Archive

Author Archive

อนุฯคุ้มครองโทรคมนาคม ระบุจากบทเรียนดีแทค ต้องออกมาตรการแจ้งเตือนผู้บริโภครู้ตัวล่วงหน้า

January 19th, 2012 No comments

มติอนุฯคุ้มครองโทรคมนาคม ระบุต้องออกมาตรการแจ้งเตือนผู้บริโภครู้ตัวล่วงหน้า กรณีปัญหาดีแทคสัญญาณล่ม พร้อมเสนอให้ผู้ให้บริการเดิมจ่ายตังค์ค่าย้ายเครือข่ายหากผู้บริโภคจะใช้บริการคงสิทธิเลขหมายเพราะเจอปัญหาเครือข่ายล่ม

จากกรณีปัญหาสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ล่มถึง 3 ครั้งในระยะเวลาไม่ถึงเดือนนั้น นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับผู้บริโภคจำนวนนับล้านรายที่ใช้บริการ และสร้างความเสียหายกับชื่อเสียงของบริษัทเองด้วย จึงถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของดีแทค ทั้งนี้ในการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการหารือในกรณีนี้และมีมติว่า ให้มีการกำหนดเป็นประกาศ หรือมาตรการ เรื่องการแจ้งเตือนหากมีการปรับปรุงระบบที่อาจมีผลกระทบต่อมาตรฐานการให้บริการ โดยการแจ้งเตือนผู้บริโภคควรมีระดับการแจ้งเตือน 2 ระดับคือ ระดับที่ 1 กรณีการปรับปรุงระบบที่มีความเสี่ยงว่า จะเกิดผลกระทบกับการใช้บริการ ผู้ให้บริการจะต้องแจ้งเตือนให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า เช่นเดียวกับไฟฟ้า หรือประปา ระดับที่ 2 กรณีที่มีการปรับปรุงระบบแล้วเกิดปัญหาจนส่งผลกระทบกับการใช้บริการในวงกว้าง บริษัทจะต้องแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการโดยการสื่อสารผ่านสื่อสาธารณะเพื่อรับทราบสถานการณ์ทันที

นางสาวสารีกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม ยังได้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบสัญญาณการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ว่า ควรมีการหารือร่วมกันระหว่างวิศวกรของบริษัทผู้ให้บริการและ สำนักวิศวกรรมของสำนักงาน กสทช. เพื่อดูระดับความเสี่ยงในกระบวนการปรับปรุงระบบสัญญาณทั้งหมด และร่วมกันกำหนดว่าความเสี่ยงระดับใดควรมีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการล่วงหน้า

“เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หลายคนคิดว่า โทรศัพท์ตัวเองเสีย ดังนั้นพอเกิดเหตุการณ์ปุ๊บภายใน 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ต้องแจ้งต่อสาธารณะทราบ คนจะได้เลิกสงสัย บางคนแฟนโทรหา เจ้านายโทรหาก็คิดว่า ปิดเครื่องหนีหรือเปล่า เพราะไม่ทราบสาเหตุ เพราะทุกเจ้าเวลาปรับปรุงระบบเมื่อไหร่ก็จะมองว่า เป็นงานประจำ ความเสี่ยงต่ำ ก็จะไม่แจ้งเตือน แต่ครั้งนี้ชัดเจนว่า งานประจำของเค้ามีความเสี่ยงมากมาก ดังนั้นจึงควรมีการหารือว่า ขั้นตอนไหนมีความเสี่ยงก็ต้องประกาศให้ทราบล่วงหน้า และต้องนำกระบวนการปรับปรุงระบบทั้งหมดมากาง และติกลงไปเลยว่า ขั้นตอนนี้ ต้องประกาศแจ้งเตือน โดยอาจกำหนดโดยวิศวกร ก็บังคับไปและทำเช่นนี้ทุกเจ้า ก็จะเกิดระดับชั้นว่า การปรับปรุงระบบระดับไหนต้องแจ้งเตือน เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ตบางเจ้าจะมีการแจ้งเตือนว่า ช่วงเวลาใดใช้บริการไม่ได้ หากมีภารกิจจะต้องใช้งานจะได้เตรียมการณ์ได้ถูก ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้ผู้บริโภครู้ตัวล่วงหน้า” นางสาวสารีกล่าว

นางสาวสารีกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมยังมีมติให้มีการออกระเบียบว่า กรณีมีปัญหาสัญญาณซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของผู้ให้บริการ จนทำให้ผู้ใช้บริการขาดความเชื่อมั่น หากผู้ใช้บริการต้องการย้ายเลขหมายไปใช้บริการกับผู้ให้บริการรายอื่น ผู้ให้บริการรายเดิมต้องเป็นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการใช้บริการคงสิทธิเลขหมายของผู้ใช้บริการรายนั้นๆ และจะได้เสนอมติดังกล่าวไปยังประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคมต่อไป

“เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและให้บทเรียนกับผู้ให้บริการว่า ถ้าโครงข่ายคุณมีปัญหาบ่อยๆ ผู้ใช้บริการก็จะหนีนะ เช่น ใช้บริการแล้วเจอปัญหาล่ม 3 ครั้งจะย้ายเครือข่าย ก็ต้องควักเงินเอง 99 บาท ตรงนี้ผู้ให้บริการรายเดิมควรเป็นผู้รับผิดชอบหากการโอนย้ายนั้นมีสาเหตุมาจากปัญหาสัญญาณล่ม และคงสิทธิเลขหมายก็เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค ซึ่งเราก็พบว่า มีผู้บริโภคที่เพิ่งซื้อซิมการ์ดของดีแทคมา ยังไม่ได้ใช้ปรึกษาเข้ามาว่าจะย้ายค่ายได้หรือไม่ ซึ่งอันนี้เป็นสิทธิตามประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ “ นางสาวสารีกล่าว

View :1395

ทรู ดิจิตอลพลัส ชู Cover Dance Project ปฏิบัติการเฟ้นหาเกมเมอร์ขาแดนซ์ Magic World 2 Online

January 19th, 2012 No comments

และแฟนคลับ Prince Kacha หวังทุบสถิติ ผู้เล่นออนไลน์ทะลุ 3 หมื่นคน

ทรู ดิจิตอล พลัส ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ชั้นแนวหน้าของประเทศ ตอกย้ำความสำเร็จของเกมแนว MMORPG อีกครั้งหลังสร้างยอด CCU กว่า 15,000 กับปฏิบัติการเอาใจวัยทีน ด้วยกิจกรรม “Prince Kacha Cover Dance Project” เพื่อกระตุ้นตลาด พร้อมเปิดตัวท่าเต้น และเพลง “ไม่เคยแพ้” ในการประกวด Cover dance ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 50,000 บาท พร้อมลุ้นมีทแอนด์กรี๊ดกับ คชา AF8 แบบใกล้ชิด หวังทุบสถิติใหม่ เพิ่มผู้เล่นออนไลน์ (CCU) สูงกว่า 30,000 มั่นใจเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเกมออนไลน์อีก 10% ให้กลุ่มทรู

นายมานะ ประภากมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด กล่าวว่า “ทรู ดิจิตอล พลัส ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเกมออนไลน์ และผู้ให้บริการเกมออนไลน์ Good Game (GG) ที่เน้นกลยุทธ์ สร้างความต่างอย่างมีระดับ เน้นความโดดเด่นของการเล่นเกมดี สร้างสังคมดี เอาใจเกมเมอร์อีกครั้ง ด้วยการจัดกิจกรรมการตลาดกับโครงการ “Prince Kacha Cover Dance Project” ของ คชา AF8 พรีเซ็นเตอร์เกมออนไลน์ “” เกมแนว MMORPG (Massive Mult-player Online Role Playing Game) พร้อมเปิดตัวท่าเต้น และเพลง “ไม่เคยแพ้” ในกิจกรรมการประกวด Cover dance เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 40,000 บาทพร้อมลุ้นมีทแอนด์กรี๊ดกับ คชา AF8 แบบใกล้ชิด

โดยกิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากความสำเร็จเกินคาดจากการเปิดตัวเกม “Magic World 2 Online” เกมแนว MMORPG (Massive Mult-player Online Role Playing Game) ในปีที่ผ่านมา โดยใช้ คชา AF8 เป็นพรีเซ็นเตอร์ กระทั่งสามารถสร้างปรากฏการณ์ Magic World 2 Online Fever ที่ทำยอด CCU ทะลุ 15,000 หลังเปิดตัวไม่นานจากการตอบรับเป็นอย่างดีของเหล่าเกมเมอร์ และกลุ่มผู้เล่นใหม่ จนเกิดเป็นกิจกรรม “Prince Kacha Cover Dance Project” ขึ้นเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดในเกมแนว MMORPG

“กิจกรรมครั้งนี้เป็นการเปิดพื้นที่ให้สำหรับเกมเมอร์ ร่วมถึงเหล่าแฟนคลับที่ชื่นชอบการเต้น ที่จะได้เข้ามาร่วมกิจกรรมที่สร้างสรรค์ อีกทั้งยังได้ใกล้ชิด Idol ของตัวเอง และทรูยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันสามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ทั้งแบบเดี่ยวหรือกลุ่ม เพื่อให้ได้แสดงฝีไม้ลายมือกันเต็มที่ โดยจะเปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ของแต่ละทีมเข้ามาร่วมโหวตได้เต็มที่” นายมานะกล่าว

สำหรับกติกาการร่วมกิจกรรมสุดมันส์นี้เปิดกว้างให้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเต้นทุกเพศทุกวัย สามารถร่วมสนุกได้ทั้งแบบเดี่ยวหรือแพ็คกันมาเป็นทีม แต่ไม่เกิน 8 คน สามารถออกแบบจินตนาการท่าเต้นได้สุดล้ำ มีท่าบังคับอยู่ที่ท่อน Hook ของเพลงที่ต้องเต้นแบบ หนุ่มคชา AF8 และท่าจบด้วยโลโก้ของเกม MW2

จากนั้นส่งคลิปเข้าร่วมประกวดและร่วมโหวตได้ที่ http://mw2.truelife.com/kacha ได้ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 18 มกราคม – 24 กุมภาพันธ์ 2555 โดยจะตัดสินจากคะแนนการโหวต สูงสุด 3 อันดับ ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลที่ 1 จะได้รางวัลเงินสดมูลค่า 20,000 บาท พร้อมของรางวัลจากผู้ร่วมสนับสนุน รางวัลที่ 2 ได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 10,000 บาทและรางวัลที่ 3 ได้รับรางวัลเงินสด 5,000 บาท พร้อมของรางวัลจากผู้ร่วมสนับสนุนเช่นกัน โดยทั้ง 3 อันดับจะได้ร่วมถ่าย MV เพลง ไม่เคยแพ้ของ คชา AF8 พร้อม Meet&Greet แบบ Close-up

และกติกาสาหรับผู้ร่วมโหวตนั้น สามารถร่วมโหวตผลงานที่ส่งเข้าร่วมกิจกรรมะต้องมี ID True Life สามารถ กด Like ผ่าน True ID ได้ 5 คะแนน Share ได้ 1 คะแนน โหวตผ่าน ID Magic World 2 Online โหวต ได้ 10 คะแนน โดยสามารถร่วมโหวต ได้ที่ http://mw2.truelife.com/kacha

นอกจากนี้ยังจะมีไอเทมพิเศษและของที่ระลึกไว้สำหรับเกมเมอร์ และแฟนคลับร่วมสะสมถึง 12 แบบตลอดทั้งปี เพื่อนำไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ของ Prince Kacha ที่จะเกิดขึ้นในปี 2012 อีกด้วย โดยผู้ที่ซื้อของที่ระลึกและ ไอเท็มพิเศษชิ้นแรก Saber Tooth สัตว์ขี่สุดเท่ห์ จะได้รับสิทธิ์ลุ้นเข้าร่วม Meet&Greet ในเดือนมีนาคม เพียงลงทะเบียนก่อนเริ่มเลี้ยงภายในเดือนกุมภาพันธ์แล้วเลี้ยงสัตว์ขี่ให้โตเต็มที่ จากนั้นก็ลุ้นการประกาศผลในเดือนมีนาคม 2555 ทันที ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและดาวน์โหลดเกมได้ที่ www.MW2.in.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สาหรับ Magic World 2 Online มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายนิสิต นักศึกษา และวัยทำงาน อายุ 18-25 ปี ที่ชื่นชอบเกมออนไลน์ เชื่อมั่นว่าด้วยกิจกรรมดังกล่าวจะ สามารถเพิ่มจำนวนเกมเมอร์ได้ ไม่ต่ำกว่า 30,000 CCU ภายในปี 2555 โดยนายมานะยังกล่าวต่อว่ากลยุทธ์ที่สาคัญที่จะช่วยทา ให้ ทรู ดิจิตอล พลัส ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำตลาดเกมออนไลน์แนว MMORPG นั้นจะเน้นและให้ความสำคัญไปที่ผู้เล่นกลุ่มใหม่ๆ ด้วยการเปิดแคมเปญใหม่โดยใช้ Brand Ambassadors รวมไปถึงการพัฒนาเนื้อหาในเกมให้แน่นขึ้นโดยจะมีการอัพเดทภายในเกมแบบต่อเนื่อง ทั้งสัตว์พาหนะ สัตว์เลี้ยงต่างๆ และลูกเล่นและกิจกรรมในเกมที่จะมีอย่างต่อเนื่องทั้งปี มุ่งเน้นการบริการที่สามารถรองรับทุกความต้องการของผู้เล่นได้ครบและครอบคลุมที่สุด

ปัจจุบัน ทรู ดิจิตอล พลัส มีเกมดังในเครือ 5 เกม คือ Special Force, FIFA Online, Hip Street, Revo และ Magic World 2 Online ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากคอเกมชาวไทย โดยเกมออนไลน์แนว MMORPG จะยังคงเป็นกลุ่มหลักในตลาดเกมออนไลน์ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 40% ซึ่งทรู ดิจิตอล พลัส จะเปิดตัวเกมใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายเพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภค และก้าวสู่การเป็นผู้นำเกมออนไลน์ในที่สุด

View :1748

ไอเซ็บ และ ม.หอการค้าไทย ถกทิศทางธุรกิจสื่อ หลัง กสทช. เดินหน้าประกาศใช้ พ.ร.บ. กสทช. เต็มรูปแบบ

January 18th, 2012 No comments

โดย ดร.ภูษณ ปรีย์มาโนช ประธานสถาบันฯ จับมือกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดย รองศาสตราจารย์ ดร. เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี และดำเนินการจัดงานโดยACE (เอ๊ซ) จะจัดงานสัมมนา เรื่อง “ทิศทางและโอกาสของธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ ยุคใหม่” หวังกระตุ้นให้ภาคเอกชนในแวดวงสื่อสารมวลชน และโทรคมนาคม เตรียมความพร้อมหลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ประกาศใช้พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 เต็มรูปแบบ

ดร.ภูษณ ปรีย์มาโนช ประธานสถาบันนโยบายสังคมและเศรษฐกิจ (ISEP) กล่าวถึงแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ว่า เนื่องด้วยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 จะมีผลบังคับใช้และมีการแต่งตั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่ง ชาติ (กสทช.) ซึ่งอำนาจหน้าที่มิได้มีเพียงการจัดสรรคลื่นความถี่ การออกใบอนุญาตประกอบกิจการ หรือการประมูลคลื่นความถี่ 3G เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ของประเทศทั้งระบบ โดยเฉพาะภาครัฐที่ดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่จะต้องคืนคลื่นความถี่ และสัญญาสัมปทานที่มีอยู่เดิม การยกเลิกสัมปทานวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด การเรียกคืนคลื่นความถี่วิทยุและโทรทัศน์จากเจ้าของเดิม เพื่อการนำมาเปิดประมูลใหม่เพื่อการพาณิชย์ จึงเป็นเรื่องน่าคิด น่าติดตามว่า จะเกิดผลกระทบอย่างไรในสังคมไทยต่อจากนี้ไป

ด้านรองศาสตราจารย์ดร. เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า แนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ ควบคู่กับการมีแผนแม่บท ของ กสทช. ตลอดจนการจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่ นำไปสู่การเป็นดิจิทัล ทีวีเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้รับสัญญาณในระบบดิจิทัลอย่างทั่วถึง และกรอบการกำกับดูแลเชิงเศรษฐกิจจะส่งผลต่อการแข่งขันในอนาคตอย่างไร ทั้งนี้ ทิศทางของเศรษฐกิจและธุรกิจภายหลังมี กสทช. จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้างนั้น การสัมมนาครั้งนี้จะเป็นตัวบ่งชี้กิจการวิทยุ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมอื่นๆ ของประเทศไทย

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า กสทช. มีความยินดีที่จะสนับสนุนการจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพราะจะทำให้ประชาชนทั่วไปรวมไปถึงผู้ประกอบกิจการชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อจากนี้ไป โดยเฉพาะในเรื่องของตัวเลือกและความหลากหลายของบริการด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ตลอดจนการเตรียมความพร้อมก่อนที่กฎหมาย กสทช. จะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังและแสดงความคิดเห็นในงานสัมมนาดังกล่าว รับรองว่าจะสามารถสร้างความกระจ่างให้กับทุกท่านได้อย่างแน่นอน

ด้านผู้แทนจากภาคธุรกิจ การเงิน นายพรชัย ประเสริฐสินธนา กรรมการ และ ผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางด้านการเงินการลงทุนก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ต้องเตรียมพร้อมรองรับต่อการเปลี่ยนแปลง การเปิดเสรี ในวงการสื่อสารมวลชนและโทรคมนาคม ครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เช่นกัน การเตรียมความพร้อมและให้ข้อมูลที่ชัดเจน จะส่งผลโดยตรงกับตลาดเงิน และตลาดทุน ในด้านการแข่งขันและการเจริญเติบโตของธุรกิจวิทยุ โทรทัศน์ และการโทรคมนาคม ตลอดจนการเกิดสื่อใหม่ ๆ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการจัดทีมรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับกลุ่มนักธุรกิจสื่อสารมวลชน ในวันสัมมนาที่จะจัดขึ้น

ทั้งนี้ สถาบันนโยบายสังคมและเศรษฐกิจ (ISEP) ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สนับสนุนโดย กสทช.จึงริเริ่มจัดงานสัมมนางานแรก เรื่อง“ทิศทางและโอกาสของธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ยุคใหม่” ในวันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 09.00 – 16.30 น. ณ ห้องเมจิก ชั้น 2 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ดอนเมือง โดยมีเป้าหมาย เพื่อเปิดเวทีการแลกเปลี่ยนความเห็นของ นักวิชาการ นักธุรกิจ ผู้รู้ และผู้มองเห็นอนาคต ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในวงการสื่อสารมวลชน และโทรคมนาคม อันจะส่งผลกระทบโดยตรงทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และสังคม อันเนื่องมาจาก พ.ศ.2553 วิทยากรระดับแถวหน้าจากหลากหลายวงการ จากภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชน อาทิ พันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานกรรมการ กสทช. จำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย ที่ปรึกษากรรมการ ผู้จัดการ กลุ่มบีอีซี เวิลด์ 1 วสันต์ ภัยหลีกลี้ รองผู้อำนวยการทีวีไทย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มร.คาริม ซาลามาเทียน บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด

นอกจากนี้ยังมี ดร.นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ตลอดจนผู้แทนจาก ไมโครซอฟ กูเกิ้ล ปังย่าเกมส์ บริษัท อินิทรี ดิจิตอล จำกัด อารักษ์ ราษฎร์บริหาร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สปริงนิวส์ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) เป็นต้น โดยมี รศ.สุธรรม อยู่ในธรรม คณะบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารและโทรคมนาคมเป็นผู้ดำเนินรายการ และมีหัวข้อที่ท้าทายและน่าสนใจ อาทิ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ไทยในยุคโลกาภิวัตน์ โฉมหน้าใหม่ของธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ไทย อุปสรรคและความท้าทายของธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ ประเทศไทย ความท้าทายธุรกิจสื่อใหม่ (New Media) รูปแบบใหม่ของการแข่งขันในธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ ประเทศไทย…. ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการแข่งขันอย่างไร เป็นต้น เชื่อว่า งานสัมมนาครั้งนี้จะสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแนวทางใหม่ ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมกับ พ.ร.บ. กสทช. ฉบับนี้ ได้อย่างแน่นอน

ผู้สนใจเข้าร่วมฟังสัมมนา สามารถจองบัตรได้แล้ววันนี้ที่ ACE (เอ๊ซ) โทร.02 254-8282-3

View :1410

ทรู เผยโฉมผู้ชนะ “ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2011”

January 18th, 2012 No comments

19 สุดยอดผลงานนวัตกรรมใช้ ได้จริง จาก 1,291 ผลงานทั่วประเทศ คว้าเงินรางวัลกว่า 1 ล้านบาท

ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรูภูมิใจอย่างยิ่งที่โครงการ “” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ร่วมกับหลักสูตรเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม บัณฑิตวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักข่าวต่างประเทศ CNBC ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับล้นหลาม มีผู้ส่งผลงานนวัตกรรมเข้าร่วมประกวดในประเภท IDEA SEED (เมล็ดพันธุ์ความคิด) และ INNO TREE (สุดยอดนวัตกรรม) รวมทั้งสิ้น 1,291 ผลงานทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากครั้งแรกที่ผ่านมาเกือบ 2 เท่า มีผู้ร่วมแข่งขันทั้งกลุ่มนิสิต นักศึกษา และองค์กร ตลอดจนกลุ่มชุมชนที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อประโยชน์และคุณค่าให้แก่สังคมท้องถิ่น สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยเริ่มตื่นตัวและสนใจนวัตกรรมมากขึ้น ทั้งนี้ ผลงานทั้งหมดสามารถนำไปพัฒนาและใช้ได้อย่างรูปธรรม ตรงกับแนวคิด “The Reality” ปีนี้ ซึ่งผู้ชนะการประกวดทุกทีม จะได้รับเงินรางวัล
มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท โดยกลุ่มทรูมุ่งมั่นจัดการประกวด “ทรู อินโนเวชั่นอวอร์ดส์” อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้นวัตกรไทยนำเสนอความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานนวัตกรรมเพื่อให้ประเทศเจริญก้าวหน้า อีกทั้งยกระดับขีดความสามารถของคนไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ”

สำหรับการประกวด “ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2011” มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 1,291 ผลงานทั่วประเทศ แบ่งเป็น IDEA SEED (เมล็ดพันธุ์ความคิด) แนวคิดแผนธุรกิจนวัตกรรม จำนวน 994 ผลงานและ INNO TREE (สุดยอดนวัตกรรม) ผลงานนวัต
กรรมที่มีการสร้างขึ้นจริง จำนวน 297 ผลงาน โดยประกาศผลการตัดสินเมื่อวันอังคารที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ณ เซ็นเตอร์พ้อยท์ เพลย์เฮาส์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์และมีรายละเอียดดังนี้

IDEA SEED (เมล็ดพันธุ์ความคิด)
1. ประเภท Gold ได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท ได้แก่
ผลงาน “เธอคือลมหายใจ…เครื่องตรวจเบาหวานจากลมหายใจ”

2. ประเภท Silver 4 รางวัลๆ ละ 20,000 บาท ได้แก่
1. ผลงาน “ตรวจเชื้อแบคทีเรียอีโคไลในอาหารด้วยตาเปล่า”
2. ผลงาน “Easy Open Egg”
3. ผลงาน “Thai Musical Instrument’s Supportive Learning Kit”4. ผลงาน “AgroSense War-room”

3. ประเภท Bronze 4 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท ได้แก่
1. ผลงาน “กระติบข้าวอัตโนมัติ”
2. ผลงาน “แคปซูลหลบภัยสึนามิ (Tsunami Escape Safety Capsule)”
3. ผลงาน “ระบบตอบสนองต่อสัญญาณกล้ามเนื้อด้วยเกมส์แอนิเมชั่น และการ
กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยสัญญาณไฟฟ้าเพื่อบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยโรคอัมพาต”
4. ผลงาน “Braille Cell ปุ่มกดสำหรับคนพิการ”

INNO TREE (สุดยอดนวัตกรรม)
1. ประเภท Gold ได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท ได้แก่
ผลงาน “เครื่องมือยึดจับกระดูกจากภายนอกชนิดยืดหยุ่น”

2. ประเภท Silver 4 รางวัลๆ ละ 50,000 บาท ได้แก่
1. ผลงาน “Robo-Blocks: ระบบเขียนโปรแกรมแบบจับต้องและโต้ตอบได้สำหรับเด็ก”
2. ผลงาน “อุปกรณ์ตรวจจับตำแหน่งนิ่ว และควบคุมการยิงคลื่นช็อกเวฟอัตโนมัติ สำหรับเครื่องสลายนิ่ว”
3. ผลงาน “SAX for ALL (Vibrato Mold Injection Saxophone)”
4. ผลงาน “วัสดุฉลาดเพื่อการใช้งานทางการแพทย์”

3. ประเภท Bronze 5 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท ได้แก่
1. ผลงาน “ของเล่นเพื่อพัฒนาเด็กพิการ”
2. ผลงาน “แคบหมูกึ่งสำเร็จรูปสำหรับไมโครเวฟ”
3. ผลงาน “การผลิตปุ๋ยอินทรีย์แบบกองแถวยาวไม่พลิกกลับกอง วิธีวิศวกรรมแม่โจ้ 1”
4. ผลงาน “เครื่องอัดภาชนะขึ้นรูปใส่อาหารจากวัสดุใบไม้ เพื่อทดแทนกล่องโฟมและพลาสติก”
5. ผลงาน “ระบบดูแลผู้ป่วยและผู้ชราด้วยอุปกรณ์โครงข่ายเซ็นเซอร์ร่างกายไร้สายและโทรศัพท์มือถือ”

นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษ Best Inspiration 2 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท ได้แก่
1. ผลงาน “Monofilament ชุดตรวจเท้าเบาหวานจากศูนย์ฯ 41 คลองเตย”
2. ผลงาน “ของเล่นเพื่อพัฒนาเด็กพิการ”

View :1657

สรอ. จัดทัพประกาศแนวรุกรัฐบาลไทยก้าวสู่ยุค “Smart Government” ยกระดับงานบริการไอทีภาครัฐ ในรูป e-Services แบบก้าวกระโดด

January 18th, 2012 No comments

สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) จัดทัพประกาศแนวรุกดันรัฐบาลไทยก้าวสู่ยุค “Smart Government” ชู 4 พันธกิจหลักประกาศแผนเร่งด่วนพัฒนาการใช้ไอทีในภาครัฐ หวังยกระดับ e-Services ให้บริการประชาชนได้เต็มพิกัด พร้อมลดงบประมาณภาครัฐได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมวาง “Roadmap” คาด 4 ปีข้างหน้าพลิกโฉมการบริการภาครัฐด้านอิเล็กทรอนิกส์ ทำได้แบบครบวงจร และมีมาตรฐานกลาง

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า เป้าหมายในการผลักดันให้เกิด Smart Government คือ ภาคประชาชนได้รับการบริการที่ดียิ่งๆ ขึ้น ภาครัฐจึงต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว และใช้งบประมาณให้น้อยที่สุด ที่สำคัญต้องเลือกเทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด และเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเน้นเรื่อง Speed (ความเร็ว) มาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเร่งให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ สรอ.คิดค้นโครงการที่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนภาครัฐบาลไปสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างรวดเร็ว และใช้ต้นทุนต่ำ และเป็นตัวกลางเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานรัฐที่มากกว่าหนึ่งหน่วยงานเข้าด้วยกัน พร้อมเพิ่มระดับความเร็วในการเชื่อมโยงบริการโดยประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกันเองอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน

สิ่งที่จะได้เห็นต่อไปจากนี้ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวทั่วประเทศ หรือโครงการอื่นๆ อีกจำนวนมาก จะเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเชื่อมข้อมูลแต่ละหน่วยงานถึงกันได้เป็นอย่างดี สามารถรองรับการบริการไปสู่ภาคเอกชนอีกด้วย โดยบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ต้องสามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น คาดว่าภายในครึ่งปีนี้จะเริ่มมีบริการต่างๆ ของภาครัฐทยอยเข้ามาใช้ระบบฐานข้อมูลบัตรประชาชน ดังนั้น Roadmap ที่สรอ. กำลังดำเนินการจะเป็นการทำให้เกิด Paradigm Shift หรือการทำให้มาตรฐานของต้นแบบถูกยกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง โดยมีคำว่า Speed (ความเร็ว) เป็นตัวขับเคลื่อน มีระดับนโยบายคอยส่งเสริม โดยเฉพาะกฎระเบียบ และการประสานงานในระดับนโยบาย

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สรอ. ได้ถูกจัดตั้งเป็นองค์กรมหาชน เพื่อเป็นหน่วยงานที่จะต้องเข้ามาดูทั้งโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ และการบริหารจัดการโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสร้างมาตรฐานกลางให้กับไอทีภาครัฐทั้งหมด โดยมี 4 พันธกิจหลักที่มีเป้าหมายในการผลักดันให้ภาครัฐของไทยก้าวสู่การเป็น “Smart Government” ดังนี้ 1.สร้างเครือข่ายและพัฒนาความรู้ไปสู่การเป็น Smart Government ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรไอทีภาครัฐ 2. สร้างโครงสร้างพื้นฐานและแอพพลิเคชันร่วม เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ของภาครัฐ เป็นต้น 3. ยกระดับ e-service และบูรณาการ Back office ด้วยการทำให้แต่ละหน่วยงานภาครัฐสามารถเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกันสร้างเป็นบริการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น และ 4. สร้างสถาปัตยกรรมและมาตรฐานให้เกิดขึ้นในระบบไอทีภาครัฐ ที่จะต้องสอดรับกับแนวนโยบายของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ต้องการให้สรอ.จำเป็นที่จะต้องปรับโครงสร้างองค์กรการทำงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยงบประมาณไม่มากและเกิดการบูรณาการอย่างเป็นระบบอันจะนำไปสู่การใช้ไอทีในภาครัฐที่คาดว่าจะทำให้ ลดงบประมาณโดยรวมได้ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี

สำหรับโครงสร้างพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ถือว่าเป็นแผนดำเนินการเร่งด่วนของสรอ.คือ การทำระบบ Government Data Center หรือศูนย์ข้อมูลกลางภาครัฐให้มีมาตรฐานและแข็งแกร่งในการรองรับระบบฐานข้อมูลของทุกหน่วยงานได้ โดยศูนย์นี้เป็นพื้นฐานเพื่อนำไปสู่ระบบ Government Cloud Service ที่จะทำให้การบริการภาครัฐเข้าสู่ระบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ โดยอาศัยการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านโครงสร้างเครือข่ายอย่าง Government Information Network 2.0 (GIN 2.0) ซึ่งเป็นงานที่กระทรวงไอซีทีได้มอบหมายให้ สรอ.ดำเนินการและจะมีการเร่งรัดให้โครงการนี้สำเร็จให้เร็วที่สุด เพื่อให้เป็นทางเลือกหลักในการสร้างระบบเครือข่ายทั้งหมด ตลอดจนการดูแลทางด้านระบบรักษาความปลอดภัยไอทีของภาครัฐ ผ่านระบบโครงสร้าง Government Security Monitoring (GovMon) และมีระบบ Government Nervous System หรือ GNS ที่ สรอ. จะต้องจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการติดตามสถานภาพการดำเนินงานด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีแผนงานเร่งด่วนที่ไม่ใช่งานทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ สรอ.ต้องเร่งดำเนินการภายในปี 2555 คือ การสร้างระบบอีเมล์ของภาครัฐหรือ MailGoThai ที่จะทำให้ง่ายและใช้งานได้จริง โดยที่บุคลากรภาครัฐไม่ต้องไปใช้งานอีเมล์จากต่างประเทศ และจะเป็นอีเมล์ที่ติดตัวไปทุกที่แม้จะมีการโยกย้ายตำแหน่งในภายหลังก็ตาม รวมไปถึงการสร้างระบบ e-Government Portal ที่จะรวบรวมบริการและการแบ่งปันความรู้ในด้านต่างๆ ให้กับทั้งบุคลากรภาครัฐและประชาชนทั่วไปในอนาคต โดยการทำงานทั้งหมดเป้าหมายของสรอ.กับหน่วยงานภาครัฐก็คือการเข้าสู่ระบบ Paperless Government หรือหน่วยงานรัฐไร้กระดาษ

สำหรับในระยะถัดไป สรอ. ต้องจัดเตรียมการดำเนินงานเรื่องใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐ หรือ Government Certification Authority (GCA) สำหรับรองรับกระบวนการทำงานทางอิเล็กทรอนิกส์ของข้าราชการ เพื่อให้เป็นมาตรฐานในการสร้างระบบความปลอดภัยข้อมูลการติดต่อสื่อสารของคนภาครัฐในขั้นต่อไปจากการเน้นให้บริการโครงสร้างพื้นฐานของ สรอ. ในครั้งนี้ทำให้ สรอ. จะต้องทำหน้าที่เป็น PMO ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานและบริการภาครัฐ โดยเน้นด้านคุณภาพบริการเป็นหลัก เพื่อทำให้ระบบภาครัฐทั้งหมดเกิดความมั่นใจ เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้ระบบไอทีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยสรอ.จะเน้นการรับฟังความเห็นของหน่วยงานรัฐทั้งหมดมาเป็นพื้นฐาน และมีการทำวิจัยรองรับมากขึ้น รวมถึงการทำระบบ SLAs หรือข้อกำหนดในการให้บริการที่ชัดเจน และเป็นมาตรฐานสากล โดยปรับแต่งให้เข้ากับหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะ ในปัจจุบัน SLAs ของภาคเอกชนเองก็มีความแตกต่างกันไปตามจุดเด่นทางการตลาด ซึ่งของสรอ.จะมุ่งเน้นการให้บริการภาครัฐเท่านั้น ทำให้เกิดจุดแข็งที่แตกต่างอย่างมาก

อย่างไรก็ดีคาดว่าภายใน 4 ปีข้างหน้า สรอ.จะก้าวสู่เป้าหมายที่จะต้องทำให้เอกสารภาครัฐที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำได้อย่างครบวงจร และต้องเข้าไปแทรกอยู่ทุกกระบวนการการทำงานในส่วนของหน่วยงานภาครัฐต้องเปิดบริการประชาชนที่ไม่ต้องนำสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน โดยสามารถเชื่อมต่อกับบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดได้โดยตรง และข้อมูลสามารถดึงเชื่อมกันได้ด้วยมาตรฐานเดียวกันรวมถึงบริการ IT Service ของภาครัฐสามารถจัดซื้อจัดจ้างในแบบบริการสาธารณูปโภค โดยในเบื้องต้นผ่านระบบ Cloud Computing และต้องเข้าสู่ระบบจ่ายตามการใช้งานจริง ใช้น้อยจ่ายน้อย ใช้มากจ่ายมาก โดยที่ระยะเวลาการดำเนินงานโครงการ IT ของภาครัฐ ลดลง 30-50 % และหน่วยงานภาครัฐต้องสร้างการทำงานในแบบทำงานที่บ้านได้หรือ Work at Home ผ่านโครงสร้างสาธารณูปโภคทางด้านไอทีที่มีประสิทธิภาพมีการปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ IT ของภาครัฐไปสู่การเป็นเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ (Project Manager) และเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล (MIS Manager) นอกจากนั้นต้องมีการซ้อมแผนสำรองฉุกเฉินเป็นแนวปฏิบัติทั่วไปของหน่วยงานรัฐขึ้นมา

ดร.ศักดิ์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของกระทรวงไอซีที คือ สรอ.จะเป็นตัวกลางในการผลักดันการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานรัฐที่มากกว่าหนึ่งหน่วยงานเข้าด้วยกัน ซึ่งในปี 2555 นี้ไม่เพียงสร้างมาตรฐานการเชื่อมต่อที่เป็นจริงแล้วยังเพิ่มระดับความเร็วในการเชื่อมโยงบริการโดยประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกันเองอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวทั่วประเทศ หรือโครงการอื่นๆ อีกจำนวนมาก จะเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเชื่อมข้อมูลแต่ละหน่วยงานถึงกันได้เป็นอย่างดีและที่สำคัญจะได้เห็นประชาชนที่ถือบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์สามารถนำความสามารถของบัตรเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งภายในครึ่งปีนี้คาดว่าจะเริ่มมีบริการต่างๆ ของภาครัฐทยอยเข้ามาใช้ระบบฐานข้อมูลบัตรประชาชน และคาดว่าเมื่อถึงปลายปีจะมีมากกว่าสิบหน่วยงานที่รองรับได้

นอกจากนี้สรอ.ยังต้องเป็นฝ่ายวิชาการในการค้นคว้าและสร้างมาตรฐานทางวิชาการใหม่ๆ ให้กับภาครัฐทั้งหมด การสร้าง Government Enterprise Architecture ขึ้นมา รวมถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อทำให้ Speed ของการบริการภาครัฐไทยในด้านอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปแบบก้าวกระโดด ดังนั้น Roadmap ที่สรอ.กำลังจะดำเนินการไปนั้นต้องถือว่าเป็นการทำให้เกิด Paradigm Shift หรือการทำให้มาตรฐานของต้นแบบถูกยกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง โดยมีคำว่า Speed เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อผลักดันให้เกิด Smart Government และนำไปสู่การเกิด Smart ต่างๆ ขึ้นอีกมากมาย อีกด้วย
# # #

View :1414

‘โออิชิ กรุ๊ป’ เปิดตัวแอพฯ “Browse the Oishi ความอร่อย ความสนุก…อยู่ที่ไหน ก็หาเจอ”

January 17th, 2012 No comments

บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำและสร้างสรรค์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนรุ่นใหม่ เปิดตัวนวัตกรรมทางการตลาดใหม่ ล่าสุด “Browse the Oishi ความอร่อย ความสนุก…อยู่ที่ไหน ก็หาเจอ” มอบช่องทางให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายยิ่งกว่า พร้อมจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อดิจิตอล ตอกย้ำผู้นำในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมทางการตลาดรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ สอดคล้องกับพันธกิจในการขับเคลื่อนบริษัทฯ “โออิชิยุคใหม่ ก้าวไกลด้วยนวัตกรรม”

นายไพศาล (แซม) อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โออิชิ ถือเป็นแบรนด์ ที่มีความโดดเด่น และมีความต่อเนื่องในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆออกสู่ตลาดเพื่อผู้บริโภคชาวไทย โดยเราคำนึงถึงความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าเป็นหลัก และในปีนี้ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น โออิชิ จึงเดินหน้าสานต่อการเป็นแบรนด์แห่งนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ ถึง 2 แอพพลิเคชั่น คือ O-Navi และ Shabushi Hotto Game เพื่อมอบความสะดวกสบาย และตอบรับกับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของลูกค้าในปัจจุบัน

การเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ ล่าสุด นี้ โออิชิได้ลงทุนพัฒนาเอง บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถใช้งานได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ได้แก่ ไอโอเอส (iOS) แอนดรอยด์ (Android) และซิมเบียน (Simbian) โดย 2 แอพพลิเคชั่นใหม่ ได้แก่

· O-Navi แอพลิเคชั่น เพื่อการค้นหาร้านอาหารในเครือโออิชิ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โดยใช้เทคโนโลยีจีพีเอส (GPS) ในการตรวจหาพิกัดตำแหน่งและ ใช้การแสดงผลในรูปแบบของ AR (Alimented Reality) ผ่านทางกล้องบนมือถือ โดยผู้ใช้งานสามารถที่จะดูระยะห่างของตำแหน่งในแต่ละสาขากับตำแหน่งของผู้ใช้งานเอง
· Shabushi Hotto Game เกมสัตว์เลี้ยงเสมือน (Virtual Pet) บนโทรศัพท์มือถือ Smart Phone และ Facebook โดยผู้เล่นจะสนุกกับการเลี้ยงตัว ฮ็อตโตะ(Hotto) ซึ่งเป็น มาสคอตของชาบูชิ ให้เติบโตจนออกไข่ และนำไข่ที่ได้จาก ฮอตโตะตัวเต็มวัย มาใช้เป็นสิทธิพิเศษกับร้านชาบูชิและร้านอาหารในเครือโออิชิ อาทิ การแลกของรางวัล หรือรับส่วนลดในการรับประทานอาหารได้ โดยยังมี มินิเกม ให้ผู้เล่นได้เลือกสนุกอีก 3 เกม คือ เกม Memorize เกม Catching และเกม Dancing

“การเปิดตัว 2 แอพลิเคชั่นใหม่ล่าสุดนี้ นับเป็นการนำเครื่องมือทางการตลาดใหม่ ใน รูปแบบออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง ที่มีประสิทธิภาพ มีความน่าสนใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง โดยมุ่งสร้างความผูกผัน และความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์โออิชิ กับลูกค้าให้เหนียวแน่นและใกล้ชิดยิ่งมากขึ้น และสร้างความจงรักภักดีในแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยโออิชิ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าต่อเนื่องต่อไป” นายไพศาล กล่าวสรุป
นอกเหนือจากการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ในวันนี้ โออิชิ ยังได้มอบสิทธิประโยชน์พิเศษแก่ลูกค้าที่ร่วมสนุกกับเกม Shabushi Hotto Game โดยสามารถสะสมคะแนนตามที่กำหนด เพื่อแลกรับของรางวัลพิเศษ หรือส่วนลดที่ร้านชาบูชิ ได้ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ – 30 มิถุนายน 2555

ผู้สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ได้ที่ App Store เว็บไซต์ www.shabushibuffet.com/hottogame หรือล็อกอินไปที่ www.facebook.com ค้นหา พิมพ์คำว่า shabushi hotto game ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ได้เพียงปลายนิ้วกับ โออิชิ กรุ๊ป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

View :1987

WDS จับมือ ZTE นำสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์บุกตลาดไทยเป็นครั้งแรก

January 16th, 2012 No comments

ดับบลิวดีเอส () ผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ รายใหญ่ของประเทศไทย จับมือ แซตทีอี () ผู้นำในการให้บริการอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและวางระบบเครือข่าย เปิดศักราชใหม่ด้วยการนำสุดยอดสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ เข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ประเดิมด้วย 3 รุ่นสุดฮอต ได้แก่ แซตทีอี เรเซอร์ 2 ( Racer 2) , แซตทีอี เบรด ( Blade) และแซตทีอี วี9+ ( V9+) ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน ในราคาสุดคุ้ม ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย พร้อมสร้างความมั่นใจด้วยบริการหลังการขายจาก หาซื้อได้แล้วที่ร้านเทเลวิซและร้านตัวแทนจำหน่ายของ ทั่วประเทศ

นายถกลรัตน์ แก้วกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวร์เลส ดีไวซ์ ซัพพลาย จำกัด หรือ ดับบลิวดีเอส กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยในปี 2012 นี้ คาดว่าจะมีประมาณ 17 ล้านเครื่อง เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15% โดยแนวโน้มตัวเครื่องจะเป็นเครื่อง Smart Phone และ Tablet เนื่องจากกระแสพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีประโยชน์ในการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใช้งานง่าย สะดวก หรือแม้แต่การรองรับการใช้งานมัลติมีเดีย ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น และเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการใช้งานดังกล่าว นอกจาก WDS จะร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตแบรนด์มือถือชั้นนำอย่าง Nokia , Samsung , HTC, BlackBerry และ iPhone แล้ว เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์การทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตแบรนด์มือถือยักษ์ใหญ่อีกครั้ง ภายใต้แนวคิด “Partner to Leader” WDS จึงจับมือกับ ZTE ผู้นำในการให้บริการอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและวางระบบเครือข่าย ในการคัดสรรสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์คุณภาพ ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน ในราคาสุดคุ้ม มาบุกตลาดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก

โดยประเดิมด้วย 3 รุ่น สุดฮอต ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในทวีปอเมริกาและยุโรป เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้ครบทุกกลุ่ม ได้แก่

· ZTE Racer II สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ขนาดเล็ก พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบ ในราคาสุดคุ้ม เพียง 3,990 บาท ( พิเศษ! ลูกค้าเอไอเอสเมื่อสมัครแพ็กเสริม 129 บาท รับสิทธิ์โทรเดือนละ 100 นาที และใช้งาน AIS 3G/EDGE+ เดือนละ 100 บาท นาน 6 เดือนสมัครโทร *212352 ตั้งแต่วันนี้ – 31 มี.ค. 55 )
· ZTE Blade หน้าจอกว้าง 11.8 มม. ให้ภาพสวยคมชัด ด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 Froyo ในราคาพิเศษเพียง 5,790 บาท
· ZTE V9+ แท็ปเล็ท แอนดรอยด์ 2.3 / CPU 1 GHz ในราคาเพียง 10,900 บาท

“ด้วยกลยุทธ์การตลาดในปี 2012 ที่ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตแบรนด์มือถือต่างๆ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งคุณภาพสินค้า ,บริการหลังการขาย และการจัดจำหน่าย เราจึงมั่นใจว่าจะทำให้ WDS สามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดโทรศัพท์มือถือไว้ได้อย่างแน่นอน”
ทางด้าน Mr.Zhang Xiao Ke, ZTE Thailand Managing Director กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ZTE มีความยินดีอย่างยิ่งที่ร่วมมือกับ WDS ในการนำโทรศัพท์มือถือคุณภาพในราคาสุดคุ้ม และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเข้ามาขายในประเทศไทย เพื่อมอบประสบการณ์อีกขั้นให้แก่ผู้ใช้บริการ และเนื่องจากตลาดในประเทศไทยเป็นตลาดที่เปิดกว้างสำหรับสินค้าประเภทต่างๆ เราจึงมีความมั่นใจในการเข้ามาบุกตลาดสมาร์ทโฟน ในประเทศอย่างเต็มตัว”

“ZTE เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยในปี 2011 มียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนมากกว่า 12 ล้านเครื่องทั้งโลก เพิ่มขึ้นถึง 400 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละปีและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปี 2012”

โดยลูกค้าสามารถหาซื้อ ZTE สุดยอดสมารท์โฟนที่พร้อมตอบรับทุกความต้องการในแบบของคุณได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้านเทเลวิซและร้านตัวแทนจำหน่าย WDS ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมมั่นใจกับบริการหลังการขายจาก WDS

View :1693

ก.ไอซีที มุ่งสร้างความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ รองรับคำขวัญวันเด็ก

January 15th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ในปีนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ว่า “สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี” ดังนั้น กระทรวงไอซีที ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ จึงเล็งเห็นความสำคัญในการสนับสนุนให้เด็กไทยมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยการเข้าร่วมจัดนิทรรศการในงานวันเด็กแห่งชาติ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

“การจัดนิทรรศการของกระทรวงฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็ก นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ และผลการดำเนินงานของกระทรวงฯ อาทิผลงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เป็นต้น ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาระบบการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

โดยกระทรวงฯ ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ เช่น เทคโนโลยี Web Conference ซึ่งนำเสนอการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้บริหารส่วนราชการในจังหวัดต่างๆ ผ่าน Web Conference นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีระบบสัมผัส (Touch Screen) ที่เปิดให้ผู้เข้าชมได้ร่วมถวายพระพรออนไลน์ และเทคโนโลยีประชาสัมพันธ์จำลอง Tablet เพื่อให้เด็กๆ ที่มาร่วมงานได้สัมผัสและทดลองใช้ Application ต่างๆ ที่ได้จำลองมาจาก Tablet ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนของเด็กนักเรียน อันเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลตามโครงการแจก Tablet ให้กับนักเรียนระดับประถมศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนการสอนของเด็กนักเรียนไทย ให้ได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป

“กระทรวงฯ หวังว่าเด็ก นักเรียน ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ที่ได้เข้าชมนิทรรศการครั้งนี้ จะสามารถเข้าถึงและใส่ใจในเทคโนโลยี รวมทั้งได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีการเรียนการสอน เพื่อรองรับการใช้ Tablet และมีความรู้ ความเข้าใจเทคโนโลยี ตลอดจนผลการดำเนินงานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่” นาวาอากาศอนุดิษฐ์ กล่าว

นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ได้ร่วมจัดบูธแสดงกิจกรรมผลงานเด่นๆ ของแต่ละหน่วยงานในบริเวณเดียวกัน อาทิ บมจ.ทีโอที ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการเล่นเกมออนไลน์อย่างเหมาะสม ความรู้เกี่ยวกับการให้บริการระบบ 3จี บมจ.กสท โทรคมนาคม จัดกิจกรรมร่วมสนุกเล่นเกมต่างๆ รวมทั้งเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการ 3จี บจ.ไปรษณีย์ไทย จัดแสดงแสตมป์เก่าหายาก การถ่ายรูปทำโปสการ์ดส่วนตัว สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า จัดแสดงเกี่ยวกับการทำ e-book, e-card การถ่ายภาพประกอบพร้อมพิมพ์แจกหรือส่งอีเมล์ และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. ได้นำเสนอการเรียนรู้ประโยชน์ของบัตรและการทำบัตรสมาร์ทการ์ด เป็นต้น

View :1404

อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต จากทรูออนไลน์ ออกตัวแรงจัดรับปีใหม่

January 15th, 2012 No comments

ฉลองพื้นที่บริการครอบคลุมกว่า 20 จังหวัดทั่วไทย พร้อมฟรี ไว-ไฟ เราท์เตอร์
ทันทีที่สมัครท่องเน็ตเร็วสุดขีด 7-100 เมก…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

เดินหน้าบุกตลาด ขยายบริการครอบคลุมกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ จัดแพ็กเกจสุดแรงรับปีใหม่ พร้อมฟรี ไว-ไฟ เราท์เตอร์ มูลค่าสูงสุด 3,200 บาท เมื่อสมัครใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตั้งแต่ 7 – 100 Mbps. ทั้งแบบผ่านสายโทรศัพท์ด้วยเทคโนโลยี xDSL และผ่านสายเคเบิ้ลด้วยเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ให้เพลินกับการเล่นเน็ตได้ทุกที่ในบ้าน ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2555

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรูออนไลน์ ผู้นำตลาดบรอดแบนด์ในไทย ประเดิมตลาดปีใหม่ฉลองการขยายพื้นที่บริการครอบคลุมกว่า 20 จังหวัดทั่วไทย จัดแพ็กเกจสุดแรงพร้อมฟรี ไว-ไฟ เราท์เตอร์ ทันทีที่สมัครบริการ อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต ความเร็ว 7 – 100 Mbps. ราคาเริ่มต้นที่ 599 บาทต่อเดือน แบบผ่านสายโทรศัพท์ และให้อัพเกรด เราท์เตอร์ ที่ให้ยืมฟรีเมื่อสมัครแบบผ่านสายเคเบิ้ล ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2555 พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาล่าสุด ดึงศิลปินนักร้อง-นักแสดงยอดนิยม “ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม” AF5 มาเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ถ่ายทอดเรื่องราวการใช้ชีวิตในครอบครัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยบริการ อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต จากทรูออนไลน์

ทั้งนี้ แพ็กเกจสุดแรงจากทรูออนไลน์ ครอบคลุมกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯและปริมณฑล เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น สงขลา ภูเก็ต ระยอง ชลบุรี อุบลราชธานี อุดรธานี ลำปาง นครสวรรค์ ราชบุรี สระบุรี ลำพูน พิษณุโลก อยุธยา และสุราษฎร์ธานี ให้นักท่องเน็ตอิสระไร้สายได้ทุกที่ในบ้าน เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ตอบโจทย์ผู้ต้องการความรวดเร็วในการเข้าถึงข่าวสาร สาระบันเทิง ดาวน์โหลด อัพโหลดข้อมูลทั้ง คลิป รูปภาพ เพลง หนัง เกม ไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งสามารถรับชมความบันเทิงแบบ Live Streaming ในระบบไฮเดฟินิชั่น (HD) ได้คมชัดไม่มีสะดุด

View :1431

“โชว์โนลิมิต” ทุ่มงบกว่า 12 ล้าน เนรมิตงานไทยแลนด์เกมโชว์ 2012 หวังสร้างอุตสาหกรรมเกมไทยสู่มาตรฐานโลก

January 14th, 2012 No comments

นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้ทุ่มงบกว่า 12 ล้านบาท เนรมิตงานไทยแลนด์เกมโชว์ 2012 ขึ้น ณ ฮอลล์ใหญ่ ไบเทค บางนา ด้วยพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เพื่อหวังเป็นที่พึ่งของพันธมิตรในอุตสาหกรรมเกมไทย เป็นสื่อที่มีความเป็นกลาง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง เพื่อเป็นส่วนช่วยในการผลักดันอุตสาหกรรมเกมไทยให้เป็นอุตสาหกรรมมาตรฐานระดับโลก

โดยในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเกมไทย สามารถประเมินตัวเลขคร่าวๆ อยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะตลาดเกมออนไลน์อย่างเดียว มีมูลค่าสูงถึง 5,000 ล้านบาท ด้วยกระแสการเติบโตอย่างต่อเนื่องมั่นใจว่าในปี 2012 นี้ตลาดรวมของเกมไทยจะมีอัตราการเติบโตขึ้นอีก 20% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

งานไทยแลนด์เกมโชว์ปีนี้ เป็นการรวมค่ายเกมชั้นนำตบเท้าร่วมงานอย่างพร้อมพรั่ง พร้อมการเปิดตัวเกมใหม่ล่าสุดมากมาย ด้วยจำนวนผู้ประกอบการค่ายเกมที่เข้าร่วมงานถึง 20 ค่ายเกม กว่า 100 เกมออนไลน์ ด้วยไฮไลท์ต่างๆที่น่าสนใจ ที่ผู้จัดตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตก้านคอบอยส์ ที่ผลิตดนตรีใหม่ในคอนเซ็ปต์โลก 8 บิต การแข่งขันโซนเซียนเกม พร้อมโชว์ความสามารถของนักเล่นเกมเก่งๆให้โลกได้ตะลึง มีนักพากย์ประดับประเทศมาพากย์การแข่งขันเกม และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย เพื่อนำบรรยากาศของความสนุกสนานกลับคืนมาให้เป็นของขวัญแก่เด็กๆ ในโอกาสวันเด็ก เป็นงานวันเด็กที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยของทุกปี ด้วยความน่าสนใจดังกล่าวมั่นใจว่าปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 150,000 คน

งานไทยแลนด์เกมโชว์ 2012 จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 – เสาร์ที่ 14 – และอาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2555 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา เวลา 10:00 – 20:00 น.

View :1445