Archive

Archive for October, 2011

Jawbone เปิดตัว Jawbone ERA

October 4th, 2011 No comments

ผู้นำด้านการริเริ่มสร้างนวัตกรรมและบริการสำหรับอุปกรณ์พกพาส่วนบุคคล เผยโฉม ERA โดยหูฟังบลูทูธ ERA นี้ให้เสียงที่คมชัดประสิทธิภาพสูงระดับไฮเดฟฟินิชั่นเพื่อการใช้งานที่เยี่ยมยอด และสุดยอดเทคโนโลยีควบคุมหูฟังด้วยการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน อีกทั้งล้ำสมัยด้วยแพล็ตฟอร์มการตั้งค่าและอัพเกรดหูฟังจากคอมพิวเตอร์ให้เกิดการใช้งานที่มีคุณภาพสูงสุด

Hosain Rahman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงและผู้ก่อตั้ง Jawbone กล่าวว่า เราจะยกระดับอุปกรณ์ที่มีดีไซน์ที่สวยงามเข้าสู่อีกระดับหนึ่งของเทคโนโลยี เราได้สร้างความสมบูรณ์แบบของประสบการณ์ทางด้านเสียงแบบสำหรับทั้งไมโครโฟนและลำโพง ซึ่งจะทำให้คุณต้องหลงใหลกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุยโทรศัพท์ หรือฟังเพลงโปรดซึ่ง นอกเหนือจาก HD audio แล้ว เราได้ผสมผสานกันระหว่างเซนเซอร์การเคลื่อนไหวและความเฉลียวฉลาดของระบบปฏิบัติการ ทำให้เกิดการควบคุมและสั่งงานหูฟังในรูปแบบใหม่ที่น่ามหัศจรรย์ ด้วยแค่การเขย่า หรือแตะหูฟังตัวหูฟังเท่านั้น นับเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่เราได้เป็นคนนำนวัตกรรมนี้ สำหรับผู้ใช้ของเราเป็นเจ้าแรก

มาพร้อมเสียงระดับไฮเดฟฟินิชั่น
Jawbone ERA มอบคุณภาพเสียงที่สูงใกล้เคียงกับธรรมชาติของเสียงมนุษย์ และไม่มีดีเลย์ ลำโพงแบบไวด์แบนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 25% ทำให้สามารถรองรับระบบเสียงไฮเดฟฟินิชั่นทั้งขณะคุยโทรศัพท์ ฟังเพลง ดูหนัง และเล่นเกมส์

อีกทั้ง ด้วยคุณสมบัติพิเศษอันเป็นตำนานของเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน น๊อยส์แอสแซสซิน (NoiseAssassin) 3.0 ที่ใช้กันในทางการทหาร ช่วยกำจัดเสียงรบกวนได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ในร้านอาหาร ร้านเกมส์ หรือแม้กระทั่งข้างถนน นอกจากนั้น ERA ยังสามารถจับเสียงรบกวนที่อยู่รอบด้าน และปรับระดับเสียงของลำโพงให้ดังหรือเบาตามสภาพแวดล้อมนั้นๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจน ทำให้ทั้งสองฝั่งสายได้ยินเสียงที่คมชัดสูงสุด

Jawbone ERA: เป็นต้นแบบการควบคุมแบบใหม่ของหูฟังบลูทูธด้วยระบบวัดความเครื่องไหวและเทคโนโลยี MotionX™
Jawbone คือบริษัทแรกใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับโสตสัมผัส และล่าสุดเพิ่มเซ็นเซอร์ที่มีความแม่นยำในการจับการเคลื่อนไหว Jawbone ร่วมกับ Fullpower-MotionX ผู้นำด้านโมชั่นเทคโนโลยี เพื่อผลิตหูฟังรุ่นแรกที่มีเซ็นเซอร์วัดการเคลื่อนไหว ซึ่งจะงานร่วมกับแพลตฟอร์ม MotionX™ ซึ่งเป็นสิทธบัตรเดียวของ Fullpower-MotionX

รามาน (Rahman) กล่าวต่อว่า ในยุคต่อไปของอุปกรณ์เทคโนโลยี อุปกรณ์เหล่านี้จะต้องปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของเรา โดย โดยสุดยอดเทคโนโลยีนั้นจะต้องสามารถกำจัดความไม่คล่องตัวออกไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเลือกที่จะใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของ Fullpower-MotionX ซึ่งมีความแม่นยำและสามารถตอบสนองความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Jawbone ERA สามารถอ่านการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเราใช้งานตัวหูฟัง เพียงผู้ใช้เขย่าหูฟัง 4 ครั้ง (ShakeShake®) ก็สามารถเข้าสู่โหมดการจับคู่ได้อย่างง่ายดาย หรือจะรับและวางสายโทรศัพท์ด้วยการแตะหรือสัมผัสที่ตัว Era เบาๆ 2ครั้ง (TapTap®) หรือเขย่า 2 ครั้ง (ShakeShake®) และนี่เป็นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น โดย Jawbone มีแผนในการออกมีสินค้าใหม่ที่จะใช้นวัตกรรมอันลำสมัยนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงใน โดยการร่วมมือกับ Fullpower-MotionX อีกด้วย

ฟิลิปป์ คาน ซีอีโอ บริษัท Fullpower (Philippe Kahn, Fullpower CEO) อธิบายว่า Jawbone นั้นมีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยไม่จำกัดขอบเขต ซึ่งเหมือนกับ MotionX ทำให้เราเป็นพันมิตรที่เข้ากันได้อย่างดี โดย MotionX ที่อยู่ใน Jawbone ERA ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ นับว่าเป็นก้าวแรกในกลยุทธ์ของนวัตกรรมที่จะก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้งในปีต่อๆไป

Jawbone ERA: ระบบประมวลผลอย่างเต็มพิกัด แอพพลิเคชั่นที่เหนือกว่าด้วยเสียงบอกชื่อผู้โทรเข้า
หูฟัง Jawbone ERA เหมือนคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วบนหู ครบครันด้วยการออกแบบหน่วยประมวลผลที่หลากหลายและ หน่วยความจำขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยรองรับการใช้งานของหูฟังที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ปัจจุบันผู้ใช้มีความได้เปรียบของความหลากหลายของการใช้งานหูฟัง ERA ซึ่งรวมถึง Caller ID ที่ใช้เสียงที่เป็นธรรมชาติบอกชื่อผู้ จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Jawbone Jawbone ERA เป็นหูฟังตัวแรกที่สามารถอัพเดทผ่านทางแพลตฟอร์มของ MyTALK เพื่อจะสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ใช้ว่า ตัวหูฟัง ERA นั้น จะมีความฉลาดขึ้น ตามกาลเวลา
Jawbone ERA ได้ถูกดีไซน์อย่างพิถีพิถัน ถึง4 แบบ ตั้งแต่ Shadowbox(สีดำ) Smokescreen(สีดำเหลือบชมพู) Midnight(สีดำลายแดง) และ Silver Lining(สีขาวลายเงิน) โดยมีบริษัท W Gadget เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ในราคา 4,390 บาทและวางจำหน่ายในร้าน iStudio Jaymart PowerBuy TG True Coffee Shop เดอะเบส (มาบุญครอง) และโทรศัพท์ชั้นนำทั่วไป สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook.com/jawbone หรือ Follow Twitter: @Jawbone หรือดูวิดีโอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ YouTube.com/AliphJawbone และติดต่อเพื่อสั่งสินค้าได้ที่ +662-272-5828

ชุดหูฟังของ Jawbone คือชิ้นแรกและหนึ่งเดียวเท่านั้นที่มาพร้อมเทคโนโลยี THOUGHTS ที่ให้บริการ Free Voice Communication Service เพื่อประโยชน์และผลิตภาพ

เทคโนโลยี THOUGHTS ของ Jawbone คือแอพพลิเคชั่นฟรีบนไอโฟนสำหรับหูฟัง ซึ่งเป็นตัวแรกและตัวเดียวที่สามารถส่งข้อความเสียงถึงเพื่อนและกลุ่มโดยไม่ต้องพิมพ์หรือโทรศัพท์ นับว่าเป็นผลผลิตใหม่และมีประโยชน์สำหรับหูฟังที่รวบรวมความเร็วในการพิมพ์ การร่วมมือของอีเมล์ และความพิเศษของโทนเสียงรวมอยู่ในหนึ่งเดียว สามารถพบเทคโนโลยี THOUGHTS ได้ในผลิตภัณฑ์ Jawbone ทาง iPhone App Store

View :1821

Canon Photo Marathon2011

October 4th, 2011 No comments

แคนนอน อัดฉีดรางวัลกว่า 1.7 ล้านบาท พร้อมแพ็คเก็จ Photo Trip ในฝันที่ต่างประเทศ

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เชิญชวนแฟนคลับกล้องดิจิตอลของแคนนอนทุกรุ่น ไม่จำกัดเพศ วัย ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมการแข่งขันถ่ายภาพครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีกับ Canon Photo Marathon 2011เพื่อชิงรางวัลใหญ่ Canon Photo Trip ณ ต่างประเทศ และของรางวัลอื่นๆรวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาทโดยได้จัดการแข่งขันแบ่งออกเป็นที่จังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพ และเพิ่มโควต้าผู้เข้าแข่งขันจากปีก่อนเป็น 4,900 คน (รวมทั้ง 4 การแข่งขัน) ดังนี้

· วันที่ 15 ตุลาคม ณ ลานข้าวเหนียว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จังหวัดขอนแก่น รับจำนวน 800 คน
· วันที่ 5 พฤศจิกายน ณ ลานจอดรถศูนย์การค้า เซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่ รับจำนวน 800 คน
· วันที่ 12 พฤศจิกายน ณ ลานลม ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จังหวัดภูเก็ต รับจำนวน 800 คน
· วันที่ 19 พฤศจิกายน ณ มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ (แดนเนรมิตเก่า) กรุงเทพมหานคร รับจำนวน 2,500 คน

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครร่วมแข่งขันได้
รับสมัครทางเว็บไซต์ http://www.canon.co.th/photomarathon
ตั้งแต่วันนี้ – 12 พฤศจิกายน 2554 เท่านั้น

View :1261

กองบังคับการปราบปราม จับมือ เอไอเอส และดิจิตอลโฟกัสนำนวัตกรรมสร้างความอุ่นใจให้ชุมชน

October 4th, 2011 No comments

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า “ความตั้งใจของเอไอเอสที่ไม่เคยเปลี่ยนตลอด 21 ปีของการให้บริการคือ เลือกสรรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรและผู้บริโภค เพราะวันนี้โลกกำลังก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการและประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างชัดเจน ดังเช่นล่าสุด ที่กองบังคับการปราบปรามในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน” และส่วนหนึ่งได้เริ่มนำนวัตกรรมจากเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายของเอไอเอสและ บ. พาร์ทเนอร์ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการสอดส่อง ตรวจสอบ และแจ้งเตือน ประชาชนได้อย่างทันท่วงที ในชื่อ บริการ “รถสายตรวจอัจฉริยะ” ซึ่งถือเป็น 1 ในหลากหลายบริการจากโครงการ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน”

“รถสายตรวจอัจฉริยะ” ในทางเทคนิค คือ การติดตั้งกล้องตรวจการขนาดจิ๋วไว้ที่รถตรวจการของกองบังคับการปราบปราม โดยกล้องซึ่งบรรจุซิมการ์ดของเอไอเอส ดังกล่าว จะทำหน้าที่เป็นเสมือนตาทิพย์ที่เฝ้ามองสอดส่องและบันทึกภาพเหตุการณ์รอบๆขณะที่รถตำรวจขับผ่าน ทั้งนี้หากศูนย์บัญชาการต้องการเรียกดูข้อมูลภาพจากจุดใดก็ตาม สามารถส่งคำสั่งให้แสดงภาพการถ่ายทอดสดได้ทันทีผ่านทางเครือข่าย 3G, Wifi และ EDGE Plus ของเอไอเอส รวมไปถึงการเรียกดูภาพย้อนหลังซึ่งสามารถทำได้ด้วยหลักการเดียวกัน

บริการนี้นอกจากจะมีการติดตั้งกล้องตรวจการขนาดจิ๋วไว้ที่รถดังกล่าวแล้ว ยังสามารถติดตั้งไว้ที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะที่ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน อีกด้วย

เอไอเอสเชื่อมั่นว่า บริการ “รถสายตรวจอัจฉริยะ” จะมีส่วนทำให้การดำเนินโครงการ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน” บรรลุตามวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย ในส่วนของเอไอเอสเองมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนพัฒนาบริการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม และส่วนรวม ทั้งนี้เราขอมอบความมั่นใจว่า จะเดินหน้าพัฒนาคุณภาพเครือข่ายเพื่อให้สามารถเป็นถนนในการเชื่อมต่อความอุ่นใจให้แก่คนไทย และภาครัฐ ตลอดไป”

View :1816

“เพาเวอร์บาย” พลิกมุมมองถ่ายภาพกับ Samsung MV800

October 3rd, 2011 No comments

บริษัท จำกัด ผู้นำทางด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าไอที ขอพลิกมุมมองใหม่กับการสนุกง่ายทุกองศา กับกล้องดิจิตอล รุ่นใหม่จาก Multiview ด้วยจอภาพ LCD Touchscreen 3 นิ้ว สามารถหมุนจอได้30 องศา, 90 องศา, 120 องศา และ 180 องศา ความละเอียดของภาพสูงสุดได้ถึง 16.15 ล้านพิกเซล เลนส์ Schneider Lens คุณภาพสูง ซูมได้ถึง 5 เท่า สามารถบันทึกวิดีโอ HD 720p มีโปรแกรมลูกเล่นให้เพลิดเพลินกับการถ่ายภาพได้ตามต้องการ ด้วยราคา 10,990.- บาท พร้อมของแถมต่าง ๆ อย่างมากมายอาทิ Mico SD Caed 4GB,กระเป๋า และแบ็ตเตอรี่ พร้อมโปรโมชั่นแบ่งจ่ายสบายๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพาเวอร์บายทุกสาขา

View :3093

ทรู ชวนคนไทย ร่วมภูมิใจกับ “True Innovation Awards 2011 The Reality”

October 3rd, 2011 No comments

รายการเรียลลิตี้ โชว์ไอเดียนวัตกรไทย ครั้งแรกในประเทศ

บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เชิญชวนคนไทยทั่วประเทศ ติดตามชม “” รายการเรียลลิตี้ นำเสนอผลงานนวัตกรรมครั้งแรก โดยเปิดให้ผู้ร่วมแข่งขัน “ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ด 2011” นำเสนอไอเดียและแสดงผลงานจริง ออกอากาศ ทุกวันอังคาร เวลา 20:30-21:30 น. ผ่าน True X-Zyte (ทรูวิชั่นส์ช่อง 62) และทุกวันเสาร์ เวลา 17:00-18:00 น. ผ่าน TNN2 ช่อง 8 ตั้งแต่วันนี้
รายการ “True Innovation Awards 2011 The Reality” เป็นส่วนหนึ่งของการประกวด “ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ด 2011” เวทีส่งเสริมนวัตกรไทยนำเสนอผลงานและสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยสนใจนวัตกรรม โดยสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.trueinnovationawards.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ Innovation Center โทร.02-699-6368 หรืออีเมล์ innovation_team@truecorp.co.th

View :1784

เอไอเอส 3G ขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมแล้ว ที่เชียงราย ขอนแก่น นครปฐม และพัทยา

October 3rd, 2011 No comments

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เปิดเผยความคืบหน้าอีกขั้นของการขยายโครงข่าย ว่า “หลังจากที่เอไอเอสได้ประกาศเปิดตัวเครือข่าย 3G บนคลื่น 900 MHz ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นจากพื้นที่กรุงเทพและอีก 7 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพ, เชียงใหม่ ,ชลบุรี, หาดใหญ่-สงขลา, ภูเก็ต, ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี และนครราชสีมา นั้น ขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ไปที่ จ.เชียงราย ,จ.ขอนแก่น , จ.นครปฐม และ พัทยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และภายในเดือนนี้จะเพิ่มพื้นที่การให้บริการในส่วนปริมณฑล คือ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ โดยปัจจุบันมีลูกค้ามีลูกค้าใช้บริการเครือข่าย 3G แล้วถึงกว่า 890,000 ราย ทั้งนี้คาดว่า ณ สิ้นปีจะมีปริมาณลูกค้าที่เข้าใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 1,000,000 ราย”

ลูกค้าสามารถเข้าใช้งาน 3G ได้โดยอัตโนมัติ หากมีเครื่องรองรับ 3G 900 (ที่ความเร็วสูงสุด 384kbps) พร้อมสามารถเลือกสมัครใช้เพคเก็จ 3G (ที่ความเร็วสูงสุด) ซึ่งเหมาะกับความต้องการได้ทันทีทั้ง GSM advanced และ One2Call! ผ่าน *300.

View :1366

ดีแทคเดินหน้าสร้างกลยุทธ์ในเซ็กเม้นต์ครอบครัว ประเดิมเปิดตัวแพ็กเกจ MiniME เพื่อครอบครัวเป็นครั้งแรกของวงการ

October 3rd, 2011 No comments

ดีแทคเปิดตัวแพ็กเกจ MiniME เป็นทางเลือกเพิ่มให้กับลูกค้าระบบรายเดือน รุกสร้างฐานจากกลุ่มครอบครัวที่ยังไม่มีใครทำตลาดอย่างจริงจัง ศึกษาพฤติกรรมนักเรียนโทรหาผู้ปกครองในช่วงเวลาเลิกเรียน จับจุดเด่นตรงพฤติกรรมการใช้งานให้พ่อแม่ และลูกติดต่อกันอย่างสะดวกใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวล

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “MiniME เป็นแพ็กเกจรายเดือนแพ็กเกจแรกที่ดีแทคริเริ่มทำตลาดเพื่อลูกค้ากลุ่มครอบครัว เราคิดแพ็กเกจนี้ขึ้นเพราะเห็นพฤติกรรมการใช้งานของผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับลูกในหลาย ๆ โอกาส เช่น การนัดหมายเพื่อมารับหลังเลิกเรียน อีกทั้งจากสภาพการแข่งขันในตลาดก็ยังนับว่ามีการแข่งขันน้อย ไม่มีผู้ให้บริการรายใดที่มีบริการที่ตรงกับกลุ่มนี้เหมือนกับเรา และยังจะทำให้เรามีโอกาสสร้างฐานลูกค้าให้มีความผูกพันและมีความรู้สึกดีกับแบรนด์ในฐานะที่เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันในครอบครัว สำหรับการคิดรูปแบบบริการเราได้ยึดถึงความต้องการของผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการให้กับลูก ซึ่งมักจะต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายและป้องกันไม่ให้เด็กได้รับสื่อที่ไม่เหมาะสม แพ็กเกจ MiniME จึงคิดค่าโทรที่คุ้มค่าให้โทรหากันฟรีระหว่างเบอร์ผู้ปกครองกับลูกในช่วง 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น และผูกบิลค่าใช้จ่ายกับเบอร์คุณพ่อคุณแม่ที่จดทะเบียนคู่กันเพื่อให้สามารถดูรายละเอียดการใช้งานของเด็กได้ โดยเรายังเพิ่มบริการเสริมต่าง ๆที่คุณพ่อคุณแม่จะสบายใจเมื่อให้ลูกเริ่มใช้งานมือถือ เช่นการบล็อกข้อความต่าง ๆ ที่อาจส่งเข้ามาโฆษณาเชิญชวน ในช่วงแนะนำแพ็กเกจนี้ดีแทคยังได้มีโปรโมชั่นร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีสินค้าและบริการดี ๆ สำหรับเด็กมอบคูปองแก่ลูกค้าเพื่อรับสิทธิพิเศษ และแถมฟรีเคล็ดลับการเลี้ยงดูลูกจากนิตยสาร Real Parenting ในเครืออมรินทร์ผ่านทาง SMS ด้วย”

แพ็กเกจ MiniME เปิดให้ลูกค้ารายเดือนของดีแทคสมัครได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ โดยจดทะเบียนหมายเลขของลูกร่วมกับหมายเลขของผู้ปกครอง ไม่มีค่าบริการรายเดือนสำหรับเบอร์ลูก และคิดค่าบริการรายเดือนเพียงเดือนละ 100 บาทกับเบอร์ผู้ปกครอง และจัดเรียกเก็บค่าบริการในบิลเดียวกัน ลูกค้าสามารถโทรหากันฟรีในช่วงเวลา 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น มีบริการบล็อกข้อความสำหรับหมายเลขโทรศัพท์ของลูก และบริการฟรีส่งเคล็ดลับการเลี้ยงดูลูกจากนิตยสาร Real Parenting ในเครืออมรินทร์ ผ่านทาง SMS ถึงเบอร์ผู้ปกครอง ให้ดาวน์โหลดคอนเทนต์ในราคาพิเศษ และสำหรับลูกค้าที่สมัครตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ รับคูปองส่วนลดร้านค้าชั้นนำที่ให้ผู้ปกครองได้ใช้เวลากับลูกประกอบด้วย สิทธิพิเศษจาก Funarium, Mr. Cup T, โรงภาพยนตร์ในเครือ SF และ Skippy บ้านลูกบอล

พร้อมกันนั้น ดีแทคยังจัดโทรศัพท์มือถือรุ่นราคาประหยัดหลายรุ่นมาไว้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูก โดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สมัครแพ็กเกจและซื้อโทรศัพท์มือถือดังกล่าว ฟรีส่ง SMS ฟรีหาเบอร์ดีแทค 30 ข้อความนาน 6 เดือน ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค ดีแทคเซ็นเตอร์ทุกสาขา และ www.dtac.co.th

View :1410

วีเอ็มแวร์ อิงค์ เปิดตัวแอพฯ SlideRocket และ Socialcast เพิ่มความคล่องตัวองค์กร

October 3rd, 2011 No comments

โมบายล์แอพพลิเคชั่นใหม่จาก SlideRocket และ Socialcast นำเสนอเครื่องมือการสื่อสารและการทำงานร่วมกันสำหรับองค์กรที่เชื่อมโยงถึงกัน

วีเอ็มแวร์ อิงค์ เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับ iPad และแอพพลิเคชั่นรุ่นอัพเดตสำหรับ Android จาก SlideRocket และ Socialcast จะช่วยให้องค์กรธุรกิจรุ่นใหม่เพิ่มความคล่องตัว ประสิทธิภาพการทำงาน และการเชื่อมโยงถึงกันภายในองค์กร

“ผู้ใช้ในองค์กรธุรกิจที่ทันสมัยกำลังมองหาหนทางที่มีประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นและแบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนร่วมงาน พาร์ทเนอร์ และลูกค้าบนโมบายล์แพลตฟอร์ม” มร.ไบรอัน บียุน รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายคลาวด์แอพพลิเคชั่นของวีเอ็มแวร์ กล่าว “SlideRocket และ Socialcast รองรับการทำงานรูปแบบใหม่ในลักษณะที่เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้นในอนาคต”

องค์กรต่างๆ ปรับใช้ iPad และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นในรูปแบบของเครื่องมือธุรกิจที่สำคัญ รายงานผลประกอบการล่าสุดของ Apple ระบุว่า 86 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 กำลังปรับใช้หรือทดสอบ iPad โดยเพิ่มขึ้นจาก 75 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้ โมบายล์แอพพลิเคชั่นของ SlideRocket และ Socialcast ตอบสนองความต้องการในการจัดหาเครื่องมือสำหรับการสื่อสารและการทำงานร่วมกันให้แก่ผู้ใช้เพื่อปรับปรุงผลประกอบการธุรกิจ

พรีเซนเทชั่นอัจฉริยะสำหรับบุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่
SlideRocket พัฒนาพรีเซนเทชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรในปัจจุบัน ด้วยความสามารถทางด้านกราฟฟิกที่เหนือชั้น พร้อมระบบวิเคราะห์ข้อมูล แบบแผนการแสดงผล การแสดงความคิดเห็นแบบเรียลไทม์ การผนวกรวมสื่อทางสังคม และฟังก์ชั่นการทำงานแบบโมบายล์ รองรับการติดต่อสื่อสารเชิงลึก การมีส่วนร่วมและการดึงดูดผู้ชม ด้วยโปรแกรมใหม่ SlideRocket Player™ iPad เปิดให้ใช้งานได้ฟรี ผู้ใช้จะสามารถแชร์พรีเซนเทชั่นที่สวยงาม ไม่ว่าจะนำเสนอแก่ผู้ชมที่นั่งรอบโต๊ะประชุมหรือในทุกที่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถเชิญให้คนอื่นเข้าดูพรีเซนเทชั่นผ่านทางลิงค์ได้อย่างง่ายดาย แอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับ iPad นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดพรีเซนเทชั่น SlideRocket หรือ PowerPoint ที่สามารถแชร์ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ก็ตาม

การเพิ่มเติม SlideRocket Player ช่วยให้ผู้ใช้ iPad มีเครื่องมือพรีเซนเทชั่นที่พร้อมสรรพ ช่วยให้บุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ดาวน์โหลด SlideRocket Player สำหรับ iPad ได้แล้ววันนี้

แอพพลิเคชั่นโซเชียลระดับองค์กรเพื่อการเชื่อมโยงภายในองค์กรอย่างทั่วถึง
โปรแกรม Socialcast รุ่นใหม่สำหรับ iPad และโปรแกรมรุ่นอัพเดตสำหรับ Android จะพร้อมใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงเครือข่าย Socialcast ในขณะเดินทาง โดยพนักงานจะสามารถประสานงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานจากทุกๆ ที่ พร้อมทั้งโพสต์ข่าวอัพเดต แชร์ไฟล์ และเชื่อมต่อถึงกันสำหรับการดำเนินโครงการสำคัญๆ นอกจากนี้ Socialcast สนับสนุนการล็อกอินอย่างปลอดภัยผ่านทาง OAuth 2.0 โดย Socialcast จัดหาวิธีที่ง่ายดายและปลอดภัยสำหรับองค์กรต่างๆ ในการขยายประสบการณ์เดสก์ท็อปไปสู่อุปกรณ์พกพา ขณะที่เว็บไซต์อื่นๆ จะมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะปลอดภัยอยู่เสมอ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์โมบายล์ของ Socialcast และการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์

GigaOM Mobilize 2011
และที่งาน Mobilize 2011 ในนครซานฟรานซิสโก มร.สตีฟ เฮอร์รอด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์ ได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นที่ว่าเทคโนโลยีจะสามารถรองรับการทำงานในรูปแบบใหม่ในยุคหลังพีซีได้อย่างไร โดยผู้ร่วมสนทนาได้แก่ มร.สเตซีย์ ฮิกกินโบแธม นักเขียนอาวุโสจาก GigaOM ระหว่างเซสชั่นที่ใช้ชื่อว่า “กุญแจสำคัญของระบบโมบิลิตี้ในองค์กร: แอพพลิเคชั่น, ข้อมูล และบุคลากร” (Three Key Pillars of Enterprise Mobility: Applications, Data and People)

ทรัพยากรเพิ่มเติม
· ข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบพรีเซนเทชั่น (PNR)
· อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม SlideRocket สำหรับ iPad
· อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์โมบายล์ของ Socialcast และการสนับสนุน OAuth2
· ดูภาพหน้าจอของโมบายล์แอพพลิเคชั่นใหม่
· เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของวีเอ็มแวร์สำหรับระบบประมวลผลของผู้ใช้
· ติดตาม SlideRocket บนทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ค
· ติดตาม Socialcast บนทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ค

View :3071

ก.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจีน ประหยัดงบกว่า 10 ล้านบาทด้วยการใช้ Polycom RealPresence Platform ในการประชุมร่วมระหว่าง 175 หน่วยงาน

October 3rd, 2011 No comments

แพลตฟอร์ม Polycom RealPresence รองรับการใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายของธุรกิจ, วิดีโอ, โมบายล์ และโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ผู้นำระดับโลกในด้านระบบสื่อสารแบบครบวงจร (Unified Communications – UC) กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนจีน หรือ China’s Ministry of Science and Technology (MOST) เลือกใช้โซลูชั่นระบบสื่อสารผ่านวีดีโอแบบครบวงจรของโพลีคอมในแพลตฟอร์ม Polycom® RealPresence™ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่และการประชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปการจัดการ การประเมิน และการทบทวน 175 กลยุทย์ในโครงการวิจัยและโครงการริเริ่มต่างๆประจำปี 2011/2012 ของกระทรวงฯ ระบบ Telepresence และวีดีโอ High-Definition (HD) ของโพลีคอมเป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับหน่วยงานรัฐบาลทุกขนาด เพื่อสนับสนุนให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็วในการบริหารโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ

เครือข่ายการประชุมทางไกลผ่านวีดีโอขนาดใหญ่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประกอบด้วยห้องประชุม 10 ห้องสำหรับผู้เชี่ยวชาญ และห้องควบคุมระบบที่ปักกิ่ง รวมทั้งห้องประชุมผ่านระบบวีดีโอ 25 ห้องใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสามารถจัดประชุมแบบมัลติมีเดียได้ถึง 175 จุด พร้อมกันนี้เพื่อให้การประชุมทางไกลผ่านวีดิโอเป็นไปอย่างราบรื่น โพลีคอมได้จัดเตรียมโซลูชั่นสำรองเพื่อรองรับการประชุมขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอีกด้วย

ก่อนหน้าที่จะใช้โซลูชั่นของโพลีคอม เจ้าหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานจะต้องเดินทางไปที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานใหญ่ที่กรุงปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมการตรวจสอบประเมินโครงการวิจัยและโครงการริเริ่มต่างๆร่วมกับคณะตรวจสอบ ซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือบางครั้งเป็นเดือน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหยุดการทำงานอื่นๆและมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางจำนวนมาก แต่ปัจจุบันโซลูชั่นระบบสื่อสารผ่านวีดีโอแบบครบวงจรช่วยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศจีน สามารถจบกระบวนการตรวจสอบด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาได้ภายในระยะเวลา 4 วัน ด้วยการประชุมทางไกลผ่านวีดีโอทั้งหมด 175 จุด เฉลี่ย 44 ครั้งต่อวัน ทำให้เกิดความคล่องตัวในกระบวนการทำงาน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขึ้น นอกจากนี้ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ถึง 10 ล้านบาท

“แพลตฟอร์ม Polycom RealPresence สามารถรับส่ง ข้อมูลภาพและเสียงที่มีประสิทธิภาพสูง รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และเปลี่ยนวิถีของการประชุมและการประเมินผลแบบเดิมๆ ที่ต้องพบกันตลอดเวลามาเป็นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายวิดีโอขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับผู้ร่วมประชุมในกว่า 20 จังหวัดที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่มีความเสถียรและรับประกันได้ในการเชื่อมต่อที่แบบมัลติมีเดียทั้ง 175 จุด” กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศจีนกล่าว

สตีเว่น ลี รองประธานและผู้จัดการทั่วไป โพลีคอมประเทศจีนกล่าวว่า “โซลูชั่น Telepresence ที่มีความคมชัดเสมือนจริง ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการประชุมแบบเดิมๆของลูกค้า และ โซลูชั่น Telepresence ของโพลีคอมและแพลตฟอร์ม RealPresence ถือเป็นการสร้างแนวทางการทำงานร่วมกันแบบใหม่ที่ทำให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถการเร่งกระบวนการอนุมัติและตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

View :1398
Categories: Press/Release Tags:

คลาสสิก โกลด์ ขยายบริการการลงทุนในโลหะมีค่าอย่างครบวงจร เปิดตัว iPhone App

October 3rd, 2011 No comments

กลุ่มบริษัท ผู้นำด้านการลงทุนทองคำระดับมืออาชีพและครบวงจร รุกตลาดกระตุ้นยอดไตรมาสสุดท้าย เดินหน้าขยายบริการการลงทุนในโลหะมีค่าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว iPhone App ถึง 2 ตัว ให้นักลงทุนไม่พลาดทุกจังหวะในการลงทุน

นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเปิดดำเนินการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าทองคำ หรือโกลด์ฟิวเจอร์สมาตั้งแต่ต้นปี ทางบริษัทฯ มีการพัฒนาความพร้อมทั้งในด้านระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทีมงานที่มีความรู้ความชำนาญในด้านการลงทุนทองคำ รวมไปถึงโลหะเงิน เพื่อขยายฐานการให้บริการด้านการลงทุนในโลหะมีค่าที่มีประสิทธิภาพแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเพื่อเป็นการกระตุ้นการซื้อ-ขายสัญญาซื้อขายโลหะมีค่าล่วงหน้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และเพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดทุกจังหวะในการลงทุน ทั้งข้อมูลข่าวสาร และบทวิเคราะห์ สำหรับการซื้อขายโลหะมีค่าอย่างครบวงจร ทางบริษัทฯ จึงทำการเปิดตัว iPhone Application ถึง 2 ตัว คือ และ ซึ่ง App ตัวแรก “” เป็นบริการใหม่ล่าสุดจากคลาสสิก โกลด์ ที่จะทำให้นักลงทุนสามารถติดตามราคาทองคำได้อย่างครบถ้วน ทั้งทองคำแท่ง 96.5%, 99.9 % หรือ Gold Futures พร้อมกราฟราคาทอง และพิเศษกับเครื่องคำนวณราคาทองคำแบบ Real Time พร้อมทั้งเกาะติดข่าวสารและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับโลหะมีค่า ให้นักลงทุนสามารถรู้ทันทุกสถานการณ์ อัพเดทโปรโมชั่น, Product และ Services ของกลุ่มบริษัท คลาสสิก โกลด์ ก่อนใคร อีกทั้งยังสามารถติดต่อกลุ่มบริษัท คลาสสิก โกลด์ ได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะโทรศัพท์, อีเมลล์, website, facebook และ twitter หรือแม้กระทั่ง Google Map อีกด้วย ส่วน App ตัวหลัง “CLASSIC GOLD ONLINE” จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของบริษัทฯสามารถซื้อ-ขายทองคำแท่งได้ทุกที่ทุกเวลา นับเป็นก้าวใหม่ของการพัฒนาเทคโนโลยีในการซื้อขายทองคำแท่งเลยทีเดียว

นางสาวณัฐฑี กล่าวเสริมเกี่ยวกับตลาดทองคำว่า ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 5.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,607.80 – 1,642.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเมื่อ นักลงทุนมีความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรปปรับลดลงแรงอีกครั้งกว่า 2% จากความกังวลเพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก เมื่อตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ปัญหาหนี้สินของกรีซ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิคเดือน ก.ย.ในวันจันทร์ ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานวันอังคาร ส่วนวันพุธมี การจ้างงานทั่วประเทศ ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสมีดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ การจ้างงานนอกภาคเกษตร

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะ มีความเคลื่อนไหวเป็น side way up หลังจากที่ราคาปรับลดลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ กราฟราคาในระดับวันเริ่มทรงตัวได้ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,679/1,704/ 1,750 USDต่อออนซ์ ส่วนแนวรับในสัปดาห์คาดว่าที่บริเวณ 1,580/1,530 USDต่อออนซ์ แนะนำ เปิด Long เมื่อผ่านแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันบริเวณ 1,631 USDต่อออนซ์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรเป้าหมายแรกบริเวณ 1,679/1,704

ด้านราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.44 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 30.08 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 29.66 – 31.34 USDต่อออนซ์ คาดว่าสัปดาห์นี้ความเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ side way down โดยมีกรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.7 – 33.0 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 51.47 ตัน เหลือถือโลหะเงินจำนวน 9,995.68 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.20 และแนวรับบริเวณ 29.2 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 29.2 – 31.2 USDต่อออนซ์

Classic Gold Group ผู้ที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในทองคำอย่างครบวงจรมายาวนาน ทั้งมีเจ้าหน้าที่การตลาด และนักวิจัยที่มีประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษา และเพิ่มโอกาสในการลงทุนรวมไปถึงการจัด สัมมนาฟรี!! ทุกวันอังคาร และพฤหัสบดี ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2618-0808 หรือทาง www.classicgoldfutures.co.th “Classic Gold Futures อนาคตทอง เรามองขาด”

View :2139