Archive

Author Archive

ดีแทคขอโทษลูกค้าจากใจ พร้อมทุ่มเทเต็มที่เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา

January 13th, 2012 No comments

ดีแทคแสดงคำขอโทษลูกค้าจากใจจริงสำหรับเหตุบริการขัดข้องที่ผ่านมา พร้อมให้คำสัญญาว่าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากลูกค้ากลับคืนมา

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () กล่าวว่า “เราตระหนักดีว่าปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือคือส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ทั้งสำหรับการดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวัน เมื่อเราเกิดปัญหาและไม่สามารถให้บริการได้ตามความคาดหวังของลูกค้าและตามมาตรฐานของเรา เราก็ได้มีการพิจารณาทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดข้อผิดพลาดในอนาคต ในฐานะตัวแทนของพนักงานดีแทคทุกคน ผมขอกล่าวคำขอโทษจากใจจริงต่อเหตุขัดข้องที่เกิดขึ้น และให้สัญญาว่าจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากลูกค้ากลับคืนมา”

ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 ดีแทคได้ลงนามในสัญญากับบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อทำการยกระดับเครือข่าย 2 จี โดยมีแผนที่จะเปลี่ยนอุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมดที่ใช้มากว่า 18 ปีมาสู่การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดให้เสร็จสิ้นภายในสองปี ทั้งนี้ เพื่อสามารถให้บริการแก่ลูกค้าด้วยคุณภาพ ศักยภาพ และเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับบริการ 3 จีต่อไป นอกจากนั้น ดีแทคยังได้เตรียมมาตรการและขั้นตอนต่าง ๆ ไว้พร้อมเพื่อลดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อลูกค้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา ดีแทคประสบปัญหาบริการขัดข้องซึ่งเป็นผลจากการโยกย้ายฐานข้อมูล โดยสามารถวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาและทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเสร็จสิ้นไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต ดีแทคจึงตัดสินใจระงับการปรับปรุงในการยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ของบริษัทฯ เป็นการชั่วคราว เพื่อทบทวนขั้นตอนและกระบวนการทั้งหมด ตลอดจนเพื่อทบทวนแนวทางการออกแบบระบบเครือข่ายเพื่อให้รองรับรูปแบบการใช้งานใหม่ ๆ ของลูกค้าจากระแสความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนและบริการดาต้าที่เติบโตขึ้น

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ดีแทคประสบเหตุบริการขัดข้องอีกครั้งซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้าในจังหวัดภาคใต้บางส่วน และปัญหาได้ลุกลามยิ่งขึ้นเนื่องจากการโยกย้ายฐานข้อมูลดังที่กล่าวไปแล้ว เพื่อสามารถให้บริการกลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วที่สุด ทีมงานดีแทคและอีริคสันได้ทำการเปลี่ยนแปลงค่าตัวแปรบางอย่างซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้าบางส่วนในกรุงเทพฯ ดีแทคต้องขออภัยอย่างยิ่งต่อปัญหาที่เกิดขึ้นต่อลูกค้าในจังหวัดภาคใต้และลูกค้าในกรุงเทพฯ บางส่วน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2555 เครือข่ายเคเบิ้ลใยแก้วของดีแทคได้รับความเสียหายเนื่องจากเหตุจุดไฟเผาทุ่งหญ้าในจังหวัดเพชรบุรีและอุบัติเหตุรถยนต์ในปราณบุรี ส่งผลให้เกิดเหตุบริการขัดข้องในจังหวัดภาคใต้ โดยทีมงานซ่อมบำรุงฉุกเฉินของดีแทคสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที และเครือข่ายดีแทคสามารถกลับมาให้บริการได้เป็นปกติภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง

View :1478
Categories: Press/Release Tags:

แนวโน้มของผู้บริโภคที่จะได้รับความนิยมมากที่สุด 10 ประการในปี 2555

January 13th, 2012 No comments

Ericsson ConsumerLab จึงได้จำแนกแนวโน้มของผู้บริโภคที่จะได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 2555 และหลังจากนั้น แนวโน้มที่สำคัญบางประการ ได้แก่ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต (connectivity) จะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากเหมือนกับถนนและไฟฟ้า สื่อสังคมกำลังจะจำกัดความการรายงานข่าวใหม่ และใครๆ ก็สามารถเป็นผู้ให้บริการได้

ConsumerLab ค้นพบว่า เมื่อใดที่พวกเขาสามารถเชื่อมต่อได้แล้ว อินเตอร์เน็ตจะเป็นหนึ่งในสิ่งสุดท้ายที่บรรดาผู้บริโภคจะยกเลิก หากพวกเขาจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย

ConsumerLab ได้ทำการวิจัยเรื่องคุณค่า พฤติกรรมและวิธีการคิดของผู้คนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการด้าน ICT มาเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว โครงการวิจัยแบบทั่วโลกของบริษัทอีริคสันยึดตามการสัมภาษณ์รายบุคคล 100,000 รายในมากกว่า 40 ประเทศและในเมืองใหญ่มากกว่า 10 เมือง

ไมเคิล บจอร์น (Michael Björn) หัวหน้าฝ่ายวิจัยที่ ConsumerLab กล่าวว่า “ผู้บริโภคได้ใช้โปรแกรมประยุกต์ของสมาร์ทโฟนก็เปรียบเสมือนปลากับน้ำซึ่งขาดจากกันไม่ได้นั้นเอง ระบบสัมผัสและการเข้าถึงโดยตรงโดยผ่านไอคอนต่างๆ ทำให้ไม่รู้สึกถึงความซับซ้อนของการบริการอินเตอร์เน็ต และปัจจุบันผู้คนยินดีที่จะสำรวจเรื่องใหม่ๆ ในชีวิตประจำวันของพวกเขามากขึ้นในทุกๆเรื่องตั้งแต่ตำราอาหารจนถึงใบเสร็จรับเงิน ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ได้จากความสามารถในการเชื่อมต่อ เราเพิ่งเสร็จสิ้นการศึกษาในตลาดที่เกิดขึ้นใหม่ๆ และพบว่าแม้กระทั่งผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรกจะกลายเป็นผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการเชื่อมต่อกำลังกลายเป็นส่วนของกิจกรรมในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ”

ต่อไปนี้คือแนวโน้มของผู้บริโภคที่จะได้รับความนิยมมากที่สุด 10 ประการ

1. ความสามารถในการเชื่อมต่อจะมีบทบาทที่สำคัญที่สุด (Connectivity is king) ความสามารถในการเชื่อมต่อได้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากเหมือนกับอากาศที่เราหายใจ เมื่อใดก็ตามที่สามารถเชื่อมต่อได้แล้ว ผู้บริโภคกล่าวว่าอินเตอร์เน็ตจะเป็นหนึ่งในสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะยกเลิก หากพวกเขาจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย

2. ใครๆ ก็สามารถเป็นผู้ให้บริการได้ มีความต้องการบริการใหม่ๆ อย่างมาก อินเตอร์เน็ตทำให้ทั้งบรรดาบริษัทและผู้บริโภคสามารถคิดค้นโซลูชั่นใหม่ๆ เช่นโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ได้

3. สื่อสังคมจะจำกัดความการรายงานข่าวใหม่ สื่อสังคมผลักดันให้มีการบริโภครูปภาพ คลิปวิดีโอ และดนตรี และปัจจุบันสื่อสังคมยังได้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถพิจารณาตัดสินความสัมพันธ์กันของข่าวโดยการจัดหาคำวิจารณ์ทางสังคมที่จำเป็นอีกด้วย

4. โทรศัพท์มือถือมีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวัน บรรดาผู้บริโภคแสดงความสนใจเรื่องการบริการแบบเคลื่อนที่ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่หรือการบริการในท้องถิ่นโดยตรงอย่างมาก ในขณะที่ร้อยละ 90 ของเจ้าของสมาร์ทโฟนทั้งหมดกล่าวว่าพวกเขาพกพาสมาร์ทโฟนไว้กับตัวเสมอ แต่มีเพียงร้อยละ 80 เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขาพกเงินไว้เสมอ

5. ความโปร่งใสสำคัญกว่าความเป็นส่วนตัว ผู้คนกำลังเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างโปร่งใสและพวกเขาคาดหวังว่าบริษัทต่างๆและองค์กรอื่นๆจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสด้วย

6. ระบบ Cloud ทำให้ทุกสิ่งใช้งานได้ง่ายขึ้น การแบ่งปันข้อมูลและการมีอุปกรณ์หลายอย่างเชื่อมต่อกันตลอดเวลากำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับบรรดาผู้บริโภค ซึ่งส่งผลให้มีการแนะนำการบริการที่ยึดตามระบบ Cloud มากขึ้น ตัวผลักดันหลักสำหรับเรื่องนี้คือการใช้งานที่ง่ายดาย

7. ผู้หญิงจะผลักดันให้มีการนำสมาร์ทโฟนมาใช้ การศึกษาเรื่องผู้ใช้สมาร์ทโฟนในปี 2554 ของเราได้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ชายยังคงใช้เป็นกลุ่มที่ใช้บริการบนสมาร์ทโฟนที่แตกต่างจากที่มีอยู่ในท้องตลาด ในขณะที่มีผู้หญิงส่วนมากใช้บริการธรรมดาๆ เช่น การโทรด้วยเสียง การส่งข้อความสั้น (SMS) และเฟสบุ๊ก การผสมผสานการใช้ช่องทางการสื่อสารทั้งหมดลงในอุปกรณ์เดียวจะทำให้ผู้หญิงเป็นผู้ผลักดันให้มีการนำสมาร์ทโฟนมาใช้ในตลาดขนาดใหญ่

8. ทำให้การจับจ่ายใช้สอยง่ายยิ่งขึ้น การสำรวจของเราแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนร้อยละ 67 สนใจเรื่องการชำระเงินโดยผ่านโทรศัพท์มือถือ การชำระเงินไม่ควรเป็นเรื่องที่แยกโดดเดี่ยวต่างหากแต่ควรรวมเข้ากันเป็นบริบทของการจับจ่ายในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ คะแนนโบนัสสะสม ใบเสร็จรับเงินและเมื่อกระทั่งเครื่องนำทางการจับจ่ายในศูนย์การค้าในอาคาร

9. ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันได้ มีการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการรับส่งข้อมูล (mobile data) มากกว่าเพื่อการโทรศัพท์ในไตรมาสที่สี่ของปี 2552 และมากกว่าเพื่อการโทรศัพท์ถึงสองเท่าในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2554 บรรดาผู้บริโภคเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตและกับสิ่งต่างๆรอบๆตัวพวกเขามากขึ้น เช่น รถยนต์ เครื่องขายของอัตโนมัติ ตั๋วผ่านประตูและอื่นๆ

10. ช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงแน่นอน – บรรดาผู้บริโภคต่างแสวงหาการควบคุม ในช่วงเวลาที่ระบบเศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพหรือเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่นแผ่นดินไหว เราจะเห็นความสนใจในเรื่องการบริการที่เกี่ยวกับกับระบบสาธารณูปโภค เช่น น้ำและไฟฟ้าในหมู่ผู้บริโภคแบบใหม่ นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงเรื่องรายได้เพื่อการใช้จ่ายกำลังผลักดันให้มีผู้บริโภคต้องการการควบคุมการบริโภคบริการ

View :1475
Categories: Press/Release Tags:

ทรู ดิจิตอล พลัส นำไอแฟมิลี่ พลัส บุกตลาดร้านอินเทอร์เน็ต

January 13th, 2012 No comments

ผนึกพันธมิตรชั้นนำด้านการศึกษาจากเกาหลี บอนดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล
เปิดตัวหลักสูตรเรียนอังกฤษออนไลน์ ABC Reading Eggs
ย้ำจุดเด่นศูนย์รวมความรู้และความบันเทิงครบวงจร

เดินหน้าขยายธุรกิจ ร้านต้นแบบอินเทอร์เน็ตสีขาว ชูจุดเด่นศูนย์รวมความรู้และความบันเทิงสำหรับครอบครัวเต็มรูปแบบ ประกาศเสริมศักยภาพทางธุรกิจให้สมาชิกร้านอินเทอร์เน็ต 18,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมขยายตลาดแฟรนไชส์ ผนึกกำลัง บอนดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล (Bonding International) บริษัทชั้นนำด้านการศึกษาจากประเทศเกาหลี เปิดหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ABC Reading Eggs สำหรับเด็กปฐมวัย เปิดโลกเรียนรู้ เท่าเทียมและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา มั่นใจแนวคิดใหม่ที่แตกต่างของไอแฟมิลี่ พลัส ตอบโจทย์ตรงใจผู้ประกอบการและผู้สนใจลงทุนธุรกิจอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ได้อย่างแน่นอน

นายมานะ ประภากมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2555 ทรู ดิจิตอล พลัส เดินหน้าขยายธุรกิจ ไอแฟมิลี่ พลัส ซึ่งปัจจุบันมีร้านอินเทอร์เน็ตที่เป็นสมาชิกมากถึง 18,000 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งมีแผนขยายแฟรนไชส์ ไอแฟมิลี่ พลัส เพิ่มจากปัจจุบันที่มีจำนวน 3 สาขา คือ สุขุมวิท 71, เพียวเพลส รามคำแหง และศาลายา เป็น 15 สาขา ภายในสิ้นปี เน้นรูปแบบเน็ตคาเฟ่สีขาว เพื่อเป็นอีกหนึ่งคอมมิวนิตี้ให้สมาชิกทุกคนในครอบครัว สามารถทำกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายบนโลกออนไลน์ในสถานที่เดียวกัน ล่าสุด ผนึก บอนดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทชั้นนำด้านการศึกษาจากประเทศเกาหลี เปิดตัวหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ABC Reading Eggs เอาใจครอบครัวยุคใหม่ ตอกย้ำความโดดเด่นของธุรกิจ ไอแฟมิลี่ พลัส ที่มุ่งเน้นเป็นศูนย์รวมความรู้และความบันเทิงสำหรับครอบครัวเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย 4 โซน ภายใต้สินค้าและบริการคอนเวอร์เจนซ์ คือ
• Fun Zone บริการ ชั่วโมงอินเทอร์เน็ต และ เกมออนไลน์ในเครือทรูและค่ายเกมพันธมิตร
• Education Zone หลักสูตรการเรียนคอมพิวเตอร์ ICT-Genius สำหรับเด็ก จาก True Click Life • Service Zone บริการการรับชำระบิล และ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ จาก True Money Express • Café Zone บริการอาหารและเครื่องดื่ม จากสินค้าในเครือซีพีเฟรชมาร์ท

การเปิดตัวหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ABC Reading Eggs ครั้งนี้ นอกจากจะขยายช่องทางธุรกิจด้านสื่อการเรียนการสอนออนไลน์ให้กับบริษัทฯ เพิ่มเติมจากหลักสูตร “ICT Genius Program” ของ True Click Life ที่ให้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก โดยผสมผสานสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ไว้ด้วยกัน จนเป็นที่ยอมรับทั้งจากผู้ปกครอง และเด็กปฐมวัยแล้ว ยังตอบโจทย์เรื่องการเรียนรู้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ เหมาะสำหรับกลุ่มเด็กปฐมวัย เน้นการอ่าน การเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองผ่านออนไลน์ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงเท่าเทียมทุกที่ทุกเวลา ด้วยจุดเด่นของหลักสูตรที่เน้นความสนุกสนานผสมผสานเทคโนโลยี จะทำให้เด็กไทยเรียนรู้และเข้าใจภาษาอังกฤษได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษที่ถูกต้องและแตกฉานให้กับเด็กไทยอย่างแน่นอน

มิส ซูซาน คัง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บอนดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า หลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษ ABC Reading Eggs ได้รับลิขสิทธิ์จาก Blake Education จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมานานกว่า 10 ปี และกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง โดยปัจจุบันมีครูมากกว่า 2,000 คน และเด็กนักเรียนมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก ที่ใช้หลักสูตร ABC Reading Eggs เนื่องจากมีจุดเด่นด้านการสอนที่เน้นการออกเสียงและการอ่านสำหรับเด็กปฐมวัย สามารถเรียนรู้ได้จากตัวการ์ตูน เพลง และ เกมต่างๆ ที่บรรจุอย่างเข้มข้นอยู่ในหลักสูตร ด้วยความพร้อมของ ไอแฟมิลี่ พลัส ทำให้มั่นใจว่าการเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษ ABC Reading Eggs ในเมืองไทยครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งหลักสูตรนี้จะสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดทั้งเด็กปฐมวัยและครอบครัวยุคใหม่ การจับมือกับ ไอแฟมิลี่ พลัส มั่นใจว่า จะเพิ่มโอกาสการเรียนรู้และเข้าถึงกลุ่มเด็กและกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ ที่สนใจเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี ซึ่ง ไอแฟมิลี่ พลัส มีความพร้อมในฐานะศูนย์รวมความรู้และความบันเทิงครบวงจร

View :1628

ไทยแลนด์เกมโชว์ 2012 แข่งขันเกม FRUIT NINJA KINECT ดาราเด็ก พูกัน-นัดตะวัน โชว์เล่นก่อนแข่งจริง วันเด็กปีนี้ 13,14,15 มค.2555 นี้ ที่ไบเทค บางนา

January 13th, 2012 No comments

“ไทยแลนด์เกมโชว์ 2012” (TGS2012) ครั้งที่ 6 งานวันเด็กที่สนุกที่สุดในชีวิต ภายใต้คอนเซ็ปท์ The New Land จะจัดขึ้นในวันที่ 13-14-15 มกราคม 2555 รวมค่ายเกมชั้นนำ เปิดตัวเกมใหม่ล่าสุดมากมาย โดยปีนี้จัดในฮอลล์ใหญ่ของ ไบเทค บางนา ยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมา เพื่อรองรับผู้สนใจชมงานที่มากขึ้นทุกปี

โดยไฮไลท์ของงานจะมี Game Show เป็นการตบเท้ารวมเกมดังจากทุกค่ายเกมชั้นนำ ในรูปแบบแสงสีเสียงตระการตา Zone Zean Game ลานประลองเกมคอนโซลที่เกมเมอร์รอคอย ชมการแข่งขันพร้อมการบรรยายสดจากนักพากย์ระดับประเทศ พบเกมดังบนเครื่อง PlayStation3, Xbox360 และสนุกกับเกมย้อนยุคบนเครื่อง Famicom รวมทั้งเกมอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งนี้ในโซนเซียนเกม จะมีการแข่งขันเกมต่างๆ มากมาย อาทิการแข่งขันเกม FRUIT NINJA KINECT จากเกมสุดฮอต Fruit Ninja บน iPad – iPhone มาเป็น Fruit Ninja Kinect บน เครื่อง Xbox360 โดย คินเน็คท์ เป็นสุดยอดเกม Xbox ที่ผู้เล่นสามารถเล่นเกมได้ด้วยวิธีการออกท่าทางของร่างกายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์บังคับหรือสัมผัสหน้าจอ จับเกมยอดฮิตแห่งปีบนไอแพด “ฟรุตนินจา” มาเป็น “ฟรุตนินจา คินเน็คท์” (Fruit Ninja Kinect) โดยมีดาราเด็กชื่อดัง น้องพูกัน นัดตะวัน ศักดิ์ศิริ มาในชุดนินจาฮาโตริ โชว์การเล่นเกม ฟรุตนินจา คินเน็คท์ ให้ชมก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น
ซึ่งมีกฎ-กติกาการแข่งขันออกมาแล้ว ดังนี้คือ

FRUIT NINJA KINECT
เครื่องที่ใช้: XBOX360 พร้อมติดตั้ง Kinect กติกาในการแข่งขัน รอบคัดเลือก
1. แข่งในโหมด Arcade
2. ใช้เวลาในการแข่งขัน 1 นาที
3. เมื่อเล่นจบเกม ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแจ้งให้ทีมงานทราบทันทีเพื่อทำการบันทึกผลคะแนน หากผู้เล่นกดปิดหน้าแสดงผลคะแนนไป ถือว่าผลการแข่งขันนั้นเป็นโมฆะ
4. ระยะเวลาการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 13-14 มกราคม
5. ผู้เล่นที่สามารถทำคะแนนได้มากที่สุดจะได้เป็นผู้ชนะ และจะได้ขึ้นเล่นโชว์ฝีมือบนเวทีในวันที่ 15 มกราคม

View :2763

บูธ SiPA โชว์เทคโนโลยีดิจิตอลยุคใหม่ ฝีมือคนไทย สะท้อนแนวคิด “ซอฟต์แวร์ไทย หัวใจเศรษฐกิจ”

January 13th, 2012 No comments

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้กำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมายกรอบนโยบาย ICT 2020 ไว้ว่า “ICT เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการนำพาคนไทย สู่ความรู้และปัญญา เศรษฐกิจไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สังคมไทยสู่ความเสมอภาค” โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ICT ความเร็วสูงที่ประชาชนสามารถเข้าถึงโดยเท่าเทียมกัน สร้างทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพให้เพียงพอต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจฐานบริการและฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญได้กำหนดให้มีการเพิ่มบทบาทและความสำคัญของอุตสาหกรรม ICTต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มของอุสาหกรรม ICT (รวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์) ต่อ GDP ไม่น้อยกว่าร้อยละ 18

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นหน่วยงานหลักในการวางแผนและกำหนดนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศให้สอดคล้องกับแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ สนับสนุนการค้นคว้าวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี จัดให้มีกฎ ระเบียบ มาตรการที่จำเป็นต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ส่งเสริมให้เกิดการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับซอฟต์แวร์ รวมทั้งเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานและแก้ปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการทางด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ให้มีบริการแบบเบ็ดเสร็จ

โดย นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวเปิดบูธโชว์ศักยภาพทางด้านซอฟต์แวร์ในงาน ว่า “การจะดำเนินกิจการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสำนักงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้และสร้างความเจริญให้กับประเทศ ผู้ประกอบการ/ผู้ขายสามารถดำเนินกิจการอยู่ได้ ผู้ซื้อมีความพึงพอใจและเชื่อมั่นในสินค้าและบริการที่เป็นซอฟต์แวร์ไทย เพื่อให้แผนยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของสำนักงานฯ สามารถสนองตอบต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม”

นอกจากนี้ ยังมี ดร. ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวย้ำถึงนโยบายหลัก ๆ ว่า “ จะนำพาประเทศไทยสู่เวทีซอฟต์แวร์โลก

(Stage Thailand as a Global Player in Software Industry)” สำนักงานฯจึงได้เข้าร่วมจัดงานแสดงผลงานด้านซอฟต์แวร์ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ในงาน BOI Fair 2011 ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยทำให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย บรรลุถึงเป้าหมายที่สำคัญในหลายประการ เพื่อสร้างการยอมรับถึงศักยภาพและความสามารถของผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไทย ให้เกิดกับภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI และกับประชาชนชาวไทยที่เข้าชมงานจำนวนหลายล้านคนได้ในเวลาเดียวกัน เพื่อสร้างโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ได้พบปะและเจรจาทางธุรกิจกับผู้บริหารของผู้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่ร่วมจัดงานในครั้งนี้ ตามช่วงเวลาที่กำหนดนัดหมาย และเพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ต่อความสำเร็จของการสร้างผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ไทยกรณีต่างๆ โดยการจัดการประชุมสัมมนา ให้กับผู้ประกอบการซอฟต์แวร์และผู้สนใจทั่วไป ตลอดการจัดงาน” และได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ซิป้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเข้าร่วมงาน BOI Fair 2011 ในครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆที่เป็นศักยภาพของประเทศ”

โดยการแสดงในบูธนั้นได้สะท้อนแนวความคิดในการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับการใช้งาน รวมทั้งยังยกย่องนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถ ที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติจาก SIPA อีกด้วย นอกจากนี้ยังแสดงศักยภาพผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเทคโนโลยีทัชสกรีน อินเตอร์แรกทีฟ มัลติทัช และฮาโรแกรมเป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนา โดยฝีมือคนไทย ที่ถูกนำมาใช้ในการถ่ายทอดเนื้อหาตามจุดแสดงต่างๆ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ กว่า 50 ราย รายได้เข้าร่วมแสดง นิทรรศการภายในบริเวณงานด้วย โดยแบ่งออกเป็น 4 โซน คือ โซนเพลินใจ โซนตั้งใจ โซนภูมิใจ และโซนได้ใจ

ภายในงานยังได้จัดให้มีการเสวนาทางธุรกิจให้ความรู้จากบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในวงการไอที ทั้งในและต่างประเทศ มาแนะแนวทางและให้ความรู้กับผู้ประกอบการ รวมทั้งยังมีการจัดเจรจาทางธุรกิจ เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และต่อยอดผลงาน การผลิตซอฟต์แวร์ ที่จะนำไปใช้กับอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ โดยการลดต้นทุนการนำเข้าซอฟต์แวร์ จากต่างประเทศ และขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต ด้วยความร่วมมือของคนไทยด้วยกันเอง

นับเป็นครั้งแรกที่ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA ได้เข้าร่วมเปิดบูธโชว์ศักยภาพทางด้านซอฟต์แวร์ในงาน BOI FAIR 2011 ระหว่างวันที่ 5-13 มกราคม 2555 ภายในอาคารชาแลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

View :2356

สวทช./ก.วิทย์ฯ แจกพริกขี้หนูอวกาศ ให้ 14 โรงเรียน เพื่อนำไปทดลองปลูกเปรียบเทียบกับเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้ส่งขึ้นไป

January 13th, 2012 No comments


ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีมอบเมล็ดพันธุ์พริกขี้หนูจากอวกาศ ในโครงการ Space Seed for Asian Future 2010-2011 ให้กับคณะครู-นักเรียน 14 โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อนำกลับไปทำการทดลองปลูกเปรียบเทียบกับเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้ส่งขึ้นไปอวกาศ ซึ่งเมล็ดพันธุ์พริกขี้หนูไทยดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังอวกาศ และโคจรรอบโลกนานกว่า 4 เดือน

ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ขอ ชื่นชมคณะนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Space Seed for Asian Future โดยหวังว่าทุกท่านจะสามารถนำเมล็ดพันธุ์พริกจากอวกาศนี้ ไปทำการทดลอง พัฒนาความรู้ต่อยอด อันเป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและสังคม ทั้งนี้ โครงการมอบเมล็ดพันธุ์เมล็ดพริกจากอวกาศเพื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์แก่เยาวชน ประกอบด้วยคณะครูและนักเรียนจาก 14 โรงเรียน ได้แก่ ร.ร.ประชาวิทย์ จ.ลำปาง,ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม,ร.ร.ผ่องสุวรรณวิทยา สายไหม กรุงเทพฯ,สาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น (2),ร.ร.ไม้ยาวิทยาคม จ.เชียงราย,ร.ร.หนองเต่าวิทยา จ.อุทัยธานี, ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กรุงเทพฯ,ร.ร.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ (2),ร.ร.จุฬาภรณราชวิทยาลัยบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์,ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ,ร.ร.เทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ,ด.ช.อินทัช บรูเซอร์แฟนเกอร์โน จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ทุกคน จะได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่หลากหลายต่อกัน และขอชื่นชม สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้ให้การสนับสนุนการจัดส่งเมล็ดพันธุ์พริกขี้หนูของไทย ขึ้นไปโคจรในอวกาศ ซึ่งนอกจากเป็นการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทย ยังเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศ เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลกในด้านเทคโนโลยีอวกาศ อันจะได้มีโครงการอื่นๆ อย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม โครงการฯ นี้ จะสมบูรณ์แบบ และมีส่วนร่วมโดยประชาชนชาวไทยมากยิ่งขึ้น หากได้รับการสนับสนุนจากสื่อมวลชนทุกท่าน ในการเผยแพร่ข้อมูลและผลการดำเนินโครงการนี้ รวมทั้งโครงการต่อเนื่องอื่นๆ ที่จะมีอีกต่อไปสู่สาธารณชน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์กับสังคมไทยโดยรวมต่อไปในอนาคต และหวังว่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะสามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถ และนำประโยชน์ที่ได้จากประสบการณ์ครั้งนี้ ซึ่งยากจะหาได้จากโครงการใด ไปพัฒนาตนเองให้เป็นบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคนสำคัญของประเทศต่อไป

ด้าน ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( สวทช. ) กล่าวว่า สวทช. ได้รับการติดต่อจากสำนักงานการสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ JAXA (Japan Aerospace Exploration Agency) ว่า จรวดเอชทีวี 2 ซึ่งเป็นจรวดขนส่งสัมภาระของ JAXA ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ยังมีพื้นที่ว่าง และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่ได้สิทธิในการส่งสัมภาระไม่เกิน 100 กรัม ขึ้นไปโคจรในอวกาศเป็นครั้งที่สอง โดยในครั้งนี้ เราได้ส่งเมล็ดพันธุ์พริกขี้หนูของไทยไปกับจรวดเอชทีวี 2 ซึ่งถูกยิงจากฐานปล่อยจรวดทาเนกะชิมะ (Tanegashima) ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2554 โดยเมล็ดพันธุ์ดังกล่าวโคจรรอบโลกเป็นเวลานานกว่า 4 เดือน และได้เดินทางกลับสู่พื้นโลกพร้อมกับกระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์ (Endeavour) ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ NASA เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งเที่ยวบินดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของยานกระสวยอวกาศ และยานเอนเดฟเวอร์ก็เป็นยานกระสวยอวกาศลำสุดท้ายของชุดยานดังกล่าว โดยมีเที่ยวบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2535 หรือเมื่อ 19 ปีที่แล้ว และเป็นยานลำแรกที่นำชิ้นส่วนของสถานีอวกาศนานาชาติหรือ ISS ส่วนที่เป็นของสหรัฐอเมริกา ขึ้นไปก่อสร้างอีกด้วย และภายใน ISS ลำนี้มีเมล็ดพันธุ์พริกขี้หนูจากประเทศไทยได้ขึ้นไปโคจรรอบโลกอยู่นานกว่า 4 เดือน โดยชื่อ “เอนเดฟเวอร์” ของยานกระสวยอวกาศลำนี้ ได้มาจากชื่อเรือสำรวจของกัปตันเจมส์ คุก นักสำรวจชาวอังกฤษ ผู้โด่งดังนั่นเอง

สวทช. ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่วิจัย รวมทั้งสนับสนุนและผลักดันองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชนกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ จึงได้จัดตั้งโครงการเมล็ดพันธุ์พริกจากอวกาศเพื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์แก่เยาวชนขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ อีกทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนของเราได้มีโอกาสร่วมในงานวิทยาศาสตร์สาขาสำคัญของโลก คือวิทยาศาสตร์อวกาศ สวทช. ได้พิจารณาข้อเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พริกจากอวกาศที่ส่งมาจากนักเรียนผู้สนใจทั่วประเทศ ซึ่งในวันนี้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 14 โครงงานได้มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว และหวังว่าผู้ได้รับคัดเลือกทุกคน จะได้ประสบการณ์อันล้ำค่าจากการเข้าร่วมโครงนี้ รวมทั้งได้พัฒนาศักยภาพของตนเองยิ่งๆ ขึ้นไป จนสามารถประสบความสำเร็จ และได้เป็นบุคลากรอันทรงคุณค่าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ โครงการ Thailand Zero-Gravity Experiment เปิดรับสมัครผลงานด้านวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ 2555 นี้ เพื่อวัตถุประสงค์กระตุ้นให้นักวิจัย นักเรียน และนักศึกษา ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนางานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอวกาศของไทย ได้ร่วมส่งงานวิจัยขึ้นไปทดลองบนสถานีอวกาศนานาชาติ และขึ้นทำการทดลองในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำบนเที่ยวบินพาราโบลิก

View :2003
Categories: Press/Release Tags:

แอพจากมหาวิทยาลัยไทยสร้างยอดดาวน์โหลดทะลุเป้าบน Nokia Store

January 7th, 2012 No comments

โนเกียเผยแอพพลิเคชั่นซึ่งพัฒนาโดยนักพัฒนาจากมหาวิทยาลัยไทยมีจำนวนการดาวน์โหลดจากผู้ใช้โนเกียทั่วโลกทะลุเป้าที่วางไว้หลังจากเปิดให้ดาวน์โหลดบน แสดงถึงศักยภาพ ของนักพัฒนารุ่นใหม่ของไทย โดยหนึ่งในแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100,000 ครั้งในช่วงระยะเวลาอันสั้น

แอพพลิเคชั่นเหล่านี้เป็นผลงานจากโครงการ Tap That App ซึ่งโนเกียได้ริเริ่มขึ้น ถือเป็นโครงการนำร่องของวงการเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายที่สนับสนุนระบบนิเวศน์นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นของไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความมคิดสร้างสรรค์ของนักพัฒนาแอพรุ่นใหม่ในระดับมหาวิทยาลัย โดยโนเกียได้จัดตั้ง Mobile Innosphere Center ขึ้นในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่สำหรับนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย หลังจากการฝึกอบรม แอพพลิเคชั่นที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการเผยแพร่บน Nokia Store เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือโนเกียทั่วโลกได้ดาวน์โหลด

มร.แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ โนเกียได้ผนวกเทคโนโลยีล้ำยุคเข้ากับการสร้างสรรค์บริการที่ปรับได้ตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน พร้อมปลูกฝังวัฒนธรรมด้านการคิดค้นนวัตกรรม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้บริโภค เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นผลงานของแอพไทยบน Nokia Store ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักพัฒนารุ่นใหม่ของไทย โดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในแอพจากทีมมหาวิทยาลัยไทยมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100,000 ครั้ง แน่นอนว่าเราจะยังคงติดตามพัฒนาการของนักพัฒนาแอพรุ่นใหม่เหล่านี้ต่อไป”

แอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดซึ่งสร้างสรรค์โดยนักศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่

WatchDoggy แอพที่มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100,000 ครั้ง สร้างสรรค์โดยทีมนักพัฒนาจากมหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ เป็นแอพพลิเคชั่นที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ โดยให้คุณสามารถเห็นภาพสดๆ จากกล้องวงจรปิดบนระบบอินเตอร์เน็ต (IP camera) ซึ่งคุณสามารถเพิ่มกล้องใหม่ แก้ไขกล้องเก่า และลบกล้องเดิมออกไปได้

Tilt Blocks Gravity เป็นเกมต่อบล็อคสีแบบใหม่ไม่เหมือนใคร โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของจักรวาล ด้วยการหมุนโทรศัพท์มือถือของคุณไปมา เพื่อแยกและเรียงบล็อคสี และต่อสู้กับระดับแรงโน้มถ่วงที่มีผลต่อบล็อคที่ตกลงมา

MiniMatch เป็นเกมจับคู่ภาพที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว มีรูปภาพมากกว่า 6 รูปอยู่ในแต่ละขั้นของเกม ซึ่งคุณต้องค้นหาให้เจอ แล้วจับคู่ภาพเพื่อทะลุไปสู่ขั้นต่อไป

Wheresphone เป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาโทรศัพท์มือถือได้โดยการบันทึกเสียงไว้ใช้ในกรณีที่คุณหาโทรศัพท์ที่คุณวางไว้ในบริเวณที่คุณอยู่ไม่เจอ
Check My Lung แอพพลิเคชั่นสำหรับช่วยวินิจฉัยสุขภาพปอด ใช้ได้ทั้งผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ แอพนี้ประกอบด้วยระบบตรวจสอบสุขภาพปอด และระบบทดสอบประสิทธิภาพปอด ใช้งานง่าย ใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา

ส่วนแอพอื่นๆ ที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ Survival Fish, MPetz, Finger Mad Game และ Go Went Gone

โนเกียวางแผนจะดำเนินโครงการ Tap That App อย่างต่อเนื่องโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนักพัฒนาเลือดใหม่ของไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลกและสร้างรายได้กลับสู่ประเทศ

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฝีมือนักพัฒนารุ่นใหม่ของไทยได้ที่ www.nokia.com

View :1361

เอชพียึดหัวหาดครองตำแหน่งผู้นำจากรายงานการวิเคราะห์ด้านการจัดการด้านงานพิมพ์ (Managed Print Services) MarketScape ของไอดีซี

January 7th, 2012 No comments

เอชพีผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมการพิมพ์เปิดเผยว่าไอดีซี บริษัทวิจัยชั้นนำ ยกย่องให้เอชพีครองตำแหน่งผู้นำ จากการศึกษา IDC MarketScape: Worldwide Managed Print Services 2011 Hardcopy Vendor Analysis Study ซึ่งเป็นการศึกษาวิเคราะห์ผู้จำหน่ายที่ให้บริการจัดการด้านงานพิมพ์ (Managed Print Services) ทั่วโลกประจำปี 2554

ทั้งนี้ ไอดีซี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลวิจัยด้านไอทีอิสระระดับโลก ได้เสร็จสิ้นการประเมินผู้จำหน่ายหลายๆ ราย พร้อมระบุว่าบริการจัดการ ด้านงานพิมพ์ (MPS) ของเอชพียังคงครองความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับคะแนนประเมินสูงในด้านทิศทางเชิงกลยุทธ์ และการนำเสนอสมรรถนะการใช้งานต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการ

รายงานฉบับดังกล่าวยังได้บ่งชี้ว่าความเป็นผู้นำตลาดของเอชพีสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์อันครอบคลุมของบริษัทในการนำเสนอประสบการณ์การใช้งาน แบบครบวงจรทั่วทั้งสำนักงาน การผลิตนอกสถานที่ (onsite production) สภาพแวดล้อมการใช้งานภาพและการพิมพ์ภายนอกองค์กร โดยชุดผลิตภัณฑ์อันครบครันของเอชพีโดดเด่นด้วยโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมทั้งคุณสมบัติพิเศษต่างๆ อาทิ ePrint, Open Extensibility Platform (OXP) และ FutureSmart นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้งานสามารถอัพเดท จัดการ รวมทั้งขยายสมรรถนะการใช้งานของเครื่องพิมพ์ แบบมัลติฟังก์ชั่น (MFPs) และเครื่องพิมพ์อื่นๆ ของตนเองได้อย่างง่ายดายโดยใช้โซลูชั่นและแอพพลิเคชั่นอันล้ำสมัย และสามารถสั่งพิมพ์ได้อย่างสะดวก แม้อยู่นอกสถานที่ก็ตาม

มร.ปิแอร์ เมียร์เลสส์ รองประธาน ฝ่ายจัดการโซลูชั่นสำหรับกลุ่มลูกค้าเอ็นเตอร์ไพรซ์ กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ความสามารถในการช่วยให้ผู้คนทำงานแบบโมบายล์นอกสถานที่ได้ และการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการพิมพ์ที่มีความปลอดภัยและยั่งยืน ถือเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตสำคัญ ในอุตสาหกรรมการจัดการด้านงานพิมพ์ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากมองไป ข้างหน้านั้น ความเป็นผู้นำจะถูกนิยามโดยความสามารถในการเป็นพันธมิตรในการให้คำปรึกษาที่มุ่งเน้นในการลดความซับซ้อนของขั้นตอนทางธุรกิจ รวมทั้งการจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการพิมพ์ขนาดใหญ่ขึ้น”

นอกเหนือจากโมเดลการจัดการด้านงานพิมพ์ระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์โดยตรงของเอชพีในปัจจุบันแล้ว การที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของ Printelligent ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการจัดการด้านการพิมพ์นั้น ยังช่วยให้เอชพีสามารถต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายการเข้าถึง และสามารถนำเสนอการขาย บริการ และความชำนาญด้านการจัดการการพิมพ์ระดับโลกไปสู่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กผ่านพันธมิตรคู่ค้าที่ได้รับการคัดสรรให้สามารถปรับระดับการเข้าร่วมในธุรกิจได้

แองเจเล บอยด์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Imaging/Output Document Solutions and Small and Medium Business ของไอดีซีกล่าวว่า “เอชพีเป็นผู้นำในตลาดการจัดการด้านงานพิมพ์ระดับโลก ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอันทรงประสิทธิภาพ โดยรวมไปถึงแนวทางในด้านให้คำปรึกษาเพื่อสร้างความเหมาะสมให้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการพิมพ์และเอกสารของลูกค้า ครอบคลุมไปถึงสภาพแวดล้อมการใช้งานทั้งแบบกระจาย และแบบรวมศูนย์ และธุรกิจเอสเอ็มบีไปจนถึงระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ โดยเอชพีสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการพิมพ์ งานด้านภาพและเอกสาร ภายในองค์กรได้อย่างครบครัน โดยมุ่งเน้นอย่างจริงจังในด้านเวิร์กโฟลว์งานที่เน้นการใช้งานเอกสารสูงในอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน

View :1367
Categories: Press/Release Tags:

ไอบีเอ็มครองแชมป์ผู้นำตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรในอาเซียน ไตรมาส 3 ปี 2554

January 7th, 2012 No comments

ไอบีเอ็มครองส่วนแบ่งตลาดรายได้เซิร์ฟเวอร์โดยรวมอันดับ 1 ในไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ช่วงไตรมาส 3 ปี 2554

ไอบีเอ็มเปิดเผยว่าบริษัทฯ ยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำอย่างต่อเนื่องในตลาดเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรของอาเซียน โดยครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้อย่างแข็งแกร่ง ตามข้อมูลรายงานจากไอดีซี บริษัทวิเคราะห์รายใหญ่

รายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์รายไตรมาสในเอเซียแปซิฟิคของไอดีซีระบุว่า ไอบีเอ็มครองอันดับ 1 ในอาเซียนจาก non-x86 หรือยูนิกซ์เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่สถาปัตยกรรม x86 ด้วย 59.1 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งขับเคลื่อนด้วย IBM Power Systems™และ System z servers รวมถึงส่วนแบ่ง 78.8 เปอร์เซ็นต์ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร

สำหรับประเทศไทย ไอบีเอ็มเป็นผู้จำหน่ายเซิร์ฟเวอร์อันดับ 1 โดยครองส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้เซิร์ฟเวอร์โดยรวมสูงถึง 44 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ส่งผลให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งรายได้จากตลาดเซิร์ฟเวอร์โดยรวมสูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 15.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2554

นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2554 สำหรับ:
➢ ตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรระดับไฮเอนด์ (เซิร์ฟเวอร์ระดับราคา 250,000 ดอลลาร์ขึ้นไป) ด้วยส่วนแบ่งรายได้ 82.1% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 67.9 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว)
➢ ตลาดเซิร์ฟเวอร์ RISC/EPIC ด้วยส่วนแบ่งรายได้ 45% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 15.3 เปอร์เซ็นต์)
➢ ส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้จากยูนิกซ์เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่สถาปัตยกรรม x86 อยู่ที่ 45.5 เปอร์เซ็นต์ (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 16.5 เปอร์เซ็นต์)
➢ ส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้จากลีนุกซ์เซิร์ฟเวอร์ อยู่ที่ 42.3 เปอร์เซ็นต์ (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ราว 12.3 เปอร์เซ็นต์)

นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังรายงานความสำเร็จในตลาดใหม่ๆ ในประเทศไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยเป็นผลมาจากความสนใจและความสำเร็จใน Smarter Computing ซึ่งหมายถึงสถาปัตยกรรมอัจฉริยะที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก เพิ่มขีดความสามารถทางด้านไอที และนำเสนอบริการใหม่ๆ ได้รวดเร็วกว่า เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ก่อให้เกิดกำไรอย่างแท้จริง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้แนะนำแนวทาง Smarter Computing สำหรับการพัฒนาปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และสมรรถนะ โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แนวทางดังกล่าวประกอบด้วยสามแง่มุมหลัก ได้แก่ การใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลในการรองรับเป้าหมายทางธุรกิจ การใช้ระบบที่ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับงานที่เฉพาะเจาะจง และการบริหารจัดการระบบไอทีอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง

ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย


ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “การที่เรารั้งตำแหน่งผู้นำอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการลงทุนในระบบที่หลากหลายและเทคโนโลยีชั้นนำ โดยเรามุ่งมั่นผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรม การเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับขนาด และการปรับปรุงประสิทธิภาพ ขณะที่คู่แข่งบางรายขาดความชัดเจนในเรื่องของทิศทางการดำเนินงาน แต่ไอบีเอ็มยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตและสร้างสรรค์นวัตกรรมให้แก่ลูกค้าของเรา ขณะที่เศรษฐกิจของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าจึงไว้วางใจให้ไอบีเอ็มช่วยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้ทันสมัย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการเติบโตในอนาคต ไอบีเอ็มดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อค้นหาหนทางใหม่ๆ ในการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ลูกค้า เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือลูกค้า เราจึงพยายามที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ปรับขนาดได้อย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดการใช้พลังงาน เพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ลูกค้าและเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน”

ที่มา: รายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์รายไตรมาสทั่วโลกและเอเซียแปซิฟิคของไอดีซี, ธันวาคม 2554

View :1340
Categories: Press/Release, Technology Tags:

ดีแทคเยียวยาลูกค้าภาคใต้ หลังชุมสายขัดข้อง 3 ชั่วโมง

January 7th, 2012 No comments

ประกาศชดเชยค่าบริการ 48 ชั่วโมง ให้แก่ลูกค้าจำนวน 1.8 ล้านราย ในพื้นที่เจ็ดจังหวัดภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีบริการขัดข้องที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองในช่วงสามอาทิตย์ที่ผ่านมา

ดร. ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีแทค กล่าวว่า บริษัทฯ จะทำการชดเชยค่าบริการในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง ให้แก่ลูกค้าจำนวน 1.8 ล้านราย ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีบริการขัดข้องที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ในช่วงเย็นของวันที่ 5 มกราคมนี้ โดยแบ่งเป็นลูกค้าจำนวนประมาณ 9 แสนรายในเจ็ดจังหวัดภาคใต้ คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต และพังงา รวมทั้งลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งในพื้นที่บางส่วนของประเทศซึ่งได้รับผลกระทบ

บริการที่ขัดข้องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 15.30 น. บริษัทฯ พบว่าชุมสาย (MSC) ของบริษัทฯ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีประสิทธิภาพที่ลดลง และอัตราความสำเร็จในการเชื่อมต่อของลูกค้าในพื้นที่ดังกล่าวลดลงมาอยู่ระดับร้อยละ 50-60 ปัญหาที่เกิดขึ้น นำไปสู่การเกิดภาวะการจราจรหนาแน่นในระบบของบริษัทฯ และส่งผลให้ลูกค้าดีแทคจำนวน 1.8 ล้านราย ประสบปัญหาในการโทรออกหรือรับสายเข้า

ทีมงานเทคโนโลยีของบริษัทฯ สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ในเวลาประมาณ 18.45 น. และสถานการณ์ได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ในเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันเดียวกัน โดยอัตราความสำเร็จในการเชื่อมต่อของลูกค้าอยู่ที่ร้อยละ 98-99 ซึ่งเป็นระดับปกติ

“ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์เฉพาะ และเกิดขึ้นในขั้นตอนของการปรับปรุงระดับมาตรฐานอุปกรณ์ของบริษัทฯ คณะผู้บริหารและพนักงานของดีแทคกราบขออภัยต่อลูกค้าสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดีแทค ยินดีรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะชดเชยลูกค้าสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นต่อไป”ดร. ดามพ์ กล่าว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทางดีแทคจะทำการชดเชยค่าบริการให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว จำนวน 1.8 ล้านราย ภายในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง โดยเริ่มต้นในช่วงระหว่างเวลา 12.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม จนถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 6 มกราคม 2555

ดร. ดามพ์ กล่าวต่อว่า “ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขัดข้องในบริการขึ้นอีก ดีแทคได้ตัดสินใจที่จะระงับการปรับปรุงในการยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ของบริษัทฯ เป็นการชั่วคราว และจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดหาอุปกรณ์ให้กับบริษัทฯ ในการที่จะทบทวนขั้นตอนและกระบวนการทั้งหมดในการปรับปรุงยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์โดยด่วนต่อไป การตัดสินใจในครั้งนี้อาจทำให้แผนงานยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ของดีแทคล่าช้าไปบ้าง อย่างไรก็ดี การตัดสินใจจะช่วยให้ดีแทคสามารถลดความเสี่ยงในการที่จะเกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต และในระยะยาว จะสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าได้”

“จากสถานการณ์ทั้งสองครั้งที่เกิดขึ้นนี้ เราตระหนักดีว่าจะต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะสร้างความมั่นใจของลูกค้าของเราให้กลับคืนมา ดังนั้น คณะผู้บริหารและพนักงานของดีแทค ขอตั้งปณิธานว่าเราจะใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก และที่สำคัญคือ เราจะใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา ดีแทคใคร่กราบขออภัยมายังลูกค้าทั้งหมดอีกครั้ง ณ ที่นี้” ดร. ดามพ์กล่าวในที่สุด

View :1612