Home > Press/Release > แนวโน้มและการคาดการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูลปี 2012

แนวโน้มและการคาดการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูลปี 2012

โดย ประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย
บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย จำกัด

ประมุท ศรีวิเชียร


แนวโน้มด้านการรักษาความปลอดภัยในปี 2012
ปี2011 เป็นปีที่ถูกจดจำในฐานะที่เราได้เห็นการวางรากฐานการสืบทอดของ Stuxnet นอกจากนี้ปี 2011 จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นปีของภัยคุกคามบนอุปกรณ์โมบายหลังจากมัลแวร์บนระบบโมบายเริ่มต้นเคลื่อนไหวอย่างจริงจังมากขึ้น ท้ายที่สุด เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2011 จะพบว่าเป็นปีแห่งการโจมตีแบบมีเป้าหมายที่มีการใช้ประโยชน์จากใบรับรองอิเล็กทรอนิกซ์ของจริงซึ่งถูกขโมยมา
เราคิดว่ารูปแบบการโจมตีเหล่านี้จากปี 2011 จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 2012 ต่อไปนี้เรามาดูกันแบบเจาะลึกลงไปในแต่ละรูปแบบ:

ภัยคุกคามแบบฝังตัวขั้นสูง (Advanced persistent threats – ATPs) ยังคงมุ่งเป้าไปที่องค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคสำคัญ ขณะที่การปกป้องระบบโครงสร้างสำคัญได้รับการตื่นตัวมากขึ้น

จากการสำรวจการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญล่าสุดของไซแมนเทค (Symantec Critical Infrastructure Protection (CIP Survey) เมื่อเร็วๆ นี้พบว่าในปีนี้องค์กรทั่วไปมีส่วนร่วมในโปรแกรม CIP ของรัฐบาลน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ความเป็นจริงมีองค์กรเพียงร้อยละ 37 ที่เข้าร่วมโปรแกรมดังกล่าวอย่างสมบูรณ์ หรือเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังในปีนี้เมื่อเทียบกับในปี 2010 ที่มีถึงร้อยละ 56 จึงไม่น่าแปลกใจที่ความพร้อมด้าน CIP โดยรวมในระดับโลกได้ลดลงโดยเฉลี่ยถึง 8 จุด (จากร้อยละ60 ถึง 63 เมื่อเทียบกับร้อยละ 68 ถึง 70 ในปี 2010 สำหรับผู้ตอบแบบสอบถามที่แจ้งว่ามีการเตรียมตัวอย่างจริงจัง)

เมื่อรวมกับพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคาม Dequ, ผลสำรวจส่วนใหญ่จะมีความหนักใจ เนื่องจากเป้าหมายของ Duqu ก็คือการเก็บรวบรวมข้อมูลและทรัพย์สินขององค์กร เช่น ส่วนประกอบที่มักพบเห็นในสภาพแวดล้อมที่มีระบบควบคุมทางอุตสรกรรม (Indutrial control environment) ผู้อยู่เบื้องหลัง Duqu จะมองหาข้อมูลเห็นเอกสารการออกแบบระบบ เพื่อช่วยในการสร้างรูปแบบการโจมตีระบบควบคุมทางอุตสาหกรรมในครั้งต่อไป ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า Duqu เป็นตัวการต่อยอดจากการพัฒนา Stuxnet นั่นเอง

ถึงตอนนี้เราไม่อาจคิดไปเองว่านักโจมตีที่อยู่เบื้องหลังDuqu ยังไม่ได้ข้อมูลที่เขาต้องการนอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่มีภัยคุกคามที่มีลักษณะคล้ายกัน และยังไม่ได้ถูกค้นพบอีกด้วย ดังนั้นจึงเหมือนว่า ปี 2011 เป็นปีของการวางรากฐานสำหรับการโจมตีในลักษณะที่เหมือนกับ Stuxnet

การใช้สมาร์ทโมบายที่เพิ่มขึ้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงตามมา โดยเฉพาะมัลแวร์บนโมบายและการสูญหายของข้อมูล
— จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์
การ์ทเนอร์ระบุว่ายอดขายของสมาร์ทโฟนจะทะลุ 461 ล้านเครื่องภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งมากกว่ายอดการส่งมอบเครื่องพีซีในช่วงเดืยวกัน ในความเป็นจริงภายในสิ้นปี 2011 ยอดขายสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตรวมกันจะมากกว่าตลาดพีซีถึงร้อยละ 44

