Archive

Archive for the ‘Telecom’ Category

ดีแทค ไตรเน็ตลุยพัฒนาระบบสถานีฐานเฟสแรกสู่ 4G 2100MHz

March 28th, 2014 No comments

25 มีนาคม 2557 – ไตรเน็ตเดินหน้าพัฒนาสถานีฐานเฟสแรกพร้อมเริ่มทดสอบสู่การให้บริการ 4G LTE บนคลื่น 2100MHz ในพื้นที่กรุงเทพฯ มั่นใจความพร้อมของเทคโนโลยีใหม่และการพัฒนาระบบที่ทำได้อย่างต่อเนื่องตามแผนงาน เพื่อรองรับการใช้งานดาต้าที่สูงขึ้นและต่อยอดประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนโครงข่ายดีแทค ไตรเน็ต
dtac4G-158N
นายปัญญา เวชบรรยงรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่าขณะนี้ดีแทค ไตรเน็ตได้ดำเนินการพัฒนาระบบสถานีส่งสัญญาณหลักในพื้นที่กรุงเทพมหานครตามแผนงาน หลังจากได้รับมติอนุญาตอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อพัฒนาระบบสู่เทคโนโลยี 4G LTE บนคลื่นความถี่ 2100MHz บนช่องสัญญาณที่ดีแทค ไตรเน็ตมีอยู่ในปัจจุบัน มาให้บริการภายใต้ขอบเขตใบอนุญาตเดิม เรามั่นใจในความพร้อมของเครือข่ายใหม่ที่รองรับพัฒนาสู่เทคโนโลยีล่าสุดได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่เปลี่ยนการ์ด 4G ในตู้สัญญาณ และยังเริ่มทดสอบการใช้งานเทคโนโลยี 4G LTE ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเพื่อเตรียมให้บริการในเร็วๆ นี้

ทางดีแทค ไตรเน็ตได้ออกแบบพื้นที่ที่จะให้บริการ 4G 2100MHz ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน เนื่องจากมีปริมาณการใช้งานดาต้า 3G สูง จึงจะนำ 4G 2100MHz เปิดให้บริการในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานดาต้าที่ดีมากขึ้น โดยทีมงานดีแทค ไตรเน็ตกำลังเร่งดำเนินการพัฒนาระบบสถานีฐานสู่ 4G LTE บนคลื่นความถี่ 2100MHz อย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้

“การพัฒนาสู่ 4G LTE บนคลื่นความถี่ 2100MHz ของดีแทค ไตรเน็ตในครั้งนี้เป็นการต่อยอดประสบการณ์การใช้งานในการสื่อสารที่เหนือระดับกว่า และเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยสู่อนาคต หลังจากดีแทค ไตรเน็ตประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมาด้วยการรวมเอาเครือข่ายบนคลื่น 2100MHz, 850MHz และ 1800MHz เข้าไว้ด้วยกันจึงมีแบนด์วิธที่กว้างที่สุดในการให้บริการ ตลอดจนรองรับอุปกรณ์สื่อสารได้หลากหลายและครอบคลุมที่สุด และระบบอัจฉริยะของ 3 โครงข่ายนี้พร้อมสลับคลื่นความถี่ให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ในทุกพื้นที่โดยอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะใช้บริการบนคลื่นความถี่ไหน พร้อมทั้งเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ ของดีแทคที่มุ่งมั่นจะทำให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น” นายปัญญา กล่าว

View :3248

ดีแทคประกาศพันธกิจ Connecting Everyone by 2015 – Internet for All พร้อมเปิดให้บริการ 4G 2100MHz เร็วๆ นี้

February 13th, 2014 No comments

dtac_9161
13 กุมภาพันธ์ 2557 – เตรียมเปิดให้บริการ 4G บน 2100MHz ต่อยอดประสบการณ์ลูกค้าเร็วๆ นี้ในพื้นที่กรุงเทพ พร้อมเร่งเปลี่ยนโครงข่ายสถานีฐานรองรับ 3G 2100MHz ทั่วประเทศภายในเดือนมิถุนายน มุ่งสานพันธกิจหลัก Connecting Everyone by 2015 –

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่าดีแทคได้มุ่งสู่พันธกิจ Connecting Everyone by 2015 – Internet for all โดยใน ปีพ.ศ. 2558 ดีแทคอยากให้ลูกค้าดีแทคทุกคนสามารถเข้าถึงประสบการณ์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ หรือแท็บเล็ต ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 38% จากลูกค้าทั้งหมดที่มีประสบการณ์โมบายล์อินเทอร์เน็ตแล้ว ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสังคมไทย เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยรวมให้กับประเทศ และเชื่อมต่อช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Divide)

ดีแทคมุ่งเน้นกลยุทธ์หลัก 3 แนวทาง กลยุทธ์แรก คือ Internet for All การทำให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ภายใน 3 ปี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดประสบการณ์ใช้งานดาต้า ดีแทค ไตรเน็ตพร้อมเปิดให้บริการ 4G บนคลื่น 2100 MHz เร็วๆ นี้ ระหว่างนี้ดีแทค ไตรเน็ตและ Apple จะดำเนินการทดสอบการใช้งาน 4G ร่วมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดก่อนเปิดบริการ โดยในช่วงเริ่มต้นจะเปิดให้บริการ 300 สถานีฐานครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพชั้นใน ได้แก่ สีลม สาทร ปทุมวัน บางรัก พญาไท ราชเทวี คลองเตย ดินแดง ฯลฯ ดีแทค ไตรเน็ตมีแผนจะเปิดตัวให้บริการและแนะนำข้อมูลเพื่อกระตุ้นตลาดอีกครั้ง ทันทีที่เปิดให้บริการ 4G อย่างเป็นทางการ ดีแทคคาดว่ามีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของลูกค้าบนเครือข่ายดีแทคมากกว่า 1 ล้านเครื่องทั่วประเทศที่รองรับการใช้งาน 4G

ทั้งนี้ ดีแทค ไตรเน็ตได้เคยทดสอบ 4G เมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยดีแทคมีอุปกรณ์โครงข่ายที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ สามารถทำการอัพเกรดเครือข่ายทั่วประเทศจาก 3G เป็น 4G ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปลี่ยนการ์ด 4G ในตู้สัญญาณ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ดีแทค ไตรเน็ตเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความพร้อมในการเปิดให้บริการ 4G ได้รวดเร็ว นอกจากพร้อมที่จะนำเทคโนโลยี 4G ที่ทันสมัยมาสู่ผู้ใช้งานแล้ว ยังเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะสามารถสร้างโอกาสต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ในการใช้งานอย่างมหาศาลเพื่อผู้ใช้งานทั่วประเทศ

