Archive

Archive for the ‘Application’ Category

“MONO” เตรียมร่วมมือ 3 เทเลคอมในจีน ลงทุน 300 ล้านบาท ส่ง “โมบาย-อินเตอร์เน็ต-มิวสิค-มูฟวี่” ลุยตลาดแดนมังกร

July 4th, 2013 No comments

กรุงเทพฯ – 4 กรกฏาคม 2013

บมจ. โมโน เทคโนโลยี หรือ “ ” เดินหน้าธุรกิจหลังนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดประกาศลุยธุรกิจคอนเทนต์ประเทศจีนด้วยงบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ส่งคอนเทนต์สัญชาติไทยลุยแดนมังกร มั่นใจ “โมบาย-อินเตอร์เน็ต-มิวสิค-มูฟวี่” จะโดนใจชาวแดนมังกรอย่างแน่นอน อาทิ ศิลปินกลุ่มทีป๊อป “อีโวไนน์” , “แคนดี้มาเฟีย”, “จีทเวนตี้” และภาพยนตร์เรื่อง “พี่มากพระโขนง” ของค่ายGTH ที่โมโนได้สิทธิ์ในการนำภาพยนตร์พี่มากพระโขนงไปทำการตลาดในประเทศจีน

คุณนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เปิดเผยว่า เป็นโอกาสเริ่มต้นที่ดี ที่โมโนกรุ๊ปจะจัดตั้งบริษัทที่ประเทศจีน และได้มีการจับมือกับ 3 โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ทั้ง 3 ราย คือ China Mobile, China Unicom, China Telecom ซึ่งมีลูกค้ารวมกันมากกว่า 1,000 ล้านเลขหมาย โดยในเบื้องต้นเราจะมีการร่วมมือกันทำการตลาดที่ มณฑลยูนนาน, มณฑลซื่อชวน และมหานครฉงชิ่ง ซึ่งน่าจะครอบคลุมมากกว่า 150 ล้านเลขหมาย

ที่ผ่านมา MONO ถือเป็นผู้นำด้าน “Entertainment Content Creator” อันดับ 1 ของเมืองไทย ด้วยคอนเทนต์ต่างๆมากมาย อาทิ เพลง ดูดวง คลิปวีดีโอ แฟชั่น ภาพยนตร์ หรือ Mobile Application ต่างๆ เราจึงจับ 4 ธุรกิจหลักที่มีความแข็งแกร่งที่สุด เพื่อทำการตลาดในประเทศจีน คือธุรกิจ โมบาย, อินเตอร์เน็ต, มิวสิค, ภาพยนตร์ โดยโมโนมีฐานลูกค้าผู้ใช้บริการเสริมบนมือถืออยู่ที่ 11 ล้านราย จาก 3 โอเปอเรเตอร์ในไทย เอไอเอส ทูมูฟ รวมทั้งหมด 80 ล้านเลขหมาย ในขณะที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการขายยธุรกิจไปแล้วในกลุ่มประเทศAEC ทั้งประเทศเวียดนามที่มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 135 ล้านเลขหมาย และประเทศอินโดนีเซียที่มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 250 ล้านเลขหมาย ซึ่งคาดว่าจำนวนลูกค้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย 3 ประเทศนี้มีสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจไม่ต่างจากประเทศไทยมากนัก

ในช่วงแรกคอนเทนต์มิวสิค เราจะมีศิลปินกลุ่มทีป๊อป อาทิ อีโวไนน์ แคนดี้มาเฟีย จีทเวนตี้ เข้าไปทำการตลาดที่ประเทศจีน และในระยะยาวจะมีการสร้างศิลปินใหม่ที่ประเทศจีนด้วย โดยรายได้หลักมาจากแพลตฟอร์มดิจิตอล นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง “พี่มากพระโขนง” จากค่ายหนัง GTH ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยรายได้ในประเทศไทยกว่า 1,000 ล้านบาท โดยโมโนกรุ๊ปได้ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เพื่อเข้าโรงฉายภาพยนตร์และจัดจำหน่ายในทุกๆแพลตฟอร์มที่ประเทศจีนด้วย

ที่ผ่านมา MONO เน้นจับมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง ในประเทศจีนถือว่าเรามีโอกาสค่อนข้างสูง ด้วยคอนเทนต์คุณภาพของเรา และจีนเองก็มีแนวโน้มด้านเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ทั้งด้วยจำนวนประชากร และการเปิดประเทศมากขึ้น นี่จึงถือเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญอีกแห่งที่เราพร้อมจะเข้าไปลงทุน และจะเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้รายได้ของ MONO เติบโตอย่างก้าวกระโดด” คุณนวมินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

View :1243

ดีแทคลงนามใน MoU กับกระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและราคาสินค้าช่วยประชาชนรับมือปัญหาสินค้าแพง

July 2nd, 2013 No comments

dtac-158

1 กรกฎาคม 2556 – บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () โดยสำนักงานสำนึกรักบ้านเกิด ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและราคาสินค้าผ่านบริการ SMS *1677 ทางด่วนข้อมูลการเกษตร และแอพพลิเคชั่น ภายใต้ TriNet โครงข่ายอัจฉริยะของดีแทค ซึ่งขณะนี้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี

ดีแทคมุ่งสร้างโอกาสให้คนไทยได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าและมีคุณภาพสูงสุดอย่างเท่าเทียมกันด้วยวิสัยทัศน์ Internet for All ล่าสุดได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและราคาสินค้าให้ประชาชนได้รับรู้อย่างทั่วถึง รวดเร็วแบบเรียลไทม์ ผ่านแอพพลิเคชั่น Farmer Info ต่อยอดจากบริการ SMS *1677 ทางด่วนข้อมูลการเกษตร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มทั่วประเทศ โดยเกษตรกรจะสามารถวางแผนการผลิตและจัดจำหน่าย ผู้ประกอบการจะสามารถประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบธุรกิจ ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็สามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการใช้จ่าย เลือกซื้อสินค้า นอกจากนั้น ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนนโยบายขององค์กรรัฐ ที่มุ่งสร้างความเป็นธรรมด้านราคาสินค้าสำหรับประชาชนทุกกลุ่มอีกด้วย

Farmer Info เป็นโมบายล์แอพพลิเคชั่นด้านการเกษตรหนึ่งเดียวของไทยซึ่งให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ประกอบด้วยเมนูต่างๆ ได้แก่ ราคารับซื้อ ให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาสินค้าจากแหล่งรับซื้อทั่วประเทศก่อนนำไปขายเพื่อให้ราคาดีที่สุด ราคาตลาดสด จาก 6 ตลาดชั้นนำในประเทศ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเปรียบเทียบราคาสินค้าได้ทุกวัน ข่าวสาร แหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารและความรู้ที่เป็นประโยชน์ เกร็ดความรู้ คลิปวิดีโอภูมิปัญญาจากปราชญ์ชาวบ้าน เช่น การปลูกกล้วยกลับหัวเพื่อให้ต้นเตี้ยและลูกดก การป้องกันแมลงเจาะต้นทุเรียนด้วยตาข่ายดักปลา และคลัง SMS แหล่งสืบค้นข้อมูลที่รวบรวมจาก *1677 บริการทางด่วนข้อมูลการเกษตรซึ่งสามารถเลือกอ่านย้อนหลังได้

สำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟนของดีแทคและแฮปปี้ซึ่งใช้ระบบปฎิบัติการ Window Phone สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นและใช้งานได้ฟรีในเดือนกรกฎาคมนี้

View :1154
Categories: Application Tags:

ดีแทคเฟ้นหา 10 ทีมสุดยอดโครงการ dtac Accelerate ก่อนคัดเลือกสุดยอดทีมผู้ชนะสิงหาคมนี้ พร้อมนำลัดฟ้าสู่ซิลิคอน แวลลีย์

June 29th, 2013 No comments

dtac_MG_9188

27 มิถุนายน 2556 – ดีแทคเดินหน้าเต็มสูบโครงการ หลังเวิร์คช็อปจากกูรูไทยและกูรูระดับโลกบินตรงจากซิลิคอน แวลลีย์มาไทย แนะนำผู้เข้าโครงการนี้โดยเฉพาะ เผยตอนนี้อยู่ในช่วง 20 ทีมคัดเหลือ 10 ทีมสุดท้ายกลางกรกฎาคม และจะเข้าสู่เดโมเดย์ (Demo Day) หรือวันแข่งขันเพื่อหาทีมผู้ชนะปลายสิงหาคมนี้

นายซิกวาร์ท โวส เอริคเซน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่าโครงการ dtac Accelerate ได้เดินหน้ามาจนถึงช่วงคัดเลือก 10 ทีมสุดท้าย จาก 20 ทีมในตอนนี้ โดยแต่ละทีมมีไอเดียสร้างสรรค์ และแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจมานำเสนอด้วยกันทั้งสิ้น รวมถึงทีมอื่นๆ แม้แต่ทีมที่เข้ามาไม่ถึงรอบนี้ เราเชื่อว่านักพัฒนาแอพพลิเคชั่นไทยสามารถแสดงศักยภาพบนเวทีระดับโลกได้ ถ้ามีการส่งเสริมอย่างจริงจัง โดยรอบ 10 ทีมสุดท้ายจะคัดเลือกและประกาศในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ และรอบสุดท้ายวันแข่งขันและประกาศผลสุดยอดทีมผู้ชนะในวันเดโมเดย์ (Demo Day) ซึ่งจะจัดขึ้นปลายเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมกับเชิญคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในวงการระดับโลกมาร่วมตัดสิน อาทิ สเตฟานี พอลเมรี่ หนึ่งในผู้มีชื่อเสียงในวงการกองทุนเพื่อการร่วมลงทุนชั้นนำของโลก (Venture Capital) จากซิลิคอน แวลลีย์ กำลังบินมาไทย เพื่องานนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งยังมีกลุ่มนักลงทุนอื่นๆ อีกมากทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค

“สำหรับที่ผ่านมาโครงการ dtac Accelerate ยังได้เชิญกูรูจากซิลิคอน แวลลีย์ บินตรงมาไทยเพื่อมาจัดเวิร์คช็อปให้ความรู้และคำแนะนำแก่ผู้เข้าโครงการนี้มากมาย อาทิ แม็ต มันเดย์ ผู้ซึ่งเคยทำงานอยู่กับแอปเปิ้ล ในช่วงปี พ.ศ. 2551 – 2553 ในความรับผิดชอบล่าสุดคือเป็นหัวหน้าทีมบรรณาธิการ แอปเปิ้ล สโตร์ (Apple Store) พอล แจ๊สเตอร์เซบสกี้ ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในลักษณะเดียวกับแม็ต มันเดย์ ให้กับแอนดรอยด์ (Android) โดยทำงานที่ Nvdia ในฝ่ายพัฒนาธุรกิจสำหรับธุรกิจพัฒนาเกม และฟาดิ บิชารา ผู้ก่อตั้งบริษัท Blackbox โดยเป็นผู้มีความรู้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเป็นเยี่ยม ในด้านการผลักดัน และก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีประเภทบริษัทเกิดใหม่ หรือ Startups ให้เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ เป็นต้น” นายซิกวาร์ท กล่าว

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำโครงการ dtac Accelerate ที่เล็งเห็นความสำคัญในการสร้าง mobile internet ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านการส่งเสริมการตลาดกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในประเทศไทย ดีแทคยังได้เป็นสปอนเซอร์หลัก ร่วมกับผู้สนับสนุนอื่น อาทิ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA, ซัมซุง, สามารถมัลติมีเดีย, และฮับบ้า ไทยแลนด์ (Hubba Thailand) สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกในประเทศไทยครั้งแรกกับการดึง 500 Startups มาร่วมจัดงาน Geeks On A Plane ในประเทศไทย เพื่อพบกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นไทย และบริษัทเกิดใหม่ หรือ Startups พร้อมสร้างโอกาสแจ้งเกิดบนเวทีระดับโลกกับกองทุนเพื่อการร่วมลงทุนชั้นนำของโลก (Venture Capital) และขบวนนักพัฒนา นักลงทุน รวมถึงนักธุรกิจต่างๆ จากซิลิคอน แวลลีย์ ที่บินมาเยือนประเทศไทยกว่า 30 ท่าน

“ดีแทคเชื่อมั่นว่าจะขยายธุรกิจสู่โมบายอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่น เพื่อสร้าง mobile internet ecosystem ที่สมบูรณ์แบบในไทย ทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านการส่งเสริมการตลาดกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในประเทศไทย เพื่อนำแอพพลิเคชั่นดีๆ สู่ผู้ใช้บริการ และเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยร่วมปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เพิ่มพื้นที่เรียนรู้และแสดงศักยภาพให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก” นายซิกวาร์ท กล่าวในที่สุด

ทั้งนี้ ทีมนักพัฒนาแอพที่ชนะเลิศในโครงการ dtac Accelerate จะได้เดินทางไปซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อเข้าร่วมโครงการ Blackbox Connect เป็น 1 ใน 12 ทีมจากทั่วโลก และมีโอกาสได้นำเสนอผลงานกับกลุ่มนักลงทุน ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีองค์กรพัฒนาเทคโนโลยีจำนวนมากมายและภาวะการแข่งขันอันรุนแรง และนอกจากนี้ทีมรองชนะเลิศจะได้รับโอกาสร่วม Accelerator program ในระดับภูมิภาค ซึ่งโครงการ dtac Accelerate นี้มีของรางวัลมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 50 ล้านบาท

View :1281

AIS 3G 2100 ผนึก Google เปิดตัว Free Zone ขยายการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตให้ลูกค้า

June 29th, 2013 No comments

7

27 มิถุนายน 2556 : ตอกย้ำ ตัวจริงผู้ให้บริการแห่งยุค 3G มุ่งขยายตลาดโมบายอินเตอร์เน็ตสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ (Emerging Market) ผนึกกำลัง ตัวจริงระดับโลก สร้างโอกาสในการเข้าถึงโลกอินเตอร์เน็ต ให้ลูกค้าเอไอเอสใช้บริการ Search, Gmail, + ฟรี! บน “AIS โดย ” โดยไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย เอไอเอส เปิดเผยว่า “ด้วยความมุ่งมั่นเร่งพัฒนาเครือข่าย AIS 3G 2100 ให้ครอบคลุมหัวเมืองทั้ง 77 จังหวัด ภายในเดือนสิงหาคม 2556 ที่จะถึงนี้ จะเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกค้าและประชาชนทั่วประเทศได้เข้าถึงโลกข้อมูลข่าวสารอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้อย่างสะดวก ทุกที่ทุกเวลา บนเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง ซึ่งถือเป็นเจตนารมย์หลักในการให้บริการ AIS 3G 2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก ทั้งนี้ นอกเหนือจากคุณภาพการให้บริการแบบครบทุกองค์ประกอบ ภายใต้แนวคิด QDNAs แล้ว กลยุทธ์ทางการตลาดที่เอไอเอสมุ่งแข่งขันในสนาม 3G คือ ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นตัวจริงในด้านต่างๆ ในลักษณะของ Partnership เพื่อร่วมกันส่งมอบบริการที่หลากหลายและดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา

ดังเช่นที่ เอไอเอสได้ผนึกกำลังกับตัวจริงระดับโลกอย่าง Google แบรนด์ชั้นนำที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ มอบประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานโมบายอินเตอร์เน็ตแห่งยุค 3G ให้ลูกค้าเอไอเอสใช้งาน Google Search, Gmail, Google+ ฟรี! บนบริการ “AIS Free Zone โดย Google” โดยไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ และแม้ว่าลูกค้าจะไม่มีแพ็กเกจเล่นเน็ต ก็สามารถใช้บริการได้เช่นกัน เพื่อเป็นการ Educate กลุ่มลูกค้าใหม่ได้เริ่มทดลองใช้งานเน็ตบนมือถือ

ซึ่งที่ผ่านมา เอไอเอส และ Google ทำงานร่วมกันมา ตั้งแต่ปี 2549 จากยุคบุกเบิกโมบายอินเตอร์เน็ตจนถึงวันนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผสานกำลังร่วมกันรุกตลาดโมบายอินเตอร์เน็ตแห่งยุค 3G ด้วยกันอีกครั้ง” นายฐิติพงศ์กล่าว

ด้านนางสาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าวถึงนโยบายของ Google ในการร่วมให้บริการครั้งนี้ว่า “Google มีความยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับ AIS ที่มีเครือข่าย 3G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไป ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักเรียนนักศึกษา ได้มีประสบการณ์ที่ดีในการเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือกับเทคโนโลยีจาก Google อัตราการเติบโตในการใช้งานของชาวไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เห็นบริการ Free Zone จาก Google ช่วยผู้ใช้ชาวไทยด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสร้างประสบการณ์ดีๆ กับการใช้อินเตอร์เน็ตบนโมบายล์ด้วย Google Search สื่อสารกับผู้คนด้วย Gmail และแบ่งปันเรื่องราวดีๆ บน Google+”

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้ดาต้า แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่ม Heavy User หรือผู้ที่ใช้งานเป็นประจำ มีจำนวนกว่า 8 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ใช้สมาร์ทดีไวซ์ และคุ้นเคยกับการใช้ดาต้าและแอพพลิเคชั่นต่างๆ อยู่แล้ว, กลุ่ม Lite User หรือผู้ที่ใช้งานบ้างเป็นบางครั้ง มีจำนวนกว่า 5 ล้านราย และกลุ่ม Non-Data User หรือผู้ที่ไม่เคยใช้งานดาต้า มีอยู่ราว 25 ล้านราย ในกลุ่มนี้ แบ่งเป็นกลุ่มที่มือถือรองรับการใช้เน็ต มีอยู่กว่า 10 ล้านราย และกลุ่มที่มือถือไม่รองรับการใช้เน็ตอีกกว่า 15 ล้านราย ดังนั้น กลุ่ม Non-Data User ที่มือถือรองรับ ตรงนี้ถือว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Market ที่เรามองเห็นโอกาสสำคัญในการเข้าไปทำตลาด

ซึ่งความร่วมมือระหว่างเอไอเอสและ Google ในครั้งนี้ จะช่วยเปิดโลกอินเตอร์เน็ตให้ลูกค้าที่ใช้มือถือธรรมดาที่รองรับการเข้าใช้เน็ต สามารถใช้งาน Google Search ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ทั้งรูปภาพ ข่าว สถานที่ฯลฯ, Gmail อ่าน เขียน และตอบกลับอีเมล์ได้ง่ายๆ และสนุกกับ Google+ อ่านโพสต์ คอมเมนต์ อัพโหลดรูป ในสังคมเครือข่ายได้ฟรี! บนบริการ “AIS Free Zone โดย Google” โดยไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ เมื่อผู้ใช้อยู่ในหน้าที่ขึ้นแถบแสดงผลว่าเป็น Free Zone แต่เมื่อต้องการคลิกเข้าไปสู่หน้าเพจที่ลึกขึ้น หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบ ระบบจะแจ้งเตือนขึ้นมาทันทีว่า หากคลิกหน้าถัดไป จะมีค่าใช้งานดาต้า หากลูกค้ามีแพ็กเกจดาต้าอยู่แล้วก็สามารถคลิกเข้าดูข้อมูลได้เลย แต่หากลูกค้าไม่มีแพ็กเกจ ระบบก็จะนำเสนอแพ็กเกจดาต้าที่เหมาะสมให้ลูกค้าสมัครใช้บริการต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นตลาดเน็ตบนมือถือครั้งใหญ่อย่างแน่นอน” นายปรัธนากล่าวสรุป

บริการ AIS Free Zone โดย Google รองรับบนมือถือทุกรุ่น ทุกระบบปฏิบัติการ ที่เข้าใช้เน็ตได้ โดยลูกค้าเอไอเอสสามารถใช้บริการได้ง่ายๆ เพียงกด *900*00# โทรออก แล้วรอรับลิงค์ SMS เพื่อดาวน์โหลดไอคอนไว้บนมือถือได้ฟรี ไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ

View :1546

เอไอเอส ควงแขน “วงใน” เว็บพาชิมชื่อดัง ต่อยอดแอพฯ นำทาง AIS Guide&Go แนะนำร้านอร่อย

June 25th, 2013 No comments

_AEW9502_2

ตอกย้ำความเป็นตัวจริงด้านแอพพลิเคชั่น เดินหน้าจับมือพันธมิตรชั้นนำ HOOD DUDE ผู้พัฒนาซอฟแวร์เนวิเกชั่น และ เว็บไซต์พาชิมชื่อดัง ต่อยอดแอพพลิเคชั่นระบบนำทางอัจฉริยะบนมือถือ “AIS Guide&Go” ให้บริการค้นหาร้านอาหารรอบตัว และแนะนำที่กิน รีวิวร้านอร่อยทั่วประเทศ พร้อมระบบนำทางไปยังจุดหมาย โดยจุดเด่นของบริการอยู่ที่รีวิวที่มาจากคนที่ไปใช้บริการมาจริงๆ มาแบ่งปันเมนูเด็ด, แชร์รูปภาพ, รสชาติอาหาร, บรรยากาศร้าน และรายละเอียดของร้านอาหาร รวมทั้งแสดงเรตติ้งความนิยม ให้ผู้ใช้ระบบนำทางได้ทราบประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกเดินทางไปใช้บริการ ซึ่งมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารและรีวิวเตรียมไว้ให้เลือกเป็นจำนวนมากถึงกว่า 80,000 รีวิว จากสมาชิกของวงในที่มีมากกว่า 600,000 ราย

ความร่วมมือในการต่อยอดแอพฯ AIS Guide&Go ในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของนวัตกรรมระบบนำทางอัจฉริยะ ด้วยการนำคอนเทนต์แนะนำร้านอาหารอร่อยมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่รักสนุก ชื่นชอบการรับประทานอาหาร เป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับแอพพลิเคชั่นนำทางบนมือถือ ที่มอบความคุ้มค่าให้กับผู้ใช้มากกว่าอุปกรณ์นำทางบนรถยนต์ทั่วไป

ลูกค้าเอไอเอสสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AIS Guide&Go ได้แล้ววันนี้ เพียงโทร. *900 แล้วรอรับลิงค์ หรือผ่านทาง App Store สำหรับ iOS หรือ Play Store สำหรับ Android พิเศษ! ทดลองใช้ฟรี 30 วัน จากนั้นสามารถเลือกแพ็กเกจเพื่อใช้งานได้ ทั้งแบบรายเดือน 49 บาท, รายปี 499 บาท

View :1509

ทรูมันนี่ ตอกย้ำผู้นำธุรกรรมการเงิน e-Money เปิดตัวนวัตกรรมการเงิน TrueMoney Wallet

June 25th, 2013 No comments

ชูฟังก์ชั่น Scan & Pay รายแรกในไทย พลิกโฉมรูปแบบการจ่ายบิล ตอบโจทย์สมาร์ททุกการใช้จ่าย
for press02

กรุงเทพฯ 25 มิถุนายน 2556 – แสดงศักยภาพผู้นำธุรกรรมด้านการเงินยุคดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “สมาร์ททุกการใช้จ่าย” ด้วยนวัตกรรม “” แอพพลิเคชั่นที่โดดเด่นด้วย 3 บริการ ทั้งเติมเงิน (Top up) โอนเงิน (Transfer) และชำระบิล (Bill Payment) พร้อมแนะนำฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด Scan & Pay ครั้งแรกในไทย ชูจุดเด่น ง่าย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย เสมือนมีเคาน์เตอร์ชำระเงินอยู่ในมือ ใช้ได้ทุกเครือข่าย จ่ายบิลได้มากกว่า 80 บิล มั่นใจมียอดผู้ดาวน์โหลด 3 แสนรายภายในสิ้นปีนี้ พร้อมตั้งเป้ายอดรายได้เพิ่มขึ้น 15% หรือคิดเป็นมูลค่า 1,900 ล้านบาท ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาด e-Money และการชำระเงินทั่วโลก

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรูมันนี่ เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่มทรู ที่ทำให้ภาพความเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ ไลฟ์สไตล์ ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเป็นกลไกสำคัญที่แสดงให้เห็นขีดความสามารถในการหลอมรวมบริการต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า สอดคล้องกับแนวโน้มการขยายตัวของบริการ e-Money ที่เติบโตตามตลาดอี-คอมเมิร์ซ และดิจิทัล คอนเทนต์ ทั่วโลก โดยทรูมันนี่ในฐานะผู้นำธุรกรรมการเงิน e-Money พร้อมตอบโจทย์แนวคิด “สมาร์ททุกการใช้จ่าย” อำนวยความสะดวก เอาใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ทั้งในเมืองและในพื้นที่ห่างไกล ที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าและบริการออนไลน์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้ได้รับบริการธุรกรรมทางการเงินที่สะดวกและต้นทุนต่ำ ผ่านเครือข่ายมือถือ อินเทอร์เน็ต และจุดรับชำระเงินทรูมันนี่ที่มีมากถึง 5,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อนำสังคมไทยก้าวสู่อนาคตทางการเงินยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
for press 01
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานและเป้าหมายของทรูมันนี่ในปี 2556 ว่า “ทรูมันนี่ ปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลที่ต้องการเก็บเงินและใช้จ่ายเงินผ่านมือถือ โดยเปิดตัวนวัตกรรม “TrueMoney Wallet” ให้ผู้ใช้บริการสามารถจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับการเงินได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งประกอบด้วย 3 บริการหลัก ได้แก่ เติมเงิน (Top up) โอนเงิน (Transfer) และบริการชำระบิล (Bill Payment) ซึ่งล่าสุด นำเสนอฟังก์ชั่นใหม่ Scan & Pay ครั้งแรกในเมืองไทยที่ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการต่างๆ ด้วยตัวเอง เสมือนมีเคาน์เตอร์ส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง ใช้ได้ทุกเครือข่าย จ่ายได้กว่า 80 บิล

บริการชำระบิล (Bill Payment) ด้วยฟังก์ชั่น Scan & Pay ของ TrueMoney Wallet ออกแบบขึ้น เพื่อช่วยขจัดปัญหาและความยุ่งยากที่ลูกค้าต้องเจอในการชำระบิลค่าใช้บริการต่างๆ ในแต่ละเดือน โดยลูกค้าสามารถทำรายการชำระค่าบริการทุกอย่างที่ต้องการได้ด้วยตัวเองผ่านสมาร์ทโฟน เพียงใช้กล้องถ่ายรูปสแกนบาร์โค้ดเท่านั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวก และสมาร์ทขึ้นอีกขั้นให้ลูกค้าสามารถดูรายการย้อนหลัง แจ้งเตือนการชำระบิลเพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดการจ่ายบิลอีกต่อไป และยังสามารถเก็บไว้ในรายการโปรดเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการใช้งาน

สำหรับบริการเติมเงิน (Top up) ของ TrueMoney Wallet ผู้ใช้บริการสามารถเติมเงินค่าโทรศัพท์เกมออนไลน์ ชั่วโมงอินเตอร์เน็ต Facebook ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
TrueMoney Wallet app
ในส่วนของบริการโอนเงิน (Transfer) ของ TrueMoney Wallet ง่ายๆ ด้วยการใช้แค่เบอร์มือถือ สะดวก รวดเร็ว เหมือนมีตู้เอทีเอ็มส่วนตัว ติดตัวไปด้วยตลอดเวลา ให้ลูกค้าโอนเงินไปยังบัญชีทรูมันนี่ หรือบัญชีธนาคารของผู้รับโอน โดยผู้รับจะสามารถถอนเงินออกที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารชั้นนำได้ทันที

ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าวจะเพิ่มขีดความสามารถของทรูมันนี่ ให้เป็นเสมือนกระเป๋าเงินอัจฉริยะบนมือของทุกๆคน โดยตั้งเป้ายอดรายได้เพิ่มขึ้น 15% หรือคิดเป็นมูลค่า 1,900 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาด e-Money และการชำระเงินทั่วโลก ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักงาน กสทช.ในปีที่ผ่านมา พบว่าคนไทย 68 ล้านคน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 24 ล้านคน และมีผู้ใช้โมบายล์ อินเทอร์เน็ตสูงถึง 17.8 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีผู้ที่เปิดใช้บริการ eWallet แล้ว จำนวน 6 ล้านคน โดยทรูมันนี่เปิดให้บริการแก่ลูกค้ามือถือทุกค่าย

แอพพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เปิดให้ดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 สำหรับผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ภายในเดือนตุลาคมนี้

View :1702

เอไอเอสเปิดตัวแอพฯ ให้ลูกค้า AIS 3G 2100 ใช้ฟรีทั้งระบบคลาวด์ส่วนตัว และสติ๊กเกอร์กว่า 1,000 ภาพ

