Archive

Author Archive

WD ปลื้มรายได้ไตรมาส 4 ทะลุ 2.4 พันล้านดอลลาร์

August 2nd, 2010 No comments

รายได้สุทธิ 265 ล้าน คิดเป็นมูลค่า 1.13 ดอลล่าห์ต่อหุ้น

รายได้ปีงบประมาณ ‘53 ปิดสวยงามที่ 9.8 พันล้านเหรียญฯ เติบโต 32%
รายได้สุทธิกำไร 5.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 185 %

กรุงเทพฯ –30 กรกฎาคม 2553– – เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ป (WD) หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีชื่อเสียงระดับโลก รายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2553 และงบการเงินประจำไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ สิ้นสุดวันที่ 2 กรกฎาคม 2553 สำหรับไตรมาสที่ 4 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2. 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ มียอดจัดส่งฮาร์ดไดร์ฟทั้งสิ้น 49.7 ล้านยูนิต มีรายได้สุทธิ 265 ล้านเหรียญฯ หรือมีกำไร 1.13 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลประกอบการดังกล่าวนี้ได้รวมตัวเลข 27 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้คดีฟ้องร้อง

สำหรับตัวเลขการเงินไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ มียอดจัดส่งฮาร์ดไดร์ฟ 40 ล้านยูนิต มีรายได้สุทธิ 196 ล้านเหรียญฯ หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.86 ดอลลาร์ ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 4 ของปีงบประมาณก่อนหน้านี้ได้รวมรายได้ 5 ล้านเหรียญฯ จากผลสรุปเกณฑ์พึงรับพึงจ่ายของการปรับโครงสร้างองค์กร และอีก 18 ล้านเหรียญฯ จากการขายโรงงานในซาราวัก ประเทศมาเลเซีย

จากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสของเดือนมิถุนายน WD มียอดเงินสด 363 ล้านเหรียญสหรัฐ ปิดตัวเลขเงินสดรวมและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ 2.7 พันล้านเหรียญฯ ตามประกาศก่อนหน้านี้ บริษัท ได้บรรลุข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการผลิตสื่อแม่เหล็กของ Hoya Corporation ในช่วงไตรมาสเดือนมิถุนายน โดยมีมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นเงินสด 233 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปีงบประมาณ 2553 บริษัทมีรายได้รวม 9.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายได้สุทธิ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีกำไร 5.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น เทียบกับผลประกอบการทางการเงินของปีก่อนหน้า WD มียอดรายได้รวม 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายได้สุทธิ 470 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกำไร 2.08 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ รายได้สุทธิชองปีงบประมาณ 2553 ได้รวมยอด 27 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของไตรมาสที่ 4 ในปีงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้คดีฟ้องร้อง สำหรับรายได้สุทธิของปีงบประมาณ 2552 ได้รวมตัวเลข 14 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายด้านงานวิจัยและการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ SiliconSystems, Inc รวมทั้งค่าใช้จ่ายการปรับโครงสร้างองค์กรจำนวน 112 ล้านเหรียญสหรัฐ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องจำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ และอีก 8 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายโรงงานในมาเลเซีย

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2553 อัตราการเติบโตทางธุรกิจของ WD เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 และมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 194 %

“แม้ว่าจะแผ่วกว่าอุปสงค์ที่คาดการณ์ไว้สำหรับช่วงไตรมาสเดือนมิถุนายน แต่ผลประกอบการปี 2553 เป็นอีกหนึ่งปีทองของ WD ที่เติบโตและมีผลกำไร” นายจอห์น คอยน์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Western Digital กล่าวและว่า “ความต้องการในระยะยาวสำหรับฮาร์ดไดร์ฟที่มีต้นทุนต่ำแต่ให้พื้นที่ความจุสูงยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาล และกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์เชิงพาณิชย์ การที่ WD มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลักนำเสนอสินค้าคุณภาพสูงในต้นทุนต่ำ และมีสินทรัพย์ทรงประสิทธิภาพเพื่อการเจริญเติบโตสูงสุดในตลาด เราเชื่อว่า WD ยังคงสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานที่มั่นคงและมีผลกำไร”

View :1827
Categories: Press/Release Tags:

“ซันโย” บุกสยามโอเชียนเวิลด์ ทดสอบกล้องวิดีโอกันน้ำ Xacti VPC-CA100

August 2nd, 2010 No comments

โชว์สุดยอดความคมชัดแห่งสีสันด้วย Full HD รายแรกของโลก!

บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด ดำดิ่งทดสอบคุณสมบัติความคมชัดใต้น้ำลึก 3 เมตร ของกล้องรุ่น Xacti VPC-CA100 กล้องวิดีโอกันน้ำแบบ Full HD (1920×1080) รายแรกของโลก! ณ สยามโอเชียนเวิลด์ ท้าพิสูจน์คุณสมบัติพิเศษถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 14.0 ล้านพิกเซล เทคโนโลยีซูมภาพ 12 เท่า เอาใจผู้ชื่นชอบถ่ายภาพระยะใกล้ด้วยมาโคร 1 ซม. จอภาพแอลซีดีกว้าง 2.7 นิ้ว ปรับหมุนจอได้ 285 องศา ชัดเจนทุกมุมมอง มีให้เลือก 3 สีได้แก่ ชมพู เหลือง และดำ เหมาะสำหรับผู้ชื่อชอบกิจกรรมทางน้ำ และผู้นิยมบันทึกภาพความทรงจำในรูปแบบวิดีโอแต่ต้องการความคล่องตัวในการเดินทาง เชิญพบกับศักยภาพที่เหนือชั้นได้แล้ววันนี้ ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ด้วยราคา 24,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมรับฟรี…ของสัมมนาคุณมากมาย อาทิ การ์ดหน่วยความจำ 16 GB, สาย HDMI, แบตเตอรี่ และซอฟท์เคส (Soft case) พร้อมผ่อนสบายๆ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน ด้วยบัตรเครดิต KTC บัตร GE และ K-Bank

View :1841

ตำรวจตรวจจับอินเตอร์เน็ตคาเฟ่พบซอฟต์แวร์เถื่อนบนเครื่องคอมพิวเตอร์รวมทั้งสิ้น 280 เครื่อง มูลค่ากว่า 4.3 ล้านบาท

July 29th, 2010 No comments

ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) เพิ่มความพยายามลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต หรืออินเตอร์เน็ต คาเฟ่ โดยระดมกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศ

ในระลอกแรกนี้ ตำรวจเข้าตรวจค้นอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ จำนวนแปดแห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพ หาดใหญ่ และหนองคาย และพบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์คิดเป็นมูลค่า 4.34 ล้านบาท

อินเตอร์เน็ต คาเฟ่ซึ่งถูกตรวจค้นในครั้งนี้ มีคอมพิวเตอร์ในครอบครองเฉลี่ยร้านละ35 เครื่อง ถูกตรวจพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ต่างๆ จริง เจ้าของอินเตอร์เน็ต คาเฟ่อาจต้องหยุดกิจการ ถูกปรับ และอาจถูกจำคุกได้

“ร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตเหล่านี้นับเป็นว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีการใช้งานคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมากในการสร้างรายได้และผลกำไร” พันตำรวจเอก ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ โฆษกของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) กล่าว “ธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏหมายลิขสิทธิ์เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ หากฝ่าฝืนก็จำต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย”

อีกหนึ่งผลงานของตำรวจไทย ที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมร้านค้าคอมพิวเตอร์สองแห่ง ที่ต้องสงสัยว่าจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ภายในงานแสดงสินค้าไอทีคอมมาร์ท

เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินตรวจภายในบริเวณงาน และพบผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์สองรายที่เสนอติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายให้กับลูกค้า จึงได้เข้าจับกุมผู้จัดจำหน่ายทั้งสองรายในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

“การใช้งานและจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อน เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายลิขสิทธิ์ไทยอย่างชัดเจน และเราจำเป็นต้องเตือนให้ธุรกิจต่างๆ ตระหนักถึงความร้ายแรงของผลที่จะตามมาจากการละเมิดกฎหมายด้วยการเข้าตรวจค้นจับกุม” พันตำรวจเอกชัยณรงค์กล่าว “ร้านค้าต่างๆ รู้ดีถึงความสุ่มเสี่ยงของการจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ภายในงานคอมมาร์ท เพราะเคยมีการตรวจตราและจับกุมในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อนแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เห็นได้ชัดว่าการจำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อนภายในงานลดลง แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง เราจึงยังมีงานต้องทำอีกมาก”

เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าของร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่รายหนึ่ง ร้องเรียนเรื่องการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์พันตำรวจเอกชัยณรงค์กล่าวว่า

“ผมไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องนี้ แต่จากความเข้าใจของผม เจ้าของอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ รายนี้ถูกตั้งข้อหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จากการตรวจพบว่ามีซอฟต์แวร์เถื่อนหลายรายการ ติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ใช้งานภายในร้าน ขณะนี้กำลังมีการสืบสวนกรณีนี้อยู่ผมจึงไม่อาจให้ความเห็นมากไปกว่านี้ได้ ที่ผมพูดได้ก็คือเมื่อเราเข้าตรวจค้นอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ที่ต้องสงสัยว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เราปฏิบัติตามระเบียบ และเจ้าของสิทธิ์มีส่วนร่วมในกระบวนการทางกฎหมายตลอดจนการตกลงค่าชดเชยอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจบก. ปอศ. เพียงแต่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของสิทธิ์ เก็บรวบรวมหลักฐานภายในอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ตามที่ได้รับหมายค้นจากศาล เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาตกลงยอมความหรือชดใช้ค่าเสียหาย”

กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทที่ถูกจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ที่รายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ผ่านทางสายด่วนโทร. 02-714-1010 begin_of_the_skype_highlighting              02-714-1010      end_of_the_skype_highlighting

View :1901

ไอที ซิตี้ ผนึกพันธมิตรธุรกิจไอทีกว่า 80 บริษัท จัดงาน“ไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010” กระตุ้นตลาดค้าปลีกไอทีครึ่งปีหลัง

July 29th, 2010 No comments

ชูเทคโนโลยีไอทีเด่น พร้อมโปรโมชั่นดุ เด็ด ดัง ดี ยกขบวนสินค้าไอทีมาลดพิเศษ 50% และเมื่อซื้อสินค้าครบทุก 3,000 บาท ลุ้นรับรางวัลใหญ่รถยนต์ Toyota Altis มูลค่า 890,000 บาท พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 สิงหาคม 2553 ที่ ร้านไอที ซิตี้ทั้ง 40 สาขาทั่วประเทศ หวังกระตุ้นตลาดค้าปลีกไอทีครึ่งปีหลัง

เอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมธุรกิจของไอที ซิตี้ ในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยในไตรมาสแรกของปี 2553 มียอดขายเติบโต 19.06% ล่าสุดพร้อมเปิดสาขาใหม่ที่หัวหินช้อปปิ้งมอลล์ วันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ปัจจุบันไอที ซิตี้ มีสาขารวมทั้งหมด 40 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนยอดขายของไอที ซิตี้ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมากกว่าครึ่งปีแรก”

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของไอที ซิตี้ในปีนี้ จะยังคงเน้นเรื่องการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการจัดโปรโมชั่นพิเศษประจำเดือนหรือตามเทศกาลแล้ว บริษัท ไอที ซิตี้ ยังมีกิจกรรมใหญ่ประจำปี คือ งานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 ซึ่งจะจัดตั้งแต่วันที่ 29 กรกฏาคมถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2553 ที่ร้าน ไอที ซิตี้ ทั้ง 40 สาขาทั่วประเทศ นับเป็นงานที่ไอที ซิตี้ให้ความสำคัญและจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เน้นให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคมีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีไอทีใหม่ล่าสุด ในราคาพิเศษสุดๆ ซึ่งในปีนี้ไอที ซิตี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากบริษัทคู่ค้ากว่า 80 บริษัทมากกว่า 11 แบรนด์ดัง อาทิ เอเซอร์, เอชพี, แคนนอน, ซัมซุง, ซินโดม, โซนี, โตชิบา, เดลล์, อัสซุส, บราเธอร์ และเบนคิว ที่จะนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแต่ละแบรนด์มาจัดแสดงและจัดจำหน่ายในราคาสุดพิเศษเฉพาะงานนี้งานเดียวเท่านั้นและคาดว่าการจัดงานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ประมาณ 30% คิดเป็นรายได้ประมาณ 450 ล้านบาท

นอกเหนือจากเทคโนโลยีไอทีที่นำมาจัดแสดงและการจัดโปรโมชั่นสินค้าไอทีราคาพิเศษแล้ว ไอที ซิตี้ยังเปิดตัวเว็บไซต์ของบริษัทฯ อย่างเป็นทางการ คือ www.itcity.co.th เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลด้านสินค้าไอทีที่ทันสมัย รวมทั้งนำเสนอราคา และโปรโมชั่นสินค้าต่างๆ สำหรับลูกค้าโดยผ่านสื่อออนไลน์เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งเปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด iCare บริการประกันภัยโน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ จอมอนิเตอร์ โปรเจคเตอร์ และแอลซีดี ทีวี ที่จะเพิ่มระยะเวลาการประกันเป็น 3 ปีเต็มในราคาสุดพิเศษ ส่วนไฮไลท์ของเทคโนโลยีที่นำมาจัดแสดงในงาน ได้แก่ Notebook Adamo โน้ตบุ๊กสุดหรูดีไซน์สุดล้ำบางเฉียบที่สุดในโลกเพียง 0.99 เซนติเมตร, Belkin NextNet Wireless Router ความเร็วสูง ประสิทธิภาพเยี่ยม พร้อมฟังก์ชั่นการทำงานมากมาย ง่ายต่อการใช้งานและติดตั้ง, Logitech WebCam ที่บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p, Dlink Pocket 3G Router และ Acer Projector 3D Wireless ตอบรับกระแสความแรงของระบบสามมิติด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อตอบสนองความบันเทิงอย่างเต็มขั้น

งานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 ครั้งนี้ยังจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ ดุ เด็ด ดัง ดี ยกขบวนสินค้าไอทีลดพิเศษ 50% และเมื่อลูกค้าหรือผู้บริโภคซื้อสินค้าครบ 3,000 บาท สามารถลุ้นโชค 2 ต่อ ต่อที่ 1 ฉีกลุ้นรับ เปิดคูปองปุ๊บรับโชคทันทีกับของรางวัลมากมาย อาทิ กล้องดิจิตอล เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเล่น MP3 Flash Drive 4 GB คูปองเงินสด คูปองส่วนลดสินค้าอื่นๆ พร้อมของรางวัลอีกมากมาย และต่อที่ 2 ส่งคูปองชิงโชค เพื่อลุ้นรับรางวัลใหญ่สุดในงาน รถยนต์ Toyota Altis 1 คัน มูลค่า 890,000 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งหมดกว่า 4 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษจากบัตรเครดิตและบริการชำระเงินด้วยระบบเงินผ่อนอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ ได้แก่ เคทีซี, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรี GE, อิออน, อีซี่บาย และเฟิร์สช้อยส์ พร้อมโปรโมชั่นอื่นๆ อาทิ Cash Back สูงสุด 5%, ผ่อน 0% และรับฟรีของสมนาคุณมากมาย สนใจแวะชมงานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2553 ที่ร้านไอที ซิตี้ ทั้ง 40 สาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไอที ซิตี้ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร. 02-656-5030 ถึง 45

“ทั้งนี้ ทางไอที ซิตี้ยังคงมีนโยบายในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า ด้วยตารางเปรียบเทียบการเลือกซื้อสินค้าโดยแยกออกเป็นหมวดหมู่ตามประเภทของสินค้าภายในร้านไอที ซิตี้ทุกสาขา ซึ่งจะมีข้อมูลที่อัพเดทสินค้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ พร้อมทั้งมีสินค้าให้ทดลองใช้งานจริง ก่อนการตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในตัวสินค้านั้นๆ และตัดสินใจซื้อได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด และเรายังคงนโยบายในการจำหน่ายสินค้าราคาเดียวกันคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ” เอกชัยกล่าว

View :1667
Categories: Press/Release Tags: ,

“เอ็ม แอนด์ ซอฟท์” เปิดตัว Speednavi SQ 3.0 จีพีเอสนำทางอัจฉริยะ เวอร์ชั่นใหม่จากประเทศเกาหลี

July 29th, 2010 No comments

บริษัท เอ็ม แอนด์ ซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดโปรแกรมนำทาง Speednavi จากประเทศเกาหลี บุกตลาดเมืองไทย เปิดตัวโปรแกรมเวอร์ชั่น ล่าสุด แห่งปี 2010 “” ภายใต้คอนเซ็ปท์ “more kind & visual upgrade” ชูจุดเด่นค้นหาง่าย ลูกเล่นหลากหลาย พร้อมแผนที่ละเอียดที่สุด ตั้งเป้าขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งแซงหน้าคู่แข่งสำคัญอย่าง Garmin ภายในสิ้นปีแน่นอน ส่วนลูกค้าเดิมสามารถอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ได้ภายในสค.นี้

มร.แอนดรูว์ อาน (Mr.Andrew Ahn) ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท เอ็ม แอนด์ ซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดโปรแกรมนำทาง Speednavi จากประเทศเกาหลี เปิดเผยว่า “จากศักยภาพของโปรแกรมนำทาง (จีพีเอส) Speednavi ได้มีการคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุดบริษัทพร้อมขอแนะนำโปรแกรมนำทางเวอร์ชั่นใหม่ ของปี 2010 คือ “Speednavi SQ 3.0” ภายใต้แนวคิด “more kind & visual upgrade”

“Speednavi SQ 3.0” มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่มีแผนที่นำทางที่ละเอียด แม่นยำ สามารถแนะนำเส้นทางที่สะดวก ใกล้ที่สุดและช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทาง สอดรับกับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตมากขึ้น”

Speednavi เป็นโปรแกรมนำทางรายเดียวในไทยที่มีการอัพเดทถึง 5 เวอร์ชั่น นับตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2550 ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มเครื่องนำทางส่วนบุคคล (PND) และกลุ่มเครื่องเสียงติดรถยนต์” มร.แอนดรูว์ กล่าว

“สำหรับเป้าหมายทางการตลาดนั้นบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ได้เกิน 50%เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งในประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ (2553) สำหรับลูกค้าเดิมสามารถ อัพเดทเป็นเวอร์ชั่น 3.0 ได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน”

ด้านทวีวัฒน์ เศวตจินดากร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็ม แอนด์ ซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Speednavi SQ 3.0” ถูกพัฒนาให้มีฟังก์ชั่นต่างๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มความง่ายในการใช้งาน อาทิ เลือกจัดการเมนูต่างๆ ได้จากหน้าแผนที่เพียงหน้าเดียว ความสะดวกต่อการเข้าถึงทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน (Active menu) สามารถปรับองศาของมุมมองแผนที่แบบ 3 มิติได้ถึง 5 ระดับ (Map view mode) และอ่านชื่อถนนหรือเส้นทางต่างๆ ได้จากโปรแกรมสังเคราะห์เสียง TTS (Text to Speech) พร้อมแสดงรายละเอียดของทางเลี้ยวทั้งชื่อถนนและระยะทางก่อนถึงจุดหมายปลายทาง (Turn-by-Turn) และ ฟังก์ชั่นแสดงสัญลักษณ์ POI รวมทั้งชื่อถนนก่อนออกจากทางด่วน (Highway guidance mode) ตลอดจนเปลี่ยน ไอคอนรถได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังแสดงสถานะของสัญญาณจีพีเอสจากสีรถได้ทันที (Vehicle symbol) อีกด้วย

“สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นทำการตลาดในเชิงรุก เน้นสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดอาทิ การออกบูธงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับไอที การจัดอบรมการใช้งานจีพีเอสให้กับองค์กรและบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้สินค้าเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่า “Speednavi SQ 3.0” จะเป็นเวอร์ชั่นที่สามารถผลักดันบริษัทก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดได้ตามเป้าหมายภายในสิ้นปี 2553 นี้อย่างแน่นอน” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกล่าว.

View :1927

กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับไมโครซอฟท์ หนุนครูไทยสู่เวทีโลก

July 28th, 2010 No comments

เชิญร่วมประกวด “
พัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วยไอซีที

หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากการสนับสนุนคุณครูไทยเข้าชิงชัยในเวทีประกวดไอซีทีระดับโลก ล่าสุด กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดโครงการ “Microsoft Innovative Teachers Leadership Awards 2011” เชิญครูผู้สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั่วประเทศ ส่งผลงานด้านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาการเรียนการสอนเข้าร่วมประกวด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้บุคลากรครูมีความสนใจการบูรณาการใช้ไอซีทีเข้ากับแนวทางการสอนของตนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสาระใด เพื่อประโยชน์ต่อแวดวงการศึกษาไทย พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในเชิงปฏิบัติมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยสู่สากลตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดของไมโครซอฟท์ภายใต้ชื่อ “Partners in Learning” ซึ่งมีเป้าหมายในการลดช่องว่างการเข้าถึงด้านเทคโนโลยีเพื่อมุ่งไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะพิจารณาผลงานที่ส่งเข้าประกวด และประกาศผลการคัดเลือกรอบแรก ระดับภูมิภาค ในวันที่ 3 ธันวาคม 2553 ทางเว็บไซต์ www.pil.in.th ก่อนจะเชิญผู้เข้ารอบนำเสนอผลงาน ในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อค้นหาครูผู้ชนะเลิศจำนวน 10 ท่าน เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเข้าแข่งขันในเวทีระดับโลก ในงาน “Microsoft Worldwide Innovative Education Forum” ซึ่งเป็นการประชุมครูและผู้บริหารทางการศึกษาทั่วโลกในเดือนตุลาคม 2554

ผู้ชนะเลิศจะได้รับโล่ห์เกียรติยศจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ และบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทุนสนับสนุน

คุณครูผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมประกวดในโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2553ผ่านทางเว็บไซต์ http://www.pil.in.th/teachers หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 082-341-4905 และ 089-220-3351 หรืออีเมล์ ITLA2011@pil.in.th

View :1576

ฮัทช์ มอบบริการใหม่ล่าสุดกับ บริการ “Push Voice Mail” และบริการ “Push Mail”

July 28th, 2010 No comments

สะดวก สบาย ไม่พลาดกับการติดต่อทุกสายและอีเมล์สำคัญ

ฮัทช์ มอบบริการใหม่ล่าสุดไม่ซ้ำใคร “” บริการส่งข้อความเสียง ซึ่งเป็นบริการที่ลูกค้าสามารถเลือกให้ระบบโทรออกแทนได้อัตโนมัต เมื่อปลายทางยังไม่รับสายลูกค้าสามารถกดเลือกเพื่ออัดข้อความเสียงแล้วส่ง จากนั้นระบบจะโทรออกให้ทุกๆ 10 นาทีและเมื่อปลายทางกดรับสายก็จะได้ยินข้อความทันที แต่ถ้าเกินจาก 6 ครั้งระบบก็จะเก็บข้อความไว้ในถังข้อความแล้วส่งเป็น SMS แจ้งเตือนปลายทางไปอีกครั้ง ซึ่งปลายทางก็สามารถโทรกลับไปเช็คข้อความได้ที่เบอร์ 91122 และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการใหม่ ฮัทช์ใจดีให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการ ฟรีจนถึง 31 ธันวาคม 2553 ศกนี้

View :1634

เดลล์ร่วมมือกับอินเทล จัดกิจกรรม Blogger Day By Dell & Intel

July 28th, 2010 No comments

นายอโนทัย เวทยากร ผู้จัดการประจำประเทศไทย และนายกฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มคอนซูมเมอร์ ประจำภาคพื้นเอเชียใต้ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคุณสหัสา อินทร์ไทยวงศ์ MNC Account Manager บริษัท อินเทล ไมโครอิเลกทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม By & ซึ่งเป็นการรวมเหล่าบล็อกเกอร์จากเว็บต่างๆ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมสัมผัสนวัตกรรมใหม่จากเดลล์และอินเทล เมื่อเร็วๆ นี้

View :2205
Categories: Press/Release Tags: , ,

บรรษัทข้ามชาติตัวเร่งการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ของไทย

July 28th, 2010 No comments

เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ในกรุงเทพฯ

กรุงเทพมหานคร 28 ก.ค. 2553 – ตลาดศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ของไทยจะมีการเติบโต 18.4% ต่อปีในปี 2559 จากการประเมิณของนักวิเคราะห์จากฟรอสต์ แอนด์ ซุลลิแวน ในช่วงเวลานั้นจำนวนเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าทางโทรศัพท์จะมีจำนวน 63,000 คน (seats) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 17% ต่อปี ติดตามรายละเอียดเชิงลึกต่างๆ ได้ใน 2010 Customer Contact Thailand Summit

ก้าวสู่การจัดครั้งที่สาม สำหรับการจัดงาน 2010 Customer Contact Summit Series โดยฟรอสต์ แอนด์ ซุลลิแวน เริ่มวันนี้ที่ศูนย์ประชุมโซฟิเทล เซนทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ พร้อมผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงกว่า 100 คน จากวงการศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์

ภายในงาน มีการนำเสนอเรื่อง “Social Customer Engagement Strategy: Leveraging on Social Networks to drive Customer Experience”ยุทธศาสตร์การผูกพันธะกับสังคมลูกค้า: การอิงประโยชน์จากเครือข่ายสังคมเพื่อเพิ่มคุณค่าประสบการณ์แก่ลูกค้ามร. ชิวานู ชูกลา จากฟรอสต์ แอนด์ ซุลลิแวน เปิดการประชุมสุดยอด ด้วยการเน้นย้ำถึงกระแสสังคมสมัยใหม่ คือ สื่อสังคมออนไลน์ อาทิเช่น เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย กับการใช้สื่อเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผูกพันธะและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า มีการนำเสนอถึงกระบวนการและการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบุคลาการอันจำเป็นเพื่อยุทธศาสตร์การผูกพันธะกับสังคมลูกค้าและความท้าทายต่างๆ ที่อาจมีในการวางระบบและการบริหารจัดการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากจะกล่าวถึงความสำคัญของสื่อสังคมออนไลน์ต่อความสำเร็จขององค์การแล้ว มร. ชิวานู ได้เฝ้าติดตามการพัฒนาของตลาดศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ให้ความเห็นว่าการเจริญเติบโตของตลาดในเมืองไทยมีความแตกต่างจากฟิลิปปินส์ ด้วยเหตุว่ามีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเศรษฐกิจในประเทศ โดยฉพาะอย่างยิ่งกับตลาดส่วนใหญ่ที่ยังเข้าไม่ถึง “ในระยะสั้นการเจริญเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากบรรษัทข้ามชาติที่มีธุรกิจอยู่แล้วในเมืองไทย บริษัทไทยจะเริ่มมีนัยยะสำคัญต่อรายได้ในระยะกลางถึงระยะยาว”

“ถึงแม้ว่าจะมีอนาคตที่สดใส เมืองไทยจะต้องก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจโลกซึ่งยือเยื้อออกไปอีกโดยวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ประสพอยู่ วิกฤตทั้งสองทำให้รายได้ลดลงค่อนข้างสูงและทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างช้าๆ ในระยะสั้นถึงระยะกลาง”

นอกเหนือไปจากข้อมูลเชิงลึกและความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจากฟรอสต์ แอนด์ ซุลลิแวน ยังมีผู้เชียวชาญชั้นนำจากอุตสาหกรรมศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ในภูมิภาคมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับทิศทางของอุตสาหกรรมในเมืองไทยตลอดทั้งวัน

จุดเด่นของงานยังมีองค์ปาฐกหลัก เรื่อง “Do you “know” who is working for you, or do you “think” you know?”, จากนั้นยังมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจโดย เควิน พานอซซ่า, CEO แห่ง Engagement Matters ซี่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของ การบริหารจัดการบุคลากรอย่างชาญฉลาดและการผูกพันธะเชิงบวกกับบุคลากร ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการรักษาบุคลากรไว้กับองค์กร เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่เพิ่งพาปัจจัทางด้านบุคลากรอย่างสูง ศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์จึงมีความต้องการบุคลาการที่มีความชำนาญสูงและการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาเพื่อให้ทีมงานมีมาตราฐานการทำงานที่ดีพอ ดังนั้น ตัวเลขการเข้าออกของพนักงานที่สูงจึงมีผลกับคุณภาพของการบริการและค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมที่สูงมากขึ้น เป็นการนำเสนอปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความสำเร็จของศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ ซึ่งก็คือทรัพยากรบุคคล

การประชุมสุดยอดทั้งวันเต็มเปี่ยมไปด้วยข้อมูลที่เข้มข้มในเรื่องต่างๆ เช่น People Management, Customer-centricity, Business Strategies and Innovation & Technology.

View :2688

บริการข้ามแดนอัตโนมัติจากเอไอเอสออกแพ็กเกจใหม่

July 28th, 2010 No comments

ให้ลูกค้าใช้ GPRS ได้ไม่อั้นที่ประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลีย

บริการข้ามแดนอัตโนมัติจากเอไอเอส มอบความคุ้มค่าให้ลูกค้าใช้งาน GPRS ได้ไม่อั้นแบบสบายกระเป๋าเพิ่มอีก 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยประเทศญี่ปุ่น เลือกเครือข่าย Softbank มีให้เลือกทั้งแพ็กเกจรายวัน 450 บาท และราย 3 วัน 1,300 บาท ส่วนประเทศออสเตรเลีย เลือกเครือข่าย Optus มีแพ็กเกจ 3 วัน 2,100 บาท ลูกค้าที่สนใจสมัครก่อนเดินทางได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่เอไอเอส ช็อป, ร้านเทเลวิซทุกสาขา และ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www..co.th/roaming

View :1550