Archive

Author Archive

กระทรวงไอซีที ร่วมประชุมสภาบริหารของสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก

August 12th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีที ได้เข้าร่วมการประชุมสภาบริหารของสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2554 หรือ 2011 Asian Pacific Postal Union Executive Council Meetings () ณ กรุงอูลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย

“APPU EC Meetings เป็นการประชุมประจำปีของสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการบริหารและการปฏิบัติการไปรษณีย์ในภูมิภาค รวมทั้งการงบประมาณของสหภาพฯ และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการไปรษณีย์ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการของสหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union – UPU)” นางจีราวรรณ กล่าว

โดยการประชุมฯ ครั้งนี้ประกอบด้วย การประชุมเต็มคณะ การประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานด้านต่างๆ รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการบริหาร (Governing Board: GB) ของวิทยาลัยการไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asian Pacific Postal College: APPC) ซึ่งปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย เป็นประธานกรรมการฯ โดยจะมีการนำผลการประชุมเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก (APPU Congress) ในการประชุม APPU Congress สมัยที่ 11 ซึ่งกำหนดจะจัดให้มีขึ้นในปี 2555 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย

สำหรับสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิกนั้น ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 32 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย บังคลาเทศ ภูฏาน บรูไน ดารุส-ซาลาม กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน ฟิจิ อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น ลาว สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย มัลดีฟส์ มองโกเลีย พม่า นาอูรู เนปาล นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ปาปัวนิวกินี ฟิลิปปินส์ ซามัว สิงคโปร์ หมู่เกาะโซโลมอน ศรีลังกา ไทย ตองกา วานูอาตู และเวียดนาม

View :1449

ก.ไอซีที เปิดตัวเว็บท่า www.pwdsthai.com สำหรับคนพิการ เพื่อบูรณาการข้อมูลสู่สังคมแห่งความเท่าเทียม

August 11th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการเปิดใช้งานเว็บท่าสำหรับคนพิการ ว่า กระทรวงไอซีทีมีนโยบาย ส่งเสริม สนับสนุนสังคมแห่งการเรียนรู้ให้กับคนพิการ เพื่อความเท่าเทียมกันในสังคม ด้วยการพัฒนาเว็บท่า (Web Portal) สำหรับคนพิการ ในชื่อว่า เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ เป็นศูนย์กลางบริการข้อมูลให้คนพิการ ได้นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพ

“เว็บท่าสำหรับคนพิการนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส สามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร องค์ความรู้ เพื่อประโยชน์ในการศึกษา การใช้ชีวิตประจำวัน การประกอบอาชีพ รวมถึงสิทธิและการมีส่วนร่วมในสังคม ตลอดจนเพื่อสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างกลุ่มคนพิการกับหน่วยงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็ว” นางจีราวรรณ กล่าว

สำหรับจุดเด่นของเว็บท่าสำหรับคนพิการ คือ เป็นเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วยเทคนิค TWCAG 2.0 เพื่อให้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ โดยรวบรวมข้อมูลจัดทำเป็นลักษณะ One Stop Service เช่น ข่าวสารแวดวงคนพิการ ความรู้เกี่ยวกับคนพิการ สถิติข้อมูลคนพิการ สุขภาพกายและจิตใจของคนพิการ บริการด้านการศึกษาของคนพิการ บริการด้านอาชีพของคนพิการ บริการด้านกีฬาและนันทนาการของคนพิการ บริการด้านสังคมของคนพิการ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ระบบให้ – ยืมคืนอุปกรณ์เครื่องมือ ระบบจัดเก็บข้อมูลครุภัณฑ์คนพิการที่ดำเนินการติดตั้ง ณ ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เป็นต้น

“นอกจากนั้น เพื่อให้สอดรับกับการออกกฎกระทรวงฯ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสารและบริการสื่อสาธารณะ สำหรับคนพิการ พ.ศ. 2554 ที่ได้ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีผลให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐต้องจัดทำข้อมูล ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงได้ แต่จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่าหน่วยงานภาครัฐมากกว่าร้อยละ 90 ยังไม่ได้จัดทำเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานสำหรับคนพิการตามมาตรฐาน TWCAG ดังนั้น ในเว็บท่าสำหรับคนพิการนี้จึงมีข้อมูลความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้รวมอยู่ด้วย เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ สามารถศึกษาและปรับปรุงเว็บไซต์ตามมาตรฐาน TWCAG อีกทั้งเป็นไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวด้วย” นางจีราวรรณ กล่าว

ส่วนการประชาสัมพันธ์กิจกรรมพัฒนาเว็บท่าสำหรับคนพิการนั้น กระทรวงฯ จะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่คนพิการและผู้สนใจทั่วประเทศ โดยจะจัดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และ 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pwdsthai.com

View :1646

ผลสำรวจชี้บริการเสริมสร้างรายได้แก่ผู้บริการมือถือกว่าเท่าตัวในอีก 3 ปี

August 10th, 2011 No comments

ผู้ให้บริการมือถือคาดว่ารายได้จากบริการเสริมจะเติบโตจาก 14% เป็น 24% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

จากการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 120 คน ซึ่งริเริ่มโดยแอมด็อคส์ ผู้นำตลาดในด้านนวัตกรรมระบบบริหารประสบการณ์ลูกค้า (customer experience) พบว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในเอเชียแปซิฟิกคาดว่ารายได้จากบริการเสริม (Value-added services หรือ VAS) เช่น บริการชำระเงินผ่านมือถือ จะเติบโตจากค่าเฉลี่ย 14% ของรายได้ทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 24% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ คาดว่าอินเดียจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตของรายได้ในส่วนของบริการเสริมมากที่สุด โดยเติบโตจาก 12% ของรายได้ทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 29% ในอีก 3 ปี การสำรวจครั้งนี้ยังพบอีกว่า 95% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังเร่งเปิดให้บริการชำระเงินผ่านมือถือ และส่วนใหญ่เชื่อว่าเว็บท่า (portal) ของตนจะทวีความสำคัญมากขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่ากำลังเร่งเปิดให้บริการโฆษณาผ่านมือถือและบริการค้นหา โดย 65% ระบุว่าผู้ใช้บริการยินดีจะเปิดดูโฆษณาผ่านมือถือแลกกับบริการประเภท free content เช่น แอพพลิเคชั่นสำหรับโทรศัพท์มือถือหรือความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ผู้ให้บริการกล่าวว่าเหตุผลหลักที่ต้องให้ความสำคัญกับบริการเสริม ก็คือ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า

“บริการเสริมผ่านมือถือ () โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการชำระเงินผ่านมือถือ กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยผู้ให้บริการเชื่อว่า บริการเหล่านี้ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นในตลาด เช่น ธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตได้ทางหนึ่ง ตลอดจนเครือข่ายสังคมออนไลน์ (social networks) ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น (app store) และผู้ให้บริการอื่นๆ” มร. เออร์แวนน์ โธมาเซน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว “ขณะที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกำลังมองหาหนทางสร้างรายได้จากบริการเสริม แอมด็อคส์พร้อมสนับสนุนผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วยโซลูชั่นเพื่อการสร้างสรรค์ การจัดหา การนำเสนอบริการแบบเหมารวม (bundling) และการเรียกเก็บเงินจากบริการเหล่านี้ รวมถึงโซลูชั่นในส่วนของการสนับสนุนลูกค้า (customer support)”

กรุณาอ่านรายงานการวิจัยฉบับเต็มที่ดำเนินการโดย Coleman Parkes ได้ ที่นี่ http://www.amdocsinteractive.com/node/108

หรือร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านแอมด็อคส์ ทวีทแช็ท ในหัวข้อ “บริการเสริม กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ให้บริการค่ายมือถือ หรือ Value-added services – What is the best strategy for mobile operators?” ได้ในวันที่ 10 สิงหาคม เวลา 17.00น. โดยติดตาม #doxchat hashtag บน Twitter

ข้อมูลน่าสนใจจากผลสำรวจ มีดังนี้

· ความสำคัญของบริการเสริม: 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า บริการเสริมมีความสำคัญหรือมีความสำคัญมากต่อบริษัทของพวกเขา ในออสเตรเลียและอินเดีย 70% ของผู้ประกอบการเห็นว่าบริการเสริมจะมีความสำคัญ ในขณะที่เพียง 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามในไทยและเวียดนามเชื่อว่าบริการเสริมมีความสำคัญ

· ผู้ประกอบการในออสเตรเลียและอินเดียคาดหวังการเติบโตของรายได้จากบริการเสริมไว้สูงสุด: ในออสเตรเลีย สัดส่วนรายได้ในปัจจุบันจากบริการเสริมคิดเป็น 23% ซึ่งคาดว่าจะเติบโตไปถึงระดับ 30% ในอีก 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในอินเดียคาดหวังการเติบโตของรายได้จากบริการเสริมไว้สูงสุดที่ 17% หรือจาก 12% เป็น 29% ในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้เปรียบธนาคารในแง่ของการเข้าถึงตลาด เช่น ในอินเดียและอินโดนีเซียมีสัดส่วนของประชากรที่ไม่ได้เป็นลูกค้าธนาคารสูงมาก

· ตลาดบริการชำระเงินผ่านมือถือกำลังเฟื่องฟู: บริการเติมเงินค่าโทร (prepaid top-up) เป็นบริการที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มบริการชำระเงินผ่านมือถือ ตามด้วยบริการชำระค่าบริการและสาธารณูปโภคอื่นๆ บริการโอนเงิน และการเรียกเก็บเงินแทนผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น (app store)

· กรณีผลประโยชน์ขัดกันกับสถาบันการเงินที่คาดว่าจะเกิดขึ้น: มีเพียง 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าอาจเกิดกรณีผลประโยชน์ขัดกันระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกับกับธนาคาร และบริษัทบัตรเครดิตในเรื่องบริการชำระเงินผ่านมือถือ แม้ว่าผลสำรวจแตกต่างกันมากในแต่ละตลาดที่เลือกทำการสำรวจ ทั้งนี้ ในออสเตรเลียมีเพียง 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่าอาจเกิดกรณีผลประโยชน์ขัดกัน เทียบกับ 33% ในอินเดีย 50% ในไทย และ 90% ในเวียดนาม

เกี่ยวกับแอมด็อคส์

แอมด็อคส์ เป็นผู้นำตลาดในด้านนวัตกรรมระบบบริการลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้ผสานระบบสนับสนุนธุรกิจและการดำเนินงาน แพลตฟอร์มการส่งมอบบริการ (service delivery platform) บริการต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับ และความเชี่ยวชาญเชิงลึกเข้าไว้ในหนึ่งเดียว เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการ (service provider) และลูกค้าของพวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นในโลกแห่งการเชื่อมต่อ (connected world) ผลิตภัณฑ์และบริการของแอมด็อคส์ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ สร้างความแตกต่างผ่านประสบการณ์ลูกค้าที่ปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย และปรับปรุงการดำเนินงานด้านต่างๆ

แอมด็อคส์ เป็นบริษัทระดับโลกที่มีรายได้ราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีการเงิน 2553 ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 19,000 คนและให้บริการลูกค้าในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www..com

View :1706

ทรูมูฟ เอช เชิญลูกค้าฮัทช์แบบรายเดือนรับเครื่องซัมซุงฟรี*!

August 10th, 2011 No comments

พร้อมโปรโมชั่นรายเดือนคุ้มเหมือนเดิม ตั้งแต่ 18 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2554
ลูกค้าฮัทช์แบบเติมเงิน เริ่มรับสิทธิ์ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2554 – 31 มีนาคม 2555
ต้อนรับสู่ประสบการณ์ใหม่ที่เหนือกว่าด้วยเครือข่าย 3G+

เรียล มูฟ ผู้ขายต่อบริการ (รีเซลเลอร์) 3G+** ของ CAT ภายใต้แบรนด์ “” เสนอสิทธิพิเศษต้อนรับลูกค้าฮัทช์ที่สมัครเปลี่ยนมาใช้บริการทรูมูฟ เอช อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 25 เมษายน 2554 ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 100,000 รายแล้ว ล่าสุด เชิญลูกค้าฮัทช์แบบรายเดือนมากกว่า 300,000 ราย รับเครื่อง “ซัมซุง Caspi” ฟรี*! จากราคาปกติ 1,990 บาท หรือเลือกซื้อ “ซัมซุง กาแล็คซี่ มินิ” ราคาปกติ 4,990 บาท รับส่วนลดค่าเครื่องทันที 2,000 บาท เมื่อสมัครโปรโมชั่นรายเดือนคุ้มเหมือนเดิม สนใจติดต่อได้ที่ร้านทรูช็อป ทั่วกรุงเทพฯ และร้านฮัทช์ ทุกสาขา ตั้งแต่ 18 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2554

สำหรับลูกค้าฮัทช์แบบเติมเงินมากกว่า 400,000 ราย สามารถเริ่มรับเครื่องใหม่ได้ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2554 – 31 มีนาคม 2555 เพียงเปิดใช้บริการและเติมเงินทรูมูฟ เอช มูลค่า 1,500 บาท พร้อมรับโปรโมชั่นคุ้มเหมือนเดิม ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช ยืนยันความตั้งใจที่จะดูแลลูกค้าฮัทช์ พร้อมนำสู่ประสบการณ์ใหม่ที่เหนือกว่ากับเครือข่ายใหม่ไฮสปีดไร้สาย 3G+ ความเร็วสูงสุด 21 Mbps อย่างต่อเนื่อง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฮัทช์ คอล เซ็นเตอร์ โทร 1128 หรือ 02-288-8882, ศูนย์บริการลูกค้าทรูมูฟ เอช โทร 1331, www.hutch.co.th , www.truemove-h.com

View :2145

แคนนอนแนะนำกล้องดิจิตอลคอมแพคในตระกูล IXUS series ใหม่ล่าสุด 3 รุ่นรวด

August 10th, 2011 No comments

แคนนอนส่งน้องเล็กตระกูล IXUS บุกตลาดกลาง-ล่าง IXUS 115 HS ฟังก์ชั่นเกินตัว ราคาโดนใจ

แคนนอนตระกูล IXUS


เมื่อเร็วๆ นี้ – แคนนอนบุกตลาดกล้องดิจิตอลส่งคอมแพคระดับกลางถึงล่าง แคนนอน IXUS 115 HS ใหม่! รูปทรงกะทัดรัด สีสันพาสเทลสดใส อัดเน้นทุกเทคโนโลยีเทียบเท่ารุ่นพี่ระดับพรีเมี่ยม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ HS SYSTEM และชิปประมวลผลภาพ DIGIC 4 คมชัดด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียดสูง 12.1 ล้านพิกเซล ออปติคอลซูม 4 เท่า สามารถปรับภาพอัตโนมัติตามสถานการณ์ต่างๆ มากถึง 32 แบบ ในโหมด Smart Auto ให้ภาพคมชัดทุกสภาวะแสง, บันทึกวีดีโอคุณภาพสูงแบบ Full HD Movie พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว Dynamic IS และโหมด Super Slow Motion Movie Recording ที่สามารถดูย้อนหลังแบบ “Super Slow Motion” ได้ถึง 30 เฟรมต่อวินาที หรือเล่นภาพได้ช้ากว่าปกติถึง 8 เท่า, ใหม่! ฟังก์ชั่น Movie Digest เก็บภาพอัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ 4 วินาทีในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว พิเศษ! ฟังก์ชั่น Toy Camera เอฟเฟกต์ภาพแนววินเทจคล้ายภาพถ่ายสมัยโบราณ สนนราคากล้องดิจิตอลคอมแพค IXUS 115 HS ราคา 6,990 บาท มี 4 สีเมทัลลิค : น้ำเงิน/ส้ม/ชมพู/เงิน จำหน่ายแล้ววันนี้ ณ ตัวแทนจำหน่ายของแคนนอนทั่วประเทศ

แคนนอนเปิดตัว ดิจิตอลคอมแพค IXUS 220 HS ใหม่! ที่สุดแห่งการผสานดีไซน์สุดชิคเข้ากับเทคโนโลยีสุดล้ำแห่งปี

แคนนอน ดิจิตอลคอมแพค IXUS 220 HS


เมื่อเร็วๆ นี้ – แคนนอนบุกตลาดกล้องดิจิตอลส่งคอมแพคระดับพรีเมี่ยมรูปทรงเพรียวบางที่สุดในโลก เพียง 19.5 มม.[1] แคนนอน IXUS 220 HS ใหม่! รูปทรงสวยเฉี่ยว มีสไตล์ที่มาพร้อมคุณสมบัติชั้นเยี่ยม เทคโนโลยีใหม่ HS SYSTEM และชิปประมวลผลภาพ DIGIC 4 คมชัดด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียดสูง 12.1 ล้านพิกเซล ออปติคอลซูม 5 เท่า สามารถปรับภาพอัตโนมัติตามสถานการณ์ต่างๆ มากถึง 32 แบบ ในโหมด Smart Auto ให้ภาพคมชัดทุกสภาวะแสง, บันทึกวีดีโอคุณภาพสูงแบบ Full HD Movie พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว Dynamic IS และโหมด Super Slow Motion Movie Recording ที่สามารถดูย้อนหลังแบบ “Super Slow Motion” ได้ถึง 30 เฟรมต่อวินาที หรือเล่นภาพได้ช้ากว่าปกติถึง 8 เท่า, ใหม่! ฟังก์ชั่น Movie Digest เก็บภาพอัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ 4 วินาทีในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว พิเศษ! ฟังก์ชั่น Toy Camera เอฟเฟกต์ภาพแนววินเทจคล้ายภาพถ่ายสมัยโบราณ สนนราคากล้องดิจิตอลคอมแพค IXUS 220 HS ราคา 8,990 บาท มี 3 สี ดำ / แดง และเงิน จำหน่ายแล้ววันนี้ ณ ตัวแทนจำหน่ายของแคนนอนทั่วประเทศ

แคนนอนเปิดตัวกล้องคอมแพค IXUS 310 HS ใหม่! กล้องทัชสกรีนระดับไฮเอนด์ โดดเด่นด้วยระบบ HS System พร้อมฟังก์ชั่น iFrame ปรับขนาดรูปให้เหมาะกับ iPad

IXUS 310 HS


เมื่อเร็วๆ นี้ – แคนนอนส่งกล้องรุ่นท๊อปตระกูล IXUS บุกตลาดกล้องคอมแพคระดับไฮแอนด์ด้วยรุ่น IXUS 310 HS โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี HS System และชิปประมวลผลภาพ DIGIC 4 คมชัดด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียดสูง 12.1 ล้านพิกเซล ออปติคอลซูม 4.4 เท่า ที่มาพร้อมเลนส์ค่า F สูงสุดถึง 2.0 ให้ความเร็วชัตเตอร์สูงขึ้น หมดปัญหาภาพสั่นและเบลอเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อย หน้าจอ LCD ระบบสัมผัส Touch to Play ขนาด 3.2 นิ้ว กว้าง 8 ซม. ใหม่! สามารถปรับภาพอัตโนมัติตามสถานการณ์ต่างๆ มากถึง 32 แบบ ในโหมด Smart Auto, บันทึกวีดีโอคุณภาพสูงแบบ Full HD Movie พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว Dynamic IS และโหมด Super Slow Motion Movie Recording ที่สามารถดูย้อนหลังแบบ “Super Slow Motion” ได้ถึง 30เฟรมต่อวินาที, พิเศษ! iFrame movie ฟังก์ชั่นปรับขนาดรูปให้เหมาะแก่การแสดงผลบนหน้าจอ iPad หรืออัพโหลดบนอินเตอร์เน็ตและฟังก์ชั่น Movie Digest ที่สามารถเก็บภาพอัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ 4 วินาทีในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว สร้างสรรค์ภาพถ่ายให้สนุกไม่ซ้ำใครด้วย ฟังก์ชั่นน้องใหม่ Toy Camera เอฟเฟกต์ภาพแนววินเทจคล้ายภาพถ่ายสมัยโบราณ สนนราคากล้องดิจิตอลคอมแพค IXUS 310HS ที่ 12,900 บาท มี 3 สี น้ำตาล/ชมพูและเงิน จำหน่ายแล้ววันนี้ ณ ตัวแทนจำหน่ายของแคนนอนทั่วประเทศ

View :3759
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคแสดงความยินดีกับรมว.ไอซีทีใหม่

August 10th, 2011 No comments

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่าขอแสดงความยินดีกับนาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ที่เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ดีแทคพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาล และกระทรวงไอซีที ในการที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยให้ก้าวไกลต่อไป ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจและความก้าวหน้าของสังคม ดีแทคเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการเข้าถึงข้อมูลและบริการอินเทอร์เน็ต ดีแทคพร้อมที่จะให้การสนับสนุนรัฐมนตรีในการที่จะผลักดันวาระสำคัญนี้

ทั้งนี้ ดีแทครู้สึกยินดีกับทิศทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่จะผลักดันให้มีการจัดตั้ง กสทช และจัดให้มีการประมูลใบอนุญาต 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับประชาชนและประเทศไทย

View :1420

สุดยอดโปรแกรมเมอร์แชมป์ภูมิภาค ACM-ICPC 2011

August 10th, 2011 No comments

ACM-ICPC การแข่งขันการเขียนโปรแกรมระดับอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลกรด้านซอฟต์แวร์ทั่วโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ถือว่าเป็นการแข่งขันที่มีความเก่าแก่ที่สุด มีชื่อเสียงที่สุด และใหญ่ที่สุด โดยปี2011นี้ ประเทศไทยจัดแข่งขันทั้งสิ้น 3 รอบ ได้แก่ รอบภูมิภาค ACM-ICPC Thailand Local Contest 2011 ซึ่งจัดแข่งขัน 4 ภาค รอบประเทศไทย ACM-ICPC Thailand National Programming Contest 2011 เพื่อหาสุดยอดโปรแกรมเมอร์มือระดับอุดมศึกษาของไทย เข้าชิงชัยเป็นแชมป์โปรแกรมเมอร์เอเชีย ปลายปีนี้
สำหรับ รอบภูมิภาค หรือ ACM-ICPC Thailand Local Contest 2011 ได้จัดแข่งขันเสร็จสิ้นลงแล้ว ได้ทีมผู้ชนะ 24 ทีม จาก 4 ภูมิภาคซึ่งจะรวมกับผู้แข่งขันในรอบ Online Contest เพื่อให้ได้ผู้ผ่านการคัดเลือก 70-100 คน เข้าแข่งขันในรอบ ACM-ICPC Thailand National Programming Contest 2011 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 3-4 กันยายน 2554 เพื่อหาสุดยอดโปรแกรมเมอร์ของไทย เข้าร่วมแข่งขัน “ACM-ICPC Asia Phuket Regional 2011”ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต 3-4 พฤศจิกายน 2554 ต่อไป
สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ชนะของภูมิภาคต่างๆได้ที่ www.sipa.or.th

View :1708
Categories: Press/Release, Software Tags:

88 DB ร่วมกับ FIC Plus 2011 หวังหนุนเอสเอ็มอีไทย ก้าวเป็นเถ้าแก่

August 9th, 2011 No comments

“88DB.COM สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองคนที่ต้องการเป็นฟรีแลนซ์ หรือเป็นเถ้าแก่ตัวเอง โดยใช้เว็บไซต์เป็นเวทีประชาสัมพันธ์ธุรกิจ หรืองานที่คุณกำลังทำอยู่ได้ฟรี ๆ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการใช้บริการต่างๆ เข้ามาค้นหาและเจรจาทำธุรกิจร่วมกันได้ เพราะปัจจุบันมีธุรกิจเล็กๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย และผู้ใช้บริการต่างๆ ก็ต้องการทางเลือกมากขึ้น เว็บไซต์88DB.COM จึงเป็นสื่อกลางให้คนทั้งสองฝ่ายมาพบกัน ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นหน่วยการตลาดด้วย”

ได้ไม่ยากด้วยการใช้โลกออนไลน์เป็นสื่อเสริมต่อ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการประกวดออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นสู่เชิงพาณิชย์ 1 ที่มุ่งเน้นพัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถให้กับบุคคลากรด้านการออกแบบเพื่อพัฒนาวงการแฟชั่นดีไซน์ของเมืองไทยให้เติบโตก้าวหน้า ตลอดจนสร้างเถ้าแก่ในวงการเสื้อผ้าแฟชั่นให้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของการจับมือร่วมกันสานต่อโครงการฯ เป็นปีที่ 2

นางสาธินี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท 88ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ทำการศึกษา และพบว่าไทยมีช่องว่างระหว่างอาชีพสูงมาก เพราะคนไทยดั้งเดิมทำเกษตรกรรม และผลักดันให้ลูกๆ เรียนหนังสือเพื่อเข้ามาเป็นลูกจ้างในบริษัททั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทำให้ประเทศเราไม่ค่อยมีธุรกิจเถ้าแก่
ซึ่งจากวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้งที่ผ่านมา คนที่ได้ผลกระทบมากที่สุดก็คือกลุ่ม ลูกจ้าง ตกอยู่ในสภาวะตกงาน

“การหาอาชีพให้กับตัวเองจึงเป็นความบังเอิญ เพราะประสบปัญหาเสมือนหลังชนฝาแล้ว หลายปีที่ผ่านมาแม้จะมีคนออกมาทำธุรกิจของตัวเองมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่อาชีพที่เป็นวิชาชีพ ทำให้เรารู้ว่าประเทศไทยขาดเรื่องวิชาชีพ ที่สามารถจะเป็นเจ้าของงานของตัวเองได้ ฉะนั้นน้องๆ ในรุ่นใหม่นี้ควรที่จะค้นหาตัวเองว่าชอบและอยากทำอะไร แล้วเดินไปตามที่ฝัน การเรียนที่ขอให้จบปริญญาแต่ไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร หรือจบคณะที่ไม่มีอาชีพชัดเจน จะทำให้เสียเวลา น้องๆ รุ่นนี้ต้องเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายชีวิตให้กับตัวเองใหม่

จากแนวคิดเรื่องนี้ ทำให้สัมพันธ์กับโครงการประกวดออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นสู่เชิงพาณิชย์ FIC Plus 2011 ของสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะความรู้ และความสามารถให้กับน้องๆ ที่กำลังจะก้าวออกมาสู่เส้นทางสายอาชีพ ที่สำคัญโครงการฯ นี้ไม่ได้จบแค่การประกวดแล้วได้ผู้ชนะเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้คือ ผู้เข้าประกวดทุกทีมได้รับการพัฒนาความรู้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งแม้ไม่ได้รับรางวัล แต่น้องๆ ก็อาจจะสามารถนำความรู้ไปพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวสู่เส้นทางอาชีพได้อย่างรวดเร็ว หรือก็อาจจะสามารถทำธุรกิจให้กับตัวเองได้สำเร็จต่อไป

สำหรับการร่วมจัดทำโครงการครั้งนี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท 88ดีบี เปิดเผยว่า เว็บไซต์ยินดีสนับสนุนผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้ง 15 ทีมในการเข้ามาใช้เว็บไซต์ในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลงานของตัวเองอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้สำหรับคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ทางบริษัทฯ ได้สนับสนุนพื้นที่ล็อคอันดับโฆษณานาน 3 เดือนและเลื่อนอันดับโฆษณา 88 ครั้งอีกด้วย

สำหรับน้องๆ รุ่นใหม่ที่อยากมีร้านค้าบนออนไลน์เพื่อเป็นทางลัดสู่ช่องทางเถ้าแก่ สามารถปรึกษาได้ที่88DB.COM ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ขออย่างเดียวให้ทำจริงขายจริง เป็นผู้ขายตัวจริงไม่ใช่ทำชั่วคราว สินค้าหมดแล้วเลิก เพราะ88DB.COM ต้องการพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมเถ้าแก่ ทำธุรกิจได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก เพียงเริ่มต้นง่ายๆ จากการเข้ามาเปิดร้านออนไลน์ เรียนรู้เทคโนโลยีเพิ่มเติม เพื่อสร้างศักยภาพในกับร้านค้าออนไลน์ที่มากกว่าแค่การให้ข้อมูล รู้จักการเจรจาการค้า เพียงเท่านี้โอกาสในการส่งออกก็อยู่ในมือของคุณแล้ว.

View :1157
Categories: Press/Release Tags: ,

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยจับมือพีดีเอเดินหน้าโครงการชุมชนดอทเน็ต

August 9th, 2011 No comments

รับมอบเครื่องคอมพิวเตอร์จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมช่วยชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าถึงไอที เพิ่มรายได้ และขยายช่องทางนำสินค้าท้องถิ่นเข้าสู่ตลาดออนไลน์

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน หรือ PDA เดินหน้าประสานความร่วมมือเพื่อชาวบ้าน นำไอทีเสริมรายได้ในโครงการชุมชนดอทเน็ต จัดพิธีรับมอบเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 370 เครื่องจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการชุมชนดอทเน็ต ณ โรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนา จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ชาวบ้านจาก 20 หมู่บ้านในจังหวัดนครราชสีมาและบุรีรัมย์ ได้ใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์สำหรับการเรียนรู้ ไอทีและนำไปเสริมศักยภาพชุมชน ในการสร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ของชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้อันจะนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ เป็นหนึ่งในโครงการของไมโครซอฟท์ที่สานต่อพันธกิจในการส่งเสริมการนำ ไอทีเข้าไปเสริมการประกอบอาชีพของคนในชุมชน โดยยึดตามแนวทางของไมโครซอฟท์ที่ต้องการส่งเสริมและฝึกอบรมให้ชาวบ้านได้เรียนรู้การใช้งานไอที และเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อนำไปส่งเสริมและขยายอาชีพของชุมชนในท้องถิ่น อันจะนำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้นและการสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนต่อไปให้กับชุมชน ทั้งนี้ เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยได้ร่วมมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนในการดำเนินการโครงการชุมชนดอทเน็ตร่วมกับชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น โดยสมาคมฯ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางช่วยเหลือและให้คำแนะนำชาวบ้านในการเพิ่มช่องทางขายและนำสินค้าท้องถิ่นไปสู่ตลาดออนไลน์เพื่อใกล้ชิดผู้บริโภคต่อไป”

นายมีชัย วีระไวทยะ ผู้ก่อตั้งและนายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน หรือ PDA กล่าวว่า “จากแนวคิดที่ตรงกันของไมโครซอฟท์ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน และโรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนาที่ต้องการส่งเสริมให้ชาวบ้านได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญไปสู่ชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถนำความรู้ไปพัฒนาชุมชนในระยะยาวและอย่างยั่งยืน ทั้งด้านการศึกษาของเยาวชน และการประกอบอาชีพของชาวบ้าน เราจึงมีความร่วมมือกันมายาวนาน และโครงการชุมชนดอทเน็ตก็เป็นอีกโครงการหนึ่งภายใต้ความร่วมมือระหว่าง PDA โรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนา และไมโครซอฟท์ ในการส่งเสริมให้ชาวบ้านนำไอทีเข้าไปขยายตลาดการจำหน่ายสินค้าในชุมชนผ่านเว็บไซต์ และในวันนี้ PDA โรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนาและไมโครซอฟท์ ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ไอทีเพื่อชุมชนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย 17 แห่ง จากจำนวนทั้งสิ้น 20 แห่ง ใน 20 หมู่บ้าน ผ่านการดำเนินงานของโครงการร่วมพัฒนาหมู่บ้าน หรือ The Village Development Partnership (VDP) ภายใต้โรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนาที่มีการทำงานร่วมกับชาวบ้านในหมู่บ้านทั้ง 20 แห่ง อย่างใกล้ชิด ส่วนศูนย์ฯ อีก 3 แห่ง ก็คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยในเร็วๆ นี้”


นายมีชัย วีระไวทยะ (แรกจากซ้าย แถวหลัง) ผู้ก่อตั้งและนายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน หรือ PDA


นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ รับมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 370 เครื่อง จากนางวรนุช เดชะไกศยะ(ที่สองจากซ้าย แถวหลัง) ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สำหรับใช้ในโครงการชุมชนดอทเน็ต เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์จากไอทีในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าของชุมชนไปสู่ตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มรายได้อันจะนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งเสริมการนำไอทีไปสู่ชาวบ้านในท้องถิ่นห่างไกลเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านโครงการชุมชนดอทเน็ต โดยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ผ้าไหม และงานประดิษฐ์ จะนำไปจำหน่ายบนเว็บไซต์ ภายใต้โครงการชุมชนดอทเน็ต


เยาวชนจากหมู่บ้านหนองตาเข้ม อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสอนผู้ใหญ่สำหรับการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ในอนาคต ณ ศูนย์ไอทีเพื่อชุมชนภายในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 20 หมู่บ้านภายใต้โครงการชุมชนดอทเน็ต

ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการชุมชนดอทเน็ต

· โครงการชุมชนดอทเน็ตริเริ่มโดยบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพของคนในชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยใช้ไอทีมาเพิ่มมูลค่า ช่วยสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

· บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัดได้รับงบประมาณสนับสนุนจากบริษัทแม่คือไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น เป็นจำนวน 6 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับโครงการชุมชนดอทเน็ต ซึ่งนับเป็นการสานต่อพันธกิจการส่งเสริมการใช้ไอทีให้เกิดประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพของคนในชุมชนที่บริษัทไมโครซอฟท์ ประเทศไทยก่อตั้งและดำเนินธุรกิจอยู่

· ในโครงการนี้ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ร่วมกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน หรือ PDA ในการส่งเสริมให้หมู่บ้านจำนวน 20 แห่ง ในอำเภอลำปลายมาศ และอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในหมู่บ้านและชุมชนผ่านอินเทอร์เน็ต หรือเว็บไซต์ โดยโครงการชุมชนดอทเน็ตมีระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 มีนาคม 2554 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2555

· สิ่งที่ไมโครซอฟท์และ PDA สนับสนุนชุมชนทั้ง 20 แห่งภายใต้โครงการชุมชนดอทเน็ตคือ

- จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ไอทีในหมู่บ้านทั้ง 20 แห่ง ในจังหวัดบุรีรัมย์และนครราชสีมา โดยมีศูนย์กลาง หรือฮับ (hub) อยู่ที่โรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์

- สอนการใช้ไอทีเบื้องต้น ด้วยหลักสูตร Microsoft® Unlimited Potential ซึ่งประกอบไปด้วย ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงานเอกสารด้วย Microsoft® Word, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกระดานคำนวณด้วย Microsoft® Excel, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลด้วย Microsoft® PowerPoint, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฐานข้อมูลด้วย Microsoft® Access, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต เวิลด์ไวด์เว็บ และ Microsoft® Outlook และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำเว็บ ให้กับผู้นำเยาวชนในหมู่บ้าน ในรูปแบบ train the trainer เพื่อนำความรู้ไปสอนชาวบ้านต่ออีกทีหนึ่ง

- พัฒนาเว็บไซต์หลัก หรือเว็บพอร์ทัลให้แต่ละหมู่บ้านเพื่อใช้เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดยจะเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่นๆ และโซเชียลมีเดีย

· ความคืบหน้าของโครงการ ไมโครซอฟท์จะทำการตรวจสอบความพร้อมของเครื่องและติดตั้งโปรแกรม Windows®XP และ Microsoft® Office 2007 ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการสินค้าและเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาไปสู่การค้าขายออนไลน์ หลังจากได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 370 เครื่องจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สำหรับสิ่งที่ไมโครซอฟท์และ PDA จะดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2554 เป็นต้นไป ได้แก่

- ฝึกอบรมไอทีเบื้องต้นให้กับผู้นำเยาวชนจำนวน 80 คน จาก 20 หมู่บ้าน เพื่อให้เยาวชนเหล่านั้นไปฝึกอบรมชาวบ้านในหมู่บ้านต่อไป

- ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องคอมพิวเตอร์สม่ำเสมอ

- จดทะเบียนโดเมนเว็บไซต์ เพื่อเริ่มสร้างเว็บไซต์และอัพโหลดข้อมูล

- ดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านโบรชัวร์ และเสียงตามสายในชุมชน ให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ชาวบ้านและเยาวชนในหมู่บ้าน

· ความคาดหวังจากโครงการคือ สร้างโครงการชุมชนดอทเน็ตในจังหวัดนครราชสีมาและบุรีรัมย์ ให้เป็นโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จ และสามารถเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ต่อไปในอนาคต โดยเบื้องต้น ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยและ PDA หวังว่าจะสามารถฝึกอบรมชาวบ้านได้ทั้งสิ้น 1,700 คน ในปีแรก และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านได้ร้อยละ 20 ภายในเวลา 1 ปี

รู้หรือไม่

· ชุมชนทั้ง 20 แห่งภายใต้โครงการชุมชนดอทเน็ตเป็นชุมชนที่ชาวบ้านมีความกระตือรือร้นในการนำไอทีเข้าไปช่วยในการหาข้อมูลและเพิ่มช่องทางการทำกินของคนในหมู่บ้านไปยังเว็บไซต์

· ชุมชนบ้านหนองตาเข้ม เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของชาวบ้านที่มีความสนใจขยายช่องทางการสร้างรายได้

· ชุมชนบ้านหนองตามเข้ม ตั้งอยู่ที่ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 653 ไร่ แยกเป็นพื้นที่เพื่ออยู่อาศัย 217 ไร่ พื้นที่ทำการเกษตร 303 ไร่ และพื้นที่สาธารณะ 30 ไร่ มีประชากรรวมทั้งสิ้น 749 คน อาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนคือ อาชีพทำนา ส่วนอาชีพรองคือ ทอผ้า ปลูกผักปลอดสารพิษ ปลูกดอกไม้ ปลูกสมุนไพรและแปรรูปสมุนไพร เลี้ยงไก่ ปลาดุก และค้าขาย

· ลักษณะเด่นของชุมชนบ้านหนองตาเข้มคือการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น กล่าวคือ ชาวบ้านมีความรู้ความชำนาญในด้านต่างๆ และมีการถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกสมุนไพร และนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพรเพื่อจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีการทำจักสาน ทอผ้าไหม ปลูกพืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ จากการที่บ้านหนองตาเข้มมีความเข้มแข็ง ชาวบ้านมีความสามัคคี และมีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างสม่ำเสมอส่งผลให้ได้รับรางวัลหมู่บ้านดีเด่นของจังหวัดบุรีรัมย์ในปี พ.ศ. 2553

· ความคาดหวังของชาวบ้านจากศูนย์การเรียนรู้ไอทีเพื่อชุมชน ภายใต้โครงการชุมชนดอทเน็ตคือ คนในชุมชนและเยาวชนจะได้รับความรู้และสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการค้นคว้าข้อมูลและความรู้เพื่อส่งเสริมอาชีพให้แก่คนรุ่นใหม่ และไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานในเมืองหรือกรุงเทพ

ที่มา http://nongtakem.moobanthai.com/general/

· ชุมชนบ้านหนองกระทุ่ม ตั้งอยู่ตำบลบ้านยาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ มีประชากรรวมทั้งสิ้น 613 คน อาชีพหลักคือทำนา ส่วนอาชีพรองคือ ทำวิกผล ค้าขาย

· ความคาดหวังของชาวบ้านจากศูนย์การเรียนรู้ไอทีเพื่อชุมชน ภายใต้โครงการชุมชนดอทเน็ตคือ ต้องการให้คนในชุมชนมีความรู้เพิ่มเติมและสามารถค้นคว้าหาเทคนิคใหม่ๆ ในการประกอบอาชีพการเกษตร รวมถึงอาชีพเสริมที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติม อีกทั้งเยาวชนยังสามารถใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องเดินทางออกนอกหมู่บ้านเพื่อเข้าไปในเมือง เพิ่มความสะดวกและปลอดภัย เนื่องจากเส้นทางสัญจรสู่ตัวเมืองยังค่อนข้างทุรกันดาร

View :1956

กรมการขนส่งทางบก เปิดเว็บไซต์ศูนย์ขนส่งออนไลน์

August 8th, 2011 No comments

เปิดเว็บไซต์ศูนย์ขนส่งออนไลน์ ให้ประชาชนเรียกใช้รถบรรทุกสินค้าขาเดียวผ่านระบบ เพื่อลดการบรรทุกเที่ยวเปล่า ซึ่งปัจจุบันพบถึงร้อยละ 40    
 
นายเฉลิมไท  ญาณภิรัต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกมีการแข่งขันสูงมาก ทั้งนี้ จากสถิติรถใหม่ที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกในปี 2554 พบว่า มีรถบรรทุก จำนวน 36,741 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 7,036 คัน หรือคิดเป็นร้อยละ 19  ในจำนวนดังกล่าว พบรถบรรทุกเที่ยวเปล่าสูงถึงประมาณร้อยละ 30 – 40 ส่งผลให้ต้นทุนในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหารถบรรทุกเที่ยวเปล่า กรมการขนส่งทางบกจึงได้จัดทำ“โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศสำหรับลดการบรรทุกเที่ยวเปล่าเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน” ด้วยการจัดทำเว็บไซต์ศูนย์ขนส่งออนไลน์ที่ www.thaitruckcenter.com เพื่อให้ประชาชนสามารถเรียกใช้บริการขนส่งสินค้าขาเดียวจากรถบรรทุกสินค้าที่ต้องวิ่งเที่ยวเปล่า เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานรถบรรทุกให้มีการขนส่งสินค้าทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ทำให้จำนวนรถบรรทุกบนท้องถนนลดลง รวมทั้งลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงและมลพิษที่เกิดจากรถบรรทุกด้วย 
 
นายเฉลิมไท กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบสารสนเทศเพื่อรถบรรทุกเที่ยวเปล่าดังกล่าว เป็นระบบออนไลน์ ที่ทำงานผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ใช้บริการขนส่งสามารถลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบได้ ฟรี ที่เว็บไซต์ www.thaitruckcenter.com ซึ่งผู้ประกอบการขนส่งสามารถประกาศการให้บริการรถบรรทุกเที่ยวเปล่า เพื่อค้นหาผู้ต้องการใช้บริการรถบรรทุก รวมทั้งติดต่อและเสนอราคากับผู้ต้องการใช้บริการได้โดยตรง ส่วนผู้ใช้บริการขนส่งสามารถประกาศหาผู้ประกอบการขนส่งที่มีรถบรรทุกเที่ยวเปล่า หรือค้นหาข้อมูลรถบรรทุกเที่ยวเปล่าได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกผู้ประกอบการขนส่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมการขนส่งทางบก ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพการบริการขนส่งด้วยรถบรรทุกมากขึ้น
 
นอกจากการให้บริการดังกล่าวแล้ว กรมการขนส่งทางบกยังมีการวางแผนเส้นทางการเดินรถจากระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ที่บรรจุเส้นทาง และที่ตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถค้นหาผู้ประกอบการขนส่งในแต่ละพื้นที่ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ในการใช้บริการของเว็บไซต์ www.thaitruckcenter.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการขนส่งสินค้า กรมการขนส่งทางบก โทร. 0-2271-8490 รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด  

View :1587