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์ประเภทนี้ได้สร้างความสนใจให้กับบรรดาอาชญากรไซเบอร์’ และส่งผลให้เห็นการขยายตัวอย่างแท้จริงของจำนวนของมัลแวร์บนอุปกรณ์แบบพกพาในปี 2011 จากมัลแวร์แบบง่ายๆ ที่เพียงแค่ทำให้ผู้ตกเป็นเหยื่อรู้สึกอึดอัดใจไปจนถึงมัลแวร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการทำเงิน และมัลแวร์มุ่งเน้นการขโมยข้อมูล จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า 2011 เป็นปีแรกที่มัลแวร์บนอุปกรณ์แบบพกพาได้กลายเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงสำหรับองค์กรธุรกิจ และผู้บริโภค

นอกจากนี้ แม้ว่า 2011 จะเป็นปีของการคุกคามจากภายนอก แต่บรรดาหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล (ซีไอเอสโอ) ได้เริ่มที่หันมาเน้นการป้องกันจากภายใน เหตุผลหลักเพราะความนิยมอุปกรณ์พกพาที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์พกพาส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์แท็บเลตได้กลายเป็นความกังวลหลักเมื่อพนักงานได้นำเอาแท็บเลตของตนเองมาเชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กรจำนวนมาก ซึ่งเกินความสามารถขององค์กรที่จะรักษาความปลอดภัยและจัดการอุปกรณ์เหล่านั้น ตลอดจนป้องกันข้อมูลที่พนักงานเข้าถึงผ่านทางแท็บเลต

องค์กรกำลังเห็นผลิตผลในการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้นและยินดีที่อุปกรณ์ดังกล่าวกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทางธุรกิจ แต่การนำแท็บเลตมาใช้งานอย่างรวดเร็วก็สามารถทำให้องค์กรตกอยู่ในความเสี่ยงจากการสูญหายของข้อมูลจากคนในทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ด้วยแท็บเลตที่อยู่ในมือ สิ่งที่กลายเป็นความกังวลก็คือบุคคลภายในที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีความสำคัญโดยไม่อยู่ในการตรวจสอบจากฝ่ายไอที ที่สำคัญหากเป็นผู้ไม่หวังดี ก็จะนำเอาข้อมูลสำคัญดังกล่าวออกนอกองค์กร

การแพร่กระจายของอาชญากรรมไซเบอร์จากอาชญากรใต้ดินสู่การทำในรูปธุรกิจอย่างจริงจังส่งผลให้การโจมตีแบบมีเป้าหมายมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากรายงาน November Intelligence Report ของไซแมนเทคแสดงให้เห็นว่าการโจมตีแบบมีเป้าหมายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในปี 2011 องค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 2,500 คนถูกโจมตีมากที่สุด โดยการโจมตีแบบมีเป้าหมายถูกตรวจพบและป้องกันเฉลี่ย 36.7 ครั้งต่อวันในระหว่างปี 2011

ในทางกลับกัน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีพนักงานน้อยกว่า 250 คน การโจมตีแบบมีเป้าหมายถูกตรวจพบและป้องกันที่ 11.6 ครั้งต่อวันในช่วงเวลาเดียวกัน

จำนวนการโจมตีแบบมีเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากแรงผลักดันของการช่วงชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยบรรดาบริษัทที่ใช้ประโยชน์จากการจารกรรมทางไซเบอร์เพื่อซื้อหาข้อมูลสำคัญของคู่แข่ง ตัวอย่างเช่น สมมติว่าองค์กรกำลังเตรียมลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในโรงงานผลิตสารเคมีใหม่ก็ใช้การโจมตีแบบมีเป้าหมายกับคู่แข่งในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองที่สำคัญของคู่แข่ง และเพื่อให้แน่ใจว่าได้เปรียบทางการแข่งขัน

ไซแมนเทคที่เพิ่งค้นพบชุดของการโจมตีที่มีชื่อรหัสว่า “Nitro” ที่มีเป้าหมายหลักคือบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องในการวิจัย พัฒนา และการผลิตสารเคมี ตลอดจนวัสดุขั้นสูง มีบริษัทด้านเคมีรวมทั้งสิ้น 29 แห่ง และอีก 19 แห่งในด้านอื่นๆ ร่วมถึงบริษัทด้านการป้องกันประเทศยืนยันว่าได้ตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีครั้งนี้ เป้าหมายของการโจมตีเหล่านี้เพื่อรวบรวมข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เอกสารการออกแบบ สูตร และกระบวนการผลิ

การแฮ็กผู้ให้บริการใบรับรอง Secure Sockets Layer (SSL) Certificate และภัยคุกคามจากมัลแวร์ที่ใช้ใบรับรอง SSL ในทางที่ผิด ได้กลายเป็นประเด็นในปี 2011 โดยการผลักดันของผู้ออกใบรับรอง SSL (CAs) และเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองและลูกค้าของพวกเขา

ความสนใจของสาธารณชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ผู้ออกใบรับรอง SSL เช่น DigiNotar และ Comodo ถูกโจมตีและขโมยข้อมูลสำคัญไป กลายเป็นประเด็นอันดับ 1 ในปี 2011 ขณะที่มีมัลแวร์จำนวนมากมีการใช้ประโยชน์จากใบรับรอง SSL ที่อาชญากรได้จากการขโมยมา

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ลูกค้าองค์กร และผู้บริโภคทั่วไปเริ่มมีความต้องการรักษาความปลอดภัย SSL ที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเริ่มต้นจากการผลักดันให้ผู้ออกใบรับรอง และเจ้าของเว็บไซต์ต้องดำเนินการป้องกันการหลอกลวงในแบบ social engineering มัลแวร์และมัลแวร์ที่มุ่งประโยชน์ด้านการโฆษณา ด้วยความนิยมของการใช้อุปกรณ์พกพา และการแพร่กระจายของบริการบนคลาวด์ภายในองค์กรต่างๆได้ก่อให้เกิดช่องโหว่ของระบบ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในด้านการพิสูจน์ตัวตนบน SSL ที่มีความน่าเชื่อถือ และแข็งแกร่งมากขึ้นสำหรับการใช้งานอุปกรณ์พกพา และคลาวด์ นอกจากนี้ลูกค้ายังเริ่มตระหนักถึงการรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ของพวกเขาเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่ายังมีองค์กรเป็นจำนวนมากที่ยังคงอาศัยแค่การออกใบรับรอง SSL โดยที่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพเพียงพอไว้รองรับ

หัวข้อในปี 2011 นอกจากเป็นเรื่องเหตุการณ์การโจมตีและจารกรรมข้อมูลสำคัญ ผู้ให้บริการให้ใบรับรอง SSL จะเป็นประเด็นลดการใช้เทคโนโลยี SSL หรือแม้กระทั้งความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมออนไลน์ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าทั้งสองกรณีอาจเกินจริงไปบ้าง เนื่องจากโดยตัวเทคโนโลยี SSL เองนั้นไม่ใช่จุดอ่อน ของกรณีศึกษาอย่าง DigiNotar แต่เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าองค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการดูแลความมั่นคงปลอดภัยของโครงสร้างระบบให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบให้บริการ CA เองต้องมีการวางมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งในส่วนกระบวนการทำงานและพิสูจน์ตัวตน นอกจากนี้หากความมั่นใจในด้านออนไลน์ล้มเหลว หมายถึงจะไม่มีใครออนไลน์อีกต่อไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

แนวโน้มการจัดเก็บข้อมูลในปี 2012

แนวโน้ม :
• มีการเกี่ยวข้องกันมากขึ้นในส่วนของเทคโนโลยีบนระบบเวอร์ชวลและฟิสิคอล
• การสำรองข้อมูลจะกลับมาในปี 2012
• การกำกับดูแลข้อมูลกลายเป็นคำยอดฮิตเชิงบวก
• องค์กรจะทำการทดสอบระบบการกู้คืนข้อมูลในภาวะวิกฤติอย่างสม่ำเสมอ
• รูปแบบของไพรเวทคลาวด์มีความหลากหลายมากขึ้น

เทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรง:
มีการเกี่ยวข้องกันมากขึ้นในส่วนของเทคโนโลยีบนระบบเวอร์ชวลและฟิสิคอล

เรื่อง :
โครงการทำเวอร์ชวลไลเซชันมักจะเริ่มต้นจากโครงการขนาดเล็ก และจะเติบโตจนกลายเป็นส่วนใหญ่ของสภาพแวดล้อมด้านไอทีในที่สุด ในปี 2012 หลายองค์กรจะรวมทีมงานของโครงการ VM ที่และโครงสร้างพื้นฐานเข้ากับไอทีขององค์กร ซึ่งจะเน้นความจำเป็นในการทำให้ทรัพยากรไอทีทางฟิสิกคอลและเวอร์ชวลทำงานร่วมกันเป็นแพลตฟอร์ม

ในระหว่างงานประชุม VMworld ที่ผ่านมา เรารู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นตู้แร็กเซิร์ฟเวอร์สูง 6 ฟุตหลายตัวในงาน (พนักงานคนหนึ่งได้ถ่ายภาพตู้แร็กสำหรับฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันถึง 15 ตู้) บ่อยครั้งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีได้รับเอาข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานแบบเวอร์ชวลมามากมาย แต่พวกเขากลับลืมไปว่าการทำงานแบบเวอร์ชวลยังคงต้องอาศัยฮาร์ดแวร์แบบฟิสิคอล อีกทั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ที่จำเป็นสำหรับโครงการใหม่ก็หมายถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่พบว่าเกิดการใช้งานเซิร์ฟเวอร์/หน่วยจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น องค์กรต่างๆ ที่นำวิธีการแบบ silo มาใช้จะทำให้การปรับใช้ VM ล้าหลัง ในขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนทำเวอร์ชวลไลเซชันจะยังคงลดลงอันเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสภาพแวดล้อมการทำงานที่แยกจากกัน ซึ่งชะลอความสามารถขององค์กรในการแปลงระบบทางฟิสิคอลเป็นระบบเวอร์ชวล องค์กรที่แยกการจัดการหน่วยจัดเก็บข้อมูล และซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลสำหรับเซิร์ฟเวอร์ทางฟิสิคอลและเวอร์ชวลจากกัน เริ่มมีจำนวนน้อยลง คำตอบของการจัดการความซับซ้อนนี้ก็คือการสร้างมาตรฐานให้กับแพลตฟอร์มที่แตกต่างหลากหลายเหล่านี้ด้วยเครื่องมือที่ทำงานข้ามแพลตฟอร์มทางฟิสิคอลและเวอร์ชวลที่หลากหลายเพื่อจัดการระบบ ความพร้อมในการใช้งาน การสำรองข้อมูล การจัดการหน่วยจัดเก็บข้อมูล และการรักษาความปลอดภัย ฯลฯ

ส่งผลให้การจัดการระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการสตอเรจ และการสำรองข้อมูลของทรัพยากรไอทีที่ดูแลได้ทั้งฟิสิคอลและเวอร์ชวลกลายเป็นมาตรฐานในการทำงาน

ประเด็นสนับสนุน :
• นอกจากนี้เพื่อให้มองเห็นถึงความเป็นเจ้าของข้อมูล องค์กรต้องสามารถมองเห็นรายละเอียดปลีกย่อยของสภาพแวดล้อมทางฟิสิคอลและเวอร์ชวลทั้งหมดของพวกเขา
• วีเอ็มแวร์ยังคงเป็นผู้ค้าที่ถูกพูดถึงเสมอเมื่อองค์กรด้านไอทีพูดคุยเกี่ยวกับการทำเวอร์ชวลไลเซชันเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร แต่ซีทริกซ์ และไมโครซอฟท์กำลังมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น โดยเกือบร้อยละ 40 ของผู้ตอบแบบสำรวจมีไฮเปอร์ไวเซอร์สำรองไว้ใช้งานที่บริษัทของพวกเขา ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าองค์กรไม่ได้สร้างมาตรฐานบนแพลตฟอร์มตัวใดตัวหนึ่ง เท่านั้น
• จากการสำรวจของอินฟอร์เมชันวีคเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของคุณสมบัติในการทำเวอร์ชวลไลเซชัน ผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าความพร้อมในการใช้งานสูงมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนราคาตามมาเป็นอันดับที่สอง
• การสำรวจเดียวกันแสดงให้เห็นว่าองค์กรส่วนใหญ่มีการนำเอาเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชัน การทำเวอร์ชวลไลเซชันเซิร์ฟเวอร์ และหน่วยจัดเก็บข้อมูลไปใช้แล้วร้อยละ 45 และ 43 ตามลำดับ
• จากการสำรวจของอินฟอร์เมชันวีค องค์กรมีการใช้ประโยชน์จากการทำเวอร์ชวลไลเซชันแอพพลิเคชันทางธุรกิจที่สำคัญเช่นกัน: โดยร้อยละ 59 วางแผนทำแอพพลิเคชันฐานข้อมูลแบบเวอร์ชวลในอีก 12 เดือนข้างหน้า ร้อยละ 55 วางแผนทำเว็บแอพพลิเคชันฐานแบบเวอร์ชวล และร้อยละ 47 วางแผนทำแอพพลิเคชันอีเมล์ และปฏิทินแบบเวอร์ชวล
• จากการสำรวจของไซแมนเทค องค์กรมักจะใช้ทีมงานที่แตกต่างกันสำหรับดูแลสภาพแวดล้อมทางฟิสิคอล และเวอร์ชวล ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างคน การฝึกอบรม และเครื่องมือเพิ่มขึ้น ความเป็นจริงร้อยละ 31 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาใช้ทีมงานแยกต่างหากสำหรับการสำรองข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์แบบฟิสิคอล และเวอร์ชวล
• จากการสำรวจเดียวกันแสดงให้เห็นว่าองค์กรที่ใช้ทีมงานที่แยกจากกันจะให้ความสำคัญในเรื่องการสำรอง และกู้คืนข้อมูลน้อยกว่า และทีมงานมีความพึงพอใจกับความน่าเชื่อถือน้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้น 3 ใน 4 ขององค์กรที่ใช้ทีมงานแยกจากกันยินดีให้มีการรวมทีมเป็นทีมเดียว ตลอดจนมีองค์กรที่ใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวร้อยละ 77 กำลังพิจารณาเปลี่ยนไปใช้โซลูชันด้านการสำรองข้อมูลตัวเดียว
• ด้วยการใช้โซลูชันเดียวในการสำรองข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ทั้งแบบฟิสิคอลและเวอร์ชวล ช่วยให้องค์กรต่างๆ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน และการฝึกอบรม และพวกเขามักจะพบว่าการค้นหาและกู้คืนไฟล์ การแก้ไขปัญหา และการทำรายงานเกี่ยวกับการสำรองข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น (ร้อยละ 53 บอกว่าช่วยให้การจัดเจ้าหน้าที่และการฝึกอบรมง่ายขึ้น ร้อยละ52 บอกว่าช่วยให้การแจ้งเตือน แก้ไขปัญหา และรายงานง่ายขึ้น ร้อยละ 51 ไบอกว่าช่วยให้การค้น หาและการกู้คืนง่ายขึ้น)

การสำรองข้อมูลกลับมามีบทบาทสำคัญปี 2012

เรื่อง:
ตลาดการสำรองข้อมูลจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากตลาดที่เคยขยายตัวช้ากลับมีตัวเลขการเติบโตที่น่าประทับใจ การสำรองข้อมูลที่ถูกผนวกเข้ากับการป้องกันเวอร์ชวลแมชีน การทำซ้ำข้อมูล การจัดการsnapshot อุปกรณ์ และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อรูปแบบการดำเนินงานที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

องค์กรที่มีการพึ่งพาการทำsnapshot มากกว่าการสำรองข้อมูล และไม่ได้ติดตั้งเทคโนโลยีการทำซ้ำข้อมูล หรือการกู้คืนข้อมูลในระดับย่อยลงไปสำหรับสภาพแวดล้อมเวอร์ชวลจะเห็นว่ามีช่วงระยะเวลาในการสำรองและกู้คืนเพิ่มขึ้น แต่เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ผู้ค้าให้คำแนะนำจะเปลี่ยนวิธีการป้องกันข้อมูลซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละปีได้หลายล้านดอลลาร์

นอกจากนี้องค์กรที่ใช้เครื่องมือสำรองข้อมูลที่แตกต่างกันสำหรับทุกแพลตฟอร์มจะเป็นการเพิ่มระดับความซับซ้อนภายในสภาพแวดล้อมของพวกเขาเอง จึงจำเป็นต้องยกระดับการรวมศูนย์ขึ้น โดยเฉพาะองค์กรที่คาดหวังที่จะย้ายไปสู่คลาวด์ และเดินหน้าปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของตนสู่โลกเวอร์ชวลอย่างต่อเนื่อง

ผู้จัดการศูนย์ข้อมูลที่มีการใช้งานระบบทำซ้ำข้อมูล การบริหารจัดการsnapshot เทป หรือดิสก์สำรองแยกจากกัน กลยุทธ์ด้านการสำรองVMware และ Hyper-V จะช่วยให้กระบวนการสำรองข้อมูลง่ายขึ้น ความคิดของแพลตฟอร์มในการกู้คืนข้อมูลในแต่ละระดับจากแบ็คอัพเพียงครั้งเดียว จะมีความต้องการมากขึ้นเพราะการกู้คืนจากการทำการสำรองข้อมูลแบบแยกส่วนในแต่ละรูปแบบข้อมูล มีความซับซ้อนมาก ผู้ค้าจะต้องทำการรวมศูนย์เทคโนโลยีใหม่เพื่อลดความซับซ้อนลง

ประเด็นสนับสนุน :
• ข้อมูลปริมาณมหาศาล : ข้อมูลปริมาณมหาศาลที่เกิดจากการทำเวอร์ชวลไลเซชัน การใช้งานแอพพลิเคชันใหม่ และความต้องการทำธุรกิจตลอดเวลาก่อให้เกิดปัญหากับระบบสำรองข้อมูลแบบเก่าสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ถึงเวลาแล้วสำหรับหาวิธีการใหม่ ไอดีซีรายงานสถานะของ ‘ขนาดของข้อมูลดิจิตอล’ ว่าจะโตขึ้นจาก 1.8 เซตต้าไบต์ในปี 2011 เป็นมากกว่า 7 เซตต้าไบต์ในปี 2015
• มีแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น: วีเอ็มแวร์ยังคงเป็นผู้ค้าที่ได้รับการกล่าวถึงเมื่อองค์กรด้านไอทีพูดถึงการทำเวอร์ชวลไลเซชันเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร เกือบร้อยละ 40 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อินฟอร์เมชันวีคสำรวจข้อมูลมีการใช้งานไฮเปอร์ไวเซอร์สำรองในองค์กรของพวกเขา
• ช่วงระยะเวลาในการสำรองข้อมูลไม่พอ: เนื่องจากการเจริญเติบโตของข้อมูล ช่วงระยะเวลาในการสำรองข้อมูลแบบเดิมที่กำหนดเป็นตลอด 24 ชั่วโมง หรือในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ใช้ไม่ได้กับบางองค์กร จึงจำเป็นต้องหาแนวทางใหม่
• การสำรองข้อมูลของสำนักงานระยะไกลมีปัญหา: กระบวนการดังกล่าวกลายเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินไปสำหรับทรัพยากรที่หลายองค์กรมีอยู่ในสำนักงานระยะไกล จึงจำเป็นต้องหาแนวทางใหม่
• การเก็บรักษาข้อมูลสำรองแบบไม่มีขีดจำกัดจะลดลง: นโยบายการเก็บรักษาข้อมูลสำรองแบบไม่มีขีดจำกัดจะลดน้อยาลงในปี 2012 เพราะองค์กรที่ถูกบังคับให้จัดการกับข้อมูลปริมาณมหาศาล เทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วยให้องค์กรช่วยขจัดข้อมูลที่มากมายเหล่านี้ได้
• รูปแบบของงานด้านการสำรองข้อมูลจะเริ่มปลี่ยนแปลงไป: ไซแมนเทคจะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่เพื่อช่วยแก้ไขความท้าทายในอุตสาหกรรมการสำรองข้อมูลเพื่อช่วยให้การป้องกันข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และสามารถรับมือกับปริมาณมากข้อมูลและความเข้มงวดของข้อตกลงด้านระดับของการให้บริการ
• ในปี 2011 ไซแมนเทคได้เห็นแนวโน้มว่าบางองค์กรได้ใช้ทางลัดในการสำรองและจัดเก็บข้อมูล เช่น Snapshot หรือการทำงานทดแทนกันเมื่อระบบใดระบบหนึ่ง failovers ในการสำรองข้อมูลที่เป็นจริงหรือการใช้เทคโนโลยีการสำรองข้อมูลในส่วนของการจัดเก็บ
• อย่างไรก็ตาม Snapshot จะไม่ได้รับการพัฒนาหรือปรับขนาดได้ และเมื่อต้องการข้อมูล การกู้คืนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในปี 2012 จะเห็นความล้มเหลวที่สำคัญบางอย่างในการกู้คืนข้อมูล หากองค์กรไม่ใช้แพลตฟอร์มการสำรองข้อมูลแบบองค์รวมที่ใช้กับสภาพแวดล้อมทั้งทางแบบฟิสิคอลและเวอร์ชวล และทำให้ผู้ดูแลระบบไอทีกู้คืนข้อมูลได้ง่าย

###

View :1918

Related Posts

  1. No comments yet.
  1. No trackbacks yet.
You must be logged in to post a comment.