Archive

Archive for June, 2011

ดีแทค พอใจต่อคำยืนยันของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าดีแทคเป็นบริษัทไทย

June 16th, 2011 No comments

16 มิถุนายน 2554 – บมจ . โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ “ ดีแทค ” พอใจต่อคำยืนยันของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่าดีแทคเป็นบริษัทไทย นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ . โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ( ดีแทค ) กล่าวว่า “ เรามีความพึงพอใจที่วันนี้ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกมาให้การยืนยันว่าดีแทคเป็นบริษัทไทย ทั้งนี้ ดีแทคมีความมุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและคนไทยทุกคน และดำเนินธุรกิจภายใต้หลักกฏหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของไทยทุกประการ เราพร้อมจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบหากได้รับการติดต่อจากหน่วยงานที่กำกับดูแล ”

View :1409
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที เดินหน้าผลักดันนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ สานฝันให้ประชาชนไทย 95 % ได้ใช้บรอดแบนด์ ใน 10 ปี

June 16th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ   บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ภายใต้กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ.2554 – 2563 ได้มีการกำหนดนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและใช้เป็นกรอบในการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาบริการบรอดแบนด์   โดยที่ภาครัฐมีบทบาทเป็นผู้กำหนดนโยบายและสนับสนุนให้มีการใช้บริการบรอดแบนด์อย่างทั่วถึงเท่าเทียมกัน รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนและประชาชนร่วมดำเนินการไปสู่ความสำเร็จ โดยการตั้งองค์กรอิสระตามกฎหมายทำหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม

“นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ เป็นนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการพัฒนาบริการโทรคมนาคมพื้นฐานของประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ธุรกิจโทรคมนาคมในปัจจุบันและทิศทางในอนาคต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ จึงจำเป็นที่กระทรวงฯ จะต้องวางแผนดำเนินงานผลักดันนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ด้วยการจัดทำโครงการจัดทำแผนดำเนินงานเพื่อผลักดันนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำข้อมูลและแนวทางพื้นฐานในการผลักดันนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติให้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งเพื่อจัดทำรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงาน” นางจีราวรรณ กล่าว

สำหรับการดำเนินโครงการฯ นี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Demand Side และ Supply Side ในด้าน Demand Side จะดำเนินการวิเคราะห์ว่าภาครัฐจะมีรูปแบบการใช้งานที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไร และต้องใช้เงินงบประมาณในการดำเนินการเท่าไร แล้วจัดทำเป็นแผนบูรณาการงบประมาณของกระทรวงต่างๆ ในการใช้โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ และแผนการดำเนินงานในภาพกว้าง ( High-level) ของการใช้ประโยชน์โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติโดยภาครัฐ   ส่วนด้าน Supply Side จะดำเนินการจัดทำแนวทางและข้อเสนอแนะของรูปแบบธุรกิจ ( Business Model) ของหน่วยงานบรอดแบนด์แห่งชาติ ทั้งโครงสร้าง รูปแบบการดำเนินงาน แนวทางการลงทุน และจัดทำแผนแม่บทด้าน Supply Side ของโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติ ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะมีทั้งแผนการขยายโครงข่ายในภาพกว้าง ( High-level) แผนการลงทุนและแผนการจัดหาเงินทุน เงินงบประมาณในการดำเนินโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติ ตลอดจนแผนการร่วมใช้สินทรัพย์โครงข่ายของประเทศไทย

“เป้าหมายสำคัญประการแรกของนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ   ก็คือ การพัฒนาโครงข่ายบรอดแบนด์ให้ครอบคลุมประชากรได้ไม่น้อยกว่า 80% ใน 5 ปี และ 95% ใน 10 ปี ซึ่งจะทำอย่างไรที่จะให้สามารถเข้าถึงครัวเรือนของประชาชนได้ตามแผนฯ รวมทั้ง         ทำอย่างไรให้สามารถที่จะเกิดบรอดแบนด์ราคาถูกบนเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุด หรือทำอย่างไรที่จะให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมไอซีทีได้เข้ามามีส่วนร่วมได้มากที่สุด ดังนั้น จึงต้องมีการจัดทำแผนดำเนินงานเพื่อผลักดันนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ทั้งในส่วนของ Demand side และ Supply side นี้ขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างรวดเร็ว สามารถบรรลุเป้าหมายหลักของนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ คือ ต้องการให้คนไทยเข้าถึงไอซีทีได้อย่างเท่าเทียม และทั่วถึงกัน ทั้งนี้ เพื่อนำความเจริญ รวมถึงลดความเลื่อมล้ำในการเข้าถึงบรอดแบนด์ให้กับประชาชน” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1384

ทรูมูฟ เดินเกมรุก ย้ำภาพผู้นำโมบายล์ ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ “ชีวิตขาดเน็ตไม่ได้”

June 15th, 2011 No comments

โชว์ความโดดเด่นกลุ่มทรูเจ้าของเครือข่ายไร้สาย   Wi – Fi by TrueMove ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
เร็วสูงสุด 8 Mbps ครอบคลุมกว่า 30,000 จุด สุดคุ้ม Wi – Fi 8 Mbps ใช้ได้ไม่จำกัด เพียง 100 บาท/เดือน