May 23rd, 2013 No comments

2

23 พฤษภาคม 2556 : เอไอเอสลั่นกลอง ตัวจริง มาตรฐานโลก เดินหน้าสร้างประสบการณ์ชีวิตที่พิเศษยิ่งกว่า ต้อนรับลูกค้า สุดคึกคัก เสิร์ฟ 3 แอพพลิเคชั่นใหม่ล้ำ ให้ลูกค้า ใช้ฟรี! แบบจัดเต็มกับ “AIS myCloud ให้จัดเก็บข้อมูลสำคัญบนพื้นที่ออนไลน์ส่วนตัว, “AIS mySticker Shop” แจกสติ๊กเกอร์ฟรีกว่า 1,000 ภาพ, “AIS Photobox” ติดตามภาพเพื่อนบน FB, IG และ Twitter ได้ในแอพฯ เดียว ตอกย้ำเจ้านวัตกรรมแห่งโลก DATA ที่พร้อมยกระดับการใช้ชีวิตของลูกค้าให้สนุกและสมาร์ทยิ่งขึ้น

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส เปิดเผยว่า “หลังจากเปิดให้บริการ AIS 3G 2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก ก็ได้รับการตอบรับอัพเกรดบริการแล้วกว่า 1.5 ล้านราย แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้งานด้าน Mobile Internet ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันอยู่ราว 12.7 ล้านราย และคาดการณ์เติบโตเป็น 15 ล้านราย ณ สิ้นปี 2556 เมื่อ 3G ครอบคลุมครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งในมิติของการให้บริการแห่งยุค 3G ใหม่ นอกเหนือจากความมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายอย่างสุดกำลัง ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการเครือข่าย 3G 2100 ได้แล้วใน 22 จังหวัด เรายังคงให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านแอพพลิเคชั่น เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว อีกทั้งยกระดับประสบการณ์ในการใช้งานอุปกรณ์สื่อสารให้พิเศษยิ่งขึ้น

วันนี้ เอไอเอสจึงได้พัฒนา 3 แอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์การใช้งานสมาร์ทโฟน และเพิ่มสีสันในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กให้ลูกค้าเอไอเอสที่อัพเกรดเป็น AIS 3G 2100 ได้ใช้ฟรี! ประกอบด้วย

1. AIS myCloud บริการข้อมูลปลอดภัย อุ่นใจแม้มือถือหาย เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ในตัวเครื่องไว้อย่างปลอดภัยบนระบบคลาวด์หรือพื้นที่ออนไลน์ส่วนตัวของคุณเอง ซึ่งเป็นการจุดประกายการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ยุคใหม่ จากการใช้งานในระดับธุรกิจ มาสู่การใช้งานแบบส่วนบุคคล (Individual) โดยผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูล (Backup) ทั้งรายชื่อ, รูปภาพ, วีดีโอ, SMS, ไฟล์เอกสาร ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต พร้อมทั้งสามารถเรียกคืนข้อมูล (Restore) กลับมาใส่ในดีไวซ์เครื่องเดิม หรือเครื่องใหม่ ซึ่งระบบปฏิบัติการต่างกันได้ด้วย ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุไม่คาดคิด โทรศัพท์มือถือหายหรือถูกขโมย แต่ข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์ยังอยู่ครบและสามารถเรียกคืนข้อมูลกลับมาใช้งานได้
พิเศษ! ลูกค้า AIS 3G 2100 สามารถใช้บริการฟรี 30 วัน ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ บน Andriod สำหรับ iOS ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าทั่วไป คิดอัตราค่าบริการแบบรายเดือน 59 บาท/เดือน หรือแบบรายปี 365 บาท/ปี

2. AIS mySticker Shop คลังภาพสติ๊กเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดบนโลกออนไลน์ ที่รวบรวมสติ๊กเกอร์น่ารัก กวนๆ ทั้งจากไทยและญี่ปุ่น กว่า 1,000 ภาพ ที่สามารถส่งได้ทุกแชท ทั้ง LINE, WhatsApp, Facebook, WeChat ในแอพฯ เดียว ซึ่งจุดเด่นของแอพฯ นี้ คือเป็นแหล่งสะสมสติ๊กเกอร์ยอดนิยมที่เคยขึ้นให้บริการบน Official Account ต่างๆ อาทิ น้องอุ่นใจตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกจนถึงปัจจุบัน, น้อง Tiger ของ NOKIA ASHA ในอนาคตจะมีน้องสุขใจ ของ ททท., เถ้าแก่น้อย, การบินไทย ฯลฯ ทยอยมาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในมุมของแบรนด์สินค้า แอพฯ นี้จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสารแบรนด์กับกลุ่มผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างภาพสติ๊กเกอร์ได้ด้วยตัวคุณเอง เพียงดึงภาพจากในมือถือมาตกแต่งสติ๊กเกอร์ได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย
พิเศษ! ลูกค้า AIS 3G 2100 ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ฟรีทุกเซท ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2556 บน Android สำหรับ iOS ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป

3. AIS Photobox แอพพลิเคชั่นที่อำนวยความสะดวกให้คุณสามารถติดตามภาพถ่ายและวิดีโอความเคลื่อนไหวของเพื่อนบน Facebook, Instagram และ Twitter ได้ในแอพฯ เดียว รวมถึงเกาะกระแสภาพฮอตวิดีโอฮิตบนโลกออนไลน์ กับคอนเทนต์หลากหลายทั้งจากไทยและต่างประเทศ จัดเป็นหมวดต่างๆ บนหน้าจอ Display สวยงาม ทันสมัย เรียกดูได้ง่ายๆ ตามความต้องการ
พิเศษ! เปิดให้ลูกค้า AIS 3G 2100 และผู้ที่สนใจดาวน์โหลดแอพฯ และใช้งานได้ฟรีแล้ววันนี้ รองรับทั้งบน Android และ iOS
แอพพลิเคชั่นทั้ง 3 นี้สามารถดาวน์โหลดได้ง่ายๆ ผ่านทาง Play Store บน Android และ App Store บน iOS หรือผ่านทาง AIS Apps โทร. *900 แล้วรอรับลิงค์ URL เพื่อดาวน์โหลด

เหล่านี้ เป็นการตอกย้ำความตั้งใจของเอไอเอสในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นในยุค 3G ที่เป็นตัวจริง มาตรฐานโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งเรามองการแข่งขันในยุค 3G เรื่อง “คุณภาพ” ยังเป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการ เอไอเอสจึงนำเสนอมิติใหม่ของแพ็กเกจเพื่อลูกค้ายุค 3G ที่จัดเต็มทั้ง Voice /Data /Wifi / Application มอบความคุ้มค่าที่มาพร้อมประสบการณ์ใช้งานที่มากยิ่งกว่าเสมอ” นายปรัธนากล่าวสรุป

View :7826
Categories: 3G, Application, SmartPhone/Mobile phone Tags:

แสนสิริตอบสนองชีวิตแบบคอนเวอร์เจนซ์ ร่วมมือพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาต่อยอดนวัตกรรมใหม่ “โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น”

