Archive

Archive for March, 2013

ทรูมูฟ เอช ดึงกลยุทธ์ Segmentation ขยายตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่ม จัดแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น”

March 26th, 2013 No comments


เปิดตัวดีไวซ์ใหม่ 4 รุ่น พร้อมพรีเซ็นเตอร์ “บอย-ปกรณ์” และ “มาร์กี้” ร่วมชวนสนุกกับ 3G+

กรุงเทพฯ 26 มีนาคม 2556 – ทรูมูฟ เอช เดินหน้าชวนคนไทยเปลี่ยนเป็น 3G+ ต่อเนื่อง จัดแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” ให้ครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ทหาร และตำรวจ ได้ใช้บริการ 3G เพื่อการศึกษาและการทำงาน จัดเต็มสิทธิพิเศษ ด้วยแพ็กเกจ 3G+ ราคาเบาๆ เพียงเดือนละ 199 บาท พร้อมรับโบนัสใช้ฟรีสูงสุด 1,200 บาท หรือ รับโบนัสใช้ฟรีเท่าราคาเครื่อง เมื่อซื้อเครื่องพร้อมเปิดเบอร์ใหม่ และให้อินเทรนด์สุดๆ กับโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ทั้ง myLife by True, Facebook, LINE และ Gmail ใช้ฟรีไม่อั้น พร้อมเปิดตัวดีไวซ์ใหม่ 4 รุ่น เอาใจทั้งผู้เริ่มต้นใช้ 3G และสมาร์ทโฟน เสริมความแรงด้วยพรีเซ็นเตอร์คู่สุดฮอต “บอย-ปกรณ์” และ “มาร์กี้” ร่วมชวนสนุกกับ 3G+

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรูมูฟ เอช ย้ำความเป็นผู้ให้บริการ 3G ที่ดีที่สุดและครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด เดินหน้าชวนคนไทยเปลี่ยนเป็น 3G+ อย่างต่อเนื่อง ให้คนไทยทั่วประเทศได้ใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี 3G เต็มประสิทธิภาพ จัดแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” มอบสิทธิพิเศษให้คนมีบัตรเปลี่ยนมาใช้ 3G+ ได้ง่ายกว่าใคร ทั้งครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ทหาร และตำรวจ ด้วยแพ็กเกจค่าบริการสุดพิเศษ และดีไวซ์ที่มีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามความต้องการใช้งาน พร้อมให้เชื่อมต่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คทั้ง myLife by True, Facebook, LINE และ Gmail ได้ไม่จำกัด เพิ่มศักยภาพและความสะดวกสบายให้กับกลุ่มอาชีพต่างๆ ให้สามารถติดต่อสื่อสาร และนำ 3G+ ไปใช้ประโยชน์ในการทำงานหรือการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

แคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” มอบสิทธิพิเศษสำหรับครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เพียงแสดงบัตรประจำตัว จะได้รับสิทธิ์ ดังนี้
§ สมัครใช้แพ็กเกจ iSmart 299 ในราคาเพียงเดือนละ 199 บาท (ปกติ 299 บาท/เดือน) ใช้โทรได้ 100 นาที และเล่นเน็ต 500 เมกะไบต์
§ เปิดเบอร์ใหม่ทรูมูฟ เอช แบบรายเดือนหรือแบบเติมเงิน แพ็กเกจใดก็ได้ รับโบนัสใช้ฟรีสูงสุดถึง 1,200 บาท
§ ซื้อเครื่องพร้อมเปิดเบอร์ใหม่ รับโบนัสโทรและเล่นเน็ตฟรีเท่ามูลค่าเครื่อง
§ ใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ได้แก่ myLife by True, Facebook, LINE และ Gmail ได้ฟรีไม่จำกัด

นอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช ยังเปิดตัวดีไวซ์ใหม่ ที่รองรับการใช้งาน 2 คลื่นความถี่ คือ 850 MHz และ 2100 MHz มอบประสบการณ์ในการใช้งาน 3G ที่ต่อเนื่องและดียิ่งขึ้น

§ GO Live 2 ฟีเจอร์โฟน 3G ราคาเบาๆ เพียง 1,290 บาท สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ 3G ให้สนุกกับ H Application ทั้งดูหนัง ทีวี ฟังเพลง และฟังวิทยุ
§ GO Live S2 สมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 ดีไซน์สปอร์ต สีเหลืองสดใสรับซัมเมอร์ ราคา 2,990 บาท มาพร้อมกับคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นพิเศษจาก บอย-ปกรณ์ และ มาร์กี้
§ GO Live Dual Core สมาร์ทโฟนที่เร็วแรงด้วยระบบประมวลผลแบบ Dual-Core 1.2 GHz ในราคาเพียง 4,290 บาท อัดแน่นลูกเล่นและฟังก์ชั่นเพียบ สนุกครบเครื่องกว่ากับ บอย-ปกรณ์ มาร์กี้ และ ญาญ่า
§ แอร์การ์ด 3G+ รุ่นใหม่ รองรับสปีดสูงขึ้น 21 Mbps ราคา 1,290 บาท

ชาว H จะสนุกกับคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นโดนใจเพียบที่มาพร้อมเครื่อง GO Live S2 และ GO Live Dual Core ไม่ว่าจะเป็น H Theme, H Camera ตกแต่งภาพด้วย Photo Frame, H Interactive เกาะติดข่าวซุป’ตาร์คนโปรด, H Hunt เกมจับผิดภาพ, H Club ให้ใกล้ชิดกับดาราที่ชื่นชอบ และ H Quiz คำถามแบบเจาะลึกพิสูจน์ความเป็นแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งดีไวซ์รุ่นใหม่ทั้งหมดนี้ จะทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2556 ที่ร้านทรูช้อป ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อออนไลน์ก่อนได้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมนี้ ที่ www.truemove-h.com

พร้อมกันนี้ ทรูมูฟ เอช จัดเต็ม 4 พรีเซ็นเตอร์สุดฮอต เพื่อโปรโมทสิทธิพิเศษสำหรับคนมีบัตรให้สนุกกับ 3G+ มากยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำดีไวซ์ใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณา โดย “ณเดชน์” และ “ญาญ่า” รับบทชวนคนมีบัตรมาเป็นชาว H ด้วยกัน ส่วน “บอย-ปกรณ์ และ มาร์กี้” แนะนำสมาร์ทโฟน GO Live S2 และ GO Live Dual Core เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังเตรียมกิจกรรมโรดโชว์ไปยังโรงเรียนและสถานที่ราชการต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

“ทรูมูฟ เอช จะยังคงสานต่อแคมเปญที่จะชวนคนไทยทั่วประเทศเปลี่ยนมาใช้ 3G+ อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าสิทธิพิเศษในแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” จะได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี และเรายังคงเดินหน้าพัฒนาบริการในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น เครือข่าย ที่เร็ว แรง ทั้งโทรและเล่นเน็ตบนเครือข่าย 3G+ ที่มีคุณภาพและครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ดีไวซ์ มีให้เลือกหลากรุ่น หลายราคา ตามความต้องการใช้งาน คอนเทนต์และแอพพลิเคชั่น ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของสมาร์ทดีไวซ์ทุกแพลตฟอร์ม มีให้เลือกมากกว่า 400 แอพพลิเคชั่น บริการหลังการขาย ด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญที่ร้านทรูช้อปกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ และยังมีเพื่อนคู่ค้าและทรูพาร์ตเนอร์อีกกว่า 13,000 ราย และสิทธิพิเศษมากมายที่จะมีเพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนลดร้านค้าที่ร่วมรายการมากกว่า 15,000 ร้าน ครบทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งกิน ดื่ม เที่ยวและช้อปปิ้ง เพื่อให้ชาวเอชสนุกมากยิ่งขึ้นทุกที่ทุกวัน” นายอติรุฒม์ กล่าวสรุป

View :1858
Categories: 3G, Application Tags:

เปิดฉาก AIS The Startup Weekends คึกคัก คนรุ่นใหม่ตบเท้า แข่งสร้างโมบายแอพฯ กว่า 500 คน

March 26th, 2013 No comments

เอไอเอสเดินหน้าเปิดฉากกิจกรรม “AIS The Startup Weekends” มีนักพัฒนาและคนรุ่นใหม่กว่า 500 คน ตบเท้าเข้าประลองไอเดีย สร้างโมบายแอพพลิเคชั่นสุดคึกคัก เมื่อวันเสาร์ที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา ก่อนแบ่งกลุ่มเป็นทีมได้ Startup หน้าใหม่ จำนวน 116 ทีม ร่วมระดมสมอง ใช้เวลาตั้งแต่เช้าถึงค่ำ สร้างแผนธุรกิจพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่น (Business Canvas) นำเสนอต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ โดยจะประกาศผล 25 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ในวันพุธที่ 27 มี.ค. 2556 ทางเว็บไซต์ www.ais.co.th/thestartup เพื่อมาร่วมแข่งขันพัฒนา Product Prototype ต่อไป ในวันที่ 30, 31 มี.ค. 2556

View :1838
Categories: Application Tags:

ฟูจิ ซีร็อกซ์ รุกตลาดเอสเอ็มอี เปิดบริการใหม่ Fuji Xerox Cloud services

March 26th, 2013 No comments

ฟูจิ ซีร็อกซ์ ส่งบริการใหม่ Fuji Xerox Cloud services เจาะตลาดเอสเอ็มอีด้วยโซลูชั่น “Working Folder” ช่วยธุรกิจเชื่อมต่อการทำงานอย่างคล่องตัวผ่านเครื่องมัลติฟังก์ชั่น แถมประหยัดงบประมาณการลงทุนด้านไอที คิดค่า บริการแบบ Pay per use

นายชิงชัย ศิริคะเณรัตน์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์มัลติฟังก์ชั่นสำหรับสำนักงาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ฟูจิ ซีร็อกซ์ ได้เปิดบริการ Fuji Xerox Cloud Services สำหรับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ภายใต้รูปแบบโซลูชั่น “Working Folder” บริการเช่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ ที่ตอบสนองเทคโนโลยี Cloud computing ทำให้สามารถเชื่อมต่อการทำงานให้ธุรกิจเกิดความคล่องตัวเมื่อต้องการเอกสาร โดยสามารถ Log in ผ่านหน้าจอเครื่องมัลติฟังก์ชั่นของ ฟูจิ ซีร็อกซ์ และเข้าสู่ Working Folder โฟลเดอร์บนคลาวด์ เพื่อการจัดเก็บและแชร์เอกสารได้ทันที

ทั้งนี้โซลูชั่น “Working Folder” จะเก็บค่าบริการในรูปแบบ Pay per use โดยการคิดค่าใช้จ่ายค่าเช่าตามพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหรือจ่ายตามจำนวนผู้ใช้ เริ่มต้นที่ 10 GB & 10 Users ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนในสินทรัพย์ เช่น ฮาร์ดแวร์ ,ซอฟต์แวร์, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล, Lease line และ IT support เป็นต้น

นอกจากนี้บริการ Fuji Xerox Cloud Services ยังมีฟังก์ชั่นที่รองรับการใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น สามารถสแกนสู่คลาวด์ “Working Folder” หรือจะเลือกพิมพ์เอกสารในคลาวด์ “Working Folder” ในรูปแบบ PDF, XDW, TIFF ได้โดยตรง สามารถรับแฟกซ์โดยจัดเก็บสู่คลาวด์ “Working Folder” อัตโนมัติ รวมทั้งสามารถเชื่อมการทำงานโดย Log in สู่โปรแกรมจัดการเอกสาร DocuWorks ด้วย Linkage ได้อีกด้วย ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถ Download Application Free บนสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ iOS และ Android ในชื่อ “DocuWorks Folder” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นเพื่อการดาว์นโหลด หรือแสดงเอกสารในแบบThumbnail ได้

”บริการ Fuji Xerox Cloud Services จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการกับงานเอกสารและทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างปลอดภัยด้วยระบบ Security นอกจากนี้ Working Folder ยังเป็นระบบที่ฟูจิ ซีร็อกซ์ ดูแลระบบให้ทั้งในส่วนซอฟต์แวร์และการสำรองข้อมูล สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีได้เป็นอย่างดี” นายชิงชัย กล่าวในตอนท้าย

View :2739
Categories: Cloud Computing Tags:

สแปมเมอร์ล่อหลอกเหยื่อด้วยโปรแกรม “X-Ray” มองทะลุเสื้อผ้า

March 26th, 2013 No comments


เคยได้ยินเกี่ยวกับโปรแกรมที่ช่วยให้คุณมองทะลุเสื้อผ้าบ้างหรือเปล่า?

ทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยของไซแมนเทคตรวจพบโปรแกรมอันตรายที่มีชื่อว่า Android.Uracto ซึ่งส่งข้อความสแปมทาง SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่เก็บไว้ในรายชื่อติดต่อของอุปกรณ์ โดยผู้รับจะถูกล่อหลอกได้อย่างง่ายดาย เพราะข้อความเชิญชวนให้ดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวถูกส่งมาจากคนรู้จัก ไม่ได้ส่งมาจากคนแปลกหน้า

ไซต์ (ตามที่แสดงในรูปภาพด้านล่าง) ปลายทางของลิงค์เชื่อมโยงจะแนะนำโปรแกรม “Infrared X-Ray” ให้แก่ผู้ใช้ พร้อมระบุว่าโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ใช้มองทะลุเสื้อผ้า เมื่อดูผ่านกล้องถ่ายรูปในอุปกรณ์ และแน่นอนว่าผู้ใช้จะสามารถถ่ายภาพนั้นได้ด้วย และไม่แปลกใจเลยที่ในความเป็นจริงแล้ว โปรแกรมดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรม รายละเอียดต่างๆ ที่เก็บไว้ในรายชื่อติดต่อของอุปกรณ์จะถูกอัพโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนด

ไซแมนเทคได้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่ามีโปรแกรมในลักษณะเดียวกันนี้ราว 10 โปรแกรม ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยสแปมเมอร์กลุ่มเดียวกัน ส่วนเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์โดเมนดังกล่าวดูเหมือนว่าจะตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าโปรแกรมจะมีลักษณะแตกต่างกัน แต่ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลักๆ คือ:
1. ขโมยข้อมูลที่เก็บไว้ในรายชื่อติดต่อของอุปกรณ์
2. ขโมยรายละเอียดติดต่อ แต่ส่งข้อความ SMS ที่ประกอบด้วยลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมอันตรายให้แก่ทุกคนในรายชื่อติดต่อ
3. ขโมยรายละเอียดติดต่อและพยายามล่อลวงเหยื่อให้จ่ายเงินสำหรับบริการปลอม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูบล็อกโพสต์ของทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยของไซแมนเทคดังต่อไปนี้:
· มัลแวร์บน Android เจาะระบบของเหยื่อ ส่งสแปมล่อลวงตามรายชื่อผู้ติดต่อ
· AAndroid.Uracto แพร่ระบาด ล่อลวงผู้ปกครอง แฟนการ์ตูน นักเล่นเกม ฯลฯ

รับทราบข่าวคราวล่าสุดเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ติดตามได้ที่ @SymantecASEAN

ไซแมนเทคแนะนำว่าผู้ใช้ไม่ควรคลิกลิงค์ในข้อความต่างๆ เช่น อีเมล์ และข้อความ SMS ที่ส่งมาจากคนแปลกหน้า รวมถึงข้อความที่น่าสงสัยจากคนรู้จัก นอกจากนี้ ควรดาวน์โหลดเฉพาะโปรแกรมจากบริษัทที่ไว้ใจได้ ผู้ใช้ที่ติดตั้งโปรแกรมรักษาความปลอดภัยของไซแมนเทค เช่น Norton Mobile Security หรือ Symantec Mobile Security จะได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามนี้ ซึ่งมีชื่อว่า Android.Uracto

View :2771
Categories: Application, Software Tags:

ไอบีเอ็มชูคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง พร้อมความรู้ความเชี่ยวชาญ ช่วยยกระดับงานวิจัยไทย

March 6th, 2013 No comments

กรุงเทพ 4 มีนาคม 2556 ไอบีเอ็มประกาศสนับสนุนงานวิจัยไทย ด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง หรือ ไฮเพอฟอร์มานซ์ คอมพิวติ้ง (High Performance Computing : HPC) พร้อมด้วยองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ทางด้านเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ สนับสนุนงานวิจัย ให้กับหน่วยงานภาครัฐ องค์กร และนักวิจัย เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนงานวิจัยไทยทั้งระบบให้เกิดความเข้มแข็ง เกิดการสร้างคน สร้างเมือง สร้างประเทศ เพื่อเป็นรากฐานและพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้า สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ โดยมีศูนย์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติ หรือ Asian Disaster Preparedness Center (ADPC) และคณะวิทยาศาสตร์เคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความไว้วางใจใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงของไอบีเอ็ม เสริมศักยภาพงานวิจัยในโครงการ

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า
“ไอบีเอ็มเป็นองค์กรระดับโลกที่ได้สร้างคุณค่านวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี ที่ช่วยพัฒนาการทำงานให้กับองค์กรธุรกิจต่างๆทั่วโลกมาอย่างยาวนาน กับภารกิจสำคัญซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างทั่วถึง เพื่อให้ระบบที่หลากหลายทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์โลกที่ฉลาดมากขึ้นภายใต้แนวคิด Smarter Planet

สิ่งที่ไอบีเอ็มนำมาสนับสนุนงานวิจัยของไทยคือ เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงหรือ High Performance Computing (HPC) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิผลในงานวิจัยและพัฒนาในด้านต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนโดย HPC เป็นคอมพิวเตอร์ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานวิจัย การคำนวณ การสร้างโมเดลในการทำงาน จากคำสั่งจำนวนมากๆ เพื่อหาผลลัพธ์ให้ได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับ การใช้งานวิจัยและพัฒนาขนาดใหญ่ ในกลุ่มอุตสาหกรรมการศึกษา และกำลังขยายไปทุกกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ไอบีเอ็มยังได้นำเอาองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ทางด้านเทคโนโลยี ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ รวมทั้งเงินทุน โดยมีโครงการที่ไอบีเอ็มพร้อมสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยของไทย เช่น IBM Shared University Research (SUR) Awards, IBM Faculty Awards, Smarter Planet Innovation Awards, HPC Workshop ที่ออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง ซึ่งเป็นคอร์สที่เป็นมาตรฐานพร้อมใช้ นอกจากนี้ไอบีเอ็มยังได้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ทางด้าน Deep Computing เข้ามา เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากทั่วโลก โดยการจัดสร้างเครือข่ายในกลุ่มนักวิจัยของไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และเทรนเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์นักวิจัยไทย ให้ได้รับความรู้ในวงกว้างมากขึ้น