ขณะนี้ ยอดผู้ใช้งานดีแทค ไตรเน็ตมีมากกว่า 14 ล้านราย (ข้อมูล ณ 9 ก.พ. 2557) โดยมีสถานี 2100 MHz ที่ให้บริการแล้วครอบคลุมการใช้งานของประชากรประมาณ 55-60% มีจำนวนสถานีฐานรองรับ 3G 2100 MHz กว่า 5,900 แห่งทั่วประเทศ โดยดีแทค ไตรเน็ต มีแผนจะเปลี่ยนโครงข่ายทุกสถานีให้รองรับ 3G 2100 MHz ทุกสถานีทั่วประเทศเสร็จสิ้นภายในมิถุนายนนี้ เพื่อช่วยในการเข้าถึงบริการ 3G มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการใช้งานของอินเทอร์เน็ต

นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์ที่ 2 คือ Loved by Customers สร้างความรู้สึกรัก และประทับใจในบริการ เพื่อให้ลูกค้าแนะนำและบอกต่อกับเพื่อน ครอบครัว ญาติพี่น้อง ความสำเร็จที่มาจากการที่ลูกค้าชื่นชอบและแนะนำต่อไป ดีแทคจะใช้งบลงทุนจำนวน 800 ล้านบาท ในการปรับโฉมและขยายศูนย์บริการ 300 แห่ง ร้านค้าย่อยเติมเงิน 200,000 แห่ง ทุกตำบลทั่วประเทศ ลูกค้าจะได้สัมผัสกับแนวคิด One-stop service ได้รับความสะดวกในการใช้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการให้คำแนะนำปรึกษา จำหน่าย และบริการหลังการขายที่ต่อเนื่องเป็นระบบเดียวกัน เพิ่มความเร็วในการให้บริการด้วยเครื่องมือดิจิตอล ให้ลูกค้าได้รับข้อมูลการบริการบนอุปกรณ์ต่างๆ ภายในศูนย์บริการอย่างรวดเร็ว

“เพิ่มศักยภาพพนักงานในการให้บริการด้วยโปรแกรม F.A.S.T มาจากการให้บริการแบบดีแทคสไตล์ Friendly: การเอาใจใส่ลูกค้า มีความเป็นมิตร และบริการเป็นกันเอง Active: มีความกระตือรือร้นในการให้บริการตลอดเวลา เห็นลูกค้าเป็นคนสำคัญ Smart: มีความรู้ความสามารถ ในสินค้าและบริการ มีทักษะในการแนะนำและแก้ปัญหาอย่างมืออาชีพ และ Teamwork: ความสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข และพนักงานที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องสมาร์ทโฟน (Smart Phone Expert) ประจำศูนย์บริการ ยิ่งไปกว่านั้นคอลเซ็นเตอร์ยังมีกลุ่มพนักงานที่เชี่ยวชาญรับสายลูกค้าได้ถึง 10 ภาษา” นายชัยยศ กล่าว

นาย จอน กล่าวปิดท้ายว่า “กลยุทธ์ที่ 3 คือ Efficient Operations เป็นการมุ่งเน้นการปรับปรุงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอนาคตและความคาดหวังของผู้ถือหุ้น การแข่งขันในยุคดิจิตอลที่เราต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพและการเปลี่ยนแปลง เพื่อส่งต่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้ลูกค้า ภายใต้ กลยุทธ์ดังกล่าว ดีแทคได้มีโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน (Infrastructure sharing) เพื่อให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือไทย เช่าใช้โครงข่ายเสาโทรคมนาคม อุปกรณ์สื่อสัญญาณ สายไฟเบอร์ออพติกร่วมกันสู่การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ประหยัดงบลงทุน และเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินงานสู่บริการ

นอกจากนี้ ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ดีแทคริเริ่มแนวคิด One Digital ที่มุ่งเปลี่ยนวัฒนธรรมและกระบวนการทำงานในองค์กรให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันในปัจจุบันที่เปลี่ยนจากธุรกิจวอยซ์เป็นดาต้า โดยดีแทคได้มุ่งเน้น 6 ข้อหลักคือ 1. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรดิจิตอล 2. การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานภายในเป็นดิจิตอล 3. การทำงานเน้นสไตล์ยืดหยุ่นพร้อมปรับเปลี่ยน 4. เพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการให้บริการและช่องทางขาย 5. การนำโซเชียลมีเดียมาใช้ประโยชน์ในธุรกิจ สู่ช่องทางขายในอนาคต ที่ผ่านมา ดีแทค ออนไลน์ สโตร์สามารถมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในไทย 6. การวางกลยุทธ์สร้างคอนเทนท์พาร์ทเนอร์ เพื่อผลักดันให้ดีแทคเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ”

View :1472

ดีแทคเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2556 รายได้จากการให้บริการโตต่อเนื่อง ยอดขายสมาร์ทโฟนพุ่ง สวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา

February 13th, 2014 No comments

12 กุมภาพันธ์ 2557 – บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เผยผลประกอบการไตรมาส 4 รายได้รวมเติบโตร้อยละ 2.5 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) เนื่องมาจากผลบวกของรายได้บริการ ไม่รวมไอซี ที่เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5.8 (YoY) และรายได้จากการขายเครื่องโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.6 (YoY) แม้จะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น EBITDA เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงร้อยละ 17.7 (YoY) จากต้นทุนที่ลดลงโดยเฉพาะต้นทุนจากส่วนแบ่งรายได้ อันเป็นผลมาจากการที่ลูกค้าย้ายจากดีแทคมาเป็นลูกค้าดีแทค ไตรเน็ตเป็นจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้มีต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ปรับตัวลดลง ณ สิ้นปี 2556 ไตรเน็ต มีผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 12 ล้านราย มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ จากการโอนย้ายเข้ามาของลูกค้าอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทคาดว่าจะโอนย้ายลูกค้าเกือบทั้งหมดในสิ้นปี 2557 นี้

จุดเด่นในไตรมาสที่ 4 ยังคงเป็นรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC) เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5.8 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเติบโตของบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย รายได้จากการขายเครื่องโทรศัพท์ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 47.6 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY)

ในส่วนผู้ใช้บริการสมาร์ทโฟนต่อผู้ใช้บริการทั้งหมดของดีแทคเพิ่มขึ้นสู่ร้อยละ 32.7 ในไตรมาส 4 ของปี 2556 จากการทำตลาดดีแทค ไตรเน็ต โฟน และ ราคาสมาร์ทโฟนที่ลดลงในตลาด การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการสมาร์ทโฟนส่งผลดีให้ดีแทคในการเติบโตของรายได้บริการอินเทอร์เน็ตและความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่มีความประสงค์โอนย้ายสู่ระบบ 3G 2.1GHz

รายได้จากบริการเสริมยังคงเติบโตต่อเนื่อง ถึงร้อยละ 41.8 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) และร้อยละ 6.0 จากไตรมาสก่อน (QoQ) อยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท แรงขับเคลื่อนหลักของรายได้จากบริการเสริมยังคงเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องร้อยละ 63.9 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) และร้อยละ 7.8 จากไตรมาสก่อน (QoQ) ซึ่งเป็นผลจากความนิยมในสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ที่ยังคงมีสูงต่อเนื่อง และการขยายพื้นที่ให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการได้ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศของดีแทค

EBITDA สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2556 เท่ากับ 8.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตของรายได้และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิผล EBITDA margin เพิ่มขึ้นจาก 27.7% จากไตรมาส 4 ปี 2555 เป็น 32.1% เนื่องจากการปรับลดลงของส่วนแบ่งรายได้

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทประสบความสำเร็จในการโอนย้ายลูกค้า มาใช้ ส่งผลให้รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินลดน้อยลงเมื่อเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินที่มีอยู่ทางบัญชีของดีแทค และตามมาตรฐานการบัญชี บริษัทต้องมีการบันทึกส่วนต่างรายการบัญชี ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรสะสมของดีแทคในไตรมาส 4 ทำให้ บริษัทมีความจำเป็นที่จะเว้นการจ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 อย่างไรก็ดีบริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาดำเนินนโยบายการจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 1 ของปี 2557 ได้ตามปกติ และคาดว่าค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของดีแทคจะปรับตัวลดลงจากการรับรู้ผลต่างของรายได้เทียบกับมูลค่าทรัพย์สินทางบัญชี ส่งผลให้ดีแทคจะมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลได้ในจำนวนที่สูงขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “รายได้การให้บริการที่เติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการใช้งานโมบายล์อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟนที่เติบโตมากขึ้น และความสำเร็จจากการจัดแคมเปญต่อเนื่องเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเครือข่ายอื่นย้ายเข้ามาใช้ดีแทค ไตรเน็ต และแคมเปญยิ่งอยู่นาน ยิ่งรักกัน เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจใช้บริการกับดีแทคตลอดมา

ปัจจุบันดีแทค และ ดีแทค ไตรเน็ต มีสถานีฐานรวมกันแล้วประมาณ 20,000 สถานีฐาน ซึ่งจะครอบคลุมประชากรร้อยละ 80 ได้ภายในสิ้นปี 2557 และจะยังคงขยายพัฒนาสถานีฐานต่อไป สร้างความพึงพอใจในการใช้บริการให้ลูกค้าดีแทคอย่างต่อเนื่อง

View :1395
Categories: Telecom Tags: ,

ผู้ให้บริการมือถือ 11 ราย สมาชิก Bridge Alliance ร่วมกันจัดตั้ง “เครือข่าย M2M” ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

January 27th, 2014 No comments

ผู้ให้บริการมือถือชั้นนำ 11 ราย ใน 11 ประเทศ ร่วมกันจัดตั้ง “” (Machine to Machine) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เพื่อส่งมอบการให้บริการ M2M แบบครบวงจรในกลุ่มประเทศสมาชิก โดย Bridge M2M Alliance จะเป็นศูนย์รวมของบริการและโซลูชั่น M2M ที่หลากหลาย เพื่อร่วมกันส่งมอบประสบการณ์แบบ “One Stop Shop” ให้กับลูกค้าต่างๆ ของประเทศสมาชิก
สมาชิกของ Bridge M2M Alliance ประกอบไปด้วย Airtel – อินเดีย , – ไทย , CSL – ฮ่องกง , Globe Telecom – ฟิลิปปินส์ , Maxis – มาเลเซีย , MobiFone – เวียดนาม , Optus – ออสเตรเลีย , SingTel – สิงคโปร์ , SK Telecom – เกาหลีใต้ , Taiwan Mobile – ไต้หวัน และ Telkomsel – อินโดนีเซีย โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรวมกันมากกว่า 500 ล้านราย ส่งผลให้เครือข่าย M2M มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

โดย Bridge M2M Alliance จะช่วยลดความซับซ้อนในการประสานงานกับผู้ให้บริการจำนวนหลายๆราย ด้วยการนำเสนอการส่งมอบบริการ M2M ที่ข้ามพรมแดนทางภูมิศาสตร์ในระดับภูมิภาค ให้เป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ นอกจากนี้สมาชิกกลุ่มเครือข่ายยังจะช่วยพัฒนาประสบการณ์ในการให้บริการลูกค้าผ่านการทำงานร่วมกัน เพื่อยกระดับการให้บริการและการดูแลลูกค้าด้วย

มร.อเลซซานโดร อาดริอานี CEO ของ กล่าวว่า “ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่มีความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่เท่าเทียมกัน รวมทั้งมีข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่หลากหลาย เป็นผลให้ธุรกิจข้ามชาติต่างๆพบว่าเป็นการยากมากที่จะนำความซับซ้อนของภูมิภาคเหล่านี้นำไปสู่การผลิตที่มีต้นทุนต่ำ ดังนั้นพัฒนาการต่างๆของ ในธุรกิจ M2M จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ความมุ่งมั่นของทั้ง 11 บริษัทผู้ให้บริการมือถือ ที่ต้องการเอาชนะความท้าทายในการทำให้ธุรกิจของกลุ่มลูกค้าประสบความสำเร็จ”

พันธมิตรของ M2M ครอบคลุมธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ รถยนต์ , การรักษาความปลอดภัย , การจัดการพลังงาน เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เกิดการพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ การสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ และการลดต้นทุนในการดำเนินงานของลูกค้า ดังนั้นสมาชิกเครือข่ายจึงมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศน์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ M2M อาทิกลุ่มนักพัฒนา Application , กลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์ และผู้ให้บริการต่างๆ

โดยสมาชิกเครือข่ายจะยังคงเดินหน้าร่วมมือกันเพื่อรักษาประโยชน์ในเชิงธุรกิจให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าประหยัด สามารถสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ การเป็นผู้นำในการให้บริการในแต่ละประเทศจะเป็นการยกระดับ และสนับสนุนบริษัทข้ามชาติต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตในทวีปเอเชีย เช่นเดียวกับบริษัทต่างๆในเอเชียที่ต้องการขยายไปทั่วโลก

ทางด้าน นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “ความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรในระยะยาวครั้งนี้ ส่งผลให้เอไอเอสสามารถยกระดับและเรียนรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการนำเสนอบริการที่ดีกว่า และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ M2M ในระดับภูมิภาค หรือแม้แต่ระดับโลกได้ ซึ่ง M2M ถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่จะทำให้พวกเรากลุ่มสมาชิกมีการเจริญเติบโต อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีความได้เปรียบในตลาดระดับภูมิภาค และทำให้ลูกค้าของเราสามารถก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค และมีบริการที่เป็นเลิศได้”

เกี่ยวกับ Bridge Alliance
Bridge Alliance ประกอบไปด้วยสมาชิกผู้ให้บริการมือถือจำนวนทั้งสิ้น 31 ราย ใน 31 ประเทศ ได้แก่ Airtel – อินเดีย, 17 ประเทศในทวีปแอฟริกา, บังคลาเทศ , AIS – ไทย , CSL – ฮ่องกง , CTM – มาเก๊า , Globe Telecom – ฟิลิปปินส์ , Maxis – มาเลเซีย , MobiFone – เวียดนาม , Optus – ออสเตรเลีย , SingTel – สิงคโปร์ , SK Telecom – เกาหลีใต้ , Taiwan Mobile – ไต้หวัน , Telkomcel – ติมอร์ เลสเต และ Telkomsel – อินโดนีเซีย

โดยมีลูกค้ารวมกันจำนวนทั้งสิ้น 570 ล้านราย และขยายจำนวนประเทศสมาชิกเพื่อทำให้เกิดความแข็งแกร่งของกลุ่มสมาชิก ส่งผลให้เกิดการพัฒนาบริการข้ามแดนอัตโนมัติและโซลูชั่นต่างๆของลูกค้าองค์กร Bridge Alliance ดำเนินงานผ่านบริษัท Bridge Mobile Pte Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของสิงคโปร์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ www.bridgealliance.com

View :1389

ดีแทคเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2556 รายได้จากการให้บริการ เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

October 30th, 2013 No comments

29 ตุลาคม 2556 – บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เผยผลประกอบการยังคงเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นประกอบกับการปรับลดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection หรือ IC) ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC) เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 10.2 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเติบโตของบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายที่เติบโตมากกว่าร้อยละ 80 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน รายได้จากการขายเครื่องโทรศัพท์ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 32.6 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่ปรับลดลงจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิฐและการรอคอยการเปิดตัวไอโฟน 5s ในไตรมาส 4 สำหรับรายได้จากการดำเนินงานรวม 21.4 พันล้านบาท ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องมาจากการปรับลดอัตราค่าเชื่อมโยงโครงข่ายทั้งระบบ 2G และ 3G ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556

จุดเด่นในไตรมาสที่ 3 ยังคงเป็นรายได้จากบริการเสริมที่เติบโตต่อเนื่อง ถึงร้อยละ 54.5 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) และร้อยละ 10.3 จากไตรมาสก่อน (QoQ) อยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท แรงขับเคลื่อนหลักของรายได้จากบริการเสริมยังคงเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องร้อยละ 85.8 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) และร้อยละ 14.1 จากไตรมาสก่อน (QoQ) ซึ่งเป็นผลจากความนิยมในสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ที่ยังคงมีสูงต่อเนื่อง และการขยายพื้นที่ให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการได้ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศของดีแทค

EBITDA สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2556 เท่ากับ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตของรายได้และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิผล EBITDA margin ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 33.4 เนื่องจากการปรับลดอัตราค่าเชื่อมโยงโครงข่าย กำไรสุทธิสำหรับงวดเท่ากับ 2.7 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.7 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและการลงทุนในระบบ 3G 2.1GHz

ในส่วนผู้ใช้บริการสมาร์ทโฟนต่อผู้ใช้บริการทั้งหมดของดีแทคเพิ่มขึ้นสู่ร้อยละ 29.1 ในไตรมาส 3 ของปี 2556 จากการทำตลาดดีแทค ไตรเน็ต โฟน และ ราคาสมาร์ทโฟนที่ลดลงในตลาด การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการสมาร์ทโฟนส่งผลดีให้ดีแทคในการเติบโตของรายได้บริการอินเทอร์เน็ตและความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่มีความประสงค์โอนย้ายสู่ระบบ 3G 2.1GHz

ได้โอนย้ายลูกค้าตามความต้องการ ที่จะมาใช้งานไปแล้วจำนวน 3.7 ล้านราย โดยยังมีลูกค้าที่แจ้งความต้องการย้ายมาใช้บริการดีแทค ไตรเน็ตอีก 8.2 ล้านราย ซีงดีแทคมั่นใจว่า จะทำให้บรรลุเป้าหมายที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้ดีแทค ไตรเน็ตจนถึงสิ้นปีนี้ครบ 10 ล้าน

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “รายได้การให้บริการที่เติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการใช้งานโมบายล์อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและการทำตลาด ที่จัดแคมเปญต่อเนื่องเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเครือข่ายอื่นย้ายเข้ามาใช้ดีแทค ไตรเน็ต

คาดว่าในปลายปีนี้ภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น จากความพร้อมทางด้านเครือข่าย 3G ของทุกค่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้แต่ละค่ายจะต้องออกแคมเปญมาช่วงชิงลูกค้ากันอย่างร้อนแรง สำหรับจุดยืนของดีแทค เรายังคงมุ่งเน้นในการขยายและพัฒนาคุณภาพเครือข่ายดีแทค ไตรเน็ต ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งและเปิดให้บริการได้ครบแล้วใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งด้วย ไตรเน็ต 3 โครงข่ายอัจฉริยะ จะช่วยให้การเชื่อมต่อสัญญาณ เพื่อการใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ ลูกค้าสามารถใช้งานต่อเนื่องบน 3G ได้โดยไม่สะดุดและสามารถทำให้ลูกค้าของเราได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงตลอดการใช้งาน”

ปัจจุบันดีแทค และ ดีแทค ไตรเน็ต มีสถานีฐานรวมกันแล้วประมาณ 20,000 สถานีฐาน ซึ่งจะครอบคลุมประชากรร้อยละ 55 ได้ภายในสิ้นปีและจะยังคงขยายพัฒนาสถานีฐานต่อไป สร้างความพึงพอใจในการใช้บริการให้ลูกค้าดีแทคอย่างต่อเนื่อง

View :1621
Categories: Technology, Telecom Tags:

ดีแทคเผยมาตรการช่วยลูกค้าประสบภัยในพื้นที่น้ำท่วมและการรับมือสถานการณ์ป้องกันสถานีฐาน

October 2nd, 2013 No comments

27 กันยายน 2556 – ดีแทคได้เตรียมมาตรการในการช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมตลอดจนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลืออื่นๆ พร้อมทั้งป้องกันสถานีชุมสายและสถานีฐาน รองรับกรณีฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการของดีแทคในพื้นที่ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่น้ำท่วมในอำเภอต่างๆ ของ 7 จังหวัดที่ประสบอุทกภัยในขณะนี้ ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และนครนายก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นโดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทาง SMS ให้กับลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวโดยตรง เพื่อให้สามารถใช้งานโทรศัพท์ติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้

สำหรับลูกค้าดีแทค หรือแบบรายเดือน
1. ขยายกำหนดวันชำระค่าบริการ ให้เพิ่มอีก 7 วัน สำหรับลูกค้าที่มีค่าใช้จ่ายคงค้างและใกล้วันครบกำหนดชำระค่าบริการ (ระบบดำเนินการให้สิทธิ์อัตโนมัติ)
2. เพิ่มเครดิตวงเงินในการใช้งานให้อีก จำนวน 500 บาท สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินการใช้งานล่าสุดน้อยกว่า 500 บาท (ระบบดำเนินการให้สิทธิ์อัตโนมัติ)

สำหรับลูกค้าแฮปปี้ หรือแบบเติมเงิน
1. สำหรับลูกค้าในรายที่มีวันในการใช้งานคงเหลืออยู่น้อยกว่า 15 วัน จะได้รับเพิ่มจำนวนวันสำหรับการใช้งานต่ออีก 15 วัน (ระบบดำเนินการให้สิทธิ์อัตโนมัติ)
2. สำหรับลูกค้าในรายที่มีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีน้อยกว่า 30 บาท จะได้รับสิทธิ์การโทรฟรีในเครือข่ายดีแทค 60 นาที ระยะเวลา 3 วัน (ยืนยันรับสิทธิ์กด *222*13*# โทรออก ได้ตั้งแต่ 28-30 ก.ย. 2556)

สำหรับการเตรียมพร้อมต่อการป้องกันสถานีชุมสายและสถานีฐาน เพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินในวิกฤตน้ำท่วมที่อาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการของดีแทค มีดังนี้
1. ดีแทคจัดเตรียมรถโมบายล์เคลื่อนที่พร้อมเครื่องปั่นไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ (mobile generator) เพื่อให้บริการโครงข่ายสื่อสารในพื้นที่ในกรณีฉุกเฉินจากสถานการณ์น้ำท่วม
2. จัดเตรียมยานพาหนะ เช่น รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และเรือสำหรับการเดินทางเข้า-ออกในพื้นที่สถานีชุมสายหลักได้ทุกพื้นที่
3. จัดเตรียมทีมวิศวกรคอยตรวจสอบ และดูแลโครงข่ายตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในส่วนกลาง และภูมิภาค พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานภายใน และภายนอกเพื่อควบคุมคุณภาพของการให้บริการ และมีการปรับแผนเรื่องกำลังคนเป็นระยะให้เหมาะสมต่อสถานการณ์
4. บริหารจัดการการใช้กระแสไฟฟ้าในสถานีฐานอย่างเหมาะสมและเป็นการลดกำลังการใช้งานเพื่อให้พลังงานที่มีอยู่ได้ใช้อย่างคุ้มค่าและยาวนานในกรณีฉุกเฉิน
5. มีการประสานงานตลอดเวลากับการไฟฟ้าต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีการจ่ายไฟฟ้าให้กับชุมสายอย่างต่อเนื่องในกรณีที่ต้องมีการตัดกระแสไฟฟ้าบางส่วนในบริเวณพื้นที่น้ำท่วม
6. สำหรับกรณีฉุกเฉิน ได้มีการเตรียมน้ำมันสำรองไว้ในกรณีที่มีการตัดกระแสไฟฟ้า โดยสถานีจะสามารถดำเนินการเพื่อให้บริการโครงข่ายสื่อสารได้อย่างต่อเนื่องหลังจากที่มีการตัดกระแสไฟฟ้า

ทั้งนี้ ดีแทคยังคงติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยมุ่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยได้บรรเทาความเดือดร้อน ทั้งการสนับสนุนมาตรการเพื่อการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของลูกค้าในพื้นที่ ตลอดจนเตรียมทีมเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ที่พร้อมจะเข้าไปแก้ไขปัญหาสถานีชุมสายและสถานีฐานในทันที

หมายเหตุ : รายชื่อจังหวัดและอำเภอที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือในขณะนี้ ได้แก่
1) ปราจีนบุรี 5 อำเภอ (เมือง ศรีมหาโพธิ์ม กบินทร์บุรี นาดี และประจันตคาม)
2) สระแก้ว 1 อำเภอ (อรัญประเทศ)
3) นครนายก 1 อำเภอ (บ้านนา)
4) พระนครศรีอยุธยา 2 อำเภอ (บางบาล และเสนา)
5) อ่างทอง 2 อำเภอ (ป่าโมก และไชโย)
6) ลพบุรี 2 อำเภอ (บ้านหมี่ และโคกสำโรง)
7) อุบลราชธานี 1 อำเภอ (วารินชำราบ)
dtacFlooding_fDD
บรรยายภาพ : ทีมวิศวกรและดูแลโครงข่ายตลอด 24 ชั่วโมงของดีแทคเข้ายกระดับอุปกรณ์สถานีฐานในพื้นที่ประสบภัยเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้พ้นจากภัยน้ำท่วมและตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ตามมาตรการฉุกเฉิน

View :1360
Categories: Telecom Tags:

ดีแทคต้อนรับบอร์ดเทเลนอร์เยือนไทย มั่นใจผนึกพันธมิตรแข็งแกร่ง พร้อมผลักดันเทคโนโลยีใหม่สู่ตลาดโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่อง

October 2nd, 2013 No comments

1 ตุลาคม 2556 – ดีแทคต้อนรับคณะกรรมการบริหาร กรุ๊ป และคณะรวม 18 ท่าน ในโอกาสเยือนไทย ปลื้มความสำเร็จในการผลักดันไทยจนเป็นหนึ่งในประเทศแข็งแกร่งที่สุดในผลงานของเทเลนอร์เอเชีย พร้อมสานต่อบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงผู้คนผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารอันทันสมัย และนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทย

นายจอน เฟรดริค บัคซอส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป ประเทศนอร์เวย์ กล่าวในโอกาสร่วมกับคณะกรรมการบริหาร เทเลนอร์กรุ๊ป เยือนไทยว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญและเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในการทำผลงานทางธุรกิจของเทเลนอร์ เอเชียในภูมิภาคนี้ โดยดีแทคเป็นผู้นำอันดับ 2 ในการให้บริการโทรศัพท์มือถือของประเทศ ทั้งนี้ ดีแทคได้อยู่ในช่วงการเติบโตของความต้องการเป็นอย่างสูงในการเข้าถึงข้อมูล และการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่จากผู้ใช้งานในประเทศ ซึ่งเทเลนอร์ กรุ๊ปพร้อมจะสนับสนุนให้ดีแทคได้พัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่จะมาตอบสนองความเร็วในการใช้งานเพื่อผู้บริโภค

“ในการเยือนทางครั้งนี้ยังได้พบกับพนักงานดีแทคและทำให้เราเชื่อมั่นที่จะสนับสนุนต่อการดำเนินงาน และยังได้พบการนำเสนอนโยบายจากคณะผู้บริหารดีแทค ทำให้เรามั่นใจถึงการเติบโตต่อไปของบริษัทแห่งนี้” นายบัคซอส กล่าว

ทั้งนี้ ในทุกๆ 2 ปี คณะกรรมบริหาร ของเทเลนอร์ กรุ๊ป มีกำหนดในการเดินทางเยี่ยมเยียนแต่ละประเทศที่ลงทุนไว้ทั้งยุโรปและเอเชียรวม 13 ประเทศ โดยปีนี้ได้เดินทางเยือน มาเลเซีย และไทย โดยเทเลนอร์ให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมากในกลุ่มภูมิภาคนี้ และตั้งเป็นสำนักงานใหญ่ของเทเลนอร์ เอเซีย ดูแลทั้งปากีสถาน อินเดีย บังคลาเทศ มาเลเซีย และพม่า

เทเลนอร์ กรุ๊ปได้ให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเซียเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นตลาดหลักที่ทำให้เทเลนอร์เติบโต โดยมีผู้ใช้งานรวมประมาณ 90% และมีพนักงานทั้งหมดประมาณ 60% รายได้ประมาณครึ่งมาจากภูมิภาคเอเซีย นอกจากนี้ในภูมิภาคเอเซีย ดีแทคยังเป็นบริษัทในกลุ่มที่ให้บริการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดของเทเลนอร์ และมีรายได้สูงสุด เติบโตอย่างแข็งแกร่งของ ARPU ด้านดาต้า รายได้หลักในภูมิภาคเอเซียได้เปลี่ยนจากการให้บริการด้วยเสียงสู่บริการดาต้า เช่น

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่ารู้สึกขอบคุณที่เทเลนอร์ให้ความสำคัญต่อการลงทุนในประเทศไทยมามากกว่าทศวรรษ และให้ความสำคัญกับประเทศไทยซึ่งเป็นหลักสำคัญของการขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในเอเชีย ซึ่งจะเป็นภูมิภาคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกในอนาคตอันใกล้”

นอกจากนั้น การที่ดีแทคได้เป็นพันธมิตรกับเทเลนอร์ กรุ๊ป สามารถทำให้เพิ่มศักยภาพในการเจรจากับพันธมิตรระดับโลกอื่นๆ มาให้บริการกับลูกค้าดีแทค เช่น DEEZER บริการ Social Music Streaming ที่ปฏิวัติการฟังเพลงรูปแบบใหม่ ให้ฟังเพลงได้ง่ายๆ ผ่าน smartphone, tablet หรือ PC ได้ไม่จำกัดกว่า 20 ล้านเพลงจากทั่วทุกมุมโลก และทำให้เฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียระดับโลก เลือกดีแทคเป็นพาร์ทเนอร์ในประเทศไทยในการเปิดตัวเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ และเปิดตัว “สติ๊กเกอร์” ทำให้ลูกค้าดีแทคใช้เฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์และสติ๊กเกอร์ฟรีเป็นครั้งแรกในประเทศไทยซึ่งถือเป็นโบนัสพิเศษอีกด้วย

“ดีแทคพร้อมจะผลักดันเทคโนโลยีการสื่อสารอันทันสมัย และนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ในการสื่อสารที่เหนือระดับกว่า และพร้อมที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่า” นาย จอนกล่าว

dtac _01
บรรยายภาพ : นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ (ที่ 5 จากซ้าย แถวที่ 2) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายบุญชัย เบญจรงคกุล (ที่ 5 จากขวา แถวแรก) ประธานคณะกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับคณะกรรมบริหาร ของเทเลนอร์ กรุ๊ป นำโดย นายจอน เฟรดริค บัคซอส (คนแรกจากซ้าย แถวที่ 3) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในโอกาสเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัยและเลี้ยงสังสรรค์ในโอกาสเยือนประเทศไทย โดยมี ดร.ศรีภูมิ ศุขเนตร (คนแรกจากซ้าย แถวแรก) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ราชรัฐโมนาโก และหม่อมราชวงศ์วรรณาภรณ์ ศุขเนตร (ที่ 2 จากซ้าย แถวแรก) ภริยา เป็นแขกรับเชิญกิติมศักดิ์

View :1585

เอไอเอสก้าวสู่ปีที่ 24 พร้อมประกาศความสำเร็จตามสัญญากับเครือข่าย 3G2100 ครบหัวเมืองทั้ง 77 จังหวัด

October 2nd, 2013 No comments

โชว์ฐานลูกค้า 3G กว่า 10 ล้านราย ภายในเวลาเพียง 8 เดือน
1_1

1 ตุลาคม 2556 : นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เอไอเอส ได้ก่อตั้งและให้บริการมาจนก้าวสู่ปีที่ 24 โดยในแต่ละช่วงเวลาบุคลากรทุกคนต่างมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง เป็นกำลังสำคัญให้แก่ประเทศ ทั้งนี้พบว่าล่าสุดในภาพรวมทั้งอุตสาหกรรม มีปริมาณการใช้งาน Mobile Data สูงขึ้นถึงกว่า 120% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว รวมไปถึงการขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟน หรือ Special Device ก็สูงขึ้นถึงกว่า 70% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา ดังนั้นนอกเหนือจากการเดินหน้าพัฒนาบริการบนคลื่น 3G2100 ในปัจจุบันแล้ว บริษัทฯยังมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการประมูล 4G ที่ กสท.กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นในปี 2557 เพราะจะเป็นการตอบโจทย์อัตราการเติบโตดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งาน VDO ที่เติบโตเป็นอันดับต้นๆ”
“และในวันนี้ เราได้ทำในสิ่งที่หลายๆคนเห็นว่าไม่สามารถเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้แล้ว โดยหลังจากได้รับใบอนุญาต 3G เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เราได้ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาบริการเพื่อมอบให้แก่ลูกค้าอย่างรวดเร็วที่สุด โดยล่าสุดนับเป็นความสำเร็จในเป้าหมายแรกของเราหลังจากใช้เวลาเพียง 8 เดือน ประกอบด้วย

1. ขยายเครือข่าย 3G 2100 ได้ครบทุกหัวเมือง ทั้ง 77 จังหวัด เรียบร้อยแล้ว และจะเดินหน้าขยายต่อเนื่อง โดยคาดว่าในราวไตรมาส 2 ของปี 2557 จะครอบคลุมได้เทียบเท่ากับเครือข่าย 2G เดิม ที่ได้รับการยอมรับว่าครอบคลุมสูงสุด

2. ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า เข้ามาใช้บริการ AIS 3G2100 เป็นจำนวนกว่า 10 ล้านราย โดยตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีจะมีลูกค้ากว่า 12 ล้านราย

3. มีการพัฒนาคุณภาพเครือข่ายให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้จะเห็นได้จากผลการทดสอบ (Drive test) ของ กสทช.และบล็อกเกอร์ล่าสุดที่ผ่านมา คุณภาพเครือข่ายของ AIS 3G2100 ดีเป็นอันดับ 1 ซึ่งแม้จะไม่ได้สะท้อนคุณภาพในภาพรวมทั้งหมด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

“ทั้งหมดถือเป็นการบรรลุเป้าหมายแรกของเรา โดยเป้าหมายต่อไปคือ การรักษาความเป็นผู้นำในทุกด้านเพื่อมอบบริการที่สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่คนไทยจากเทคโนโลยี 3G ต่อไป”

ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย เอไอเอส กล่าวว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา กับฐานลูกค้า AIS 3G2100 กว่า 10 ล้านราย เราได้พบว่า มีปริมาณการใช้งาน Data ที่ขยายตัวถึงกว่า120% และมีการเปลี่ยนเครื่องเป็นสมาร์ทโฟนแล้วสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน App ยอดนิยมสูงสุดก็คือ Facebook, LINE, Youtube ทั้งนี้มีผู้ใช้งาน Data มากกว่า 12 ล้านรายต่อเดือน ในขณะที่ Apps ของ AIS เอง ไม่ว่าจะเป็น AIS Bookstore, AIS Music Store, AIS Movie Store, Google Free Zone, AIS Mobile Barclays Premier League ก็มีผู้ใช้รวมกันมากกว่าเดือนละ 1 ล้านราย”

“ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เรายิ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการที่จะทำให้ AIS 3G สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วนยิ่งขึ้นตามหลักของ DNAs รวมไปถึงการสื่อสารไปยังลูกค้า ซึ่งในช่วงของการเปิดตัว เราสื่อสารด้วยแนวคิด AIS 3G2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก ที่สะท้อนทั้งความเชื่อมั่นของการให้บริการ 3G 2100 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาตรฐาน ที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนเครื่อง หรือ ยุ่งยากกับการนำไปใช้งานในต่างประเทศ รวมไปถึงสะท้อนมายังความมุ่งมั่นตั้งใจของบุคลากรเอไอเอสทุกคน ที่มีความเป็น “ตัวจริง” ในอุตสาหกรรมมือถือ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพตัวจริงที่เชื่อถือได้”

“ดังนั้นวันนี้ เราจึงตั้งใจที่จะก้าวไปอีกขั้นกับ “การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต” อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเทคโนโลยี 3G สามารถตอบ Lifestyle ที่แตกต่างของแต่ละท่านได้อย่างรอบด้าน มากกว่าเพียงระบบสื่อสารเช่นในยุคของ 2G ที่ผ่านมา สิ่งที่เอไอเอสทำคือ การพัฒนาบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น, Application, การคัดสรรสมาร์ทโฟน รวมถึงการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายและงานบริการลูกค้า อย่างสอดคล้องกับแนวคิดข้างต้น เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเลือกใช้บริการต่างๆจากเราได้ตามความต้องการของแต่ละท่านได้อย่างตรงใจ อาทิ บริการแช็ตจากเอไอเอส ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็ก, วัยรุ่น, วัยทำงาน หรือ ผู้สูงอายุ ก็สามารถใช้แช็ตที่มี Quality DNAs ในรูปแบบเอไอเอสได้อย่างง่ายดายและตอบโจทย์ไม่แตกต่างกัน”

“ส่วนการสื่อสารแนวคิดนี้ไปยังลูกค้า เราชูแนวคิด “เจมส์ แอนด์ เดอะแก็งค์” ที่เน้นให้เห็นภาพความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ที่แม้จะมี Lifestyle, อายุ , อาชีพ ที่แตกต่าง อย่าง คุณสมบัติ เมทะนี, คุณนุ้ย สุจิรา, คุณสมรักษ์ คำสิงห์ , น้องกันต์-น้องฝน ฮอร์โมน แต่ทั้งหมดนี้มีความต้องการใช้บริการที่ไม่แตกต่างกัน แม้จะมีวิธีการนำไปใช้ที่แตกต่าง โดยมี “เจมส์-จิรายุ” ทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนของ AIS 3G ที่จะนำเสนอบริการที่ตรงใจ ตรงสไตล์ เพื่อทุกคน ซึ่งเอไอเอส จะนำเสนอแนวคิดนี้อย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2557”

View :1811
Categories: 3G, Technology, Telecom Tags: ,

กระทรวงไอซีที – กสทช. – ทีเส็บเผยความคืบหน้าเตรียมงาน ITU Telecom World 2013 พร้อมรับผู้นำไอทีโลกถกรับมือการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิตอล

September 26th, 2013 No comments

กรุงเทพฯ / 26 กันยายน 2556 – 3 หน่วยงานผนึกกำลังเป็นเจ้าภาพจัดงาน Telecom World 2013 งานนิทรรศการด้านเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศระดับโลก เผยความคืบหน้าการเตรียมงาน เพื่อรับผู้นำอุตสาหกรรมไอทีทั่วโลกกกว่า 20,000 คนถกแนวทางการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิตอลและการพัฒนามาตรฐานด้านไอทีและโทรคมนาคมของโลก ซึ่งประเทศไทยได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้เป็นครั้งแรก ในระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายนนี้ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ITU Telecom World เป็นงานนิทรรศการใหญ่ระดับโลกประจำปีสำหรับผู้อยู่ในอุตสาหกรรมไอทีที่จัดขึ้นโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) “จากการที่ประเทศไทยได้รับสิทธิเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ITU Telecom World 2013 ขณะนี้ คณะกรรมการอำนวยการจัดงาน ซึ่งมีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เป็นแกนหลัก ได้ประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการ การอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง พิธีการ ที่พัก ความปลอดภัย และอื่นๆ เชื่อว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพในงานนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลก และตอกย้ำบทบาทของไทยในการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานและกฎเกณฑ์ในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโลก รวมทั้งแสดงศักยภาพของประเทศที่จะเป็นศูนย์กลางด้านไอทีของภูมิภาคต่อไป”

แนวคิดหลักของการจัดงานในปีนี้คือ Embracing Change in a Digital World หรือการเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิตอล ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกตระหนักและกำลังร่วมกันเตรียมการเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิตอลต่างๆ

หัวข้อหลักที่จะมีการพูดคุยกันในงานนี้ภายใต้แนวคิดหลักดังกล่าว จะเน้น 5 ประเด็น คือ ความเปลี่ยนแปลงในวิธีการสื่อสารของผู้คน ความจำเป็นของโมเดลธุรกิจในยุคข้อมูลเป็นใหญ่ พลวัตความเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ตลอดจนความจำเป็นของระเบียบควบคุมใหม่ๆ และกระบวนการวางมาตรฐาน อันเกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีโมบาย โซเชียลเน็ตเวิร์ค คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิตอลต่างๆ

