Archive

Archive for October, 2012

แอพพลิเคชั่นนูออนซ์ “ดรากอน ดิคเทชั่น” และ “ดรากอน เสิร์ช” เปิดให้บริการในไทยแล้ว

October 10th, 2012 No comments


สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น ส่งข้อความ อีเมล์ อัพเดททวิตเตอร์และเฟซบุ๊ค ค้นหาคอนเทนท์ และข้อมูลอื่นๆ บนเว็บ โดยใช้เพียงเสียงพูดเท่านั้น

นูออนซ์ คอมมิวนิเคชั่นส์ อิงค์ ประกาศเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่น (Dragon Dictation) และแอพพลิเคชั่นดรากอน เสิร์ช (Dragon Search) ที่รองรับภาษาไทยบนเครื่องไอโฟน (รวมทั้งไอโฟน 5) ไอพอด ทัช และไอแพด โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากแอพสโตร์ในประเทศไทย เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยในการเชื่อมต่อ ติดต่อสื่อสารและค้นหาข้อมูลบนโลกอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา โดยใช้เพียงเสียงพูด ซึ่งเร็วกว่าการใช้วิธีพิมพ์ข้อความถึง 5 เท่า

มร. เจสัน สเตอร์ลิง รองประธานอาวุโส นูออนซ์ คอมมิวนิเคชั่นส์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ขยายการให้บริการแอพพลิเคชั่นดรากอน ดิคเทชั่นและดรากอน เสิร์ชสู่ตลาดไทย ตลาดแอพพลิเคชั่นไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นที่แปลงเสียงพูดเป็นข้อความเพียงไม่กี่ชนิดที่นำออกให้บริการในตลาดไทย ขณะที่ในอีกหลายประเทศทั่วโลกที่อุปกรณ์การสื่อสารเคลื่อนที่ที่สนับสนุนการใช้เสียงพูดสั่งการกำลังเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ดังนั้น การเปิดตัวแอพพลิเคชั่นดรากอน ดิคเทชั่นและดรากอน เสิร์ชในไทยครั้งนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคชาวไทยรวมทั้งผู้บริโภคอีกหลายสิบล้านคนจากทั่วโลกสามารถติดต่อสื่อสารบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ระบบ iOS หลากหลายประเภทได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น โดยใช้แอพพลิเคชั่นดรากอน”

แอพพลิเคชั่นดรากอน ดิคเทชั่นเปิดให้บริการครั้งแรกในแอปสโตร์ของแอปเปิลในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนธันวาคม 2552 และขึ้นแท่นแอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในกลุ่มแอพพิเคชั่นที่เปิดให้ใช้ฟรี ทั้งยังติดอันดับ 1 ในกลุ่ม Business Productivity หลังจากนั้น นูออนซ์ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นดรากอน ดิคเทชั่นและแอพพลิเคชั่นดรากอน เสิร์ชทั่วทั้ง 39 ประเทศ และติดอันดับ 1 และ 2 ในเกือบทุกประเทศที่เปิดให้บริการ

ดรากอน ดิคเทชั่น คือ แอพพลิเคชั่นที่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS-6 โดยมีลักษณะเป็นแถบเครื่องมือสั่งงานที่ปรากฏบนหน้าจอ (pop up toolbar) พร้อมด้วยไอคอนชื่อแอพพลิเคชั่น เพื่อให้เข้าใช้แอพพลิเคชั่นอีเมล์ ระบบส่งข้อความ แถบสถานะเฟซบุ๊คกรือทวิตเตอร์ หรือคลิปบอร์ดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ดรากอน ดิคเทชั่น ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Auto Save ที่ช่วยเก็บรักษาข้อความที่ได้พูดบันทึกค้างไว้โดยอัตโนมัติอันเนื่องมาจากผู้ใช้งานต้องรับสายเรียกเข้าในระหว่างการพูดบันทึกข้อความนั้นๆ

สำหรับดรากอน เสิร์ชช่วยผู้ใช้งานสามารถตั้งคำถามค้นหาข้อมูลได้อย่างง่ายดาย และรับข้อมูลที่ต้องการค้นหาได้ทันที โดยสนับสนุนนวัตกรรมดรากอน เสิร์ช คารูเซิล (Dragon Search Carousel) ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของนูออนซ์ สามารถแสดงผลการค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้นและชาญฉลาดมากขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีจากหลากหลายช่องทางพร้อมๆ กัน อาทิ กูเกิล (Google) ยาฮู! (Yahoo!) วิกิพีเดีย (Wikipedia) และทวิตเตอร์ (Twitter) โดยไม่ต้องปิดแอพพลิเคชั่นที่ใช้อยู่เดิม

ปัจจุบัน ทั้งแอพพลิเคชั่นดรากอน ดิคเทชั่นและดรากอน เสิร์ชเปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้วในประเทศไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่แอปเปิล แอพสโตร์

นอกจากนี้ ดรากอน ดิคเทชั่นและดรากอน เสิร์ชยังเปิดให้บริการที่แอพสโตร์ในอีกหลากหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ญี่ปุ่น จีน สาธารณรัฐเช็ก ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี ออสเตรเลีย บราซิล ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก อียิปต์ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส กรีซ ฮังการี อินโดนีเซีย อิตาลี มาเลเซีย ตุรกี ยูเครน และเวียดนาม ทั้งยังรองรับหลากหลายภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษแบบอเมริกัน อังกฤษแบบอังกฤษ อังกฤษแบบออสเตรเลีย ญี่ปุ่น บาฮาซา อินโดนีเซีย บาฮาซา มาเลเซีย จีนแมนดาริน แมนดารินไต้หวัน กวางตุ้ง เช็ก เกาหลี ฮังกาเรียน เดนิช ดัทช์ ฟินนิช ฝรั่งเศสยูโรเปี้ยน ฝรั่งเศสแคนาเดียน เยอรมัน อิตาเลียน นอร์วีเจียน โปลิช โปรตุกีสยูโรเปี้ยน โปรตุกีสบราซิลเลียน โรมาเนียน รัสเซีย สแปนิชยูโรเปี้ยน สแปนิชอเมริกัน สวีดิช เตอร์กิช อารบิกมาตรฐาน ยูเครน และเวียดนาม และด้วยขีดความสามารถที่รองรับหลากหลายภาษาดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนไปใช้ภาษาต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างสะดวกและง่ายดายตามต้องการ

เทคโนโลยีการจดจำเสียง (voice recognition technology) ที่นูออนซ์ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น เป็นหัวใจสำคัญของซอฟท์แวร์ Dragon NaturallySpeaking ที่ทำงานบนเครื่องเดสก์ท้อป ทั้งยังมีสมรรถนะในการติดต่อสื่อสารด้วยเสียงกับอุปกรณ์ชั้นนำต่างๆ ได้แก่ โทรศัพท์ แท็บเล็ต รถยนต์ ทีวี และแอพพลิเคชั่น ส่งผลให้ผู้ใช้งานจำนวนหลายล้านคนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายมากกว่าที่เคยมีมา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.NuanceMobileLife.com ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดของนูออนซ์ได้ที่ Twitter @NuanceMobile และสมัครเป็นแฟนพันธุ์แท้ได้บนหน้าเฟซบุ๊คแอพพลิเคชั่นดรากอน โมบาย http://www.facebook.com/NuanceMobileLife

View :1770

ดีแทคเปิดตัว Wikipedia Zero ให้ลูกค้าใช้ฟรีครั้งแรกในไทย ร่วมสนับสนุนเยาวชนให้ศึกษาค้นคว้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต

October 10th, 2012 No comments


เปิดบริการ วิกิพีเดียซีโร่ () บริการสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตบนมือถือโดยไม่คิดค่าบริการ เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการค้นคว้าหาความรู้อย่างสร้างสรรค์และเพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาของกลุ่มเยาวชน ลูกค้าแฮปปี้และดีแทคที่ต้องการใช้งานสามารถเข้าสู่บริการได้แล้ววันนี้ โดยกด *704*91# เพื่อรับลิงค์ หรือเข้าใช้งานผ่านทาง http://zero.wikipedia.org บนมือถือทุกรุ่นที่รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องสมัครใช้บริการแต่อย่างใด

วิกิพีเดียซีโร่ (Wikipedia Zero) เป็นบริการสืบค้นข้อมูลวิกีพีเดียบนมือถือที่ใช้งานง่าย ซึ่งรวบรวมข้อมูลและความรู้จากทั่วโลกไว้ในที่เดียวกัน โดยวิกีพีเดียซีโร่นี้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกและแพร่หลายบนมือถือธรรมดาทั่วไป ปัจจุบันดีแทคได้เริ่มแนะนำบริการนี้เพื่อเป็นช่องทางให้นักเรียน นักศึกษาและครูอาจารย์ ได้นำไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนแล้ว โดยเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู (Educa 2012) และจะเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มเยาวชนในโอกาสต่อไป

View :1327

แนวโน้มการให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นเทรนด์ไมโคร แจ้งเตือนผู้ใช้เพิ่มความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

October 9th, 2012 No comments

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 9 ตุลาคม 2555 – รายงานจากบริษัทเทรนด์ไมโคร และศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ เปิดเผยว่า ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลายซึ่งช่วยจัดการงานต่างๆ ที่ปกติจะต้องใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แบบดาวน์โหลดได้มาช่วยดำเนินการ ทำให้การสมัครใช้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ส่วนบุคคลเกิดการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และจากผลการสำรวจเกี่ยวกับระบบคลาวด์ครั้งล่าสุดของบริษัท ไอดีซี พบว่า 19% ของร้านค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เริ่มนำบริการการประมวลผลแบบคลาวด์บางอย่างมาปรับใช้แล้ว และมีอีกกว่า 30% กำลังประเมินการปรับใช้ระบบคลาวด์ในอีก 2 – 5 ปีจากนี้
การเพิ่มจำนวนของการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ส่วนบุคคลนั้น เป็นผลมาจากความสะดวกและความคุ้มค่า ตัวอย่างเช่น บริการจดบันทึกด้วยคลิกเดียวและบริการบุ๊กมาร์ก เช่น Evernote กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในประเทศญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ โดยผู้ใช้จะใช้ฮาร์ดแวร์ในจำนวนที่น้อยลงเพื่ออัพโหลดข้อมูล ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและมีความสามารถด้านการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากระบบคลาวด์จะเข้ามาช่วยจัดการปริมาณงานดั้งเดิมได้ในสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่ง โดยขณะนี้แอพพลิเคชั่นฟรีหรือราคาถูกที่อำนวยความสะดวกสำหรับการดาวน์โหลดสื่อข้อมูล การแบ่งปันข้อมูลทางสังคมออนไลน์ การธนาคาร และบริการโทรศัพท์มีพร้อมให้บริการอย่างแพร่หลาย
นางสาวไมลา ปิลาโอ ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารด้านการตลาด ศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ กล่าวว่า “จากการวิจัยล่าสุดพบว่ากิจกรรมเกี่ยวกับระบบคลาวด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อีเมลผ่านเว็บ การธนาคารออนไลน์ การช้อปปิ้งออนไลน์ การอัพโหลดรูปภาพ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผู้คนสมัยนี้นิยมจัดเก็บรูปถ่ายไว้บนเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม หรือปิคาซ่า โดยไฟล์จะถูกอัพโหลดไปยังดร็อปบ็อกซ์ หรือกูเกิล ไดร์ฟ ในขณะที่ผู้ใช้กำลังเดินหน้าเข้าสู่ระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่อง พวกเขาอาจยังไม่ทราบว่ามีภัยคุกคามรูปแบบใดบ้างที่พวกเขาจะต้องเผชิญ ปัจจุบันผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียโดยทั่วไปมักเต็มใจที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเพื่อแลกกับบริการฟรีและโฆษณาที่ตรงตามเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดข้อมูลรั่วไหลได้”
สำหรับความเสี่ยงที่เป็นไปได้หลายอย่างที่ผู้ใช้อาจเผชิญในขณะที่ใช้บริการแบบคลาวด์ มีดังนี้
• แคมเปญภัยคุกคาม แคมเปญภัยคุกคามในจำนวนที่มากขึ้นจะกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยอาชญากรไซเบอร์สามารถเจาะระบบบัญชีที่ใช้รหัสผ่านที่คาดเดาง่ายหรือนำรหัสผ่านเดิมๆ กลับมาใช้ หรือข้อมูลที่ไม่มีการเข้ารหัสลับไว้
• ข้อบกพร่องในระบบหรือช่องโหว่ของแอพพลิเคชั่นอาจทำให้ข้อมูลตกอยู่ในภาวะเสี่ยงได้ เนื่องจากจะเปิดช่องให้อาชญากรไซเบอร์สามารถเข้ามาเจาะระบบ โดยช่องโหว่เหล่านี้สามารถเริ่มต้นได้จากอินเตอร์เฟสของแอพพลิเคชั่นเอง และแอพพลิเคชั่นฟรีที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่อาจทำให้ฐานข้อมูลผู้ใช้ในประเภทต่างๆ ตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน
• ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผู้ใช้บริการอาจถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายการใช้ข้อมูลหรือแอพพลิเคชั่นผ่านระบบมือถือ โดยแอพพลิเคชั่นที่เป็นอันตรายสามารถทำให้บริการระดับพรีเมียมเรียกเก็บค่าบริการในใบแจ้งหนี้ถัดไปได้
• การเข้าถึงที่ยากลำบาก การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีสัญญาณไม่แรงพอ การหยุดให้บริการของระบบ และภาวะไฟฟ้าดับอาจทำให้การเข้าถึงข้อมูลหรือซอฟต์แวร์ในระบบคลาวด์ล่าช้าได้
• ข้อมูลรั่วไหลของผู้ให้บริการ การใช้บริการแบบคลาวด์จะให้สิทธิ์ในการควบคุมแก่ผู้ให้บริการ โดยจะเห็นได้จากกรณีตัวอย่างของการโจมตีผู้ใช้ดร็อปบ็อกซ์ที่โดนสแปมโจมตี โดยมีสาเหตุมาจากไซต์ของบุคคลที่สามที่เชื่อมโยงอยู่กับบริการดังกล่าวนั่นเอง นอกจากนี้แฮคเกอร์ยังได้ปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้อุปกรณ์ Apple จำนวน 1 ล้านราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ถูกกล่าวอ้างว่ามาจากอุปกรณ์ Apple iOS ที่มีจำนวนมากกว่า 12 ล้านเครื่อง
• ปัจจัยด้านมนุษย์ บุคคลที่เป็นอันตรายหรือผู้โจมตีจะหลอกลวงพนักงานในองค์กรที่รู้ไม่เท่าทันโดยเลือกใช้เทคนิควิศวกรรมสังคม

บริษัทเทรนด์ไมโคร และศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ ขอแนะนำเคล็ดลับสำหรับผู้ใช้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ส่วนบุคคลเพื่อปกป้องตัวเอง ดังนี้:
• อัพเดตแอพพลิเคชั่นของคุณอยู่เสมอ ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นจะจัดการข้อบกพร่องของบริการและแก้ไขช่องโหว่ต่างๆ ในรูปของโปรแกรมอัพเดต
• ระวังลิงก์ที่ไม่รู้จัก อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดสิ่งที่แนบมาจากอีเมลที่ดูน่าสงสัย เคล็ดลับเดียวกับที่ใช้ในบริการข้อความโต้ตอบแบบทันที (IM) และข้อความส่วนตัวบนไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์
• ใช้บริการแบบคลาวด์ เช่น เทรนด์ไมโคร เซฟซิงค์ ที่มีการเข้ารหัสข้อมูลที่คุณสามารถอัพโหลดได้โดยอัตโนมัติเช่นเดียวกับการสำรองข้อมูลและซิงค์ข้อมูลของคุณในพีซี, เครื่อง Mac, iOS, Android และด้วยการเชื่อมต่อตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวันผ่านทางเครื่องเดสก์ท็อป ระบบมือถือ และไซต์ต่างๆ โดยใช้ศูนย์ข้อมูลของบริษัทเทรนด์ไมโคร ส่งผลให้การแบ่งปันข้อมูลทั้งหมดจะได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยอาศัยตัวเลือกต่างๆ เช่น รหัสผ่าน วันที่หมดอายุ และการปิดใช้งานลิงก์ต่างๆ
• ป้องกันอุปกรณ์มือถือของคุณ ใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบมือถือ เช่น เทรนด์ไมโคร โมบาย ซิเคียวริตี้ เพื่อป้องกันแอพพลิเคชั่นที่เป็นอันตราย
• ยกระดับการรักษาความปลอดภัยสำหรับรหัสผ่านของคุณ เปลี่ยนรหัสผ่านที่คาดเดาง่ายให้เป็นวลีที่ยากต่อการจดจำสำหรับบุคคลอื่นๆ โดยอาจะเลือกใช้ตัวจัดการรหัสผ่าน เช่น เทรนด์ไมโคร ไดเร็คพาสจะช่วยให้คุณสามารถใช้รหัสผ่านหลักเพียงรหัสผ่านเดียวสำหรับบัญชีทั้งหมดของคุณได้
• สำรองข้อมูลมือถือคุณ โดยเลือกใช้เทรนด์ไมโคร โมบาย แบ็คอัพ และรีสโตร์ ซึ่งจะพร้อมทำงานในทันทีที่อุปกรณ์ของคุณเกิดปัญหาหรือถูกขโมย

View :1362

Thailand Mobile Expo 2012 Showcase จบลงอย่างสวยงาม ตลาดคึกคักทั้งสมาร์ทโฟนและสินค้า IT

October 8th, 2012 No comments

บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผนึกกำลังพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 40 แบรนด์ชั้นนำ จัดงาน “” ครั้งที่ 13 มหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ส่งท้ายปลายปี เมื่อวันที่ 4-7 ตุลาคม ที่ผ่านมา

นาย โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของการจัดงาน “Thailand Mobile Expo 2012 Showcase” ด้วยยอดผู้เข้างานชมกว่า 6 แสนคน ซึ่งใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านๆมา แต่มียอดเงินสะพัดภายในงานเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2000 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 25% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัจจุบันกระแส Social Network ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่หันมานิยมติดต่อสื่อสารผ่านทาง Social Network มากขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนเพื่อให้รองรับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา เหตุนี้จึงเป็นแรงกระตุ้นให้คนหันมานิยมซื้อสมาร์ทโฟนสัดส่วนภายในงานเพิ่มมากขึ้นเป็น 70% โดยระดับเพดานราคาสมาร์ทโฟนในระดับ Hi-End ในตลาดทั่วไปมีการปรับราคาขึ้นเล็กน้อย ในขณะ และสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์เสริมได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการเปิด Zone C เพื่อเป็น Zone สำหรับ Clearance โดยเฉพาะ ในขณะที่ยอดจำหน่ายของฟีเจอร์โฟนลดลง

นอกจากนี้ภายในงานยังมีสินค้าในกลุ่ม IT เข้ามาชิมลางร่วมออกบูธจัดงานเป็นครั้งแรก ซึ่งมีผลตอบรับเหนือความคาดหมาย ผู้เข้าชมงานให้ความสนใจกลุ่มสินค้า IT อย่างล้นหลาม ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของการจัดงาน ที่ต้องการสร้างความหลากหลายตอบรับตลาดใหม่ อีกทั้งยังสามารถ สร้างความคึกคักให้กับวงการมือได้อีกครั้งหนึ่ง

นาย โอภาส กล่าวต่อว่า กลุ่มสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมสูงสุดคิดเป็น 70% ของยอดขาย ตามด้วยแท็บเล็ตคิดเป็นสัดส่วน 20% และกลุ่มฟีเจอร์โฟนรวมไปถึงอุปกรณ์เสริมคิดเป็น 10% จากยอดขายทั้งหมด โดยแอนดรอยด์ก็ยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่มาแรงเหมือนเช่นเคย ด้วยยอดจำหน่ายสูงถึง 90% ของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้งหมดที่จำหน่ายภายในงาน

แล้วพบกันใหม่ที่งาน “Thailand Mobile Expo 2013” ครั้งที่ 14 มหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 – 10 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. เป็นต้นไป

View :1587

ดีแทคเดินหน้าทดสอบ 4จี ความเร็วสูงสุด 150 Mbps บนเครือข่ายใหม่ พร้อมอัพเกรดได้ทันที

October 8th, 2012 No comments

เริ่มดำเนินการทดสอบเทคโนโลยี 4จี บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ในเขตกรุงเทพ ฯ มั่นใจในความพร้อมของเครือข่ายใหม่ที่รองรับการอัพเกรดสู่เทคโนโลยีล่าสุดได้อย่างรวดเร็ว โดยผลการทดลองสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ขณะที่แผนการเปลี่ยนเครือข่ายใหม่ทั้งระบบทั่วประเทศเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สามารถรองรับการอัพเกรดสู่เทคโนโลยีใหม่ได้ทันที เพื่อเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่พร้อมเปิดให้บริการ 4จี ได้รวดเร็วที่สุด

นายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “เราได้เริ่มการทดสอบเครือข่ายการสื่อสารเทคโนโลยี 4จี บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ในเขตกรุงเทพฯ บริเวณสยามสแควร์และอาคารจัตุรัสจามจุรี หลังได้รับความเห็นชอบจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 โดยผลการทดสอบที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจมาก”

“ขณะเดียวกัน แผนการปรับปรุงยกระดับเครือข่ายทั่วประเทศภายใต้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2555 นี้ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้เป็นการยกระดับระบบเครือข่ายการสื่อสารครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคตได้ทันทีเมื่อทุกอย่างพร้อม ไม่ว่าจะเป็น 4จี หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จะตามมา โดยสามารถทำการอัพเกรดเครือข่ายทั่วประเทศเป็น 4 จี ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปลี่ยนการ์ด 4จี ในตู้สัญญาณ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ดีแทคเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความพร้อมในการเปิดให้บริการ 4จี ได้รวดเร็วที่สุด”

การทดลองเครือข่าย 4จี ของดีแทค บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ บนช่องสัญญาณที่ดีแทคมีอยู่ในปัจจุบัน ใช้เทคโนโลยี Frequency Division Duplex ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในเชิงพาณิชย์จริง และมีอุปกรณ์รองรับมากที่สุด การทดสอบในครั้งนี้สามารถทำสถิติใหม่ในประเทศไทย ด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที

ทั้งนี้ ดีแทคเป็นเครือข่ายที่มีเสาสัญญาณใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยจำนวนสถานีฐานมากที่สุดถึง 15,700 สถานีฐาน โดยหลังการดำเนินการยกระดับเครือข่ายเสร็จสิ้นภายในปี 2555 สถานีฐานทั่วประเทศทั้งหมดจะมีความพร้อมในการรองรับและอัพเกรดสู่เทคโนโลยีใหม่ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น 4จี รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต

View :1306
Categories: Press/Release Tags: ,

ทีดีอาร์ไอชี้ การประมูล 3G ควรเดินหน้า แต่ถาม กสทช. ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร หากการประมูลทำให้ประชาชนเสียประโยชน์เป็นหมื่นล้าน

October 8th, 2012 No comments

ต่อการที่มีผู้ฟ้องร้องศาลปกครองสั่งให้ กสทช. ระงับการประมูล 3G นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) มีความเห็นดังนี้

“ผมเห็นว่า ไม่น่าจะมีเหตุผลที่เพียงพอในการฟ้องร้องให้ระงับการประมูล 3G ออกไปอีก เพราะประเด็นต่างๆ ที่มีการหยิบยกขึ้นมา สามารถใช้เครื่องมือในการกำกับดูแลต่างๆ ของ กสทช. ที่มีอยู่ เช่น การกำกับดูแลค่าบริการ และการกำหนดมาตรฐานคุณภาพบริการ ในการคุ้มครองผู้บริโภคได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ การชะลอการประมูล 3G ออกไปจะทำให้ประเทศไทยมีบริการ 3G ใช้ล่าช้ากว่าประเทศอื่นต่อไปอีก”

“จริงอยู่ การกำหนดหลักเกณฑ์ ของ กสทช. ครั้งนี้ เป็นการเอื้อให้ผู้ให้บริการทั้งสามราย สามารถเสนอราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเงื่อนไขของการประมูลแทบจะไม่ทำให้เกิดการแข่งขันเลย เหมือนจัดคน 3 คนมาเล่นเก้าอี้ดนตรี 3 ตัว ทั้งนี้ หากผลการประมูลได้ราคาใกล้เคียงกับราคาประมูลตั้งต้น รัฐและประชาชนในฐานะผู้เสียภาษี ก็จะเสียหายประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เมื่อคิดจากราคาประเมินของ กสทช. เอง ส่วนประชาชนในฐานะผู้บริโภคนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากราคาค่าประมูลอยู่แล้ว เพราะค่าประมูลเป็นส่วนที่ไปหักมาจากกำไรของผู้ประกอบการ ต่อให้ผู้ประกอบการได้คลื่นความถี่ไปฟรี ก็ยังจะคิดค่าบริการจากผู้บริโภคในอัตราที่ทำกำไรสูงสุดนั่นเอง”

“วิธีเดียวที่จะทำให้การประมูลได้ราคาสูงกว่าที่เป็นอยู่ก็คือ กสทช. ต้องไปอ้อนวอนขอร้องผู้เข้าประมูลให้ประมูลสูงขึ้นบ้าง เพื่อไม่ให้ผลการประมูลออกมาน่าเกลียด จนประจานตัวเองมากเกินไป”

“เป็นเรื่องแปลกมาก ที่ผู้ประกอบการต่างพูดว่าพร้อมจะจ่ายค่าประมูลคลื่นความถี่สูงกว่า ที่กสทช. กำหนด เช่น มีรายหนึ่งบอกว่าพร้อมจะจ่าย 1.5 – 2.0 หมื่นล้านบาท แต่ กสทช. กลับไม่ต้องการให้มีการแข่งขันในการประมูล ดูเหมือนจงใจเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการ”

“โดยสรุป ผมเห็นว่า การประมูลควรจะเดินหน้าต่อไป แต่ผมขอถามว่า กสทช. จะรับผิดชอบอย่างไร หากผลการประมูลออกมาอย่างที่คาด คือทำให้รัฐเสียประโยชน์เป็นหมื่นล้านบาท?”

View :1320

สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประเดิมจับมือกรมบังคับคดี หวังปูฐานจับระบบไอทีกระบวนการยุติธรรมเข้าคลาวด์และ GIN

October 4th, 2012 No comments

ประเดิมใช้ 4 บริการ เชื่อมโยงทั้งในและนอก ประชาชนเกิดประโยชน์อื้อ

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี หรือ กบค. เปิดเผยว่า ขณะนี้กบค.ได้นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและบริการประชาชนเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบงานการบังคับคดีแพ่ง ซึ่งเป็นระบบการปฏิบัติงานในระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทุกภาค ที่สำคัญได้วางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของระบบการบริหารทั้งหมด โดยต้องลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของงบดำเนินงาน การตรวจสอบและระบบรักษาความปลอดภัยของระบบ การเตรียมความพร้อมในส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่จะต้องใช้งานเพื่อรองรับการปฏิบัติงานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมให้ระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Service ที่เป็น Portal กลางของภาครัฐสามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง จึงร่วมกันทำงานกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสรอ. จนนำมาสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อใช้งานบริการระบบคลาวด์ภาครัฐ หรือ Government ระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Government Information Network : GIN) ระบบ Government Monitoring และระบบ e-Portal

หลังจากทำบันทึกข้อตกลงกับสรอ.แล้ว ทางกบค.จะเริ่มนำระบบทั้งหมดมาใช้ทันที โดยเบื้องต้นจะเน้นที่ 3 ระบบก่อนคือ 1. ระบบ Government Cloud Computing เพื่อเป็นการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไอทีทั้งหมดของกบค.อีกชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าใช้ข้อมูลที่น่าสงสัย ซึ่งสรอ. มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบแบบ 24/7 หรือตลอดเวลาไม่มีหยุดพัก โดยจะตรวจสอบการใช้งาน หรือ Log File และการใช้งานระบบเครือข่าย เป็นการช่วยเพิ่มความมั่นคงและปลอดภัยในระบบไอทีของกบค. 2. ระบบ e-Portal ในเบื้องต้นจะใช้เชื่อมต่อระบบตรวจสอบบุคคลล้มละลาย ซึ่ง กบค. มีบริการในส่วนนี้อยู่แล้ว และเป็นที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย ส่วนระยะถัดไประบบจะเข้ามาตรวจสอบสถานะคดีแพ่ง ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าใช้หรือ Authorize ของบุคคลให้สามารถตรวจสอบได้เฉพาะข้อมูลที่บุคคลนั้นเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เป็นต้น

ส่วนระบบที่ 3 คือ ระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ หรือ GIN ในระยะนี้ กบค.ตั้งเป้าหมายหลักในการนำระบบนี้มาใช้คือ ลดค่าใช้จ่ายระบบเครือข่าย ซึ่งเดิมกบค.ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก สำหรับเป้าหมายต่อไปนั้น กบค.จะใช้งานระบบแบบเต็มรูป จะมีการตรวจสอบ Concurrent และ Traffic การใช้งานว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยการใช้บริการของ GIN สามารถเพิ่มแบนด์วิธได้ตามการใช้งานจริง จึงมีความยืดหยุ่นและเหมาะสม รวมถึงประหยัดงบประมาณภาครัฐด้วย
ระบบของสรอ.ที่กบค.จะนำใช้งานในอนาคต ได้แก่ ระบบคลาวด์ภาครัฐ เนื่องจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์และระบบปฏิบัติการที่สรอ. มีในขณะนี้ยังไม่สนับสนุนกับระบบของ กบค. ซึ่งใช้อยู่ในขณะนี้ ดังนั้นจำเป็นต้องประสานงานระหว่างสองหน่วยงานต่อไปอีกช่วงระยะหนึ่งเพื่อทดสอบการใช้งาน ทั้งนี้ระบบคลาวด์ภาครัฐที่กบค. ต้องการใช้ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายทำหน้าที่ฐานข้อมูล มีระบบปฏิบัติการแบบ Solaris 9 ขึ้นไป หรือแบบ HP-UX ซึ่งมีระบบฐานข้อมูลแบบ Oracle Enterprise 10g ขึ้นไป เพื่อใช้งานระบบงานบังคับคดีแพ่งที่พัฒนาโดยภาษา Java และระบบ Business Intelligent หรือ BI ในการวิเคราะห์วางแผนการปฏิบัติงาน

ปัจจุบันกบค. มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงหรือ MOU เชื่อมโยงกับหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในส่วนของภาครัฐที่กบค. ต้องตรวจสอบข้อมูล เช่น ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับกรมการปกครอง ข้อมูลกับกรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นต้น การเข้ามาใช้ระบบ GIN จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการเช่าระบบเครือข่าย Lease Line ลงได้ และในส่วนของการส่งข้อมูลที่จะต้องประสานงาน เช่น สตม. กรมที่ดิน หน่วยงานอื่นสามารถเชื่อมโยงระบบของ กบค. ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จายในการเช่าระบบเครือข่าย รวมถึงเป็นการประหยัดพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์ระบบเครือข่าย และการดำเนินการอื่น ๆ ด้วย

“จำนวนสาขากบค. รวมทั้งหมด 108 สาขาทั่วประเทศ และมีสถานรักษาทรัพย์และโกดังเก็บสำนวนอีก 2 แห่ง รวม 110 แห่ง ซึ่งหากใช้งานระบบเครือข่าย GIN แบบเต็มรูปแบบจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท” ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ กล่าว

การเชื่อมโยงระบบของกบค. กับ สรอ. หลังจากลงบันทึกข้อตกลงแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์ในการเข้าถึงระบบแบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ระบบมีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ นอกจากนั้นยังทำให้กระบวนการบังคับคดีสามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน และสถานะการปฏิบัติงานว่าดำเนินการถึงขั้นตอนใด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการสำหรับการปฏิบัติงานด้านการบังคับคดีแพ่งได้ ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการบังคับคดีในสังคมได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่กบค. จะนำมาไว้บนบริการของสรอ. หลักๆ ได้แก่ระบบงานบังคับคดีแพ่ง ซึ่งเป็น Operation ของกบค. ส่วนระบบอื่นๆ ที่เป็นระบบการให้บริการประชาชน เช่น ระบบตรวจสอบข้อมูลบุคคลล้มละลาย กบค. ก็จะนำไปอยู่บนบริการของสรอ. เช่นกัน ในอนาคตกบค. จะนำระบบงานบังคับคดีล้มละลาย และระบบงานอื่นๆ ตามภารกิจหลักขึ้นบนบริการของสรอ. ทั้งหมด

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือสรอ. เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ MOU กับกรมบังคับคดี หรือกบค. ในครั้งนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์ของสรอ. ในการที่จะนำข้อมูลของกระบวนการยุติธรรมมาอยู่ในบริการของสรอ.ทั้งหมดในอนาคตอันใกล้ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานยุติธรรมทั้งหมดได้จัดทำโครงการศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม หรือ DXC อยู่แล้ว เมื่อกบค.เข้าสู่ระบบของสรอ.แล้วโอกาสที่อีก 14 หน่วยงานในโครงการ DXC จะเข้ามาด้วยก็มีความเป็นไปได้สูง

จากเป้าหมายของสรอ.ในโครงการ DXC นั้นจะประกอบไปด้วย 1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี ฐานข้อมูลประกาศสืบจับ, ฐานข้อมูลผู้กระทำผิดกฎหมาย, ฐานข้อมูลคดีรถหาย, ฐานข้อมูลคดีคนหาย 2. สำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีฐานข้อมูลสาระบบคดี 3. กรมราชทัณฑ์ ที่มี ฐานข้อมูลผู้ต้องขัง 4. กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่มี ฐานข้อมูลเยาวชนผู้กระทำผิด5. กรมคุมประพฤติ ที่มี ฐานข้อมูลผู้ถูกคุมประพฤติ, ฐานข้อมูลอาสาสมัครคุมประพฤติ

6. กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI 7. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ที่มี ฐานข้อมูลผู้ต้องหาคดียาเสพติด 8. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่มี ฐานข้อมูลคดี 9. กรมการปกครอง ที่มี ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร 10. กรมการขนส่งทางบก ที่มี ฐานข้อมูลทะเบียนรถยนต์, ฐานข้อมูลใบขับขี่รถยนต์

11. สำนักงานกิจการยุติธรรม 12. สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม 13. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) ที่มี ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ครัวเรือน), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ศบย.), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (หมายจับ ป.วิอาญา), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (เป้าหมาย), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ปปส.), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ใบขับขี่), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ทะเบียนรถ), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (หนังสือเดินทาง)

14. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มี ฐานข้อมูลการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้, ฐานข้อมูลบุคคลสูญหาย, ฐานข้อมูลร้องเรียนความไม่เป็นธรรม ซึ่งมีหลายหน่วยงานเริ่มเข้ามาใช้บริการของสรอ.แล้ว และหากฐานข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงถึงกันบนบริการของสรอ. ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ทั้งทางด้านการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และความปลอดภัย

View :1366

เลอโนโวจัดเต็ม Sleek Notebook โดดเด่นทั้งดีไซน์บางเบา สีสันสดใส ราคาเบาๆ ถูกใจวัยทีน

October 4th, 2012 No comments


เลอโนโวเติมเต็มความต้องการผู้ใช้งาน เปิดตัว Sleek Notebook ทั้ง IdeaPad S300 และ IdeaPad S400 กับดีไซน์สีสันทันสมัย บางเบาพกพาสะดวก เต็มอิ่มกับประสิทธิภาพให้คุณเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาท พร้อมช่วงแนะนำรับฟรีเคสโน๊ตบุ้คลายเก๋ไก๋ สร้างสรรค์เอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวถึง 3 สไตส์

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดพีซีของโลก เรามุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่บนรากฐานความต้องการของลูกค้าเป็นปัจจัยพื้นฐาน และเชื่อว่าในปัจจุบันผู้ใช้งานไม่เพียงต้องการเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นครบครัน แต่คงให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งคำนึงถึงราคาของผลิตภัณฑ์เป็นหลักอีกด้วย ดังนั้น เลอโนโวจึงขอนำ Sleek Notebook ทั้ง IdeaPad S300 และ IdeaPad S400 ตอบโจทย์นักเรียน นักศึกษา ตามความต้องการอย่างครบครัน ทั้งดีไซน์เบาบาง พกพาสะดวก แถมราคาสุดประหยัด

ประมวลผลชาญฉลาด ประสิทธิภาพเหนือชั้น
IdeaPad S300 Sleek Notebook มาพร้อมหน่วยประมวลอินเทล เพนเทียม (Intel Pentium®) และ IdeaPad S400 Sleek Notebook มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core™ i3 และ i5 พร้อมฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากถึง 500 GB ให้คุณเพลินเพลิดได้ไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็น เก็บเพลง หนัง และไฟล์งานที่สำคัญต่างๆ นอกจากนี้ ตอบโจทย์คนชื่นชอบความเร็วแรงเหนือชั้น IdeaPad S400 Sleek Notebook มาพร้อมฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ความจุ 24 GB และหน่วยประมวลผล Intel Core™ i5

IdeaPad S Series Sleek Notebook รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 พร้อมอัพเกรดเป็น Windows 8 ได้เพื่อความสมบูรณ์แบบ อีกทั้ง ระบบทัชแพด ยังถูกออกแบบมารองรับ Windows 8 โดยเฉพาะ ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการเลื่อนหน้าจอและการซูมเข้าออกได้ดียิ่งขึ้น และคีย์บอร์ดแบบ AccuType ที่ช่วยให้พิมพ์ได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์นวัตกรรมใหม่ที่สะดวกต่อการใช้งานอย่างมากมาย อาทิ ฟังก์ชั่น Lenovo Quick Start “Instant on” ช่วยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที นอกจากนี้ ระบบรักษาความปลอดภัยการป้องกันข้อมูลอย่าง Lenovo OneKey™ Rescue System ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรองและกู้คืนระบบ การกู้คืนเอกสาร และการสแกนไวรัสอย่างสมบูรณ์แบบที่ง่ายดาย รวดเร็ว .

คู่หูมัลติมีเดียสดใส ปลดปล่อยอิสระเต็มพิกัด
IdeaPad S300 Sleek Notebook และ IdeaPad S400 Sleek Notebook ดีไซน์ความบางเฉียบที่ไม่ถึง 1 นิ้วและน้ำหนักน้อยกว่า 1.8 กิโลกรัม ถูกออกแบบด้วยพื้นผิวเมทาลิคสีสันสดใส มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดงเข้ม Crimson Red, สีเทาเงิน Silver Grey และสีชมพูพาสเทล Cotton-Candy Pink โดย IdeaPad S300 Sleek Notebook มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 13 นิ้ว และ IdeaPad S400 Sleek Notebook จอแสดงผลขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD ช่องต่อ HDMI เต็มอรรถรสความบันเทิงกับลำโพงสเตอริโอและระบบเสียง Dolby® Advanced Audio™ v2 นอกจากนี้เทคโนโลยี Lenovo Energy Management ทำให้สามารถรองรับการใช้งานมากกว่า 5 ชั่วโมง และถนอมการใช้งานแบตเตอรี่ให้มีอายุยาวนานยิ่งขึ้น

ราคาและการวางจำหน่าย 1

IdeaPad S300 Sleek Notebook วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 13,990 บาท (รวมภาษีแล้ว)
IdeaPad S400 Sleek Notebook วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 15,990 บาท (รวมภาษีแล้ว)
ร่วมสัมผัสครั้งแรกและเป็นเจ้าของได้ในงาน Thailand’s Mobile Expo 2012 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 4 – 7 ตุลาคม 2555 ณ บู๊ท CM1และ CM2 โซน C ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และตัวแทนผลิตภัณฑ์เลอโนโว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ เลอโนโว คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร. 1800-060-087 หรือ โทร. 02-689-6451

ติดตามข่าวสารล่าสุดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเลอโนโวได้ที่เว็บไซต์ Lenovo Thailand (http://www.lenovo.com/th/en/) หรือ สมัครได้ที่ Lenovo RSS Feeds (http://news.lenovo.com/) หรือติดตามผ่าน Facebook (http://www.facebook.com/lenovo.lover)

View :2283

งานแสตมป์โลก “THAILAND 2013” สืบสานงานศิลป์ สืบทอดเกียรติภูมิไทย

October 4th, 2012 No comments

ไอซีทีโดยไปรษณีย์ไทยจับมือวัฒนธรรมเชิดชูงานศิลป์ไทยในเวทีงานแสตมป์โลก มิติใหม่แห่งการเปิดโลกเรียนรู้งานศิลป์บนดวงแสตมป์ พร้อมเปิดตัวแสตมป์งานศิลป์พื้นบ้าน 4 ภาค และโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556

ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ประธานอำนวยการจัดงานแสดงตราไปรษณียากรโลก พ.ศ. 2556 (THAILAND 2013) ในพิธีแถลงข่าวการจัดงานดังกล่าวที่มีขึ้นในวันนี้ (3 ต.ค.) โดยมีนาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยบริษัทเอกชนชั้นนำด้านการสะสมแสตมป์เข้าร่วมงานกันพร้อมหน้า
ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงตราไปรษณียากรโลก หรือ THAILAND 2013 – World Stamp Exhibition ระหว่างวันที่ 2 – 14 สิงหาคม 2556 ณ รอยัลพารากอนฮออล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในโอกาสครบรอบ 130 ปี กิจการไปรษณีย์และแสตมป์ดวงแรกของไทย หลังจากเคยจัดงานแสตมป์โลกมาแล้วถึง 3 ครั้งในทุก ๆ 10 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2536 และ 2546 ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Youth Stamp Exhibition ในปี 2542

“ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งที่ 5 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงตราไปรษณียากรระดับโลก และก็เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เรายังคงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม-ราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์การจัดงาน และเสด็จฯเป็นองค์ประธานการเปิดงาน รวมทั้งทรงพระราชทานสิ่งสะสมส่วนพระองค์มาร่วมจัดแสดงด้วย” นางสาวอานุสรากล่าว
งานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการจัดการแสดงและประกวดตราไปรษณียากรตามข้อบังคับของสหพันธ์ตราไปรษณียากรระหว่างประเทศเพื่อยกระดับการสะสมตราไปรษณียากร โดยคาดว่าจะมีนักสะสมส่งผลงานมาจัดแสดงและเข้าประกวดกว่า 2,500 แผงการประกวด ยังเป็นการเชิดชูชิ้นงานศิลปะของไทย ตั้งแต่ช่างพื้นบ้าน ไปสู่ช่างหลวง และช่างร่วมสมัย เพื่อเผยแพร่ความงดงามของงานช่างศิลป์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก โดยไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมจัดโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556 เพื่อคัดเลือกชิ้นงานพื้นบ้าน 3 แขนง ได้แก่ งานปั้นดินเผา งานจักสาน และงานถักทอ ในแนวประเพณี และแบบประยุกต์ ซึ่งผลงานที่ชนะการประกวดทุกชิ้นจะนำมาจัดแสดงภายในงานด้วย

ทั่วพื้นที่การจัดงานจะถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนแห่งเมืองศิลป์มิวเซียมโลกที่สร้างความสุนทรีย์และความสุข ให้กับผู้เข้าชม รวมไปถึงพื้นที่สำหรับร้านค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 130 คูหา โดยขณะนี้เปิดให้จองคูหาได้แล้วในราคาพิเศษ

ด้าน นางสาวปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ว่า “กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มโครงการดี ๆ ที่มุ่งหวังจะจุดประกายให้สังคมไทยหันมาตื่นตัว และตระหนักในคุณค่าของงานช่างศิลป์ไทยในระดับท้องถิ่น ด้วยการจัดประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556 ขึ้น เพื่อร่วมกันค้นหาชิ้นงานอันโดดเด่นของช่างศิลป์พื้นบ้าน 3 แขนงหลัก อันได้แก่ งานจักสาน งานปั้นดินเผา และงานถักทอ ทั้งในแนวประเพณี และแนวประยุกต์ รวม 6 ประเภท โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆ มาก่อน สร้างขึ้นด้วยฝีมือตนเอง หรือกลุ่มของตนเอง และมีรูปแบบเฉพาะท้องถิ่นหรือแบบประยุกต์ตามความคิดสร้างสรรค์ของตนเองที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งการตัดสินได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงศิลปะพื้นบ้าน ได้แก่ ศาสตราจารย์วิบูลย์ ลี้สุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักสาน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เสริมศักดิ์ นาคบัว ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปั้นดินเผา และอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย มาเป็นหลักสำคัญในคณะกรรมการตัดสิน ผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ศกนี้ ไปจนถึงวันที่ 29 มีนาคมศกหน้า ประกาศผลตัดสินในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 จากนั้นผลงานที่ชนะการประกวดจะนำไปจัดแสดงในงานแสดงตราไปรษณียากรโลก พ.ศ. 2556 และมีโอกาสได้รับการพิจารณาเป็นต้นแบบภาพบนตราไปรษณียากรต่อไป”

สำหรับแสตมป์ที่ระลึกของการจัดงานชุดที่ 1 เป็นภาพศิลปหัตกรรมพื้นบ้าน 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ โคมและร่วมกระดาษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บั้งไฟและแคน-โหวด ภาคกลาง ตุ๊กตาชาววัง และเครื่องปั้นดินเผา ภาคใต้ เรือกอและจำลอง และกรงนก รวม 8 แบบ ราคาดวงละ 5 บาท หาซื้อได้แล้วที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1545 หรือ www.thailand2013.com

View :1353

“เอไอเอส” ผนึกกำลัง “ซัมซุง” และ “GTH” เอาใจคอหนัง เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ “AIS Galaxy Movie Store” จัดเต็มเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ ให้ดูหนังฟรี! ยกค่าย

October 4th, 2012 No comments

เอไอเอสเร่งเครื่องเต็มสูบ ขยายตลาดแอพพลิเคชั่นเพื่สาวกสมาร์ทดีไวซ์ ตั้งเป้าเป็นดิจิตอลออนไลน์สโตร์แห่งโลกบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ หลังประสบความสำเร็จกับบุ๊คสโตร์และมิวสิคสโตร์ พร้อมเดินหน้าสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ เอาใจคอหนัง ประเดิมจับมือ “ซัมซุง” และค่ายหนัง “” เปิดโมเดลเอ็กซ์คลูซีฟแอพพลิเคชั่น เป็นรายแรกของตลาดกับ “ Galaxy Movie Store” มอบความพิเศษให้กับลูกค้าเอไอเอสที่ซื้อซัมซุง กาแลคซี่ ได้ดูหนัง ฟรี! ยกค่าย นานถึงสิ้นปี

นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส เปิดเผยว่า “ด้วยการขยายตัวของตลาดแอพพลิเคชั่นที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ซึ่ง ณ สิ้นปี 2555 คาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 5.3 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 50% จึงทำให้ความนิยมดาวน์โหลดแอพฯ มาใช้งานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ เอไอเอสมีแนวทางในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าเอไอเอส เพื่อให้การใช้งานสมาร์ทดีไวซ์จากเอไอเอสเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตให้มีสีสันครบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ยังคงเป็นไลฟ์สไตล์หลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจและนิยมเป็นอันดับต้น

ดังนั้น หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการสร้างแอพฯ ของเอไอเอส คือการสร้างหน้าร้านค้าออนไลน์ ให้บริการดาวน์โหลดดิจิตอลคอนเทนต์ประเภทต่างๆ เช่นที่ผ่านมากับ AIS Bookstore เพื่อเหล่านักอ่าน และ AIS Music Store สำหรับคอเพลง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากตลาดผู้บริโภค และเจ้าของธุรกิจคอนเทนต์ ล่าสุด เพื่อเป็นการเอาใจคอหนัง เอไอเอสจึงได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ ให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดหนังเรื่องโปรดมาดูบนสมาร์ทดีไวซ์ได้ โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ “ซัมซุง” และค่ายหนัง “GTH” ประเดิมเปิดโมเดลใหม่ เอ็กซ์คลูซีฟแอพพลิเคชั่น เป็นรายแรกของเมืองไทยกับ “AIS Galaxy Movie Store” มอบความพิเศษให้ลูกค้าเอไอเอสที่ซื้อเครื่องซัมซุง กาแลคซี่ จากเอไอเอส ได้ดูหนัง GTH ฟรี แบบยกค่าย กว่า 30 เรื่อง ด้วยความคมชัดระดับ HD อาทิ กวนมึนโฮ, ATM เออรักเออเร่อ, SuckSeed ห่วยขั้นเทพ ฯลฯ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2555

ซึ่งแคมเปญนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของทั้ง 3 บริษัท ภายใต้แนวคิด Quality DNAs เพื่อชีวิตในแบบคุณ ด้วยการผสานนวัตกรรมสุดล้ำจากฝั่งผู้ผลิตดีไวซ์, คอนเทนต์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่ผู้บริโภคชื่นชอบ และแอพพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงใจ บนที่สุดของเครือข่ายทรงประสิทธิภาพจาก เอไอเอส” นายปรัธนากล่าว

ส่วนนายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงในฐานะผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมที่มุ่งมั่นในการพัฒนาอุปกรณ์สื่อสารเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสะดวกสบายมากขึ้นของผู้บริโภค จับมือเอไอเอสหนึ่งในเครือข่ายที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดอีกครั้งเพื่อสนองความต้องการในด้านความบันเทิงของผู้บริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกบ้าน ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าจากซัมซุง ผู้บริโภคจะได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ในรูปแบบ On-the-Go ได้อย่างสมบูรณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะด้วยหน้าจอแบบ HD Super AMOLED ขนาด 4.8 นิ้วของ ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 3’ ขนาด 5.5 นิ้ว ของ ’ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 2’ จนถึงขนาด 10.1 นิ้ว ของ ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 10.1’ ให้ภาพที่สวยน่าทึ่งและถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างคมชัดสดใส บนสัดส่วนหน้าจอ 16:9 ทำให้การรับชมวีดีโอเป็นประสบการณ์ที่ได้อารมณ์ และน่าตื่นตาเหมือนกับการชมในโรงภาพยนตร์ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการชมวิดีโอความละเอียดสูงได้ในทุกๆ สถานที่ ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้ผู้ใช้สามารถชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งอ่านคอนเทนท์ที่เป็นตัวอักษรได้ง่ายขึ้น นอกจากหน้าจอขนาดใหญ่ จะให้ประสบการณ์อันน่าทึ่งในการดูคอนเทนท์ต่างๆ แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกัน อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยระบบการทำงานแบบ multitasking ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย”

ด้านนายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับฯ กล่าวว่า “ด้วยไลฟ์สไตล์และการใช้งานอุปกรณ์สื่อสารของคนในยุคนี้ที่เปลี่ยนไป คนทำหนังหรือในฐานะผู้ผลิต คอนเทนต์อย่างเราก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ปัจจุบันดิจิตอลคอนเทนต์บนสมาร์ทดีไวซ์อย่างสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตคงเป็นสื่อที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ในทุกวงการปฎิเสธถึงความแรงและความสะดวกสบายของมันไม่ได้ จะเห็นได้ว่าในทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญและปรับตัวให้เข้ากับดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ จากหนังสือแมกกาซีน มาสู่ e-book ส่วนอุตสาหกรรมเพลงก็ขยับจาก CD มาสู่ดิจิตอลดาวน์โหลด

ดังนั้น ในฐานะคนทำหนัง นี่คือก้าวสำคัญและเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ครั้งแรกของเมืองไทยในการเปิดตลาดภาพยนตร์สู่ธุรกิจดิจิตอลคอนเทนต์ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทาง GTH รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานกับพาร์ทเนอร์อย่าง AIS ซึ่งเป็นผู้นำด้านเครือข่ายสื่อสารไร้สายและเชี่ยวชาญด้านพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ซึ่งมีผู้ใช้บริการให้ความไว้วางใจมากที่สุด และ ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ GTH จึงมั่นใจว่าแอพพลิเคชั่น AIS Galaxy Movie Store นี้จะเป็นทางเลือกใหม่ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับชมภาพยนตร์ของ GTH ได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ชมในปัจจุบันและอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ GTH ได้เตรียมภาพยนตร์เรื่องโปรดให้แฟนๆ GTH ได้ดาวน์โหลดไปรับชมกันผ่านทางแอพฯ รวม 30 กว่าเรื่อง ไล่ตั้งแต่เรื่องแรกของค่ายอย่าง แฟนฉัน, เพื่อนสนิท จนถึงเรื่องยอดฮิตอย่าง กวน มึน โฮ, ATM เออรักเออเร่อ เรียกว่ายกกันมาทั้งค่าย มีให้เลือกทั้งความคมชัดระดับ HD และแบบมาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าเอไอเอสและซัมซุงได้ชมฟรี ถึงสิ้นปีเลยทีเดียว” นายวิสูตรกล่าว

ลูกค้าเอไอเอสที่ใช้เครื่อง Samsung Galaxy จากเอไอเอสทุกรุ่น สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AIS Galaxy Movie Store พร้อมดูหนัง GTH ฟรีแบบยกค่าย ได้ง่ายๆ ผ่านทาง 3 ช่องทาง ได้แก่ AIS App Store, Samsung Apps หรือ Play Store จากนั้นคลิกไอคอนเพื่อเปิดแอพพลิเคชั่น จะมีภาพยนตร์ค่าย GTH ให้เลือกชมมากมาย

View :1873
Categories: SmartPhone/Mobile phone Tags: , ,