Archive

Author Archive

​การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กำหนดใช้งานระบบควบคุมการผ่านเข้า-ออกประตูตรวจสอบอัตโนมัติ (e-Gate) ที่ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม นี้ เป็นต้นไป

August 8th, 2011 No comments

​นายเฉลิมชัย   มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การพัฒนาและติดตั้งระบบควบคุมการผ่านเข้า-ออก ประตูตรวจสอบอัตโนมัติ () ที่ ทกท. ตามโครงการพัฒนาสู่การบริการในระบบท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ () ใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งปัจจุบันระบบฯ ดังกล่าวผ่านการทดสอบความพร้อมในการปฏิบัติงานและตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ได้เริ่มทดลองระบบฯ ควบคู่ไปกับการเปิดลงทะเบียนทำบัตรอนุญาตบุคคลและยานพาหนะผ่านเข้า-ออก เขตรั้วศุลกากร ทกท. สำหรับผู้ใช้บริการ โดยมีกำหนดเปิดใช้งานระบบ       e-Gateเต็มรูปแบบทุกช่องทางในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ หรือ   ISPS Code (International Ship and Port Facilities Security Code)

​ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินการติดตั้งระบบ e-Gate ดังกล่าวที่ประตูด่านตรวจสอบจำนวน ๓ ประตู และประตูด่านควบคุมภายในเขตรั้วศุลกากร ทกท. จำนวน ๔ ประตู โดยเป็นการทำงานระบบอัตโนมัติด้วยการใช้เทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) ในการอ่านหมายเลขตู้สินค้าและ RFID (Radio Frequency Identification) ในการตรวจสอบสิทธิบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออก ทกท. ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถตรวจสอบหมายเลข สภาพความชำรุดเสียหายของตู้สินค้า รวมทั้งรายละเอียดต่างๆ ของยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออกตามบัตร RFID ได้ทันที ซึ่งเจ้าของสินค้าจะต้องแจ้งข้อมูลทั้งหมดล่วงหน้า และมีการบันทึกลงบัตร RFID กระบวน การตรวจสอบโดยผ่านบัตร RFID ดังกล่าว จะใช้เวลาไม่เกิน ๓๐ วินาที/คัน สามารถประหยัดเวลาลดขั้นตอนด้านเอกสาร เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบข้อมูล และช่วยให้การจราจรมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบดังกล่าว ได้มีการเชื่อมโยงกับระบบการให้บริการท่าเทียบเรือตู้สินค้า             ( Container Terminal Management System : CTMS ) และระบบการให้บริการด้านเรือ สินค้า คลังสินค้า เครื่องมือทุ่นแรง และใบแจ้งหนี้ค่าภาระต่างๆ (Vessel Cargo Management System : VCMS) โดยเชื่อมโยงข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบสินค้าและตู้สินค้าที่อนุญาตให้ผ่านประตูด่านตรวจสอบแต่ละแห่ง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และเพิ่มศักยภาพด้านการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ รวมทั้งสามารถลดเวลาและค่าใช้จ่ายลงได้เป็นอย่างดี

View :2150
Categories: Press/Release Tags: ,

สองทีมเยาวชนตัวแทนประเทศไทยพร้อมชิงชัยกับ 17 ประเทศในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon 2011 28 สค.นี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี

August 6th, 2011 No comments

หลังจากขับเคี่ยวกันในสนามการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU ชิงชนะเลิศประเทศไทย ประจำปี 2554 เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยทีม”ลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คว้าแชมป์ประเทศไทยประจำปี 2554 ไปครองเป็นสมัยที่ 3 เฉือนทีม “ซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชรแบบหวุดหวิดกลายเป็นนาทีช็อคโลก สร้างสีสันความสนุกสนานให้กับกองเชียร์รอบสนามมาแล้ว—- วันนี้ทั้งสองทีมจึงได้รับภารกิจสำคัญ ในการเป็นตัวแทนเยาวชนไทยเข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ครั้งที่ 10 หรือ ABU Robocon 2011, Bangkok ซึ่งปีนี้ ในนามประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยมีทีมตัวแทนเยาวชนจากอีก 17 ประเทศพร้อมเดินทางมาเข้าร่วมชิงชัย ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี

นายพรชัย ปิยะเกศิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี หนึ่งในสมาชิกสหภาพวิทยุและโทรทัศน์แห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Broadcasting Union – ABU) และเป็นตัวแทนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ในการหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Asia-Pacific Robot Contest หรือ ABU Robocon และส่งทีมตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

“การแข่งขันหุ่นยนต์ ถือเป็นวิทยาการขั้นสูงของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ สอดคล้องกับบทบาทของอสมท ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านการสื่อสารที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารอยู่ตลอดเวลา กิจกรรมการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Robocon จึงเป็นกิจกรรมหลักของบริษัท ในการขับเคลื่อนโครงการซีเอสอาร์ ตอกย้ำภาพลักษณ์ “สังคมอุดมปัญญา” ของ อสมท ให้เด่นชัดมากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมภาพลักษณ์องค์กร ด้านการส่งเสริมนวัตกรรม สร้างภาพลักษณ์องค์กรทันสมัยได้อีกทาง”

สำหรับการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 หรือ ABU Robocon 2011 ในโอกาสครบรอบปีที่ 10 ของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน จึงได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงาม บางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ซึ่งเป็นหัวใจของเกมการแข่งขันนี้

“ ประเทศไทยเคยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเมื่อปี 2003 ซึ่งผมมีโอกาสได้เข้าชมการแข่งขันในปีนั้นด้วย และยังประทับใจถึงวันนี้เพราะเป็นเกมส์การแข่งขันที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ และทีมตัวแทนเยาวชนไทยก็สามารถคว้าแชมป์มาครอง ในปีนี้ผมเชื่อว่าการแข่งขันจะเต็มไปด้วยสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจไม่แพ้ปี 2003 อย่างแน่นอน จึงขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมเชียร์และเป็นกำลังใจให้กับน้องๆ ทีมตัวแทนประเทศไทยทั้งสองทีม ให้สามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จอีกครั้ง สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาเข้าชมการแข่งขันภายในงานได้ สามารถติดตามชมการถ่ายทอดสด ได้ตั้งแต่เวลา14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์”

ทีมซุ้มกอ วิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร2


รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ประธานคณะทำงานฝ่ายจัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia – Pacific Robot Contest 2011 กล่าวถึงกติกาการแข่งขันว่า ทีมที่เข้าแข่งขันแต่ละทีมสามารถใช้หุ่นยนต์ทั้งหมดไม่เกิน 3 ตัว ประกอบด้วย หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) และ หุ่นยนต์อัตโนมัติ 1 หรือ 2 ตัว (Automatic Robots) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) ต้องทำภารกิจแรกให้สำเร็จด้วยการหยิบกระถางธูป จำนวน 3 กระถาง นำไปวางไว้บนเสา ก่อนการทำภารกิจอื่นๆ หลังจากนั้นหุ่นยนต์บังคับด้วยมือ นำ ฐานต้นเทียน ไปวาง ณ จุดตกแต่ง (Decoration Point) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ นำธูปเตรียมไปใช้ในการประกอบกระทง หุ่นยนต์อัตโนมัติ นำกลีบกระทง และดอกไม้ ทำการประกอบกระทง ภายหลังจากที่ ทำภารกิจนี้เสร็จ หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ จึงจะสามารถนำ ไปเสียบลงไปในกระทง หลังจากนั้น หุ่นยนต์อัตโนมัติ ยกกระทงที่ประกอบเสร็จ นำไปปล่อยลงใน ในฝั่งของตนเอง โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ

ท้ายสุด หุ่นยนต์อัตโนมัติ เพียง 1 ตัว จะนำเปลวเทียน ไปปล่อยเพื่อสวมลงบนต้นเทียนบนกระทง ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ (River Surface) โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ และกระทง ที่ประกอบเสร็จเแล้ว ทีมใดที่สามารถปล่อยเปลวเทียน ลงบนต้นเทียน ได้สำเร็จก่อน ทีมนั้นเป็น ฝ่ายชนะ การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ สีแดง และ สีน้ำเงิน การแข่งขันจะใช้เวลาทั้งหมด 3 นาที

แต่ทั้งนี้ รศ.ดร.ชิต กล่าวว่า กิจกรรมการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Roboconจัดขึ้นด้วยความมุ่งหวังที่ต้องการให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยี ตลอดจนเชื่อมมิตรภาพที่ดีต่อกัน โดยมีเกมส์การแข่งขันเป็นจุดเชื่อโยง มิได้มุ่งเน้นที่ชัยชนะเพียงอย่างเดียว และในวันนี้มิติดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยมีการร่วมมือร่วมใจการพัฒนาเทคโนโลยี ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

โดยปีนี้มีทีมเยาวชนตัวแทนจาก 18 ประเทศ ได้แก่ บรูไน จีน อียิปต์ ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล รัสเซีย ศรีลังกา ตุรกี เวียดนามและไทย สำหรับประเทศลาว และรัสเซีย เพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้เป็นครั้งแรก เตรียมเดินทางมาเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งแต่ละประเทศสามารถส่งทีมตัวแทนได้ประเทศละ 1 ทีม ส่วนประเทศเจ้าภาพ ส่งได้ 2 ทีม รวมทั้งหมด 19 ทีม แต่ละทีมจะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกันเท่านั้น ทีมเยาวชนตัวแทนประเทศไทย มี 2 ทีม ได้แก่ ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 3 ประกอบด้วย นายน้ำเพชร สุขเกษม ,นายสุปรีชา เหมยเป็ง,นายจักรพงศ์ เพ็งแจ่มแจ้ง และดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และ “ทีมซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร รองแชมป์ประเทศไทย ประกอบด้วย นายประเสริฐ สะมะถะเขตการณ์ ,นายนคร คุยศรี ,นายวุฒิชัย ทิศกระโทก และอ.บัณฑิต ออกแมน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

ด้านการเตรียมความพร้อม ทีมตัวแทนประเทศไทยทั้ง 2 ทีมได้จัดสร้างหุ่นยนต์ สำหรับการแข่งขันขึ้นใหม่ทีมละ 3 ตัวโดยได้รับการสนับสนุนจาก อสมท ทีมละ 500,000 บาท พร้อมส่งมอบให้กับคณะกรรมการจัดการแข่งขันพร้อมกับทุกประเทศแล้วเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการฝึกซ้อมในโค้งสุดท้ายเพื่อชิงแชมป์ระดับนานาชาติในการแข่งขันที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ นอกจากนี้ทั้ง 2 ทีมยังได้เปิดเผยด้วยว่า ในการจัดสร้างหุ่นยนต์เพื่อใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ ยังได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ดังกล่าวด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชรได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้เกิดการพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความสามารถได้ไม่แพ้กับหุ่นยนต์ของประเทศคู่แข่งที่สำคัญอย่างจีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องสถิติการทำเวลา ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เปิดเผยว่า สามารถทำสถิติได้เร็วที่สุด 45 -50 วินาทีในหนึ่งเกมส์การแข่งขัน

ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และอาจารย์ที่ปรึกษาของทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา เปิดเผยว่า

“ ทีมมีความพร้อม และกำลังใจเต็มร้อย โดยเฉพาะหุ่นยนต์ชุดใหม่ทั้ง 3 ตัวที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากการศึกษาข้อมูลหุ่นยนต์ของประเทศคู่แข่งหลักๆ ได้แก่จีน และญี่ปุ่น โดยนำจุดแข็งของคู่แข่ง และจุดแข็งของตนเองมาพัฒนาขึ้นเป็นหุ่นยนต์ชุดใหม่ จนได้มาตรฐานเป็นที่พอใจอย่างมาก และด้วยประสิทธิภาพของหุ่นยนต์ชุดใหม่ กับประสบการณ์การแข่งขันของทีมที่เป็นจุดแข็ง ตลอดจนแผนการแข่งขัน ผมคิดว่าเราสามารถแข่งขันกับจีน คู่แข่งสำคัญได้อย่างสนุกสนานแน่นอนครับ”

ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์2


นอกจากนี้ ในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ดร.ณรงค์เดช ยังกล่าวด้วยว่า เรามีข้อได้เปรียบมาก อย่างน้อยก็ในสนามแข่งขัน เพราะเคยผ่านการใช้สนามลักษณะนี้มาแล้ว ทำให้เข้าใจคุณสมบัติของอุปกรณ์และสนาม รวมทั้งมีความคุ้นเคยภาษาและกติกาการแข่งขัน ทุกปี ภาษาที่ใช้จะขึ้นกับประเทศเจ้าภาพ ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ทำให้อาจจะเกิดความไม่เข้าใจในการแข่งขัน ซึ่งปีนี้น่าจะมีความคุ้นเคยมากกว่า ไม่ว่าจะใช้ภาษาไทยหรืออังกฤษ นอกจากนี้ กรณีที่หุ่นยนต์ขัดข้องหรือต้องการอะไหล่จะสามารถหาได้ง่าย เพราะรู้แหล่งการจัดซื้ออยู่แล้วอาหาร และวัฒนธรรม ที่คุ้นเคย ทำให้ไม่ต้องเรียนรู้และปรับตัว ที่สำคัญ แรงเชียร์จากคนไทย ที่จะเป็นกำลังใจและให้การสนับสนุนทีมตัวแทนประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ด้านอาจารย์บัณฑิต ออกแมน อาจารย์ที่ปรึกษาของทีมซุ้มกอ จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร เปิดเผยเช่นเดียวกันว่า มีความพอใจกับผลงานการสร้างหุ่นยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันมาก เพราะได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและการแนะนำจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนืออย่างมาก ทำให้มีความพร้อมในการเข้าร่วมการแข่งขันย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังได้ฝึกซ้อมทีมแข่งขันเต็มที่เพื่อทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศไทยให้ดีสุด

“เพื่อเป็นกำลังให้กับตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ทั้งสองทีม อสมท ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์ทีมไทยให้สามารถคว้าแชมป์นานาชาติในครั้งนี้ภายในงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี พร้อมชมการถ่ายทอดสดได้ตั้งแต่เวลา 14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ติดตามรายละเอียดการแข่งขันได้ทาง www. aburobocon2011.com” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวในที่สุด

การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ หรือ ABU Asia-Pacific Robot Contest (ABU Robocon) เริ่มเมื่อปีพ.ศ. 2543(ค.ศ.2000) โดยประเทศสมาชิก ABU (The Asia-Pacific Broadcasting Union) มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ที่ประดิษฐ์โดย นักศึกษาของ ภูมิภาค ในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา เป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อพัฒนาการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความคิดสร้างสรรค์ และ การพัฒนาทักษะในการประดิษฐ์นวัตกรรมของเยาวชนให้มีความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจได้อย่างทัดเทียมกัน ควบคู่ไปกับการเชื่อมความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน
————
การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเป็นประจำทุกปี คือ ประเทศไทย (2546/2003) เกาหลี (2547/2004) จีน (2548/2005) มาเลเซีย (2549/2006) เวียดนาม (2550/2007) อินเดีย (2551/2008) ญี่ปุ่น (2552/2009) และอียิปต์ (2553/2010)

ปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) เป็นปีที่ครบรอบทศวรรษของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีกครั้ง ซึ่งในปีนี้ได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงามบางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล นั่นคือหัวใจของเกมการแข่งขันนี้ โดยจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี

สำหรับทีมที่เข้าแข่งขันนั้น แต่ละประเทศ ส่งตัวแทนได้ ประเทศละ 1 ทีม ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ส่งได้ 2ทีม โดยแต่ละทีม จะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกัน เท่านั้น

ทีมเข้าแข่งขันแต่ละทีมสร้างหุ่นยนต์ทั้งหมดไม่เกิน 3 ตัว ประกอบด้วย หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) และ หุ่นยนต์อัตโนมัติ 1 หรือ 2 ตัว (Automatic Robots) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) ต้องทำภารกิจแรกให้สำเร็จด้วยการหยิบกระถางธูป จำนวน 3 กระถาง นำไปวางไว้บนเสา ก่อนการทำภารกิจอื่นๆ หลังจากนั้นหุ่นยนต์บังคับด้วยมือ นำฐานต้นเทียน ไปวาง ณ จุดตกแต่ง (Decoration Point) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือนำธูปเตรียมไปใช้ในการประกอบกระทง

หุ่นยนต์อัตโนมัติ นำกลีบกระทง และดอกไม้ ทำการประกอบกระทง ภายหลังจากที่ ทำภารกิจนี้เสร็จ หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ จึงจะสามารถนำ ไปเสียบลงไปในกระทง หลังจากนั้น หุ่นยนต์อัตโนมัติ ยกกระทงที่ประกอบเสร็จ นำไปปล่อยลงใน ในฝั่งของตนเอง โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ

ท้ายสุด หุ่นยนต์อัตโนมัติ เพียง 1 ตัว จะนำเปลวเทียน ไปปล่อยเพื่อสวมลงบนต้นเทียนบนกระทง ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ (River Surface) โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ และกระทง ที่ประกอบเสร็จเแล้ว ทีมใดที่สามารถปล่อยเปลวเทียน ลงบนต้นเทียน ได้สำเร็จก่อน ทีมนั้นเป็น ฝ่ายชนะ”การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ สีแดง และ สีน้ำเงิน การแข่งขันจะใช้เวลาทั้งหมด 3 นาที

View :3299

สนช. ตอกย้ำศักยภาพไทยเป็นครัวโลก จัดประชุมนานาชาติด้านนวัตกรรมอาหารโชว์เทรนด์นวัตกรรมอาหารในอนาคต

August 6th, 2011 No comments

ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น แนวโน้มการผลิตและบริโภคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจึงเพิ่มขึ้นตามมาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ถือแนวคิดที่ว่า “การป้องกันดีกว่าการรักษา” อาหารจึงไม่เป็นเพียงปัจจัยในการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารจึงจำเป็นต้องมีการแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ และนำมาผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง รวมไปถึงการใช้ความได้เปรียบของสภาพแวดล้อมของประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เพื่อสร้างผลผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลก

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. จึงได้จัดงานประชุมสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติเกี่ยวกับอาหารในโลกอนาคตขึ้น ภายใต้ชื่องาน “InnovAsia 2011: Food in the Future (FIF2011)” ระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2554 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และต่อยอดความคิดให้ผู้ประกอบการและบุคคลากรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร อันจะนำไปสู่การวิจัย และการขยายตัวทางธุรกิจต่อไปในอนาคต

นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. เปิดเผยว่า “สนช.ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมอาหารอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย จึงได้ริเริ่มการจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติเกี่ยวกับอาหารในโลกอนาคต หรือ InnovAsia 2011: Food in the Future (FIF2011) ขึ้น โดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารที่อยู่ในกระแสความสนใจของผู้บริโภค 4 ด้านทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ อาหารเพื่อบำรุงสมอง (Food for Brain) อาหารเพื่อความสวยงามและต้านความชรา (Food for Beauty & Anti-Aging) อาหารเพื่อการควบคุมน้ำหนัก (Food for Weight Management) และอาหารเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน (Food for Well-Being) นอกจากนี้ ยังมีการเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองด้านการตลาด และกฎเกณฑ์และข้อบังคับ

การจัดงานครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ การประชุมสัมมนา ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในเอเชีย และยุโรป รวม 25 ท่าน สำหรับส่วนนิทรรศการ จะเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอาหารของผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศนอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงโปสเตอร์ผลงานวิจัยและพัฒนาที่สามารถนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เด่นที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพ ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์สารให้พลังงานของสิ่งมีชีวิต อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคในวัยชราได้เป็นอย่างดี โยเกิร์ตสำหรับควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตนั้นสามารถคงอยู่ได้ในสภาวะที่เป็นกรดของระบบย่อยอาหาร จึงช่วยคงคุณสมบัติทางด้านโพรไบโอติกของจุลินทรีย์ในระบบย่อยอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก ที่มีสารกลาบริดินสูงมากกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดอื่น และมีคุณสมบัติเด่นด้านต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเกิดเมลานิน รวมทั้งสามารถลดปริมาณไขมัน สารสกัดเซราไมด์จากสับปะรดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อความงาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นเซราไมด์ชนิดแรกที่สกัดได้จากผลไม้ โดยมีคุณสมบัติเด่นทางด้านสร้างความกระจ่างใสให้เซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และคุณสมบัติต้านการอักเสบ และผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวพร้อมดื่มสำหรับลดความดันโลหิตและลดคลอเรสเตอรอล

สนใจเข้าร่วมฟังการประชุมสัมมนาสามารถลงทะเบียนได้ที่ www..or.th/fif2011 หรือสอบถามที่ 02-644-6000 ต่อ 113 (ปณิศรา) หรือ panizara@.or.th

View :1949

ก.ไอซีที แนะวิธีหลีกเลี่ยงภัยจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ในลักษณะ Impersonation

August 6th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า การเกิดขึ้นของสังคมเครือข่าย () เช่น facebook, hi5, twitter ได้ทำให้เกิดช่องทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ๆ ในลักษณะของการ “บอกต่อ” หรือ “ปากต่อปาก” ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม รวมทั้งได้ ทำให้อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในการกำหนด และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนไทยทั้งที่เป็นผู้รับสารรวมถึงผู้บริโภคมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นอกจากการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสังคมออนไลน์แล้ว ยังมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่ใช้ไปในทางไม่เหมาะสม เช่น การเผยแพร่ข้อมูล เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของบุคคล สถาบัน หรือก่อความไม่สงบ โดยปัจจุบันมีภัยจากเครือข่ายสังคมออนไลน์รูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นจากการที่มิจฉาชีพสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ปลอมเพื่อหลอกลวงให้ผู้อื่นเชื่อว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังกล่าวเป็นของผู้นั้นจริง โดยผู้ที่ทำการลอกเลียนแบบเครือข่ายสังคมออนไลน์นั้น จะพยายามสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับของผู้ที่ถูกทำ ส่งผลให้ผู้ใช้บริการคนอื่นเข้าใจผิดว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของผู้ที่ถูกทำฯ ซึ่งอาจส่งกระทบในทางลบทั้งในโลกออนไลน์และในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น เมื่อประสบภัย Impersonation วิธีการปฏิบัติ คือ หากเป็นผู้ที่ถูกกระทำ Impersonation ใน twitter ที่จะมีคนติดตาม หรือ Follow ซึ่งระบบนี้จะมีกล่องข้อความแจ้งชื่อผู้ติดตามให้ทราบ โดยผู้ที่ถูกกระทำไม่ควรยกเลิกการแสดงข้อความดังกล่าว เพราะจะเป็นหลักฐานว่ามีใครบ้างที่ติดตามเรา ซึ่งปกติแล้วผู้ที่กระทำ Impersonation จะทำการติดตามผู้ที่ถูกกระทำ Impersonation เพื่อสังเกตพฤติกรรมและคอยติดตามลักษณะการพูดคุยและการดำเนินชีวิตประจำวันบนโลกออนไลน์ของบุคคลดังกล่าว ซึ่งข้อความเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานได้

ส่วนผู้ที่ถูกทำ Impersonation ในเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่น ควรดำเนินการเก็บรวบรวมหลักฐานทันที เมื่อทราบว่ามีผู้กระทำ Impersonation โดยอ้างอิงชื่อเรา หลังจากดำเนินการเก็บรวบรวมหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ควรจะแจ้งให้ผู้ใช้อื่นที่ติดตามเราในเครือข่ายทราบว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ดังกล่าวไม่ใช่ตัวตนของเราพร้อมแจ้งให้ทราบว่าการสนทนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการสนทนาของเรา

จากนั้นดำเนินการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เช่น สำนักป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการออกหนังสือในการยื่นคำร้องขอ IP Address จากทางบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อเป็นหนึ่งในหลักฐานในการสืบหาตัวผู้กระทำผิดและเป็นหลักฐานในการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

View :1488

เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ผนึกดีแทค ส่งแคมเปญ ‘dtac special deal’

August 4th, 2011 No comments

มอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดคุ้ม รับสิทธิ์ซื้อดีลใหม่สุดพิเศษทุกวันศุกร์บนเว็บไซต์เอ็นโซโก้
สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าดีแทคและแฮปปี้ ตั้งแต่วันนี้ – 29 ก.ย. ศกนี้

ดีแทค ผนึก เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ผู้นำเว็บไซต์ธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของไทย แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ขนาดใหญ่ซึ่งรวมประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดคุ้มของดีลผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำมากมายมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษกว่า 50-90% ร่วมประกาศความคืบหน้าความร่วมมือทางธุรกิจล่าสุด ภายใต้แคมเปญ ‘ special deal’ ส่งตรงประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดคุ้ม มอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าดีแทคและแฮปปี้ เพียงลงทะเบียนผ่าน www.ensogo.com รับสิทธิ์ซื้อดีลใหม่สุดพิเศษจากร้านชั้นนำทั่วไทยในทุกวันศุกร์บนเว็บไซต์เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ได้ตั้งแต่วันนี้ – 29 ก.ย.ศกนี้

นายทอม ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) เปิดเผยว่า “ทั้งภาพลักษณ์แบรนด์และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกันของทั้งสองบริษัท จึงนำมาสู่ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งสำคัญนี้ เราได้นำร่องเปิดตัวแคมเปญ ‘dtac special deal’ เพื่อนำเสนอสิทธิ์รับซื้อดีลพิเศษสุดคุ้มจากร้านชั้นนำของเมืองไทยให้แก่ลูกค้าดีแทคและแฮปปี้โดยเฉพาะ เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แคมเปญนี้ได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้า ทุกดีลพิเศษที่เปิดตัวในช่วงที่ผ่านมาสามารถจำหน่ายคูปองได้ทั้งหมดในเวลารวดเร็วหลังเปิดการจำหน่าย ยิ่งกว่านั้นบริษัทยังมียอดสมาชิกที่เป็นลูกค้าดีแทคเพิ่มขึ้นกว่า 10% จากเดิม ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์หลังเปิดตัวแคมเปญนี้”

“แคมเปญนี้ถือเป็นการเปิดตัวความร่วมมือทางธุรกิจครั้งแรกของเรา หลังจาการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายธุรกิจของลีฟวิ่งโซเชียล บริษัทออนไลน์ออนไลน์ชั้นนำของโลกที่มียอดสมาชิกผู้สมัครใช้บริการเกือบ 40 ล้านคนจาก 21 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก และบริษัทจะยังคงเดินหน้าเพื่อมอบความคุ้มค่าในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการให้แก่สมาชิกและพันธมิตรธุรกิจของเราในเมืองไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” นายทอม กล่าว

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “ความร่วมมือทางธุรกิจกับเอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ครั้งนี้เกิดจากการที่ดีแทคตั้งใจจะมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมให้กับลูกค้าของดีแทคและแฮปปี้นอกเหนือจากบริการหลักของเรา โดยเน้นตอบสนองตวามต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งปรากฏว่าข้อเสนอของเราได้รับการตอบรับดีมาก ดีลพิเศษที่เรามอบให้ในแต่ละสัปดาห์มีลูกค้าดีแทคใช้สิทธิ์ในเวลารวดเร็วและมีหลายดีลที่ลูกค้าใช้สิทธิ์หมดภายในวันแรกที่นำเสนอด้วย นอกจากนั้นยังทำให้เราเห็นแนวโน้มการใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตของลูกค้าจากการใช้สิทธิ์ซื้อดีลผ่านมือถือที่เริ่มมีมากขึ้นโดยจากสามสัปดาห์ที่เราเปิดตัวมามีลูกค้าดีแทคซื้อคูปองผ่านมือถือคิดเป็น 5% ของลูกค้าทั้งหมดและคาดว่าจากการที่มีลูกค้าที่ใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นจะช่วยกระตุ้นให้การใช้งานประเภทนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ประกอบกับกระแสความนิยมกับสื่อออนไลน์และเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังเพิ่มสูง เราจึงเลือกเป็นพันธมิตรธุรกิจกับเอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวมประสบการณ์ไลฟ์สไตล์จากร้านชั้นนำทั่วประเทศ มานำเสนอเป็นดีลพิเศษที่มีความคุ้มค่าสูงสุด และดีแทคก็ยังคงเดินหน้านำเสนอบริการและประสบการณ์ที่มีความแปลกใหม่ คุ้มค่าและดีที่สุด มามอบให้กับลูกค้าของเราต่อไป”

View :1722

เอชทีซีจับมือเอไอเอสเปิดตัว HTC ChaCha เฟสบุ๊คโฟนรุ่นแรก

August 4th, 2011 No comments

เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น ผู้ออกแบบสมาร์ทโฟนระดับโลก จับมือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (เอไอเอส) เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับผู้คนในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่ผสมผสานความเรียบง่ายและสะดวกสบายในการใช้งาน เข้ากับฟังก์ชั่นของ HTC SenseTM และทำให้การเข้าถึงเฟสบุ๊คได้ง่ายกว่า ทั้งนี้ มาพร้อมกับปุ่มสำหรับเฟสบุ๊คโดยเฉพาะ แค่สัมผัสเดียวก็เรียกใช้ฟังก์ชั่นหลักของเฟสบุ๊คที่ถูกผสานรวมไว้ใน HTC Sense ได้อย่างครบถ้วน

HTC ChaCha


นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เอชทีซีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำตลาดร่วมกับเอไอเอสอีกครั้ง ในรุ่นเรือธงของเอชทีซี นั่นคือ HTC ChaCha เฟสบุ๊คโฟนที่เอาใจสาวกเฟสบุ๊ค และโซเชียลมีเดียตัวจริง เพราะเพียงกดปุ่มเดียวก็สามารถอัพเดทสถานะในเฟสบุ๊ค อัพโหลดรูป เช็คอิน แชร์ข้อมูลต่างๆ ให้กับเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊คของคุณได้ทันที เช่น ระหว่างฟังเพลงอยู่ถ้ากดปุ่มเฟสบุ๊ค เพลงก็จะถูกอัพโหลดขึ้นและสามารถบอกให้เพื่อนๆ รู้เลยว่าคุณกำลังฟังเพลงอะไรอยู่ พร้อมทั้งแอพพลิเคชั่น Facebook Chat ที่ติดตั้งมาให้ในตัวเครื่องเพื่อให้ลูกค้า Chat กับเพื่อนๆ ที่ออนไลน์บนเฟสบุ๊คอยู่ได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่รหัสอะไรเพิ่ม นอกจากนั้น HTC ChaCha หน้าจอยังเป็นทั้งระบบทัชสกรีนและเป็นรุ่นเดียวที่มีคีย์บอร์ดแบบคิวเวอร์ตี้ ซึ่งออกแบบให้เหมาะมือและจับถนัดสำหรับกลุ่มสาวกเฟสบุ๊คที่ชอบแชร์และแชทโดยเฉพาะ นับเป็นสมาร์ทโฟนสุดยอดที่ เอชทีซีผลิตออกมา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยแท้จริง”

นายณัฐวัชร์ กล่าวต่อว่า “HTC ChaCha เป็นอีกหนึ่งรุ่นเรือธงที่จะเจาะตลาดกลุ่มคนชอบเล่นเฟสบุ๊ค ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงาน เอชทีซี จึงเลือก นท พนายางกูร เดอะสตาร์ 7 เป็นพรีเซนเตอร์ สำหรับรุ่นนี้ เพราะนท เป็นไอดอล ขวัญใจวัยรุ่นที่มีความสามารถและเป็นที่จับตามอง นทมีแฟนคลับบนเฟสบุ๊คมากกว่า 80,000 คน เป็นพลังดึงดูดที่มากพอ และที่สำคัญเป็นคนที่อัพเดตเฟสบุ๊คในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว”

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ อาวุโส สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า “Quality DNAs เป็นหัวใจหลักที่เอไอเอสให้ความสำคัญและทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์มาโดยตลอดตามหลักของ Ecosystem เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกๆ กลุ่ม ซึ่ง Device คือ 1 ในการทำงานดังกล่าว สำหรับความร่วมมือล่าสุดกับเอชทีซีที่นำเอา HTC ChaCha เฟสบุ๊คโฟนตัวแรกมาจำหน่ายนั้น ถือว่าเป็น Segment Phone ที่ชัดเจนมากในการตอบโจทย์ Trend การเติบโตของสาวกเฟสบุ๊คในไทยซึ่งมีอัตราสูงสุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ และเมื่อใช้งานบนเครือข่าย 3G, Wifi และ EDGE Plus ทั่วไทย จากเอไอเอส พร้อมแพ็คเกจสุดคุ้ม คือ เล่นเน็ต เดือนละ 200 เมกะไบต์ นาน 12 เดือน ก็จะยิ่งทำให้คุณสามารถออนไลน์เฟซบุ๊คได้ อย่างสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่าสุดๆแน่นอน ”

ปุ่มเฟสบุ๊คบน HTC ChaCha มีการส่งสัญญาณส่วนเนื้อหาต่างๆ ที่สามารถแชร์บนเฟสบุ๊คได้ คือ จะมีแสงเรืองบริเวณปุ่มเพื่อแจ้งเตือนในขณะที่กำลังใช้โทรศัพท์ในเนื้อหาส่วนนั้นๆ สามารถแบ่งปันหรืออัพเดตข้อมูลบางอย่างขึ้นสู่เฟสบุ๊คได้ หรือเมื่อมีการกดปุ่มดังกล่าว ก็สามารถอัพเดตสถานะ อัพโหลดภาพถ่าย แชร์เว็บไซต์ โพสต์เพลงโปรด เช็กอินสถานที่ต่างๆ ฯลฯ ได้ทันที เป็นเรื่องง่ายมากบน HTC ChaCha ที่จะถ่ายภาพเพื่อนๆ แล้วอัพโหลดขึ้นตรงสู่เฟสบุ๊คได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว หรือระหว่างที่ฟังเพลงโปรดก็สามารถแชร์กับเพื่อนบนเฟสบุ๊คได้ด้วยปุ่มพิเศษดังกล่าวเช่นกัน โดยเพลงที่กำลังฟังอยู่จะถูกตรวจสอบค้นหาชื่อเพลงแล้วแชร์บนเฟสบุ๊คให้ในทันที”

HTC ChaCha ทำงานบนแอนดรอยด์จินเจอร์เบรด 2.3.3 ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด และยังมาพร้อมกับ HTC Sense ตัวใหม่ที่ผสานเฟสบุ๊คเข้ากับทุกๆ ส่วนของประสบการณ์บน HTC Sense ได้อย่างกลมกลืน ทันทีที่ต้องการโทรออก หน้าจอก็จะแสดงอัพเดตล่าสุดของเพื่อนคุณพร้อมภาพถ่าย และบอกได้แม้กระทั่งวันเกิดของเพื่อนคนดังกล่าวที่กำลังมาถึง เช่นเดียวกับเวลารับสายจากเพื่อนที่มีโพรไฟล์อยู่บนเฟสบุ๊ค คุณก็จะได้รับข้อมูลอัพเดตเหล่านี้ทันที หรือจะใช้สมุดโทรศัพท์บนเครื่องเพื่อติดต่อกับเพื่อนบนเฟสบุ๊คก็ทำได้เช่นกัน ที่สำคัญยังมาพร้อมกับวิดเจ็ตเกี่ยวกับเฟสบุ๊คมากมายที่ให้คุณเลือกใช้ตกแต่งหน้าจอได้อย่างเพลิดเพลินด้วย

สมาร์ทโฟน HTC ChaCha ใช้งานง่ายกว่าในการเชื่อมต่อกับเพื่อนด้วย Facebook Chat และแมสเสจผ่านโทรศัพท์มือถือของคุณโดยตรง ทั้งข้อความและบทสนทนาบนเฟสบุ๊คจะถูกรวมไว้บนโทรศัพท์ และปรากฏอยู่ในกล่องรับข้อความและอีเมลควบคู่ไปกับการสนทนาตามปกติได้อย่างกลมกลืน

เชื่อมต่อได้สะดวกกว่าด้วยสมาร์ทโฟนสำหรับเฟสบุ๊คเจเนอเรชั่น – HTC ChaCha

HTC ChaCha ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาได้อย่างกลมกลืน มอบมิติใหม่ในการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค ให้คุณได้ใกล้ชิดกับเพื่อนได้มากกว่าเดิมจากทุกที่ทุกเวลา ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องแบบโค้งเล่นระดับอันโดดเด่นและคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ทำให้สะดวกขึ้นในการอ่านและง่ายขึ้นในการพิมพ์ข้อความ เช่นเดียวกันกับการบันทึกวินาทีพิเศษของคุณที่สามารถเก็บรายละเอียดได้คมชัดแบบไฮเดฟ หรือจะพูดคุยกันผ่านวิดีโอก็ง่ายขึ้นด้วยกล้องคู่ คุณภาพระดับ 5 ล้านพิกเซลพร้อมโฟกัสภาพอัตโนมัติและแฟลชแบบแอลอีดี และกล้องด้านหน้าแบบวีจีเอ ส่วนหน้าจอสัมผัสนั้นมีขนาด 2.6 นิ้ว ที่ความละเอียด 480 x 320 พิกเซล และกล่าวได้ว่า HTC ChaCha ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ทำให้คุณใกล้ชิดกับโลกอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นอีกระดับอย่างแท้จริง

สมาร์ทโฟน HTC ChaCha วางจำหน่าย 2 สี คือ สีขาว และสีดำ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่านเอไอเอสช็อป และตัวแทนจำหน่ายของเอชทีซี และพิเศษสุดสำหรับลูกค้าของเอไอเอส สามารถสมัครแพ็กเกจ 149 บาทต่อเดือน โดยจะได้รับจีพีอาร์เอส 200 เมกะไบต์ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน (เมื่อสมัครแพ็กเสริมเดือนละ 149 บาท เพียงโทร *212330) ได้รับสิทธิ์นี้ทั้งลูกค้าในระบบจีเอสเอ็มและวัน-ทู-คอล! ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม ศกนี้ สำหรับราคาจำหน่ายของ HTC ChaCha นั้นอยู่ที่ 8,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์)

View :2056

RIM เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด5 รุ่น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7

August 4th, 2011 No comments

ริม จับมือพันธมิตรคู่ค้ากว่า 225 รายทั่วโลก เพื่อเปิดตัวแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด

รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – ) ประกาศแผนการที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุด 5 รุ่น ซึ่งมาพร้อมการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 (BlackBerry® 7) ทั้งนี้ ริม พร้อมด้วยพันธมิตรผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก วางแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ (BlackBerry® Bold™) 2 รุ่น และสมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช (BlackBerry® Torch™) 3 รุ่น ซึ่งจะทำงานด้วยสุดยอดระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด แบล็กเบอร์รี่ 7

การเปิดตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์มือถือในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเปิดตัวในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของริม ทั้งนี้ พันธมิตรผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จัดจำหน่ายกว่า 225 รายทั่วโลกได้เริ่มต้น และบางส่วนได้เสร็จสิ้นการเข้าร่วมโปรแกรมอบรมรับรองเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มือถือทั้ง 5 รุ่นดังกล่าวแล้วกว่า 500 โปรแกรม

ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน 5 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นี้ เกิดจากการผสมผสานความล้ำหน้าทางแพลตฟอร์มด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของริม ซึ่งจะนำเสนอทางเลือกด้านรูปลักษณ์ที่มีความหลากหลายให้แก่ผู้ใช้ พร้อมยังนำเสนอที่สุดแห่งการติดต่อสื่อสาร มัลติมีเดีย และประสิทธิผลการทำงานไปพร้อมๆ กัน

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 รุ่นใหม่ล่าสุด เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความบางเฉียบที่สุดของริม โดยทั้งสองรุ่น จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาดใหญ่และสุดยอดหน้าจอระบบสัมผัสที่รวมไว้ในเครื่องเดียวกัน ด้านแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งใช้รูปลักษณ์อันโดดเด่นของแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 เป็นการผสมผสานกันระหว่างหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ เข้ากับคีย์บอร์ดแบบสไลด์ที่มีความสะดวกต่อการใช้งาน และสำหรับแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 จะนำเสนอรูปโฉมใหม่ล่าสุด ด้วยรูปแบบหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด ถือเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

มร. ไมค์ ลาซาริดิส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “การเปิดตัวในครั้งนี้นับว่าเป็นการเปิดตัวแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา โซลูชั่นแบล็กเบอร์รี่ นำเสนอประสบการณ์ด้านระบบการสื่อสารบนมือถือชั้นนำ ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และเราคิดว่าลูกค้าของเราจะตื่นเต้นไปกับประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น การท่องเว็บแบบไร้ช่องโหว่ และลูกเล่นของระบบมัลติมีเดียที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะถูกนำเสนอผ่านสุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ และแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช”

“แบล็กเบอร์รี่ 7”

ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นำเสนอระบบเว็บเบราว์เซอร์ของแบล็กเบอร์รี่รุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยการตอบสนองที่ฉับไว มอบประสบการณ์การท่องเว็บที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น หนึ่งในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ทั้งยังผสานรวมการทำงานของเบราว์เซอร์ตระกูล WebKit อันล้ำหน้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเต็มที่ เข้ากับการยกระดับวัสดุฮาร์ดแวร์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ไว้บนสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นำเสนอการแสดงผลภาพได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 (BlackBerry® 6) ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และเร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 5 (BlackBerry® 5) ถึง 100 เปอร์เซ็นต์* ทั้งนี้ ความสามารถที่ถูกพัฒนาไว้ในระบบเว็บเบราว์เซอร์ของแบล็กเบอร์รี่รุ่นล่าสุดนี้ ยังจะช่วยปรับระบบการซูมและขยายภาพ เพื่อการท่องเว็บไซต์แบบไร้ช่องโหว่มากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับความสามารถของ HTML5 เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมส์และเล่นวิดีโอที่ยอดเยี่ยมที่สุด

กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากริม ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี BlackBerry Liquid GraphicsTM โดยสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจะมีการผสานรวมโปรเซสเซอร์สำหรับควบคุมประสิทธิภาพการแสดงผลด้านกราฟิกอันยอดเยี่ยมโดยเฉพาะ เข้ากับซีพียูที่ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด และการแสดงผลภาพด้วยความละเอียดสูงสุดจนน่าทึ่ง เพื่อตอบสนองการใช้งานหน้าจอระบบสัมผัสอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสุดยอดกราฟิกที่มีความรวดเร็วและไร้ข้อบกพร่อง

นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังคงสานต่อการนำเสนอประสบการณ์ด้านระบบการสื่อสารบนมือถือชั้นนำของโลก ด้วยการผสานกันของโทรศัพท์ อีเมล์ ข้อความ และโซเชี่ยลแอพพลิเคชั่นที่มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานไม่ขาดการติดต่อและใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิผลได้ตลอดวัน ทั้งนี้ การพัฒนาล่าสุด ประกอบด้วย โปรแกรม BBM™ (BlackBerry® Messenger) เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งขยายประสบการณ์การสื่อสารแบบเรียลไทม์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BBM ไปยังแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย แอพพลิเคชั่น Social Feeds เวอร์ชั่นอัพเดท (2.0) ได้ถูกขยายออกให้รวบรวมการอัพเดทจากมีเดีย Podcasts รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้จัดให้อยู่ในหมวด favorites นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่น Facebook® for BlackBerry smartphones (2.0) ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Facebook chat และการเชื่อมต่อเข้ากับโปรแกรม BBM ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มเพื่อนบน Facebook ในรูปแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นที่เป็น pre-loaded และความสามารถด้านการทำงานอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อการใช้งานที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น และการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด แอพพลิเคชั่น Documents To Go เวอร์ชั่นพรีเมี่ยม ยังได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ซึ่งสามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งนำเสนอฟีเจอร์แก้ไขเอกสารชั้นยอด รวมทั้งฟีเจอร์สำหรับการเปิดดูเอกสาร PDF แบบต้นฉบับ ทั้งยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่น BlackBerry® Protect ซึ่งเป็น pre-loaded** ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถวางใจได้ว่าสามารถทำการสำรองข้อมูลส่วนตัว และเก็บรักษาไว้ได้อย่างปลอดภัย แอพพลิเคชั่น BlackBerry® Balance ก็ได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่ทั้งในเชิงการทำงานและการใช้งานส่วนตัว โดยไม่ต้องกังวลกับความต้องการของเจ้าหน้าที่แผนกไอทีขององค์กร เพื่อระบบการรักษาความปลอดภัยอันล้ำหน้าและการควบคุมนโยบายไอที ยิ่งไปว่านั้น ความสามารถของระบบ Universal Search ยอดฮิต ก็ได้ถูกพัฒนาด้วยความสามารถในการรองรับการค้นหาด้วยการใช้เสียง โดยผู้ใช้งานเพียงพูดคำที่ต้องการค้นหา ทั้งการค้นหาข้อมูลภายในตัวเครื่องและเว็บไซต์

แพลตฟอร์มใหม่

กลุ่มผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากริม ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นบนแพลตฟอร์มเปี่ยมประสิทธิภาพใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนความล้ำสมัยด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 โดยสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นยังมาพร้อมคุณสมบัติที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ทั้งโปรเซสเซอร์ 1.2 GHz, ความสามารถในการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และกราฟิกความละเอียดสูงแบบ 24 bit รวมไปถึงระบบเซ็นเซอร์ล้ำสมัยที่ช่วยเสริมประสบการณ์ที่มีความสมจริงมากยิ่งขึ้นของแอพพลิเคชั่นที่ผสานเข้ากับ BBM 6 อาทิ Wikitude ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอที่สุดแห่งการติดต่อสื่อสาร มัลติมีเดีย และประสิทธิผลการทำงานสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลกโดยเฉพาะ

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส และคีย์บอร์ด

Bold9900


สมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 นับเป็นแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนที่มีขนาดบางที่สุด (เพียง 10.5 มิลลิเมตร) และยังเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกที่นำเสนอการผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างคีย์บอร์ดประสิทธิภาพสูง และหน้อจอระบบสัมผัส ภายใต้การดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ โดยสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 รุ่นใหม่ล่าสุด ยังเป็นแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนสองรุ่นแรกที่มาพร้อมการรองรับ NFC (Near Field Communications) เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานใหม่ๆ และน่าสนใจมากมาย ประกอบด้วย ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม หรือการอ่านแท็ก SmartPoster ง่ายๆ ด้วยการแตะไปบนสมาร์ทโฟน และด้วยภายใต้รูปลักษณ์การดีไซน์อย่างงดงาม คีย์บอร์ดที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหน้าจอระบบสัมผัสแสดงผลชั้นยอด สมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม ทั้งตัวเครื่องทำจากสแตนเลสสตีลขัดลาย และฝาหลังตัวเครื่องน้ำหนักเบา ทว่าแข็งแรง ทนทาน สร้างความประทับใจให้แก่ทุกสัมผัส

แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส และคีย์บอร์ดแบบสไลด์

Torch9810


แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 รุ่นล่าสุดนี้ สร้างสรรค์ขึ้นจากรูปลักษณ์อันโดดเด่นของแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 มาพร้อมการตอบสนองฉับไว และลื่นไหลมากยิ่งขึ้น จากคุณสมบัติพิเศษของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เปี่ยมประสิทธิภาพ รวมไปถึงระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ที่ช่วยเสริมสมรรถนะการใช้งานด้านมัลติมีเดียเหนือระดับ โดดเด่นด้วยหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูง ขนาดใหญ่สบายตาขนาด 3.2 นิ้ว รวมถึงคีย์บอร์ดแบบสไลด์ตามแบบฉบับแบล็กเบอร์รี่ เพื่อใช้งานพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 คือ สมาร์ทโฟนที่สามารถตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างแท้จริง

แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส

Torch9860


แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 สมาร์ทโฟน มอบประสบการณ์การใช้งานอย่างลื่นไหล และตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจผ่านระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ภายใต้รูปโฉมใหม่ เพื่อรองรับระบบสัมผัสทั้งหมดโดยเฉพาะ ทั้งนี้ หน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว ถือเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน โดยสมาร์ทโฟนระบบสัมผัส แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 ได้รับการตั้งค่ามาอย่างลงตัว เพื่อรองรับการแสดงผลหน้าเว็บ รูปภาพ วิดีโอ และรองรับประสบการณ์การเล่นเกมได้อย่างไร้ที่ติ รวมไปถึงการนำเสนอประสบการณ์ในการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งได้รับความพึงพอใจจากผู้ใช้งานแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนหลายล้านคนทั่วโลก

กลุ่มผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด จะเริ่มวางจำหน่ายผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยรายละเอียดวันการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจากผู้ให้บริการแต่ละรายนั้น จะประกาศให้ทราบทั่วกันร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าของริม

View :1815

อสมท.จัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon 2011

August 3rd, 2011 No comments

ร่วมเชียร์เด็กไทย ชิงชัยกับ 17 ประเทศ 28 สค.นี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี
หลังจากจัดแข่งขันหุ่นยนต์ ABU ชิงชนะเลิศประเทศไทย ประจำปี 2554 เพื่อคัดเลือกทีมตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest กับประเทศต่างๆ ซึ่ง จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ประเทศไทยได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์เป็นกำลังใจให้กับ สองทีมตัวแทนตัวประเทศไทย ได้แก่ “ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แชมป์ประเทศไทย และ “ทีมซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร รองแชมป์ประเทศไทย เพื่อคว้าแชมป์ในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ครั้งที่ 10 ในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี พร้อมชมถ่ายทอดสด ตั้งแต่เวลา14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์

นายพรชัย ปิยะเกศิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานโทรทัศน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี หนึ่งในสมาชิกสหภาพวิทยุและโทรทัศน์แห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Broadcasting Union – ABU) และเป็นตัวแทนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ในการหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Asia-Pacific Robot Contest หรือ ABU Robocon และส่งทีมตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

“การแข่งขันหุ่นยนต์ ถือเป็นวิทยาการขั้นสูงของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ สอดคล้องกับบทบาทของอสมท ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านการสื่อสารที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารอยู่ตลอดเวลา กิจกรรมการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Robocon จึงเป็นกิจกรรมหลักของบริษัท ในการขับเคลื่อนโครงการซีเอสอาร์ ตอกย้ำภาพลักษณ์ “สังคมอุดมปัญญา” ของ อสมท ให้เด่นชัดมากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมภาพลักษณ์องค์กร ด้านการส่งเสริมนวัตกรรม สร้างภาพลักษณ์องค์กรทันสมัยได้อีกทาง”

สำหรับการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 หรือ ABU Robocon 2011 ในโอกาสครบรอบปีที่ 10 ของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน จึงได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงาม บางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ซึ่งเป็นหัวใจของเกมการแข่งขันนี้

โดยปีนี้มีทีมเยาวชนตัวแทนจาก 18 ประเทศ ได้แก่ บรูไน จีน อียิปต์ ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล รัสเซีย ศรีลังกา ตุรกี เวียดนามและไทย สำหรับประเทศลาว และรัสเซีย เพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้เป็นครั้งแรก เตรียมเดินทางมาเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งแต่ละประเทศสามารถส่งทีมตัวแทนได้ประเทศละ 1 ทีม ส่วนประเทศเจ้าภาพ ส่งได้ 2 ทีม รวมทั้งหมด 19 ทีม แต่ละทีมจะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกันเท่านั้น ทีมเยาวชนตัวแทนประเทศไทย มี 2 ทีม ได้แก่ ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 3 ประกอบด้วย นายน้ำเพชร สุขเกษม ,นายสุปรีชา เหมยเป็ง,นายจักรพงศ์ เพ็งแจ่มแจ้ง และดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และ “ทีมซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร รองแชมป์ประเทศไทย ประกอบด้วย นายประเสริฐ สะมะถะเขตการณ์ ,นายนคร คุยศรี ,นายวุฒิชัย ทิศกระโทก และ อ.บัณฑิต ออกแมน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ประธานคณะทำงานฝ่ายจัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia – Pacific Robot Contest 2011 กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ทีมตัวแทนประเทศไทยทั้ง 2 ทีมได้จัดสร้างหุ่นยนต์ สำหรับการแข่งขันขึ้นใหม่ทีมละ 3 ตัวโดยได้รับการสนับสนุนจาก อสมท ทีมละ 500,000 บาท พร้อมส่งมอบให้กับคณะกรรมการจัดการแข่งขันพร้อมกับทุกประเทศแล้วเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการฝึกซ้อมในโค้งสุดท้ายเพื่อชิงแชมป์ระดับนานาชาติในการแข่งขันที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้

นอกจากนี้ทั้ง 2 ทีมยังได้เปิดเผยด้วยว่า ในการจัดสร้างหุ่นยนต์เพื่อใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ ยังได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ดังกล่าวด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชรได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้เกิดการพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความสามารถได้ไม่แพ้กับหุ่นยนต์ของประเทศคู่แข่งที่สำคัญอย่างจีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องสถิติการทำเวลา ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เปิดเผยว่า สามารถทำสถิติได้เร็วที่สุด 45 -50 วินาทีในหนึ่งเกมส์การแข่งขัน

“เพื่อเป็นกำลังให้กับตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ทั้งสองทีม อสมท ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์ทีมไทยให้สามารถคว้าแชมป์นานาชาติในครั้งนี้ภายในงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี พร้อมชมการถ่ายทอดสดได้ตั้งแต่เวลา 14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ติดตามรายละเอียดการแข่งขันได้ทาง www. aburobocon2011.com” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวในที่สุด
————————————————————

การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ หรือ ABU Asia-Pacific Robot Contest (ABU Robocon) เริ่มเมื่อปีพ.ศ. 2543(ค.ศ.2000) โดยประเทศสมาชิก ABU (The Asia-Pacific Broadcasting Union) มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ที่ประดิษฐ์โดย นักศึกษาของภูมิภาค ในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา เป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อพัฒนาการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความคิดสร้างสรรค์ และ การพัฒนาทักษะในการประดิษฐ์นวัตกรรมของเยาวชนให้มีความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจได้อย่างทัดเทียมกัน ควบคู่ไปกับการเชื่อมความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน

การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเป็นประจำทุกปี คือ ประเทศไทย (2546/2003) เกาหลี (2547/2004) จีน (2548/2005) มาเลเซีย (2549/2006) เวียดนาม (2550/2007) อินเดีย (2551/2008) ญี่ปุ่น (2552/2009) และอียิปต์ (2553/2010)

ปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) เป็นปีที่ครบรอบทศวรรษของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีกครั้ง ซึ่งในปีนี้ได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงามบางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล นั่นคือหัวใจของเกมการแข่งขันนี้ โดยจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี

สำหรับทีมที่เข้าแข่งขันนั้น แต่ละประเทศ ส่งตัวแทนได้ ประเทศละ 1 ทีม ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ส่งได้ 2ทีม โดยแต่ละทีม จะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกัน เท่านั้น ทีมเข้าแข่งขันแต่ละทีมสร้างหุ่นยนต์ทั้งหมดไม่เกิน 3 ตัว ประกอบด้วย หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) และ หุ่นยนต์อัตโนมัติ 1 หรือ 2 ตัว (Automatic Robots) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) ต้องทำภารกิจแรกให้สำเร็จด้วยการหยิบกระถางธูป จำนวน 3 กระถาง นำไปวางไว้บนเสา ก่อนการทำภารกิจอื่นๆ หลังจากนั้นหุ่นยนต์บังคับด้วยมือ นำฐานต้นเทียน ไปวาง ณ จุดตกแต่ง (Decoration Point) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือนำธูปเตรียมไปใช้ในการประกอบกระทง

หุ่นยนต์อัตโนมัติ นำกลีบกระทง และดอกไม้ ทำการประกอบกระทง ภายหลังจากที่ ทำภารกิจนี้เสร็จ หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ จึงจะสามารถนำ ไปเสียบลงไปในกระทง หลังจากนั้น หุ่นยนต์อัตโนมัติ ยกกระทงที่ประกอบเสร็จ นำไปปล่อยลงใน ในฝั่งของตนเอง โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ

ท้ายสุด หุ่นยนต์อัตโนมัติ เพียง 1 ตัว จะนำเปลวเทียน ไปปล่อยเพื่อสวมลงบนต้นเทียนบนกระทง ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ (River Surface) โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ และกระทง ที่ประกอบเสร็จแล้ว ทีมใดที่สามารถปล่อยเปลวเทียน ลงบนต้นเทียน ได้สำเร็จก่อน ทีมนั้นเป็น ฝ่ายชนะ”การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ สีแดง และ สีน้ำเงิน การแข่งขันจะใช้เวลาทั้งหมด 3 นาที

View :1738

อพวช. เปิดฉากมหกรรมวิทย์ 54 จุดประกายความคิดผ่านสื่อมัลติมีเดีย

August 3rd, 2011 No comments

เตรียมพบกับปรากฏการณ์ตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์อีกครั้งในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ปี 2554 ที่นำทัพนิทรรศการเสมือนจริงในรูปแบบ 4 มิติ มาช่วยจุดประกายความคิดด้วยวิทยาศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ โดยในปีนี้มหกรรมวิทย์ฯ จะได้ร่วมเฉลิมฉลองปีเคมีสากล และปีป่าไม้สากล ไปพร้อมกับเทคโนโลยีมัลติมีเดียที่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ให้กับเยาวชน

(อพวช.) ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน เตรียมพร้อมเนรมิตพื้นที่กว่า 42,000 ตารางเมตร ของศูนย์ประชุมและนิทรรศการไบเทค บางนา ให้เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ที่สามารถรองรับผู้เข้าชมงานจากทั่วประเทศ เนื่องจากในแต่ละปีมีเยาวชนให้ความสนใจเดินทางเข้าชมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องขยายการจัดงานให้ยาวถึง 16 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-21 สิงหาคมนี้

ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการ อพวช. บอกว่า งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวติด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์” โดยยังคงนำเสนอเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ผ่านนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งต่างจากนิทรรศการทั่วไป

การจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองปีเคมีสากล และปีป่าไม้สากล โดยผู้จัดงานได้นำเทคโนโลยีมัลติมีเดีย รูปแบบใหม่ เขามาสร้างประสบการณ์เรียนรู้ให้กับเยาวชนผ่านสื่ออินเตอร์แอคทีฟ นิทรรศการและภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติ และ 4 มิติ ที่จะช่วยให้การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ

นิทรรศการหลักภายในงานมหากรรมวิทยาศาสตร์แห่งชาติปีนี้ ยังคงเน้นไปที่นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ที่นำเสนอพระวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” ที่ทรงวางรากฐานการพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทย และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” ที่ทรงพระราชทานหลักคิดสู่ปฏิบัติ พัฒนาประเทศบนวิถีพอเพียง รวมถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็ดพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและพระบรมศานุวงศ์

ตลอดจนนิทรรศการที่เชื่อว่าจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ในส่วนของนิทรรศการหลัก กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ซึ่งกำลังได้รับความสนใจ ซึ่งนิทรรศการครั้งนี้ได้จำลอง “ภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์” เพื่อให้เยาวชนได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง ร่วมสำรวจขั้วโลก และไขความลับบรรยากาศโลกในช่วงร้อยล้านปีที่ผ่านมา พร้อมปิดฉากด้วยภาพยนตร์ 4 มิติ ที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม

การทดลองมหัศจรรย์แห่งเคมี และเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกเป็นอีกนิทรรศการที่น่าสนใจ ไม่แพ้นิทรรศการเรียนรู้คุณค่าของน้ำแห่งชีวิต ผ่านม่านน้ำขนาดใหญ่ และมัลติเธียเตอร์ ก่อนจะปิดท้ายที่กับนิทรรศการเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ และคนพิการ ภายในบ้านแห่งความเท่าเทียม ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความประทับใจ และจุดประกายการเรียนรู้ให้กับเยาวชนได้ไม่แพ้นิทรรศการในครั้งที่ผ่านๆ มา

นอกจากนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับความร่วมมือจาก 100 หน่วงงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมจัดแสดงความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในงาน อาทิ การแสดงหุ่นขี้ผึ้งอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จาก มาดามทรูโซ ห้องเรียนทดลองวิทย์จากประเทศญี่ปุ่น บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยจากเยอรมนี เป็นต้น

ผู้อำนวยการ อพวช. กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน ไม่ต่ำกว่า 1,200,000 ล้านคน ใน 16 วัน ซึ่งปัจจุบันมียอดจองขอเข้าชมงานเป็นหมู่คณะแล้วไม่ต่ำกว่า 500,000 คน งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติในปีนี้ เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. ของวันที่ 6-21 สิงหาคมนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นวันที่ 9 สิงหาคม) วันเปิดงานอย่างเป็นทางการโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเสด็จเป็นประธานในพิธี

View :1925

เนชั่น จับมืออินเทล ชวนคอไอทีสนทนาเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต….NForum: NForum: Beyond Speed & Connected World: What’s Next?

August 3rd, 2011 No comments

เสาร์นี้ บ่ายโมงครึ่งเป็นต้นไป เนชั่น จับมืออินเทล ชวนคอไอทีสนทนาเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต….

• เทรนด์ของเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบรับกับความต้องการใ​นการทำงานและไลฟสไตล์ของคนใ​นปัจจุบัน
• การพัฒนาของเทคโนโลยีและพีซ​ีในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาและทิศทางในอนาค​ต
• เทคโนโลยีล้ำสมัยของอินเทลท​ี่มีในปัจจุบัน
• แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีในอ​นาคต

ผู้ร่วมเสวนา ได้แก่….

คุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ร่วมงานกับอินเทลมาตั้งแต่ต้นปี 2539 ในตำแหน่งผู้จัดการ-อินเทลอาคิเทคเจอร์ ประจำสำนักงานประเทศไทย โดยรับผิดชอบการเผยแพร่กลยุทธ์และเทคโนโลยีของอินเทล ตลอดจนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพัฒนาของวงการอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์แก่ผู้ใช้ ทั้งในกลุ่มองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปโดยตรง ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการในปัจจุบัน

คุณพาที สารสิน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด
(ปริญญาตรี บริหารธุรกิจและวิทยาการคอมพิวเตอร์ จาก Clark University มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
ปริญญาโท สื่อสารมวลชน (ภาพยนตร์และวิดีทัศน์) จาก มหาวิทยาลัยอเมริกัน วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา)

คุณสมเถา สุจริตกุล
ใช้นามปากกาว่า SP ในการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่มีกลิ่นอายเป็นเอเซีย ผลงานของสมเถาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ และได้รับรางวัลเกียรติคุณมากมายในต่างประเทศ ผลงานที่สำคัญได้แก่ “มาริสาราตี” Jasmine Nights, Aquilard กับ Absent Thee From Felicity Awhile (ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล John W.Campbell และรางวัล Hugo), Starship&Haiku (ได้รับรางวัล Locus Award), เรื่องสั้น The Dust (ได้รับรางวัล Edmund Hamilton Memorial Award ในปี 2525), เรื่องสั้นชุด Inquestor เรื่องศูนย์การค้าในอวกาศ Mallworld, ชุด Aquiiad, นวนิยายเรื่อง Starship&Haiku, รวมเรื่องสั้นชุด Fire From The Wine-Dark Sea, นวนิยายเรื่อง The Darkling Wind (ติดอันดับ Locus Bestseller)

คุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ค้าส่งอุปกรณ์ไอทีรายใหญ่ของไทย

ผู้ดำเนินรายการในงานนี้ก็ได้แก่ …..

1. วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง (@worawisut)
ผู้อยู่เบื้องหลัง ‘Marketing Hub’ คอลัมน์นิสต์ประจำ Bangkokbiznews.com และผู้ก่อตั้งเว็บ Appreview.in.th (@appreview)

2. ภิรดี พิทยาธิคุณ (@NuPink)
ทีมกองบรรณาธิการของเว็บ Thumbsup.in.th (@thumbsupTH)

ผู้สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการเสวนาที่น่าสนใจครั้งนี้ได้ที่นี่

https://spreadsheets.google.com/spreadsheet/viewform?formkey=dDM3cmV0WTRmeEQxVHhRMGNrajdiVlE6MA

View :1881