ซึ่งทั้งหมดนี้ไอบีเอ็มคาดว่า จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาล กับมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานวิจัย โดยจะเป็นการเปิดโอกาส ให้คณาจารย์หรือนักวิจัยสามารถนำเทคโนโลยีหรือเงินทุนสนับสนุนจากไอบีเอ็มไปดำเนินการค้นคว้า วิจัยหรือพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชน สร้างบุคลากร นิสิตนักศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถใช้เทคโนโลยีพวกนี้เป็น และนำมาเข้าสู่อุตสาหกรรม โดยให้เกิดผลผลิตและผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพงานวิจัยของประเทศต่อไป”

ทางด้าน ดร.พิจิตต รัตตกุล ที่ปรึกษา ศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย(ADPC) กล่าวว่า “ ADPC ทำหน้าที่ให้ความรู้ อบรม ให้คำแนะนำ รวบรวมข้อมูลเรื่องการจัดการอุบัติภัย ทำหน้าที่เตือนภัยใน 23 ประเทศ สิ่งสำคัญในการทำหน้าที่นี้คือ ADPC ต้องมีเทคโนโลยีและเครื่องมือที่จะทำโมเดลของการพยากรณ์ที่มีความแม่นยำสูงมาก เพื่อให้การเตรียมโมเดลนี้สามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ในแต่ละประเทศ ADPC ได้ติดตั้ง IBM Power 775 เพื่อใช้ในงานวิจัย การพยากรณ์อากาศ และ ภัยพิบัติ เพื่อจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติและลดความรุนแรงจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้กับประเทศสมาชิก ก่อนหน้านี้ ADPC ได้ไว้วางใจ และทำงานกับไอบีเอ็มอย่างใกล้ชิด มาก่อนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไอบีเอ็มเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ที่ใช้อยู่ในหลายประเทศ ผมมั่นใจว่าความสามารถในการคาดการณ์ โดยการประมวลผลของ IBM Power 755 ที่รวดเร็ว และแม่นยำสูงจะช่วยลดผลกระทบความสูญเสียและเศรษฐกิจสังคมของประเทศได้เป็นอย่างดี”

ดร.ศรเทพ วรรณรัตน์ รักษาการ ผู้อำนวยการ ห้องปฏิบัติการวิจัยการจำลองขนาดใหญ่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “สวทช. ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์กรมหาชน) จัดตั้ง ภาคีโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติด้าน e-Science หรือ National e-Science Infrastructure Consortium ภาคีนี้มีจุดประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอันได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (HPC) ระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ และ ฐานข้อมูลทางการวิจัย เพื่อรองรับการวิจัย ในส่วนของ สวทช. ได้จัดซื้อระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงจากไอบีเอ็ม ประกอบด้วยเครื่องแม่ข่าย iDataPlex dx360 และระบบจัดเก็บข้อมูล DS3000 ที่มาของความร่วมมือนี้สืบเนื่องจาก การมีความร่วมมือระหว่างนักฟิสิกส์ไทย กับ องค์การเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป หรือ CERN (เซิร์น) ในการวิจัยในสาขาฟิสิกส์อนุภาคพลังงานสูง ซึ่ง เซิร์นเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยได้ใช้ข้อมูลจากเครื่องเร่งอนุภาคที่เซิร์นสร้างขึ้นโดยใช้งบประมาณมหาศาล ส่วนทางไทยต้องมีระบบจัดเก็บข้อมูลและคอมพิวเตอร์ ที่มีความจุข้อมูลและความเร็วในการประมวลผลเพียงพอในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งห้าหน่วยงานจึงได้ตกลงร่วมกันพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลขึ้น ระบบที่พัฒนาขึ้้นนี้ นอกจากจะใช้ในการวิจัยในสาขาฟิสิกส์อนุภาคพลังงานสูงแล้ว ยังจะมีการใช้งานในด้านอื่นๆ คือ ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พลังงาน และ สิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาการและวิศวกรรมเชิงคำนวณ และ ด้านวิทยาการและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ การที่หลายหน่วยงานร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการใช้งานที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นกว่าต่างคนต่างทำ และ สามารถช่วยเหลือแบ่งหน้าที่กันทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การมีระบบคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะที่เพียงพอ ทำให้นักวิจัยสามารถทำงานวิจัยที่ใช้ประโยชน์ได้จริงได้ดีกว่าที่ผ่านมา เช่น การพัฒนาแบบจำลองภูมิอากาศที่่มีความละเอียด แม่นยำมากขึ้น สามารถนำผลไปใช้ในการออกนโยบายและวางแผนการทำการเกษตรกรรม และการจัดสรรน้ำที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม ในอนาคตภาคีฯ จะเปิดรับหน่วยงานอื่นๆ เข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ทำให้โครงสร้างพื้นฐานมีขนาดใหญ่ขึ้น และ ใช้งานได้กว้างขวางยิ่งขึ้น”

รศ.ดร.วุฒิชัย พาราสุข หัวหน้าภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำ HPC และ solution Idataplex ทำงานวิจัยด้าน Computational chemistry ซึ่งเป็นงานที่เรียกได้ว่าพัฒนามาพร้อมๆ กับ HPC ในการทำงานต้องสร้างแบบจำลองขึ้นมาก่อนบนคอมพิวเตอร์ แล้วจากนั้นก็ใช้หลักทฤษฎีสร้างสมการคณิตศาสตร์และหาคำตอบโดยการแก้สมการ ที่ซับซ้อนและมีจำนวนมหาศาล ระบบที่ได้ดำเนินการศึกษา ก็จะมี ตั้งแต่ เชื้อไวรัส HIV หรือเชื้อไวรัสที่เกี่ยวกับโรคเอดส์ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ปัจจุบันนี้กำลังศึกษาระบบที่เกี่ยวกับเซลล์มะเร็ง ดังนั้นระบบ HPC ที่ใช้ต้องมีความสามารถสามประการ คือต้องมีความสามารถในการคำนวณสูง โดยเน้นที่ floating point operation มีขนาด hard disk ใหญ่มาก และมีขนาด memory ใหญ่มากด้วย การมีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้สามารถทำงานทางด้านนี้ได้รวดเร็วขึ้น เพราะเวลาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และก็จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยตรง”

“ด้วยความมุ่งมั่นของไอบีเอ็มในการวิจัยและพัฒนา HPC มาอย่างยาวนาน จนเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก จึงทำให้ไอบีเอ็มมีความพร้อมและตั้งใจจริง ที่จะนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง และความรู้ความเชี่ยวชาญ มาช่วยสนับสนุนงานวิจัยของไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการวิจัยของประเทศให้สูงขึ้น นำไปสู่การสร้างฐานความรู้ที่มีคุณค่า สามารถประยุกต์และพัฒนาวิทยาการที่เหมาะสมและแพร่หลาย รวมทั้งให้เกิดการเรียนรู้และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์สาธารณะ ตลอดจนเกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยใช้ทรัพยากรและเครือข่ายวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ นางพรรณสิรี กล่าวสรุป

View :1482

แฮปปี้จัดแคมเปญแฮปปี้เฮลุ้นโชคสนับสนุนช่องทางเติมเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการผลิตกระดาษ ช่วยลดโลกร้อน

March 6th, 2013 No comments

มอบซัมซุง กาแล็กซี่ แกรนด์ ตอบแทนลูกค้าทุกวัน

4 มีนาคม 2556 – แฮปปี้จัดแคมเปญ แฮปปี้เฮลุ้นโชค มอบรางวัลซัมซุง กาแล็กซี่ แกรนด์ มูลค่า 11,900 บาททุกวันตลอดเดือนมีนาคม ตอบแทนลูกค้าเติมเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการส่งเสริมการลดการผิตกระดาษและลดโลกร้อน พร้อมกับโปรโมตช่องทางเติมเงินใหม่ ๆ ที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า ปัจจุบันแฮปปี้มีช่องทางเติมเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ความสะดวกแก่ลูกค้าหลายช่องทาง ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีสัดส่วนถึง 72% ของการเติมเงินทั่วประเทศ หรือเติบโตจากปี 2555 ถึง 11% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาดีแทคก็ได้เปิดช่องทางใหม่ล่าสุดผ่านบริการ iRefill บนเว็บไซต์ของดีแทค ซึ่งใช้งานง่ายและสามารถเติมเงินได้ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 50 บาท ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้น เดือนมีนาคมนี้จึงจัดแคมเปญพิเศษเพื่อตอบแทนลูกค้าพร้อมทั้งโปรโมตช่องทางเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยจัดมอบรางวัลสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นใหม่ให้กับลูกค้าที่เติมเงินผ่านช่องทางนี้ทุกวันวันละ 1 รางวัลตลอดทั้งเดือน คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นเดียวกับแคมเปญอื่น ๆ ที่เคยจัดมา

“ดีแทคให้ความสำคัญกับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และพัฒนาเป็นช่องทางหลักของการเติมเงินเพื่อมีส่วนร่วมลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตกระดาษ และลดโลกร้อน โดยเราปรับแผนการผลิตบัตรเติมเงินใหม่ทุกระยะเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณการใช้งาน ขณะเดียวกันก็โปรโมตให้ลูกค้าได้ทดลองใช้บริการเติมเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีให้เลือกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะดวกกว่า รวดเร็วกว่า พร้อมทั้งมีความปลอดภัยสูงด้วย” ปกรณ์ สรุป

ลูกค้าแฮปปี้ที่เติมเงินทุก 50 บาทผ่านทางคนขายแฮปปี้ออนไลน์ทั่วประเทศและ E-Channels เช่น บริการผ่านธนาคาร และเคาน์เตอร์บริการ รวมทั้ง iRefill บนเว็บไซต์ดีแทค ตั้งแต่วันที่ 1-31มีนาคม 2556 สามารถมีสิทธิ์เข้าร่วมรับรางวัลได้โดยไม่ต้องสมัคร การเติมเงินเพียง 50 บาท 1 ครั้งถือเป็น 1 สิทธิ์ โดยสิทธิ์จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนเงินที่เติมต่อครั้ง เช่น ลูกค้าที่เติมเงิน 200 บาทต่อครั้งจะได้รับ 4 สิทธิ์ บริษัทฯ จะจับฉลากมอบรางวัล Samsung Galaxy GRAND มูลค่า 11,900 บาททุกวัน รวม 31 รางวัลแก่ผู้โชคดีรวมมูลค่า368,900 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและการประกาศผลรางวัลได้ที่ www..co.th

View :1451

LG LAUNCHES OPTIMUS G IN THAI MARKET

March 6th, 2013 No comments

A cutting-edge smartphone to ‘live without boundaries’

Bangkok, 4 March 2013 – LG Electronics (Thailand) Co., Ltd. has introduced its latest innovative smartphone, the , to the Thai market. A super smartphone featuring best-of-best technologies, the allows users to seamlessly multitask between their personal, business and entertainment needs, going well beyond the boundaries of traditional on-the-go smartphone capabilities. The device features Qualcomm’s SnapdragonTM S4 Pro Quadcore 1.5 Ghz for best-in-class performance, and the sophisticated design is inspired by LG’s L Style design philosophy.

Somsak Athisaitrakul, Product Group Head (Mobile Communications) LG Electronics (Thailand) said “LG Optimus G sets a new standard in the industry. It is a state-of-the-art smartphone developed by LG to serve the borderless lifestyles of today’s consumers. Apart from offering best-in-class performance and features designed for every lifestyle, it is a stylish and elegant handset that has garnered many international awards. We are very confident that the LG Optimus G will be our flagship smartphone and lead to great success this year.”

Just four months after its launch in the market, the Optimus G has already received many prestigious awards. These include CES Innovations 2013, iF Product Design Awards, Naver’s Smartphone of the Year Survey, as well as being ranked the number one smartphone by U.S based Consumer Reports.

The LG Optimus G delivers a cutting-edge viewing experience with a True HD IPS Plus display that offers sharper and crisper images with high color accuracy for natural and life-like quality, meaning users can enjoy using the screen for extended periods without any eye strain. LG’s Zero Gap Technology helps to reduce the gap between the glass and LCD display, while also offering the slimmest panel with no diffused reflection, for clearer and sharper visibility, even outdoors.

Thanks to LG’s new technology, the screen panel has been made thinner, and the screen itself is much stronger and able to effectively withstand impact damage. Corning Gorilla Glass 2 is used for even greater durability and to help protect it from any unexpected scratches. The Optimus G also offers the most enjoyable photo experience with a 13 MP camera and a wide selection of features. With 2GB Ram and 32 GB of memory, users can store memorable moments and personal data to their hearts’ content. All of this power and functionality is housed in a light weight, eye-catching slim body, weighing only 14 g and at just 8.45 mm. thick, caters to fashionable lifestyles. LG also developed and patented an underlying patterned Crystal Reflection to give the back cover the ability to display different patterns depending on the angle and lighting. The intricate pattern gives the Optimus G a clean finish, reminiscent of a precious jewel.

The Optimus G achieves the perfect combination of pleasure and functionality through a unique user experience not achieved in any other device. It is the perfect smartphone for those who have a multi-tasking lifestyle , with a wide range of features including: QSlide, a function that shows two different screens simultaneously on one display so users can quickly send an important work email while playing a graphic-intense video at the same time, QuickMemo, which allows users to take notes on captured documents or photos with their fingers and instantly share with colleagues as an attachment or URL, and Live Zooming, which enhances viewing experiences by enabling consumers to zoom in up to five times while watching video to see small details normally hidden on the screen. Other features include Time Catch Shot, which empowers users to choose the best photo among various shots taken before the shutter button is pressed, and Dual Screen Dual Play, providing the ability to display different content on each screen. such as a slide presentation displayed on a monitor while the Optimus G shows the accompanying speaking notes. Finally, Icon Personalizer allows consumers to customize the sizes and images of their most-used apps.

“The LG Optimus G underscores LG’s commitment to developing smartphone technology that perfectly serves the needs of consumers. It also demonstrates that LG deeply understands these needs and what users are really looking for – not only a high performing smartphone, but one that can truly reflect their own personalities,” added Somsak.

To offer Thai consumers a greater experience with all smart features in the Optimus G, LG is conducting a ‘Code Name G’ facebook campaign, which also gives them a chance to win an LG Optimus G, LG Optimus L7, and other special gifts worth more than 100,000 baht. Consumers can participate in this campaign at www.facebook.com/thailandlifesgood from now until 10 April 2013.
The LG Optimus G is now available, and supports 3G from all operators, using Quad Band 850/900/1900/2100 MHz. It is priced at 19,900 baht (including 7% VAT), including a free, high quality case imported from Korea, as well as protective films for the front and back of the handset, and an optional 0% installation plan for 10 months.

For more information about LG Mobile Communications, please contact the LG Call Center at 0-2878-5757, www.facebook.com/thailandlifesgood or visit www.lg.com/th

View :2006

ทรู ลงนามบันทึกความร่วมมือ จังหวัดนครนายก นำเทคโนโลยีสื่อสาร ร่วมเติมเต็มจังหวัดต้นแบบอัจฉริยะ

March 6th, 2013 No comments


พัฒนาโครงข่ายสื่อสารพื้นฐาน เสริมศักยภาพการบริหารราชการ เพิ่มโอกาสเข้าถึงข้อมูล สร้างชุมชนคุณภาพ

กลุ่มทรู และจังหวัดนครนายก ลงนามบันทึกความร่วมมือ เดินหน้านำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สานต่อเจตนารมณ์การบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ สร้าง “นครนายก” จังหวัดต้นแบบ “จังหวัดอัจฉริยะ” หรือ “Smart Province” เน้นการวางระบบโครงข่ายการสื่อสารพื้นฐานเป็นสำคัญ นำศักยภาพผู้นำ 3G+ และ WiFi จากทรูมูฟ เอช เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานได้ทุกพื้นที่ และเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของชุมชน ผ่านอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ ให้เชื่อมต่อไร้สายครอบคลุมพื้นที่รวม 408 หมู่บ้านทั่วจังหวัด พร้อมเดินหน้าวางโครงข่ายไฟเบอร์ให้หน่วยงานในจังหวัดใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงาน พร้อมร่วมกับจังหวัดพัฒนาโซลูชั่นและแอพพลิเคชั่นสอดคล้องกับการใช้งานของจังหวัด รวมทั้งการสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ปรับรูปแบบการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นของสหกรณ์ชุมชนผ่านช่องทางการตลาดยุคใหม่ มั่นใจยกระดับมาตรฐานการบริหารราชการ เพิ่มคุณภาพชีวิตชาวจังหวัดนครนายก พร้อมรองรับการก้าวสู่เออีซี

ดร.สุรชัย ศรีสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของจังหวัดนครนายกทั้งความเหมาะสมของขนาดพื้นที่ ความพร้อมด้านสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว การเกษตร จังหวัดนครนายกจึงได้รับพิจารณาให้เป็นจังหวัดต้นแบบ “จังหวัดอัจฉริยะ” โดยได้ดำเนินการพัฒนาด้านต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดร่วมมือกับกลุ่ม ทรู ผู้ให้บริการการสื่อสารครบวงจร นำความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีและสื่อสารสมัยใหม่ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการบริหารงานแบบบูรณาการอย่างมีคุณภาพ พัฒนาระบบเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลภาครัฐ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย ระบบเชื่อมโยงโครงข่ายเพื่อใช้ในระบบ คลาวด์ คอมพิวติ้ง, ระบบการส่งเสริมการใช้ PC, IPAD, IPHONE, TABLET เพื่อการใช้งานในจังหวัดอัจฉริยะต้นแบบ รวมถึงระบบเว็บไซต์หลักของจังหวัดอัจฉริยะต้นแบบ เพื่อสนับสนุนให้มีการปรับระบบบริหารจัดการในมิติใหม่ เพิ่มการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน พัฒนาการเรียนรู้บุคลากรในจังหวัด ทำให้ผู้บริหารติดตามความก้าวหน้าประกอบการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันเหตุการณ์ ตามวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด เพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนงานให้เดินไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง สร้างระบบเศรษฐกิจจังหวัดแบบบูรณาการ รวมทั้งสร้างความยั่งยืนรองรับ AEC

นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการบริหารกลุ่ม สายงานธุรกิจภาครัฐ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เป็นความภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนครนายก นำความพร้อมด้านเครือข่ายการสื่อสารของกลุ่มทรู รวมทั้งประสบการณ์เรื่องการพัฒนาโซลูชั่น และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ร่วมสนับสนุนให้จังหวัดนครนายกเป็นต้นแบบ “จังหวัดอัจฉริยะ” หรือ “Smart Province” ตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะขยาย โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด ทั้งโครงข่าย 3G+ ทรูมูฟ เอช ที่ปัจจุบันครอบคลุมถึง 90 % ของประชากรในจังหวัดนครนายก การขยายระบบโครงข่ายไฟเบอร์หลักเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แก่หน่วยราชการต่าง ๆ ของจังหวัด การเพิ่มศักยภาพเครือข่ายสื่อสารให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านทั่วจังหวัด เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตออนไลน์ได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟน ที่มีการใช้งานอยู่แพร่หลายในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น ได้ร่วมกับจังหวัดนครนายกพัฒนาโซลูชั่นและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของจังหวัด การสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ปรับรูปแบบการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นของสหกรณ์ชุมชนผ่านช่องทางการตลาดยุคใหม่ รวมทั้งการร่วมเปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้ผ่านโครงการทรูปลูกปัญญา และส่งมอบชุดอุปกรณ์ 3G+ เพื่อโรงเรียนและชุมชนในจังหวัดเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการใช้งานด้านสาธารณสุขชุมชน ซึ่งมั่นใจว่าความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะร่วมมือกับจังหวัดครั้งนี้จะสร้างประโยชน์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัดนครนายกให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของการเป็นจังหวัดอัจฉริยะต้นแบบได้อย่างแน่นอน

View :1914

ก.ไอซีที จับมือ ทีโอที และ กสท พัฒนาระบบ Wi-Fi ในโครงการแท็บเล็ตเพื่อเด็ก ป.1

March 6th, 2013 No comments

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญา “เช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ โครงการพัฒนาระบบโครงข่ายไร้สาย (Wi-Fi Network)” เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาแก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างกระทรวงไอซีที กับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ว่า เนื่องจากนโยบายของคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงไอซีทีจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ให้แก่โรงเรียนในโครงการ One Tablet per Child หรือ OTPC โดยเริ่มทดลองดำเนินการในโรงเรียนนำร่องสำหรับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ควบคู่กับ การเร่งพัฒนาเนื้อหาที่เหมาะสมตามหลักสูตร รวมทั้งจัดทำระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายตามมาตรฐานเพื่อให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 27,231 โรงเรียน และ มีนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ประมาณ 858,886 คน แต่ยังขาดความพร้อมด้านระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายในห้องเรียน เพื่อใช้งานร่วมกับเครื่องแท็บเล็ตที่มีคุณสมบัติเฉพาะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย Wi-Fi เท่านั้น ซึ่งจะสามารถสร้างโครงข่ายภายในห้องเรียนที่จะช่วยในเรื่องการบริหารจัดการเครื่องแท็บเล็ตให้ง่ายต่อการเรียนการสอนระหว่างครูกับกลุ่มนักเรียน และใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วที่เหมาะสม

กระทรวงไอซีทีเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ให้แก่การศึกษาไทย จึงได้ดำเนินโครงการดังกล่าวขึ้นโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โครคมนาคม จำกัด (มหาชน) ให้เช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาระบบโครงข่ายไร้สาย (Wi-Fi Network) เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เครื่องแท็บเล็ตไปยังห้องเรียนในโรงเรียนต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ดำเนินการต่อยอดจากโครงการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ MOENet แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การค้นคว้าหาความรู้ของนักเรียน ครู และบุคลากรตามโรงเรียนต่างๆ

สำหรับการลงนามในสัญญาดังกล่าวเป็นความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทในลักษณะกิจการค้าร่วม เพื่อวางระบบโครงข่าย Wi-Fi Network ที่ถูกออกแบบไว้ให้เป็นแบบผสม (Hybrid Architecture) ที่ยังคงรูปแบบการบริหารจัดการจากศูนย์กลาง (Centralized Management) ที่ง่ายต่อการควบคุมดูแล การตรวจสอบติดตาม (Monitoring) การแก้ไขปัญหาต่างๆ (Troubleshooting) แต่สามารถลดปัญหาการคับคั่งของข้อมูลที่ศูนย์กลางเพราะมีอุปกรณ์ในการบริหารจัดการ (Traffic Management) ที่ติดตั้งอยู่บนโครงข่าย MOENet ตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 27,231 วงจร แบ่งเป็น บมจ.ทีโอที 26,889 วงจร และ บมจ. กสท โทรคมนาคม 342 วงจร ผู้ใช้งานที่เป็น นักเรียน ครู และบุคลากรตามโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ที่เข้าใช้งานผ่านโครงข่ายแบบสายและไร้สาย จะถูกกำหนดสิทธิ์การเข้าใช้งาน (Authentication) พร้อมระบบการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (Log System) และระบบการบริหารจัดการข้อมูลที่แตกต่างกัน (Traffic Management) เช่น การจำแนกเส้นทางของข้อมูลในโครงข่ายภายใน (Intranet) และภายนอก (Internet) รวมถึงการมีอุปกรณ์ป้องกันการโจมตีเครือข่าย (Firewall) จากผู้ไม่หวังดี (Hacker) เข้าไปยังอุปกรณ์โครงข่ายภายในโรงเรียนต่างๆ ที่อยู่ภายในโครงการ MOEnet ได้ โดยทั้ง 2 บริษัทจะต้องจัดหาอุปกรณ์และดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพความเร็วของวงจรสื่อสารข้อมูล (Bandwidth) ให้ไม่ต่ำกว่า 4 Mbps และดำเนินการเปลี่ยนปรับปรุงรูปแบบของสื่อสัญญาณระบบอินเทอร์เน็ตให้มีความเสถียร โดยให้ใช้ระบบสื่อสัญญาณทางสายชนิดเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ในคลื่นความถี่สำหรับรับส่งข้อมูลในย่านคลื่นความถี่ 2.4 GHz และต้องมี Operating Channel เป็นไปตามมาตรฐานของ Federal Communications Commission (FCC) และ European Telecommunications Institute (ETSI) รวมถึงบริหารระบบจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางอิเล็กทรอนิกส์ (Log System) เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ นอกจากนั้นต้องจัดอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบหรือพนักงานในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พร้อมจัดทำคู่มือการใช้งานและการดูแลระบบเบื้องต้น อีกด้วย

สำหรับกระทรวงไอซีทีจะเป็นผู้ประสานงานเรื่องข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการฯ ให้กับทั้ง 2 บริษัท พร้อมให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะเสร็จสิ้นภายใน 300 วันหลังจากลงนามในสัญญา

“การลงนามสัญญาครั้งนี้จะช่วยให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กว่า 8 แสนคนในโรงเรียนสังกัด สพฐ. กว่า 2 หมื่นโรง ได้ใช้เครื่องแท็บเล็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเป็นการพัฒนาวงการศึกษาไทย และเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ.2555-2559 ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของเด็กวัยเรียน ให้มีความรู้ทางวิชาการ ทักษะและสติปัญญาที่สามารถศึกษาหาความรู้ และต่อยอดองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง รวมทั้งสามารถปรับตัวให้รู้เท่าทันกับข่าวสารภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่รวดเร็ว” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

View :1542

กลุ่มทรู รายงานผลการดำเนินงานปี 2555 รายได้จากการให้บริการโดยรวมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

March 4th, 2013 No comments


กรุงเทพฯ 1 มีนาคม 2556 – บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2555 รายได้จากการให้บริการโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นมาก จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทั้งสามธุรกิจหลัก โดยบริการ 3G+ ของทรูมูฟ เอช และการขยายบริการอัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต ไปสู่ต่างจังหวัด ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโฆษณา และธุรกิจ มิวสิค เอนเตอร์เทนเมนท์ เป็นปัจจัยที่สร้างความเติบโตให้แก่ทรูวิชั่นส์

ในปี 2555 กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็น 61.9 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของทรูมูฟ เอช จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริการที่ไม่ใช่เสียง และความสำเร็จในการเปิดจำหน่าย iPhone 5 และสมาร์ทโฟนอื่นๆ พร้อมแพ็คเกจในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการขายของกลุ่มทรูโมบายล์เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 197.7 จากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้ของกลุ่มทรูออนไลน์เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของบริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไป รวมทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้นของทรูวิชั่นส์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของค่าการขายโฆษณา และการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ในปี 2555
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ลดลงเล็กน้อย (ร้อยละ 2.1) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 16.7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายในการขยายบริการ 3G+ และค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ทรูมูฟ เอช ที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2555 กลุ่มทรูรายงานผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (NIOGO) ไม่รวมภาษีเงินได้รอตัดบัญชี เป็น 5.4 พันล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 7.4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ โดยเฉพาะการด้อยค่าของสินทรัพย์โครงข่าย 2G ของทรูมูฟ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “ในปี 2555 ธุรกิจของกลุ่มทรูมีความคืบหน้าในหลายๆ ด้าน ทั้งการสร้างแบรนด์ทรูมูฟ เอช ให้เป็นผู้นำในการให้บริการ 3จี ด้วยคุณภาพโครงข่ายที่ครอบคลุมทั่วถึง และการให้บริการที่ดีเยี่ยม รวมทั้งการชนะประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ IMT ย่าน 2.1 GHz ที่จะเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการ 3จี ของทรูมูฟ เอช ซึ่งจะทำให้ลูกค้าทรูมูฟ เอช ได้ใช้บริการ 3จี ที่มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นทั้งเรื่องความเร็วและความครอบคลุมในการใช้งาน นอกจากนี้ความสำเร็จของทรูออนไลน์ในการขยายบริการบรอดแบนด์ไปสู่ต่างจังหวัดส่งผลให้มีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิถึงกว่า 2.3 แสนรายในปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยเน้นขยายบริการบนเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ออกสู่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากจะได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องแล้วยังสามารถให้บริการแบบ Triple-play เต็มรูปแบบซึ่งเป็นการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง บริการเคเบิลทีวีและบริการด้านเสียง ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อบนโครงข่ายเดียวกันเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้า และสร้างความแตกต่างให้กับบริการของกลุ่มทรู รวมทั้งเพิ่มโอกาสให้ได้ใช้บริการของกลุ่มทรูมากกว่า 1 บริการอีกด้วย

ในส่วนของทรูวิชั่นส์ ได้มีการเปลี่ยนระบบออกอากาศใหม่ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งสามารถขจัดการลักลอบใช้สัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้นำเสนอประสบการณ์การรับชมที่ดียิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มจำนวนช่องรายการในระบบ HD ส่งผลให้ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา รายได้ค่าสมาชิกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ในธุรกิจทีวี ยังช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการเข้าถึงรายการคุณภาพของทรูวิชั่นส์ได้อีกด้วย ซึ่งความสำเร็จจากพัฒนาการต่างๆ เหล่านี้นอกจากจะส่งผลให้รายได้จากการให้บริการเติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว ผู้ใช้บริการของกลุ่มทรูตั้งแต่ 2 บริการขึ้นไปยังเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2.7 ล้านรายอีกด้วย ซึ่งในไตรมาส 4 ปี 2555 กลุ่มทรูได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์หรือการผสมผสานสินค้าและบริการในกลุ่มทรูเข้าด้วยกัน โดยการนำเสนอสิทธิพิเศษด้วยการเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้าตามจำนวนการใช้งานสินค้าและบริการของกลุ่มทรู เพื่อให้ง่ายและตรงตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น”

“สำหรับปี 2556 ทรูยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ โดยมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการ 3จี และเตรียมเปิดให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ เอช ซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวและการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดของทั้งคลื่นความถี่ 2.1 GHz และ 850 MHz ของ CAT Telecom อีกทั้งบริษัทมีแผนเตรียมขยายโครงข่ายทรูออนไลน์ให้ครอบคลุม 61 จังหวัดทั่วไทยภายในสิ้นปี 2556 ในขณะที่ทรูวิชั่นส์ยังคงมุ่งสร้างพันธมิตรท้องถิ่นทั่วไทย และคงความเป็นผู้นำคอนเทนต์คุณภาพระดับโลก”

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ผลประกอบการของกลุ่มทรูปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2555 เนื่องจากรายได้ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการลงทุนในธุรกิจหลักที่มีการเติบโตสูง ถึงแม้ว่าในปี 2555 ระดับหนี้สินและค่าใช้จ่ายของกลุ่มทรูจะเพิ่มขึ้นทั้งจากการลงทุนขยายโครงข่ายและการทำตลาดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า แต่สิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและสร้างความเติบโตอย่างมั่นคงให้กับองค์กร โดยในปี 2556 กลุ่มทรูจะมุ่งเน้นการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดเพื่อเพิ่มผลกำไรให้แก่บริษัทในระยะยาว”

View :1526
Categories: Technology, Telecom Tags: