Archive

Archive for September, 2012

ก.ไอซีที เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

September 4th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ภายหลังจากกฎกระทรวงฯ ตามมาตรา 20 (6) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้จัดตั้งศูนย์ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร สำหรับคนพิการขึ้นตามข้อกำหนดของกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อให้บริการทั้งการให้ การให้ยืม อุปกรณ์ เครื่องมือ และโปรแกรมที่ใช้กับคนพิการ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงมีห้องฝึกอบรมด้าน ICT ให้กับคนพิการ ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล ผู้ดูแล และผู้ช่วยคนพิการ โดยศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ที่ชั้น 7 สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานงานผู้ให้บริการ และมีสำนักงานสถิติจังหวัด รวมทั้งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เป็นผู้ให้บริการในส่วนภูมิภาค

นอกจากการจัดตั้งศูนย์ให้บริการฯ ดังกล่าว กระทรวงฯ ยังได้ดำเนินงานต่างๆ ภายใต้กฎกระทรวงฯ โดยการประสานกับหน่วยงานภาครัฐ 20 กระทรวงฯ พร้อมให้คำปรึกษา ข้อแนะนำ รวมถึงจัดการฝึกอบรมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ จัดทำรูปแบบ (Templet) การพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ จัดการประกวดเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ และผลักดันหลักสูตรการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ให้เข้าสู่ระดับอุดมศึกษา

พร้อมกันนี้ กระทรวงฯ ยังได้จัดงบประมาณ เพื่อจัดการฝึกอบรมให้คนพิการและผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ โดยประสานกับสมาคมคนพิการแต่ละประเภทเพื่อร่วมมือกันในการจัดกิจกรรม รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณ 23.5 ล้านบาท เพื่อใช้จัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือด้าน ICT และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับคนพิการ ตามบัญชีแนบท้ายของกฎกระทรวงฯ 18 รายการ จำนวน 2,000 กว่าชิ้น ได้แก่ 1.โปรแกรมอ่านหน้าจอ (Screen Reader) 2.เครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ (Braille Printer) 3.โปรแกรมขยายหน้าจอ (Zoom Text) 4.เครื่องคอมพิวเตอร์ 5.เครื่องสแกนเนอร์ 6.อุปกรณ์สื่อสาร 7.เครื่องช่วยสื่อสารพร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับ คนพิการ 8.เครื่องแสดงผลอักษรเบรลล์ 9.เครื่องอ่านหนังสือสำหรับคนพิการ 10.อุปกรณ์ควบคุมตัวชี้ตำแหน่ง 11.โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับแปลสื่อพิมพ์เป็นอักษรเบรลล์ หรืออักษรเบรลล์เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ 12.โปรแกรมคอมพิวเตอร์แปลภาพเป็นอักษร และมีเสียงสังเคราะห์ 13.โปรแกรมคอมพิวเตอร์อ่านหนังสือสำหรับคนพิการ 14.โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยในการพิมพ์สำหรับคนพิการ 15.โปรแกรมพจนานุกรมสำหรับคนพิการ 16.โปรแกรมสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสาร 17. เครื่องมือหรืออุปกรณ์ช่วยในการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับคนพิการ และ 18.ชุดอุปกรณ์สำหรับฝึกการใช้แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

โดยการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสารและบริการสื่อสาธารณะ สำหรับคนพิการ พ.ศ. 2554 มาตรา 20 (6) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550

View :1770

ไอฮับ มีเดีย ได้รับคัดเลือกให้เป็น ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการตลาดที่ได้รับการแต่งตั้งโดยเฟซบุ๊ค

September 4th, 2012 No comments

ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็น ® Preferred Marketing Developer (PMD) หรือผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการตลาดที่ได้รับการแต่งตั้งโดย เฟซบุ๊ค ในสาขาการพัฒนาแอพพลิเคชั่น (Apps)

สำหรับโปรแกรม Preferred Marketing Developer (PMD) โดยเฟซบุ๊คนี้เป็นโปรแกรมที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้คัดเลือกบริษัทที่ได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีในหนึ่งสาขา หรือมากกว่า อันได้แก่ การพัฒนาโซลูชั่นสำหรับการบริหารเพจ การพัฒนาโซลูชั่นสำหรับการบริหารสื่อโฆษณา บริการ และแพลทฟอร์มสำหรับ การสร้างสื่อโซเชียลผสมผสาน และหรือการพัฒนาเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของเพจ

“การที่เราได้รับเลือกเข้าโปรแกรม PMD ถือเป็นการตอกย้ำในความชำนาญของเราในด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนเฟซบุ๊ค เราจะเดินหน้าพัฒนาโซเซียลแอพต่างๆ ให้สามารถช่วยนักการตลาดในการขยายฐานลูกค้าและเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในการทำการตลาดบนเฟซบุ๊ค นอกเหนือจากฟังค์ชั่นของเครื่องมือต่างๆที่อยู่ในตัวเฟซบุ๊คเอง” นายจอร์จ ฟู ผู้บริหารไอฮับ มีเดีย กล่าว

ไอฮับ มีเดียได้สร้างประสบการณ์ทางสังคมที่ช่วยให้ลูกค้าแบรนด์ต่างๆ สามารถเพิ่มจำนวนแฟนอย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้เกิดการติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคของแบรนด์นั้นๆได้โดยตรงผ่านตัวเฟซบุ๊คแอพพลิเคชั่นที่บริษัทฯได้พัฒนาขึ้นมา และด้วยความสามารถและความทุ่มเทในการพัฒนา ทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่นของเราสามารถสร้างแพลทฟอร์มบนเฟซบุ๊คที่รวมการประมวลผลลัพท์บน อินเทอร์แอ็คทีฟเกมเข้ากับกลวิธีในการแชร์ข้อมูลต่างๆผ่านตัวแอพพลิเคชั่น

ด้วยแนวทางการทำการตลาดโซเชียลมีเดียแบบ 360 องศาของไอฮับ มีเดีย มีความสอดคล้องและส่งเสริมกับบริการต่างๆของเฟซบุ๊ค จึงช่วยให้ลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็น พีแอนด์จี ฮอนด้า ฮุนได เรคคิต เบนคิเซอร์ คาโอ และพานาโซนิค ได้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดอย่างน่าพอใจ

ในฐานะที่เป็นสมาชิกของโปรแกรม PMD โดยเฟซบุ๊ค ไอฮับ มีเดียตั้งเป้าที่จะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาผลงานบนเฟซบุ๊ค APIs แพลทฟอร์ม และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากกลุ่มสมาชิก PMD ด้วยกัน

ปัจจุบัน ไอฮับ มีเดีย ได้พัฒนาตัวแอพพลิเคชั่นและประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเปิดตัวแล้วมากกว่า 500 แคมเปญในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ทำการพัฒนาแพลทฟอร์มเพื่อรองรับการวิเคราะห์ทางการตลาดสำหรับเพจต่างๆ บนเฟซบุ๊คกว่า 2,500 เพจ รวมไปถึงมีข้อมูลแคมเปญโฆษณาบนเฟซบุ๊คมากถึง 5,000 แคมเปญบันทึกไว้ในฐานข้อมูลของเรา

ไอฮับ มีเดีย คือ ผู้นำด้านการทำการตลาดโซเซียลมีเดียแบบ 360 องศา และการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตในเอเชีย

View :1401

เอไอเอส จับมือ ไมเนอร์ มอบประสบการณ์แฟชั่น ตอบ Lifestyle คนรุ่นใหม่

September 4th, 2012 No comments

2 ค่ายต่างขั้ว แต่ใจตรงกัน และ ผนึกกำลังควงแขนใช้มือถือเป็นช่องทางรับประสบการณ์สุดพิเศษจากโลกแห่งแฟชั่นสุดอินเทรนด์กับแคมเปญ “AIS-Minor Your World Your Style” ให้ลูกค้าเอไอเอสเลือกช็อปได้ในแบบคุณพร้อมรับส่วนลดสูงสุด 20%

นางวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริหารลูกค้าและการบริการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้ว การมอบประสบการณ์พิเศษที่สอดคล้องกับ Lifestyle ในแบบคุณถือเป็นอีกด้านที่เราให้ความสำคัญที่สุดเช่นกัน ดังนั้นที่ผ่านมาเราจึงร่วมมือกับหลากหลายพาร์ทเนอร์กว่า 6,000 แบรนด์ดัง ทั้งในแกนของอาหารการกิน, ความบันเทิง , การเดินทาง และ ช็อปปิ้ง มาอย่างต่อเนื่องโดยได้ร่วมมอบความพิเศษให้กับลูกค้าเอไอเอส ในรูปแบบของสิทธิพิเศษต่างๆที่มีทั้ง Always on Topและ Always Exclusive ซึ่งที่ผ่านมามียอดการกดใช้สิทธิ์มากกว่า 7 ล้านครั้ง”

ทั้งนี้ในแกนของช็อปปิ้งนั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง lifestyle ที่ลูกค้าชื่นชอบเป็นอย่างมากโดยมีจำนวนการร่วมกดใช้สิทธิ์กว่า 7 แสนครั้ง ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากดังนั้นเพื่อเพิ่มความพิเศษให้มากยิ่งขึ้น เราจึงร่วมมือกับ Minor ซึ่งเป็นผู้นำและมีความโดดเด่น ในด้านของแฟชั่นอินเทรนด์อย่างครบถ้วนในทุก Segment รวมถึงหลากหลายในกลุ่มของทั้ง เสื้อผ้า ,เครื่องสำอาง และสปา แบรนด์ดังจากต่างประเทศ ร่วมมอบความพิเศษที่มากยิ่งกว่าให้ลูกค้าเอไอเอส ด้วยส่วนลดสูงสุดกว่า 20 %”

ด้าน คุณปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป กล่าวว่า “ทางบริษัท ไมเนอร์เองก็ได้มีโอกาสร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลากหลายองค์กร แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เอไอเอส คือผู้นำด้านระบบเครือข่ายการสื่อสารซึ่งเป็นเลิศในด้านการดูแลลูกค้าและการตลาด เราในฐานะผู้นำในการดำเนินธุรกิจรีเทล จึงถือโอกาสเริ่มสานสัมพันธ์กับทางเอไอเอส อย่างเป็นทางการกับการเปิดตัวโครงการ ไมเนอร์ เอาท์เลท เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจมาก จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่เราร่วมกันสร้างแคมเปญนี้ขึ้นมาและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีแคมเปญดีๆ อย่างนี้เพื่อลูกค้าเอไอเอส ให้ได้สนุกสนานกันอีกในอนาคต”

แคมเปญ “ AIS – Minor Your World Your Style” นี้ เอไอเอสได้ร่วมมือกับ Minor มอบสิทธิพิเศษเอาใจนักช้อป กับสินค้าและบริการหลากหลายแบรนด์ชื่อดังจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเสื้อผ้า Brand ดังอย่าง Gap, Esprit, Bossini, Charles & Keith, Tumi และPedro กลุ่มเครื่องสำอางค์ RedEarth และในส่วนของสปากับ M Spa และ Elemis Spa Products ซึ่งลูกค้าเอไอเอส สามารถรับส่วนลดสูงสุดกว่า 20 % ได้ง่ายๆ เพียงกดรหัส ณ ร้านค้านั้นๆจากโทรศัพท์มือถือ รอรับรหัสและข้อความส่วนลดตอบกลับจากระบบ และแจ้งรหัสดังกล่าวให้แก่พนักงานประจำร้านค้านั้นๆ เพื่อรับส่วนลดได้ทันที ตั้งแต่วันนี้ -30 พฤศจิกายนนี้ ณ ร้านค้าในเครือ Minor ที่ร่วมโครงการ

นางวิลาสินี และ นางปัทมาวลัย ร่วมกันกล่าวในตอนท้ายว่า “เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเอาโลกของเทคโนโลยีไร้สายมาบรรจบกับโลกแห่งแฟชั่นและ Lifestyle สุดอินเทรนด์ เพื่อมอบเป็นความพิเศษให้แก่ลูกค้าเอไอเอสที่จะทำให้ทุกวันธรรมดาของคุณกลายเป็นวันพิเศษที่ไม่ธรรมดาเสมอ”

View :1437

คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมมือกับ สพธอ. และ สรอ. ผลักดันธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย สู่ “Smart Thailand”

September 4th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ คณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (.) และคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) () เพื่อหารือกรอบนโยบายการดำเนินงานร่วมกันในการผลักดันงานธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐและภาคเอกชนให้มุ่งสู่การเป็น “

โดยคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ดำเนินการจัดประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ คณะกรรมการบริหาร สพธอ. และคณะกรรมการบริหาร สรอ. ขึ้น เพื่อรับทราบนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่อแนวทางการผลักดันงานด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Smart Thailand ซึ่งองค์การมหาชนทั้ง 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. และ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. เป็นหน่วยงานที่กระทรวงไอซีที ตั้งขึ้น เพื่อช่วยผลักดันงานด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย โดย สพธอ. ทำหน้าที่ดำเนินการพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความน่าเชื่อถือ และ สรอ. ทำหน้าที่พัฒนาระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความก้าวหน้าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาด้าน ICT ของประเทศ

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะจาก คณะกรรมการบริหาร เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันของทั้ง 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร สพธอ. และ สรอ. เพื่อผลักดันงานด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการประชุมดังกล่าว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทำให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ตามที่กระทรวงฯ ได้มุ่งเป้าหมายไปสู่การเป็น Smart Thailand ในปี 2020

View :1324

เอชพีจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศ (HP COE) แห่งใหม่ล่าสุดในอินเดีย รองรับลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าในประเทศไทย

September 4th, 2012 No comments

รองรับแพลทฟอร์ม SAP HANA® สนับสนุนองค์กรต่างๆ วิเคราะห์ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันมากขึ้น ขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียสร้างความเป็นเลิศทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

กรุงเทพฯ 4 กันยายน 2555 – เอชพีประกาศเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่ (HP Center of Excellence : ) ในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย เพื่อสนับสนุนลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าในประเทศไทย ทั้งนี้ การเปิดศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่ดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนลูกค้าองค์กรต่างๆ นำแพลทฟอร์ม SAP HANA® มาใช้พัฒนาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนสร้างสรรค์แนวคิดและหลักการใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนธุรกิจของตนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

การตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล และความคล่องตัวในการจัดการโอกาสใหม่ๆ คือสองปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้องค์กรต่างๆ มีขีดความสามารถในการสร้างผลกำไรและมีแต้มต่อในการแข่งขันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่หรือโมบิลิตี้ เสริมด้วยสื่อสังคมออนไลน์ และระบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนข้อมูลในปริมาณมหาศาล ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายในจัดเก็บ สร้าง และเรียนรู้ทำความเข้าใจจากข้อมูลที่มีอยู่เพื่อนำมาใช้สร้างความเป็นเลิศให้แก่ธุรกิจของตนได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ที่รองรับแพลทฟอร์ม SAP HANA มีผู้เชี่ยวชาญประจำการเพื่อคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลในหน่วยความจำได้โดยตรง (in-memory computing) ช่วยให้ลูกค้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเมื่อเทียบกับเดิมที่ใช้เวลานานเป็นชั่วโมง กระบวนการประมวลผลข้อมูลจากหน่วยความจำประกอบด้วยการจัดเก็บข้อมูลไว้บนแรม (RAM) ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่แยกพิเศษ และมีความเร็วกว่าการใช้ดิสก์ปกติถึง 10,000 เท่า

บริการที่ใช้แพลทฟอร์ม SAP HANA เหล่านี้จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยมีมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการตัดสินใจได้เร็วขึ้น เมื่อนำมาใช้ผนวกกับโซลูชั่น HP Business Intelligence (HP BI) ระบบการวิเคราะห์ และระบบการพัฒนาแอพพลิเคชั่น จะส่งผลให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าใช้และศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจที่เดิมไม่เคยมีการศึกษาวิเคราะห์มาก่อนเพื่อนำมาใช้สนับสนุนธุรกิจของตนได้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริการของศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE สนับสนุนโซลูชั่น Information Optimization และระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) โดยประกอบด้วยบริการ BI Assessment, บริการ BI Analytics, บริการ Enterprise Reporting, แพลทฟอร์มการทำคอลลาบอเรชั่น (collaboration platform) และการจัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management)

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE เป็นการพัฒนาต่อยอดจากระบบ HP BI โดยมุ่งเน้นให้คำปรึกษาเพื่อให้องค์กรต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุน การดำเนินการ และประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนาระบบไอทีของตนให้ล้ำสมัยโดยใช้แพลทฟอร์ม SAP HANA ทั้งนี้ ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE เป็นส่วนต่อขยายจากโมเดลการให้บริการทั่วโลกของเอชพี (HP’s global delivery model) โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในกลุ่มเดียวกันให้มีองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน

แอนิตา พอล ผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจ Enterprise Applications, Enterprise Servers เอชพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “สำหรับองค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีการตัดสินใจตามข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ภารกิจที่ท้าทายองค์กรต่างๆ คือ การดึงข้อมูลดิบที่มีปริมาณมากออกจากระบบ และแปลงให้เป็นข้อมูลที่ทรงคุณค่าและใช้งานง่ายได้อย่างรวดเร็ว ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ใหม่ดังกล่าวจะนำความรู้ความชำนาญที่มีอยู่อย่างลึกซึ้งมาใช้พัฒนาระบบการวิเคราะห์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และมีศักยภาพในการจัดการข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้องค์กรต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของตนได้อย่างรวดเร็วและโดยทันที”

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ที่รองรับแพลทฟอร์ม SAP HANA จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ดังนี้

· ย่นระยะเวลาในการนำสินค้าออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น โดยวางรากฐานรองรับโซลูชั่น Business Intelligence (BI) พร้อมเปิดให้บริการวางแผน สร้าง ใช้งาน และพัฒนาแพลทฟอร์ม BI

· เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจต่างๆ โดยใช้เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้าน SAP HANA ที่มีความรู้ความชำนาญและทักษะ เพื่อช่วยองค์กรต่างๆ ให้สามารถผนวกรวมระบบสารสนเทศอันหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อพัฒนาการดำเนินงานให้มีความเป็นเลิศทั่วทั้งองค์กร

· สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยนำโซลูชั่นสุดล้ำมาใช้แก้ไขปัญหาทางธุรกิจเฉพาะด้าน ศึกษาวิเคราะห์นวัตกรรมเทคโนโลยีและแนวคิดต่างๆ และพัฒนาเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน

· เปิดให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทางธุรกิจและเทคโนโลยีเรียนรู้จากประสบการณ์จริงโดยตรงเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานและลดค่าใช้จ่าย โดยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเก่าที่มีความซับซ้อนให้เป็นเทคโนโลยีสุดล้ำและเปี่ยมประสิทธิภาพด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีและการทำงานแบบอินเตอร์แอคทีฟที่ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ดังกล่าว เป็นศูนย์การศึกษาและวิจัยอย่างครบวงจร ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนเอชพีให้เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่น SAP HANA ชั้นนำ ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ให้บริการคำปรึกษาและติดตั้งโซลูชั่น BI อย่างครบวงจร โดยนำโซลูชั่นของบริษัทต่างๆ มาทำงานบนแพลทฟอร์ม SAP HANA ภายใต้สภาพแวดล้อมที่รองรับเทคโนโลยีโซลูชั่นของ SAP

นับเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีที่เอชพีผนึกกำลังกับเอสเอพีร่วมกันพัฒนาโซลูชั่นสุดล้ำ เพื่อช่วยองค์กรต่างๆ นำเทคโนโลยีมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของลูกค้าของตนได้อย่างครบถ้วน ที่ผ่านมา เอชพีได้ติดตั้งแอพพลิเคชั่น SAP มากกว่า 77,000 ชุดทั่วโลก และในจำนวนแอพพลิเคชั่น SAP ที่เอชพีได้ติดตั้งทั้งหมดทั่วโลกได้ใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพีเกือบร้อยละ 50 นอกจากนี้ เอชพียังเป็นผู้นำระดับโลกทางด้านการให้บริการผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่รองรับสภาพแวดล้อมของ SAP โดยสนับสนุนผู้ใช้งานจำนวน 1.7 ล้านรายในมากกว่า 50 ประเทศ

เอชพีมีกำหนดจัดงาน HP Discover ระหว่างวันที่ 4 – 6 ธันวาคม 2555 ณ เมืองแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

View :1382