May 21st, 2013 No comments

เพื่อบริการแบบไร้รอยต่อแก่ลูกบ้านแสนสิรินำร่อง 11 โครงการแรก เริ่ม 22 พ.ค นี้

แสนสิริ ไม่หยุดนิ่งในการเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดสานต่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นร่วมกับบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มอบบริการแบบไร้รอยต่อสู่ลูกบ้านแสนสิริตอบรับการใช้ชีวิตในยุคดิจิตัล เพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นโดยเปิดตัว “โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น”นวัตกรรมใหม่ที่สามารถให้บริการ และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ รองรับการใช้งานถึง4 ช่องทาง นำร่อง11 โครงการโดยพร้อมเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค 2556นี้

นายอุทัย อุทัยแสงสุขรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานในการสร้างสรรค์โครงการคอนโดมิเนียม ทำให้แสนสิริเข้าใจถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยในโครงการเป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ แสนสิริได้นำเสนอบริการ “Excellent Service” ที่โครงการ ควอทโทร บาย แสนสิริ (ทองหล่อ ซอย4)เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมาแล้วโดยใช้งานได้ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสที่มีเพียงจุดเดียวในโครงการ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของแสนสิริในการมอบความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านประกอบกับคำมั่นที่ยืนยันว่าจะพัฒนาและนำการบริการดังกล่าวไปใช้ให้สอดคล้องกับโครงการอื่นๆมากขึ้นจากจุดเริ่มต้นดังกล่าว แสนสิริจึงร่วมมือกับบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาระบบ “โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น” เพื่ออำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการของลูกบ้านของเราได้อย่างรวดเร็วทันใจขึ้น และครอบคลุมความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้จริงทั้งยังสอดคล้องกับการใช้ชีวิตในยุคดิจิตัล โดยจะนำมาใช้ในโครงการนำร่องถึง 11 โครงการโดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะเข้ามาช่วยเรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัย โดยการลดขั้นตอนการแจ้งเตือนต่างๆ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วผ่านระบบออนไลน์ และยังมั่นใจได้ว่าข้อมูลต่างๆ จะได้รับการดำเนินการ และสามารถตรวจสอบได้ซึ่งแสนสิริจัดเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยที่มีการพัฒนาซอฟแวร์แอพพลิเคชั่นเพื่อการบริการลูกค้า

“โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น”นับเป็นช่องทางพิเศษเพื่อให้ลูกบ้านและนิติบุคคลของแต่ละโครงการได้ใช้งานบริการต่างๆทางระบบออนไลน์ ซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบอย่างง่ายดายผ่านระบบปฏิบัติการที่หลากหลายถึง 4 ช่องทาง ได้แก่iOS, Android, Website และ จอ Touch Screen ที่มีประจำอยู่ในทุกโครงการ ซึ่งสามารถใช้งานได้ถึง 3 ภาษา ได้แก่ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายสูงสุดแก่ลูกบ้าน โดยไม่ต้องตรวจสอบกล่องจดหมาย ป้ายประกาศหรือเช็คอีเมล์อีกต่อไปทั้งยังสามารถล็อคอินเข้าสู่ระบบโครงการที่ท่านเป็นเจ้าของได้มากกว่าหนึ่งโครงการผ่านระบบเพียงระบบเดียวอีกด้วย” นายอุทัย กล่าว

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติรองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า การที่พลัส เข้ามาร่วมพัฒนาระบบ“โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น”นี้นับว่าเป็นการสร้างความต่าง และสร้างมาตรฐานการให้บริการที่สมบูรณ์แบบ ให้เข้าถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยทั้งไทย และต่างชาติในไทย โดยเป็นการยกระดับด้านบริการสู่ความเป็นเลิศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ในระดับสากลในเมืองไทยได้อย่างทุกวันนี้“โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น” ชูจุดเด่นในด้านมาตรฐานการบริการที่เท่าเทียมกันและมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ดังนั้น ลูกบ้านจึงสามารถมั่นใจได้ว่า ทุกคำร้องเรียนหรือคำติชม จะได้รับการตอบรับจากเจ้าหน้าที่นิติบุคคลจนถึงระดับผู้บริหารระดับสูงของแสนสิริตามลำดับขั้น พร้อมการแจ้งเตือนว่าการดำเนินการอยู่ในระหว่างขั้นตอนใด นอกจากนี้ “โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น”ยังมีความน่าสนใจในความเป็น Eco-Friendly Orientedเนื่องจากเป็นการลดการใช้กระดาษ (Paperless) และทรัพยากรให้น้อยที่สุด ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ Personal Message – ส่งข้อความส่วนตัวแก่นิติบุคคลพร้อมการรับการตอบกลับได้อย่างรวดเร็ว, Delivery – บริการแจ้งเตือนจดหมายและพัสดุเข้าโดยไม่ต้องมาติดต่อเอง, Finance – บริการแจ้งยอดชำระค่าบริการรายเดือนรูปแบบต่างๆ, Homecare – แจ้งเรื่องร้องเรียนถึงงานซ่อมแซม พร้อมรองรับการถ่ายภาพเพื่อแนบไฟล์ภาพประกอบคำอธิบายได้อย่างรวดเร็วฉับไว, Phone Directory – ระบบสมุดรายชื่อโทรศัพท์ของนิติบุคคล แผนกแม่บ้านและหน่วยรักษาความปลอดภัยและ Suggestion Box – ระบบกล่องรับความคิดเห็น เป็นต้น

ทั้งนี้ โครงการนำร่องทั้ง 11 โครงการของแสนสิริ ประกอบด้วย คีนน์ บายแสนสิริ, ซีล บาย แสนสิริ, วายน์ บาย แสนสิริ, ไพน์ บาย แสนสิริ, ทีล สาทร – ตากสิน , เวีย โบทานิ, เวีย31, เวีย49, เดอะเบส สุขุมวิท77 และโครงการในหัวหิน ได้แก่ โครงการบ้านแสนคราม และเชโลน่าเขาเต่าเป็นต้นโดยแสนสิริ และพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาซอฟแวร์แอพพลิเคชั่นต่อไปให้ดียิ่งขึ้นโดยคาดว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบแจ้งเตือน(Push Notification) และ การโต้ตอบแบบ Real time ให้มีการตอบสนองแบบ Interactive เพื่อสร้างความสะดวกสบายและตอบรับทุกไลฟ์สไตล์เหนือระดับของลูกบ้านแสนสิริอย่างต่อเนื่อง

View :1174
Categories: Application Tags:

ดีแทคประกาศความสำเร็จ ยอดผู้ใช้ดีเซอร์เพลงออนไลน์ได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมเปิดตัว dtac Deezer4Artists ในประเทศไทย

May 21st, 2013 No comments

RAT_0238
· ยอดผู้ใช้บริการดีแทค ดีเซอร์พุ่งสูงมากกว่า 300,000 รายและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 1 ล้านรายในสิ้นปี พ.ศ.2556
· ทำการเปิดตัว dtac Deezer4Artists (D4A) ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อทลายกำแพงกั้นระหว่างศิลปินไทยและแฟนเพลงทั่วโลก

21 พฤษภาคม พ.ศ.2556 – ดีแทคฉลองความสำเร็จในการทำธุรกิจร่วมกับดีเซอร์ จากแอพพลิเคชั่นให้บริการเพลงออนไลน์ชั้นนำของโลก ด้วยยอดผู้ใช้บริการดีแทค ดีเซอร์ที่พุ่งสูงมากกว่า 300,000 รายและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 1 ล้านรายในสิ้นปี พ.ศ.2556พร้อมเปิดตัว dtac Deezer4Artists (D4A) แพลตฟอร์มอัจฉริยะล่าสุดที่ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าศิลปินและแฟนเพลงทั่วโลกให้ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม การประกาศในวันนี้แสดงให้เห็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของดีแทคและดีเซอร์ในการคืนอิสระและสร้างคุณค่าแก่วงการเพลงรวมไปถึงช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนเพลงให้แน่นเฟ้นมากยิ่งขึ้น

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า“วันนี้ ดีเซอร์ ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นแอพฟังเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีจำนวนฐานลูกค้ามากว่า 3 แสนราย มีจำนวนรายชื่อเพลงที่ถูกฟังมากกว่า 5 แสนเพลง พร้อมยอดการใช้งานฟังเพลงไปแล้วมากกว่า 8 ล้านครั้งและก้าวต่อไปของเราคือการประกาศความพร้อมที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ขยายให้ลูกค้าดีแทคพรีเพดได้สนุกสนานเพลิดเพลินกับ 20 ล้านเพลงจาก ดีเซอร์ในราคาสุดคุ้มเร็วๆนี้ซึ่งการพัฒนา คอนเทนต์ของ dtac DEEZER ในครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดวิสัยทัศน์ของดีแทคในการก้าวสู่มิติใหม่ “TriNet 3 โครงข่ายอัจฉริยะ” หนึ่งเดียวของไทยที่มีคลื่นความถี่มากที่สุด บนแบนด์วิธที่กว้างที่สุด พร้อมมุ่งสู่ธุรกิจโมบายอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ ด้วยองค์ประกอบทุกอย่างที่พร้อมลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายที่มีศักยภาพเต็มที่ อุปกรณ์สื่อสารที่หลากหลาย การใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกในการพัฒนาเครือข่าย ความพร้อมในการให้บริการด้านคอนเทนต์อย่างครบวงจร ให้ลูกค้าสามารถฟังเพลงได้ไม่จำกัดกว่า 20 ล้านเพลงจากทั่วทุกมุมโลกได้ทุกที่ ทุกเวลาอย่างราบรื่นยิ่งกว่าบนเครือข่าย dtacTriNet”

นายนัดดา บุรณศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทวอร์นเนอร์มิวสิค (ประเทศไทย) กล่าวว่า“วอร์นเนอร์มิวสิคและค่ายเพลงพันธมิตรเห็นว่านี่เป็นโอกาสในการสร้างรายได้สำหรับวงการอุตสาหกรรมดนตรีซึ่งแฟนเพลงสามารถสนับสนุนศิลปินคนโปรดของพวกเขาได้โดยตรงด้วยการฟังเพลงจากดีเซอร์และนำไปแชร์ต่อให้กับครอบครัวเพื่อนฝูงรวมไปถึงคนรู้จักซึ่งถ้าดีเซอร์ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ก็จะเป็นกำลังสำคัญสำหรับวงการเพลงไทยในอนาคตอันใกล้ได้อย่างแน่นอน”

นายวัลลภ เลิศมงคล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส (ดิจิตอล) บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมื่อก่อนค่ายเพลงมีข้อมูลที่จะนำมาวิเคราะห์แบบชัดๆ น้อยมาก ส่วนใหญ่ที่ได้มามักจะเป็นข้อมูลกว้างๆ สิ่งที่ทำได้ก็คือใช้วิธีประเมินเทรนด์ของเพลงหรือศิลปินนั้นๆ เอาเองจากที่ต่างๆ เช่น รายการวิทยุ เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เทรนด์ที่แท้จริงๆ แต่ฟังก์ชั่น Deezer4Artists ที่เพิ่มเข้ามานั้นทำให้เราเห็นความเคลื่อนไหว เห็นอุปสงค์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ในหลายมิติ เช่น จำนวนการฟังเพลงเห็นหน้าตากลุ่มลูกค้าว่าเขาคือใครรู้ว่าฐานของลูกค้าจริงๆ อยู่ที่ไหนทำให้เราสามารถวิเคราะห์ กำหนดกลยุทธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำและเข้าถึงฐานแฟนเพลงจริงๆ ของแต่ละศิลปินได้มากยิ่งขึ้น”

มร. เอเซล ดูเช่ซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีเซอร์ กล่าวเสริมว่า “นี่คือช่วงเวลาสำคัญสำหรับแฟนเพลงและศิลปินเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ปราการขวางกั้นการค้นหาและเข้าถึงเพลงทั้งหมดได้ถูกทลายลงอย่างสิ้นเชิง โดยเราช่วยให้แฟนเพลงทั่วโลกสามารถเข้าสู่จักรวาลที่เติมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน สัมผัสเพลงแนวใหม่พร้อมยกระดับสุนทรียภาพในการฟังเพลงของพวกเขาและในขณะเดียวกัน เรายังใช้เครื่องมืออันยอดเยี่ยมทำหน้าที่สนับสนุนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเหล่าศิลปินและแฟนเพลง รวมไปถึงการวิเคราะห์เพื่อความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าปัจจัยใดเป็นเหตุให้พวกเขาตกหลุมรักเพลงนั้นๆ ซึ่งในปัจจุบัน เครื่องมือดังกล่าวสามารถสร้างหรือทำลายศิลปินได้เลยทีเดียว”

D4A: โปรแกรมแบบองค์รวมที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนเพลง
D4Aประกอบด้วย 4 ฟีเจอร์หลักซึ่งนำเสนอตัวช่วยเพื่อให้ศิลปินและค่ายเพลงมีความเข้าใจในแฟนเพลงอย่างแท้จริงมอบความสามารถในการจัดการพื้นที่หน้าเพจบนดีเซอร์แก่ศิลปินและค่ายเพลงพร้อมอำนวยความสะดวกแฟนเพลงในการค้นหาติดตามรวมไปถึงเพลิดเพลินไปกับเพลงพิเศษของศิลปินคนโปรดได้อีกด้วย

ตัวช่วยวิเคราะห์ข้อมูลดีเซอร์: ศิลปินและค่ายเพลงจะสามารถเข้าถึงการประมวลผลข้อมูลซึ่งมาจากการตามติดความเคลื่อนไหวเพลงของพวกเขาไปทั่วโลกได้แบบเรียลไทม์เครื่องมือนี้ยังจัดหาข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคแก่ศิลปินและค่ายเพลงทำให้พวกเขามีความเข้าใจในกลุ่มผู้ฟังรวมถึงรู้ว่าเพลงใดกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้นอกจากนั้นดีเซอร์ยังอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ทุกคนด้วยดีเซอร์เวอร์ชั่นย่อที่มีความคล้ายคลึงกันกับหัวข้อแนวโน้ม(Trending topics)บนโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Twitter เพื่อให้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่าศิลปินใดกำลังเป็นที่จับตามองและช่วยแฟนเพลงค้นพบพร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของเหล่าศิลปินใหม่

ผู้จัดการแอคเคาท์อัจฉริยะ: ศิลปิน ค่ายเพลงและผู้ให้บริการเพลงในรูปแบบดิจิตอล จะได้รับแอคเคาท์ที่ผ่านการรับรองแล้วจากดีเซอร์โดยแอคเคาท์ดังกล่าวจะปรากฏให้เห็นบนดีเซอร์เพื่อให้แฟนเพลงสามารถติดตาม มีปฏิสัมพันธ์และรับชมเพลย์ลิสต์ ข่าวสาร กิจกรรมคอนเสิร์ตรวมไปถึงพฤติกรรมการฟังเพลงของพวกเขาได้

เพจดีเซอร์: เครื่องมือที่ได้รับการออกแบบมาให้เพจศิลปินบนดีเซอร์สามารถปรับแต่งได้ โดยศิลปินที่มีแอคเคาท์ดีเซอร์สามารถอัพโหลดรูปภาพ อัพเดทสถานะและบริหารจัดการหน้าของตนเองอย่างอิสระ อีกทั้งพวกเขายังสามารถเชื่อมเพจดังกล่าวไปยังแอคเคาท์ใน Facebook และ Twitter ได้อีกด้วย

ตัวช่วยอัพโหลดดีเซอร์: ช่วยให้ศิลปินสามารถอัพโหลดไฟล์เสียงได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเสียงสัมภาษณ์ถาม-ตอบ หรือแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับอัลบั้มและเพลงตัวอย่างของศิลปิน ทำให้เขาใกล้ชิดเหล่าแฟนเพลงยิ่งขึ้นพร้อมอำนวยความสะดวกให้พวกเขาสามารถแชร์ข้อมูลข่าวสารพิเศษต่างๆได้มากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

มร. เอเซล กล่าวปิดท้าย“คุณค่าระยะยาวของเพลงต้องอาศัยความร่วมมือในการเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเหล่าศิลปินและแฟนเพลง โดยเรายินดีที่จะใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน”

View :1225
Categories: Application Tags:

โนเกียร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิตนำร่องสร้างนักพัฒนาแอพรองรับ 3G

April 24th, 2013 No comments

my first app 2

กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2556–โนเกียร่วมกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดโครงการ My First App
(มาย เฟิร์สต์ แอพ) สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี จัดฝึกอบรม และสร้างแลบปฏิบัติการ เพื่อสร้างนักพัฒนาแอพ
ไทยเลือดใหม่รองรับการเติบโตของระบบนิเวศน์สื่อสารเคลื่อนที่หลังเปิดให้บริการ 3G และการขยายตัวของ
สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนา บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุค 3G เต็มรูปแบบ ทำให้เกิดการขยายตัวของการใช้งานอุปกรณ์และระบบสื่อสารเคลื่อนที่ รวมถึงความต้องการด้านแอพพลิเคชั่นเพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น แอพเพื่อการสนทนา แอพสังคมออนไลน์แอพด้านการเงินที่ปลอดภัย แอพเพื่อการท่องเที่ยวและร้านอาหาร แอพข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนแอพด้านภาพถ่าย เกมส์ และความบันเทิงต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีแอพบน Windows Phone Store มากกว่า 135,000แอพ และบน Nokia Store อีกกว่า 63,000 แอพ โดยแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดสามารถทำสถิติมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 375,000 ครั้งในเวลาไม่ถึง 2 เดือน”

ด้วยเหตุนี้ โนเกียและมหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้ริเริ่มโครงการ My First App เพื่อผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่รองรับความต้องการด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่จะเพิ่มมากขึ้นทั้งจากภาคธุรกิจและผู้บริโภครวมทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรไทยให้ก้าวไปสู่ตลาดแอพพลิเคชั่นระดับโลกต่อไปในอนาคต

โครงการ My First App มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาไทย มีความเข้าใจในเทคโนโลยี ระบบปฏิบัติการ และหลักการในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ฝึกอบรม และลงมือปฏิบัติจริงในห้องปฏิบัติการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากโนเกียมาถ่ายทอดวิทยาการ อาทิ APIs ของแผนที่โนเกีย แอพที่ใช้งานเทคโนโลยี NFC เป็นต้น รวมถึงนักพัฒนาแอพ มืออาชีพที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์จริงในการทำงานและเคล็ดลับในการผลิตแอพคุณภาพเพื่อตอบสนองได้ทั้งผู้ใช้งานในประเทศและทั่วโลก

10 โครงการจากนักศึกษาที่ผ่านการฝึกอบรมและนำเสนอแนวคิดในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น จะได้รับการคัดเลือกเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเผยแพร่บน Windows Phone Store เพื่อให้ผู้บริโภคได้ดาวน์โหลดและนำไปใช้งานจริง แอพ จากทีมใดที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุด ผู้พัฒนาจะได้รับโอกาสไปทัศนศึกษาที่ศูนย์พัฒนาและวิจัยของโนเกีย ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยสำคัญของโนเกีย

“ยิ่งมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ในหลากหลายระดับราคา ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสมาร์ทโฟนที่เหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้น และจูงใจให้ผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนเครื่องแรกเพื่อทดลองใช้บริการ 3G ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดความต้องการใช้แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่จะพัฒนาบุคลากรด้านนี้อย่างจริงจัง” นายจิรพัฒน์กล่าวเสริม

ด้านผศ.ดร.ม.ล.กุลธร เกษมสันต์ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงการเตรียมตัวของมหาวิทยาลัยในการผลิตบุคลากรด้านนักพัฒนา เพื่อตอบรับกระแสการเปิดให้บริการ 3G ว่า “อุตสาหกรรมด้าน Mobile Application ในประเทศไทยกำลังมีอัตราการขยายตัวอยู่ในปริมาณสูงเพื่อตอบรับการให้บริการ 3G ทำให้เกิดความต้องการบุคลากรด้านนักพัฒนาแอพมากยิ่งขึ้น ทางคณะเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตบัณฑิตพร้อมใช้ทางด้าน Mobile Application เพื่อตอบสนองการพัฒนาของประเทศ และด้วยปรัชญาของคณะฯที่ “มุ่งมั่นสร้างบัณฑิตไอทีมืออาชีพสู่สังคม” เราจึงมุ่งพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนของหลักสูตร ลงทุนสร้างห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง และร่วมมือกับบริษัทชั้นนำทางด้านไอที เพื่อให้นักศึกษาได้ใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการปฏิบัติจริง และสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมให้กับนักศึกษา เพื่อให้เกิดทักษะและประสบการณ์ พร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้าน Mobile Application ต่อไป”

โครงการ My First App จะเปิดรับสมัครนักศึกษาเฉพาะมหาวิทยาลัยรังสิตในเดือนเมษายน และจะเริ่มฝึกอบรมในเดือนพฤษภาคม แอพที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เผยแพร่บน Windows Phone Store เพื่อให้ดาวน์โหลดในเดือนสิงหาคม และประกาศแอพที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนกันยายน 2556

โนเกียมีแผนขยายโครงการ My First App ไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ภายหลังการประเมินผลโครงการ เพื่อร่วมผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นของไทยให้มากยิ่งขึ้น โนเกียยังตั้งเป้าผลักดันให้เกิดนักพัฒนาเกมส์บนมือถือ ซึ่งเป็นรูปแบบความบันเทิงที่เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคทั่วโลก เนื่องจากเข้าถึงง่าย สะดวกและค่าใช้จ่ายไม่สูง ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยในยุค 3G ได้เป็นอย่างดี

View :1352
Categories: 3G, Application Tags: