นเกมนี้อีกครั้ง”
Ragnarok Mobile สามารถดาวน์โหลดได้ที่ Play Store บน Android และ App Store บน iOS โดยข่าวสารการอัพเดทต่างๆของเกม Ragnarok Mobileสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://romobile.playpark.com/
Ragnarok Mobile เป็นเกมที่พัฒนาโดย Neocyon โดยเอเซียซอฟท์ได้รับสิทธิ์เป็นผู้ให้บริการเกมในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

View :1531
Categories: Application, Game Tags:

เอไอเอส จับมือ NECTEC – สวพ. 91 เปิดตัวแอพ “FM 91 BKK”

January 7th, 2014 No comments

04
โชว์ภาพจราจรสด! พร้อมเปิดให้แจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ เพียงปลายนิ้ว
มอบความอุ่นใจในทุกเส้นทาง และการใช้ชีวิตให้กับประชาชน

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์ดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ปัจจุบัน ความนิยมการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่แนะนำเส้นทางการเดินทาง หรือรายงานสภาพการจราจร กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงง่าย และสะดวก แต่อาจจะยังมีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพสดจากจุดเกิดเหตุที่ควรหลีกเลี่ยง ดังนั้น เอไอเอส จึงร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค และ สวพ.91 พัฒนาแอพพลิเคชั่น “FM 91 BKK” บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต รองรับทั้ง iOS และ Android ที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้คน กทม.และปริมณฑลเดินทางได้อย่างอุ่นใจ เพราะมีทั้งการรายงานเส้นทางพร้อมแสดงจุดอุบัติเหตุ, ภาพการจราจรสดๆ ที่ดึงข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของ สนง.ตำรวจแห่งชาติมากกว่า 100 จุดทั่ว กทม. รวมถึงจากข้อมูลทวิตเตอร์ของ สวพ.91ที่มีการรายงานสดตลอดเวลา ที่ สำคัญคือ สามารถแจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย หรือ อุบัติเหตุผ่านแอพฯ นี้ ได้ทันที โดยจะระบุพิกัดของเหตุการณ์โดยอัตโนมัติ จากนั้น เมื่อ สวพ.91 ตรวจสอบแล้ว ก็จะส่งข้อมูลไปยังตำรวจจราจรในพื้นที่ เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือได้ทันที รวมไปถึงสามารถฟังรายการวิทยุจราจร สวพ.91 ได้สดๆ ผ่าน App นี้ได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย”
ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร รองผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวเสริมว่า ” แอพพลิเคชั่น FM 91 BKK เป็นผลงานการวิจัยพัฒนาที่เนคเทค/สวทช. ร่วมมือกับ สวพ.91 และเอไอเอส ภายใต้แนวคิดการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมการบริการในประเทศไทยหรือSmart Service โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน (Co-creation) เพื่อการเสริมสร้างศักยภาพและความชำนาญเฉพาะด้านการสร้างนวัตกรรม (Innovation) การสร้างสรรค์คุณค่า (Value creation) ให้กับธุรกิจบริการในประเทศไทย ทีมนักวิจัยเชื่อมั่นว่า ผลงานดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือให้กับสังคมไทย ในการได้รับบริการข้อมูลข่าวสารการจราจรเพื่อวางแผนการเดินทางและการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการแจ้งเหตุให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปแก้ไขปัญหา”
คุณไจตนย์ ศรีวังพล ผู้อำนวยการ รายการข่าวจราจร สวพ.FM91 เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “สวพ.FM 91 เป็นสถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัย และการจราจร พันธกิจของเราคือการเป็นสื่อกลางในการประสานเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไปทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด รวมไปถึงคนไทยในต่างแดน เพราะในแต่ละนาที แต่ละวัน แต่ละชั่วโมง เรามีข้อมูลมากมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม เมื่อเรามีแอพพลิเคชั่น “ FM 91 BKK”นี้ การประสานความช่วยเหลือและการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆจึงเป็นไปได้ง่ายและสะดวกขึ้น ต่อไปนี้ไม่เพียงแค่หมายเลขโทรฟรี 1644 เท่านั้นที่จะติดต่อกับสถานีของเรา เมื่อโหลดแอพพลิเคชั่นของเราไปใช้ฟรีก็จะได้รับความสะดวกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการเดินทาง เพียงปลายนิ้วสัมผัส

ขอขอบคุณเอไอเอส และเนคเทค ที่ช่วยส่งเสริมให้การช่วยเหลือ ดูแลประชาชน ของสวพ.FM91เป็นไปอย่างกว้างขวางและแพร่หลายยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะติดตามฟังรายการของเราทางแอพพลิเคชั่นได้แล้ว ยังขอความช่วยเหลือ หรือส่งข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนในสังคมได้”

โดยลูกค้าเอไอเอส และผู้ใช้มือถือทุกท่านที่ใช้สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ทั้ง iOS และ Android สามารถดาวน์โหลด App “FM 91 BKK” ได้ฟรี แล้ววันนี้ เพียง กด*900 เลือก AIS Apps หรือ ไปที่ Google Play Store และ App Store สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ AIS Call Center 1175

View :1422
Categories: Application Tags:

เอไอเอส 3G 2100 จับมือ กรมการขนส่งทางบก ออกบริการใหม่ ให้ลูกค้าชำระค่าภาษีรถประจำปีผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยบริการเอ็มเปย์ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

October 23rd, 2013 No comments

1

โดย นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มอบอีกหนึ่งบริการดีๆ ที่เกิดจากความเข้าใจลูกค้าผู้ใช้รถใช้ถนนให้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดจับมือ โดย นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดี เพิ่มทางเลือกใหม่ในการชำระค่าภาษีรถประจำปีให้แก่ลูกค้าเอไอเอส ผ่านบริการ “ชำระค่าภาษีรถประจำปีผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยบริการเอ็มเปย์” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่นำบริการเอ็มเปย์เข้าไปเป็นโซลูชั่นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการชำระค่าภาษีรถประจำปีให้แก่ ที่นอกจากจะง่าย ประหยัดเวลา และสะดวกสบายที่สุดแล้ว ยังมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย ทำให้ลูกค้ามั่นใจทุกครั้งที่ชำระเงิน พร้อมยังมีบริการพิเศษ SMS แจ้งเตือนการชำระภาษีรถประจำปี ที่ช่วยเตือนให้ลูกค้าชำระภาษีได้ทันเวลาด้วย

โดยมีวิธีการใช้งานง่ายๆ เพียงดาวน์โหลดแอพฯ “ชำระภาษีรถ” มาไว้บนมือถือผ่านทาง App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนผู้ใช้งาน , ลงทะเบียนรถที่ต้องการชำระ และเลือกวิธีชำระเงินผ่านบริการ mPAY (เอ็มเปย์) โดยมีอัตราค่าบริการครั้งละ 60 บาท (ค่าบริการ + ค่าจัดส่งป้ายทะเบียน) และจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 เป็นต้นไป สำหรับมือถือระบบปฏิบัติการ Android และสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS จะเริ่มเปิดให้บริการราวปลายเดือนธันวาคม 2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมการขนส่งทางบก คอลล์ เซ็นเตอร์ 1584 และเอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175

View :1609