Home > Article > รายงานฉบับใหม่ของอีริคสันระบุว่าการเชื่อมโยงระหว่างความเป็นอยู่ผู้ที่อาศัยในเมืองใหญ่กับการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต

รายงานฉบับใหม่ของอีริคสันระบุว่าการเชื่อมโยงระหว่างความเป็นอยู่ผู้ที่อาศัยในเมืองใหญ่กับการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต

ได้ทำการสำรวจผู้ที่อาศัยในเมืองใหญ่ 13 เมือง ซึ่งนับเป็นตัวแทนของประชากรกว่า 100 ล้านคน
• ประมาณร้อยละ 40 ของผู้คนในเมืองใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนและพึ่งพาอาศัยข้อมูลทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการค้นหาข้อมูลและแก้ปัญหาในแต่ละวัน
• ความครอบคลุมของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในลำดับที่สี่ของสิ่งที่ผู้คนในเมืองใหญ่ต้องการมากที่สุด
• การเดินทางไปกลับในแต่ละวันนั้นเป็นต้นเหตุที่มาของความหงุดหงิดและความเครียดของผู้คนในเมืองใหญ่มากที่สุด โดยข้อมูลข่าวสารและโปรแกรมทางโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นสามารถช่วยลดความเครียดได้

รูปที่ 1: สิ่งที่ผู้ที่อาศัยในเมืองพึงพอใจมากที่สุด/น้อยที่สุด


รายงานฉบับใหม่ของทีมงานวิจัย ConsumerLab บริษัทอีริคสันได้ทำการศึกษาและสรุปแง่มุมของความพึงพอใจผู้คนในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่โดยยึดตามสภาพแวดล้อมและสังคมแบบเครือข่าย

หนึ่งในหลายสิ่งที่การวิจัยครั้งนี้ได้ค้นพบคือผู้คนในเมืองขนาดใหญ่ให้ความครอบคลุมของเครือข่ายการให้บริการของโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในลำดับที่สี่ของสิ่งที่ผู้คนในเมืองใหญ่ต้องการมากที่สุดถัดจากเรื่องการจ่ายน้ำและความพร้อมใช้งานของสถานที่ต่างๆทางสังคม โดยเรียงลำดับตั้งแต่จากร้านกาแฟจนถึงสถานความบันเทิง ในทางตรงกันข้าม คุณภาพอากาศที่เลวร้ายและการไม่มีที่จอดรถสามารถส่งผลต่อความรู้สึกไม่พึงพอใจเช่นกัน

“การขยายความเจริญในตัวเมือง (Urbanization) เป็นกลายเป็นกระแสโลก (Global Trend) โดยมีการคาดการณ์ว่า ประชากรในเมืองใหญ่มีการเพิ่มขึ้น 7,500 คนต่อชั่วโมง และผู้คนและสังคมกำลังรู้สึกตึงเครียดกับการมีประชากรมากเกินไปนี้เช่นกัน แต่เราก็ยังเห็นวิธีการที่ผู้คนในเมืองใหญ่ใช้ระบบ ICT เป็นวิธีการในการบริหารและบรรเทาความรู้สึกดังกล่าว และเพื่อทำให้ได้รับประสบการณ์ของชีวิตในเมืองที่ดียิ่งขึ้น” ไมเคิล บจอร์น หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ ConsumerLab บริษัทอีริคสันกล่าว

รูปที่ 2: 13เมืองในรายงานของ ConsumerLab


สิ่งที่สำคัญและน่าสนใจของการอาศัยในเมืองใหญ่คือการสามารถเข้าถึงสิ่่งอำนวยความสะดวยต่างๆได้ง่ายขึ้นเช่น ภัตตาคาร ร้านกาแฟ สถานบันเทิงและตลาด ผู้คนในเมืองใหญ่จะชอบการติดต่อสังสรรค์กันทางสังคม โดยขอบเขตทางสังคมของพวกเขาก็จะขยายกว้างขึ้นมากกว่าผู้ที่ไม่ได้อาศัยในเมืองใหญ่

แต่สิ่งที่ผู้อาศัยในเมืองใหญ่ต้องเผชิญอยู่ด้วยกับฝูงชนและการจราจรที่เพิ่มมากขึ้น การสำรวจพบว่าเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปกลับโดยเฉลี่ยใน 13 เมืองคือสองชั่วโมงยี่สิบนาทีต่อวัน บจอร์น กล่าวว่า “ผู้คนจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อพวกเขาสามารถรู้ว่าการเดินทางไปมาของพวกเขาจะใช้เวลานานเท่าใด เนื่องเพราะนีัจะช่วยให้พวกเขาสามารถใช้และวางแผนเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสมาร์ทโฟนกำลังกลายเป็นเครื่องมือที่มีค่าในการเดินทางไปมาประจำวัน”

“ความเข้าใจในแนวทางและการเดินทางของผู้คนต่างๆมากขึ้นนั้นจะช่วยให้เราพัฒนาและนำเสนอบริการใหม่ๆที่พวกเขาสามารถเข้าใจถึงประโยชน์ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เดินทางโดยจักรยานก็สามารถที่จะรู้ได้ว่าเส้นทางใช้เดินทางและสถานที่ต่างๆรวมถึงที่จอดรถจักรยานของพวกเขาได้ล่วงหน้า ผู้ที่ใช้ระบบการขนส่งสาธารณะก็สามารถรูัตารางเวลาที่มีการปรับปรุงข้อมูลแบบเรียลไทม์และ ผู้วางแผนการเดินทาง หรือสำหรับผู้ที่ขับรถยนต์ ผู้วางแผนการเดินทางโดยใช้ระบบ GPS ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลการจรจรแบบเรียลไทม์ก็จะช่วยให้ประหยัดเวลาและช่วยลดความตึงเครียดได้ค่อนข้างมาก”

รายงานนี้ได้ถูกนำเสนอในในการประชุมสุดยอดว่าด้วยเมืองใหม่ (New Cities Summit) ในกรุงปารีสด้วย

View :1420

Related Posts

Categories: Article Tags:
  1. No comments yet.
  1. No trackbacks yet.
You must be logged in to post a comment.