Home > Press/Release > ข่าวสบท. กรณีทรูฟ้อง "สารี อ๋องสมหวัง และประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา"

ข่าวสบท. กรณีทรูฟ้อง "สารี อ๋องสมหวัง และประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา"

ทรูยื่นฟ้อง กราวรูดคนทำงานคุ้มครองผู้บริโภคโทรคมนาคมข้อหาละเมิด เพียงแค่ให้ข้อมูลเตือน ประชาชน เรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอาจมีผลต่อสุขภาพ “สารี”ผิดหวังยันการได้รับข้อมูลเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค ผอ. ชี้ทั่วโลกยังไม่กล้ายันว่าปลอดภัย การให้ข้อมูลจึงเพื่อหาทางป้องกันเชิงนโยบาย
จากกรณีที่ บริษัททรูมูฟ จำกัด ได้ยื่นฟ้อง นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในฐานะกรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และนายสุเมธ วงศ์พานิชเลิศ นักวิชาการและกรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมในข้อหาละเมิด และเรียกค่าเสียหาย 1,760,000 บาท เนื่องจากเผยแพร่ให้ข้อมูลความรู้กับประชาชน เรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพนั้น
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า ผู้ถูกฟ้องทั้งหมดดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่เพราะมีผู้ร้องเรียนเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้เป็นการกล่าวหาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นการให้ข้อมูลความรู้กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน การหยิบเรื่องนี้มาฟ้องคดีเสมือนเป็นการข่มขู่คนที่ทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ สบท. หรือองค์กรเอกชน และทำให้ทุกฝ่ายเสียเวลา
“ ผิดหวังมากที่ฟ้องคนทำงานคุ้มครองผู้บริโภค เพราะตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมาย ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับข้อมูลที่เป็นความจริง สิ่งที่นำเสนอไม่ได้เป็นการกล่าวหาทรู แต่ทรูกลับเป็นบริษัทเดียวที่ดำเนินการฟ้องคดี ที่ผ่านมาจากการทำงานเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคเราไม่เคยถูกบริษัทโทรคมนาคมฟ้องคดี จึงรู้สึกผิดหวังจริงๆ เพราะสิ่งที่เผยแพร่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะในวารสารวิชาการในต่างประเทศ มีสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อันเป็นจิตสำนึกตามปกติที่พึงมีต่อส่วนรวม” นางสาวสารีกล่าว
ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า การให้ข้อมูลความรู้ในกิจการโทรคมนาคมเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยสุจริตในฐานะ “เจ้าหน้าที่” ของรัฐ นอกจากนี้ข้อมูลเรื่อง “คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” มิได้ฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง แต่เป็นข้อมูลซึ่งอ้างอิงมาจากผลการศึกษาทางวิชาการ ทางการแพทย์ในต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน และผลการศึกษาจากในประเทศไทยเอง โดยไม่เคยสรุปว่า เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุของโรคใดๆ แต่จากข้อมูลทางวิชาการที่มีอยู่ สรุปได้ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพมนุษย์ ที่สำคัญการเผยแพร่ข้อเท็จจริงนี้มีเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบาย ให้เกิดการทบทวนนโยบายและเกิดมาตรการป้องกันสุขภาพของประชาชน อันเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับสิทธิของประชาชนตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
“ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่สามารถยืนยันในทางใดทางหนึ่ง แต่เนื่องจากมีผลวิจัยอันน่าเชื่อถือซึ่งพบผลกระทบต่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น หลายประเทศจึงได้ใช้หลักการป้องกันไว้ก่อน เช่น สวีเดน เบลเยี่ยม อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย แม้กระทั่งรัฐสภายุโรปในญัตติเรื่อง “ความกังวลต่อสุขภาพที่สัมพันธ์กับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า” ได้มีมติให้มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพจาก มือถือ WIFI WiMax ตลอดจนสถานีวิทยุโทรคมนาคมทุกชนิด โดยการตั้งเสาสัญญาณฯ ต้องให้โรงเรียน ศูนย์เด็กอ่อน สถานพยาบาล ปลอดจากคลื่นต่างๆและให้ประชาสัมพันธ์ความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจมี การเผยแพร่เรื่องนี้จึงเป็นการให้ข้อมูลความจริง เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคและเพื่อนำไปสู่การผลักดันให้เกิดมาตรการป้องกันสุขภาพของประชาชน” ผอ.สบท.กล่าว
นายประวิทย์กล่าวต่อไปว่า แม้แต่องค์การอนามัยโลก (Who) ยังไม่อาจยืนยันได้ว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากพบว่าประชากรร้อยละ 3 ในโลกเป็นผู้ป่วยด้วย “โรคภูมิแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” ซึ่งประเทศสวีเดนเป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศขึ้นทะเบียนโรคนี้อย่างเป็นทางการ และหากมีนักเรียน หรือครู อาจารย์แม้เพียงคนเดียวที่เกิดอาการภายในโรงเรียน สถานีวิทยุคมนาคมที่ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนจะถูกสั่งให้ถอนย้ายทันที ดังนั้นจึงยังไม่มีองค์กรใด หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใดในโลกที่กล้ายืนยันว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมและให้ข้อมูลกับประชาชนในฐานะผู้ใช้บริการให้ระมัดระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
คดีนี้ศาลแพ่งนัดกำหนดแนวทางพิจารณาคดีและชี้สองสถานในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๙.๐๐ น.

View :1727

Related Posts

Categories: Press/Release Tags: ,
  1. No comments yet.
  1. No trackbacks yet.
You must be logged in to post a comment.