Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

กระทรวงพาณิชย์ติดอาวุธธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จัด “E-Commerce Technology & Trend ” ติดอาวุธผู้ประกอบการไทยเจาะตลาด AEC

April 10th, 2013 No comments

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า สำนักบริหารโครการพิเศษ กระทรวงพาณิชย์เร่งพัฒนาศักยภาพธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รองรับสังคมออนไลน์และ AEC จัดงานสัมมนา “E-Commerce Technology & Trend” เพื่อสร้างองค์ความรู้ในการทำธุรกิจแนวใหม่ โดยใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเทคนิคการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ และแนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีในเชิงการค้า เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและปรับปรุงธุรกิจของตนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี 2558

นนทบุรี – นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและมีอัตราการใช้งาน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและถูกนำมาใช้เป็นช่องทางในการดำเนินธุรกิจอย่างแพร่หลาย อิทธิพลของอินเทอร์เน็ตได้แทรกซึมไปอย่างรวดเร็ว และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ต ถูกนำมาเป็นช่องทางในการดำเนินธุรกิจของ วิสาหกิจชุมชนของไทย และส่วนใหญ่ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร เนื่องจากการขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เป็นเครื่องมือในการลดต้นทุนการดำเนินงาน ตลอดจน ใช้เป็นช่องทางการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนา องค์ความรู้ในเรื่อง ดังกล่าว จึงได้จัดโครงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้า และจัดสัมมนาในหัวข้อ “E-Commerce Technology & Trend ” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการประกอบธุรกิจผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตแบบครบวงจรเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจของตนและเพิ่มช่องทางทางการตลาดที่หลากหลายให้กับผู้ประกอบการในการประชาสัมพันธ์สินค้าของตน ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งตลาดในประเทศ และตลาดโลกต่อไป อีกทั้ง เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ในการทำธุรกิจแนวใหม่ โดยใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นช่องทางและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เทคนิคการทำการตลาดผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตและแนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีในเชิงการค้าในอนาคต เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับผู้ประกอบการไทยไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจหรือผู้สนใจให้สามารถปรับตัวและปรับปรุงธุรกิจของตนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมูลค่าตลาดของอีคอมเมิร์ชนั้น มีมากกว่า 6.2 หมื่นล้านบาท และจากข้อมูลมียอดจดทะเบียนอีคอมเมิร์ชไทยเมื่อประมาณกลางปีก่อนมีถึง 9,993 เว็บไซต์ และมูลค่าของสื่ออออนไลน์ของประเทศไทย 1-2% จากมูลค่ารวม 100,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 ประเทศไทยก็จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะต้องรู้จักการทำธุรกิจผ่านสื่อออนไลน์ หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความได้เปรียบและขยายธุรกิจไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านอีก 10 ประเทศ นี่จึงถือเป็นการติดอาวุธชิ้นสำคัญที่ให้กับผู้ประกอบการไทยเพื่อให้ได้เปรียบในการรับมือในการเข้าสู้ประชาคมอาเซียน” นางวัชรี กล่าวทิ้งท้าย

View :1144
Categories: Press/Release Tags:

ซิทริกซ์เผยการเปลี่ยนโฉมหน้าโมบิลิตี้ในเอเชีย ชี้ ไอโอเอส เป็นแพลตฟอร์มโมบายยอดนิยมขององค์กรธุรกิจ

April 9th, 2013 No comments


องค์กรเอ็นเตอร์ไพร์ซ ตอบรับความริเริ่มด้านโมบิลิตี้มาใช้ในองค์กร ด้วยการนำโปรแกรม BYOD หรือ การอนุญาติให้พนักงานนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ทำงาน รวมถึงแท็ปเล็ต ซึ่งคาดว่าฝ่ายไอทีต้องเผชิญกับเรื่องของการรักษาความปลอดภัยในเชิงลึกมากขึ้นรวมถึงการบังคับใช้อุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างสอดคล้องตามกฏข้อบังคับขององค์กร ตามการวางกฏระเบียบขององค์กรที่ใส่ใจเรื่องการรักษาความปลอดภัย

จากรายงานเรื่องคลาวด์ในองค์กรเอ็นเตอร์ไพร์ซ (Enterprise Cloud Report) ที่ซิทริกซ์ออกมาในวันที่ 20 มีนาคม แสดงให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจกำลังเอาจริงเอาจังกับการแบล็กลิสต์แอพพลิเคชันที่ไม่เหมาะสม โดย 18 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรธุรกิจได้นำนโยบายเรื่องการแบ็ลกลิสต์มาปรับใช้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 แอพฯ ดังกล่าวได้แก่ Angry Birds, Facebook, Dropbox และ YouTube ซึ่งแอพฯ ที่ได้รับการยอมรับให้ใช้ หรืออยู่ในรายการไวท์ลิสต์ (Whitelist) ได้แก่ Evernote, NitroDesk TouchDown, Google Chrome และ Adobe Reader โดย Skype เป็นแอพฯ เดียวที่อยู่ในรายการของทั้งแบล็กลิสต์ และไวท์ลิสต์ ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวอิงจากข้อมูลที่ซิทริกซ์รวบรวมจากลูกค้าที่ใช้ระบบบริหารจัดการโมบิลิตี้สำหรับเอ็นเตอร์ไพร์ซบนคลาวด์

นอกจากนี้ รายงานยังเปิดเผยว่า iOS เป็นแพลตฟอร์มระบบโมบายที่เป็นที่นิยมสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะที่ผู้ใช้โมบายใช้สื่อสารกับลูกค้าในแบบตัวต่อตัว เช่นในธุรกิจค้าปลีก หรือร้านอาหาร ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดที่นำแพลตฟอร์มดังกล่าวมาใช้ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน กฏหมายและประกัน โดย 75 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าของซิทริกซ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศญี่ปุ่น ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา ได้มีการนำ iOS มาใช้เป็นแพลตฟอร์มโมบายทางเลือก ในอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 58 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทั่วโลกมีการแชร์ข้อมูลเรื่องการนำโมบายแพลตฟอร์ม iOS มาใช้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่าน สูงขึ้นเป็น 58 เปอร์เซ็นต์ โดยสูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น

นอกจากนี้ซิทริกซ์ยังได้เผยถึงการพัฒนาในส่วนอื่นๆ ที่เป็นพื้นฐานของกลยุทธ์ด้านข้อมูล (Follow me Data Strategy) นั่นคือ ShareFile ซึ่งได้รับรางวัลจากการจัดอันดับที่สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในเรื่องของ “ผลตัดสินที่ชัดเจน” ในตลาดเรื่องการซิงค์และแชร์ไฟล์สำหรับองค์กร (Enterprise File Synchronization & Sharing) ที่จัดโดยการ์ทเนอร์เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาก โดยการ์ทเนอร์ให้การสนับสนุนความสามารถของ ShareFire ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ให้กับทุกคนได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถซิงค์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์ทุกประเภทได้ ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ ยังได้ให้การยกย่องในความยืดหยุ่นของ ShareFile ในการจัดเก็บข้อมูลขององค์กรไว้ในสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดโดยตอบสนองความต้องการเรื่องประสิทธิภาพและความสอดคล้องต่อกฏระเบียบองค์กรได้เป็นอย่างดี และการ์ทเนอร์ยังชื่นชมเรื่องที่ ShareFile สามารถทำงานร่วมกับระบบงานอื่นของซิทริกซ์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น XenDesktop, XenMobile และ Podio รวมถึงสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของซิทริกซ์ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถคลิ๊กดูได้ ที่นี่

และเพื่อที่จะสนับสนุนความต้องการที่เพิ่มขึ้นของฝ่ายไอทีในเรื่องความปลอดภัยและการบังคับใช้งานให้สอดคล้องตามกฏระเบียบขององค์กร ซิทริกซ์ยังได้เปิดตัว NetScaler Insight Center ซึ่งเป็นโซลูชันที่ให้ความสามารถในการมองเห็นและควบคุมการใช้แอพพลิเคชันธุรกิจและบริการโมบายบนระบบคลาวด์ ไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา โดยอาศัยการเชื่อมต่อของสินทรัพย์ที่มีอยู่ และตั้งอยู่ในจุดโฟกัสที่โดดเด่นหลักๆ บนเส้นทางสัญจรของแอพพลิเคชัน เพื่อให้มุมมอง 360 องศาเกี่ยวกับทราฟฟิกของเครื่องเดสก์ท็อปเสมือน รวมถึงเว็บและโมบาย โดยช่วยให้ฝ่ายไอทีมีแพลตฟอร์มในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่บนเน็ตเวิร์ก ช่วยให้สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ล่วงหน้าและมีมุมมองเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับทราฟฟิกในดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายแบบเรียลไทม์ได้อย่างคล่องตัวโดยอาศัยการดึงข้อมูลจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ใน NetScaler มาช่วยสนับสนุน

ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ของซิทริกซ์ในรอบเดือนที่ผ่านมาได้แก่

· ซิทริกซ์เปิดตัวแพลตฟอร์มให้บริการด้านคลาวด์ CloudPortal™ Business Manager 2.0 ช่วยให้องค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการสามารถรวมศูนย์เรื่องของการทำคอมเมิร์ซ การบริหารจัดการผู้ใช้ รวมถึงแง่มุมต่างๆ เรื่องงานส่วนปฏิบัติการและการทำโพรวิชั่นนิ่งของคลาวด์ให้อยู่ในอินเตอร์เฟซคลาวด์อันเดียวได้ เพื่อนำเสนอในรูปของการให้บริการได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้สร้างคลาวด์สามารถปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างคลาวด์สู่ธุรกิจการบริการ เปลี่ยนบทบาทฝ่ายไอทีจากผู้ดูแลระบบสู่ผู้ให้บริการคลาวด์ในเชิงกลยุทธ์ ในรูปแบบการนำเสนอไอทีในลักษณะของการบริการ

· ซิทริกซ์ ได้รับรางวัลในการจัดอันดับพันธมิตรระดับห้าดาว จากหนังสือแนะนำโปรแกรมพันธมิตรปี 2013 ของ CRN ผู้ตีพิมพ์รายชื่อซอฟต์แวร์และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หรือผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการบริการแก่ช่องทางจำหน่ายไอที

· ซิทริกซ์นำเสนอแอพฯเดียวทำได้หมดทุกอย่าง โดยรวมความสามารถด้านการแก้ไขเนื้อหาบนโมบาย (Mobile Content Editing) ไว้ใน ShareFire ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์โมบาย ช่วยเรื่องของโมบิลิตี้ เพิ่มผลิตผล และความสามารถด้านการประสานการทำงานร่วมกัน รองรับการใช้งานบนไอแพด และไอโฟน ที่ให้ความสามารถด้านการซิงค์และแบ่งปันข้อมูลเพื่อการใช้งานร่วมกัน โดยลูกค้าสามารถแก้ไขเอกสารทั้งบนไมโครซอฟท์ และ อโดบี พีดีเอฟ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือระหว่างที่ออฟไลน์อยู่ก็ตาม

· ซิทริกซ์ เสริมศักยภาพแอพฯ Podio ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการประสานการทำงานร่วมกัน (Collaboration Tool) บนไอโฟน และแอนดรอยด์ ด้วยการเพิ่มภาษาใหม่ครอบคลุมถึง 11 ภาษาในปัจจุบัน

· ซิทริกซ์ได้รับการรางวัล Gold Award จาก Stevie Awards ประจำปี 2013 เรื่องการบริการลูกค้าและบริการด้านการขายยอดเยี่ยม โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้ผู้จำหน่ายในประเภทฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ที่มีผลงานยอดเยี่ยม

· ซิทริกซ์ ส่ง “GoToAssist” ชุดเครื่องมือรวมสนับสนุนการใช้งานโมบายผ่านคลาวด์เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าโดยผสมผสาน “3 ลูกเล่น” ที่ใช้งานง่ายทั้ง service desk management, remote support และ IT monitoring โดยสามารถใช้ฟังก์ชันดังกล่าวผ่านอินเตอร์เฟซเดียวได้อย่างง่ายดาย ช่วยสร้างประสบการณ์ยอดเยี่ยมในการใช้งานได้ตลอดเวลาโดยไม่สะดุด สำหรับทั้งพนักงานภายในองค์กรและลูกค้าภายนอก

View :1258
Categories: Press/Release Tags:

XM Asia teams up with Thomas Idea to strengthen its full-service digital agency network for Asia

April 5th, 2013 No comments

XM Asia is investing to develop the digital agency business in Thailand by joining forces with Thomas Idea to reinforce its digital commerce team. The move also supports the WPP group’s strategy to penetrate the ASEAN Economic Community market. With Thailand now part of its regional business alliance, the company expects to become the digital agency leader in Asia.

As well, XM Asia is building a full-cycle online marketing team to empower customers’ potential to build and upgrade their brands to become regional players via digital strategy. The main strategic aim is to be a partner who can respond to customers’ requirements and create revenues by using advanced technological tools in the digital era in which the online population is growing rapidly.

Paul Soon, Chief Executive Officer of XM Asia Pacific said: “XM Asia has studied the digital agency market in Thailand for quite some time. The key reason behind our decision to join with Thomas Idea is that both companies were established to specifically engage in the digital agency business. We both have skills and long experience. Besides, our visions match. We both desire to work for any brands that are ready for changes that will take advantage of everything the digital world can offer and transform it into revenue for their businesses.”

“As Asian countries grow and exert greater influence in the world economy, digital media are playing critical roles in communications. This has led to rapid expansion in the digital agency business in the past two to three years. The company believes that from this point forward, digital channels will become vital success factors in marketing competition and in driving organizations’ growth and revenues. Consequently, a team with excellence in both technology and creativity will reinforce XM Asia’s digital agency network in Singapore, Hong Kong, Malaysia, Indonesia and Thailand to become the strongest in Asia, which is a key strategy of the WPP and JWT Asia Pacific groups.”

“From now on, the business plan for the entity is to expand services to customers of XM Asia and Thomas Idea with a focus on serving ASEAN markets once the AEC is formed. Digital commerce, a new trend in trade among global corporations, is Thomas Idea’s strength, which will broaden the range of XM Asia’s expertise. The synergy will enable the company to provide even better services as entrepreneurs in ASEAN look for opportunities to expand into their neighboring countries. Our collaboration at the regional level will become more apparent in the near future,” said Mr. Soon.

XM Asia’s current customers include Mastercard, Singapore Tourism Board, HP, Customers in other industries include Malaysia Airlines, XL, Nestle, Maxis, Unilever, Ford and ICI.

Uraiporn Chonsirirungsakul, Chief Executive Officer of Thomas Idea Co., Ltd. said: “2012 was the year that sparked Thailand’s digital agency business. Contributing to this phenomenon are the large numbers of devices as well as the variety of social media space for business available. Almost all groups of Thai consumers now use online channels as their main tool for communication, as well as to help them make purchasing decisions. Online shopping is increasing accordingly.

Meanwhile, leading global brands have begun to change their perceptions about digital media. They realize that digital media are not only for advertisements, but that they can deploy the technology to earn revenue by building a brand for the world and investing more in digital commerce. In this new era of fierce competition in the online market, we wish to see Thai marketers catch up with their competitors in terms of technology, beyond simply relying on digital media only for advertisements.”

In terms of its business plan, Thomas Idea is determined to cooperate with XM Asia in the international markets, especially in ASEAN. The synergy will save time in building a system and open more opportunities for generating revenue for customers. As well, the company is dedicated to helping its customers to expand into ASEAN markets at a more rapid pace and confidence.

In the past, the company focused more on competitors from North America and Europe. This year, Thai businesspeople and investors are well prepared for the use of digital marketing to establish their presence in the ASEAN market, in lieu of North American and European markets. More importantly, merging with XM Asia enables both companies to share in-depth information such as customer insight data and to conveniently connect with each other.

“The budgets for online strategic plans of Thai entrepreneurs and marketers also have increased to around 10-15% of their total marketing budgets. There is also a high trend in foreign countries toward investment via digital commerce, which is driving the continuous creation of more marketing channels. Meanwhile, the media value this year of online media should grow by 5% compared to other types of media. We are confident that this cooperation with XM Asia will yield positive results, leading to at least 20% of performance growth for Thomas Idea,” Miss Uraiporn said.

Araya Chaokrachang, Chief Creative Officer of Thomas Idea Co., Ltd., said the digital agency plays an important role in building Thai brands in the global arena by helping them develop online strategy.

Discussing the increased potential offered by the regional platform of XM Asia, she added: “Certainly, consumers will benefit from this synergy because we will be able to make a difference and offer new services that matters for entrepreneurs’ information and services more fun and accessible from every platform. From now on, information retrieved from each click will mean a treasure trove of information that each brand can analyze and adapt to launch promotions as fast as they can. By taking maximum advantage of online marketing they will be able to compete with rivals from all over the world.”

In 2012, Thomas Idea won 21 awards from different global interactive media competitions. These awards attest to the company’s expertise in professionally creating works at the international level. Accordingly, its executives are confident that Thomas Idea and XM Asia will be capable of making Asian digital agency brands become well known worldwide.

Teaming up with Thomas Idea in Thailand reflects XM Asia’s key strategy this year to emphasize its top priorities this year is the continued expansion of digital offerings digital service expansion in the WPP and JWT Asia Pacific groups. For foothold in Thailand, Thomas Idea, WPP aims to build a network that can respond to the demands of customers from around the world who will be competing to secure a presence in ASEAN when the AEC is formed in 2015.

Paul Soon concluded: “Based on the size of ASEAN and the huge number of its online population, I think that having a network in Thailand is a significant strategic plus.

From a customer’s perspective, this means there is a business opportunity to employ the advantages of the XM group’s presence in the region to expand the market. Our growth target is set based on the quality of our work in terms of creativity and differences that can make noteworthy changes for our customers. And this is the core value of our one of a kind digital agency like ours.”

View :1204
Categories: Press/Release Tags:

สวทช. กระทรวงวิทย์ฯ ยกระดับมาตรฐานคนไอทีไทย หวังเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน

April 3rd, 2013 No comments

3 เมษายน 2556 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี – นาย วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอที (ITPE) ซึ่งถือว่าเป็นใบเบิกทางที่สำคัญในวิชาชีพไอที โดยในปี 2555 มีผู้สอบผ่าน จำนวน 783 คน ใน 3 ระดับ เพื่อยกระดับมาตรฐานบุคคลากรไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ พร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ โดยหวังเป็นประเทศผู้นำด้านไอทีในภูมิภาคอาเซียน

นายวรวัจน์ฯ รมว.วท. กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในฐานะที่เป็นองค์กรหลักในการพัฒนาวิทยา ศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านไอทีให้สอดคล้อง กับเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์นั้นมีการพัฒนาปรับ ปรุงอยู่ตลอดเวลา บริษัทและองค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ในเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งการดำเนินงานโดยสถาบันวิทยาการ สวทช. ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างผู้เชี่ยวชาญไอทีเฉพาะด้านของ ประเทศให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้วิทยาการ การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ทำให้องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการองค์กรในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านการบริหาร การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร หลายๆ องค์กรได้ใช้งบประมาณเพื่อการลงทุนในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่เครื่องมือที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ การพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากร โดยเฉพาะบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อผลักดันให้ศักยภาพของบุคลากรในสาขาวิชาชีพไอทีของประเทศเป็น ที่ยอมรับในระดับสากล และเตรียมความพร้อมสู่ AEC 2015 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2015 สร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะด้านการศึกษาและฝีมือแรงงาน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวัดมาตรฐานทักษะความรู้ด้าน ไอที โดยบุคลากรที่สอบผ่านในโครงการ มาตรฐานวิชาชีพไอทีจะมีโอกาสเข้าสู่สังคมสารสนเทศและประกอบวิชาชีพ ได้โดยไม่จำกัดคุณวุฒิการศึกษาพื้นฐาน นอกจากนี้หน่วยงานต่างๆ ยังสามารถใช้มาตรฐานการสอบนี้เป็นเกณฑ์ในการวัดความรู้ความสามารถใน การคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน หรือปรับตำแหน่งงานภายในองค์กร อีกทั้งยังเป็นเครื่องประกันความสามารถในการทำงานอีกด้วย

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิทยาการ สวทช. ได้ดำเนินการจัดโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีภายใต้การสนับสนุนของ IPA และ METI มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน โดยมีผลผู้สอบผ่านใน 3 ระดับ จำนวนทั้งสิ้น 1,525 คน โดยเริ่มจากระดับที่ 1 คือบุคคลที่มีความรู้พื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่พยายาม นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในงานที่ได้รับมอบหมาย (Information Technology Passport Examination หรือ IP มีผู้สอบผ่าน 407 คน ระดับ 2 เป็นบุคคลที่มี ความรู้และทักษะพื้นฐานที่สำคัญ ที่ยกระดับให้ตัวเองเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีใความเชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และมีความสามารถในการนำองค์ความรู้เหล่านี้มาใช้ในภาคปฏิบัติ ได้จริง (Information Technology Passport Examination หรือ IP มีผู้สอบผ่าน จำนวน 1,115 คน และระดับ 3 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ยากที่สุด บุคคลจำเป็นต้องมีทักษะทางด้านไอทีที่ค่อนข้างสูง สามารถประยุกต์ความรู้และเพิ่มทักษะด้านไอทีอย่างเป็นระบบ (Applied Information Technology Engineers Examination หรือ AP) มีผู้สอบผ่าน จำนวน 3 คน และในปี 2555 มีผู้สอบผ่าน ทั้งสิ้น 783 คน โดยแบ่งออกเป็นระดับดังนี้ ระดับที่ 1 จำนวน 742 คน ระดับที่ 2 จำนวน 38 คน และระดับที่ 3 จำนวน 3 คน ตามลำดับ

View :1202
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคจัดแคมเปญ “Moving wifi” ย้ำความสำเร็จการใช้งานแบบเดินเล่นสนุกอย่างไร้ข้อจำกัด

April 1st, 2013 No comments

28 มีนาคม 2556 – บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค ย้ำจุดเด่นของ dtac wifi ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ เชิญชวนให้ลูกค้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การเล่น dtac wifi แบบ Walk & Play หรือเดินเล่นสนุกทั่วศูนย์การค้ากว่า 100 แห่ง สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 23 สถานี สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินเชียงใหม่ โดยแนวคิด Walk & Play นี้ เป็นสิ่งที่ดีแทคริเริ่มขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ต้องการใช้งานในทุกที่ทุกเวลา ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่หรือเดินไปมาได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่กับที่ หรือถูกจำกัดบริเวณอยู่ ณ ตำแหน่ง Hotspot เท่านั้น

ล่าสุด ดีแทคได้จัดแคมเปญพิเศษ “Moving wifi” นำสุนัขจำนวน 15 ตัว มาร่วมปล่อยสัญญาณ wifi ตามจุดต่างๆ ภายในสยามสแควร์ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ Walk & Play ด้วยตัวเอง สำหรับการทดลองใช้ เมื่อลูกค้าพบสุนัขที่สวมเสื้อ I’m free moving wifi ซึ่งระบุชื่อสุนัข และมี wifi box คล้องคอแล้ว ให้ค้นหาสัญญาณ wifi ที่ตรงกับชื่อสุนัข แล้วทำการเชื่อมต่อ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถเล่น dtac wifi ได้ฟรีทันที

View :1368
Categories: Press/Release Tags:

แผนสำรองจาก UIH พร้อมรับมือภาวะการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า

February 28th, 2013 No comments

ตามที่รัฐบาลได้มีการประกาศเตือนสภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้าที่ได้ รับผลกระทบจากการซ่อมบำรุงแหล่งผลิตก๊าซที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า
ระหว่างวันที่ 5 – 14 เมษายน 2556 โดยพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ บางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ปริมณฑล และบางจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้อาจมีความเสี่ยงต่อสถานการณ์ไฟฟ้าดับ UIH จึงเตรียมแผนสำรองเพื่อรับมือสถานการณ์ไฟฟ้าดับที่อาจเกิดขึ้นและอาจส่งผล กระทบต่อการให้บริการเครือข่ายสื่อสารของ UIHพร้อมทั้งจัดให้มีการรายงานสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลน พลังงานดังกล่าวในพื้นที่ต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ www.uih.co.th และ www.facebook.com/UIHBroadband เพื่อรายงานสถานการณ์ในแต่ละชุมสาย ให้กับผู้ใช้บริการได้ทราบอย่างทันท่วงที ผู้ใช้บริการสามารถมั่นใจได้ว่า UIH มีความพร้อมในกาดำเนินการติดตามเพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันต่อเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

View :1443
Categories: Press/Release Tags:

“NVK” เผยยอดขายปิดปี 2555 โตขึ้น 30% ปี 56 ลุยโปรเจกต์รัฐ – โทรคมนาคม

January 24th, 2013 No comments

ฤทธิไกร ขัณฑวีระมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.วี.เค.อินเตอร์ จำกัด (NVK)

“NVK” พอใจผลประกอบการปี 2555 ยอดขายทะลุ 250 ล้านบาท เปิดปี 2556 เกาะกระแสระบบ 3G-Wi-Fi บูม พร้อมอ้าแขนรับโปรเจกต์รัฐติดตั้งกล้องวงจรปิด คาดดันธุรกิจปีนี้ทะยานขึ้น 40%

นายฤทธิไกร ขัณฑวีระมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.วี.เค.อินเตอร์ จำกัด (NVK) ผู้นำในตลาดอุปกรณ์เครือข่ายไร้สายในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยปี 2555 NVK มียอดขายกว่า 250 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2554 (ยอดขายอยู่ที่ 190 ล้านบาท) ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยอย่างหนักส่งผลให้การลงทุนภาครัฐ เอกชน และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนชะลอตัว

สำหรับในครึ่งปีแรก 2556 นี้ NVK คาดว่าจะมีโครงการภาครัฐจำนวนมากที่ได้รับนโยบายจากรัฐบาลเพื่อบริการอินเตอร์เน็ตไร้สายอย่างทั่วถึงพร้อมติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดป้องกันการระบาดของยาเสพติดและลดปัญหาอาชญากรรม ประกอบกับผู้ให้บริการโทรศัทพ์มือถือยังคงเร่งติดตั้งเครือข่ายไร้สายหรือ Wi-Fi เพื่อลดปริมาณข้อมูลที่วิ่งบนเครือข่าย 3G สู่เครือข่าย Wi-Fi (3G Off-load) โดยครึ่งปีแรกคาดว่าตลาดจะมีอัตราการเติบโตราว 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผมมองเมืองไทยจากวันนี้เป็นต้นไป เราจะได้เห็นการลงทุนจุดให้บริการ Wi-Fi Hotspot อย่างต่อเนื่องจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและผู้ให้บริการมือถือทุกราย รวมไปถึงการสอดรับกับแผน SMART THAILAND ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ด้วยโครงการ Free Wi-Fi และโครงการ OTPC (One Tablet Per Child) ที่จะเป็นแรงผลักดันกระตุ้นให้ผู้ให้บริการจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายทั้ง 3G และ Wi-Fi ให้ครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุด

แต่โดยความเห็นส่วนตัว มองว่าภาครัฐควรผลักดันให้กระจายไปยังพื้นที่ห่างไกลเพื่อสร้างการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างเท่าเทียมของประชาชนในชนบทซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านและยังสามารถแข่งขันในตลาด AEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นหัวหอกหลักปีนี้ บริษัทเล็งเห็นว่าจากการที่ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์กล้องเครือข่ายจาก ACTi ซึ่ง ACTi ได้ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทยอย่างมาก

โดยเป็นประเทศแรกในการเปิดตัวกล้องวงจรปิด (IP Camera) ซีรี่ย์ใหม่ล่าสุดกว่า 70 รุ่น ผมจึงเชื่อว่า IP Camera จาก ACTi จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในพอร์ตของเรา โดยปีนี้ NVK ตั้งเป้ายอดขายจาก ACTi ไว้ราว 100 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่เริ่มจัดจำหน่ายมาเพียง 4 เดือนมียอดขายถึง 15 ล้านบาท หรือน่าจะมีอัตราการเติบโตกว่า 200% ในพอร์ตนี้

ขณะเดียวกันกลุ่มอุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย ปีนี้ NVK จะให้ความสำคัญต่อตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น โดยมีแผนที่จะเปิดตัว WLAN Router ที่มีความสามารถในการส่งสัญญาณ Wi-Fi ที่มีความเร็วสูงและสามารถครอบคลุมพื้นที่ภายในบ้านได้มากกว่า โดยจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านไอทีต่างๆ อาทิ BananaIT และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ต่อไป โดยตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่ 50,000 ตัวภายในปี 2556

ด้านภาพรวมตลาดไอที โซลูชั่น ปีนี้ ผมคาดว่าจะมีการเติบโตต่อไป อันเนื่องมาจากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ และความคืบหน้าในการให้ใบอนุญาต 3G และ 4G ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ส่วนภาคเอกชนนั้นก็มีความจำเป็นต้องลดต้นทุนในการบริหารจัดการ เพื่อรองรับปัญหาค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งการลงทุนด้าน IT น่าจะเป็นทางเลือกที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการที่จะช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวก็กลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวตะวันตก แต่นักท่องเที่ยวจากเอเชียก็เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายในการพักผ่อนที่สำคัญ ทำให้กลุ่มธุรกิจโรงแรม ต่างเร่งลงทุนทางสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยเฉพาะบริการอินเตอร์เน็ตและกล้องวงจรปิด ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้เติบโตต่อไปอีกด้วย

ปัจจุบัน NVK จัดจำหน่ายโซลูชั่น สินค้าและบริการ ผ่านตัวแทนจำหน่าย ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 400 และกระจายสาขาเพื่อใช้เป็นศูนย์บริการลูกค้าและบริหารการขายในต่างจังหวัดและหัวเมืองใหญ่ไปแล้วถึง 5 สาขาด้วยกัน ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งปีที่ผ่านมาตลาดต่างจังหวัดเติบโตดีมาก ยอดขายมีสัดส่วนถึง 40% ของยอดขายรวมเลยทีเดียว

นายฤทธิไกรกล่าวทิ้งท้ายเป้าหมายธุรกิจในปี 2556 คาดว่าจะมียอดขายราว 350 ล้านบาทจากปีที่แล้ว 250 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 40% โดยแบ่งตามหมวดสินค้าเป็น IP CCTV 40%,Network 10%และ WLAN 50%

View :1854
Categories: Press/Release Tags:

ทรูมูฟ เอช 3G+ ประเดิมศักราชใหม่ ผสานความโดดเด่น 6 ด้าน

January 18th, 2013 No comments

ทั้งเครือข่าย แพ็กเกจ ดีไวซ์ คอนเทนต์ สิทธิพิเศษ และบริการหลังการขาย
มอบอิสระกับทุกไลฟ์สไตล์ชาวเอช ที่ให้สนุกได้ทุกที่ทุกวัน

กรุงเทพฯ 18 มกราคม 2556 – ทรูมูฟ เอช เดินหน้าตอกย้ำผู้นำบริการ 3G ตัวจริง เอาใจสาวก
ชาวเอช ทั่วไทย ส่งแคมเปญใหญ่รับปีใหม่ “อิสระกับไลฟ์สไตล์ชาวเอช ที่ให้สนุกได้ทุกที่ทุกวัน”
ผสานความโดดเด่น 6 ด้าน ทั้งโทรชัด เน็ตแรง บนเครือข่าย 3G+ ทรงประสิทธิภาพ ครอบคลุม
มากที่สุดในไทย แพ็กเกจหลากหลาย เลือกได้ตามความต้องการใช้งาน ไม่ว่าจะโทรหรือ
เล่นเน็ตดีไวซ์ทุกระดับ เลือกได้ทุกแพลตฟอร์ม คอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นทั้งสาระและบันเทิง
สนุกได้ทุกวันจันทร์–อาทิตย์ กิจกรรมและสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบริการหลังการขาย
ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมคู่ขวัญ ณเดชน์ – ญาญ่า มอบความสนุกและอิสระแบบไร้ขีดจำกัดสำหรับชาวเอชทั่วประเทศ

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า
“จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมาของแคมเปญ “เปลี่ยน” ที่มีดาราคู่ขวัญ ณเดชน์ และ ญาญ่า ชวนคนไทย
ทั้งประเทศเปลี่ยนมาใช้ทรูมูฟ เอช 3G+ พร้อมแนะนำ GO Live 3031 มือถือ 3G+ และ GO Live S1 สมาร์ทโฟน 3G+ ให้ใช้ทรูมูฟ เอช 3G+ กันง่ายๆ ในปีนี้ ทรูมูฟ เอช เดินหน้าเต็มพิกัด ต่อยอดความสนุกด้วยแคมเปญ
“อิสระกับไลฟ์สไตล์ชาวเอช ที่ให้สนุกได้ทุกที่ทุกวัน” ผนวกศักยภาพความโดดเด่น 6 ด้าน ทั้งเครือข่าย แพ็กเกจ ดีไวซ์ คอนเทนต์และแอพพลิเคชั่น สิทธิพิเศษ และบริการหลังการขาย เพื่อให้ชาวเอชสนุกกับความพิเศษและประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกที่ทุกเวลา

สนุกกับความพิเศษและประสบการณ์ใหม่ ด้วยศักยภาพความโดดเด่นจาก ทรูมูฟ เอช ดังนี้
1. เครือข่าย – สนุกและอิสระเต็มที่กับเครือข่าย 3G+ บนคลื่นความถี่ 850 MHz ที่โทรชัด เน็ตแรง ครอบคลุม
มากที่สุดในไทยพร้อมรองรับการใช้งานบนคลื่นความถี่ 2.1 GHz แบบไม่สะดุด ที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพ
ให้กับโครงข่าย เร็วๆ นี้
2. แพ็กเกจ – แนะนำ 4 แพ็กเกจใหม่ โดนใจไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ทั้ง iPlay, iTalk, iNet และ iSmart
เอาใจทั้งคนชอบโทร หรือเล่นเน็ต
3. ดีไวซ์ – สนุกกับดีไวซ์ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์โฟน สมาร์ทโฟนหลากหลายแพลตฟอร์ม และแอร์การ์ด พร้อมพบกับ
• GO Live 3031 รุ่นใหม่ สีขาว แถมสายเคเบิ้ลเพื่อใช้ต่อเป็นโมเด็มเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเพิ่มช่องรายการทีวี อาทิ Food Planet แนะร้านค้าและผลิตภัณฑ์สุดอร่อย Sabaidee TV บันเทิงครบรสยกค่ายอาร์สยาม และ Work Point ให้ดูได้จุใจมากขึ้นผ่านแอพพลิเคชั่น H TV เป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง
990 บาท

• GO Live S1 เพิ่มฟังก์ชั่นลูกเล่น โดยเพิ่มเฟรมแบบต่างๆ และสติ๊กเกอร์รูปญาญ่า ใน H Camera, แอพพลิเคชั่นเอาใจแฟนคลับญาญ่า กับ H Club by Yaya และ H Lifestyle by Yaya แนะนำแอพฯ
ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ให้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สนุกคุ้มค่าในราคาเพียง 2,990 บาท
• แอร์การ์ด สีส้ม รองรับ 3G+ 7.2 Mbps ในราคา 990 บาท และรองรับ 3G+ 21 Mbps ในราคา
1,290 บาท พร้อมอัพเกรดซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ที่สามารถนำไปต่อกับแท็บเล็ตที่ไม่มีซิม แล้วสามารถเล่นเน็ตได้ทันที
4. คอนเทนต์และแอพพลิเคชั่น – สนุกทั้ง 7 วันกับหลากหลายแอพพลิเคชั่นและคอนเทนต์ที่ไม่ซ้ำกัน ตั้งแต่
วันจันทร์-อาทิตย์ ไม่ว่าจะดูหนัง ดูทีวี ฟังเพลง ฟังวิทยุ ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว หรือ กีฬา เอาใจทุกไลฟ์สไตล์ชาวเอช
5. กิจกรรมและสิทธิพิเศษ – เต็มอิ่มตลอดทั้งปีกับหลากหลายกิจกรรม อาทิ Music of the Month มันส์กับคอนเสิร์ตทุกวันอังคารสุดท้ายของเดือน และกิจกรรมที่ให้ชาวเอชสนุกได้ทุกที่ทุกวันในจังหวัดต่างๆ พิเศษ!
เตรียมพบกับเซอร์ไพรส์จาก ณเดชน์ และ ญาญ่า สำหรับชาวเอชโดยเฉพาะ
6. บริการหลังการขาย – บริการหลังการขายด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทั้งร้านทรูช้อปกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ และศูนย์บริการลูกค้า โทร 1331 รวมถึงช่องทางอำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ บริการ iService ผ่านเว็บไซต์ www.truemove-h.com

นอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช ยังจับกระแสคู่ขวัญ ณเดชน์ – ญาญ่า มาประชันกันตามคำเรียกร้อง ออกภาพยนตร์โฆษณา 2 ชุด 2 สไตล์ โดย ณเดชน์ รับบทพรีเซ็นเตอร์แนะนำ 4 แพ็กเกจใหม่ เอาใจทั้งคนชอบโทรหรือเล่นเน็ต เริ่มออกอากาศแล้วตั้งแต่วันนี้ ส่วน ญาญ่า จะมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่เช่นกัน สามารถติดตามได้เร็วๆ นี้

“ทรูมูฟ เอช ยังคงมุ่งมั่นมอบประสบการณ์อิสระและความสนุกจากบริการ 3G+ ที่จะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนไทย
ไปสู่รูปแบบใหม่ และจะเดินหน้าพัฒนาบริการ ควบคู่ไปกับการสรรหาดีไวซ์ที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ตอบโจทย์
ทุกรูปแบบการใช้งานด้วยแพ็กเกจที่หลากหลาย รวมถึงกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ ที่จะให้คนไทยได้รับประสบการณ์
ที่ดีเยี่ยมผ่านคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่น ที่จะมอบอิสระไร้ขีดจำกัดในการใช้งานบนเครือข่าย 3G+ โทรชัด
เน็ตแรง และครอบคลุมมากที่สุดในไทย” นายอติรุฒม์ กล่าวสรุป

View :1344
Categories: Press/Release Tags:

ยุติปัญหาโรมมิ่งชายแดน กสทช. คุยลาว-มาเลย์ร่วมคุมสัญญาณมือถือ

January 18th, 2013 No comments

ข่าวดีของผู้บริโภค นักท่องเที่ยวหรือผู้อยู่อาศัยบริเวณชายแดนมาเลเซียและลาวหมดห่วงได้ ต่อไปนี้ไม่ต้องเสี่ยงกระเป๋าฉีกจากการโรมมิ่งโดยไม่ตั้งใจ หลังจากสำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานที่ต้องทำหน้าที่ประสานงานเกี่ยวกับการบริหารคลื่นความถี่ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งมีหน้าที่วินิจฉัยและแก้ไขปัญหาการใช้คลื่นความถี่ที่มีการรบกวนกัน ได้เจรจากับหน่วยงานของประเทศลาวและประเทศมาเลเซียแล้ว ในการกำหนดระยะและระดับสัญญาณของเทคโนโลยี 2G และ 3G ในพื้นที่เชื่อมต่อ โดยสัญญาณบริการมือถือของแต่ละประเทศจะข้ามชายแดนมาเป็นระยะทางไม่เกิน 2 กิโลเมตร และมีระดับสัญญาณที่อ่อนจนเครื่องมือถือของผู้ใช้บริการไม่สามารถจับสัญญาณได้

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม แจ้งข่าวดีเกี่ยวกับปัญหาการใช้โทรศัพท์มือถือในบริเวณพื้นที่ชายแดน ที่เคยเกิดกรณีบ่อยครั้งที่ผู้ใช้บริการโทรออกหรือรับสายอยู่ในดินแดนฝั่งไทยแท้ๆ แต่กลับถูกคิดค่าบริการในอัตราสูงแบบบริการข้ามแดนอัตโนมัติหรือโรมมิ่งต่างแดน ทั้งนี้เหตุดังกล่าวเกิดเนื่องจากสัญญาณของผู้ให้บริการภายในประเทศนั้นอ่อนกว่า เครื่องที่พกติดตัวมาจึงเปลี่ยนโดยอัตโนมัติไปใช้เครือข่ายของผู้ให้บริการจากอีกประเทศที่สัญญาณแรงกว่า ซึ่งปัญหาดังกล่าวน่าจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยในส่วนของพื้นที่ชายแดนด้านที่ติดกับประเทศลาว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการร่วมทางเทคนิคว่าด้วยการประสานและจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุตามบริเวณชายแดนไทย-ลาว หรือ JTC (Joint Technical Committee on Coordination and Assignment of Frequencies ได้มีการเจรจาและบรรลุข้อตกลงที่จะกำหนดสัญญาณ หรือ Signal Level ของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตพื้นที่เชื่อมต่อชายแดน ว่าจะมีค่าสูงสุดไม่เกิน -90 dBm สำหรับส่วนของเทคโนโลยี 2G และไม่เกิน -100 dBm สำหรับเทคโนโลยี 3G รวมทั้งมีการกำหนดระยะการส่งสัญญาณด้วยว่า ในเขตพื้นที่พิเศษ หรือ Special Zone ที่เป็นเขตประชากรหนาแน่น ระยะการส่งสัญญาณข้ามชายแดนจะจำกัดไว้ที่ 1 กิโลเมตร ขณะที่เขตพื้นที่ทั่วไป หรือ General Zone จำกัดระยะที่สัญญาณจะข้ามแดนมาไว้ที่ 2 กิโลเมตร

“ค่าระดับสัญญาณสูงสุดตามที่กำหนด ทั้งของเทคโนโลยี 2G และ3G นั้นเป็นระดับที่จะทำให้เครื่องลูกข่าย หรือเครื่องมือถือของผู้ใช้บริการทั่วๆ ไปไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ ดังนั้นปัญหาแบบที่เคยเกิดจึงไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะภายใต้กติกาที่ตกลงร่วมกันนี้หมายความว่า ระดับสัญญาณของผู้ให้บริการมือถือของประเทศลาวที่ส่งข้ามมาในดินแดนไทยจะค่อนข้างอ่อน จนเครื่องของผู้ใช้บริการไม่เปลี่ยนไปหาโดยอัตโนมัติ เว้นแต่ว่าสัญญาณของเครือข่ายผู้ให้บริการไทยอ่อนกว่า ซึ่งถ้าหากยังเกิดกรณีเครื่องเปลี่ยนไปจับสัญญาณต่างแดนอัตโนมัติก็จะสะท้อนปัญหาเรื่องคุณภาพของโครงข่ายผู้ให้บริการไทย แสดงว่าบริเวณนั้นๆ อาจต้องมีการตั้งสถานีวิทยุคมนาคมเพิ่มเติม” นายประวิทย์กล่าว

ส่วนในกรณีประเทศมาเลเซียนั้น นายประวิทย์เปิดเผยว่า มีข้อตกลงเดิมอยู่แล้วว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้งสองประเทศต้องปรับลดพื้นที่ให้บริการ (Service Area Coverage) ของสถานีวิทยุกิจการเคลื่อนที่ระบบเซลลูล่าให้อยู่ภายในเขตแดนของประเทศตนเท่านั้น โดยไม่ให้มีสัญญาณข้ามเขตแดน หรือมีให้น้อยที่สุด ดังนั้นจึงน่าจะมีความเสี่ยงลดลงอย่างมากเช่นกัน และแม้ว่าทางหน่วยงานโทรคมนาคมของมาเลเซียนั้นมีความพยายามเสนอให้ประเทศไทยพิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว แต่ท่าทีของไทยก็ยังคงยืนยันที่จะจำกัดพื้นที่เช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ยังคงมีข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือว่า เพื่อความมั่นใจและสบายกระเป๋า (สตางค์) ในการใช้งานเมื่ออยู่บริเวณพื้นที่ชายแดน ยังควรต้องหมั่นสังเกตว่าเครื่องกำลังจับสัญญาณของเครือข่ายที่เราเปิดใช้บริการหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจ ไม่พลาด และไม่ต้องเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น

View :1412
Categories: Press/Release Tags:

รมว.ไอซีที มอบเงินรางวัล และโอกาสแก่ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทย ในโครงการ Thai IT Tycoon 2012

December 21st, 2012 No comments


นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล โครงการนวัตกรรมวาณิชย์ (Thai IT Tycoon 2012) จัดโดยสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ณ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ถ.ราชดำริ สำหรับโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นและพัฒนาให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทย เกิดแนวคิดใหม่ในการสร้างผลิตภัณฑ์และการประกอบธุรกิจทั้งในด้านการตลาด การบริหารการเงิน การบริหารบุคลากร และการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์ ด้วยการส่งแผนธุรกิจเข้าร่วมประกวดในโครงการฯ ซึ่งรางวัลสำหรับแผนธุรกิจที่ชนะเลิศทั้ง 5 แผน จะได้รับเงินรางวัลแผนธุรกิจละ 1,00,000 บาท และยังจะได้รับการสนับสนุนต่อยอดธุรกิจต่อเนื่องจนประสบผลสำเร็จ อันจะสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศไทยต่อไป

View :1131
Categories: Press/Release Tags: