ITBiz | lekasina.com

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส เปิดเผยถึงภาพรวมเครือข่ายในช่วงนี้ว่า “จากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ภาคกลางนั้น ภาพรวมเครือข่ายของเอไอเอสได้รับผลกระทบไม่ถึง 1% โดยส่วนใหญ่เกิดจากการตัดกระแสไฟฟ้า ซึ่งหากกระแสไฟฟ้ากลับมาก็จะสามารถให้บริการได้ตามปกติ รวมถึงบางแห่งที่ระดับน้ำขึ้นสูง ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นคือ การขยายสัญญาณในพื้นที่ใกล้เคียงให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และนำเอารถสถานีฐานเคลื่อนที่ไปให้บริการในจุดที่เป็นพื้นที่ช่วยเหลือ”

“โดยขณะนี้ทีมงานเอไอเอสทั้งหมดได้ร่วมแรงร่วมใจกันส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- เบื้องต้น เตรียมวงเงินไว้มากกว่า 500,000 บาท เพื่อเติมเงินให้ลูกค้าในระบบพรีเพด ณ จังหวัดอยุธยา รวมถึงระงับการตัดสัญญาณลูกค้าโพสต์เพดในช่วงนี้จนกว่าสถานการณ์จะปกติ
- สนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยติดตั้งเครือข่าย 3G และ Wifi พร้อมมีพนักงานร่วมเป็นช่องทางรับสายเพื่อรับข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนผ่านทาง โทร. 1111 กด 5 รวมถึงสนับสนุนซิมการ์ดให้ทีมงานเพื่อใช้ประสานความช่วยเหลือ
- ตั้งจุดให้บริการโทรฟรี และนำรถสถานีฐานเคลื่อนที่ไปให้บริการ ณ ศูนย์พักพิงผู้อพยพมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พร้อมร่วมบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค รวมไปถึงทีมพนักงานที่ร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยงานในศูนย์ดังกล่าว
- ติดตั้งเครือข่าย Wifi ณ ศูนย์ราชการอพยพของสาธารณสุข , ศาลากลาง จ.อยุธยา รวมถึงจัดตั้งโรงครัวเอไอเอสที่พนักงานเอไอเอสได้เป็นอาสาสมัครปรุงอาหารและมอบให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
- บริจาคเสื้อผ้า, น้ำดื่มมากกว่า 5,000 แพ็ค พร้อมเรือช่วยเหลือ ในพื้นที่อุทกภัย

“ทั้งนี้เอไอเอสจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ลูกค้าและประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยพร้อมจะส่งมอบความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป”

ดีแทคจัดเตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งช่วยตรงและร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ

1. ดีแทคเติมเงินฟรีให้กับลูกค้าแฮปปี้ (ระบบเติมเงิน) รายละ 30 บาท จังหวัดอยุธยา ลพบุรี และนครสวรรค์ซึ่งมีจำนวนประมาณ 620,000 ราย เพื่อใช้งานโดยไม่ถูกตัดสัญญาณเฉพาะหน้า และมอบซิมฟรีจังหวัดละ 1,000 ซิม พร้อมเงินค่าโทรซิมละ 300 บาท สำหรับทหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ในบริเวณ 3 จังหวัดดังกล่าว

2. ดีแทคจะตั้งศูนย์ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม โทรฟรี เติมเงิน ชาร์จแบตเตอรี่ ที่ศาลากลางจังหวัดอยุธยา นครสวรรค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต พร้อมจัดทีมงานออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและกรุงเทพรอบนอกทั้งทางเรือและรถ โดยพื้นที่จังหวัดอยุธยาทางทีมงานดีแทคจะใช้เรือเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ แต่กรุงเทพรอบนอก เช่นสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ทีมงานดีแทคจะใช้รถเพื่อออกช่วยเหลือ

3. ดีแทคร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เชื่อมเครือข่ายสายรับร้องทุกข์ 1111 กด 5 กับคอลล์เซ็นเตอร์ 1678 เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย

4. ดีแทคร่วมมือกับศูนย์ร่วมด้วยช่วยกัน 1677 รับเรื่องราวแจ้งเหตุน้ำท่วมและเรื่องราวเดือดร้อนทั่วไปจากผู้ประสบอุทกภัย

5. ดีแทคยืดวันชำระเงินและงดระงับบริการลูกค้ารายเดือนและเติมวัน 30 วันให้กับลูกค้าแบบเติมเงินที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย 32 จังหวัดในรอบนี้ รวมจำนวนลูกค้าในพื้นที่ประมาณ 7 ล้านราย ประกอบด้วย เชียงใหม่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย หนองคาย ชัยภูมิ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี

6. ดีแทคยกเว้นค่าธรรมเนียมบริการใจดีให้ยืม สำหรับลูกค้าแบบเติมเงิน (แฮปปี้) ทั่วประเทศที่ใช้บริการตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เพื่อมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกค้าที่ค่าโทรหมดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ลูกค้าแฮปปี้ที่ค่าโทรหมดสามารถยืมค่าโทรไปใช้ก่อนครั้งละ 30 บาท ผ่านบริการใจดีให้ยืมโดยกด *100 จากมือถือและทำตามขั้นตอนอัตโนมัติได้ทันที เมื่อลูกค้าเติมเงินครั้งต่อไประบบจะหักค่าโทรที่ยืมไว้ 30 บาทไม่คิดค่าธรรมเนียม ลูกค้าที่คืนค่าโทรแล้วสามารถยืมครั้งใหม่ได้

7. ดีแทคจัดทีมงานพิเศษเพื่อดูแลและติดตามระบบการรับ-ส่งข้อความ SMS สำหรับลูกค้าในช่วงนี้ เพื่อความเสถียรและทำให้มั่นใจในบริการรับ-ส่งข้อความมากยิ่งขึ้น

สำหรับผลกระทบของน้ำท่วมที่มีต่อเครือข่ายการสื่อสารของดีแทค ในขณะนี้ได้รับการกระทบบางส่วน คือพื้นที่จังหวัดอยุธยา สระบุรี ลพบุรี และสิงห์บุรี รวมประมาณ 22 จุด โดยพื้นที่ดังกล่าวได้มีการตัดกระแสไฟฟ้าในพื้นที่น้ำท่วมสูง ทั้งนี้ ดีแทคได้ส่งทีมงานเข้าประเมินสถานการณ์ รวมทั้งแก้ไข และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว

ทรูมูฟ ตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด โชว์ศักยภาพเครือข่ายดาต้าที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า เปิดตัวแพ็กเกจ “WhatsApp ไม่อั้น” นวัตกรรมใหม่จากทรูมูฟ ครั้งแรกในไทยที่ให้แชตไม่จำกัด เริ่มต้นแค่วันละ 5 บาท ตอบไลฟ์สไตล์เหล่านักแชต ให้เม้าท์มันจุใจผ่านแอพพลิเคชั่น WhatsApp บนมือถือ เลือกแพ็กเกจได้ทั้งแบบรายวัน วันละ 5 บาท หรือรายเดือน เดือนละ 69 บาท หรือจุใจกับแพ็กคู่ทั้ง WhatsApp และ Facebook เพียงเดือนละ 99 บาท เท่านั้น ไม่พลาดทุกการสื่อสารออนไลน์ด้วยเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ทรงพลังของทรูมูฟ ทั้ง 3G*/EDGE/GPRS ลูกค้าทรูมูฟทั้งแบบเติมเงินและแบบรายเดือนสมัครแพ็กเกจ “WhatsApp ไม่อั้น” ได้แล้ววันนี้ ฟรี! แค่โทร *9000 กด 2

นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้อำนวยการธุรกิจนอนวอยซ์ และ3จี บริษัท ทรู มูฟ จำกัด กล่าวว่า ทรูมูฟ ผู้ให้บริการที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด ประกาศความสำเร็จของบริการ “Social ไม่อั้น” หลังเปิดตัวแพ็กเกจ “Facebook ไม่อั้น” ตอบรับความแรงของสังคมออนไลน์และบริการแชตบนมือถือ ล่าสุดเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ “WhatsApp ไม่อั้น” ครั้งแรกในไทย นวัตกรรมสุดล้ำจากทรูมูฟเพื่อนักแชตโดยเฉพาะ ให้แชตจุใจแบบไม่อั้น ผ่าน WhatsApp แอพพลิเคชั่นแชตสุดฮิตบนมือถือ เม้าท์มันไม่ยั้งบนเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ของทรูมูฟที่เร็วและแรงเต็มประสิทธิภาพ ทั้ง 3G*/EDGE/GPRS โดดเด่นด้วยการแชตง่ายๆ บนหน้าจอ (User Interface) จริงของ WhatsApp ที่ลูกค้าคุ้นเคย สุดคุ้มด้วยค่าบริการเริ่มต้นแค่วันละ 5 บาท หรือเดือนละ 69 บาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้านักเรียน นักศึกษา และคนเริ่มทำงาน โดยเฉพาะลูกค้าแบบเติมเงิน ช่วยให้ลูกค้าควบคุมค่าใช้จ่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าบริการการใช้งานดาต้า และไม่ต้องเสียค่าอินเทอร์เน็ตเพิ่ม

“ตลาดการใช้งานด้านดาต้าในปีนี้เติบโตถึง 60% โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีสัดส่วนเกือบ 50% ของบริการนอนวอยซ์ทั้งหมด จากการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน ฟีเจอร์โฟน และเครือข่ายที่สามารถรองรับการใช้งานดาต้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายโดนใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมต่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ผ่านมือถือยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดนอนวอยซ์ โดยเฉพาะ Facebook และ WhatsApp ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นแชตยอดนิยมที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว ส่งได้ทั้งข้อความ เสียง รูปภาพ และวิดีโอ รวมทั้งยังสามารถแชตเป็นกลุ่ม และรองรับการแชตผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้งไอโฟน แบล็กเบอร์รี่ แอนดรอยด์ และซิมเบียน (ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์โนเกีย) ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่โดดเด่นเหนือกว่าโปรแกรมแชตอื่นๆ” นายพิรุณ กล่าวเสริม

ลูกค้าทรูมูฟทั้งแบบเติมเงินและแบบรายเดือน สามารถสมัครแพ็กเกจ “WhatsApp ไม่อั้น” ง่ายๆ แค่กด *9000 กด 2 (สมัครฟรี ผ่านระบบ IVR) แล้วเลือกแพ็กเกจตามความต้องการ ทั้งแบบรายวัน วันละ 5 บาท หรือรายเดือน เดือนละ 69 บาท (ต่ออายุอัตโนมัติ) จากนั้นรอรับ SMS ยืนยันการสมัคร แล้วเปิด-ปิดเครื่อง ก่อนเริ่มใช้บริการ ทั้งนี้ ลูกค้าต้องมีแอพพลิเคชั่น WhatsApp ในเครื่องโทรศัพท์ก่อนสมัครแพ็กเกจ โดยสามารถดาวน์โหลด WhatsApp หรือตรวจสอบรุ่นโทรศัพท์ที่รองรับการใช้งาน WhatsApp ได้ที่ www.whatsapp.com

นอกจากนี้ บริการ Social ไม่อั้น ยังมีแพ็กเกจ Social Pack ให้จุใจไม่อั้น กับ 2 แอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์สุดฮิต ทั้ง Facebook และ WhatsApp ในราคาคุ้มกว่าใครเพียงเดือนละ 99 บาทเท่านั้น ลูกค้าที่สนใจ บริการ Social ไม่อั้น สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งานได้ที่ www.truemove.com/vas หรือทรูมูฟ แคร์ โทร 1331

*บริการ 3G (บนมือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารที่รองรับคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิร์ตซ์) เป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงและพัฒนาโครงข่ายในบางพื้นที่ เพื่อให้บริการของทรูมูฟดีขึ้น

ดีแทคเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ dtac voice ขยายฐานลูกค้ารายเดือนส่วนใหญ่ที่ยังคงใช้งานโทร เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าตั้งแต่แพ็กเกจประหยัด 149 บาทจนถึง 1,199 บาทต่อเดือน พร้อมสิทธิพิเศษโทรฟรีสูงสุด 300 นาทีต่อเดือนเพิ่มเติมจากแพ็กเกจปกติ (ตามเงื่อนไข) และรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับนกแอร์ฟรีเมื่อใช้งานครบกำหนด

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า ดีแทคเปิดตัวแพ็กเกจค่าโทรรายเดือนใหม่ dtac voice สำหรับลูกค้าที่ใช้งานโทรโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นและตอบรับกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ดีแทคกำลังบุกตลาดดาต้ากับ dtac 3G เราก็ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าที่ใช้งานโทรซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักด้วย เรามั่นใจว่าการสร้างแพ็กเกจที่มีความหลากหลายนี้จะได้รับความนิยมจากลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่เนื่องจากเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกตามการใช้งานในระดับแตกต่างกันได้ รวมทั้งมีแพ็กเกจราคาประหยัดที่สุดในตลาดสำหรับใช้งานน้อยมานำเสนอให้กับลูกค้าของเรา นอกจากนั้น ยังมีแพ็กเกจเสริมมากมายให้เลือกเพิ่มจากแพ็กเกจหลักที่ใช้อยู่ ซึ่งเราก็ได้เพิ่มแพ็กเกจเสริมที่น่าสนใจอีกหลายแพ็กเกจสำหรับการใช้งานในประเทศ และใช้โทรหรือส่งข้อความไปต่างประเทศด้วย

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า แพ็กเกจ voice มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ดีแทคขยายตลาดลูกค้ารายเดือนของเราในช่วงนี้เนื่องจากมีความหลากหลายของการใช้งานและระดับราคา ตั้งแต่แพ็กเกจเริ่มต้นเดือนละ 149 บาทสำหรับผู้ใช้งานน้อย ไปจนถึง1,199 บาทสำหรับคนใช้งานมาก ในช่วงแนะนำแพ็กเกจใหม่เรายังมีโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มจำนวนโทรฟรีสูงสุดถึง 300 นาทีต่อเดือนสำหรับลูกค้าใช้โทรไปยังหมายเลขใดเครือข่ายใดก็ได้ โดยจุดเด่นของแพ็กเกจ dtac voice ก็คือมีค่าโทรต่อนาทีราคาประหยัดที่สุดในตลาดปัจจุบัน คือต่ำสุดแค่นาทีละ 63 สตางค์เท่านั้น นอกจากนี้ เรายังได้จับมือกับนกแอร์มอบรางวัลพิเศษตั๋วเครื่องบินไปกลับภายในประเทศให้กับลูกค้าที่ใช้งานแพ็กเกจ dtac voice 2 แพ็กเกจสูงสุดของเราครบ 6 เดือนด้วย

แพ็กเกจ dtac voice มีแพ็กเกจหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานเริ่มต้นที่ 149 บาทต่อเดือนไปจนถึง 1,199 บาทต่อเดือน ลูกค้าใหม่ที่จดทะเบียนแพ็กเกจจะได้รับจำนวนนาทีโทรฟรีตั้งแต่ 50-200 นาทีต่อเดือนเป็นระยะเวลา 3 เดือนเพื่อใช้โทรไปหาหมายเลขใดเครือข่ายใดก็ได้ พร้อมข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมอีก เมื่อลูกค้าจดทะเบียนแพ็กเกจภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 จะได้รับจำนวนนาทีโทรฟรีเพิ่มอีก 100 นาทีต่อเดือน สำหรับใช้โทรไปหมายเลขใดเครือข่ายใดก็ได้ รางวัลพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้งานแพ็กเกจ voice 799 or voice 1199 ครบ 6 รอบบิล จะได้รับ ตั๋วเครื่องบินนกแอร์ไป-กลับภายในประเทศตามเส้นทางที่ลูกค้าเลือกเองด้วย

แพ็กเกจเสริมอื่น ๆ ประกอบด้วย
สำหรับคนชอบความคุ้ม
· โทรฟรีทุกเครือข่าย 100 นาทีตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการเดือนละ 100 บาท
· โทรฟรี กลางวัน-กลางคืน 4 ทุ่ม – 5 โมงเย็น ค่าบริการเดือนละ 249 บาท
· โทรฟรี เสาร์-อาทิตย์ ค่าบริการเดือนละ 100 บาท
· โทรฟรีกลางวัน ตี 5 ถึง 5 โมงเย็น ค่าบริการเดือนละ 199 บาท
· โทรฟรีรอบดึก 4 ทุ่ม – 8 โมงเช้า ค่าบริการเดือนละ 100 บาท

เอไอเอสติดเครื่อง ชีวิตในแบบคุณ บูมตลาดแอพลิเคชั่น รุกสร้าง Local Application ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ครบทุกเซกเมนต์ ล่าสุด ผนึกกำลัง สยามสปอร์ต และ ไอ-สปอร์ต จุดพลุคอนเทนต์กีฬาบนมือถือ ส่ง “AIS SPORT ARENA – เอไอเอส สปอร์ต อารีน่า” กระชากใจคอกีฬาชาวไทย จัดเต็มสุดพลัง ทั้ง Sport Arena Application แอพฯ คุณภาพคับจอ บริการข้อมูลผลสด, วิเคราะห์ ข่าวฟุตบอลทั้งในและต่างประเทศ และกีฬาทั่วโลก และ Sport e-book อ่านหนังสือในเครือสยามสปอร์ตแบบเต็มอิ่ม ผ่านทาง AIS Bookstore พร้อมเสิร์ฟความมันส์ให้ลูกค้าเอไอเอสใช้บริการฟรีแล้ววันนี้!

นายมาร์ค ชอง ชิน ก๊อก หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการสายงานการตลาด เอไอเอส เปิดเผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ เอไอเอสให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการคุณภาพทั้ง Device, Network, Application และ Service โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการทุกพาร์ทเนอร์ที่อยู่ใน Ecosystem เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยในส่วนของ Application นั้น เน้นกลยุทธ์ไปที่การสร้าง Local Application เพื่อผู้ใช้คนไทยได้ใช้งานง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และตรงใจมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน เอไอเอสได้เปิดให้บริการแอพลิเคชั่นสัญชาติไทยไปแล้วกว่า 20 ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน application ไทยกว่า 5 แสนราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้งานe-book ผ่าน AIS book store มีจำนวนหนังสือที่ได้รับการ download ไปแล้วกว่า 4 แสนเล่ม

ล่าสุดต่อเนื่องจากการเปิดตัว 3G ทั้งในกรุงเทพและอีก 10 จังหวัด และการเปลี่ยน identity ใหม่ “ชีวิตในแบบคุณ” ความร่วมมือกับ Siam Sport และ iSport เปิดตัว “AIS Sport Arena, Your Sport World” ครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำคำสัญญา “ชีวิตในแบบคุณ” และเป็นครั้งแรกในการนำทุกกีฬาทั่วโลกมาอยู่บน mobile และ Tablet ผ่านการให้บริการที่ลูกค้าเอไอเอสสามารถเลือกที่จะเข้าถึงโลกกีฬาผ่านทาง “AIS Sport Arena” app บนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต และ Sport e-book ซึ่งเอ็กคลูซีฟเฉพาะลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้ใช้บริการฟรี! นานถึง 12 เดือน สำหรับมือถือทุกรุ่นก็สามารถติดตามผลกีฬาที่เราจัดให้ผ่านบริการ Sport Arena Buffet SMS ได้เช่นกัน”

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ กรรมการบริหาร บริษัท ไอสปอร์ต จำกัด และประธานกรรมการการบริหาร บ.สยามสปอร์ตซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราทั้ง 3 บริษัทต่างก็มีความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ในแนวทางเดียวกัน คือ การไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาและสร้างสรรค์บริการใหม่ให้แก่กลุ่มผู้บริโภคคอกีฬาทุกท่าน เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด ให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และเปลี่ยนแปลงไปของกระแสนิยมและวัฒนธรรมในสังคมยุคปัจจุบัน รวมถึงในอนาคตข้างหน้า “สยามสปอร์ตฯ” ในฐานะผู้นำธุรกิจสื่อกีฬา ครบวงจร มีการนำเสนอข่าวสารข้อมูลแบบเจาะลึกและรวดเร็วที่สุด ทางสื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และเคเบิ้ลทีวี และ “ไอ-สปอร์ต” ผู้นำในธุรกิจให้บริการคอนเท้นท์ ข้อมูลข่าวสารกีฬาผ่านสื่ออินเตอร์แอคทีฟมัลติมีเดียต่างๆ เมื่อร่วมกับ “เอไอเอส” ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านโทรศัพท์มือถือ และระบบเครือข่ายคุณภาพ อันดับหนึ่งของไทย

ผมจึงเชื่อมั่นว่า บริการใหม่ที่เรานำมามอบให้แก่ทุกท่านในวันนี้ จะเป็นบริการที่พิเศษสุด สำหรับแฟนกีฬาตัวจริงทุกท่าน และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในทุกๆ ด้าน ทั้งความรวดเร็ว แม่นยำ เจาะลึกของข้อมูลข่าวสารกีฬาต่างๆ โดยเฉพาะฟุตบอลกีฬาสุดฮอตในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลลีกไทย เอไอเอสลีก ภูมิภาค หรือฟุตบอลลีกต่างประเทศ จากทีมงานคอลัมนิสต์ของสยามกีฬา และสตาร์ซอคเก้อร์ รวมถึงด้านการบริการ ที่สะดวกสบาย ทันสมัย และยังสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ ของผู้ใช้บริการอีกด้วย”

ทั้งนี้ AIS Sport Arena ประกอบด้วย
1. AIS Sport Arena Application แอพฯ กีฬา แอพฯ แรกและแอพฯ เดียวของไทย ที่รองรับครบทุกระบบปฏิบัติยอดฮิต ทั้ง iOS, Android, BlackBerry และ Tablet ด้วยบริการข้อมูลผลการแข่งขันสด, วิเคราะห์, ข่าวฟุตบอลทั้งในและต่างประเทศ และกีฬาทั่วโลก โดยทีมงานสยามสปอร์ต ที่รายงานผลการแข่งขันฟุตบอลกว่า 200 รายการทั่วโลก สดตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งฤดูกาล พร้อมอัพเดทข่าวด่วนทุกประเภทกีฬาทั้งฟุตบอล กอล์ฟ บาสเกตบอล เทนนิส ฟอร์มูล่าวัน และอีกมากมาย

ลูกค้าเอไอเอสสามารถดาวน์โหลด Sport Arena Application ได้ฟรี! ที่ App Store, Android Market และ Appworld
2. Sport e-book บริการร้านหนังสือออนไลน์ให้ลูกค้าเอไอเอสแฟนกีฬาได้อ่านหนังสือเครือสยามสปอร์ตในรูปแบบ e-book ผ่านทาง AIS Bookstore โดยมีให้เลือกทั้ง
- หนังสือพิมพ์เจาะเกมส์ สัปดาห์ละ 2 ฉบับ ( ทุกวันอังคาร และศุกร์)
- นิตยสารสตาร์ซอคเก้อร์วีคลี่ สัปดาห์ละ 1 ฉบับ
- นิตยสารแฟนผีโปรเจคท์ หรือลิเวอร์พูล เดือนละ 1 ฉบับ
ลูกค้าเอไอเอสดาวน์โหลด Sport e-books ทุกเล่มได้ฟรี! ที่ AIS Bookstore หรือ *900*8# แล้วโทรออก (เพื่อดาวน์โหลด AIS Bookstore Application ก่อน)
3. Sport Arena Buffet SMS บริการรายงานผลฟุตบอล 5 ลีกดังในแพ็คเดียว ทั้งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ, กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมัน, ลาลีกา สเปน และลีกเอิงฝรั่งเศส แบบนาทีต่อนาที ค่าบริการเพียง 19 บาทต่อสัปดาห์ สมัครใช้บริการ กด *177# โทรออก

“โดยความร่วมมือระหว่าง เอไอเอส, สยามสปอร์ต และไอสปอร์ต ในครั้งนี้ ถือเป็นการทำงานแบบ Long Term Partnership ที่ร่วมกันพัฒนาสุดยอดบริการเพื่อลูกค้าของเอไอเอส ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า โลกกีฬาในแบบของคุณที่เปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสในวันนี้ นอกจากจะมอบความบันเทิงแล้ว ยังจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาเล่นกีฬาและสร้างการมีส่วนร่วมให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะเป็นการพัฒนาวงการกีฬาของไทยได้อย่างดีที่สุดนั่นเอง” นายมาร์คกล่าวสรุป

ทรูมูฟ เอช ตอกย้ำความแรงในฐานะผู้นำบริการ 3G และผู้จำหน่าย Convergence Device สุดล้ำในไทย เดินหน้าปลดปล่อยชีวิตอิสระเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ ล่าสุดผนึก ทรู แอพ เซ็นเตอร์ และ 6 พันธมิตรเจ้าของคอนเทนต์ชั้นนำ ได้แก่ จีเอ็มกรุ๊ป เครือเนชั่น แบร์ฟุต ทรูวิชั่นส์ บีบอยด์ซีจี และแพลนฟอร์คิดส์ เจ้าของคอนเทนต์สุดฮิต พัฒนา 8 แอพพลิเคชั่นในหมวด Digital Books & Magazines เอาใจสาวก iPad ที่รักการอ่าน เต็มอิ่มกับสาระบันเทิงโดนใจยิ่งขึ้นในรูปแบบมัลติมีเดียและอินเทอร์แอคทีฟสุดไฮเทค ลูกค้าทรูมูฟ เอช และทรูมูฟ ดาวน์โหลดฟรีก่อนใคร พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด กล่าวว่า“ทรูมูฟ เอช เสริมทัพด้านคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นเติมเต็มผู้นำบริการ 3G สมบูรณ์แบบ ภายใต้กลยุทธ์ Convergence Lifestyle ของกลุ่มทรู รวม 8 แอพพลิเคชั่นในหมวด Digital Books & Magazines ซึ่งทรู แอพ เซ็นเตอร์ ร่วมกับ 6 พันธมิตรเจ้าของคอนเทนต์ชั้นนำ พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับคนยุคดิจิตอลที่รักการอ่านบน iPad สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทรูมูฟ เอช ในฐานะผู้นำบริการ 3G ตัวจริง มอบประสบการณ์ออนไลน์ครบวงจร ทั้งเครือข่ายไร้สายใหม่ 3G+ ที่แรงกว่า เร็วกว่า ด้วยความเร็วสูงสุด 42 Mbps ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ทั่วกรุงเทพฯ และอีก 16 จังหวัดทั่วไทย* ยิ่งไปกว่านั้น สัมผัส Convergence Device สุดล้ำกับการเปิดจำหน่าย iPad 2 อย่างเป็นทางการ เสริมด้วยคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นโดนใจ ให้ลูกค้าเต็มอิ่มกับสาระและความบันเทิงไร้ขีดจำกัด ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังมอบโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Digital Books & Magazines ให้ลูกค้าทรูมูฟ เอช ได้ดาวน์โหลดฟรีก่อนใคร พร้อมสิทธิพิเศษจากพันธมิตรชั้นนำอีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2554”

นายพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านสารสนเทศ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตลาดแอพพลิเคชั่นบนมือถือทั่วโลกมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 7.5 แสนล้านบาทในปี 2558** สำหรับประเทศไทย ทรู แอพ เซ็นเตอร์ ภายใต้ทรูไลฟ์ เป็นศูนย์กลางการพัฒนาแอพพลิเคชั่นครบวงจร มุ่งมั่นพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งหมวดกีฬา ดนตรี การศึกษา ครอบครัว และบันเทิง ซึ่งแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของทรู แอพ เซ็นเตอร์ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดดาวน์โหลดผ่าน App Store สูงถึง 6 ล้านครั้ง โดยปีที่ผ่านมา ทรู แอพ เซ็นเตอร์ ได้พัฒนาแอพในรูปแบบ e-book และ interactive books ทั้ง Audio Books, Photo Books รวมถึง Video books มากมาย โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นในกลุ่ม Family & Kids ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมียอดดาวน์โหลดถึง 100,000 ครั้ง และยังเป็นแอพที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของยอดดาวน์โหลดสูงสุดในหมวด Books ของ app store ด้วย และในวันนี้ ทรู แอพ เซ็นเตอร์ ภายใต้ทรูไลฟ์ จึงได้จับมือกับทรูมูฟเอช และพันธมิตรเจ้าของคอนเทนต์ชั้นนำ 6 สำนักพิมพ์ ได้แก่ จีเอ็มกรุ๊ป เครือเนชั่น แบร์ฟุต ทรูวิชั่นส์ บีบอยด์ซีจี และแพลนฟอร์คิดส์ ออกแบบและพัฒนาแอพพลิเคชั่นในหมวด Digital Books & Magazines เพื่อให้ผู้รักการอ่านสัมผัสหนังสือเล่มโปรดในรูปแบบมัลติมีเดียสวยงาม และยังเป็นอินเทอร์แอคทีฟ เหมาะกับการอ่านบน iPad เพิ่มประสบการณ์การอ่านให้ดียิ่งขึ้น และยังส่งเสริมให้ผู้ใช้สัมผัสศักยภาพอันทรงพลังของบริการ 3G+ จากทรูมูฟ เอช อีกด้วย”

8 แอพพลิเคชั่นจาก 6 พันธมิตรชั้นนำในหมวด Books ได้แก่
· GM Group แหล่งรวมนิตยสารในเครือ GM ชื่อดังทั้ง GM, GM2000, GM Watch, GM Car, Mother & Care, Home & Décor, 247, Woman Plus, GM Biz, DL พิเศษ เปิดตัวดิจิตอลแมกกาซีนใหม่ล่าสุด CLV (Photo book on iPad) โหลดแมกกาซีนในเครือ GM ฟรี นาน 3 เดือน วันนี้- 31 ธ.ค. 2554 (เพียงลงทะเบียนรับ password ได้ที่ http://s.truelife.com/gm)
· The Nation (Thailand) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชั้นนำของไทย ในรูปแบบดิจิตอลสมบูรณ์ที่สุดเล่มแรก พิเศษ อ่านข่าวฟรีทุกวัน 15 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2554
· Sheldon Kids เชลล์ดอน การ์ตูนชื่อดังขวัญใจเด็กๆ สนุกกับการเรียนรู้จากตัวละครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมสื่อการเรียนรู้มีสาระมากมาย โหลดเล่มแรกฟรี 22 ต.ค. – 31 ต.ค. 2554
· Thai Cook DIY สอนทำอาหารโดยกูรูชื่อดังของไทย แนะนำสูตรเด็ด เคล็ดลับทำอาหารแบบง่าย จากค่ายเนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ โหลดเล่มแรกฟรี 22 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2554
· Yoga DIY เอาใจคนชอบโยคะ เรียนรู้หรือฝึกโยคะดัวยตัวคุณเอง เข้าใจง่ายและถูกวิธีโดยครูโยคะที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์จากค่ายเนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ โหลดเล่มแรกฟรี 22 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2554
· BAREFOOT ดิจิตอลแมกกาซีนสำหรับไลฟ์สไตล์คนชอบเที่ยวเหมือนมีเพื่อนสนิทช่วยแนะนำที่กินที่ดื่มแบบชิลๆ หรืออาสาพาเที่ยวแบบ unseen ทั่วเมืองไทยให้พร้อมเสมอที่จะออกเดินทาง โหลดฟรี วันนี้ – 31 มี.ค. 2554
· TrueVisions for iPad สารพันโปรแกรมความบันเทิงฉบับพกพา เลือกดูได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยฟังก์ชั่นแมกกาซีนและทีวีไกด์ในรูปแบบออนไลน์ ช่วยค้นหารายการโปรด จัดตารางการรับชม พร้อมแบ่งปันรายการโปรดให้เพื่อนได้ตลอด 24 ชม.
· Happy Books ร้านหนังสือที่มีคอนเทนต์สำหรับเด็กและเยาวชนสามารถโต้ตอบได้ครบรูปแบบทั้งภาพและเสียง รวมทั้งหนังสือนิทานภาพที่ได้รับความนิยมจากสำนักพิมพ์ Plan for Kids (เสียงพากษ์โดย คริส หอวัง และอาร์ต-พนิฐตา) โหลดฟรี นิทานสุดฮิต 2 เล่ม 22 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2554

ทั้งนี้ ลูกค้าทรูมูฟสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นทั้ง 8 แอพพลิเคชั่น พร้อมรับสิทธิพิเศษได้อีกด้วย



* การให้บริการ 3G+ ขึ้นอยู่กับพื้นที่การให้บริการ และอุปกรณ์ที่รองรับ สำหรับความเร็วในการใช้บริการ 3G+ และ Wi-Fi ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ใช้งาน ณ จุดที่ใช้งานและอุปกรณ์ที่รองรับ
** ข้อมูลจาก Market Research News

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค จัดทำระบบให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านการจราจรและสถานการณ์น้ำท่วมอัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านระบบที่ชื่อ TVIS:

โดยขณะนี้เปิดให้บริการใน 2 รูปแบบ คือ 1. โทรศัพท์เข้ามาตรวจสอบข้อมูลโดยตรงได้ที่ 02-565-7007 หรือ 2.การบริการข้อมูลข่าวสารผ่านโทรศัพท์มือถือ Smart Phone ที่มีระบบปฏิบัติการ Android 2.1 ขึ้นไป สามารถ Download App ได้ที่ Android Market https://market.android.com/details?id=hlt.tvis หรือ Search ใน Android Market ว่า TVIS

Traffic Voice Information Service : 02-565-7007 เป็นระบบรายงานสภาพจราจรด้วยเสียงพูดแบบอัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้ด้วยเสียงโดยการพูดชื่อถนนที่ต้องการ ระบบจะทำงานโดยอาศัยเทคโนโลยีรู้จำเสียงพูดภาษาไทย สำหรับข้อมูลสภาพการจราจรจะดึงมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ บน Internet แบบ Real-time นอกจากนี้ยังสามารถดึงภาพจากกล้อง CCTV เพื่อดูสภาพจราจรในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย ปัจจุบันเปิดให้บริการเฉพาะข้อมูลสภาพการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยปฏิบัติการวิจัยวิทยาการมนุษยภาษา (HLT)

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า หลังจากที่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้เปิดช่องทางแจ้งข้อมูลความช่วยเหลือและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชนของรัฐบาล GCC 1111 กด 5 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และภาคส่วนต่างๆ โดยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (6 ต.ค.) เป็นต้นมานั้น ปรากฏว่า มีประชาชนโทรเข้าสายด่วนดังกล่าวแล้วกว่า 4,000 ครั้ง แต่มีจำนวนกว่า 3,000 ครั้งที่เป็นการโทรในลักษณะก่อกวน หรือ โทรเล่น

กระทรวงไอซีที จึงขอแจ้งแก่ประชาชนที่ไม่ได้ประสบปัญหา หรือต้องการแจ้งเหตุ รวมถึงสอบถามสถานการณ์ใดใด กรุณาอย่าโทรเข้าไปที่สายด่วน GCC 1111 กด 5 ทั้งนี้ เพื่อเปิดสายอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถติดต่อเพื่อสอบถามรวมถึงแจ้งข้อมูล และขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วทันการณ์

“การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัยที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนให้ต้องได้รับความช่วยเหลือที่ล่าช้าออกไป จึงอยากขอให้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบกับความทุกข์ยากลำบากอยู่ในขณะนี้ และโปรดหยุดการกระทำดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจและร่วมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัด ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และเพื่อรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ทันกับเหตุการณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้เปิดช่องทางแจ้งข้อมูลความช่วยเหลือและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชนของรัฐบาล GCC 1111 กด 5 ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และภาคส่วนต่างๆ โดยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมต้องการขอความช่วยเหลือ แจ้งเหตุ หรือต้องการสอบถามสถานการณ์น้ำท่วม ผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 กด 5 โดยกระทรวงไอซีที จะนำข้อมูลมาบริหารและจัดระบบฐานข้อมูล พร้อมทั้งจัดส่งไปยังหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้นำข้อมูลนั้นไปใช้ดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนและภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างทันการณ์ ทั้งนี้ GCC 1111 กด 5 จะให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์รายวัน อาทิ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ เส้นทางหลวงที่ใช้ได้ และใช้ไม่ได้ พร้อมทางเลี่ยง สถานการณ์น้ำของกรมชลประทาน สรุปสถานการณ์พื้นที่อุทกภัยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายชื่อจังหวัดที่ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย (จำนวนอำเภอ/ตำบล) จำนวนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน (ครัวเรือน) ตรวจรายชื่อผู้เสียชีวิต ข้อมูลการประกาศเตือนภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น ประกาศเตือนภัยพายุ ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ข้อมูลข่าวสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข่าวผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ถึงระดับน้ำ หน่วยงานราชการแจ้งข่าวเตือนภัยถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังสถานการณ์ต่างๆ เช่น ให้ระวังน้ำป่า ดินโคลนถล่ม โรคระบาดต่างๆ การช่วยเหลือผู้ประสบภัย รายชื่อบัญชีที่รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หน่วยงานหรือองค์กรที่รับบริจาคสิ่งของ เป็นต้น

นอกจากนี้ ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 กด 5 ยังให้บริการข้อมูลมาตรการเยียวยาของภาครัฐ ทั้งด้านการเกษตร ด้านเงินกู้ ด้านสุขภาพ และด้านที่อยู่อาศัย รวมถึงข้อมูลการติดต่อต่างๆ อาทิ สายด่วนเพื่อสังคม หมายเลขกลุ่มฉุกเฉิน (Emergency Hotline) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั่วประเทศ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท หน่วยงานประจำจังหวัดที่ได้รับมอบหมายให้บริหารจัดการปัญหาเรื่องอุทกภัย เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปภ.เขต ปภ.จังหวัด เป็นต้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ร่วมงาน Thailand Blog Awards 2011 มอบรางวัลพิเศษ ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษาพิเศษ รวมบล็อกเกอร์คว้า 57 รางวัล จากผลงานส่งเข้าประกวดเกือบ 2,000 คน หวังอุตสาหกรรมไอซีทีเติบโตอย่างสร้างสรรค์ สนับสนุนผู้สร้างเนื้อหารับผิดชอบสังคมให้น่าอยู่

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวง ไอซีทีสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมไอซีทีอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ ฉลาดขึ้นและมีจำนวน รูปแบบที่หลากหลายแล้วสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงคือการสร้างมูลค่า และคุณค่าให้เพิ่มขึ้นด้วยเนื้อหาสาระ (Content) บนโลกออนไลน์ ซึ่งมีทั้งส่วนที่นำไปใช้เพื่อธุรกิจและเพื่อสังคม

สำหรับการรวมตัวของบล็อกยอดนิยมสูงสุดของประเทศไทย 3 แห่ง Exteen , Bloggang Oknation ซึ่งจัดโครงการประกวด Thailand Blog Awards 2011 ขึ้น เป็นปีที่ 2 นี้จึงเป็นการสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่สร้างสรรค์เนื้อหาจากทุกมุมโลก และนำมาเผยแพร่ให้นักอ่านเลือกอ่านกันได้อย่างหลากหลายตามความสนใจ โดยยังเคารพต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะในโอกาสปีมหามงคลนี้คณะผู้จัดได้เพิ่มรางวัลสาขาพิเศษ “ ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษา” เพื่อให้บล็อกเกอร์จากทุกแห่ง ได้ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และรางวัลประเภทอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก 4 ประเภท รวม 57 รางวัล จากสมาชิกบล็อกที่สมัครเข้ามาเพื่อโหวตคะแนนมีจำนวนมากถึง 11,111 คน ขณะที่มีผลงานจากบล็อกเกอร์ส่งเข้าประกวดเกือบ 2,000 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของคนบนโลกออนไลน์ต่อกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้นการรวมกลุ่มของผู้สร้างสรรค์เนื้อหาในรูปบล็อก ที่ภาคเอกชนหรือบุคคลที่ได้รวมตัวกัน จึงเป็นสิ่งแสดงถึงการมีร่วมรับผิดชอบต่อสังคมไทยให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น จะเห็นได้จากเนื้อหาที่ให้ความรู้ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อ เป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจไปจนถึงการสร้างกิจกรรมเชื่อมโยงสังคมจากโลกออนไลน์ ไปสู่สังคมแห่งความเป็นจริง เช่นรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือคนไทย และต่างประเทศที่ประสบภัยพิบัติในหลายๆ ครั้งทั้งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ไปจนถึงผู้ประสบภัยสึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า โครงการ Thailand Blog Awards 2011 นี้ใช้ระยะเวลาการประกวดประมาณ 4 เดือน เริ่มตั้งแต่ประกาศให้บล็อกเกอร์ที่สนใจเข้าร่วมประกวด วันที่ 25 พฤษภาคม จนถึงวันมอบรางวัล 6 ตุลาคม 2554 ผ่านการคัดเลือกที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เกณฑ์การพิจารณาตัดสินจากคะแนนโหวต 30 % และคะแนนจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อีก 70 % ดัง นั้นจึงมั่นใจได้ว่าผู้ที่ผ่านเข้ารอบและได้รับรางวัลทุกรางวัลมาจากการมี ส่วนร่วมของสมาชิกและการกลั่นกรองเลือกสรรค์แล้วอย่างแท้จริง

นางสาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าวถึงการสนับสนุนโครงการนี้ว่า Google ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการ Thailand Blogger Awards 2011 เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อหาภาษาไทยดีๆ บนอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้คนไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและเต็มรูปแบบ ขอบคุณบล็อกเกอร์ทุกคนที่ได้แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ดีๆ และเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจกับชาวออนไลน์ เพื่อให้สังคมโลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น

นายวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Pantip .com 1 ในคณะกรรมการตัดสินการประกวดTBA 2011 กล่าวว่า อยากเห็นคนไทยเขียนบล็อคกันมากๆ เพราะเป็นการบันทึกความรู้ของแต่ละคนลงในระบบเครื่อข่าย ซึ่งองค์ความรู้นั้นคงอยู่และพร้อมเผยแพร่ ให้ผู้แสวงหาสามารถนำไปต่อยอดเป็นลำดับไป โดยไม่รู้จบ โดยเฉพาะภาษาไทยที่ในโลกใบนี้มีแต่คนไทยเท่านั้นที่ใช้อยู่ การบันทึกองค์ความรู้ด้วยภาษาไทยจึงเป็นภาระของคนไทยเท่านั้นโดยตรง

นายทีปกร วุฒิพิทยามงคล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ EXTEEN และอีก 1 ในคณะกรรมการตัดสินการประกวด TBA2011 กล่าวว่า การคัดเลือกผลงานนี้พิจารณาจากหลายองค์ประกอบ ทั้งวิธีการเขียน ความคิดสร้างสรรค์ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประกอบเนื้อหาบล็อก การตกแต่งและการใช้ภาษา

โดยมองว่าบล็อกเป็นเวทีการแสดงออกของความคิดเห็นที่เหมาะสมกับคนทุกเพศ ทุกวัย และนอกจากจะเป็นการแสดงความคิดเห็นออกมาในเชิงสร้างสรรค์แล้ว ยังอาจได้รับโอกาสเผยแพร่ผลงานในวงกว้าง เช่น ได้ตีพิมพ์เป็นคอลัมน์ หรือหนังสือ ตามที่เคยมีตัวอย่างมาแล้วมากมายอีกด้วย

สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัล “ ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษาพิเศษ ใน หัวข้อโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รางวัลชนะเลิศได้แก่บล็อก Chaoying โดยคุณ ชุติมา ชูรอด รางวัลบล็อกเกอร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2011 หรือ Best of the Best ได้แก่ บล็อก AppReview โดยคุณ วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง

นอกจากนี้ในส่วนรางวัล Best ประกอบด้วย 3 สาขา Best Design รางวัลชนะเลิศ ได้แก่บล็อก: แมลงเม่า โดย คุณชลิตา สมบุญเรืองศรี และคุณจักรรินทร์ พงศ์ศรีรัตน์ เป็นเจ้าของบล็อก สาขา Best Writing รางวัลชนะเลิศ บล็อก kokoyadi โดยคุณพีระพงษ์ เตชะทัตตานนท์ และรางวัล Best Teen รางวัลชนะเลิศได้แก่ บล็อก TonLew โดย คุณธรพชรพรรณ พูลศรี เป็นเจ้าของบล็อกผลงานนี้ สำหรับรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ที่ www.thailandblogawards.com