งาน ITU TELECOM WORLD 2013 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2556 มีกิจกรรมหลายรูปแบบทั้งการประชุม การบรรยาย การอภิปรายโดยผู้แทนและผู้นำของหน่วยงานที่รับผิดชอบการกำหนดมาตรฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศต่างๆ รวมถึงผู้นำอุตสาหกรรมไอทีและโทรคมนาคมของโลกเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจของโลกไอที เพื่อกำหนดแนวทางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโลก

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงนิทรรศการและการสาธิตเทคโนโลยี นวัตกรรม โซลูชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ด้านสารสนเทศ การสื่อสาร และโทรคมนาคม ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้พบปะ พูดคุยและแลกเปลี่ยนความเห็น และข้อมูลระหว่างกัน รวมทั้งเจรจาโอกาสทางธุรกิจหรือความร่วมมือต่างๆ ร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสารของโลกต่อไป

อีกส่วนหนึ่งของงานคือการประกวด Young Innovators Competition 2013 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “social technopreneur” ซึ่งมีความสามารถในการสร้างสรรค์โซลูชั่นด้านการสื่อสารโทรคมนาคม โดย ผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 คนที่คัดมาจากผู้สมัครกว่า 600 คนจาก 88 ประเทศทั่วโลก จะได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป นำเสนอโครงการ และได้มีโอกาสทำงาน พบปะ หรือทำความรู้จักกับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมจริง รวมทั้งได้รับโอกาสที่จะได้รับเงินสนับสนุนการพัฒนาสูงสุด 10,000 เหรียญสหรัฐอีกด้วย

# # #

เกี่ยวกับ ITU
ITU เป็นทบวงการชำนัญพิเศษภายใต้สหประชาชาติ ซึ่งมีหน้าที่พัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสาร ด้วยประวัติการทำงานเกือบ 150 ปี ITU ได้ประสานความร่วมมือในการจัดสรรการใช้คลื่นวิทยุความถี่ของสังคมโลกส่งเสริมความร่วมมือของนานาชาติในการจัดสรรวงจรดาวเทียม ตลอดจนทำงานภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงระบบการสื่อสารโทรคมนาคมพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ ITU ยังมีบทบาทในการวางมาตรฐานโทรคมนาคมทั่วโลกเพื่อเชื่อมโยงระบบการสื่อสาร คมนาคมรูปแบบต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ITU มุ่งมั่นเชื่อมโยงโลกทั้งใบผ่านระบบสื่อสารต่างๆ ตั้งแต่เครือข่ายบรอดแบนด์ เทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่ ระบบนำร่องเพื่อการบินและการเดินทะเล ระบบดาราศาสตร์วิทยุ ระบบพยากรณ์อากาศผ่านดาวเทียม การประสานเทคโนโลยีไร้สายและใช้สายเข้าด้วยกันเพื่อให้สื่อสารได้ทุกที่ทุก เวลา ไปจนถึงเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและระบบออกอากาศของโทรทัศน์

View :1469
Categories: Technology, Telecom Tags:

ดีแทค ไตรเน็ต พร้อมให้บริการ 3G คุณภาพสูงทั่วประเทศ เหนือกว่าบน 3 โครงข่ายอัจฉริยะ รุกต่อเนื่องเพิ่มแบนด์วิธที่กว้างกว่า

July 25th, 2013 No comments

Map

เปิดใช้งาน TriNet ให้ลูกค้าวันแรกราบรื่น และทยอยเริ่มต้นโอนย้ายตามประสงค์

25 กรกฏาคม 2556 – ไตรเน็ต รุกต่อเนื่องเพิ่มแบนด์วิธ 3G บนโครงข่าย 2100MHz เหนือชั้นอีกระดับ ใน 54 จังหวัดทั่วไทย ต่อยอดจากโครงข่าย 3G 850MHz ที่ดีแทคมีทั่วประเทศ พร้อมเริ่มให้บริการลูกค้าที่แจ้งความประสงค์โอนย้ายมาดีแทคไตรเน็ตเป็นวันแรกเมื่อ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ดำเนินการไปอย่างราบรื่นในกลุ่มแรก และจะทยอยโอนย้ายไปอย่างต่อเนื่องตามที่ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ไว้

นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่าในการโอนย้ายโครงข่ายให้กับลูกค้าที่ได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ล่วงหน้ามาแล้วนั้น เราพิจารณาจากคนที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ และมีอุปกรณ์รองรับในการใช้งาน TriNet โดยลูกค้าที่ได้รับการโอนย้ายจะได้รับ SMS แจ้งขั้นตอนการย้ายโครงข่าย เพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์

โดยส่วนแรก จะทำการโอนย้ายลูกค้าที่แจ้งความประสงค์ลงทะเบียนเข้ามา และไม่ติดเงื่อนไขบริการพิเศษไปโครงข่ายใหม่ TriNet ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมเป็นต้นไป หากลูกค้ามีความคิดเห็นจากการใช้งาน หรือมีคำแนะนำสามารถโทรแจ้งได้ที่ 1678

นายชัยยศ กล่าวต่อไปว่า “ทั้งนี้ จะมีลูกค้าอยู่ในกลุ่มเงื่อนไขบริการพิเศษต่างๆ อาทิ ลูกค้าที่ใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ, บริการ Multi SIM, Group Bill (Family), ผู้ที่ใช้แอร์การ์ดและแท็บเล็ต ลูกค้าที่ติดในเงื่อนไขเหล่านี้ จะได้รับแจ้งให้ติดต่อที่ ศูนย์บริการดีแทคทุกสาขา โดยหลังจากเปลี่ยนมาใช้ TriNet แล้ว ลูกค้าจะใช้โปรโมชั่นแบบเดิมเหมือนก่อนการโอนย้าย หรือจะเลือกเปลี่ยนไปใช้โปรโมชั่นใหม่ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ บริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกค้าเคยได้รับจะยังคงเดิม”

นายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ดีแทค และ ดีแทค ไตรเน็ต มีสถานีฐาน 3G รวมกันแล้วประมาณ 8,000 สถานีฐาน และจะยังคงขยายพัฒนาสถานีฐานต่อไป ซึ่งจะทำให้ในเดือนตุลาคม บริษัทฯ จะมีสถานีฐาน 3G ทั้งหมดประมาณกว่า 10,000 สถานีฐานทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าดีแทคอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับสถานีฐาน 2100 MHz ของ ดีแทค ไตรเน็ต ที่เพิ่มขึ้นมาขณะนี้เราเปิดให้บริการแล้ว 54 จังหวัด อาทิ กรุงเทพและปริมณฑล และตามภาคอื่นๆ ที่เป็นจังหวัดหลักๆ และยังรุกขยายไปจังหวัดอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วย TriNet 3 โครงข่ายอัจฉริยะ จะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอย่างต่อเนื่องบน 3G ได้โดยไม่สะดุด” นายประเทศ กล่าวในที่สุด

View :1661