Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ติงราคาประมูล 3G ต่ำ หวังพึ่ง กสทช. วันพุธนี้

August 21st, 2012 No comments

“สารี” ติงราคาประมูล 3G ต่ำเกินไปกับการถือครอง ๑๕ ปี ชี้รายได้เข้ารัฐหดหายจาก ๔๐,๐๐๐ล้าน เหลือเพียง ๙๐๐ ล้านบาทต่อปี ระบุที่ติงเพราะไม่ต้องการให้กำหนดกติกาเอื้อประโยชน์กับผู้ให้บริการจนทำให้รัฐเสียประโยชน์ ขาดรายได้จากที่ควรได้ แถมมีแนวโน้มไม่มีการแข่งขันเพราะลดเพดานการถือครองคลื่นเหลือ15MHz ซึ่งหารลงตัวสำหรับสามบริษัท จนไม่น่าจะมีการสู้ราคาประมูลกันมากนัก

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศหลักเกณฑ์ วิธีอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 3G แล้วและจะนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด กสทช ในวันที่ ๒๒ สิงหาคมนี้ว่า มีประเด็นที่คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมห่วงใยและอยากฝากให้ กสทช. ทบทวน ซึ่งได้เคยทำความเห็นให้กทค.พิจารณาด้วยแล้ว โดยเฉพาะประเด็นการเพิ่มมูลค่าขั้นต่ำของการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่กำหนดไว้ ๔,๕๐๐ ล้านบาทต่อ 5MHz เพราะเมื่อปรับลดให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้สิทธิถือครองคลื่นความถี่ หรือสเปคตรัม แคป ได้ไม่เกิน ๑๕ MHz เท่ากับผู้เข้าร่วมประมูลสามารถถือครองคลื่น 15MHz ซึ่งเพียงพอสำหรับการให้บริการ โดยจ่ายในราคา ๑๓,๕๐๐ ล้านบาท หรือสูงกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ต่อระยะเวลาการถือครองคลื่น ๑๕ ปี หรือคิดเป็นปีคือจ่ายปีละ ๙๐๐ ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังน้อยกว่าราคาที่ผู้ประกอบการทั้ง ๓ รายผู้ครองตลาดในปัจจุบันต้องจ่ายให้แก่รัฐจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สำนักงาน กสทช. ได้ว่าจ้างให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษาเรื่องราคาเริ่มต้นของการประมูล และผู้วิจัยได้เสนอราคาเริ่มต้นไว้ที่ชุดละ ๖,๔๔๐ ล้านบาท ซึ่งเท่ากับราคาตั้งต้นสำหรับ ๑๕MHz จะอยู่ที่ ๑๙,๓๒๐ล้านบาท

“เมื่อเดือนกรกฎาคมคณะอนุกรรมการฯได้ขอให้ กทค.ทบทวนราคาเริ่มต้นของการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ โดยยึดผลการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผลประโยชน์ของรัฐเป็นหลัก ส่วนประเด็นที่ว่า ราคาการประมูลที่สูงจะทำให้ค่าบริการสูงนั้นไม่เป็นจริงเพราะหากมีการจ่ายต่ำกว่าราคาที่บริษัทจ่ายส่วนแบ่งให้กับรัฐในปัจจุบันก็ไม่เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงและควรมีการกำหนดให้ราคาขั้นสูงไม่เกิน ๕๐สตางค์ในการโทรศัพท์และเนื่องจากค่าบริการค้าปลีกเป็นเรื่องของสภาวะการตลาดที่มีการแข่งขันรองรับ และมีผลการวิจัยในต่างประเทศก็แสดงให้เห็นว่า มูลค่าการประมูลกับราคาค้าปลีกไม่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่ตัวเลขผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้เพียง ๙๐๐ ล้านบาทต่อปีนั้น มันตกต่ำลงมากหากเทียบกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทั้งที่เป็นการให้บริการเสียงเป็นหลัก” นางสาวสารีกล่าว รวมทั้งต้องมีกติกาที่ชัดเจนให้ใช้โครงข่ายร่วมกันไม่ใช่ให้บริษัทไปตกลงกันเองดังเช่นค่าเชื่อมโครงข่ายที่ไม่มีกติกาชัดเจนทำให้เกิดการกีดกันในการใช้โครงข่ายร่วมกัน และหวังว่าจะมีกลไกในการป้องกันและสร้างความเท่าทันในปัญหาจากการพนัน การล่อลวงเด็ก และการเล่นเกมส์จากระบบ3G

View :1095
Categories: Press/Release Tags:

ไซแมนเทคเผยผลสำรวจ ชี้ องค์กรธุรกิจรับภาระค่าใช้จ่ายข้อมูลดิจิตอลสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์

August 20th, 2012 No comments

ไซแมนเทค คอร์ป (Nasdaq: SYMC) เปิดเผยว่า องค์กรธุรกิจทั่วโลกต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของข้อมูลมากถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ตามผลการสำรวจสถานะของข้อมูล (State of Information Survey) ฉบับแรก ตั้งแต่ข้อมูลลับของลูกค้า ไปจนถึงทรัพย์สินทางปัญญา ธุรกรรมทางการเงิน แต่ละองค์กรต้องบริหารจัดการดูแลข้อมูลจำนวนมหาศาล นอกจากจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขันและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในระยะยาวอีกด้วย ที่จริงแล้ว ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าข้อมูลดิจิตอลคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 49 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทั้งหมดขององค์กร

ผลการศึกษานี้อ้างอิงการตอบแบบสอบถาม 4,506 ชุดใน 38 ประเทศ รวมถึงแบบสอบถาม 100 ชุดจากประเทศไทย ผลการสำรวจนี้เปิดเผยว่าในประเทศไทย ราว 50 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าขององค์กรมาจากข้อมูลที่องค์กรนั้นๆ มีอยู่

“ข้อมูลนับว่ามีมูลค่าทางการเงินสำหรับองค์กรธุรกิจในปัจจุบัน ทุกวันนี้องค์กรต่างๆ ผลิตข้อมูลจำนวนมหาศาล ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลดังกล่าวก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรได้เช่นกันหากไม่ได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน บริษัทต่างๆ จึงต้องมองหาหนทางใหม่ที่ประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการปกป้องข้อมูลและปรับปรุงศักยภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน” คุณประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทยของไซแมนเทค กล่าว
คลิกเพื่อส่งข้อความทวีต: องค์กรธุรกิจแบกรับค่าใช้จ่ายสำหรับข้อมูลดิจิตอลสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นการดำเนินการที่คุ้มค่าแล้วหรือ? http://bit.ly/LjaIvn

ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีราคาแพง
องค์กรธุรกิจทุกขนาดต้องบริหารจัดการดูแลข้อมูลจำนวนมหาศาล โดยข้อมูลทั้งหมดที่องค์กรธุรกิจต้องจัดเก็บในปัจจุบันมีปริมาณสูงถึง 2.2 เซตตาไบต์ และโดยเฉลี่ยแล้ว องค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มบี) มีข้อมูลราว 563 เทราไบต์ เปรียบเทียบกับองค์กรขนาดใหญ่ซึ่งมีข้อมูลโดยเฉลี่ย 100,000 เทราไบต์ นอกจากนี้ ผลการสำรวจดังกล่าวยังเปิดเผยว่าข้อมูลมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 67 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปีหน้าสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ และเพิ่มขึ้น 178 เปอร์เซ็นต์สำหรับธุรกิจเอสเอ็มบี

โดยเฉลี่ยแล้ว องค์กรขนาดใหญ่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับข้อมูล 38 ล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มบีเสียค่าใช้จ่าย 332,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายต่อปีสำหรับพนักงานแต่ละคนในธุรกิจเอสเอ็มบีอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาก คือ 3,670 ดอลลาร์ เปรียบเทียบกับ 3,297 ดอลลาร์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงาน 50 คนเสียค่าใช้จ่าย 183,500 ดอลลาร์ในการจัดการข้อมูล ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงาน 2,500 คนเสียค่าใช้จ่าย 8.2 ล้านดอลลาร์

ผลกระทบทางธุรกิจจากข้อมูลที่สูญหาย
หากข้อมูลธุรกิจสูญหาย ย่อมจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง “ธุรกิจของบริษัทจะต้องหยุดชะงักชั่วคราวอย่างน้อยสองปี ก่อนที่จะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง” ผู้จัดการฝ่ายไอทีในบริษัทวิศวกรรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งแสดงความคิดเห็นดังกล่าว เมื่อถูกถามถึงผลกระทบที่ได้รับจากการสูญเสียข้อมูลขององค์กร นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังเน้นย้ำถึงผลกระทบทางธุรกิจมากมายที่เกิดจากปัญหาข้อมูลสูญหาย เช่น สูญเสียลูกค้า (49 เปอร์เซ็นต์), ชื่อเสียงและแบรนด์ได้รับความเสียหาย (47 เปอร์เซ็นต์), รายได้ลดลง (41 เปอร์เซ็นต์), ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น (39 เปอร์เซ็นต์) และราคาหุ้นดิ่งลง (20 เปอร์เซ็นต์)

มาตรการป้องกันไม่เพียงพอ
เนื่องจากระดับความเสี่ยงที่สูงมาก ดังนั้นการปกป้องข้อมูลจึงนับเป็นภารกิจที่สำคัญสูงสุด แต่องค์กรธุรกิจต่างๆ ยังคงประสบปัญหาในการดำเนินการเรื่องนี้ เมื่อปีที่แล้ว 69 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรธุรกิจประสบปัญหาข้อมูลสูญหายในหลากหลายลักษณะด้วยสาเหตุหลายประการ เช่น ข้อผิดพลาดของบุคลากร อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หยุดทำงาน มีการละเมิดระบบรักษาความปลอดภัย หรืออุปกรณ์สูญหายหรือถูกโจรกรรม นอกจากนี้ 69 เปอร์เซ็นต์พบเจอปัญหาข้อมูลลับถูกเปิดเผยสู่ภายนอกองค์กร และ 31 เปอร์เซ็นต์ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล อีกหนึ่งปัญหาท้าทายที่สำคัญก็คือ องค์กรธุรกิจจัดเก็บข้อมูลที่ซ้ำซ้อนเป็นจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้วข้อมูล 42 เปอร์เซ็นต์เป็นข้อมูลซ้ำซ้อน นอกจากนี้ยังมีการใช้พื้นที่สตอเรจอย่างไร้ประสิทธิภาพ โดยมีสัดส่วนการใช้งานเพียงแค่ 31 เปอร์เซ็นต์ภายในไฟร์วอลล์ และ 18 เปอร์เซ็นต์ภายนอกไฟร์วอลล์

ความเสี่ยงและความไร้ประสิทธิภาพทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการที่องค์กรธุรกิจเสียค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็นสำหรับการจัดเก็บและปกป้องข้อมูล ประเด็นปัญหาสำคัญที่ระบุโดย 30 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรธุรกิจก็คือ การขยายของข้อมูล กล่าวคือ ข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไร้ระเบียบ เข้าถึงได้ยาก และมีข้อมูลซ้ำซ้อนมากมาย

องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องให้ความสำคัญแก่ข้อมูลอย่างจริงจัง
เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจปกป้องข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไซแมนเทคเสนอคำแนะนำดังต่อไปนี้:
• มุ่งเน้นข้อมูล ไม่ใช่อุปกรณ์หรือดาต้าเซ็นเตอร์: ด้วยแนวทางในการนำเอาอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในที่ทำงาน (BYOD) และเทคโนโลยีคลาวด์ ข้อมูลไม่ได้อยู่ภายในอาณาเขตของบริษัทอีกต่อไป ดังนั้นมาตรการปกป้อง จึงต้องมุ่งเน้นที่ข้อมูลเป็นหลัก ไม่ใช่ที่อุปกรณ์หรือดาต้าเซ้นเตอร์
• ข้อมูลไม่ได้มีสถานะเท่าเทียมกันทั้งหมด: องค์กรธุรกิจจะต้องสามารถแยกข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ออกจากข้อมูลธุรกิจที่มีค่า และปกป้องข้อมูลดังกล่าวอย่างเหมาะสม
• ปรับปรุงประสิทธิภาพ: การขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน (Deduplication) และการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว (Archiving) ช่วยให้บริษัทปกป้องข้อมูลได้มากขึ้น แต่จัดเก็บข้อมูลในปริมาณที่น้อยลง เพื่อก้าวให้ทันกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
• ความสม่ำเสมอคือสิ่งสำคัญ: จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดนโยบายที่สม่ำเสมอสำหรับข้อมูล เพื่อบังคับใช้ได้ในทุกกรณี ไม่ว่าข้อมูลจะเก็บไว้ที่ใด เช่น ในอุปกรณ์ทางกายภาพ ระบบเวอร์ช่วล และระบบคลาวด์
• รักษาความคล่องตัว: วางแผนสำหรับความต้องการใช้งานข้อมูลในอนาคต โดยปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

View :1276

ก.ไอซีที ร่วมประชุมคณะมนตรีองค์การ APSCO ครั้งที่ 6

August 15th, 2012 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะมนตรีองค์การ APSCO ครั้งที่ 6 ว่า กระทรวงฯ ได้เข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีองค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก หรือ Asia Pacific Space Cooperation Organization (APSCO) ครั้งที่ 6 ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำเพื่อการรายงานความคืบหน้าของแผนงาน โครงการ กิจกรรม ขององค์การ APSCO และการพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการความร่วมมือภายใต้อนุสัญญา APSCO และการพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณขององค์การฯ เป็นต้นโดยมีประเทศภาคีสมาชิกภายใต้อนุสัญญา APSCO เข้าร่วมการประชุมฯ ในครั้งนี้ 9 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนบังคลาเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐตุรกี ประเทศมองโกเลีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐเปรู และประเทศไทย

โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ Ka-Band Rain Attenuation Modeling ภายใต้โครงการ Research on Atmospheric Effects ซึ่งเป็นโครงการที่ประเทศไทยได้รับมติจากการประชุมคณะมนตรีขององค์การ APSCO ครั้งที่ 2 ให้เป็นแกนนำเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ Research on Atmospheric Effects เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีศักยภาพ ซึ่ง กระทรวงไอซีที ในฐานะหน่วยงานประสานงานกิจกรรมภายใต้องค์การ APSCO ได้ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการ APSCO จัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของประเทศภาคีสมาชิกฯ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ Research on Atmospheric Effects on Ka Band Rain Attenuation Modeling ; and Ionospheric Modeling through Study of Radio Wave Propagation and Solar Activity. ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยศึกษาในด้านต่างๆ อาทิ วัตถุประสงค์และขอบเขตการดำเนินโครงการ การออกแบบและแนวทางการดำเนินโครงการ ต้นทุนการดำเนินโครงการ การมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิกและการแบ่งปันผลประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งรัฐสมาชิกทุกรัฐมีความเห็นร่วมกันที่จะให้โครงการ Research on Atmospheric Effects on Ka-Band Rain Attenuation Modeling เป็นกิจกรรมพื้นฐานที่จะได้รับเงินสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานองค์การ APSCO และเห็นชอบให้ดำเนินโครงการในฐานะกิจกรรมหลักขององค์การ APSCO

ส่วนงานวิจัยเรื่อง Ionoshheric Modeling through Study of Radio Wave Propagation and Solar Activity ที่ประชุมฯ มีข้อเสนอแนะให้ใช้คลื่นความถี่วิทยุ HF range ในการศึกษาวิจัย Ionospheric Modeling เนื่องจาก Ionosphere มีบทบาทสำคัญใน HF Radio Communication และที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้นำเสนอเรื่องงบประมาณในการดำเนินการโครงการวิจัยจำนวน 196,000 เหรียญสหรัฐเพื่อพิจารณา ในการประชุมคณะมนตรีองค์การ APSCO ครั้งต่อไปด้วย

View :1201
Categories: Press/Release Tags:

รมว.ไอซีที ร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมสารสนเทศ ครั้งที่ 9 (TELMIN 9)

August 15th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมสารสนเทศ ครั้งที่ 9 (TELMIN 9) ระหว่างวันที่ 7 – 8 สิงหาคม 2555 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเปคมีการขับเคลื่อนด้าน ICT อย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน และยั่งยืน โดยที่ประชุม TELMIN 9 ได้มีการพิจารณารับรองปฏิญญา เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg Declaration) ในหัวข้อ “การสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ” ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีได้เป็นผู้แทนประเทศไทยกล่าวสุนทรพจน์หัวข้อ “Shaping Priority Areas for the Future ICT Cooperation” ในระหว่างการประชุม Session ที่ 4 ซึ่งประเทศไทยได้เสนอประเด็นการให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้าน ICT ในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Bridging the Digital Divide) ความมั่นคงปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cybersecurity) และเสริมสร้างความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ (International Cooperation)

View :1248
Categories: Press/Release Tags:

การประปาส่วนภูมิภาคนำซอฟต์แวร์ “โปรแกรมบริการผู้ใช้น้ำ” ขึ้นระบบบริการคลาวด์ภาครัฐ

August 11th, 2012 No comments


ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. เปิดเผยว่า ทางสรอ.ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ หรือ กปภ.โดยจะนำซอฟต์แวร์ “” ของ กปภ. มาไว้ในระบบบริการคลาวด์ภาครัฐ หรือ ซึ่งสรอ.ได้เปิดใช้บริการจริงมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ใช้น้ำทั่วไปสามารถมาใช้บริการผ่านโปรแกรมแบบเว็บเบส ด้วยการนำโปรแกรมนี้ ซึ่งจะทำให้กปภ.ลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ของการให้บริการลง และสามารถเปิดให้ผู้ใช้น้ำดาวน์โหลดได้ทันทีที่การพัฒนาโปรแกรมสำเร็จแล้วโปรแกรมบริการผู้ใช้น้ำสำหรับประชาชนครั้งนี้ถือเป็นโครงการนำร่องของ กปภ.ที่จะใช้คลาวด์ภาครัฐของสรอ. หลังจากนั้นจะมีการประเมินผล และนำไปสู่การนำแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการให้บริการน้ำมาอยู่บนระบบคลาวด์ต่อไป รวมถึงสรอ.จะเข้าไปพิจารณาร่วมกับกปภ.ในการนำบริการต่างๆ ที่สรอ.มี เช่น
ระบบ Mail go Thai ระบบ GIN และอื่นๆ มาให้บริการต่อไปอีกด้วย

“การนำโปรแกรมบริการผู้ใช้น้ำมาไว้บนคลาวด์ของสรอ. จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้น้ำในระยะยาว เพราะจะทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเช็คยอดการใช้น้ำแบบทันที หรือ real time และสามารถใช้บริการต่างๆ ของกปภ.ได้อย่างต่อเนื่อง โดยสรอ.จะทำให้ผู้ใช้เกิดความเชื่อมั่นว่า ระบบคลาวด์ของสรอ.มีทั้งความเร็ว และความปลอดภัย” ดร.ศักดิ์กล่าว

นอกจากการนำแอพพลิเคชันทางด้านโทรศัพท์มือถือมาอยู่ในระบบคลาวด์ของสรอ.แล้ว ทาง กปภ.จะเข้ามาใช้บริการข้อมูลบัตรประชชาชน หรือตัวเลข 13 หลักของกรมการปกครอง ซึ่งปัจจุบันอยู่บนระบบคลาวด์ของสรอ.อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ข้อมูลการใช้น้ำและอื่นๆ สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลของผู้ใช้ได้โดยตรง และสามารถโอนถ่ายข้อมูลระหว่างกันได้ ทำให้เกิดประโยชน์ด้านการใช้ข้อมูลอย่างมากตามมา

View :1439

เอไอเอส จับมือ เรือด่วนเจ้าพระยา ออกแคมเปญใหม่ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” สิทธิพิเศษที่มากยิ่งกว่า ส่งเสริมเที่ยวไทยครบสูตร

August 9th, 2012 No comments

เดินหน้ามอบอีกขั้นกับที่สุดของประสบการณ์เชิงบวกที่มากยิ่งกว่าเพื่อคุณเสมอ ผ่านแคมเปญ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” จับมือ “” พาร์ทเนอร์คู่ใจ ต่อยอดให้ลูกค้าเอไอเอสได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมอิ่มอร่อยไปกับหลากเมนูจากร้านอาหารชื่อดังกว่า 50 ร้าน ตลอดแนวเส้นทางเรือด่วน พร้อมรับส่วนลดความอร่อยสูงสุดกว่า 20% หลังจากประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับจากลูกค้ากว่า 400,000 ราย ที่ร่วมรับส่วนลดการโดยสารทางน้ำในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา

คุณวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการส่งมอบประสบการณ์เชิงบวกที่มากยิ่งกว่า คือ ความพิเศษในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิตสำหรับลูกค้า ซึ่งเอไอเอส เป็นผู้นำในการเปิดมิติของสิทธิพิเศษในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 ได้ขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หลากหลายอุตสาหกรรมมากกว่า 7,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ทั้ง Lifestyle และ Daily Life ตั้งเป้ามีลูกค้าเข้าร่วมรับสิทธิพิเศษมากกว่า 7 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2554 และสามารถลดยอดการย้ายค่ายได้ถึง 70%”

ทั้งนี้ในเรื่องของการเดินทาง ซึ่งถือเป็นอีก 1 สิทธิพิเศษที่อำนวยความสะดวกและสร้างความคุ้มค่าในการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้าเป็นอย่างยิ่งนั้น เอไอเอส ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกรูปแบบ ประกอบด้วย รถไฟฟ้าบีทีเอส, รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที, รถทัวร์ , เครื่องบิน และเรือด่วน ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมียอดการเข้าร่วมรับสิทธิ์ในภาพรวมถึง 700,000 ครั้งต่อปี

คุณวิลาสินีย้ำว่า “สำหรับ เรือด่วน ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางที่มีประชาชน ทั้งนิสิต นักศึกษา นิยมใช้บริการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสัญจรได้อย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลา ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้ร่วมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าเอไอเอส มาเป็นเวลากว่า 3 ปี โดยมอบส่วนลด 3 บาท สำหรับค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาเรือด่วนพิเศษธงส้ม และเรือด่วนพิเศษธงเหลือง โดยมีผู้โดยสารจำนวนกว่า 40,000 คนต่อวันโดยคิดเป็น 70% คือ กลุ่มคนทำงานนักเรียน และมีลูกค้าเอไอเอส ให้ความสนใจกดเข้าร่วมโครงการถึงกว่า 400,000 ราย

ดังนั้นเพื่อเป็นการต่อยอดความพิเศษและส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวริมน้ำ จึงเป็นที่มาของการผนึกกำลังร่วมกันอีกครั้งระหว่าง เอไอเอส และ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา ผู้ให้บริการเรือด่วนโดยสารรายเดียวที่มีการเดินเรือตลอดเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยามอบ ประสบการณ์ใหม่อีกขั้นโดยรวมสิทธิพิเศษจากหมวดอาหารการกิน และการเดินทาง มาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ในแคมเปญ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” ที่เอาใจผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมรับส่วนลดความอร่อยสูงสุดกว่า 20% กับร้านอาหารชื่อดังกว่า 50 ร้าน ตลอดสองฝากฝั่งตามแนวเส้นทางเรือด่วน ตั้งแต่ท่าปากเกร็ด – ท่าวัดราชสิงขร อาทิ มังคุค คาเฟ่ by Club Art ,ริมน้ำเทอเรส , เรืออาหารเย็นพระยา, เดอะ เดค บาย เดอะ ริเวอร์ รวมทั้งอีกหลากหลายร้านอร่อยภายใน Asiatique ฯลฯ ซึ่งลูกค้าเอไอเอสสามารถสัมผัสสีสันและดื่มด่ำความอร่อย พร้อมรับส่วนลดกันได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2556”

“เชื่อว่าแคมเปญ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” นอกจากจะตอบโจทย์ Lifestyle ลูกค้าเอไอเอสผู้ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาแล้ว ยังถือว่าได้ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเอไอเอสเองจะยังคงเดินหน้ามอบความพิเศษที่มากยิ่งกว่าเพื่อชีวิตในแบบคุณอย่างต่อเนื่องตลอดไป” คุณวิลาสินีกล่าวสรุป

View :1339

ทรู ชวนคนไทยทำดีในวันแม่ บอกเล่าเรื่องราวความรักความผูกพันแม่-ลูก เปิดตัวโครงการ “เรื่องเล่า…เรากับแม่ (The Story of Mom and Me)”

August 9th, 2012 No comments

พร้อมเชิญร่วมสมทบทุน สร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การ แพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “แม่ของแผ่นดิน”

กลุ่มทรู โดย นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการ ด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ และ แพทย์หญิงศิราภรณ์ สวัสดิวร (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) พร้อมด้วยเหล่าศิลปินชื่อดัง แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ ศิลปินทรูเอเอฟ นำโดย แม็ค เอเอฟ6,โปเต้ เอเอฟ8 และโบว์ เอเอฟ5 แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เรื่องเล่า…เรากับแม่(The Story of Mom & Me)” ด้วยแนวคิด “แม่กับฉัน เรามีกันและกันตลอดไป(Together Mom & Me Forever)” ชวนคนไทยทั่วประเทศ จัดทำสมุดภาพดิจิตอลแสดงความรักความผูกพัน และถ่ายทอดเรื่องราวประทับใจระหว่างแม่-ลูก ผ่านwww.iwilldoforqueen.com ซึ่งสามารถส่งต่อผลงานไปที่เฟซบุ๊คได้ พร้อมร่วมกับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) รณรงค์จัดหาทุนสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก ถวายเป็นพระราชกุศลแก่แม่หลวงแห่งแผ่นดิน โดยสามารถบริจาคผ่าน ระบบทรูมูฟ และทรูมูฟ เอช ส่งไปที่หมายเลข 91266 หรือโอนเงินผ่านบัญชี ดูรายละเอียดช่องทางการบริจาคได้ที่ www.childrenhospital.go.th หรือ โทร.02-640-9363

นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้อำนวยการ ด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผู้เป็นแม่หลวงแห่งแผ่นดิน ที่ทรงมอบความรักความห่วงใยแก่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งสื่อถึงสายสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูก กลุ่มทรู จึงได้จัดโครงการ เรื่องเล่า…เรากับแม่ () ด้วยแนวคิด “แม่กับฉัน เรามีกันและกันตลอดไป (Together Mom & Me Forever)” เชิญชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมสร้างสรรค์สมุดภาพดิจิตอล โดยสามารถดาวน์โหลดแบบสมุดภาพที่ต้องการผ่าน www.iwilldoforqueen.com พร้อมจัดทำผลงานที่แสดงความรักความผูกพันระหว่างแม่-ลูก ซึ่งสามารถแชร์ไปที่เฟซบุ๊ค โดยผลงานที่มีผู้เข้าชมสูงสุดในแต่ละสัปดาห์ จะได้รับสมุดภาพฉบับพิมพ์ของตนเองเป็นที่ระลึก และยังชวนส่งต่อเรื่องราวดีๆ ผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอื่นๆ ทั้ง ทวิตเตอร์ บล็อก และอินสตราแกรม ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสปีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 กลุ่มทรู ได้ร่วมกับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) รณรงค์จัดหาทุนสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก โดยมีศิลปินร่วมโครงการคับคั่ง อาทิ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียร
เกล้า และเหล่าศิลปินทรูเอเอฟ นำโดย โบว์ นัททิว เอเอฟ5, แม็ค ซานิ เอเอฟ6,มีน เอเอฟ7 และ โปเต้ คชา เอเอฟ8 ”

แพทย์หญิงศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนอย่างกลุ่มทรู ให้การสนับสนุนการจัดหาทุนเข้าโครงการสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก ซึ่งปัจจุบัน สถาบันฯ ยังประสบปัญหาด้านความจำกัดของพื้นที่ในการให้บริการการรักษาแก่ผู้ป่วยเด็กซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากต่างจังหวัด อีกทั้งเป็นโรคซับซ้อนที่รับส่งต่อมาจากทั่วประเทศ ซึ่งอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก แห่งนี้ จะบทบาทสำคัญในการรองรับการให้บริการการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ผู้สนใจ สามารถร่วมบริจาค สมทบทุนผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
• SMS ระบบทรูมูฟ และทรูมูฟ เอช โดยพิมพ์ 10 เพื่อบริจาค 10 บาท (ไม่รวม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือ พิมพ์ 100 เพื่อบริจาค 100 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ส่งไปที่หมายเลข 91266
• โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก”
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี 111-410586-1
- ธนาคารกรุงเทพ สาขาคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เลขที่บัญชี
046-7-00688-8
- ธนาคารออมสิน สาขาอนุสาวรีย์ชัย เลขที่บัญชี 02-8888-99999-3
• โอนเงินผ่านเอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน ชื่อบัญชีออม
ทรัพย์ “มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก” เลขที่บัญชี 111-410586-1
• บริจาคผ่าน เคาน์เตอร์ เซอร์วิส ทั่วประเทศ โดยแจ้งความจำนงเพื่อ “
มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก”
• โอนเงินผ่านเว็บไซต์ www.childrenhospital.go.th

ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.iwilldoforqueen.com, www.childrenhospital.go.th หรือโทร. 02-640-9363 (เวลาราชการ) และ 088-874-4671

View :1416

แอร์เอเชีย แจแปน ให้บริการเที่ยวบินแรกสู่ ซัปโปโร และ ฟุกุโอกะ ออกโปรโมชั่นพิเศษ เริ่มต้นเพียง 100 เยนต่อเที่ยว

August 2nd, 2012 No comments

สายการบินราคาประหยัดรายล่าสุดของญี่ปุ่น ให้บริการจากฐานปฏิบัติการบินสนามบินนานาชาตินาริตะ เริ่มให้บริการเที่ยวบินแรก ซึ่งเป็นเส้นทางภายในประเทศ สู่ เมืองฟุกุโอกะและเมืองซัปโปโร เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2555

เที่ยวบินที่ JW8541 สู่เมืองฟุกุโอกะ ออกเดินทางเมื่อเวลา 07.00 น. โดยมีผู้โดยสารราว 80% ขณะที่เที่ยวบินที่ JW8521 เดินทางสู่เมืองซัปโปโร มีผู้โดยสารราว 88%

คาซุยูกิ อิวากาตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย แจแปน กล่าวในโอกาสเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ว่า “แอร์เอเชียและเอเอ็นเอ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรเพียง 1 ปี และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผมรู้สึกยินดีและตื้นตันที่ได้เป็นเที่ยวบินแรกของแอร์เอเชีย แจแปน เริ่มให้บริการสู่เมืองฟุกุโอกะและซัปโปโรในวันนี้”
“ผมอยากจะขอบคุณทุกๆ คนจากใจจริง ที่ตอนสนับสนุนและช่วยเหลือเรามาโดยตลอด เราหวังว่าทุกคนจะอยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุนเราต่อไป และเราจะพยายามสุดความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้ให้บริการที่มีคุณภาพที่สุดในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง”

ด้านโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแอร์เอเชีย กล่าวว่า “ความฝันของพวกเราชาวแอร์เอเชียเป็นจริงขึ้นมาอีกครั้ง ที่ผ่านมาผมมักจะฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เสมอ แต่การได้เห็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของแอร์เอเชียแจแปนเริ่มให้บริการในวันนี้ ทำให้ผมแทบยิ้มไม่หยุด เวลาผ่านไปเพียง 1 ปี หลังจากเราประกาศก่อตั้งแอร์เอเชีย แจแปน ขณะนี้เรามีเครื่องบิน 2 ลำ พนักงานในญี่ปุ่น 243 คน และให้บริการ 3 เส้นทางบินในประเทศ ขอแสดงความยินดีกับคาซุยูกิและทีมแอร์เอเชีย แจแปนทุกคนที่ช่วยกันทำให้ทุกอย่างเป็นจริงขึ้นมา”

เนื่องในโอกาสเปิดให้บริการเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในครั้งนี้ แอร์เอเชีย แจแปนจึงได้ออกแคมเปญพิเศษ บินราคาประหยัด เริ่มต้นเพียง 100 เยนต่อเที่ยว บินจากโตเกียว สู่ และโอกินาวะ สามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2555 – เวลา 23.59 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2555 เพื่อเดินทางตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม – 27 ตุลาคม 2555 สำรองที่นั่งโปรโมชั่นทาง www.airasia.com เท่านั้น

ติดตามโปรโมชั่นและข่าวสารของแอร์เอเชียได้ทาง Facebook (http://www.facebook.com/AirAsiaThailand) and Twitter (http://www.twitter.com/AirAsiaThailand)

View :1415

รมว.ไอซีที แจงผลการประชุมการลดภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น

July 21st, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้กล่าวถึงการประชุมระดับรัฐมนตรีเรื่องการลดภัยพิบัติในภูมิภาคโทโฮคุ (World Ministerial Conference on Disaster Reduction in Tohoku) ณ เมืองเซนได (Sendai) ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้เข้าร่วมในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ว่า การประชุมฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และบทเรียนจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ รวมทั้ง Great East Japan Earthquake นอกจากนั้น ยังเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านการจัดการอภิปรายในระดับรัฐมนตรีภายใต้หัวข้อหลักที่เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเพื่อสร้างสังคมให้กลับคืนสู่สภาพเดิม (resilient societies) พร้อมทั้งสนับสนุนการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้ง post-Hyogo Framework for Action (HFA) ในการประชุม World Conference on Disaster Reduction ครั้งที่ 3 ในปี 2015 ซึ่งประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศเจตจำนงในการขอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมด้วย

โดยผลจากการประชุมดังกล่าวได้เน้นย้ำให้องค์กรส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการด้านสาธารณภัย และแสวงหางบประมาณเพื่อลงทุนในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความตระหนัก และเข้ามามี ส่วนร่วมในการป้องกันและจัดการสาธารณภัย โดยเน้นทางด้านการป้องกันตัวเองที่ดี และควรเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับการช่วยเหลือตนเองด้วยวิธีการต่างๆ หรือ Self – help รวมถึงส่งเสริมให้การจัดการสาธารณภัยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบไป ตลอดจนส่งเสริมให้เด็กและสตรี เข้ามามีบทบาทที่เหมาะสมและมีส่วนร่วมในการจัดการสาธารณภัยระดับท้องถิ่น

นอกจากในส่วนของท้องถิ่นแล้ว ที่ประชุมยังได้ให้ความสำคัญอย่างสูงต่อการประสานงานระหว่างรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการสาธารณภัย รวมถึงต้องผลักดันให้การจัดการสาธารณภัยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย และแผนพัฒนาประเทศ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และต้องผนวกการจัดการสาธารณภัยเข้ากับการจัดการในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ รวมทั้งบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนเพื่อปลูกฝังความรู้แก่เยาวชน และเน้นย้ำการจัดการ สาธารณภัยในโรงเรียนและโรงพยาบาลด้วย

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้เรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชน เพิ่มการลงทุนด้านการจัดการสาธารณภัย โดยเน้นย้ำว่าหากไม่ลงทุนในวันนี้ จะทำให้เกิดความสูญเสียจากสาธารณภัยอย่างใหญ่หลวงในอนาคต นอกจากนั้น ยังควรเสริมสร้างความร่วมมือ และความช่วยเหลือระหว่างประเทศในภูมิภาคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านภัยพิบัติธรรมชาติขนาดใหญ่ และควรให้มีการแบ่งปันประสบการณ์และบทเรียนจากภัยพิบัติที่ผ่านมาให้เป็น “สินค้าสาธารณะระหว่างประเทศ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่กำลังพัฒนา รวมทั้งควรมีการผลักดันให้หัวข้อ “การลดภัยพิบัติ” อยู่ในกรอบการพัฒนาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายในการพัฒนาสหัสวรรษ (MDGs) ปี 2015 โดยประชาคมระหว่างประเทศ ควรให้ความร่วมมือในการส่งเสริมการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสร้างเมืองที่มีศักยภาพในการเผชิญภัยธรรมชาติ ตลอดจนสนับสนุนความจำเป็นเร่งด่วนที่จะสร้างสังคมแห่งการฟื้นคืน เพื่อจัดการกับภัยพิบัติทางธรรมชาติทุกด้านอย่างจริงจัง

“สำหรับผลของการประชุมครั้งนี้ จะนำไปใช้สนับสนุนการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมในเวทีระดับโลกปี 2013 ที่ นครเจนีวา และการประชุมระดับโลกของสหประชาชาติเกี่ยวกับการลดภัยพิบัติครั้งที่ 3 ในปี 2015 และคาดว่าผลของการประชุมครั้งนี้ ยังจะใช้เป็นหัวข้อหลักที่สำคัญในการอภิปรายเกี่ยวกับการจัดตั้ง HFA ด้วย” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

View :1331
Categories: Press/Release Tags:

เอไอเอสวัน-ทู-คอล จับมือ Click for Clever ให้นักเรียนติว GAT/PAT ฟรีบนมือถือ

July 11th, 2012 No comments


เอไอเอสวัน-ทู-คอล! โดย นายอเนก อนันต์วัฒนพงษ์ ผู้ช่วยกรรม​การ​ผู้อำนวย​การ ส่วนงานบริหารกลุ่มลูกค้าพรี​เพด ร่วมกับ Click for Clever สถาบันกวดวิชาแนวใหม่บนโลกออนไลน์ สานต่อกิจกรรมดีๆ เปิดตัวโครงการ “Click for U ระเบิดความรู้สู่มหาวิทยาลัย Season 2” โดยมอบความพิเศษสุดเอ็กซ์คูลซีฟ ให้วัยทีนชาว วัน-ทู-คอล!ติว GAT/PAT ได้อย่างไร้ข้อจำกัด ทั้งรับฟรีคลิป Highlight ติวสอบทุกวิชาผ่านมือถือ ให้ติวได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงกด *456# แล้วโทรออก พร้อมดาวน์โหลดหนังสือประกอบการเรียนบนเว็บไซต์ได้ฟรีทาง AIS Bookstore หรือรับฟรีทั้งเล่มได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมติวสด (หนังสือมีจำนวนจำกัด) น้องๆที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ – 10 สิงหาคม 2555 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.clickforclever.com และ www.ais.co.th/12call

View :1570
Categories: Press/Release Tags: