Archive

Archive for August, 2011

ประชาสัมพันธ์งาน “Thailand’s Network Security Contest 2011”

August 31st, 2011 No comments

สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ร่วมกับ บริษัท เดอะ คอมมูนิเคชั่น โซลูชั่น จำกัด ได้เล็งเห็นความสำคัญในการให้การศึกษาและแนวทางในด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และข้อมูล จึงได้ร่วมมือจัดการแข่งขัน Thailand’s Network Security Contest 2011 ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการตระหนัก ความรู้ ความเข้าใจ และแนวทางในเรื่องระบบความปลอดภัยของข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์สำหรับองค์กร ให้แก่นิสิต นักศึกษา ในมหาวิทยาลัย

คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ

1. เป็นนิสิต นักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) ในมหาวิทยาลัยทุกสถาบัน โดยไม่จำกัดคณะ หรือภาควิชา กลุ่มละ 3 คน

2. มีความสนใจทางด้านไอที

3. มีความมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์อย่างมีคุณภาพ และจรรยาบรรณ

4. ต้องมีหนังสือรับรองความเป็นนักศึกษาจากสถาบัน (ในระดับหัวหน้าภาควิชาขึ้นไป)

การรับสมัคร (เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม จนถึง วันที่ 14 ตุลาคม 2554)

ผู้เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่ นิสิต นักศึกษา ระดับอุดมศึกษา ทุกสถาบันมีสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่จำกัด คณะ หรือ ภาควิชา ทีมละ 3 คน

ให้ทุกๆ ทีมที่สมัครเข้ามานั้น จัดเตรียมเอกสารการสมัครดังนี้

1.ใบสมัครพร้อมรูปถ่ายผู้สมัคร

2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมเซ็นรับรองสำเนา

3.หนังสือรับรองจากสถาบันที่สังกัดว่าเป็นนิสิต นักศึกษา ระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) ในสถาบัน

นั้นๆ จริง

ผู้สมัครสามารถเข้าไป Download ใบสมัครได้ที่ www.tcs.co.th และส่งเอกสารการสมัครทางไปรษณีย์มาได้ที่คุณจิรฉัตร สุวรรณชนะ
บริษัท เดอะ คอมมูนิเคชั่น โซลูชั่น จำกัดเลขที่ 127/20,22 ถนนนนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120

รางวัลการแข่งขัน

รางวัลที่ 1 เงินสด 50,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ

รางวัลที่ 2 เงินสด 40,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ

รางวัลที่ 3 เงินสด 30,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ

รางวัลชมเชย 3 รางวัล เงินสด 5,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ

รางวัลสปิริตยอดเยี่ยม 6 รางวัล เงินสด 3,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ

(คณะกรรมการจัดการแข่งขัน จัดให้มีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการตัดสินการแข่งขัน และผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด ทั้งนี้ คณะผู้จัดทำขอสงวนสิทธิรางวัลชนะเลิศสำหรับทีมที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น)

หมายเหตุ วัน-เวลา ที่จัดงานอาจมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง

View :3244

เอปสัน เกาะกระแสเศรษฐกิจไทยขยายตัว ส่งสินค้ากลุ่มธุรกิจรุกตลาดวงกว้าง ย้ำความมั่นใจของลูกค้าคือหัวใจสำคัญ

August 31st, 2011 No comments


ประเทศไทย ตอบรับกระแสภาวะเศรษฐกิจของไทยขยายตัวต่อเนื่อง ส่งสินค้ากลุ่มธุรกิจรุกตลาดในหลายอุตสาหกรรม พร้อมวางกลยุทธ์ทางการขายและการตลาด สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าองค์กร ทั้งรัฐและเอกชน ต่อสินค้า บริการ และแบรนด์ของเอปสัน เพื่อการเติบโตในระยะยาว

มร.เออิจิ คาโตะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมามีการขยายตัวขึ้นจากไตรมาสแรกของปี เห็นได้จากความต้องการอุปโภคบริโภคสินค้าของประชาชน และการลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของตลาดโดยรวมต่ออนาคตของเศรษฐกิจของไทย และคาดว่าในไตรมาส 3 ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะยังมีแนวโน้มขยายตัวเช่นนี้ต่อไป นี่เป็นโอกาสสำคัญของเอปสัน ในการขยายธุรกิจและฐานลูกค้าใหม่ๆ สำหรับสินค้าในกลุ่มธุรกิจ

“สินค้ากลุ่มธุรกิจของเอปสันประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นดอทเมตริกซ์ พรินเตอร์ พรินเตอร์พาสบุ๊ค ทีเอ็มพรินเตอร์ ที่เอปสันเป็นเจ้าตลาดอยู่ในขณะนี้ รวมถึงเลเซอร์ พรินเตอร์ ที่บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวให้กว้างยิ่งขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการขายในลักษณะที่เป็นโปรเจ็ค สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่มาแล้ว โดยตั้งเป้ายอดรายได้ของปี 2554 ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท และเป้ายอดรายได้ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจ 650 ล้านบาท โดยดอทเมตริกซ์ พรินเตอร์ โตขึ้นอีก 105% ส่วนทีเอ็มพรินเตอร์โต 140%”

“ในเวลาที่ตลาดมีความมั่นใจเช่นนี้ สิ่งที่เอปสันต้องทำคือการตอกย้ำความมั่นใจในการลงทุนของลูกค้า ว่าลูกค้าได้ตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกผลิตภัณฑ์เอปสัน บริษัทฯ มีพรินเตอร์หลากหลายประเภท เพื่อรองรับงานต่างๆ ภายในองค์กร ด้วยเทคโนโลยีชั้นเยี่ยม ที่สามารถมอบความคุ้มค่า ความประหยัด รวมถึงงานบริการที่เหนือคู่แข่ง ซึ่งความมั่นใจในทุกๆ ด้านของลูกค้าคือปัจจัยสำคัญในการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวของเอปสัน” มร.คาโตะ สรุป

ทางด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา กลุ่มสินค้าธุรกิจของเอปสัน เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด คือมากกว่า 25% ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าทั้งรัฐและเอกชนเลือกใช้สินค้าเอปสันมากขึ้นนั้น เป็นเพราะความมั่นใจในคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับในทันทีที่เลือกใช้ แบรนด์เอปสัน ลูกค้าองค์กรหรือสถาบันไม่ได้มองที่ราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มองที่ความคุ้มค่าในระยะยาวและในทุกด้าน ทั้งความประหยัดต้นทุนในการลงทุน ประหยัดค่าไฟ ความปลอดภัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริการหลังการซื้อ รวมไปถึงแบรนด์สินค้านั้นต้องมีความเคลื่อนไหวในตลาดอยู่เสมอ มีการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่กำลังตัดสินใจลงทุนเพิ่ม หรือกำลังจะเปลี่ยนหรืออัพเกรดเครื่องที่กำลังใช้อยู่

นายยรรยง ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าในกลุ่มธุรกิจของเอปสันว่า “ดอทเมตริกซ์ พรินเตอร์ ซึ่งปัจจุบัน เอปสันครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 85% มียอดขายเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการลงทุนเพิ่มขึ้นของหน่วยงานราชการ ในปีนี้ เอปสันยังคงเน้นลูกค้าในกลุ่มราชการที่ต้องการขยายตัวและอัพเกรดระบบการทำงานในสำนักงาน ทั้งยังได้เปิดตัวสินค้าใหม่ LQ-50 ที่ใช้ได้ทั้งกระดาษต่อเนื่องและกระดาษม้วน สามารถพิมพ์ใบเสร็จ ขนาด 4-6 นิ้ว สำหรับตอบสนองความต้องการของกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง และร้านค้าปลีกอีกด้วย”

“ส่วนพรินเตอร์พาสบุ๊ค เป็นสินค้าที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นที่นิยมในกลุ่มสถาบันการเงินและธนาคาร สำหรับสินค้ารุ่นใหม่ เป็นรุ่นที่มีฟังก์ชั่นครบครัน เพื่อรองรับตลาดนี้มากยิ่งขึ้น และบริษัทฯ มีแผนที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าหน่วยงานราชการด้วยเช่นกัน อย่าง เครื่อง PLQ-22CSM ที่เป็นเครื่องมัลติฟังก์ชั่น สามารถพิมพ์ บันทึก สแกนบัตรประชาชนและเช็คได้ ตรวจสอบความถูกต้อง และโอนส่งข้อมูลยังไปยังธนาคารได้ในเครื่องเดียวกัน”

“ทีเอ็มพรินเตอร์ มีการเติบโตในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 50% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แต่ในปีนี้ เอปสันจะเริ่มรุกตลาดโรงพยาบาล ซึ่งมีโอกาสทางการตลาดที่ใหญ่มาก เพราะมีงานพิมพ์ฉลากยา ฉลากติดอุปกรณ์การแพทย์ และป้ายชื่อผู้ป่วย ซึ่งในวันนี้ เอปสันได้เปิดตัว TM-C3400 เครื่องพิมพ์ฉลาก ระบบอิงค์เจ็ตสี สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจงานพิมพ์ขนาดเล็กโดยเฉพาะ ส่วนอีกตลาดหนึ่งที่เอปสันให้ความสนใจก็คือกลุ่มตลาดสายการบิน และได้ออก TM-L500A มาประเดิมตลาดเป็นรุ่นแรก”

“สำหรับเลเซอร์พรินเตอร์ ที่ผ่านมาเอปสันเน้นการขายในลักษณะโปรเจ็คให้กับหน่วยงานราชการหรือบริษัทเอกชนมากกว่า ไม่ได้วางขายตามไอทีมอลล์ หรือร้านตัวแทนจำหน่าย แต่สินค้ารุ่นที่กำลังเปิดตัวในวันนี้ บริษัทฯ มีแผนจะทำตลาดในช่องทางค้าปลีกมากขึ้น เพื่อตอบรับกับความต้องการขององค์กรที่ต้องการซื้อทีละไม่มาก โดยเน้นไปที่องค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง”

สำหรับกลยุทธ์ในการขายและการทำตลาดที่วางไว้ ประกอบไปด้วย
1) การขยายสินค้าให้ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้ในทุกกลุ่มตลาด ทั้งการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมเพื่อขยายฐานตลาด รวมถึงเจาะตลาดใหม่ๆ ที่เอปสันยังไม่เคยเข้าไป
2) สร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการจัดจำหน่าย มุ่งหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเจาะตลาดในกลุ่มองค์กร และราชการ โดยปัจจุบัน เอปสันได้เพิ่มตัวแทนจำหน่ายในกลุ่มสินค้าธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากถึงกว่า 100 ราย
3) เสริมความเข้มข้นให้กับทีมบุคคลากร ทั้งทางด้านทีมขายที่ดูแลกลุ่มลูกค้าในส่วนลูกค้าภาครัฐ (Government) ลูกค้าองค์กร (Corporate) และทีมขาย Specialist ที่ดูแลลูกค้าผลิตภัณฑ์ทีเอ็มพรินเตอร์ นอกจากนั้น ยังมีทีม Presale support เพื่อทำงานใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่าย ในการสนับสนุนการดำเนินงาน และสร้างสรรค์โซลูชันทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับลูกค้า
4) จัดตั้งทีมช่างพิเศษเพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะ เพื่อให้การบริการหลังการขายเป็นไปด้วยความราบรื่น รวดเร็ว ธุรกิจของลูกค้าจึงเติบโตได้อย่างไม่สะดุด

นายยรรยง กล่าวเปิดตัวเลเซอร์พรินเตอร์รุ่นใหม่ทั้ง 6 รุ่นว่า ในครั้งนี้ เอปสันต้องการนำเสนอแนวคิดผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยความประหยัดคุ้มค่าถึง 4 ด้าน โดยสินค้าทุกรุ่นจะเน้นดีไซน์ที่เล็ก กระทัดรัด ทั้งยังประหยัดพลังงาน และประหยัดค่าพิมพ์ด้วยต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่ต่ำ ท้ายสุดคือความประหยัดคุ้มค่า ด้วยราคาเครื่องที่เหมาะสมในคุณภาพที่เหนือกว่าตามมาตรฐานเอปสัน เลเซอร์พรินเตอร์รุ่นใหม่ทุกรุ่นมีจุดเด่นตรงที่ใช้ผงหมึก Epson AcuBrite™ ที่ทำให้ได้คุณภาพงานพิมพ์คมชัด แม่นยำ และคงทนเก็บได้นานกว่า โดยมีตั้งแต่รุ่นที่เป็นเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำขนาดกะทัดรัด อย่าง Epson AcuLaser M1400 สามารถใช้กับตลับผงหมึกพิมพ์ได้ 2 ขนาด ทั้งตลับความจุสูง พิมพ์ได้มากถึง 2,200 แผ่น เพื่อรองรับงานพิมพ์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดต้นทุนการพิมพ์ และตลับความจุมาตรฐาน พิมพ์ได้ถึง 1,000 แผ่น สำหรับงานพิมพ์ที่มีจำนวนน้อย และ Epson AcuLaser C1700 ที่เป็นเลเซอร์พรินเตอร์สี ที่มีคุณภาพการพิมพ์สูงในต้นทุนการพิมพ์ที่ประหยัดคุ้มค่ากว่า

“สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชั่น ได้แก่ Epson AcuLaser MX14 และเครื่องที่สามารถเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้อย่าง Epson AcuLaser MX14NF ที่เป็นเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำมัลติฟังก์ชั่น และ Epson AcuLaser CX17NF เลเซอร์พรินเตอร์สีมัลติฟังก์ชั่น และสุดท้ายคือ Epson AcuLaser C2900N เลเซอร์พรินเตอร์สี สำหรับระบบเครือข่าย ความเร็วในการพิมพ์สูงสุดที่ 23 หน้าต่อนาที ทั้งสีและขาวดำ รองรับการพิมพ์ต่อเดือนได้สูงถึง 40,000 แผ่น”

“เอปสันมุ่งที่จะนำเสนอโซลูชั่นด้านการพิมพ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นงานในลักษณะใด ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าเอปสันมีเทคโนโลยีด้านการพิมพ์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึงการให้บริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และอำนวยความสะดวกราบรื่นให้กับการดำเนินธุรกิจของลูกค้าทุกกลุ่ม” นายยรรยง ทิ้งท้าย

View :2476

ทรูมูฟ เอช” ตอกย้ำผู้นำบริการ 3G และผู้นำคอนเวอร์เจนซ์โฟน จัดแคมเปญ FREEYOU DAY ฉลองการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ

August 31st, 2011 No comments

เชิญชวนคนไทยสัมผัสพลังการสื่อสารไร้สายสมบูรณ์แบบ ปลดปล่อยชีวิตอิสระกับเครือข่ายไร้สายใหม่ 3G+ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps ที่แรงกว่า เร็วกว่า และครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด และ Wi-Fi ความเร็วสูงสุด 8 Mbps* ครอบคลุม 100,000 จุด** พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษสุดสำหรับ iPhone และ Samsung Galaxy SII ซื้อ 1 เครื่อง ฟรี 1 เครื่อง สำหรับลูกค้าทรูมูฟแบบรายเดือน*** 100 ท่านแรก ที่ซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ณ ลานพาร์ค พารากอน, ซื้อ Samsung Galaxy SII ฟรี Bluetooth, รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 3,000 บาท, ส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 4 เดือน และ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน พบกับความพิเศษจากทรูมูฟ เอช ได้ที่ Hall of Fame (ชั้น M สยาม พารากอน), ทรู เออร์เบิน พาร์ค (ชั้น 3 สยาม พารากอน), ทรูมูฟ สแควร์ (สยามสแควร์ ซอย 2) และทรูช็อป ดิจิตอล เกตเวย์ ตั้งแต่วันนี้ – 4 กันยายน 2554 เท่านั้น พร้อมเสริฟเครื่องดื่มและขนมจากทรู คอฟฟี่ ฟรีตลอดงาน

View :1990

ซินเน็คฯ ส่งมอบภารกิจ Library IT by Synnex ให้แก่โรงเรียนใน จ.ประจวบคีรีขันธ์

August 31st, 2011 No comments

เมื่อเร็วๆนี้ คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี (ที่ 4 จากขวา) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคุณพันธุ์ชัย กิจชระโยธิน (ที่ 2 จากขวา) ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณประพันธ์ มนทการติวงศ์ (ที่ 3 จากขวา) รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และคุณนิลวรรณ เรืองสวัสดิ์ (ขวาสุด) รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันมอบคอมพิวเตอร์ในโครงการ ห้องสมุดไอที เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย () ให้กับตัวแทนของโรงเรียนใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้รับคัดเลือก จำนวนทั้งสิ้น 7 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านห้วยน้ำพุ โรงเรียนอนุบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ (สละชีพ) โรงเรียนบ้านดอนสูง โรงเรียนบ้านอ่าวยาง โรงเรียนวัดนาผักขวง โรงเรียนบ้านท่าขาม และโรงเรียนบ้านห้วยพลับ ณ สำนักงานสภาอุตสาหกรรม จ.ประจวบคีรีขันธ์
สำหรับในปี 2554 ทางบริษัทฯ ขอร่วมเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ด้วยการดำเนินโครงการห้องสมุดไอที เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย (Library IT by Synnex) “84 โรงเรียน 84 พรรษา ถวายในหลวง”

View :1756

‘ifec’ เปิดตัวโปรดักชั่น พริ้นติ้ง ‘ โคนิก้า มินอลต้า’ 2 รุ่นเดินหน้าเจาะลูกค้าโรงพิมพ์

August 31st, 2011 No comments

” ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น “โคนิก้า มินอลต้า” เปิดตัวเครื่อง “โปรดักชั่น พริ้นติ้ง” พร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ bizhub PRESS C8000 และรุ่น bizhub PRESS C70 hc ชูจุดเด่นนวัตกรรมการพิมพ์ชั้นสูง ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับมืออาชีพ โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ bizhub PRESS C8000 ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเมืองไทยในงาน Pack Print International 2011 ที่ ไบเทค บางนา เผยเตรียมเจาะกลุ่มลูกค้าโรงพิมพ์ ตั้งเป้ายอดขาย 30 เครื่องภายในสิ้นปีนี้ เชื่อกระแสตอบรับดี เหตุรองรับเทรนด์ Print On Demand ช่วยธุรกิจควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการพิมพ์


นายดำริห์ เอมมาโนชญ์ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ ifec ผู้นำเข้าและทำตลาดเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น ‘โคนิก้า มินอลต้า’ รายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำเข้าเครื่องโปรดักท์ชั่น พริ้นติ้ง รุ่น bizhub PRESS C8000 และรุ่น bizhub PRESS C70hc ซึ่งเป็นนวัตกรรมลิขสิทธิ์เฉพาะของ ‘โคนิก้า มินอลต้า’ เพื่อเข้ามาทำตลาดในไทย โดยเครื่องโปรดักท์ชั่น พริ้นติ้ง ทั้ง 2 รุ่น ประสบความสำเร็จในการทำตลาดและได้รับการยอมรับจากลูกค้าในประเทศแถบยุโรป ถึงคุณภาพงานพิมพ์ที่ดีเทียบเท่ากับระบบออฟเซท ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์แบบเดิมๆ อีกทั้งยังสามารถรองรับกระแส Print On Demand ในประเทศไทยได้ด้วย โดยบริษัทฯ จะเปิดตัวเครื่องโปรดักท์ชั่น พริ้นติ้ง ทั้ง 2 รุ่น ในงาน Pack Print International 2011 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม- 3 กันยายนนี้ ที่ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการไบเทค บางนา

สำหรับจุดเด่นของเครื่องโปรดักท์ชั่น พริ้นติ้ง รุ่น bizhub PRESS C8000 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ “โคนิก้า มินอลต้า” นำมาเปิดตัวในประเทศไทยนั้น เป็นเครื่องที่ใช้เทคโนโลยีประมวลผลภาพแบบ S.E.A.D. II ที่ให้คุณภาพงานระดับสูง มีความเสถียรของระบบที่ทำให้งานพิมพ์ทุกชิ้นมีคุณภาพสีเหมือนกัน และมีความสามารถในการผลิตขั้นสูง สามารถรองรับกระดาษได้หนาสุดถึง 350 แกรม นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยีผงหมึก Simitri HD Plus ที่ได้รับการพัฒนาผงหมึกจาก Simitri HD Toner ในรุ่นเดิม โดยผงหมึกมีอนุภาคขนาดเล็ก ทำให้งานมีคุณภาพที่ดี สามารถพิมพ์งานด้วย ความละเอียดสูงถึง 1,200 x 1,200 dpi 8 บิท ด้วยความเร็ว 80 แผ่นต่อนาที เพื่อจับกลุ่มลูกค้า โรงพิมพ์ที่มีประสบการณ์ในงานพิมพ์ระดับมืออาชีพ ที่ต้องการพิมพ์งานประเภทการ์ดเชิญ อัลบั้มรูป ไดเรคเมล์ และการ์ดเชิญเนื่องในโอกาสพิเศษ

ขณะที่รุ่น bizhub PRESS C70hc จะเป็นเครื่องพิมพ์ดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยีที่เน้นคุณภาพของสี งานพิมพ์เป็นหลัก โดยเป็นเครื่องพิมพ์เครื่องแรกที่ใช้โทนเนอร์แบบ High Chroma ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีของผงหมึก Simitri HD Toner เช่นกัน โดยสามารถถ่ายทอดสีของงานพิมพ์ได้ เหมือนจริง เพื่อรองรับระบบการจัดการค่าสีเพื่อให้ได้มาตรฐานค่าสีของงานพิมพ์เป็นที่ยอมรับ และสามารถตอบโจทย์ธุรกิจงานพิมพ์ของโฟโต้ แล็ป งานโฟโต้บุ๊คส์ งานกราฟฟิค อาร์ต หรือผู้ทำธุรกิจประเภทสตูดิโอถ่ายภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายเครื่องโปรดักท์ชั่น พริ้ตติ้ง ในปีนี้ไว้ที่ 30 เครื่อง

กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ifec กล่าวว่า เชื่อว่า เครื่องโปรดักชั่น พริ้นติ้ง ทั้งสองรุ่นจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันองค์กรภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายจากงานพิมพ์ เพื่อให้มีเกิดประสิทธิภาพงานพิมพ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจสูงสุด ส่งผลให้พฤติกรรมการพิมพ์งานของกลุ่มผู้ใช้บริการเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่สั่งพิมพ์งานต่อครั้งเป็นจำนวนมาก ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการพิมพ์งานต่อครั้งด้วย จำนวนชิ้นไม่มากนัก แต่เพิ่มความถี่ในการสั่งพิมพ์งานมากขึ้นตามปริมาณการใช้งาน หรือที่เรียกว่า Print On Demand ซึ่งกระแสดังกล่าวเป็นกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลกเช่นเดียวกับในประเทศไทย

“การแข่งขันของธุรกิจที่คำนึงถึงต้นทุนค่าใช้จ่าย เป็นแรงผลักดันทำให้พฤติกรรมการพิมพ์แบบ Print On Demand เกิดขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ที่หลายๆ องค์กรต้องประหยัดต้นทุนดำเนินงาน ทำให้ การสั่งพิมพ์งานเพื่อใช้ในทำตลาด เช่น โบรชัวร์ หรือแผ่นพับโฆษณา จะสั่งพิมพ์ในจำนวนที่เพียงพอต่อการใช้งานแต่ละครั้ง ภายใต้เงื่อนไขว่า ต้องเป็นคุณภาพงานพิมพ์ที่ดี ดังนั้น จึงเชื่อว่าเครื่องโปรดักชั่น พริ้นติ้งของโคนิก้า มินอลต้า ทั้งสองรุ่นจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี” นายดำริห์ กล่าว

View :2000

ก.ไอซีที เดินหน้าแผนแม่บทฯ เพื่อบรรลุเป้าหมาย 80% ของประชาชนเข้าถึงบรอดแบนด์ในปี 2558

August 31st, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึง ความคืบหน้าโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติ ว่า กระทรวงไอซีที ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทบรอดแบนด์แห่งชาติ ทั้งด้าน Supply Side ซึ่งเป็นแผนการลงทุนกระจายโครงข่ายสื่อสารผ่านบรอดแบนด์ไปทั่วประเทศตามเป้าหมายที่ต้องการให้เข้าถึงประชาชนร้อยละ 80 ภายในปี 2558 และแผนแม่บทด้าน Demand Side ซึ่งเป็นแผนการใช้งานโครงข่ายบรอดแบนด์โดยภาครัฐเพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในภาครัฐเอง

โดยแผนแม่บทด้าน Supply Side นั้นจะประกอบด้วยแผนการลงทุนจัดหาโครงข่ายบรอดแบนด์ให้เข้าถึงประชาชนตามเป้าหมายโครงการ และแผนการจัดตั้งหน่วยงานบรอดแบนด์แห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่จัดหา และบริหารโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ โดยที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง บมจ.ทีโอที บมจ.กสท โทรคมนาคม ผู้ประกอบการภาคเอกชน และ กสทช. ในการรวบรวมข้อมูล และความคิดเห็นเพื่อจัดทำแผนแม่บทที่มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ซึ่งกระทรวงฯ ได้กำหนดให้มีการจัดสัมมนาเพื่อระดมความเห็น ในวันที่ 9 กันยายน 2554 นี้ โดยเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงความคิดเห็น รวมถึงได้เรียนเชิญผู้เชี่ยวชาญ ทั้งไทยและต่างประเทศมาร่วมอภิปรายรูปแบบโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติในต่างประเทศ และการประยุกต์ใช้กับประเทศไทย เพื่อนำผล ที่ได้จากการสัมมนามาประกอบการทำแผนแม่บทฯ ต่อไป

ส่วนแผนแม่บทด้าน Demand Side จะประกอบด้วยแผนการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ด้านต่างๆ แก่ประชาชน โดยมุ่งเน้นบริการหลักๆ ที่ให้กับประชาชนโดยรวมของประเทศ ใน 4 ด้าน ได้แก่ e-Education, e-Agriculture, e-Government และ e-Health ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงไอซีที ได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อจัดทำแผนแม่บทฯ ให้มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ โดยกระทรวงฯ จะมีการจัดสัมมนาเพื่อระดมความเห็นสำหรับการจัดทำแผนแม่บทด้าน Demand Side นี้ในวันที่ 5 กันยายน 2554 และนำผลที่ได้จากการสัมมนามาประกอบการทำแผนแม่บทฯ ด้วยเช่นเดียวกัน

“กระทรวงฯ คาดว่าจะสามารถจัดทำแผนแม่บทฯ แล้วเสร็จประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ สำหรับใช้เป็นกรอบการลงทุนและดำเนินการโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติต่อไป โดยคาดว่าโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านบาทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ซึ่งโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติ ถือเป็นโครงการสำคัญลำดับต้นๆ ที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ความสนใจและเร่งผลักดันให้เริ่มดำเนินการภายในปีงบประมาณ 2555 ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้งานแก่ประชาชนและภาคธุรกิจอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ช่วยลดค่าบริการ รวมทั้งลดช่องว่างในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและบริการอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐสำหรับประชาชนผู้ด้อยโอกาส ซึ่งโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาตินี้ นับเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1652

กระทรวงพาณิชย์เตือนผู้ประกอบการไทยใช้ไอทีละเมิดเสี่ยงถูกดำเนินคดีในสหรัฐอเมริกา

August 31st, 2011 No comments

เนื่องด้วย เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา มลรัฐวอชิงตันได้ประกาศใช้ ที่ไม่เป็นธรรมฉบับใหม่ กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ผู้ผลิตที่ผลิตสิ่งของหรือสินค้าเพื่อขายในมลรัฐวอชิงตันโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่ละเมิดหรือขโมยมาในการดำเนินธุรกิจ เช่น การใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในการผลิต การตลาด หรือ การจัดจำหน่ายสินค้า อาจถูกคู่แข่งขันทางการค้าฟ้องร้องตามกฎหมายได้ ทั้งนี้ นอกจากมลรัฐวอชิงตัน มลรัฐหลุยส์เซียนนาก็ได้ประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวแล้ว และอีกหลายมลรัฐก็อยู่ระหว่างพิจารณาและประกาศใช้กฎหมายในลักษณะเดียวกันนี้

จึงขอแจ้งเตือนผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ อุตสาหกรรมยางรถยนต์ และอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมกระดาษ ฯลฯ ให้ตรวจสอบกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายให้ครบวงจรว่ามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) (ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเครื่องจักร) ละเมิดหรือไม่ และทุกครั้งที่ซื้อหรือติดตั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือเครื่องจักรควรขอหนังสือรับรองจากผู้จำหน่ายว่าฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ หรือเครื่องจักรนั้นถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงความสุ่มเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี

หากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามได้ที่ กรวิการ์ ไฝแก้ว ได้ที่หมายเลข (02) 684-1551- 2

View :1773

“ขายหัวเราะ” แอพพลิเคชั่นฮาใหม่ เจ้าแรกในเมืองไทย ในรูปแบบอี-แมกกาซีน

August 31st, 2011 No comments

” ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดการ์ตูน เปิดตัว “แอพพลิเคชั่น” สำหรับสมาร์ทโฟนและ iPad ในรูปแบบนิตยสารการ์ตูนดิจิตอล อ่านได้ทั้งใน iPad, iPhone และสมาร์ทโฟน Android พร้อมกันเป็นเจ้าแรกในเมืองไทย ยกขบวนความฮาในแบบฉบับขายหัวเราะ ใส่ลูกเล่นในแบบดิจิตอล ตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรี ทั่วโลกแล้ววันนี้ผ่าน “ ฮา แอพ” (Kai Hua Roh)หรือในชื่อเต็มว่า “ แฮพพลิเคชั่น” () แอพพลิเคชั่นใหม่ที่สร้างสรรค์ตามแนวคิดที่ว่าขายหัวเราะคือสัญลักษณ์ของความสุขและความฮาในรูปแบบแอพพลิเคชั่นที่ทันสมัย คลิกที่ไหนฮาที่นั่น

นายวิธิต อุตสาหจิต เจ้าของและบรรณาธิการนิตยสารการ์ตูน “ขายหัวเราะ” นิตยสารการ์ตูนยอดนิยมที่ ครองใจนักอ่านทุกเพศทุกวัยยาวนานกว่า 38 ปี กล่าวว่า “ที่ผ่านมานิตยสารการ์ตูน ขายหัวเราะ ได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบแก๊กสดใหม่ที่ทันสมัยอยู่เสมอ และช่องทางในการนำเสนอทั้งในแบบรูปเล่มและโมบายคอนเทนท์ไปสู่กลุ่มผู้อ่านที่มีมากกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ สำหรับในวันนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาไปสู่ในรูปแบบแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฟนและ iPad โดยการนำนิตยสารการ์ตูน “ขายหัวเราะ” ที่เป็นรูปเล่มไปใส่ลูกเล่นในแบบดิจิตอลในบางส่วนให้มีความน่าสนใจและสร้างความแตกต่างจากรูปเล่มกระดาษ ทำให้สามารถสร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้กับผู้อ่านได้มากยิ่งขึ้น โดยเราได้ทำการเปิดตัว “ขายหัวเราะ ฮา แอพ” (Kai Hua Roh Happlication) แอพพลิชั่นตัวแรกของไทยที่เปิดตัวพร้อมกันบน สมาร์ทโฟนและแทบเลต ยอดนิยมที่มีผู้ใช้จำนวนมาก ได้แก่ iPad, iPhone และ Android ด้วยความตั้งใจขยายอาณาจักรความฮาให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นและครอบคลุมแฟนผู้อ่านที่อยู่ในต่างประเทศทั่วโลกเพื่อเป็น การกระจายเสียงหัวเราะไปสู่คนไทยในต่างแดนรวมทั้งชาวต่างชาติที่มีความสนใจในภาษาไทยและเริ่มต้นศึกษาภาษาไทยง่ายๆ ผ่านแก๊กการ์ตูนในขายหัวเราะ”
ปัจจุบันมีอัตราผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบต่างๆ ทั่วโลกมีมากกว่า 1,500 ล้านเครื่อง นอกจากนี้แทบเลตยอดนิยมอย่าง iPad ก็มีผู้ใช้มากกว่า 80 ล้านเครื่อง และยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายตัวที่รวดเร็วของสื่อใหม่ๆทำให้บรรดาแวดวงธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับสื่อเหล่านี้มากขึ้น สังเกตง่ายๆจากแอพพลิเคชั่น (Application) จำนวนมากที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงการใช้เม็ดเงินโฆษณาของสินค้าแบรนด์ต่างๆในสื่อดิจิตอลก็เติบโตเฉลี่ยแล้ว 30-40% ต่อปี แสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของคนอ่านที่เปลี่ยนจากสิ่งพิมพ์มาสู่ดิจิตอลเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

นายวิธิต กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับ “ขายหัวเราะ ฮา แอพ” นี้จะอำนวยความสะดวกให้กับแฟนนิตยสารการ์ตูนขายหัวเราะทั่วโลกที่มีอุปกรณ์ทั้ง 3 ประเภทนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถสั่งซื้อ “ขายหัวเราะ” ในเล่มอดีตและอนาคตได้ในราคาพิเศษ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “Kai Hua Roh” ลงบนอุปกรณ์ของท่านก็จะได้อ่านนิตยสารการ์ตูน “ขายหัวเราะ” ในรูปแบบใหม่ที่มีคุณภาพความคมชัดของภาพและตัวอักษรดีเยี่ยมได้ และพิเศษสำหรับทุกท่านที่อินสตอลแอพพลิเคชั่นในช่วงนี้จะได้รับฟรี “ขายหัวเราะ ฉบับกระเป๋า เล่มแรก” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเล่มประวัติศาสตร์ที่มีคนถามหามากที่สุด เนื่องจากได้รับเกียรติจากพิธีกรชื่อดังคุณปัญญา นิรันดร์กุล และคุณบุญสม รดาเจริญ อดีตหัวหน้าข่าวบันเทิง หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และนักเขียนชื่อดังสมัยนั้นมาเป็นนักเขียนรับเชิญ นอกจากนี้ยังมีการนำมาพัฒนาใส่ลูกเล่นลงบนคาแรกเตอร์การ์ตูนและเพิ่มเทคนิคพิเศษในหน้าโฆษณาให้ผู้อ่านได้เพลิดเพลินมากยิ่งขึ้นอีกด้วย”

นอกจากการเปิดตัวขายหัวเราะรูปแบบใหม่ข้างต้นแล้ว ในอนาคตกลุ่มบริษัทบันลือกรุ๊ปยังมีโครงการที่จะพัฒนาสินค้า และบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองผู้อ่านในโลกดิจิตอลเพิ่มอีกมากมาย

View :2210

เลอโนโวเปิดตัว ThinkPad Tablet และ IdeaPad Tablet K1

August 31st, 2011 No comments

เปิดตัวแท็บเล็ตดีไซน์ทันสมัยอย่าง สำหรับผู้บริโภค และThinkPad Tablet ดีไซน์วัสดุทนทานเหมาะสำหรับนักธุรกิจ พร้อมขีดความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทั้ง 3 รูปแบบ อาทิ 3G, Wifi และ Bluetooth พร้อมปฏิบัติการเหนือชั้นด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 3.1 ที่ให้คุณเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงมากกว่า 250,000 แอพพลิเคชั่น โดยผู้ใช้สามารถทดลองใช้, ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชั่นลงผลิตภัณฑ์ของเลอโนโวเพียงคลิกบน Lenovo App Shop

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในขณะที่ผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เราเชื่อว่าผู้บริโภคจะหันมาใช้แท็บเล็ตกันอย่างต่อเนื่อง โดยแท็บเล็ตของเลอโนโวทั้งตระกูล IdeaPad และThinkPad ที่เปิดตัวในประเทศไทย ในวันนี้ แท็บเล็ตมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นครบครันและคอนเทนท์ระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็น แอพพลิเคชั่นสำหรับความบันเทิงระหว่างการเดินทาง หรือแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสำหรับคนทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ทั้งนี้ เรามุ่งสร้างสรรค์แท็บเล็ตให้ตรงกับความต้องการผู้ใช้งานทุกไลต์สไตส์ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์อันสูงสุดของผู้ใช้งาน ทั้งด้านความบันเทิงส่วนตัวและธุรกิจ”

สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงแบบฉบับพกพาไปกับผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตรุ่นล่าสุดของเลอโนโว ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลของ NVIDIA Tegra 2 dual-core สุดยอดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้คุณทำงานได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน อีกทั้ง ขีดประสิทธิภาพรวดเร็วยิ่งขึ้นในการเข้าถึงเว็บไซด์ที่ติดตั้งโปรแกรม Flash และเกมส์ รวมถึง โปรแกรมประหยัดพลังงาน เพื่อระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานยิ่งขึ้น

เปิดสัมผัสประสบการณ์สนุกไปกับ IdeaPad K1 Tablet
IdeaPad K1 Tablet มีน้ำหนักเพียง 0.74 กิโลกรัม สุดยอดแห่งการพกพา ซึ่งมาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูงแบบ HD และกล้องด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมขีดสามารถการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth และ Wi-Fi 802.11 ด้วยดีไซน์การผสมผสานความพิเศษของปุ่ม “Home” กับเลอโนโว Launcher แอพพลิเคชั่น ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยสุดได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น อีเมล์ ฟังเพลง หรือ ค้นหาเว็บไซด์ โดย IdeaPad K1 Tablet มาพร้อมกับคุณสมบัติโดดเด่น ดังนี้:

• ประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย: เลอโนโว IdeaPad Tablet K1 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งติดตั้งมาพร้อมแอพพลิเคชั่นยอดนิยมมากกว่า 30 รายการจากบริษัทพันธมิตรชั้นนำ เช่น Amazon, Adobe, Electronic Arts, Rovio, Zinio, Dataviz รวมมูลค่ากว่า 1,500 บาท รวมถึงเกมส์สุดฮิตอย่าง Angry Birds และโปรแกรม Document to go แบบเต็มรูปแบบ

• สุดยอดความบันเทิงฉบับพกพา: ผู้ใช้สามารถเข้าทุกเว็บไซด์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด รวมทั้งการชมวิดีโอออนไลน์ผ่านโปรแกรม Flash 10.3

• อัพเดทสังคมออนไลน์ : ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อโลกสังคมออนไลน์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนด้วย Social Touch แอพพลิเคชั่นที่ออกแบบเฉพาะจากเลอโนโว ให้คุณต่อติดทุกความเคลื่อนไหวบนหน้าต่างเดียว เพราะภาพบอกเล่าเรื่องราวได้เป็นร้อยพันคำ เลอโนโว IdeaPad K1 Tablet จึงมาพร้อมกับความละเอียด ของกล้องด้านหน้าถึง 2 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

• เหนือชั้นด้วยภาพคมชัดระดับ HD: ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสประสบการณ์กับการดูหนังและวิดีโอด้วยภาพที่คมชัด บนหน้าจอแบบ HD ความละเอียด 1280 x 800 และการเชื่อมต่อด้วย มินิ HDMI ซึ่งสามารถชมได้ที่ความละเอียดสูงถึง 1080 พิกเซล เมื่อเชื่อมต่อไปยังจอ HDTV หรือเครื่องมอร์นิเตอร์ เพื่ออรรถรสความบันเทิงของการดูหนังอย่างแท้จริง

• รองรับการเชื่อมต่อบนคลาวด์: ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ เก็บข้อมูลและแชร์ไฟล์ เพลงและรูปได้ถึง 2GB ฟรีบนระบบคลาวด์ โดยไม่ต้องพึ่งฮาร์ดไดรฟ์

• แอพพลิเคชั่นครบครัน: นอกเหนือจากตัวเลือกความสนุกเพื่อการใช้งานมากกว่าพันแอพพลิเคชั่นในร้านค้าในแอนดรอยด์มาร์เก็ตแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดทดลองใช้แอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้บน Lenovo App Shop

นำระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สู่โลกธุรกิจ

ThinkPad Tablet ผสานคุณสมบัติด้านมัลติมีเดียและความบันเทิงที่เหนือชั้นของ IdeaPad Tablet K1 กับคุณสมบัติด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความสะดวกในการบริหารจัดการที่ขึ้นชื่อของธิงค์แพดไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งนี้ เพื่อสร้างแท็บเล็ตรุ่นแรกที่ตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างแท้จริง โดย แท็บเล็ตใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้เป็นคอมพิวเตอร์คู่กายนักธุรกิจที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ โดย ThinkPad Tablet มาพร้อมปากกาดิจิตอล (ออปชั่น) พอร์ต USB และช่องเสียบ SD card ขนาดมาตรฐาน และ mini-HDMI สำหรับต่อเชื่อมกับโปรเจ็คเตอร์และจอภาพ รวมถึงกระเป๋าใส่คีย์บอร์ด Keyboard Folio Case ของแท้จากธิงค์แพด พร้อม Track Point (ออปชั่น)

คุณสมบัติเด่นอีกด้านหนึ่งของ ThinkPad Tablet คือ มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยระบบปกป้องข้องมูลหลายชั้น ทั้งยังมาพร้อมโซลูชั่นจากพันธมิตรธุรกิจของเลอโนโวที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ไอทีบริหารจัดการทรัพยากรได้ง่าย อย่างเช่น ซอฟต์แวร์ป้องกันการโจรกรรมเครื่องและฟังก์ชั่นปิดการทำงานเครื่องกรณีเครื่องสูญหายหรือถูกขโมยด้วยระบบ Computrace* นอกจากนี้ คุณสมบัติด้านความปลอดภัยยังรวมถึง virtual application support with Citrix*, simple zero-touch deployment with LanDesk* และรองรับการใช้งานอีเมล์อย่างปลอดภัยด้วย Good Technology*

ThinkPad Tablet มาพร้อมจอไวด์สกรีน ความละเอียด WXGA (1280×800) ขนาด 10.1 นิ้ว น้ำหนักเพียง 0.75 กิโลกรัม โดดเด่นด้วยจอแบบ IPS กับมุมมองที่กว้างสุดถึง 178องศา วัสดุเป็น Corning* Gorilla* Glass ทนและป้องกันรอยขีดข่วน นับเป็นแท็บเล็ตสำหรับธุรกิจอย่างแท้จริง ให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างคล่องตัว ในการเชื่อมต่อ ทำงานได้มากขึ้น และเพลิดเพลินกับฟังก์ชั่นด้านความบันเทิงมากขึ้น ไม่ว่าจะใช้งานที่บ้านหรือที่ทำงาน

เลอโนโว ThinkPad Tablet มาพร้อมขีดความสามารถสำหรับคู่ใจนักธุรกิจ ดังนี้:

• ธุรกิจเดินหน้า คล่องตัวทุกเวลา: กรณีต้องทำงานระหว่างเดินทาง ThinkPad Tablet ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดดูและแก้ไขไฟล์ Microsoft Office ด้วยแอพพลิเคชั่น Documents to Go จาก DataViz ที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถจดบันทึกซึ่งจะเปลี่ยนเป็นตัวอักษรแบบลายมือเขียนโดยอัตโนมัติด้วย ThinkPad Tablet Pen (ออปชั่น) และหากต้องการความคล่องตัวสูงและประโยชน์ใช้สอยเพิ่มเติม ผู้ใช้สามารถใช้คีย์บอร์ด Keyboard Folio และเมาส์ เพื่อให้พิมพ์ได้รวดเร็ว สะดวก และถูกต้องได้อีกด้วย

• เชื่อมต่อได้สะดวกยิ่งขึ้น: ด้วยคุณสมบัติที่รองรับการใช้งาน WiFi รวมถึง 2GB of free cloud storage และพอร์ต USB และช่องเสียบ SD Card Reader ขนาดมาตรฐาน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนหรือทำสำเนาไฟล์ รวมทั้งแบ่งปันไฟล์มัลติมีเดียและเอกสารรูปแบบต่างๆ กับคนอื่นๆ หรือเครื่องอื่นได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังสามารถต่อเชื่อมกับจอภายนอกผ่านพอร์ต mini-HDMI แบบ built-in เพื่อฉายสไลด์พรีเซ็นเทชั่นได้อีกด้วย ผู้ใช้สามารถ sync ไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วด้วยแท็บเล็ตเมื่อใดก็ได้เมื่อต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 และเมื่อต่อกับแอพพลิเคชั่นอย่าง ooVoo ก็สามารถประชุมผ่านระบบ video conferencing ผ่านกล้อง HD สองตัวได้อย่างชัดเจน ผู้ใช้จะไม่พลาดการติดต่อกับเพื่อนๆ หรือคู่ค้าโดยใช้แอพพลิเคชั่น SocialTouch ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเลอโนโว ซึ่งเชื่อมโยงเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีเมล์ และปฏิทินอิเล็คทรอนิกส์จากผู้ให้บริการทุกรายไว้ใน interface เดียวกันที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน

• สะดวกเชื่อมต่ออุปกรณ์สำนักงาน: ThinkPad Tablet สามารถต่อเชื่อมกับอุปกรณ์และเครือข่ายเน็ตเวิร์คของบริษัทด้วยตัวเอง และผู้ใช้ยังกำหนดรหัสผ่านเฉพาะสำหรับองค์กร เพื่อให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์และใช้งานอีเมล์ของบริษัทหรืองค์กรนั้นๆ ด้วยแอพพลิเคชั่นเฉพาะที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มธุรกิจ ในขณะฝ่ายจัดการแผนกไอทีก็สามารถสร้างกลุ่มโปรแกรมเฉพาะสำหรับการพรีโหลดลงเครื่องได้จากส่วนจัดการ Lenovo Image Technology Center ได้อย่างสะดวกง่ายดาย รวมทั้งแชร์และแจกจ่ายแอพพลิเคชั่นที่บริษัทซื้อมาหรือพัฒนาเองไปยังอุปกรณ์จำนวนมากผ่านร้านค้า app storeที่บริษัทออกแบบและควบคุมได้เองตามความต้องการ เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ใช้สามารถปกป้องข้อมูลสำคัญได้ด้วยคุณสมบัติด้าความปลอดภัยที่รัดกุม ซึ่งได้แก่ ระบบเข้ารหัส SD card ระบบปิดการทำงานเครื่องกรณีเครื่องหาย และซอฟต์แวร์ป้องกันการโจรกรรมเครื่อง


•  อุ่นใจกับระบบป้องกันภัยที่เข้มแข็ง: ลูกค้าของ ThinkPad Tablet สามารถเข้าถึงบริการระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์อันหลากหลายจากเลอโนโว เช่น ThinkPlus Support ซึ่งช่วยให้ลูกค้าธุรกิจสามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคผู้ชำนาญการได้โดยตรงจากเครื่องแท็บเล็ตและระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Tablet Protection ซึ่งเสนอความคุ้มครองครอบคลุมในส่วนของความเสียหายที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน เช่นความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานและความเสียหายเชิงโครงสร้างอันมีสาเหตุจากการหล่น น้ำหกใส่ ไฟฟ้าช็อต และความเสียหายจากอุบัติเหตุอื่นๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้สภาพการใช้งานปกติทั่วไป นอกจากนี้ Imaging Services จากเลอโนโวยังช่วยฝ่ายไอทีให้ไม่ต้องเสียเวลาสร้าง custom images สำหรับเครื่องแต่ละเครื่อง และช่วยให้แน่ใจว่า even with flash images ยังได้รับความคุ้มครองจากเงื่อนไขการประกัน และเครื่องแท็บเล็ตพร้อมใช้งานนับตั้งแต่แกะออกมาจากกล่อง

Lenovo App Shop บริการด้านแอพพลิเคชั่นและคอนเทนท์ระดับพรีเมี่ยม

นอกเหนือจากแอพพลิเคชั่นนับกว่า1,000 รายการที่มีให้โหลดในโลกของผู้ใช้แอนดรอยด์แล้ว ผู้ใช้แท็บเล็ตของเลอโนโวยังสามารถเข้าไปเลือกดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นใน Lenovo App Shop ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอพพลิเคชั่นชั้นนำที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งได้อีกด้วย โดยแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ผ่านการทดสอบแล้วว่าได้ได้ดีกับทั้งแท๊บเล็ตตระกูล IdeaPad และตระกูล ThinkPad ทั้งยังครอบคลุมหมวดหมู่แอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย อาทิ เพลง ภาพยนตร์ หนังสือ รวมถึง แอพพลิเคชั่นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เครือข่ายสังคมออนไลน์ สภาพอากาศ การพิมพ์เอกสาร และอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ Lenovo App Shop ยังรองรับ enterprise applications และแอพสโตร์ขององค์กรต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ธุรกิจทั้งหลายสามารถต่อเชื่อมแท็บเล็ตเพื่อใช้ปฏิบัติงานประจำวันได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงเท่านั้น เลอโนโวยังมีแอพพลิเคชั่น สกุลเงิน และภาษาเฉพาะของแต่ละประเทศให้เลือกใช้อีกด้วย

ราคาและการจัดจำหน่าย

เลอโนโว แท๊บเล็ต จะมีจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายของเลอโนโวทั่วประเทศ
IdeaPad Tablet K1 Wifi 32 GB ราคา 16,990 บาท วางจำหน่ายประมาณเดือนกันยายน 2554
IdeaPad Tablet K1 3G+Wifi 32 GB จะวางจำหน่ายประมาณสิ้นเดือนตุลาคม 2554
ThinkPad Tablet 32GB WIFI + 3G จะวางจำหน่ายประมาณสิ้นเดือนกันยายน 2554
ThinkPad Tablet 64GB WIFI + 3G จะวางจำหน่ายประมาณสิ้นเดือนกันยายน 2554
โดยผลิตภัณฑ์จะมาพร้อมการรับประกัน 1 ปี ซึ่งสามารถอัพเกรดระยะเวลาการรับประกันและความคุ้มครองสำหรับผลิตภัณฑ์ตระกูล IdeaPad เพิ่มเติมอีก 2 ปี และผลิตภัณฑ์ตระกูล ThinkPad เพิ่มเติมอีก 1 ปี

View :2271

ธุรกิจแห่เข้าร่วมสัมมนาบริหารจัดการซอฟต์แวร์

August 31st, 2011 No comments

การจัดสัมมนาเรื่องการบริการจัดการสินทรัพย์ประเภทซอฟต์แวร์ครั้งแรกของปีนี้ ภายใต้หัวข้อ “ทางออกสำหรับการบริหารสินทรัพย์ซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประสิทธิผลทางธุรกิจ” ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจอย่างล้นหลาม

งานสัมมนาวันนี้ จัดขึ้น ด้วยการสนับสนุนของ ภายใต้ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ความรู้ความเข้าใจด้านทรัพย์สินไอที การจัดการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแก่ผู้บริหารองค์กร อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายหรือการหยุดชะงักทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นได้

“ไม่ว่าจากมุมมองด้านธุรกิจหรือด้านกฎหมาย การบริหารจัดการซอฟต์แวร์นั้นสำคัญมาก” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นางปัจฉิมา ธนสันติ “เพื่อประโยชน์ของบริษัทเอง เจ้าของกิจการและผู้บริหารองค์กรธุรกิจ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้ทั้งหมดมีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ตลอดจนทำความเข้าใจว่าการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง สามารถช่วยเพิ่มโอกาสและมูลค่าของธุรกิจได้”

งานสัมมนาครั้งนี้จัดโดยกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ (บีเอสเอ) โดยความร่วมมือของ กระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.)

“ในวาระที่ประเทศไทยกำลังส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านไอทีและพยายามผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม การคุ้มครองและเคารพในสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญายิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น” นางปัจฉิมา กล่าว “ประเทศคู่ค้าคาดหวังให้เราปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์ เช่นเดียวกับที่เราคาดหวังให้นานาชาติเคารพในสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของเรา เป็นเรื่องของการเคารพซึ่งกันและกัน”

เนื้อหาของงานสัมมนา ได้รับการคัดเลือกให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย คือผู้บริหารระดับสูง ภายในงานมีการนำเสนอข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและด้านไอทีเรื่องการตรวจสอบซอฟต์แวร์ การบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ และการปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ตลอดจนแนวทางแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดสำหรับธุรกิจไทย

“ซอฟต์แวร์เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน” นางสาว วารุณี รัชตพัฒนากุล โฆษกของกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ ประจำประเทศไทย กล่าว “หากพิจารณาว่าเราใช้ซอฟท์แวร์บ่อยขนาดไหน ซอฟท์แวร์ช่วยเราทำงานได้มากและประหยัดเวลามากเพียงใด เราก็จะพบว่าจริงๆแล้ว ซอฟต์แวร์เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ สมควรได้รับค่าตอบแทนจากการที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น”

หลายปีที่ผ่านมา บก. ปอศ. ได้ดำเนินการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันเห็นได้จากที่อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนพีซีในประเทศไทยลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองจากฮ่องกงเท่านั้น ในปีนี้ทางกรมฯ ได้เร่งดำเนินงานด้านการสืบสวนกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ โดยตั้งเป้าว่าจะได้ครองอันดับหนึ่งในฐานะประเทศที่ลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ลงได้มากที่สุดในภูมิภาคนี้

“เราต้องการแสดงให้นานาประเทศเห็นว่าไทยเป็นประเทศที่น่านับถือ ในแง่ที่ว่าเราเคารพสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาและมีความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตนวัตกรรมชั้นเยี่ยม” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ โฆษกของบก. ปอศ. กล่าว

View :1799