ทรูมูฟ ตอกย้ำผู้นำตลาดโมบายล์ ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต เปิด ภาพยนตร์โฆษณาใหม่ 2 เรื่อง ดึง “ วู้ดดี้ ” เล่าประสบการณ์จริงคนรุ่นใหม่ สไตล์ชีวิตออนไลน์ไร้สายผ่านเครือข่ายทรูมูฟ   สัมผัสประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของ Wi – Fi by TrueMove ความเร็วสูงสุด 8 Mbps   และฮอตสปอตคุณภาพบนโครงข่าย Wi – Fi ที่ใหญ่ที่สุดครอบคลุมกว่า 30,000 จุด และจะขยายเพิ่มมากกว่า 6 0 ,000 จุดในสิ้นปี    รวมทั้งความคุ้มค่าของดาต้าแพ็กเกจที่เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์   ทั้ง แบบรายเดือน Smart Pack สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน 649 บาท หรือแพ็กเกจเสริมสุดคุ้มเฉพาะใช้งาน Wi – Fi 8 Mbps ไม่จำกัดเพียง 100 บาทต่อเดือน

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ ด้านโมบายล์ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต รวมทั้งความโดดเด่นกลุ่มทรูด้านเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ที่มีทั้ง 3 G */   Wi – Fi / EDGE / GPRS และเป็นเจ้าของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย Wi-Fi ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จนทำให้ทรูมูฟเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนในเมืองไทย จึงนำเสนอไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด ตอน “ ชีวิตขาดเน็ตไม่ได้ ” 2 เรื่อง ผ่านลูกค้าตัวจริง วู้ดดี้-วุฒิธร   มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดัง ที่จะแบ่งปันประสบการณ์ประทับใจกับสไตล์ชีวิตออนไลน์ที่เหนือกว่าบน เครือข่ายไร้สายของทรูมูฟทั้ง 3 G* + Wi – Fi ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้สมาร์ทโฟน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายทุกที่ ทุกเวลา ให้เลือกใช้บริการทรูมูฟ 3 G* + Wi – Fi    ที่ให้ความคุ้มค่าที่เหนือกว่าทุกด้าน   ทั้งประสิทธิภาพเครือข่าย Wi – Fi ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยความเร็วสูงสุดถึง 8 Mbps   พร้อมจุดบริการ Wi – Fi ฮอตสปอตคุณภาพที่ครอบคลุมมากที่สุดกว่า 30,000 จุด และจะขยายจุดฮอตสปอตดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นมากกว่า 6 0 ,000 จุดภายในสิ้นปี   เพื่อความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูลและการใช้งาน ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน รวมทั้งบริการหลังการขาย ที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้ทั้งผ่าน ทรูมูฟแคร์ โทร 1331 และ ทรูออนไลน์แคร์ โทร 1686 ตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อตอบสนองตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม ทรูมูฟยังมอบความคุ้มค่าด้วยดาต้าแพ็กเกจ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายตามไลฟ์สไตล์การใช้งาน   ทั้งแพ็กเกจสำหรับผู้ต้องการใช้ WiFi โดยเฉพาะ WiFi 8 Mbps ใช้ได้ไม่จำกัด เพียง 100 บาทต่อเดือน สมัครใช้งานง่ายๆ เพียงกด *9000 หรือแพ็กเกจรายเดือนสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Smart Pack 649 บาท Wi – Fi 8 Mbps / EDGE/ GPRS ไม่จำกัด โทรได้ 350 นาที SMS 300 ครั้ง MMS 50 ครั้ง รวมถึงทดลองใช้ 3 G* ได้ไม่จำกัดอีกด้วย

“ทรูมูฟ มั่นใจในคุณภาพความเร็วสูงสุด และความครอบคลุมทั่วถึงของ Wi – Fi by TrueMove กว่า 30,000 จุดที่จะช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ให้ออนไลน์ไร้สายได้อย่างจุใจ โดยผู้ชมภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ จะได้เห็นว่าชีวิตขาดเน็ตไม่ได้จริงๆ” นายสุภกิจ กล่าวสรุป

ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wi – Fi by TrueMove และแพ็กเกจ Wi – Fi สุดคุ้มหลากหลาย ได้ที่ ทรู   ช็อป ทุกสาขา, www.truemove.com , www.trueonline.com หรือ ทรูมูฟแคร์ โทร 1331

*บริการ 3 G เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงและพัฒนาโครงข่ายในบางพื้นที่เพื่อให้บริการของทรูมูฟดีขึ้น

View :1732
Categories: Internet Tags:

ดีแทคยืนยันดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฏหมายไทยทุกประการ

June 15th, 2011 No comments

14 มิถุนายน 2554 – บมจ . โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ “ ดีแทค ” ยืนยันชัดเจนว่าบริษัทได้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของไทยทุกประการ

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ . โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ( ดีแทค ) กล่าวว่า “ ดีแทคดำเนินธุรกิจภายใต้กฏหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของไทยทุกประการ ในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เรามีการเปิดเผยข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นต่อสาธารณชน และกระทรวงพาณิชย์อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ดีแทคขอยืนยันในความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การสื่อสารที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และคนไทยทุกคน และดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงด้านกฏระเบียบข้อบังคับใดๆ เรายินดีที่จะปฏิบัติตาม ”

View :1487
Categories: Press/Release Tags: ,

ทรูมูฟแจ้งความตำรวจกองปราบปราม ดำเนินคดี ดีแทค

June 15th, 2011 No comments

ซึ่งมีบริษัทรัฐวิสาหกิจต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำผิดกฎหมายไทย
14 มิถุนายน 2554 : บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้ยื่นแจ้งความตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับดีแทค ซึ่งมีเทเลนอร์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบธุรกิจโทรคมนาคม ฝ่าฝืนกฎหมายไทย เรียกร้องตำรวจกองปราบปรามตรวจสอบ หวังศาลชี้ชัดเรื่องสัญชาติ มีหลักฐานจากรายงาน ผลการพิจารณา เรื่องร้องเรียน กรณีปัญหาการถือหุ้น การครอบงำกิจการและการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยคนต่างด้าวที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรคมนาคมของคณะกรรมาธิการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร   ประกาศ ณ วันที่ 21 เมษายน 2554 พบบริษัท  โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ดีแทค) เป็น “ คนต่างด้าว ” ตามกฎหมาย เนื่องจากมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นโดยคนไทยร้อยละ 28.65 และมีคนต่างด้าวถือหุ้นมากถึงร้อยละ 71.35 โดยกระจายการถือหุ้นให้กลุ่มบุคคลและกลุ่มบริษัทต่างๆ จำนวนมากเป็นผู้ถือหุ้นแทน

บริษัท ทรู มูฟ จำกัด มอบหมายให้ นางศุภสรณ์  โหรชัยยะ เป็นตัวแทน เข้าแจ้งความตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ดีแทค) และกลุ่มบุคคลและกลุ่มบริษัทที่มีพฤติกรรมสนับสนุน ” คนต่างด้าว ” คือ ดีแทค ที่เป็นนิติบุคคลให้สามารถทำธุรกิจ โทรคมนาคมที่เป็นธุรกิจต้องห้ามของต่างด้าวได้ โดยหลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 4 ทั้งนี้ ตามที่ปรากฏในรายงาน ผลการพิจารณา เรื่องร้องเรียน กรณีปัญหาการถือหุ้นการครอบงำกิจการและการถือกรรมสิทธิ์ในทีดินโดยคนต่างด้าวที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรคมนาคมของคณะกรรมาธิการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร   ประกาศ ณ วันที่ 21 เมษายน 2554 ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณูปโภคและการให้บริการสาธารณชนทั่วประเทศ รวมทั้งเกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ซึ่งเป็นทรัพยากรและความมั่นคงของประเทศ ป้องกันการครอบงำของต่างประเทศ ไม่ให้ถือหุ้นเกินร้อยละ 49

นางศุภสรณ์  โหรชัยยะ ตัวแทนทรู มูฟ  เปิดเผยว่า  บริษัทพร้อมต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ  แต่ต้องเข้ามาลงทุนอย่างจริงใจ โปร่งใส และเปิดเผยข้อมูลชัดเจน และเนื่องจากดีแทคมีผู้ถือหุ้น คือเทเลนอร์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจต่างประเทศ  จึงจำเป็นต้องแสดงตนให้ชัดเจนที่จะเข้ามาทำธุรกิจโทรคมนาคมในไทย ซึ่งเป็นธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว มิใช่กระจายการถือหุ้นให้กลุ่มบุคคลและกลุ่มบริษัทต่างๆ จำนวนมากเป็นผู้ถือหุ้นแทน   เพื่อปกปิดสัญชาติ และทำให้คนทั่วไปหลงผิดว่า เป็นบริษัทสัญชาติไทย    ซึ่งตามรายงาน ผลการพิจารณา คณะกรรมาธิการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร   ข้างต้น ชี้ว่า ดีแทค เป็น “ คนต่างด้าว ” ดังนั้น ดีแทค ซึ่งมีเทเลนอร์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เข้ามาประกอบธุรกิจหรือครอบงำกิจการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมดังกล่าวของประเทศ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม     นอกจากจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติซึ่งสืบเนื่องมาจากคลื่นความถี่อันเป็นทรัพยากรของชาติที่มีค่าและมีใช้อยู่อย่างจำกัดแล้ว ยังจะก่อความเสียหายอย่างมหาศาลแก่ประเทศไทยอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่ดีแทคแจ้งสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวกับกระทรวงพาณิชย์ไว้เพียงร้อยละ 49 แต่ปรากฏว่า ในความเป็นจริง บริษัทเทเลนอร์ ได้แจ้งข้อมูลการถือหุ้นต่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศนอร์เวย์และประเทศสิงคโปร์ว่า บริษัทเทเลนอร์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจต่างประเทศ ถือหุ้นในดีแทคเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 66.50 ซึ่งเป็นการกระทำผิด ฝ่าฝืนกฎหมายไทยอย่างชัดแจ้ง เพราะเป็นการประกอบธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ และต้องใช้คลื่นความถี่ ( Air wave ) ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติที่มีค่าสูงยิ่งและมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้สอดคล้องกับรายงาน ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร

บริษัทจึงดำเนินการแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดี ดีแทค ซึ่งมีเทเลนอร์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมายไทย ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 4  รวมทั้งกลุ่มบุคคล และกลุ่มบริษัทต่างๆ ที่สนับสนุนและเอื้อประโยชน์ให้คนต่างด้าวที่เป็นนิติบุคคลให้สามารถทำธุรกิจโทรคมนาคมที่เป็นธุรกิจต้องห้ามของคน    ต่างด้าว  และจะผลักดันให้มีความชัดเจนในการตีความเรื่องสัญชาติของดีแทค ซึ่งหากมีการตีความที่ชัดเจนโดยศาลแล้ว จะทำให้กรณีต่างๆ ในวงการโทรคมนาคมชัดเจนยิ่งขึ้น

“ การแจ้งความให้มีการดำเนินคดี ดีแทค และกลุ่มบุคคลและกลุ่มบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ เพื่อให้มีการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งมิให้มีพฤติกรรมการสนับสนุน และหรือการหลีกเลี่ยงกระบวนการข้อกฎหมายใดๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับข้อห้ามคนต่างด้าวในการประกอบธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานของการบังคับใช้ทางกฎหมายต่อไป ”   นางศุภสรณ์  กล่าวสรุป

View :1503
Categories: Press/Release Tags: ,

แอร์เอเชียโกเปิดตัวเฟสบุ๊กไทยแลนด์

June 15th, 2011 No comments

 

ลุ้นสิทธิแลกซื้อแพคเกจห้องพักและตั๋วเครื่องบินมูลค่ากว่า 200,000 บาท เพียง 99 บาท!

แอร์เอเชียโก เว็บไซต์ท่องเที่ยวครบวงจร ที่พร้อมให้คุณออกแบบทริปได้ตรงความต้องการมากที่สุด ในเครือสายการบินแอร์เอเชีย เปิดตัวกิจกรรมในโอกาสฉลองเปิดตัวเฟสบุ๊ก AirAsiaGoThailand ลุ้นพักโรงแรมสุดหรู แพคเกจ “The Best Package Guarantee with AirAsiaGo Thailand” ในราคาเพียง 99 บาท

แอร์เอเชียโก ไทยแลนด์ เปิดช่องทาง Social Network เพื่อสื่อสารถึงกลุ่มคนที่รักการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ผ่านทาง www..com/AirAsiaGoThailand ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการนำเสนอแพคเกจการท่องเที่ยว โปรโมชั่น ห้องพัก พร้อมเนื้อหาและรีวิวหลากหลายสไตล์ เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักการท่องเที่ยว รักอิสระ และต้องการหลีกหนีความจำเจในทริปท่องเที่ยวแบบเดิมๆ

ในโอกาสเปิดตัวเฟสบุ๊ก แอร์เอเชียโก ไทยแลนด์ ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อคนรักการท่องเที่ยว โดยเปิดให้ส่งเรื่องราวเข้ามาแบ่งปันบอกเล่าอิสระในการท่องเที่ยว ผ่านทาง www.facebook.com/AirAsiaGoThailand ในหัวข้อ “อิสระในทริปท่องเที่ยวในฝันของคุณคืออะไร” ผู้สนใจจะต้องเป็นสมาชิกเฟสบุ๊กของแอร์เอเชียโก ไทยแลนด์ และส่งเรื่องราวเข้ามาร่วมสนุก ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2554

แอร์เอเชียโกจะคัดเลือกเรื่องราวที่น่าประทับใจผ่านการจับรางวัล และประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลภายในวันที่ 15 กันยายน 2554 ซึ่งจะได้รับสิทธิแลกซื้อแพคเกจห้องพัก The Best Package Guarantee with AirAsiaGo Thailand ในราคาเพียง 99 บาท แพคเกจดังกล่าวประกอบด้วยบัตรกำนัลห้องพักโรงแรมในเครือ Centara Hotels & Resorts จำนวน 50 ใบ พร้อมบัตรโดยสารเครื่องบินแอร์เอเชียไป-กลับ (เส้นทางใดก็ได้ภายในประเทศ) จำนวน 4 ที่นั่ง มูลค่ารางวัลรวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 บาท ทั้งนี้การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

View :2044

เดลล์ แถลงข่าวเปิดตัวแอนดรอยด์สมาร์ทโฟนรุ่นแรก “เดลล์ เวนิว”

June 15th, 2011 No comments


นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ และนายคเณศณัฎฐ์ ชยามรฉัตรคุปต์ ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Mobility บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวแอนดรอยด์สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ รุ่นแรก “เดลล์ เวนิว” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ และผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์ผสานความแกร่ง ในราคาเปิดตัว 15,990 บาท โดยมี เคลลี่ ธนพัฒน์ มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์กับเดลล์ เวนิว เมื่อเร็วๆ นี้

View :1406

เอไอเอสจัด “On Top iPhone Package”

June 15th, 2011 No comments

ครั้งแรกกับข้อเสนอสุดพิเศษ เพื่อสาวกเอไอเอส ไอโฟน ทั้งวัน-ทู-คอล ! และ จีเอสเอ็ม แอดวานซ์  เลือกสมัคร “ แพ็กเสริม ” ใช้คู่กับ “ แพ็กปัจจุบัน ” ได้แล้ววันนี้ !

เอไอเอสจัดให้ เสิร์ฟแพ็กใหม่เพื่อสาวกไอโฟนโดยเฉพาะ ครั้งแรกในเมืองไทยกับ “On Top iPhone Package” ที่มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้ลูกค้าเลือกสมัครแพ็กเสริม Data ทั้ง EDGE/GPRS และ Wifi เพื่อใช้งานคู่กับแพ็กเกจค่าโทรปัจจุบันที่คุณใช้งานอยู่ ทั้งลูกค้า              วัน-ทู-คอล ! และจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ สร้างทางเลือกหลากหลาย ให้สอดคล้องตรงใจกับรูปแบบการใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมรับเงื่อนไขพิเศษในลักษณะของ Cash back ค่าโทร ที่เพิ่มความคุ้มค่าให้มากยิ่งกว่า โดยเบื้องต้นได้เปิดให้บริการ 2 อัตราคือ 550 บาท และ 799 บาท

On Top iPhone Package                       ค่าบริการรายเดือน                               รับสิทธิ์ฟรี (ในแพ็กเกจ)
EDGE/GPRS                 Wifi

EDGE/GPRS + Free Wifi                                  550                                            1 GB                     ไม่จำกัด

EDGE/GPRS + Free Wifi                                  799                                           ไม่จำกัด                 ไม่จำกัด

หมายเหตุ :   ลูกค้า วัน-ทู-คอล ! จะได้รับเงินคืนเป็นโบนัสโทรฟรีนาน 6 เดือน

( แพ็ก EDGE/GPRS 550 บาท จำนวน 200 บาทต่อเดือน = 1,200 บาท ,

แพ็ก EDGE/GPRS 799 บาท จำนวน 300 บาทต่อเดือน = 1,800 บาท)

: ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ หากสมัครแพ็กเกจนี้ สามารถซื้อไอโฟนได้ในราคารวม

แพ็กเกจ

View :2116

ดีแทคจับมือเทสโก้โลตัสขยายช่องทางจัดจำหน่ายดีแทคแอร์การ์ด

June 15th, 2011 No comments


ดีแทคและเทสโก้โลตัสร่วมมือจำหน่ายดีแทคแอร์การ์ดเป็นครั้งแรกเพื่อกระจายสินค้าสู่ลูกค้าทั่วประเทศ เพิ่มความสะดวกในการหาซื้อ พร้อมทั้งเอาใจนักท่องอินเทอร์เน็ตด้วยโปรโมชั่นพิเศษ รุ่น new wave 153 พร้อมซิมแฮปปี้อินเทอร์เน็ตในราคาสุดคุ้มเพียง 1,390 บาท พิเศษ แถมฟรีซองหนังมูลค่า 199 บาท (สินค้ามีจำนวนจำกัด) ลูกค้าสามารถรับโปรโมชั่นพิเศษนี้ได้ที่เทสโก้ โลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต และ เทสโก้ โลตัส คุ้มค่า กว่า 120 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่ วันที่ 20 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป

aircard รุ่น new wave 153 ใช้งานง่ายได้ทันที (Plug & Play) ไม่ต้องดาวน์โหลด โปรแกรมการใช้งาน รองรับระบบ 3 G ( 850/2100 MHz) และ GSM/GPRS/EDGE มั่นใจได้กับการท่องโลกอินเทอร์เน็ตด้วยเครือข่ายคุณภาพจากดีแทค ลูกค้าแฮปปี้ยังสะดวกสบายกับบริการเช็คยอดเงินคงเหลือ และเติมเงินผ่านเว็บ Happy internet web services ที่ www.happy.co.th/webservices
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่ 1678 dtac Call Center หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ http://www.dtac.co.th/aircard/wave153.html

View :2171

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมรุกคืบครั้งใหญ่ สร้างระบบห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์หวังเชื่อมระบบซื้อขายสินค้าอุตสาหกรรมผ่านโลกออนไลน์

June 15th, 2011 No comments

ปีแรกเน้นจับคู่ทางธุรกิจดึงโรงงานกับเอสเอ็มอีมาเจอกัน คาดลดต้นทุนสินค้าคงคลังได้อื้อ ประเดิมอุตฯรองเท้าและเครื่องนุ่งห่มนำร่อง

ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดี กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ของกสอ. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้สร้างระบบ e-supply chain หรือระบบห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาต่อยอดจากระบบ e-market place หรือระบบการตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการพัฒนาการซื้อขายสินค้าอุตสาหกรรมระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ หรือ B2B ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

จุดมุ่งหมายหลักของระบบ e-supply chain ของกสอ.แตกต่างจากการสร้างระบบ e-market place เดิมที่มุ่งเน้นแต่การโชว์สินค้าเพื่อขาย หรือเป็นเพียงแค่แคตตาล็อคสินค้า แต่ในระบบใหม่จะมีการเพิ่มเติมแอพพลิเคชันและกลายเป็นเว็บไซต์สำหรับผู้ซื้อมากกว่าผู้ขาย และต้องการให้เกิดการทำ Business Matching หรือการจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อเป็นห่วงโซ่ข้อแรก ทำให้โรงงานต่างๆ สามารถเข้าถึงการซื้อวัตถุดิบจาก SMEs ขนาดเล็กได้โดยตรง

ที่ผ่านมาเป้าหมายการซื้อขายผ่านระบบ B2B ในโครงการ ECIT มีการปรับเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยในปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท และมีอุตสาหกรรมเข้าร่วมกว่า 4,000 ราย แม้ยอดการขายจะไม่มากเพราะต้องการเน้นให้ผู้ซื้อขายทำธุรกรรมผ่านระบบปกติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือโครงการ ECIT มีฐานข้อมูลที่ผ่านระบบออนไลน์ขนาดใหญ่เกิดขึ้น เป็นฐานข้อมูลที่มีตัวตนจริง และผ่านการคัดกรอง รวมถึงมีการซื้อขายเกิดขึ้นจริงในช่วงที่ผ่านมา สร้างประโยชน์สำหรับการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมประเทศไทยในอนาคต นั่นคือการเกิดของระบบ e-Supply Chain

“ผู้ประกอบการทั้งโรงงานและธุรกิจ SMEs ที่เข้ามานำเสนอสินค้าวัตถุดิบผ่านระบบ e-supply chain ของกสอ. จะไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องเข้ามาสร้าง หน้าร้านให้ลูกค้าที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมทั้งหลายได้รู้จักผ่าน Template หรือเว็บไซต์แม่แบบของกสอ. ซึ่งจะมีระบบเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ส่วนตัว เว็บไซต์สมาคม และเชื่อมผ่านระบบ Social network ยอดนิยมอีกด้วย เพียงแต่เข้ามาแก้ไขข้อมูลทั้งในส่วนของบริษัท สินค้า ราคา และคัดเลือกสินค้าจากผู้ผลิตที่ต้องการ ห่วงโซ่ข้อแรกของอุปทานก็จะเกิดขึ้นและจะเชื่อมโยงไปสู่โซ่ข้อต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด” ดร.พสุกล่าว

เป้าหมายของระบบ e-supply chain ในปีนี้จะเริ่มทดลองกับอุตสาหกรรมสองประเภทคือ อุตสาหกรรมรองเท้ากับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม โดยทำงานผ่านส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าไทย และสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย โดยมีสมาชิกของสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ( ATSME) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายย่อยที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศเข้ามาเชื่อมต่อให้ครบทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะทำให้มีสมาชิกเข้าร่วมมากกว่า 5,000 ราย ซึ่งในปีแรกจะยังไม่มุ่งหวังเรื่องยอดขาย แต่มุ่งหวังให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจ และสร้างเครื่องมือทางโปรแกรมเพื่อทำให้ความต้องการของทั้งสองฝ่ายตรงกันก่อน

การเชื่อมโยงแบบนี้จะมีประโยชน์กับฐานข้อมูลใหญ่ของประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากหลายครั้งที่ข้อมูลของแต่ละส่วนไม่ตรงกันทำให้การกำหนดนโยบายทางภาคอุตสาหกรรมที่จะเข้าไปส่งเสริม หรือแก้ไขปัญหาทำได้ยาก รวมถึงการค้นหาข้อมูลเพื่อติดต่อค้าขายกับต่างประเทศก็ประสบปัญหาเช่นกัน แต่เมื่อมีการจัดระบบทั้งหมดก็จะทำให้เกิดรากฐานใหญ่ทั้งระบบต่อไป อีกทั้งในอนาคตยังนำระบบทั้งหมดเชื่อมโยงกับโปรแกรมบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กร หรือ Enterprise Resource Planning ( ERP ) ผ่านระบบ Cloud Computing ที่ ECIT สนับสนุนให้ SME ดำเนินการก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นเพียงแค่นำฐานข้อมูลของระบบ e-Supply Chain มาปรับแต่งให้ตรงกับฐานข้อมูลของ SME ที่ใช้งานผ่าน ERP ก็จะทำให้ข้อมูลภายในของ SME เชื่อมโยงกับระบบ e-Supply Chain ในทันทีด้วยความถูกต้องแม่นยำ และเป็นระบบมากที่สุด

ศ.ดร ธีรวุฒิ บุณยโสภณ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เปิดเผยว่า ปัจจุบันทางม.พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้ทำวิจัยระบบ e-supply chain ต่อยอดจากระบบ e-market place เพื่อรองรับกลุ่มผู้ประกอบการจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จนสามารถสร้างเป็นโซลูชันที่ช่วยเหลือทางด้านการซื้อขายในภาคอุตสาหกรรมอย่างมาก ตั้งแต่การเพิ่มระบบ E-Catalog to Bill of Materials (BOM) คือระบบที่สามารถจำแนกชิ้นส่วนย่อย จากสินค้าที่ขายสู่ลูกค้า ว่าจะต้องใช้ชิ้นส่วนย่อยกี่ชิ้น ซื้อกับซัพพลายเออร์ใครบ้าง ต้องใช้ของเมื่อไร ต่อด้วยระบบ E-Procurement คือระบบที่ทำหน้าที่ต่อจาก BOM ในการจัดตารางการจัดซื้ออย่างเป็นระบบ ให้ได้มาซึ่งชิ้นส่วนย่อยทุกชิ้นที่ต้องการ มี E-Logistics คือระบบที่สามารถตรวจสอบระยะทางระหว่าง บริษัทกับซัพพลายเออร์แต่ละราย ผ่านระบบแผนที่ออนไลน์ ซึ่งจะสามารถคำนวนต้นทุนการขนส่งได้อย่างละเอียด และมีส่วนในการคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมด้วย

นอกจากนั้นยังเพิ่มเติมระบบ Green Industry คือระบบที่บริษัทในเครือข่าย e-Supply chain สามารถทำการแลกเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ เครื่องจักรมือสอง เครื่องมือมือสองและเศษของเสียจากการผลิต ที่จะทำให้เกิดการลดต้นทุนในการซื้อของใหม่และยังสนับสนุนให้มีการรักษ์โลกมากขึ้นด้วย

ภาพที่จะปรากฏชัดในยุคต่อไปคือว่า ผู้ผลิตตัวจริง หรือเจ้าของสินค้าจะก้าวเข้ามาทำธุรกิจบนเว็บมากขึ้น รูปแบบของ e-Business จะเข้ามาแทนที่ e-Commerce ส่งผลให้องค์กรที่เข้าสู่ระบบนี้จะเข้าถึงซึ่งเป้าหมายสูงสุดของการสร้างเครือข่าย ให้ครอบคลุมในรูปของกิจกรรมของ e-Business จากเฉพาะกิจกรรมการเชื่อมต่อเครือข่ายเฉพาะภายในบริษัท เป็นการเชื่อมต่อกับองค์กรภายนอกอย่างสมบูรณ์แบบ

นายครรชิต   จันทนพรชัย    นายกสมาคมส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าไทย ( ATFIP) เปิดเผยว่า สมาคมจะนำกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า เข้าสู่ระบบ e-supply chain ของโดยจะมีการจัดสัมมนาชี้แจง และอบรมให้อย่างเร่งด่วน จากนั้นจะเชื่อมโยงผู้ผลิตกลุ่มอื่นๆ และทำการคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพด้านการผลิตและจำหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ผลิตวัตถุดิบ เข้าสู่ระบบ e-supply chain โดยคาดว่า e-supply chain นี้จะสามารถทำให้ผู้ผลิตรองเท้าหาสินค้ามาผลิต รวมทั้งเลือกสินค้าทดแทน หรือสินค้าที่ใช้ข้ามกลุ่มได้ง่าย สามารถที่จะเลือกซื้อสินค้าผ่านร้านค้าและผู้ผลิตโดยตรง

ระบบ e-supply chain   จะลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสื่อสาร และสร้างความสะดวกทางการค้าให้กับอุตสาหกรรมรองเท้าเป็นอย่างดี เนื่องจากมีอุตสาหกรรมที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน   ผลประโยชน์ทั้งทางตรงหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ หนัง ผ้า พื้นรองเท้า ส้นรองเท้า เป็นต้น การซื้อขายระหว่างกันได้หลากหลายทำให้เกิดการพัฒนาภัณฑ์ เกิดการแลกเปลี่ยนการการจำหน่าย และช่วยสร้างความสะดวกในการจัดหาวัตถุดิบ หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตมากขึ้น การนำเสนอสินค้าตัวอย่าง การผลิตสินค้า รวมไปถึงการส่งมอบสินค้าได้เร็วขึ้น ( Lead Time Reducing)

นอกจากนั้นยังส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบเทคโนโลยีไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม ( Green Technologies) ให้กับอุตสาหกรรมรองเท้า ในด้านการบริหารจัดการสินค้าและวัตถุดิบคงคลัง ลดปริมาณคงเหลือสินค้าคงคลัง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุมจม และเพิ่มรายได้ให้กับอุตสาหกรรมรองเท้า ส่งเสริมนโยบาย 3 R (Reduce ,Reuse and Recycle)

จากข้อมูลการสำรวจเบื้องต้น พบว่า ผู้ผลิตโรงงานรองเท้าในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ   2,251 ราย จำแนก เป็นโรงงานขนาดเล็ก 1,484 ราย โรงงานขนาดกลาง   742 ราย และที่เหลือเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่มีแรงงานมากกว่า 2,000 คน จำนวน    25 ราย มีโรงงานที่ผลิตรองเท้าหนัง รองเท้าแตะ และชิ้นส่วนประกอบรองเท้า ประมาณ 1,758 ราย ที่มีการใช้วัตถุดิบ หนัง หนังฟอก หนังเทียม ประมาณ 213,111,120 ฟุตต่อปี เหลือใช้คงคลัง ประมาณ40,691,120 ฟุตต่อปี คิดเป็นมูลค่าของต้นทุนจมถึง 762,958,605 บาท นอกจากนี้มีการใช้ชิ้นส่วนประกอบรองเท้า ประเภทพื้นและส้นประมาณ   98,375,616 คู่ต่อปี และปริมาณเหลือใช้คงคลังเฉลี่ยต่อปี 9,090,816 คู่ ต้นทุนจมที่ในระบบคิดเป็นมูลค่า 525,247,146 บาท

ดังนั้นหากนำเอา ระบบ e-supply chain มาใช้กับอุตสาหกรรม จะการใช้วัตถุดิบเหลือใช้คงคลังของผู้ผลิตรองเท้าซึ่งมีการใช้อยู่เพียง 5 % เท่านั้น เพิ่มขึ้นเป็น 20% ถึง 30%   ซึ่งเท่ากับว่า นอกจากจากจะลดต้นทุนจมให้กับผู้ประกอบการผลิตรองเท้าที่มีวัตถุดิบเหลือใช้เกินความจำเป็นแล้ว ยังช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่มีกำลังซื้อวัตถุดิบหลากหลาย เข้ามาเลือกซื้อวัตถุดิบจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่ หรือขนาดกลางที่มีวัตถุดิบเหลือได้ในราคาที่ถูกลง ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากผลของการใช้ e-supply chain ที่นำมาใช้บริหารจัดการวัตถุดิบเหลือใช้ในระหว่างอุตสาหกรรม ( Dead Stock Recycle) เพียง 5% ของทั้งหมดจะทำให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมรองเท้าและประเทศ   ต้นทุนจมที่เกิดจากการนำวัตถุดิบหนังคงเหลือใช้กลับมาใช้จะลดลงประมาณ 38,147,930 บาท , และที่เกิดจากการนำพื้นรองเท้าคงเหลือกลับมาใช้ประมาณอีกประมาณ 26,262,357 บาท สรุปรวมลดต้นทุนจมให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมถึง 64,410,287 บาท และยังทำให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายในค่าขนส่งที่แฝงอยู่ในราคาขายถึง 1,288,205 บาทต่อปี ได้ด้วย

นอกจากนี้ e-supply chain จะก่อให้เกิดผลดีทางอ้อมต่ออุตสาหกรรมคือ ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงการค้าข้ามอุตสาหกรรม Cross Section Industry เช่น การสั่งซื้อรองเท้า ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเพิ่มช่องทางการค้าได้อย่างมาก

นายสุกิจ คงปิยาจารย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า จากที่ปัจจุบันสมาชิกของสมาคมเครื่องนุ่งห่มไทย ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าในแบบต่างๆ ได้เข้าไปอยู่ในระบบ e-market place ของทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ขณะที่โรงงานขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มจะมีฝ่ายจัดซื้อทั้งในและต่างประเทศที่แข็งแกร่ง รวมถึงรู้จักแหล่งของวัตถุดิบ มีความสัมพันธ์กับกลุ่มเหล่านี้ดีอยู่แล้ว และรูปแบบการซื้อขายปกติทางผู้ผลิตวัตถุดิบจะเข้ามานำเสนอทางออกของปัญหาในการผลิต เพื่อทำให้โรงงานเครื่องนุ่งห่มเลือกสินค้านั้นๆ มาทดแทนสินค้าเก่า ทำให้ระบบ e-supply chain ปกติที่อยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะเข้ามาสู่ระบบได้ค่อนข้างยาก

ระบบ e-supply chain ของทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะเป็นการอุดช่องว่าง เหล่านี้ โดยจะทำให้โรงงานเครื่องนุ่งห่มทั้งหลายได้เห็นกลุ่มซัพพลายเออร์กลุ่มใหม่ ซึ่งต่อไปทางสมาคมจะร่วมกับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมเพื่อให้กลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบได้มาร่วมกิจกรรมกับทางเจ้าของโรงงานที่เป็นสมาชิกสมาคม เพื่อทำให้เกิดความสัมพันธ์เรียนรู้ปัญหา และพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นก็จะใช้ระบบนี้เชื่อมโยงในการซื้อขายในที่สุด

ส่วนเรื่องของ dead stock management นั้น ทางสมาคมได้หารือกับทางม.พระนครเหนือแล้ว โดยเฉพาะความกังวลของระบบเดิมๆ ที่เป็นอยู่คือ ระบบส่วนใหญ่มักไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่ทันท่วงที เกิดปัญหาการ update ข้อมูลไม่ทัน ทำให้สินค้า dead stock ที่แจ้งยังไม่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ เมื่อผู้ซื้อต้องการสินค้ากลับไม่มีสินค้าอยู่จริง ดังนั้นระบบของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะมีความยืดหยุ่นและจะเน้นสร้าง Trust หรือความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้อย่างสูงสุด รวมถึงการชี้แจงข้อมูลของสินค้า dead stock อย่างละเอียด เช่น เป็นสินค้าเกรดเอ หรือบี ต้องไม่ทำให้เกิดความสงสัยถึงคุณภาพของสินค้ากลุ่มนี้ได้

นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ( ATSME) เปิดเผยว่าสมาชิกของสมาคม ATSME ที่เข้าร่วมกับโครงการนี้มีอยู่กว่า 7,000 ราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ 5 ภาค และ 11 เขตศูนย์ภาค เป็นฐานในการสนับสนุนและส่งมอบผลิตภัณฑ์ต้นน้ำไปสู่อุตสาหกรรมหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาระบบ e-market place ถือเป็นจุดเริ่มแรกของเปิดตลาดสู่ภาคอุตสาหกรรม

เมื่อกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมผลักดันให้เกิดระบบ e-supply chain เกิดขึ้น ยิ่งจะทำให้กลุ่มลูกค้าของโรงงาน SMEs มีเว็บแอพพลิเคชันทางด้านกระบวนการทำงานรองรับ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย กลาย เป็นช่องทางในการสื่อสารการตลาดมากกว่า 1 ทาง คือ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถสื่อสารกันได้ด้วยข้อมูลที่แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ต่อไปนี้ระบบเว็บของสมาชิกสมาคมจะถูกจัดรวมกลุ่ม และมองเห็นกลุ่มผู้ซื้อที่ชัดเจน และสร้าง site reference ให้กับธุรกิจในทันที ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการผลิต การตลาด ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมาก สร้างความร่วมมือทางธุรกิจที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน และเกิดการรวมกลุ่มในลักษณะคลัสเตอร์ย่อยๆ ในห่วงโซ่อุปทานได้ เป็นการรวมกลุ่มที่ทำให้สามารถแบ่งปันทรัพยากร ( Share Resource ) ระหว่างกันได้ในกรณีที่เกิดปัญหาในกระบวนการ เช่น ด้านการจัดหาวัตถุดิบ และ/หรือสั่งซื้อวัตถุดิบมาเกินความต้องการใช้งาน

View :9457