Archive

Archive for the ‘Application’ Category

โนเกียชวนประกวดแอปเพื่อสังคมบน Windows Phone 8

February 12th, 2013 No comments

โนเกียจับมือโครงการจุฬาฯ รักษ์โลก จัด “การประกวดแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือเพื่อสังคมยั่งยืนบนระบบปฏิบัติการ ในระดับอุดมศึกษา” เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาทุกสถาบันเสนอแนวคิดและร่วมกิจกรรมพัฒนาแอพเพื่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสังคม ยื่นใบสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 มีนาคมนี้ คลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.ehwm.chula.ac.th

นายญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 เป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่โนเกีย เป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone จึงมีความยินดีในการสนับสนุนเยาวชนไทยได้คิดสร้างสรรค์แอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม” พร้อมเสริมว่า “นอกจากผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 จะได้รับประโยชน์จากแอปที่ได้รับการพัฒนาแล้ว โครงการนี้ยังส่งเสริมให้เกิดนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นเลือดใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อสารเคลื่อนที่ของไทยอีกด้วย”

โครงการนี้เปิดรับสมัครนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาทุกสถาบัน ที่มีความสนใจในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ และมีพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม โดยผู้สมัครจะต้องสร้างสรรค์ผลงานแอปพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ด้วยตัวเอง ไม่ละเมิดสิทธิทางปัญญาของผู้อื่น ภายใต้แนวคิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในด้านต่างๆ ได้แก่ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม สังคม (คุณธรรม จริยธรรม ครอบครัว และชุมชน) ด้านใดด้านหนึ่ง

รับสมัครจำนวนจำกัดเพียง 80 ทีม ทีมละไม่เกิน 3 คน คัดเลือกรอบแรกไม่เกิน 40 ทีม เพื่ออบรมออกแบบแอปพลิเคชั่นในระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 เป็นเวลา 2 วัน ก่อนที่จะแข่งขันกันในรอบต่อไป เพื่อชิงเงินรางวัลเงินสด และ
Nokia Lumia สมาร์ทโฟน บนระบบ Windows Phone 8 รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท พร้อมรับบัญชีสำหรับนักพัฒนา (Developer Account) และสิทธิในการเข้ารับการอบรมการพัฒนาแอปพลิเคชั่นจากโนเกีย

ศึกษารายละเอียดพร้อมดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่โครงการจุฬาฯ รักษ์โลก www.ehwm.chula.ac.th
อีเมล์ chulalovestheearth@hotmail.com หรือโทรศัพท์ 02 218 3959

View :1744
Categories: Application Tags:

เอไอเอส เปิด “AIS Movie Store” ให้ลูกค้าดูหนังผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุค 3G

January 31st, 2013 No comments


(31 มกราคม 2556) เอไอเอสฟอร์มสด หลังประกาศวิสัยทัศน์ เร่งเครื่องเต็มสูบ ลุยสร้างไลฟ์สไตล์ใหม่ ต้อนรับชีวิตยุค 3G ให้กับผู้ใช้บริการและประชาชน ด้วยการเดินหน้าจับมือผู้นำในแวดวงภาพยนตร์ มอบปรากฏการณ์บันเทิงเต็มรูปแบบ กับแอพพลิเคชั่น “” โลกแห่งภาพยนตร์ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จัดเต็มทั้งหนังไทยและเทศจากค่ายดัง ให้คอหนังได้ดาวน์โหลดและชมภาพยนตร์เรื่องโปรดบนสมาร์ทโฟนและสมาร์ทแท็บเล็ต ได้ง่ายๆ ทุกที่ทุกเวลา พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ทั้งบน iOS และ Andriod

นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล กล่าวว่า “ ขณะนี้ เอไอเอสได้ดำเนินการวางเครือข่าย 3G 2100 MHz อย่างขะมักเขม้น เพื่อเตรียมพร้อมให้บริการ AIS 3G ใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งหนึ่งที่มีแนวโน้มเติบโตควบคู่กันไป คือตลาดอุปกรณ์สื่อสารประเภทสมาร์ทโฟนและสมาร์ทแท็บเล็ต ที่คาดว่าจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีกกว่า 7 ล้านเครื่องภายในปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นช่องทางใหม่ในการส่งมอบคอนเทนต์ดีๆ สู่มือผู้ใช้บริการ ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่คุ้นเคยกับการเชื่อมต่อโลกออนไลน์ รวมถึงนิยมเปิดรับข้อมูลข่าวสารความบันเทิงในรูปแบบของดิจิตอลคอนเทนต์ผ่านทางสมาร์ทดีไวซ์ ที่พกพาได้สะดวก สามารถรับชมได้ทุกที่ทุกเวลาแบบ Realtime ดังที่ผ่านมา เอไอเอสได้ปูพรม เปิดให้บริการจำหน่ายดิจิตอลคอนเทนต์ ทั้งข่าวสาร, เพลง, อีบุ๊คส์ บนออนไลน์สโตร์ ซึ่งประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้บริการ
ล่าสุด เพื่อเป็นการมอบปรากฏการณ์ความบันเทิงรูปแบบใหม่ เอไอเอสได้ร่วมมือกับผู้นำในแวดวงภาพยนตร์ ทั้งค่ายหนังชื่อดัง อาทิ สหมงคลฟิล์ม, GTH และผู้จำหน่ายและให้เช่า VCD, DVD, Blu-Ray อย่างแฮปปี้ โฮม เอนเตอร์เทนต์เม้นท์ สร้างมิติใหม่แห่งโลกภาพยนตร์ออนไลน์ เปิดให้บริการ “AIS Movie Store” แอพพลิเคชั่นเพื่อคนรักหนังอย่างเต็มรูปแบบ ที่พร้อมให้ลูกค้าเอไอเอสดาวน์โหลดเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องโปรดทั้งไทยและเทศ ด้วยคุณภาพระดับ HD บนสมาร์ทโฟนและสมาร์ทแท็บเล็ตได้อย่างสะดวกสบาย ทุกที่ ทุกเวลา โดยมีแพ็กเกจค่าบริการให้เลือก ทั้งแบบรายครั้ง และแบบสมาชิก รวมทั้งจัดโปรโมชั่นพิเศษ! ให้ลูกค้าเอไอเอสได้ทดลองใช้บริการฟรี ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้

- แบบรายครั้ง ราคา 59 – 209 บาท ต่อเรื่อง สามารถเลือกดู (สตรีมมิ่ง) หรือดาวน์โหลดทั้งเรื่อง มาเก็บไว้ในเครื่องก็ได้
- แบบสมาชิก 119 บาท ต่อ 7 วัน หรือ 299 บาท ต่อ 30 วัน สามารถเลือกดู (สตรีมมิ่ง) ได้แบบ บุฟเฟ่ท์ ไม่จำกัดจำนวนเรื่อง
“AIS Movie Store” พร้อมให้บริการทั้งบน iOS และ Android โดยลูกค้าเอไอเอสสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ผ่าน 4 ช่องทาง คือ iPhone และ iPad ผ่านทาง App Store, Android ผ่านทาง Google Play Store (Android Market) หรือง่ายๆ เพียงกด *900 หรือพิมพ์ URL http://wap.mobilelife.co.th เลือก “AIS apps” หรือทางเว็บไซต์ http://www.ais.co.th/moviestore
ในเบื้องต้น มีภาพยนตร์ให้เลือกกว่า 150 เรื่อง และมากกว่า 1,000 เรื่อง ภายในไตรมาสแรกนี้ อาทิ ภาพยนตร์ไทยจากค่ายสหมงคลฟิล์ม เช่น ตำนานสมเด็จพระนเรศวร, ต้มยำกุ้ง, องค์บาก, ภาพยนตร์ไทยจากค่าย GTH เช่น กวนมึนโฮ, ATM เออเร่อ เออรัก, รถไฟฟ้ามาหานะเธอ, ภาพยนตร์ต่างประเทศที่ทางแฮปปี้ โฮมฯ เป็นผู้จัดจำหน่าย เช่น Vampire Twilight, PS I Love You, Golden Compass และภาพยนตร์ต่างประเทศจาก MVD เช่น Million Dollar Baby, Underworld รวมถึงภาพยนตร์ไทยคลาสสิก ที่หาดูได้ยาก” นายปรัธนากล่าว

ด้านคุณอัครพล เตชะรัตนประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้ โฮม เอนเตอร์เทนต์เม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า “แฮปปี้ โฮม เอนเตอร์เทนต์เม้นท์ เราเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายและให้เช่า VCD, DVD, Blu-Ray ทั้งภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีโครงข่ายมือถือ และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้เรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ในการขับเคลื่อน Entertainment ในรูปแบบ Home video ไปสู่ Home Video Anytime, Anywhere เป็นการยกระดับความบันเทิงก้าวหน้าไปอีกขึ้น ผ่านแอพพลิเคชั่น “AIS Movie Store” บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ใช้งานบนเครือข่าย AIS 3G และ Wifi ที่เต็มประสิทธิภาพทั่วประเทศ
สำหรับแฮปปี้ โฮม เอนเตอร์เทนต์เม้นท์ การร่วมมือกันสร้าง “AIS Movie Store” จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ก้าวสำคัญในแผนการขยายการให้บริการของบริษัท อีกทั้งเป็นก้าวย่างครั้งประวัติศาสตร์สำหรับวงการธุรกิจผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยและอินเตอร์ ที่สามารถนำเสนอภาพยนตร์และความบันเทิงในรูปแบบใหม่ ซึ่งถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ให้กับผู้ใช้บริการในยุคปัจจุบันและอนาคตเลยทีเดียว”

ส่วนคุณจินา โอสถศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด กล่าวในฐานะของผู้ผลิตภาพยนตร์ว่า “GTH ในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลงาน เราตั้งใจแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ในการนำผลงานไปสู่รูปแบบที่หลากหลายมาโดยตลอด ดังเช่น เมื่อเดือนตุลาคม 2555 ที่ผ่านมามา ที่เราได้ร่วมกับเอไอเอสและ ซัมซุงเริ่มบุกเบิกให้บริการแอพพลิเคชั่น “AIS Galaxy Movie Store” เป็นครั้งแรก ถือเป็นเทคนิคใหม่ในการนำเสนอผลงาน ซึ่งได้รับการตอบรับจากคอหนังเป็นอย่างดี มีผู้ให้ความสนใจใช้บริการกว่า 1 แสนราย อีกทั้งยังสร้างความตื่นตัวให้กับวงการภาพยนตร์เป็นอย่างมาก
ล่าสุดนี้ กับ “AIS Movie Store” จึงเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ในการนำเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายเข้ามาสร้างโอกาสและวิธีการใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย ซึ่งพวกเราเหล่าผู้ผลิตภาพยนตร์รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก ที่ประเทศไทยจะมีโครงข่าย 3G ใช้ในการพัฒนาวงการต่างๆ ต่อไป และเพื่อเป็นการตอบแทนคอหนังชาวเอไอเอส เทศกาลวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ ทาง GTH ได้เตรียมโปรโมชั่นหนังรักสุดพิเศษไว้สร้างความบันเทิงให้กับทุกคนแล้ว”

ด้านคุณชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายขาย บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ซึ่งคว่ำหวอดอยู่ในธุรกิจด้านการตลาดและการขายภาพยนตร์มีมุมมองต่อการให้บริการครั้งนี้ว่า “วันนี้ สหมงคล ฯ มีภาพยนตร์ในตลาดมากกว่า 2,000 เรื่อง และมีภาพยนตร์เรื่องใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 15 เรื่องต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์อีกมากมายที่ไม่ได้วางขายหรือให้เช่า อาทิ ภาพยนตร์ไทยสุดคลาสสิก ที่ทรงคุณค่าและหาดูได้ยากของเมืองไทย เช่น แผลเก่า, รอยไถ, แสนแสบ ฯลฯ เราจึงมองเห็นว่า AIS Movie Store จะเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ เปิดช่องทางใหม่ในการกระจายคอนเทนต์ภาพยนตร์ไปสู่มือผู้ชมได้อย่าง Direct ง่ายดาย และสะดวกมากขึ้น เพราะ AIS Movie Store เป็นออนไลน์สโตร์ที่สามารถจัดวาง Shelf หนังได้อย่างไม่จำกัด (Unlimited) ปราศจากข้อจำกัดด้านเวลา แลสถานที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่จัดวางหน้าร้าน ทั้งยังเป็นการลดต้นทุนการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่างๆด้วย”

View :1527
Categories: Application Tags:

ifec ชูแอพพลิเคชั่น PageScope Mobile for iOs/Andriod รับกระแสโมบายพริ้นติ้งมาแรงปี 56 หนุนปริมาณพิมพ์งานเพิ่ม

January 7th, 2013 No comments

ชี้กระแสโมบายออฟฟิศดันการสั่งพิมพ์งานผ่านอุปกรณ์ไร้สายเพิ่ม หลังสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตเติบโตพุ่ง องค์กรธุรกิจหนุนพนักงานใช้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวด้านการทำงาน สบช่องเร่งสร้างการรับรู้แอพพลิเคชั่น จากโคนิก้ามินอลต้า ชูจุดเด่นสามารถสั่งพิมพ์ จาก Cloud ทั้งอีเมล์ รูปภาพ งานเอกสาร เว็บไซต์หรือสั่งสแกนจากเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นเข้าสู่มือถือ ด้วยรูปแบบการใช้งานง่าย หนุนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการเอกสารภายในองค์กร และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายงานด้านเอกสารลง

นายคาวี แหวนทองคำ ผู้จัดการแผนกวางแผนและจัดการระบบงานเอกสาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ ifecผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องดิจิทัล มัลติฟังก์ชั่น ‘โคนิก้า มินอลต้า’ รายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากแนวโน้มองค์กรธุรกิจที่เปิดกว้าง ให้พนักงานสามารถใช้งานอุปกรณ์ไร้สายเข้ามาเชื่อมโยงระบบข้อมูลและซอฟต์แวร์ในองค์กร ด้วยแนวคิด (Bring Your Own Device) หรือ BYOD ผ่านเทคโนโลยีระบบสื่อสารไร้สายและ คลาว์คอมพิวเตอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของจำนวนอุปกรณ์ไร้สาย เช่น สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ไร้สายและเครื่องพิมพ์ เป็นสิ่งที่มี ความจำเป็นและมีความสำคัญมากขึ้น

บริษัทฯ จึงได้เร่งสร้างการรับรู้โมบายแอพพลิเคชั่น PageScope Mobile for iOS/Android ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ไร้สายกับเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น ให้ลูกค้าสามารถสั่งพิมพ์งานได้จากทุกที่ ด้วยจุดเด่นด้านการออกแบบฟังก์ชั่นการทำงานพิมพ์เอกสารจากอุปกรณ์ไร้สายสะดวก เหมือนการสั่งงานพิมพ์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ และรองรับงานพิมพ์ได้ทุกประเภททั้งเอกสาร รูปถ่าย อีเมล์ ผ่านไวไฟ (wifi) สามารถเชื่อมต่อกับ Cloud Service ได้ทุกระบบ ทั้ง iCloud, GoogleDrive, Evernote, Dropbox และ MS Office365 โดยลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้แล้ว ผ่าน AppStore และ Google Play Store

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถสแกนเอกสารจากเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น ‘โคนิก้ามินอลต้า’ เข้าสู่อุปกรณ์ไร้สายได้โดยตรง ซึ่งเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงานเอกสาร และช่วยในการบริหารจัดการงานเอกสารภายในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น รองรับการเติบโตของการใช้งานเอกสาร ในรูปแบบดิจิตอล และการสั่งพิมพ์งานผ่านอุปกรณ์ไร้สายหรือโมบายพริ้นติ้งที่จะมีปริมาณสูงขึ้นในอนาคต

“ปีนี้ 56 เรามองว่ากระแสโมบายด์พริ้นติ้งจะเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ด้านการใช้งานให้แก่ผู้ใช้งานพิมพ์เอกสารภายในองค์กร ซึ่งทางโคนิก้ามินอลต้า ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นPageScope Mobile for iOS/Android ไว้รองรับการใช้งานโมบายพริ้นติ้ง เพื่อให้ลูกค้ามีความคล่องตัว ในการทำงานด้านการพิมพ์งานเอกสารและยังช่วยบริหารจัดการงานเอกสารภายในองค์กร ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การทำงานเอกสารผ่านเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นของลูกค้ามีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงยิ่งขึ้น” นายคาวี กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีความพร้อมด้านตัวเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น โคนิก้ามินอลต้าสีและขาวดำ ที่สามารถรองรับการสั่งพิมพ์เอกสารผ่านโมบายพริ้นติ้งมากกว่า 30 รุ่น โดยมีความเร็วในการพิมพ์เอกสารตั้งแต่ 20 ถึง 75 แผ่น/นาที เช่น เครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นสี bizhub C224 และรุ่น bizhub C35 ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ทำรายการส่งเสริมการขายผ่อนชำระเพียงเดือนละ 1,850 บาท จึงเชื่อมั่นว่า ด้วยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการใช้งานมากขึ้น และฟังก์ชั่นการทำงานของเครื่องที่หลากหลายรุ่นพร้อมให้บริการ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย บริหารจัดการเอกสารภายในองค์กรลงได้

View :1521

เอไอเอส เผยยอดผู้ส่งความสุขปี’56 ผ่านเครือข่าย social network พุ่งสูงกว่าปกติถึง 300%

January 3rd, 2013 No comments

2 มกราคม 2556 : นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เปิดเผยถึงพฤติกรรมการส่งความสุขและอวยพรปีใหม่ผ่านเครือข่ายมือถือ ว่า “การอวยพรปีใหม่ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงได้รับความนิยมและขยายรูปแบบการส่งที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นตามพัฒนาการของเทคโนโลยีแห่งโลกของ Online และ Social Media โดยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายก็คือ
- การอวยพรและการสื่อสารผ่านโลก Online บน ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Application อย่าง Facebook, LINE และ What’s App สูงขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปกติ โดยรูปแบบจะเป็นการส่งความสุขปีใหม่ในกลุ่มเพื่อนสนิท หรือ ผู้ที่อยู่ใน Community เดียวกัน โดยเฉพาะ Sticker Line น้องอุ่นใจธีมอวยพรปีใหม่ มีการส่งมากกว่า 3 ล้านครั้ง ในช่วงคืนวันปีใหม่
- SMS / MMS ยังคงมีการใช้อวยพร ส่งความสุขปีใหม่อย่างกว้างขวางในรูปแบบที่เป็นทางการจากคนรู้จักที่มิใช่กลุ่มเพื่อนสนิทใน Community เดียวกัน ทั้งนี้ในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 – 1 มกราคม 2556 มีปริมาณการส่ง SMS จำนวน 80 ล้าน ครั้ง MMS จำนวน 1.5 ล้านครั้ง
- เริ่มเห็น Trend การใช้งานเชิง CRM ที่ชัดเจนขององค์กรธุรกิจบริการต่างๆ ที่มีการใช้ SMS/MMS สื่อสาร อวยพรฐานลูกค้าของตัวเองมากยิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
และจากการที่เอไอเอส ได้มีการเตรียมความพร้อมเครือข่ายให้สามารถรองรับการใช้งานดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้การส่งความสุขของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด จึงทำให้ลูกค้า เอไอเอสทุกท่านสามารถส่งความสุข และอวยพรปีใหม่กันได้ในแบบที่ตัวเองต้องการอย่างไร้ข้อจำกัด

หมายเหตุ :
-ปริมาณ SMS โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 ล้านข้อความ/วัน และปริมาณ MMS โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 แสนข้อความ/วัน ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2555

View :1478

เปิดโหลดฟรี แอพฯ คู่ใจนักเดินทาง Goodyear Mobile App

December 25th, 2012 No comments


ช่วยให้การดูแลรถและยางเป็นเรื่องง่าย เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

กรุงเทพฯ 25 ธันวาคม 2555 – กู๊ดเยียร์ ผู้นำด้านนวัตกรรมยางรถยนต์ ส่งแคมเปญ “Happy Goodyear 2013 กู๊ดเยียร์ ดูแลคุณทุกการเดินทาง” รับเทศกาลท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน คู่ใจนักเดินทาง เพื่อนคู่ใจนักเดินทางที่ช่วยให้การดูแลรักษารถและยางรถยนต์เป็นเรื่องง่าย เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชั่น“ผู้ช่วยอัจฉริยะ Assist ME” ช่วยแจ้งเตือนการเช็คสภาพรถและยางรถยนต์ให้พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง เป็นครั้งแรกในแอพพลิเคชั่น อาทิ การตรวจเช็คลมยาง แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง พร้อมฟีเจอร์ Hotline เพื่อขอความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน รวมถึงฟังก์ชั่น Find Dealer ที่ช่วยค้นหาศูนย์บริการยางกู๊ดเยียร์ที่ใกล้ที่สุดได้อย่างแม่นยำ และฟังก์ชั่นคำแนะนำเพื่อการขับขี่อย่างประหยัดปลอดภัย การเลือกใช้ยางรถยนต์ให้เหมาะกับความต้องการ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด โดยพิมพ์คำว่า “Goodyear” ได้ที่ AppStore (iOS) และ Google Play (Andriod) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน คู่ใจนักเดินทาง Goodyear Mobile App เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “Happy Goodyear 2013 กู๊ดเยียร์ ดูแลคุณทุกการเดินทาง” ซึ่งมี 3 กิจกรรมที่เสริมประสานกัน ได้แก่ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับคุณผู้หญิงที่ขับรถ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นาน 3 เดือน ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ www.goodyear.co.th ต่อยอดด้วยการโครงการ “ถนนปลอดภัย” รณรงค์การขับขี่อย่างปลอดภัยและลดอุบัติเหตุจราจร พร้อมมอบซีดีเพลงชุดพิเศษและคู่มือขับประหยัดปลอดภัย รวม 3,000 ชุด และ Goodyear Mobile App ดังกล่าว

ฟังก์ชั่นเด่นของ Goodyear Mobile App

Goodyear Mobile App เพื่อนคู่ใจนักเดินทางที่ช่วยให้การขับขี่รถยนต์เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย ประกอบด้วย 6 เมนูหลัก กับครั้งแรก…ที่แอพพลิเคชั่นโดดเด่นด้วยฟีเจอร์พิเศษ ผู้ช่วยอัจฉริยะ “Assist ME” ช่วยแจ้งเตือนการเช็คสภาพรถและยางรถยนต์ให้พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง

คุณสามารถเริ่มต้นการทำงานของผู้ช่วยอัจฉริยะ “Assist ME” เพียงกดปุ่ม “ตั้งเวลาใหม่” เพื่อบันทึกวันที่ล่าสุดของการดูแลรถยนต์ในแต่ละส่วน ทั้งการเติมลมยาง การเช็คถังพักปัดน้ำฝนและน้ำกลั่นแบตเตอรี่ การสลับยาง/ถ่วงล้อครั้งต่อไป การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และการเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อครบอายุการใช้งาน จากนั้นกดปุ่ม “เปิดแจ้งเตือน” โดยสามารถเลือก “ตั้งระยะทาง” เพื่อระบุระยะทางที่ใช้งานโดยเฉลี่ยต่อเดือน แทนการระบุวันที่ล่าสุดที่ได้สลับยาง/ถ่วงล้อ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และเปลี่ยนยางรถยนต์ เพื่อให้ “ผู้ช่วยอัจฉริยะ Assist ME” สามารถแจ้งเตือนเมื่อครบกำหนดดูแลรถยนต์ครั้งต่อไปได้อีกด้วย

อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Goodyear Mobile App คือ ฟีเจอร์ Hotline เพื่อขอความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน ที่รวบรวมเบอร์โทรศัพท์สายด่วน พร้อมระบบโทรออกได้ทันที ให้คุณอุ่นใจในยามคับขัน

ฟังก์ชั่น Find Dealer ที่ช่วยค้นหาศูนย์บริการยางกู๊ดเยียร์ที่ใกล้ที่สุดทั่วประเทศได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะมีรายชื่อศูนย์บริการกู๊ดเยียร์ รายละเอียดของร้านและกดโทรออกเพื่อติดต่อศูนย์บริการได้ทันที

นอกจากนี้ Goodyear Mobile App ยังมีเมนู Driving Tips ที่รวบรวมคำแนะนำในการตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆ และเทคนิคในการขับขี่อย่างประหยัดปลอดภัย ช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับยางกู๊ดเยียร์และโปรโมชั่นล่าสุดจากกู๊ดเยียร์ รวบรวมไว้ในเมนู Products และ Promotion ซึ่งช่วยให้คุณเลือกใช้ยางรถยนต์ได้เหมาะสมกับความต้องการ

View :1483
Categories: Application Tags:

กสิกรไทยชู “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” ยึดหัวหาดอันดับ 1 ของดิจิตอล แบงกิ้ง

December 21st, 2012 No comments


ธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจดิจิตอล แบงกิ้ง () วางยุทธศาสตร์การให้บริการด้วยแนวคิด “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” (Lifestyle ) ปูพรมด้วยกิจกรรมและแผนสื่อสารการตลาดที่เจาะลึกเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยใช้เครือข่ายออนไลน์ทุกช่องทาง ตั้งเป้าหมายปีหน้าเติบโตกว่า 40% และมีฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 6.5 ล้านคน

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทย เป็น “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” (Lifestyle Banking) ที่ต้องการตอบสนองกับทุกไลฟ์สไตล์ โดยธนาคารฯ เป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจดิจิตอล แบงกิ้ง และได้วางยุทธศาสตร์ของการให้บริการดิจิตอล แบงกกิ้ง ให้เป็น “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” (Lifestyle Digital Banking) ตอบรับกับยุคสมัยที่ผู้คนใช้ชีวิตไม่หยุดนิ่ง (On-the-Go) และอุปกรณ์ อิเลคทรอนิกส์ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก ได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญของการใช้ชีวิต โดยนอกเหนือ จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการขั้นพื้นฐาน เช่น การโอน จ่าย เติมเงิน ธนาคารฯ ยังมุ่งเน้นการนำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ พร้อมด้วยกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดที่เจาะเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า พร้อมทั้งตอกย้ำความปลอดภัยของการใช้บริการ ตลอดจนสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมให้กับลูกค้าและร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นของธนาคารฯ”

“แนวทางหลักการดำเนินงานด้านดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคาร ประกอบด้วย 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ SO (Social Media) หมายถึง การดำเนินกิจกรรมการตลาดในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น การเปิดตัวแคมเปญ “New Possibility Happens พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล” ที่มีกิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบ, LO (Localized Marketing) ซึ่งเป็นรูปแบบกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่เฉพาะเจาะจงตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพื้นที่ เช่น การให้เช็คอิน (Check-in) และทำโปรโมชั่นกับพันธมิตรต่างๆ, MO (Mobile) การให้บริการผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น การให้บริการ “K-Merchant on Mobile” ร่วมกับนกแอร์ เปิดให้จองตั๋วและรูดบัตรฯ จ่ายค่าโดยสารผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ทันทีทุกที่ทุกเวลา และ CO (Commerce) คือ การนำเสนอบริการซื้อขายออนไลน์ ในรูปแบบ Everywhere Commerce ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น ร่วมกับเครื่องสำอางคลีนิกข์ ให้บริการในการรับชำระเงินด้วยระบบ K-Payment Gateway ซึ่งเป็นระบบรับชำระเงินค้าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย”

ล่าสุด ธนาคารฯ ได้เปิดตัวแคมเปญ “New Possibility Happens Digital Banking พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล” ด้วยแผนการสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจร ด้วยงบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเดินหน้าทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง โดยมีบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคารฯ เป็นส่วนสนับสนุนในการเดินตามทุกความฝัน ครอบคลุมทั้งภาพยนตร์โฆษณาเต็มรูปแบบในชื่อชุด “ศึกแม่มดขาว” ที่จะออกเผยแพร่ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ พร้อมกันนี้ ยังได้ออกหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้กล้าทำตามความฝัน ถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักเขียนชื่อดัง 3 ท่าน 3 สไตล์ ได้แก่ คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ คุณแพรกานต์ นิรันดร และคุณทีปกร วุฒิพิทยามงคล ซึ่งหนังสือดังกล่าวจะเผยแพร่บนโลกออนไลน์ให้ผู้ที่สนใจสามารถอ่านได้ฟรีผ่าน _Live Facebook นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญ “อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงใช้ Digital Banking” ให้ลูกค้าที่ใช้บริการทำธุรกรรมหรือชำระเงินผ่านบริการดิจิตอลแบงกิ้ง ธนาคารกสิกรไทย ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ รับแพ็คเกจท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น รับค่าบริการอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือแบบรายเดือนหรือแบบเติมเงินฟรี 1 ปี รวมทั้งแคมเปญทางการตลาด อื่นๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าดิจิตอลแบงกิ้งของธนาคารอย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/kbanklive หรือทางเว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทย www.kasikornbank.com ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง 8 ล้านราย โดยธนาคารกสิกรไทย มีฐานลูกค้าลงทะเบียนใช้บริการจำนวน 4.6 ล้านบัญชี คิดเป็น 60% จากจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้บริการ มีสัดส่วนการทำรายการธุรกรรมการเงินประมาณ 50% ของธุรกรรมการเงินออนไลน์ และมีส่วนแบ่งการตลาดของยอดซื้อขายออนไลน์กว่า 70% รวมทั้งช่องทางการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ KBank_Live ในเฟซบุ๊ค มีจำนวนสมาชิกเป็นอันดับ 1 ของธนาคารที่มีอยู่ในประเทศไทย ด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 340,000 ราย

นายปกรณ์ กล่าวตอนท้ายว่า ยุทธศาสตร์เชิงรุกดังกล่าว จะตอกย้ำศักยภาพความเป็นผู้นำด้านบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ทำให้ ธนาคารฯ เป็น “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” (Lifestyle Banking) ที่ให้บริการเจาะเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของทุกกลุ่มเป้าหมายได้ในทุกที่ ทุกเวลา และมั่นใจว่า ในปีหน้าฐานลูกค้าที่ใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง จะเติบโตเพิ่มอีก 40% ทำให้มีลูกค้าเพิ่มเป็น 6.5 ล้านราย

ข้อมูล “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้นำอันดับ 1 บนโลกดิจิตอล แบงกิ้ง (Digital Banking) ข้อมูลจากธนาคารแห่ง ประเทศไทย ระบุว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง จำนวน 8 ล้านบัญชี ธนาคารกสิกรไทยมีฐานลูกค้าลงทะเบียนใช้บริการจำนวน 4.6 ล้านบัญชี คิดเป็น 60%

ความสำเร็จของดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคารกสิกรไทย
• พ.ศ. 2545 เปิดให้บริการ K-Cyber Banking ซึ่งเป็นบริการทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ต โดยธนาคาร กสิกรไทยถือเป็นธนาคารแรกๆ ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง (Internet Banking)
• พ.ศ. 2548 ธนาคารกสิกรไทยนำเสนอบริการ K-mAlert แจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของการทำธุรกรรมผ่าน sms บนมือถือ
• พ.ศ. 2551 ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ DTAC เปิดตัว ATM SIM ธนาคารบนมือถือเต็มรูปแบบในระบบ SIM ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
• พ.ศ. 2552 เปิดตัว K-Mobile Banking Plus สำหรับการทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ ทุกเครื่อง ทุกค่าย นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการระบบชำระเงิน e-commerce และ World’s First Mobile Commerce หรือระบบชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตมือถือ ซึ่งถือเป็นรายแรกของโลก
• พ.ศ. 2555 ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารรายแรกในประเทศไทยและทวีปเอเชีย ที่เปิดเว็บไซต์ search engine รวมข้อมูลรอบด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ในชื่อ askKBank
• พ.ศ. 2556 ธนาคารกสิกรไทย มุ่งมั่นนำเสนอบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ด้วยแนวคิดการเป็น “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” (Lifestyle Digital Banking)

แคมเปญ “New Possibility Happens KBank Digital Banking พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล”

• ธนาคารกสิกรไทยได้วางยุทธศาสตร์เชิงรุกของการให้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำและสร้างความแตกต่างของการให้บริการ ภายใต้แนวคิด “New Possibility Happens KBank Digital Banking พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล” โดยนำเอาความแข็งแกร่งของบริการดิจิตอล แบงกิ้ง เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอล ชู “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” ผนึกความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์และบริการด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมการเงินอย่างครบวงจรตลอด 24 ชม. ได้ทุกที่ทุกเวลา

• แผนการสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจรของแคมเปญ “New Possibility Happens” มีงบประมาณ กว่า 40 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเดินหน้าทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง โดยมีบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคารฯ เป็นส่วนสนับสนุนในการเดินตามทุกความฝัน ครอบคลุมทั้ง
- ภาพยนตร์โฆษณาเต็มรูปแบบในชื่อชุด “ศึกแม่มดขาว” ออกเผยแพร่ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์
- หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้กล้าทำตามความฝัน ถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักเขียนชื่อดัง 3 ท่าน 3 สไตล์ ได้แก่ คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ คุณแพรกานต์ นิรันดร และคุณทีปกร วุฒิพิทยามงคล ซึ่งหนังสือดังกล่าวจะเผยแพร่บนโลกออนไลน์ให้ผู้ที่สนใจสามารถอ่านได้ฟรีผ่าน KBank_Live Facebook
- แคมเปญ “อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงใช้ KBank Digital Banking” ให้ลูกค้าที่ใช้บริการทำธุรกรรมหรือชำระเงินผ่านบริการดิจิตอลแบงกิ้ง ธนาคารกสิกรไทย ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ รับแพ็คเกจท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น รับค่าบริการอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือแบบรายเดือนหรือแบบเติมเงินฟรี 1 ปี รวมทั้งแคมเปญทางการตลาด อื่นๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าดิจิตอลแบงกิ้งของธนาคารอย่างต่อเนื่อง

View :2426

ปักหมุดฟรีภายในสิ้นปี 2555 นี้ที่ Longdo Map 2013

December 21st, 2012 No comments

บริษัท เมตามีเดีย เทคโนโลยี จำกัด ผู้ให้บริการ Longdo Map แผนที่อัจฉริยะสัญชาติไทย (http://map.longdo.com/) เปิดพื้นที่ให้หน่วยงานภาคธุรกิจเข้ามาปักหมุดเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ สร้างมูลค่าจากการบอกตำแหน่งที่ตั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ภายในสิ้นปี 2555 นี้ ซึ่งมีผู้ใช้งานผ่านเว็บไซต์กว่า 30,000 คนต่อวัน ดาวน์โหลดและติดตั้งบนโทรศัพท์มือถือไปแล้วกว่า 200,000 คน และยังได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนนำระบบแผนที่ของ Longdo Map ไปใช้ในหน่วยงาน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mm.co.th/

View :1286
Categories: Application, Internet Tags:

10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุดในปี 2013

December 19th, 2012 No comments

· Ericsson ConsumerLab ได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่สำคัญที่สุดบางประการในปีที่กำลังจะมาถึง

· เทคโนโลยี Cloud ได้ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และกลุ่มผู้หญิงเป็นแรงผลักดันหลักในตลาดมือถือสมาร์ทโฟน ถือเป็นสองแนวโน้มที่สำคัญ

· พฤติกรรมของคนรุ่นหนุ่มสาวได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม และอินเตอร์เน็ทได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบใหม่ๆ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง

ในขณะที่ปี 2012 กำลังจะจบลง Ericsson ConsumerLab ได้พยายามค้นหาแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปี 2013 ที่กำลังจะมาถึง ตลอดระยะเวลามากกว่า 15 ปีที่ผ่านมา ConsumerLab ได้ทำการวิจัยลักษณะและพฤติกรรมของผู้บริโภค ในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสารสนเทศต่างๆ

คุณ Michael Björn หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ ConsumerLab กล่าวว่า “ข้อมูลการศึกษาวิจัยทั่วโลกของเรามาจากการสัมภาษณ์ผู้คนมากกว่า 100,000 คนในแต่ละปี ในจำนวนกว่า 40 ประเทศ ซึ่งอยู่ในมหานครขนาดใหญ่กว่า 15 แห่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้สะสมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคจำนวนมหาศาล และเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”

นี่คือแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เห็นเด่นชัดที่สุด:

1. ความสำเร็จของบริการ cloud ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคบนอุปกรณ์ต่างๆเปลี่ยนไป
มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้แท็บเล็ต และมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสวีเดน ต่างพึงพอใจในการใช้บริการ cloud เพื่อให้สามารถใช้แอ็พตัวเดียวกันและแชร์ข้อมูลต่างๆได้ บนอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่อง อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย

2. อุปกรณ์สื่อสารเพื่อความรวดเร็วทันใจ
จากคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้ไฟล์และโฟลเดอร์ สู่อุปกรณ์พกพาที่ใช้ผ่านแอ็พและบริการ cloud ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการทำงานบนโต๊ะ สู่การใช้อุปกรณ์สื่อสารยุคใหม่ที่สามารถพกพาได้สะดวก งานหลายอย่างสามารถทำได้ในช่วงเวลาอันสั้น ขณะเข้าแถวซื้อสินค้า หรือขณะที่คุยกับใครสักคนในร้านกาแฟ โดยผู้บริโภคในหลายประเทศต้องการซื้อแท็บเล็ตมากกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และต้องการซื้อสมาร์ทโฟนมากกว่าแล็ปท็อป อีกด้วย

3. นำอุปกรณ์บรอดแบนด์ส่วนตัวมาทำงาน
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ จะใช้สมาร์ทโฟนส่วนตัวในที่ทำงานด้วย โดยนิยมใช้เพื่อช่วยทำงาน รับส่งอีเมลล์ วางแผนการเดินทางในธุรกิจ หาข้อมูลที่อยู่ต่างๆ และอีกหลากหลายประโยชน์ใช้สอย

4. ผู้คนในเมืองใหญ่นิยมใช้อินเตอร์เน็ททุกที่ทุกเวลา
ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่จะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทได้ในทุกที่ทุกเวลา ได้ผลักดันให้เกิดการเติบโตของตลาดอินเตอร์เน็ทบนมือถืออย่างแท้จริง โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากถึง 3,300 ล้านคนภายในปี 2018 และชีวิตในเมืองจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์มือถือคุณภาพดี ที่ครอบคลุมทั่วถึง

5. มีการนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ประโยชน์ในหลายภาคส่วน
เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากเริ่มขาดความมั่นใจต่อองค์กรภาครัฐ และเอกชนบนโครงสร้างแบบดั้งเดิม จึงหันมาใช้เครื่องมือออนไลน์กันอย่างกว้างขวางเพื่อจุดประสงค์บางอย่างและเพื่อใช้เป็นที่พึ่งในยามฉุกเฉิน เช่น การรวมกลุ่มออนไลน์เพื่อสร้างสหกรณ์ออมทรัพย์แทนระบบธนาคาร การรวมกลุ่มของนักเรียนเพื่อช่วยกันทำการบ้าน การใช้สังคมออนไลน์แบบ Linked-in เพื่อช่วยในการหางานแทนบริษัทจัดหางานแบบดั้งเดิม เป็นต้น

6. กลุ่มผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟน
จากการศึกษาพบว่า กลุ่มผู้หญิงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการทำให้เกิดการยอมรับสมาร์ทโฟนอย่างกว้างขวาง โดยมากกว่า 97 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพศหญิงใช้ SMS, 77 เปอร์เซ็นต์ใช้รับส่งรูปภาพ, 59 เปอร์เซ็นต์ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค, 24 เปอร์เซ็นต์ใช้เช็คอินเพื่อแสดงสถานที่ที่ตนเองอยู่, 17 เปอร์เซ็นต์ใช้ค้นหาคูปองต่างๆ เป็นต้น ในขณะที่ตัวเลขเหล่านี้สำหรับผู้ใช้เพศชายมีค่าน้อยกว่า

7. ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆในสังคมเมือง
ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มักมีจำนวนเพื่อนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณชานเมืองมาก โดย 12 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่อยู่ในเมืองกล่าวว่า เหตุผลหลักที่พวกเขาใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค ก็เพื่อติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น ซึ่งถือเป็นเหตุผลในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสาม รองจากการใช้เพื่อติดตามเรื่องราวของกลุ่มเพื่อน และการใช้เพื่ออัพเดตข้อมูลของตนเองสู่พวกเขา

8. ประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบผสมผสานที่เรียกว่า “In-line shopping”
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวน 32 เปอร์เซ็นต์ ใช้สมาร์ทโฟนในการซื้อสินค้าอยู่แล้ว และพวกเขาเริ่มช็อปปิ้งในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “In-line shopping” โดยผสมผสานข้อดีของการเลือกซื้อสินค้าในร้าน (in-store shopping) เพื่อมีโอกาสสัมผัสกับของจริง กับมีการใช้เครื่องมือออนไลน์ (online shopping) เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เปรียบเทียบราคา รวมทั้งใช้ซื้อสินค้าเพื่อลดเวลาในการเข้าคิวรอจ่ายเงิน เป็นต้น

9. ทีวีบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค
ผู้ชมราว 62 เปอร์เซ็นต์ ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คในขณะที่ดูวีดีโอและทีวี โดย 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชมกลุ่มนี้จะคุยกับผู้อื่น ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังรับชมอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง โดย 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชมกลุ่มนี้ มีความเต็มใจที่จะจ่ายเงินกับ content ที่พวกเขารับชมผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากกว่า และการรับชมวีดีโอและทีวีบนอุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บ้าน

10. การเรียนรู้บนความเปลี่ยนแปลง
ดัวยปัจจัยภายในและภายนอกทำให้การเรียนรู้ในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เด็กหนุ่มสาวในยุคนี้มักนำอุปกรณ์ส่วนตัวของตนเองเข้าไปในห้องเรียนด้วย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งจากองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อหาเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเชื่อมต่อสู่โลกอินเตอร์เน็ททำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับเด็กๆทั่วโลก ในประเทศอินเดีย มีเด็กอายุ 9-18 ปี จำนวนประมาณ 30 ล้านคน จากทั้งหมด 69 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตนเอง

หมายเหตุ:

ลิงค์ของ รายงานเรื่อง “10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุดในปี 2013”: http://www.ericsson.com/res/docs/2012/consumerlab/10-hot-consumer-trends-2013.pdf

View :1838

ซิป้าพร้อมหนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย แนะใช้เทคโนโลยีคลาว์ดขยายศักยภาพและโอกาส

December 19th, 2012 No comments

กรุงเทพฯ 19 ธันวาคม 2555 : สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ขานรับนโยบายรัฐพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับภาพรวมและขยายรายได้การท่องเที่ยวไทย ด้วยโครงการ Cloud Studio: Tourism Solutions โดยเดินสายแนะนำซอฟต์แวร์โซลูชั่นและเทคโนโลยีคลาว์ดแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน 9 เมืองด้านท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ เกิดมูลค่าทางธุรกิจกว่า 100 ล้านบาท นับเป็นมิติใหม่ในการรวมตัวของภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มภาคธุรกิจด้านท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญถึงการส่งเสริมการนำซอฟต์แวร์ไปใช้ขยายศักยภาพการแข่งขัน โดย Tourism เป็นหนึ่งใน 6 อุตสาหกรรมหลักที่ซิป้าส่งเสริมพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่นและการให้บริการซอฟต์แวร์ (Software as a Services) อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม

นายไตรรัตน์ ฉัตรแก้ว ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ยอมรับว่าซอฟต์แวร์มีบทบาทอย่างมากกับภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในปัจจุบัน โดยซิป้าได้วางเป้าหมายที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่นและการให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อรองรับ 6 อุตสาหกรรมหลัก คือ Tourism, Logistics, Food & Agriculture, Healthcare, Education และ Jewelry อันเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่สร้างรายได้แก่ประเทศหรือเป็นภาคส่วนที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพประชากรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่นำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก ประกอบกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ปี พ.ศ. 2554 – 2555 เป็นปี “มหัศจรรย์ไทยแลนด์” (“Miracle Thailand” Year) ซิป้าจึงร่วมกับสมาคมส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จัดกิจกรรม Road Show ภายในประเทศ ภายใต้ชื่อโครงการ Cloud Studio: Tourism Solutions ด้วยแนวคิด ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทยด้วยคลาว์ด” เป็นการนำซอฟต์แวร์ด้านการท่องเที่ยวที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทยและให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตไปเผยแพร่และแนะนำให้เป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท บริษัททัวร์ สปา ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว รถเช่า ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวรวม 9 เมือง ได้แก่ พัทยา เชียงใหม่ เขาใหญ่ ภูเก็ต หัวหิน เกาะสมุย กาญจนบุรี อุดรธานี และกรุงเทพฯ โดยที่จุดเด่นของการให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านคลาวด์เทคโนโลยีคือผู้ใช้ไม่ต้องจัดหาระบบซอฟต์แวร์เอง เพียงแต่ขอใช้ในลักษณะเป็นบริการและจ่ายเงินตามปริมาณการใช้งาน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไม่ต้องลงทุนมาก ขณะนี้ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับการตอบรับอย่างดี และเกิดมูลค่าทางธุรกิจมากกว่า 100 ล้านบาท”

“กิจกรรม Road Show ภายในประเทศ Cloud Studio: Tourism Solutions เป็นหนึ่งในกิจกรรมเชิงรุกด้านการตลาดของซิป้าที่ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยการจัดงานแต่ละครั้งจะประกอบด้วยสัมมนาสำหรับผู้บริหารและด้านเทคนิค การแสดงโซลูชั่นด้านการท่องเที่ยวโดยผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทย การ Networking การสาธิตการใช้ซอฟต์แวร์ (Demonstration) และการเข้าพบสมาคม หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างการรับรู้ของตลาดด้านเทคโนโลยีคลาว์ดแก่ธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว ซิป้ายังมีบทบาทในการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทย และกิจกรรมนี้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเห็นความสำคัญของซอฟต์แวร์ที่สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและขยายโอกาสด้านการตลาด” นายไตรรัตน์ ฉัตรแก้ว กล่าวเพิ่มเติม

ดร.พีรสันต์ บุณยคุปต์ นายกสมาคมส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย กล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “สมาคมส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยได้ร่วมดำเนินโครงการ Cloud Studio: Tourism Solutions กับซิป้า โดยนำซอฟต์แวร์ไทยด้านการท่องเที่ยวที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทยไปร่วมแสดงในการจัดงานแต่ละครั้ง และแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ Hotel Solutions, Travelling, Spa & Restaurant และ Mobility and Digital Marketing เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนในโซลูชั่นที่สนใจ โดยได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจ และเนื่องจากแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ความสนใจด้านโซลูชั่นและแนวทางการตลาดจึงแตกต่างกันไป กิจกรรมครั้งนี้นอกจากจะทำให้พบกับกลุ่มผู้ซื้อแล้ว ยังช่วยให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทยได้เห็นช่องทางการตลาดและภาพรวมของพื้นที่แต่ละแห่งชัดเจนขึ้น” ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามในการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในปี 2555 ซิป้าได้นำผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทยร่วมแสดงโซลูชั่นภายในงานด้านการท่องเที่ยวและด้านเทคโนโลยีคลาว์ดในต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 4 งาน ได้แก่ งาน 3rd Cloud Computing Expo ณ ประเทศญี่ปุ่น งาน Malaysian International Tourism Exchange ณ ประเทศมาเลเซีย งาน JATA Tourism Forum &Travel Showcase ณ ประเทศญี่ปุ่น และงาน ITB ณ ประเทศสิงคโปร์ และเป็นที่น่าสนใจว่าซอฟต์แวร์โซลูชั่นของไทยเป็นที่รู้จักและเกิดการยอมรับในตลาดต่างประเทศโดยเกิดมูลค่าซื้อขายทางธุรกิจ ประมาณ 328 ล้านบาท ซึ่งหากรวมกับมูลค่าส่วนตลาดในประเทศ มูลค่ารวมของตลาดของซอฟต์แวร์ด้านท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมมีมากกว่า 428 ล้านบาท

View :1585

ซิป้าและเอทีซีไอหนุนนักพัฒนาซอฟท์แวร์ไทย คว้าชัย 4 รางวัลระดับเอเชียแปซิฟิก

December 18th, 2012 No comments

3 นักพัฒนาซอฟท์แวร์ตัวแทนประเทศไทย บ.อีคาร์ทสตูดิโอ บ.อรุณสวัสดิ์ดอทคอม ร.ร.เซนต์ฟรังส์ซิสเวียร์ คว้าชัย 2 รางวัลชนะเลิศ และ 2 รางวัลรองชนะเลิศ ในการประกวดซอฟท์แวร์ในระดับเอเชียแปซิฟิก

รางวัลชนะเลิศ คือ หมวด Financial Industry Application เป็นผลงานของ บริษัท อรุณสวัสดิ์ดอทคอม จำกัด


สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) และสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย(ATCI) เผยถึงการส่งตัวแทนประเทศไทยในการเข้าร่วมประกวดซอฟท์แวร์ระดับเอเชียแปซิฟิก ในงาน Asia Pacific ICT Awards 2012 เมื่อวันที่ 2 – 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ ประเทศบรูไน ว่า การประกวดในครั้งนี้ ทีมผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทย ได้รับรางวัลมากถึง 4 รางวัล โดยรางวัลที่ได้รับ ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ 2 รางวัล คือ หมวด Tools & Infrastructure เป็นผลงานของ บริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด ชื่อผลงานที่ชนะเลิศ คือ Location Based Information System (LBIS) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการข้อมูลบนระบบแผนที่ออนไลน์เพื่อช่วยสนับสนุนการวางแผนกลยุทธ์ และการตัดสินใจของผู้บริหารโดยสามารถวิเคราะห์ช้อมูล นำเสนอภาพรวมและดูรายละเอียดแต่ละจุดได้ถูกต้อง สามารถรองรับการทำงานระบบ Cloud ของ Microsoft ช่วยให้ขยายธุรกิจสู่ Global Network ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอีก 1 รางวัลชนะเลิศ คือ หมวด Financial Industry Application เป็นผลงานของ บริษัท อรุณสวัสดิ์ดอทคอม จำกัด ชื่อผลงานชนะเลิศ I lert u anywhere to claim เป็นระบบงานที่พัฒนามาตั้งแต่ปี 2003 เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในธุรกิจประกันภัย ปัจจุบันเป็น version 4.0 สามารถรองรับ Cloud Computing ได้

รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล ได้แก่ หมวด Secondary Student Projects ชื่อเป็นผลงานจาก โรงเรียนเซนต์ฟรังส์ซิสเวียร์ ชื่อผลงาน The Rescue เป็นเกมส์ที่ใช้ภาพกราฟฟิค และ Animation ที่สวยงาม สดใส และน่าสนใจ ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีการสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม เมตตากรุณา จิตอาสา ความอดทน และความพยายามในการแก้ปัญหา เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย และ หมวด e-Inclusion เป็นผลงานของ บริษัท อรุณสวัสดิ์ดอทคอม จำกัด ชื่อผลงานได้รับรางวัล I lert u 1st Thailand Mobile SOS ที่เป็น Social Mobile Locationสำหรับประชาชนทุกคน ใช้คุ้มกันและป้องกันการดูแลประชาชน เป็นระบบเตือนภัย และขอความช่วยเหลือ สามารถเชื่อมโยงกับ Facebook, Twitter และ ต่างๆ และสามารถเชื่อมโยงศูนย์การช่วยเหลือต่างๆ เข้ากับระบบ Mobile Application และเชื่อมโยงกับบริษัทประกันภัยและโรงพยาบาล

โดยก่อนหน้านี้ซิป้าและเอทีซีไอได้เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยแสดงความสามารถในเวทีแข่งขันระดับประเทศ Thailand ICT Awards 2012 หรือ TICTA 2012 เฟ้นหาและรวบรวมผลงานสุดยอดซอฟท์แวร์ที่เป็นประโยชน์และใช้งานได้จริง นำมาต่อยอดด้วยการสนับสนุนเข้าแข่งขันต่อในระดับเอเชียแปซิฟิกในงาน APICTA Awards 2012 ซึ่งเป็นเวทีที่ถือได้ว่าเป็นการการันตีศักยภาพนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย

รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล ได้แก่ หมวด Secondary Student Projects ชื่อเป็นผลงานจาก โรงเรียนเซนต์ฟรังส์ซิสเวียร์


การจัดเวทีประกวด TICTA 2012 เปรียบเสมือนเวทีระดับประเทศสำหรับกลุ่มนักคิด นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย เพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ ซึ่งเวทีแข่งขัน TICTA Award จะเป็นเวทีแรกที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยได้มีโอกาสในการแสดงผลงาน และภายหลังจากได้รับการคัดเลือกจากเวทีแข่งขันระดับประเทศแล้ว ซิป้าและเอทีซีไอได้มีการต่อยอด ส่งเสริมนักคิด นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยให้ก้าวต่อไป โดยการส่งเข้าประกวดในเวทีการแข่งขันระดับเอเซียแปซิฟิก APICTA Awards 2012 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รวบรวมผลงานสุดยอดซอฟต์แวร์จากประเทศสมาชิก มาร่วมประกวดระดับนานาชาติ และยังเป็นการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งครั้งนี้ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 – 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ ประเทศบรูไน

ซิป้าและเอทีซีไอเชื่อมั่นว่า หากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย ได้รับการสนับสนุนและผลักดันด้านต่างๆ จะเป็นส่วนสำคัญที่ประกาศศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ ให้ได้รับการยอมรับในเวทีสากล

View :2084