Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

เ อซุส เปิดตัว กราฟิกการ์ด EAH6900 ซีรี่ส์ มาพร้อม สุดยอดเทคโนโลยีประมวลภาพใหม่ล่าสุดจาก AMD

January 20th, 2011 No comments

เอซุส ขอแนะนำ EAH6970 และ EAH6950 ซีรี่ส์ กราฟิกการ์ด 2 รุ่นล่าสุด ในตระกูล HD6900 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีกราฟิก Cayman ใหม่ล่าสุดจาก AMD เพื่อการปรับแต่ง GPU ให้สามารถเล่นเกมที่รองรับ DirectX® 11 บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ที่ความละเอียดสูงกว่า 1920 x 1200 โดยที่สามารถเปิดใช้การตั้งค่าขั้นสูงรวมถึงการแสดงผลที่อัตราเฟรมสูงได้ พร้อมผสานดีไซน์และสมรรถนะชั้นยอดเพื่อเกมเมอร์และผู้หลงใหลคอมพิวเตอร์ที่เปี่ยมขุมพลังโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมาพร้อม Voltage Tweak เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของเอซุส ที่ให้การโอเวอร์คล็อกสามารถทำได้เร็วขึ้นถึง 50 %

ซีรี่ส์ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติการประมวลผลด้านภาพที่เหนือกว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก AMD ซึ่งประกอบด้วย

- Eyefinity ฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถแสดงผลได้สูงสุดถึง 6 หน้าจอ โดยใช้กราฟิกการ์ดเพียงตัวเดียว เพื่อการเล่นเกมอย่างได้อรรถรสและการแสดงผลขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

- HD3D เพื่อประสบการณ์อันตื่นเต้นเร้าใจด้วยการเล่นเกม ชมภาพยนตร์ หรือแม้แต่ภาพถ่ายในรูปแบบ 3 มิติได้อย่างคมชัดทุกรายละเอียดโดยปราศจากความล่าช้า

- EyeSpeed ช่วยเพิ่มความเร็วในการเล่นวิดีโอเพื่อประสบการณ์แห่งการแสดงผลที่ความละเอียดสูงอันน่ารื่นรมย์ และสามารถเล่นแผ่นบลูเรย์และวิดีโอออนไลน์ความละเอียดสูงได้อย่างคมชัดไร้ปัญหา

นอกจากนี้ ด้านดีไซน์ยังเหนือชั้นกว่ากราฟิกการ์ดทั่วไปด้วยการใช้วัสดุห่อหุ้มแบบอลูมิเนียมเพื่อการระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถระบายความร้อนบนพื้นผิวได้อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็วกว่ากราฟิกการ์ดทั่วไป ส่งผลให้การทำงานมีเสถียรภาพ อายุการใช้งานยาวนานและศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกที่สูงขึ้นได้อีกด้วย

ASUS กราฟิกการ์ด EAH6900 ซีรี่ส์ ทั้ง 2 รุ่น รอให้คุณได้เลือกสัมผัสพร้อมกันก่อนใครแล้ววันนี้ ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายเอซุสทั่วประเทศ หรือดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ www.asus.co.th

View :1202

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จับมือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร เสริมศักยภาพการเตือนภัย

January 20th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง “ ความร่วมมือทางวิชาการและการบริหารข้อมูลทรัพยากรน้ำ ” ระหว่าง สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยในรอบ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนับว่ามีความรุนแรงและกินพื้นที่เป็นวงกว้างหลายจังหวัด รวมทั้งได้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและประเทศชาติเป็นมูลค่ามหาศาล

“ศูนย์ เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้มีความตื่นตัวและตระหนักถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น จึงได้ร่วมมือกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) เพื่อขอรับข้อมูลมาประกอบการวิเคราะห์ การบริหารจัดการ และการตัดสินใจของศูนย์ เตือนภัยฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันสถานการณ์ ซึ่งนับเป็นการบูรณาการการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน โดยประยุกต์ใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลขและเป็นภาพสถานการณ์น้ำใน พื้นที่ ณ เวลาปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง อันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศชาติและประชาชน” นางจีราวรรณ กล่าว

ด้าน นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ มีภารกิจสำคัญประการหนึ่ง คือ การประสานงานกับหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยข้อมูล ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้นกับการบริหารงานเตือนภัยพิบัติของชาติ ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานราชการและ องค์กรเอกชนหลายแห่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติในแต่ละประเภทเป็นจำนวน มาก เช่น ด้านวาตภัย กรมอุตุนิยมวิทยา ด้านอุทกภัย กรมอุทกศาสตร์ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ ด้านดิน-โคลนถล่ม กรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น รวมทั้งยังมีหน่วยงานที่เฝ้าติดตามสถานการณ์และประเมินผลข้อมูลเกี่ยวกับภัย พิบัติต่างๆ เช่น ศูนย์ข้อมูลภัยพิบัติ สภากาชาดไทย ศูนย์เมขลา จึงอาจทำให้เกิดการสับสน อันเนื่องมาจากความซ้ำซ้อนไม่เป็นระบบและขาดมาตรฐานระดับชาติ ศูนย์เตือนภัยฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายภารกิจในการเตือนภัยของชาติ จึงจำเป็นต้องดำเนินการบูรณาการ ข้อมูลเตือนภัยดังกล่าว รวมทั้งวิเคราะห์ วิจัยปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานการเตือนภัยพิบัติ แห่งชาติให้สำเร็จ

“ปัจจุบันศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทั่วทั้งประเทศ เพื่อประโยชน์ในการแจ้งเตือนภัย การบรรเทาและการลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินต่างๆ ของประชาชน แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นลุ่มน้ำของประเทศมีความหลากหลาย ทำให้การบริหารจัดการน้ำต้องใช้ข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำ ซึ่งที่ผ่านมาผู้บริหารไม่สามารถเห็นภาพสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ณ เวลาที่เกิดขึ้นจริงอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการน้ำได้เต็มที่ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ ชิดโดยใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้สามารถวางแผนการบริหารจัดการน้ำ ติดตามเฝ้าระวัง และ แจ้ง เตือนสถานการณ์ที่ปรากฏได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ตลอดจนทำให้สามารถสื่อสารกับประชาชนทั่วไปให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำใน พื้นที่ต่างๆ ณ ขณะนั้นได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำให้สามารถใช้เป็นข้อมูลในการป้องกันหรือลดความเสียหายจาก อุทกภัยได้ทันท่วงที อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของศูนย์เตือนภัยฯ ให้ทันสมัยเหมาะสมกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงฯ ในด้านระบบการประมวลผลเพื่อการแจ้งเตือนภัยพิบัติที่มีขีดความสามารถสูง ด้านระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีคุณภาพถูกต้อง ทันต่อเหตุการณ์ และด้านกระบวนการควบคุมสั่งการในภาวะวิกฤตและการแจ้งเตือนภัย” นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ กล่าว

จากเหตุผลดังกล่าว ศูนย์เตือนภัยฯ จึงได้ดำเนินการพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลที่จะเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้วยการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการบริหารข้อมูล ทรัพยากรน้ำระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) เพื่อสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศ แผนที่ ภาพถ่ายจากดาวเทียม และส่วนที่ได้พัฒนาต่อเนื่อง สำหรับการเตือนภัยและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ รวมทั้งเพื่อสนับสนุน และร่วมวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับประยุกต์ใช้ในการป้องกัน รวมถึงแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกอันอาจมีผลกระทบต่อการดำรง ชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนการจัดทำระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำระดับจังหวัด และระดับชุมชนในส่วนของการแจ้งและเตือนภัย ตลอดจนเพื่อร่วมพัฒนาบุคลากร และระบบการแจ้งเตือนภัย ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การ ลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้การดำเนินงานของศูนย์เตือนภัยฯ สามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ประสงค์ให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เป็นศูนย์ข้อมูลกลางด้านการเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติ และให้บริการระบบสื่อสารข้อมูลข่าวสารในการแจ้งเตือนภัยแก่หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องและผู้เกี่ยวข้องอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศโดยรวม ต่อไป” นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ กล่าว

View :1361

เทรนด์ ไมโคร เผยรายงานสรุป 10 รายชื่อสิ่งที่เป็นอันตรายและเสี่ยงกับการเกิดภัยคุกคามข้อมูลมากที่สุดในปี 2553

January 20th, 2011 No comments

มาร์ติน รอสเลอร์ ผู้อำนวยการด้านการวิจัยภัยคุกคาม ศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ ของบริษัท เทรนด์ไมโคร อิงค์ เปิดเผยรายงานสรุป 10 รายชื่อสิ่งที่เป็นอันตราย และเสี่ยงกับการเกิดภัยคุกคามข้อมูลมากที่สุดในปี 2553 ดังนี้
1. ฮาร์ดแวร์: อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่มีการใช้งานในปี 2553 คือเครื่องอ่านบัตรประจำตัวของชาวเยอรมัน บัตรประจำตัวดังกล่าวจะมีข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับการเข้ารหัสไว้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แต่ โชคไม่ดีที่ข้อมูลดังกล่าวถูกขโมยได้โดยง่ายผ่านทางเครื่องอ่านบัตรบางเครื่อง
2. ซอฟต์แวร์สำหรับเว็บไซต์: ซอฟต์แวร์ที่มีความเสี่ยงที่สุดสำหรับการใช้งานบนเว็บไซต์ในปี 2553 คือ WordPress ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการสร้างบล็อก โดยบล็อก WordPress นับพันรายการที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขช่องโหว่จะถูกอาชญากรไซเบอร์ใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนทิศทางเว็บไซต์ที่อาจนำไปสู่มัลแวร์อันตราย หรือรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (Search Engine Optimization: SEO) ได้
3. ไอพี (IP): ไอพีที่อันตรายที่สุดที่มีการใช้งานในปี 2553 คือ Internet Relay Chat (IRC) จะเห็นได้ว่า 30% ของบ็อตเน็ตทั้งหมดใช้ IRC ในการสื่อสารกับเครื่องที่ติดมัลแวร์และเซิร์ฟเวอร์ในการสั่งการและควบคุม (C&C) ของบ็อตเน็ต แต่โชคดีที่การบล็อกการใช้ IRC ในเครือข่ายสามารถหยุดบ็อตเน็ตได้อย่างดีเยี่ยม
4. ระบบปฏิบัติการ (โอเอส): โอเอสที่มีความเสี่ยงสูงสุดคือ Mac OS X ของ Apple โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Apple ได้ส่งรุ่นโอเอสที่ได้รับการแก้ไขหลายอย่างให้แก่ผู้ใช้และเป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่มาก โดยต่ำสุดมีขนาดที่ 644.48 เมกะไบต์ ถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่ได้รวมการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยจำนวนมากนับตั้งแต่บริษัทได้ทำการอัปเดตก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนมิถุนายน จะเห็นได้ว่าด้วยแนวโน้มในด้านการรักษาความลับและรอบการแก้ไขที่ยาวนานของ Apple นี่เองที่อาจยังคงเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ใช้ได้

5. เว็บไซต์: เว็บไซต์ที่อันตรายที่สุดในโลกคือ Google ด้วยความนิยมอย่างมหาศาลของเว็บไซต์แห่งนี้ทำให้อาชญากรไซเบอร์ใช้เป็นเครื่องมือในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับ SEO (Blackhat SEO: การทำให้ลิงก์ของตนอยู่สูงกว่าผลการค้นหาทั่วไป) อีกทั้งยังนำผู้ใช้งานเข้าสู่ความเสี่ยงด้านภัยคุกคามของมัลแวร์ที่สำคัญด้วย โดยเฉพาะโปรแกรมแอนตี้ไวรัสของปลอม (FAKEAV) นอกจากนี้ เครือข่ายโฆษณาของ Google ยังมักจะตกเป็นเหยื่อจากโฆษณามัลแวร์ (Malvertisements) อยู่บ่อยครั้งอีกด้วย
6. เครือข่ายสังคม: ในอีกกรณีที่แสดงให้เห็นว่าความนิยมอาจนำไปสู่อันตรายได้ นั่นคือ Facebook ที่ได้รับการพิจารณาว่าไซต์เครือข่ายสังคมที่เป็นอันตรายสูงสุด โดยการสำรวจทุกสิ่งผ่านทาง Facebook อาจลวงไปสู่การแพร่กระจายของมัลแวร์ KOOBFACE ได้ ทั้งนี้อาชญากรไซเบอร์มักจะแฝงตัวเข้าไปอยู่ในทุกๆ ที่ที่ผู้คนอยู่รวมกัน และสถานที่แห่งนั้นก็คือ Facebook นั่นเอง
7. โดเมนระดับบนสุด: โดเมนระดับบนสุดที่เป็นอันตรายที่สุดในโลกคือ CO.CC ซึ่งเปิดโอกาสให้ อาชญากรไซเบอร์สามารถจดทะเบียนโดเมนได้นับพันโดเมนบนอินเทอร์เน็ตโดยที่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบน้อยมาก และการที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในรัสเซียปฏิเสธการปิดการทำงานของไซต์ที่เป็นอันตรายก็ได้ ก่อ ให้เกิดการผสานรวมของสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างมากขึ้นในปัจจุบัน
8. รูปแบบไฟล์: PDF เป็นรูปแบบไฟล์ที่มีความเสี่ยงที่สุดในปี 2553 เนื่องจาก ช่องโหว่ต่างๆ ของ Adobe Acrobat และ Reader ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือในการใช้หาประโยชน์ในทางที่ผิดๆ
9. สภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมขณะทำงานที่อันตรายสูงสุดสำหรับผู้ใช้ในปี 2553 คือ Internet Explorer (IE) ที่สามารถเปิดใช้งานสคริปต์ได้ ในปัจจุบันยังคงมีการใช้ประโยชน์จากบราวเซอร์อยู่อย่างเป็นจำนวนมาก โดยพุ่งเป้าเป็นพิเศษไปที่ IE อย่างไรก็ตาม Java ก็กำลังตกเป็นเป้าหมายด้วยเช่นกันและอาจกลายเป็นเป้าหมายหลักในปี 2554 ก็ได้
10. ช่องทางการติดเชื้อ: ช่องทางการติดเชื้อที่เป็นไปได้สูงสุดยังคงเป็นบราวเซอร์ จะเห็นได้ว่ามากกว่า 2 ใน 3 ของการติดเชื้อทั้งหมดใช้บราวเซอร์เป็นพาหะในการติดเชื้อ ส่วนช่องทางการติดเชื้อก่อนหน้านี้ เช่น แฟลชดิสก์ และข้อความสแปม ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ได้รับความนิยมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้
สามารถติดตามอ่านบทความด้านภัยคุกคามอื่นๆ ทั่วโลกได้ที่ http://blog.trendmicro.com/

View :1364

ปัญหาหลักผู้บริโภคโทรคมนาคมถูกคิดเงินผิดและถูกเร่งเติมเงิน

January 19th, 2011 No comments

เผยยอดร้องเรียนโทรคมนาคมปี 53 เอไอเอสและฮัทช์ ถูกชาวพรีเพดร้อง “ตัด ยึด ทวง” มากที่สุด ขณะที่ดีแทคและทรูมูฟ คว้าแชมป์คิดเงินผิด
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เปิดเผยถึงสถิติการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์บ้าน และโทรศัพท์สาธารณะว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2553 มีเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 2,753 เรื่อง โดยปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุดมาจากการใช้บริการโทรศัพท์มือถือจำนวน 1,751 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 63 รองลงมาคือ การร้องเรียนจากผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจำนวน 557 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 20 และการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการโทรศัพท์บ้านจำนวน 353 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 12 ส่วนประเด็นที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุดคือ การคิดค่าบริการผิดพลาดจำนวน 686 เรื่อง หรือร้อยละ 25 รองลงมาคือ การกำหนดวันหมดอายุโทรศัพท์ระบบเติมเงินจำนวน 602 เรื่องหรือ ร้อยละ 21 และมาตรฐานการให้บริการจำนวน 536 เรื่อง หรือร้อยละ 19.5
“สำหรับการคิดค่าบริการผิดพลาดมีรายหนึ่งร้องเรียนว่า ถูกคิดค่าบริการ 170,000 บาท ซึ่งเรื่องยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งนี้โดยทั่วไปของการถูกคิดค่าบริการผิดพลาดมาจากค่า GPRS หรือ EDGE จากการใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ การระงับบริการแต่ยังถูกเรียกเก็บค่าบริการ การถูกคิดค่าโทรทางไกลต่างประเทศ หรือการถูกหักค่า sms บริการเสริมต่างๆ มีบางรายถูกคิดค่าดาวน์โหลดข้อมูลไป 2,500 บาท ทั้งที่การโหลดไม่สำเร็จแต่ถูกคิดเงินเต็มจำนวน จึงร้องเรียน จนในที่สุดบริษัทคืนเงินให้มาจำนวน 1500 บาท ปีที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการถูกหักค่าบริการเสริม 272 ราย ผู้บริโภคจึงควรตรวจสอบการใช้บริการเป็นระยะ หากสงสัยเกี่ยวกับการใช้บริการ ต้องสอบถามกับเครือข่ายผู้ให้บริการ โดยบริษัทมีหน้าที่ต้องชี้แจง หรือแสดงรายละเอียดการใช้บริการกับผู้บริโภค” ผอ.สบท. กล่าว
นายประวิทย์กล่าวต่อไปว่า ในการใช้บริการโทรศัพท์มือถือนั้น ประเด็นที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดของผู้ให้บริการแต่ละเครือข่ายนั้นพบว่า เอไอเอส ถูกร้องเรียนมากที่สุดในประเด็นการกำหนดอายุโทรศัพท์ระบบเติมเงินโดยมีจำนวนเรื่องร้องเรียน 200 เรื่อง ด้านดีแทค และทรูมูฟถูกร้องเรียนมากที่สุดในประเด็นการคิดค่าบริการผิดพลาด โดยมีเรื่องร้องเรียนจำนวน 100 และ 167 เรื่องตามลำดับ ขณะที่ฮัทช์ถูกร้องเรียนมากที่สุดจากเรื่องการถูกยึดเงินในโทรศัพท์ระบบเติมเงินจำนวน 106 เรื่อง ส่วนการใช้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์บ้าน ประเด็นที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ มาตรฐานการให้บริการ

View :1406

เฟดเอ็กซ์ พลิกประสบการณ์บริการขนส่งด่วน เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ สำหรับไอโฟน-บีบีและเว็บไซด์บนมือถือ

January 19th, 2011 No comments

เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (หรือเฟดเอ็กซ์) หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งด่วนรายใหญ่ที่สุดของโลกในเครือของเฟดเอ็กซ์ คอร์ป (หรือมีชื่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กว่า FDX) ประกาศเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับการใช้งานบนเครื่องโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ พร้อมทั้งเปิด Website ซึ่งเป็นเว็บไซด์ใหม่บนมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลการขนส่งสินค้าและพัสดุ สอบถามอัตราค่าขนส่งและเวลาแวะเปลี่ยนเครื่อง กำหนดเวลารับสินค้าและพัสดุ และค้นหาสำนักงานที่ตั้ง
ของเฟดเอ็กซ์ได้ทุกที่ทุกเวลา

การใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งาน
พุ่งสูงขึ้นถึง 347 ล้านคนภายในปี 25581 ดังนั้น เฟกเอ็กซ์จึงเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับเครื่องสมาร์ทโฟนไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ พร้อมด้วยเว็บไซด์ FedEx Mobile ใหม่ เพื่อให้ลูกค้าซึ่งต้องออกไปทำงานนอกสถานที่มากขึ้นสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับบริการขนส่งสินค้าของเฟดเอ็กซ์ผ่านเครื่องสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วและทันที นอกจากนี้ ลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ที่รองรับเทคโนโลยีเว็บสามารถเข้าใช้เว็บไซด์ FedEx Mobile ใหม่ เพื่อติดตามสถานภาพการขนส่งสินค้าและพัสดุของตน และใช้โซลูชั่น My FedEx Tracking ติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้าและพัสดุ สอบถามอัตราค่าบริการ กำหนดเวลารับสินค้าและพัสดุ2 และค้นหาสถานที่ตั้งของสำนักงานเฟดเอ็กซ์ใกล้บ้าน

มร. เดวิด แอล คันนิ่งแฮม จูเนียร์ ประธาน บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “เฟดเอ็กซ์มีปณิธานมุ่งส่งเสริมลูกค้าทั่วภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของเฟดเอ็กซ์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งหนใดหรือใช้อุปกรณ์สื่อสารชนิดใดก็ตาม การติดตั้งโซลูชั่นการสื่อสารเคลื่อนที่ใหม่ล่าสุดดังกล่าวขับเคลื่อนเฟดเอ็กซ์ให้ก้าวรุดหน้าอีกขั้นเพื่อพิชิตเป้าหมายดังกล่าวซึ่งอยู่ใกล้เข้ามามากขึ้น และสร้างประสบการณ์การให้บริการขนส่งที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้า”

แอพพลิเคชั่น FedEx Mobile ใหม่ สำหรับการใช้งานบนเครื่องไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ เปิดให้บริการ
ดาวน์โหลดฟรีที่ fedex.com (http://www.fedex.com/xx/mobile /index.html) xx= รหัสประเทศ และเว็บไซด์ FedEx Mobile ใหม่เปิดให้บริการที่ http://m.fedex.com

1 ผลการวิจัยเรื่อง Asia Pacific Equity Research Wireless Telecommunication Services โดยธนาคาร Credit Suisse 2 กุมภาพันธ์ 2553
2 เปิดให้บริการในประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเก๊า มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน

View :1851
Categories: Press/Release Tags:

ทรูไลฟ์พลัส เขย่าวงการ ต่อยอดความคุ้มค่า เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ “ทรูไลฟ์ ฟรีวิว 215 ช่อง”

January 19th, 2011 No comments

ให้ดูเยอะ โทรให้คุ้ม ได้เป็นคู่ ดู + โทร กับโปรเลือกได้ตามใจ
เต็มอิ่มทั้งดูรายการคุณภาพ 215 ช่อง และ โทรทรูมูฟ 399 บาท

พิเศษ สมัครวันนี้ – 28 กุมภาพันธ์นี้ รับส่วนลดค่าติดตั้ง พร้อมโบนัสโทรฟรีเพิ่ม 120 นาที

ทรูไลฟ์พลัส ศูนย์รวมคอนเวอร์เจนซ์เต็มรูปแบบ ผสมผสานบริการหลักของกลุ่มทรู เติมเต็มความสุขทุกไลฟ์สไตล์ กระหน่ำวงการอีกครั้งด้วยคอนเวอร์เจนซ์แพ็กเกจคุ้มสุดๆ แบบไม่เคยมีมาก่อน เปิดตัวแพ็กเกจ ดู + โทร ใหม่ล่าสุด “” เพียงเดือนละ 399 บาท จุใจทั้งโทรทรูมูฟ 399 บาท และ ได้ดูรายการคุณภาพมากถึง 215 ช่อง เต็มอิ่มกับสารพัดความรู้ความบันเทิงหลากหลาย ทั้งรายการจากในประเทศและต่างประเทศ ภาพยนตร์ ซีรี่ส์ดัง เพลง กีฬา สารคดี และวาไรตี้ ส่งตรงจากทั่วทุกมุมโลกถึงหน้าจอทีวี พร้อมสนุกกับ 10 ช่องรายการใหม่ล่าสุดต้อนรับปีกระต่าย

นายอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูไลฟ์พลัส ตอกย้ำความแข็งแกร่งยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู ให้ลูกค้าเข้าถึงสาระความรู้ ความบันเทิงได้มากขึ้น เชื่อมต่อถึงกันได้ทุกที่ทุกเวลา และคุ้มค่ายิ่งขึ้น เขย่าตลาดด้วยคอนเวอร์เจนซ์แพ็กเกจใหม่สุดคุ้ม “ทรูไลฟ์ ฟรีวิว 215 ช่อง” ค่าบริการรายเดือนเพียง 399 บาท ใช้เป็นค่าโทรทรูมูฟได้ 399 บาท และดูช่องรายการคุณภาพจากทรูวิชั่นส์และช่องรายการฟรีทูแอร์อื่นๆ แบบจุใจถึง 215 ช่อง ทั้งรายการจากในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ การ์ตูน ซีรี่ส์ กีฬา สารคดี และวาไรตี้ พร้อมช่องรายการใหม่ๆ ที่คัดสรรพิเศษสำหรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เพิ่มความสนุกรับปีกระต่ายกับ 10 ช่องรายการใหม่ ได้แก่ Fox Thailand ช่องรายการซีรี่ส์และบันเทิงอันดับหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมสูงในสหรัฐอเมริกา, Speed สถานีโทรทัศน์แห่งโลกยานยนต์ตลอด 24 ชั่วโมง ครั้งแรกในประเทศไทย, Animax สุดยอดการ์ตูนแอนิเมชั่นจากญี่ปุ่น, Super บันเทิง สถานีข่าวบันเทิง 24 ชั่วโมง, สยามกีฬา, Home&Food, Travel, Golf Channel, TAN Network และช่อง MCOT1”

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าทรูไลฟ์ฟรีวิว เตรียมเปิดรับความบันเทิงจากคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟหลากหลายที่หาชมที่อื่นไม่ได้ อาทิ การแข่งขันฟุตบอล “สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก” ที่ทรูวิชั่นส์ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดต่อเนื่องถึง 3 ปีคือ ฤดูกาล 2554 – 2556 และติดตามรายการอื่นๆ ที่คัดสรรมาให้ชมกันอย่างจุใจต่อเนื่องตลอดปี

“แพ็กเกจใหม่จากทรูไลฟ์พลัส นำเสนอแนวคิดคอนเวอร์เจนซ์แพ็กเกจของกลุ่มทรู ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพื่อมอบความคุ้มค่าสูงสุด ให้ดูเยอะ โทรให้คุ้ม ได้เป็นคู่ ดู+โทรกับโปรเลือกได้ตามใจ ยิ่งลูกค้าใช้สินค้าและบริการของกลุ่มทรูมากเท่าใด ก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้นเท่านั้น เลือกแพ็กเกจทรูไลฟ์ ฟรีวิวตามไลฟ์สไตล์ได้ 3 แบบ

มั่นใจว่า แพ็กเกจสุดคุ้ม ผนวกกับช่องรายการคุณภาพจากทรูวิชั่นส์ จะตรงใจและมอบประสบการณ์ชีวิตมีแต่บวกให้ลูกค้าสัมผัสได้อย่างแท้จริง” นายอริยะ กล่าวสรุป

ลูกค้าที่สนใจแพ็กเกจ “ทรูไลฟ์ ฟรีวิว” สามารถสมัครใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ทรูช็อปทุกสาขา พร้อมรับส่วนลดค่าติดตั้ง และโบนัสโทรฟรีเพิ่มอีก 120 นาที สำหรับทุกแพ็กเกจ เมื่อสมัครภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truelifeplus.com

View :1214

เอปสัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโปรเจคเตอร์ เผยเทรนด์ใหม่โปรเจคเตอร์สุดบาง และน้ำหนักเบา

January 19th, 2011 No comments

เอปสันผู้นำด้านภาพดิจิตอล โซลูชั่นการพิมพ์ระดับโลก และผู้นำด้านยอดขายโปรเจคเตอร์อันดับ 1 ของโลก 9 ปีซ้อน ส่งโปรเจคเตอร์กลุ่มอัลตร้า พอร์ทเทเบิล ซึ่งมีจุดเด่นที่ความบางและเบา ดีไซน์ทันสมัย แต่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด มีด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ EB-1750, , และ EB-1775W ด้วยน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม ตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด สูงเพียง 44 มิลลิเมตรเท่านั้น ง่ายต่อการพกพา มีความสว่างอยู่ที่ 3,000 ลูเมนส์ สามารถฉายภาพได้แม้ในห้องที่มีแสงสว่างจ้า โปรเจคเตอร์ในกลุ่มนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการพกพาเพื่อใช้งานนอกสถานที่โดยเฉพาะ มีฟังก์ชั่นที่ช่วยสนับสนุนงานพรีเซนต์นอกสถานที่ อาทิ การเชื่อมต่อแบบไร้สาย ฟังก์ชั่น Quick Startup เปิดเครื่องพร้อมใช้งานได้เร็วทันใจ และ Instant Off เก็บเครื่องได้ทันทีหลังปิดเครื่อง ฟังก์ชั่น Automatic Keystone Correction และฟังก์ชั่น Screen Fit ปรับภาพให้พอดีกับสกรีนด้วยปุ่มเดียว ราคาเครื่องรุ่นอัลตร้า พอร์ทเทเบิล อยู่ระหว่าง 49,900 – 64,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ เอปสัน ฮอตไลน์ โทรศัพท์ 02-685-9899 หรือ www.epson.co.th

View :1351

เอชพีพลิกเกมธุรกิจด้วยเครื่องพิมพ์ HP Designjet T series

January 19th, 2011 No comments

เครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300 eMFP  และ HP Designjet T7100 series ปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการออกแบบขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างเหนือชั้น

เอชพีเปิดตัว เครื่องพิมพ์หน้ากว้างรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ePrint สนับสนุนการทำงานสำหรับวงการสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) รวมทั้งองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ เพื่อให้สามารถเข้าใช้งานผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา และรองรับการทำงานร่วมกันได้มากที่สุด ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการเติบโตในกลุ่มเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง
 
นางสาวมาร์กาเร็ต ออง รองประธานกลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพีประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เอชพีในฐานะผู้นำด้านการพิมพ์มองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตของเนื้อหาบนเว็ป  (digital content) บนระบบคลาวด์เพิ่มขึ้น 33% ในปี 2555  จากผลการศึกษาสำรวจของเอชพีพบว่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนจำนวนร้อยละ 85 มีความต้องการพิมพ์เนื้อหาหรือข้อมูลต่างๆ ทั้งจากสมาร์ทโฟนและจากเว็บ นอกจากนี้ เอชพีมองว่าเทคโนโลยีคลาวด์  คอมพิวติ้ง ยังมีบทบาทสำคัญยิ่งในแง่ของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการให้บริการและการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะการสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่เพื่อใช้งานบนคลาวด์ ซึ่งย่อมจะก่อให้เกิดโอกาสแก่ธุรกิจอีกมหาศาล ซึ่งเป็นที่มาในการเปิดตัวเทคโนโลยี ePrint ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าในทุกๆ เซ็กเม้นต์
 
ล่าสุด เอชพีได้พลิกโฉมวงการอุตสาหกรรมงานพิมพ์ด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม โดยการนำเครื่องพิมพ์ HP Designjet T series ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ePrint นำเสนอทางเลือกใหม่ในการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและเหนือชั้นสู่อุตสาหกรรมนี้ ปัจจุบัน เอชพีถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง โดยในเซ็กเม้นต์ของงานพิมพ์ด้านเทคนิคที่รองรับงานด้านสถาปัตยกรรม (CAD/ GIS) วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) มีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 81 ของตลาดงานพิมพ์เทคนิคในประเทศไทย
 
มร.ฌอน ซี ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กราฟฟิกอาร์ต กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า จากการที่แพล็ตฟอร์มของนวัตกรรม HP ePrint ได้ขยายความครอบคลุมมาสู่แวดวงสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และการก่อสร้าง (AEC) และองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ จึงช่วยให้เหล่ามืออาชีพในธุรกิจเหล่านี้สามารถทุ่มเทกับการสร้างสรรค์และดำเนินการ  ตามความคิดของตัวเองได้อย่างเต็มที่  แทนที่จะมัวเสียเวลากับการจัดการกระบวนการพิมพ์ต่างๆ ที่อืดอาดและยุ่งยาก นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ เราจะนำเสนอเครื่องพิมพ์ HP Designjet Z6200 Photo Printer ที่นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์สมรรถนะสูงอย่างแท้จริง ที่พร้อมมอบความเร็วในการพิมพ์สูง และประสิทธิภาพการทำงานสำหรับทุกแอพพลิเคชั่น รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพดีที่สุด
 
HP Designjet T series ทำงานผ่านระบบออนไลน์ ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ ลดความซับซ้อนของกระบวนการด้านการพิมพ์ และขยายสมรรถนะการทำงานให้สูงสุด
เครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300/ HP Designjet T7100 และนวัตกรรม HP ePrint & Share ต่างได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) และองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ สามารถทำงานร่วมกันได้จากสถานที่ต่างๆ กัน จึงช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถลดความซับซ้อนของขั้นตอนการพิมพ์ทั้งหมดได้และเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้มากที่สุด
 
เครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300 eMFP  รองรับการทำงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สร้างสรรค์มาเป็นพิเศษสำหรับองค์กรธุรกิจในแวดวงสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) และองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องพิมพ์รุ่นนี้ เหล่ามืออาชีพด้านการออกแบบและองค์กรระดับเอ็นเตอรไพรซ์จะสามารถสแกน และอัพโหลดเอกสารเข้าสู่ระบบออนไลน์ และสั่งพิมพ์งานเขียนได้อย่างง่ายดายได้ทุกที่ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นที่ในประชุมทีมที่ดำเนินโครงการที่สำนักงานหลักไปจนถึงการทบทวนงานกับลูกค้าหรือแม้แต่สถานที่ที่ห่างไกลออกไปจากที่ทำงาน
 
ครั้งแรกกับนวัตกรรม HP ePrint & Share  ช่วยลดขั้นตอนด้านการพิมพ์ทั้งหมดในการเขียนแบบเทคนิคไปกับแพล็ตฟอร์มนวัตกรรม HP ePrint & Share ที่ทำงานร่วมกับเครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300 eMFP แพล็ตฟอร์มนวัตกรรม HP ePrint & Share ที่พร้อมใช้งานได้ผ่านทาง  HP ePrintCenter ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบออนไลน์สำหรับลูกค้าผู้ใช้งานในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านการพิมพ์ตามความต้องการ จะช่วยให้มืออาชีพด้านสถาปัตยกรรม สารสนเทศภูมิศาสตร์ และนักวางแผนพัฒนาพื้นที่เมือง สามารถกำหนดตำแหน่งและเข้าใช้งานแผนงานต่างๆ ที่มี ปรับแก้จัดหน้าสิ่งพิมพ์  พรีวิวหน้าที่จะพิมพ์ และสร้างไฟล์ ที่สามารถนำมาพิมพ์ได้จากหน้าจอเพียงหน้าจอเดียว นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถอัพโหลดไฟล์ต่างๆ ในการคลิกเพียงครั้งเดียวขณะที่กำลังพิมพ์งานอยู่ เพื่อให้สามารถแบ่งปันงานออกแบบกับเพื่อนร่วมทีมโครงการเดียวกันที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย
 
เครื่องพิมพ์ HP Designjet T7100 มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สูงพร้อมลดค่าใช้จ่ายได้อย่างเห็นได้ชัด โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อการทำงานของฝ่ายทำสำเนากลาง central reprographic departments (CRD) ขององค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์และโรงพิมพ์ เครื่องพิมพ์รุ่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในด้านการพิมพ์ให้กับลูกค้าที่ต้องการพิมพ์ในแบบขาวดำและแบบสี ตั้งแต่งานเขียนแบบ CAD แบบธรรมดา ไปจนถึงงานพรีเซนเทชั่นคุณภาพสูง ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่สามารถแข่งขันได้ ถือเป็นทางเลือกในบรรดาอุปกรณ์ที่สามารถพิมพ์ได้เฉพาะแบบขาวดำหรือแบบสี รวมทั้งเทคโนโลยี LED ที่อาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูง เครื่องพิมพ์ HP Designjet T7100 มีจำหน่ายทั้งในแบบขาวดำและแบบสี
 
นอกจากนี้ เอชพีได้แนะนำเครื่องพิมพ์สำหรับการพิมพ์ภาพที่ทำงานได้รวดเร็วที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรม คือ HP Designjet Z6200 Photo Printer ที่ได้รับ  การออกแบบมาสำหรับการใช้งานของห้องภาพ ร้านพิมพ์ภาพ ระบบดิจิตอล ตัวแทนโฆษณา บริษัทด้านการออกแบบ ผู้ให้บริการเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และบริการพิมพ์ภาพ
 
HP Designjet Z6200 Photo Printer series ให้งานพิมพ์คุณภาพสูง (photo-quality) ด้วยความละเอียดถึง 2,400 dpi รวมทั้งความสามารถสำหรับการใช้งานภายในที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวาดเส้น ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS)  แผนที่ งานภาพไปจนถึงการพิมพ์ป้ายโฆษณา นอกจากนี้ยังมีความเร็วมากกว่าเครื่องพิมพ์ HP Designjet Z6100 Printer  ซึ่งเป็นก่อนหน้านี้สูงสุดถึงร้อยละ 50 ด้วยความเร็วสูงสุด 1,500 ตารางฟุตต่อชั่วโมง
 
พร้อมกันนี้ เอชพียังได้ประกาศเปิดตัวโซลูชั่นซอฟต์แวร์ที่ได้รับการเสริมประสิทธิภาพตัวใหม่ที่เข้ามาสร้างนิยามใหม่ให้กับความสะดวกสบายไปกับแอ็คเซสเซอรี่ HP Instant Printing Pro โดยแอ็คเซสซอรี่นี้ ผู้ใช้งานจะสามารถ  พรีวิว แก้ไข และพิมพ์ไฟล์งานได้ โดยไม่ต้องเปิดแอพพลิชั่นหรือปรับแต่งการตั้งค่าไดรฟ์เวอร์เลย
 
“ในฐานะเทรนด์ เซ็ตเตอร์ เอชพีสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในทุกๆ กลุ่มของลูกค้าเรา สำหรับการเปิดตัวเครื่องพิมพ์ HP Designjet T series ในครั้งนี้ ถือเป็นการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมงานพิมพ์สำหรับตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้างโดยเฉพาะในส่วนของงานสถาปัตย์ งานวิศกรรม และออกแบบ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้สะดวกในรูปแบบ Mobility ผ่านเทคโนโลยี ePrint ของเรา ซึ่งเอชพีคาดหวังการเติบโตเพิ่มขึ้นของเครื่องพิมพ์ในเซ็กเม้นต์นี้ และเชื่อว่าเราจะคงเป็นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดต่อไป” นางสาวมาร์กาเร็ต กล่าวปิดท้าย 
 
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ HP Contact Center โทรศัพท์ 0-2353-9000 ต่อ 1

View :1607

เอชทีซีรุกหนักตั้งแต่ต้นปี เน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ชื่นชอบ พร้อมขยายช่องทางการขาย แต่งตั้งซินเน็คตัวแทนจำหน่ายรายที่สอง

January 19th, 2011 No comments

เอชทีซี ผู้นำในการออกแบบสมาร์ทโฟน เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2554 เพื่อสร้างการเติบโต โดยเน้นใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1) เร่งสร้างประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้งาน 2) ขยายช่องทางจัดจำหน่ายและบริการหลังการขาย และ 3) ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างๆ  
นายเควิน โฮห์ กรรมการผู้จัดการ เอชทีซี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอชทีซี ในปี 2554 เน้นย้ำใน 3 เรื่อง คือ
1)       เร่งสร้างประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้งาน: โดยเอชทีซี ยังคงสานต่อในการพัฒนายูสเซอร์อินเทอร์เฟซ Sense ที่เป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ในการพัฒนาโปรดักส์ให้มีความน่าใช้งานมากขึ้น
2)       ขยายช่องทางจัดจำหน่ายและบริการหลังการขาย: เอชทีซีแต่งตั้งบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้เป็นดิสทริบิวเตอร์รายที่สองในการขยายตลาดให้ครอบคลุมจังหวัดต่างๆ มากขึ้น โดยที่ผ่านมาเอชทีซี จัดจำหน่ายผ่านบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นดิสทริบิวเตอร์รายเดียว พร้อมเน้นเรื่องคุณภาพของการบริการหลังการขายด้วยบริการ HTC Delivery และการอบรมการใช้งานที่มีมาโดยตลอด
3)       ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างๆ: ด้วยการนำเสนอบริการรูปแบบใหม่และกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก
 
นายเควิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความร่วมมือกับซินเน็ค ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญอีกครั้งหนึ่งของเอชทีซี ในการขยายตลาดให้ครอบคลุมต่อความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ซินเน็คเป็นพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องช่องทางจัดจำหน่ายมาเป็นเวลานาน และเข้าใจต่อตลาดในประเทศ เอชทีซีคาดหวังว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยสร้างการเติบโตให้เอชทีซี และที่สำคัญคือ ให้ผู้ใช้ทั่วไปมีโอกาสทดลองใช้งานเอชทีซีได้ง่ายและสะดวกขึ้น ตามจุดหน้าร้านต่างๆ”
 
นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา เอชทีซี (ไทยแลนด์) ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของรายได้ และอัตราการรับรู้แบรนด์เอชทีซี โดยจากการสำรวจการรับรู้แบรนด์ (brand awareness) ของเอชทีซีในตลาดโลก อัตราการรับรู้แบรนด์เอชทีซีเติบโตขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในประเทศไทย จากการสำรวจ อัตราการรับรู้ของแบรนด์เอชทีซีในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็น 54 เปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจคนในช่วงอายุ 16-54 ปี และปีนี้ เอชทีซี สานต่อในการสร้างแบรนด์เอชทีซีให้เป็นแบรนด์ที่ผู้คนชื่นชอบ
นายณัฐวัชร์ กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การสร้างการเติบโตในประเทศไทย จะเน้นใน 5 เรื่องหลัก ประกอบด้วย
1)       สร้างเอชทีซีแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ชื่นชอบ (Brand Preference): ปีนี้จะเป็นปีที่เอชทีซี มุ่งเน้นในการสร้างแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ผู้คนชื่นชอบ จากการพัฒนานวัตกรรมและบริการต่างๆ
2)       เพิ่มการสร้างประสบการณ์การใช้งานสู่ผู้ใช้โดยตรง : ให้ความมั่นใจกับผู้ซื้อก่อนตัดสินใจซื้อ ด้วยผู้ขายที่เชี่ยวชาญและมีความรู้จริง และเพิ่มเครื่องทดลองใช้ตามหน้าร้านต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งานมือถือเอชทีซี ณ จุดขาย ได้มากยิ่งขึ้น
3)       เน้นจำหน่ายเฉพาะรุ่นที่เป็นไฮไลต์ในแต่ละโปรดักส์ไลน์: ในแต่ละเซ็คเม้นท์ เอชทีซี วางแผนเปิดตัวจำนวนรุ่นน้อยลง เพื่อให้ระยะเวลาการโปรโมทของโปรดักส์ไลน์ในตลาดแต่ละรุ่นนานขึ้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างการสื่อสารการตลาดในแต่ละรุ่นให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
4)       ปรับขบวนการทำงานให้ดีขึ้น : เอชทีซี มุ่งเน้นในการพัฒนา ปรับปรุง ขบวนการ และขั้นตอนในการดำเนิงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพขึ้น
5)       เพิ่มบุคลากร : เอชทีซี วางแผนเพิ่มบุคลากร เพื่อตอบรับกับตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
 
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ซินเน็คฯ มีศักยภาพและความพร้อมในการขยายตลาดกลุ่มสมาร์ทโฟนเป็นอย่างดี เนื่องด้วยกลุ่มบริษัทในเครือซินเน็คมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจตลาดมือถือและสมาร์ทโฟน โดยซินเน็คในประเทศภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคมีสัดส่วนการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง เช่น ซินเน็คประเทศไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญดังกล่าวจะทำให้ซินเน็คประเทศไทยสามารถขยายธุรกิจด้านสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว
 นอกจากนี้ซินเน็ค ประเทศไทย จะร่วมมือกับเอชทีซีในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเข้าไปในช่องทางร้านขายอุปกรณ์ไอที ซึ่งซินเน็คฯ มีลูกค้าอยู่กว่า 5,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงการขายผ่านร้านค้าปลีกสินค้าไอที Cnex Shop ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ทำให้ เอชทีซีที่จัดจำหน่ายโดยซินเน็คฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น และประการสำคัญ บริษัทฯ มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ทำให้สินค้าที่จัดจำหน่ายโดยซินเน็คสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้า เอชทีซีได้รับการตอบรับจากลูกค้าตามเป้าหมายที่วางไว้
“เรามั่นใจว่าการเป็นผู้แทนจำหน่ายเอชทีซีอย่างเป็นทางการ จะผลักดันให้สินค้ากลุ่มนี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้า และสามารถขยายส่วนแบ่งทางการตลาดให้เพิ่มขึ้นได้ จากปัจจัยหลักความต้องการสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนที่กำลังได้รับความนิยมจากลูกค้า เรายังได้เตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการทำตลาดสมาร์ทโฟนซึ่งพร้อมด้วยประสบการณ์และความสามารถในการรุกตลาดสมาร์ทโฟนได้ทันทีอีกกว่า 30 คน และด้วยจำนวน 23 สาขาที่กระจายอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ   ผนวกกับความแข็งแกร่งด้านการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีของซินเน็ค จะสามารถสนับสนุนให้การขยายตลาดสมาร์ทโฟนนั้นทำได้รวดเร็วขึ้น  โดยในปีแรกของการทำตลาดคาดว่าสินค้ากลุ่ม เอชทีซีจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท” นายสุพันธุ์กล่าว

View :1362
Categories: Press/Release Tags: ,

ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ชาวลพบุรีดวงเฮงรับปีใหม่ “ อุ่นใจได้แต้ม ” มอบทอง 1 ล้านบาท

January 18th, 2011 No comments

เอไอเอส นำโดย นางวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ ปิดร้านทองย่านเยาวราชให้นาย วี รศักดิ์ เคียนทอง ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ อาชีพข้าราชการครูชาวลพบุรี ผู้โชคดีจากแคมเปญ “ เอไอเอส อุ่นใจได้แต้ม ช้อปทอง 1 ล้านปี 2 ” ได้ช้อปทองตามใจชอบมูลค่าถึง 1 ล้านบาท โดยลูกค้าเอไอเอสสามารถร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีในแคมเปญนี้ได้ง่ายๆ เพียงกดสมัครฟรีที่ *544 # แล้วโทรออก

View :1675
Categories: Press/Release Tags: