Archive

Archive for the ‘SmartPhone/Mobile phone’ Category

ดีแทคจัดแคมเปญสมาร์ทโฟนราคาพิเศษให้กับนักศึกษา

August 2nd, 2011 No comments

ดีแทคจัดแคมเปญ “just for u” จำหน่ายสมาร์ทโฟนพร้อมแพ็กเกจในราคาพิเศษให้กับนิสิตนักศึกษา ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคสาขา จามจุรีสแควร์ จัดแคมเปญตั้งแต่วันนี้ – 3 สิงหาคม 2554 สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคสาขาพาราไดซ์ พาร์คจัดแคมเปญระหว่างวันที่ 4 -7 สิงหาคม 2554เพื่อส่งเสริมการขายแบบ customized กับกลุ่มลูกค้าเยาวชนที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมากถึงกว่า 20% ของลูกค้าทั้งหมด โดยนักศึกษาที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟน พร้อมแพ็กเกจราคาพิเศษนี้ สามารถแสดงบัตรประจำตัวนักศึกษาที่เคาน์เตอร์จัดรายการบริเวณสำนักงานบริการลูกค้าดีแทคที่ร่วมรายการเท่านั้น และรับส่วนลดค่าเครื่องพร้อมบัตรกำนัลส่วนลดค่าโทรมูลค่า 300 บาท สงวนสิทธิ์ในการซื้อ 1 คนต่อ 1 เครื่อง

สมาร์ทโฟนที่ร่วมรายการประกอบด้วย iPhone 4 16GB และ 32GB, Torch 9800, Bold 9780, Samsung Galaxy S II, Samsung Cooper 850, HTC Desire S และ Wildfire S

นิสิตนักศึกษาที่สนใจ สามารถสอบถามเติมได้ที่ 1678 call center

View :1629

สมาร์ทโฟนแรงต่อเนื่อง…ครองตลาดคนกรุงกว่าร้อยละ 50 และยังมีแนวโน้มเพิ่มอีกในอนาคต

August 2nd, 2011 No comments

โดย

ปัจจุบัน โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คนในสังคมยุคใหม่ นอกเหนือจากการใช้ในการติดต่อสื่อสารแล้ว ขีดความสามารถของโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยกลจักรสำคัญในการผลักดันการเติบโตของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวม คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งกำลังอยู่ในกระแสความนิยม และได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเจริญเติบโตของธุรกิจโทรคมนาคมในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณลักษณะที่โดดเด่นในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ทันสมัย การมีแอพพลิเคชั่นให้เลือกใช้ที่หลากหลาย หรือแม้แต่สมรรถนะในการใช้งานด้านมัลติมีเดียที่สูงกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึง 17 มิถุนายน 2554 โดยมีจำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 629 ชุด เพื่อศึกษาความต้องการที่จะเปลี่ยนมาใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในอนาคต รวมไปถึงฟังก์ชั่น จำนวนเครื่อง และประเภทของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ผู้บริโภคถือครองและใช้งานเป็นประจำในปัจจุบัน

 ผลสำรวจเกี่ยวกับการใช้งานสมาร์ทโฟน

ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยในปี 2553 ตลาดสมาร์ทโฟนมีมูลค่า 24,894 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 29.7 ของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมทั้งหมด และในปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดสมาร์ทโฟนจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 32,789 ถึง 34,544 ล้านบาท ขยายตัวราวร้อยละ 31.7 ถึง 38.8 คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าของตลาดรวมอยู่ที่ร้อยละ 38.0

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่า ในปัจจุบัน ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯที่ครอบครองสมาร์ทโฟนมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50.4 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด สะท้อนถึงความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนกรุงที่อยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณาผลการสำรวจแยกตามอายุ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในช่วงอายุ 20 ถึง 24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) มีสัดส่วนใช้งานสมาร์ทโฟนมากที่สุดถึงร้อยละ 56 ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้งานประจำในกลุ่มช่วงอายุดังกล่าว อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 54 ปีขึ้นไปยังคงมีสัดส่วนการใช้สมาร์ทโฟนน้อยที่สุดคือร้อยละ 14

เมื่อสอบถามผู้ตอบแบบสอบถามที่ยังคงไม่มีสมาร์ทโฟนในครอบครอง เกี่ยวกับแผนที่จะใช้งานในอนาคต พบว่า โดยภาพรวม ผู้ตอบแบบสอบถามในทุกช่วงอายุมีสัดส่วนของผู้มีแผนที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตมากกว่าร้อยละ 50 สะท้อนถึงความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนกรุงที่ยังคงมีอยู่มาก แม้จะมีสัดส่วนของผู้ที่ครอบครองสมาร์ทโฟนอยู่แล้วในระดับค่อนข้างสูง

สำหรับกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่มีแผนจะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตนั้น เมื่อสอบถามถึงเหตุผลที่คิดเช่นนั้น (เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) พบว่า เหตุผลหลักคือ สมรรถนะที่สูงของสมาร์ทโฟนคิดเป็นร้อยละ 41 ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเหตุผลต่างๆแบ่งตามช่วงอายุ ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 54 ปีลงมา ยังคงให้ความสำคัญกับสมรรถนะของสมาร์ทโฟนเป็นหลักเช่นกัน อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุมากกว่า 54 ปี ให้ความสำคัญกับราคาของสมาร์ทโฟนที่ไม่แตกต่างจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วไปมากกว่าสมรรถนะของสมาร์ทโฟน นอกเหนือจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุมากกว่า 54 ปี ก็ให้ความสำคัญกับขนาดจอที่โหญ่ของสมาร์ทโฟน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุอื่น

 ผลสำรวจพฤติกรรมภาพรวมในการครอบครองโทรศัพท์เคลื่อนที่

 คนส่วนใหญ่ต้องการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับการถ่ายรูป ใช้งานมัลติมีเดีย และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
จากกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปของพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งมีความต้องการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่าการเป็นแค่เครื่องมือพูดคุยสื่อสารอย่างเช่นในอดีต ทำให้ผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องมีการแข่งขันกันพัฒนาฟังก์ชันการทำงานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค จากผลสำรวจพฤติกรรมการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มักถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับการถ่ายรูป ใช้งานมัลติมีเดีย (ดูวีดีโอ ฟังเพลง และเล่นเกม) และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (EDGE/WIFI/) ในสัดส่วนที่สูงราวร้อยละ 58 ขึ้นไป

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกตามอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในทุกช่วงอายุก็ยังคงถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นทั้ง 3 ดังกล่าว ในสัดส่วนที่สูงกว่าฟังก์ชั่นอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลักษณะอุปกรณ์พกพาที่มีอรรถประโยชน์หลากหลายแทนที่อุปกรณ์พกพาดั้งเดิมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิตอลซึ่งผู้บริโภคมักจะพกพาเมื่อไปท่องเที่ยวหรือบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆที่มีการวางแผนไว้แล้ว หรือแม้แต่อุปกรณ์ฟังเพลงพกพา หรือเครื่องเล่นเกมอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ยังสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเป็นอุปกรณ์ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หรือบริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต และยังแสดงถึงความพร้อมของผู้บริโภคในด้านอุปกรณ์สื่อสารที่รองรับบริการ 3G ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554

นอกเหนือจากนี้ เมื่อพิจารณาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวมของกลุ่มผู้ใช้ในช่วงอายุต่างๆ อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ในช่วงอายุ 15 ถึง 29 ปี นิยมโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่สูงกว่าผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุอื่นๆ แม้ว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ จากผลสำรวจเห็นได้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ราวร้อยละ 37 ถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นครบทั้งหมด

สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 44 ปี ก็มีความนิยมในโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานสูงเช่นเดียวกับกลุ่มคนรุ่นใหม่แต่อยู่ในสัดส่วนที่รองลงมา นอกเหนือจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุดังกล่าวถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบจอสัมผัส ในสัดส่วนที่สูงกว่าคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ค่อนข้างมาก สะท้อนถึงความไม่ค่อยนิยมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อการแชท ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสัดส่วนการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นทั้ง 2 ไม่แตกต่างกันมากนัก

สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปี จะให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นที่ง่ายและไม่ซับซ้อน โดยจะสังเกตได้ว่า ผู้บริโภคกลุ่มนี้ถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบจอสัมผัส ในสัดส่วนที่มากกว่าฟังก์ชั่นการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความสามารถในการลงแอพพลิเคชั่น

ปัจจุบัน โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีศักยภาพสามารถตอบโจทย์ครอบคลุมความต้องการฟังก์ชั่นการทำงานของผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุมากที่สุด คือ สมาร์ทโฟน จากสมรรถนะที่สูง ใช้งานง่าย และสามารถใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ผ่านทางโมบายล์แอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟน ซึ่งมีส่วนผลักดันให้ตลาดสมาร์ทโฟน ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนการถือครองและความต้องการสมาร์ทโฟนจากผลสำรวจดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

 ผู้บริโภคราวร้อยละ 26 นิยมใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่องเป็นประจำ

ปัจจุบัน จำนวนคนไทยที่ถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่มีทั้งสิ้น 38.2 ล้านคน ในขณะที่จำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ถูกใช้งานในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 70.6 ล้านเลขหมาย อาจกล่าวได้ว่าคนไทยโดยเฉลี่ยถือครองเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ราว 1.8 เลขหมายต่อคน แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคบางส่วนถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่อง จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในเขตกรุงเทพฯมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นประจำเพียง 1 เครื่องอยู่ราวร้อยละ 74 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด มีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องอยู่เป็นประจำราวร้อยละ 24 และมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 เครื่องอยู่เป็นประจำราวร้อยละ 2 ทั้งนี้ ปัจจัยที่อาจมีส่วนผลักดันให้ผู้บริโภคมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่อง มีดังนี้

1. ความหลากหลายของโปรโมชั่นระหว่างผู้ให้บริการ จากความหลากหลายของโปรโมชั่นที่ผู้ให้บริการแต่ละค่ายพยายามพัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นโทรในช่วงกลางคืนไม่อั้นโดยจ่ายเพียงราคาเดียว สำหรับคนที่ชอบโทรคุยกับเพื่อนๆในช่วงกลางคืน หรือแม้แต่โปรโมชั่นเติมเงินเท่าไรก็อยู่ได้นาน 1 ปี สำหรับคนที่มักจะรับสายเพียงอย่างเดียว ประกอบกับช่วงออกโปรโมชั่นใหม่ ผู้ให้บริการแต่ละค่ายมักจะแจกซิมของโปรโมชั่นนั้นให้ผู้บริโภคฟรี หรือแม้แต่แถมเงินส่วนหนึ่งในซิมที่แจกฟรีนั้นด้วย ด้วยเหตุผลต่างๆดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มสมัครใช้บริการมากกว่า 1 ค่าย เพื่อสามารถได้รับโปรโมชั่นที่คุ้มค่ากับตนเองมากที่สุด

2. การแบ่งการใช้งานระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว โดยโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องหนึ่งไว้ใช้รับสายของที่ทำงาน หรือธุรกิจที่ตนประกอบอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ทางบริษัทหรือองค์กรมอบให้ และอีกเครื่องหนึ่งไว้รับสายของครอบครัวหรือเพื่อน ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสมระหว่างความเป็นส่วนตัว และเรื่องที่เกี่ยวกับงาน จากผลการสำรวจ พบว่า พนักงานบริษัทมีสัดส่วนการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นประจำมากกว่า 1 เครื่องมากที่สุด เมื่อเทียบกับผู้ตอบแบบสอบถามในอาชีพอื่น โดยมีสัดส่วนราวร้อยละ 29 ของผู้ตอบแบบสอบถามในอาชีพพนักงานบริษัท รองลงมาคือ ผู้ประกอบอาชีพค้าขายหรือกิจการส่วนตัวมีสัดส่วนร้อยละ 26

3. ความหลากหลายของโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากความพยายามของผู้พัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ต้องการสร้างความแตกต่างของสินค้า และตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่หลายเครื่อง เนื่องจากความชอบในสีสันและการออกแบบของตัวเครื่อง หรือการมีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นต่างจากเครื่องอื่น เช่น โทรศัพท์บางเครื่องมีคีย์บอร์ดซึ่งเหมาะสำหรับการแชท ในขณะที่โทรศัพท์บางเครื่องมีจุดแข็งในเรื่องของแอพพลิเคชั่นที่มีให้ใช้อย่างหลากหลาย เป็นต้น

ถึงแม้ว่า ผู้ผลิตบางรายได้มีการพัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สามารถใช้งานได้ 2 ซิมออกมา แต่ด้วยลักษณะการออกแบบและฟังก์ชั่นที่ไม่หลากหลาย เมื่อเทียบกับโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบซิมเดียวที่มีอยู่ในตลาด ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนยังคงนิยมใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่อง

นอกเหนือจากนี้ ในอดีตที่ผู้บริโภคไม่สามารถเปลี่ยนค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้หมายเลขเดิมได้ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายกว่า 1 เครื่อง อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันได้มีการเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมาย ซึ่งผู้บริโภคสามารถย้ายไปใช้บริการของค่ายอื่นได้โดยยังคงใช้เลขหมายเดิม แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดการใช้บริการบางอย่าง ซึ่งอาจจำกัดปริมาณการใช้บริการคงสิทธิเลขหมายของผู้บริโภคให้มีไม่มากนัก เช่น การให้บริการที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นต้น

บทสรุป
กระแสพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มีความต้องการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีอรรถประโยชน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ง่ายและใช้งานสะดวก หรือแม้แต่การรองรับการใช้งานมัลติมีเดีย เช่น ชมวีดีโอ ฟังเพลง เป็นต้น ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ๆที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน ซึ่งกำลังอยู่ในกระแสความนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน

จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ปัจจุบัน ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯมีการถือครองสมาร์ทโฟนในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50.4 โดยผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่งเริ่มทำงานในช่วงอายุ 20 ถึง 24 ปี มีสัดส่วนการใช้งานสมาร์ทโฟนมากที่สุดถึงร้อยละ 56 ถึงแม้ว่าสัดส่วนการถือครองสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ผู้ตอบแบบสอบถามในทุกช่วงอายุที่ยังคงไม่มีสมาร์ทโฟนในครอบครองก็มีแผนที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตมากกว่าร้อยละ 50 โดยผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มผู้เริ่มทำงาน และกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 30 ถึง 34 ปี มีสัดส่วนของผู้มีแผนจะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตสูงที่สุดคือร้อยละ 83 และทั้งสองกลุ่มให้ความสำคัญกับสมรรถนะของสมาร์ทโฟนเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องการใช้งานในอนาคต

จากผลสำรวจดังกล่าว นับได้ว่าความต้องการสมาร์ทโฟนในตลาดยังคงมีอยู่มาก และยังคงมีช่องว่างทางการตลาดให้เติบโตต่อไปได้อีก ทั้งจากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟน และกลุ่มผู้ที่ใช้งานอยู่แล้ว แต่ต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2554 ตลาดสมาร์ทโฟนจะขยายตัวร้อยละ 31.7 ถึง 38.8 โดยมีมูลค่าตลาดราว 32,789 ถึง 34,544 ล้านบาท

นอกเหนือจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มีการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับฟังก์ชั่นการถ่ายรูป ใช้งานมัลติมีเดีย และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (EDGE/WIFI/3G) ในสัดส่วนที่สูงราวร้อยละ 58 ขึ้นไป สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลักษณะอุปกรณ์พกพาสารพัดประโยชน์แทนที่อุปกรณ์พกพาที่มีฟังก์ชั่นเฉพาะอย่าง เช่น กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเกมพกพา เป็นต้น และยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้บริโภคในด้านอุปกรณ์สื่อสารที่รองรับการให้บริการ 3G ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554

——————————————
Disclaimer
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงข้อมูลได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

View :2077

โซนี่ อีริคสัน เปิดตัว Sony Ericsson txt pro ความบันเทิงใหม่ล่าสุดเพื่อขาแชทโดยเฉพาะ

August 1st, 2011 No comments

บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ความบันเทิงล่าสุดจากโซนี่อีริคสันที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อขาแชทโดยเฉพาะ ด้วยคีย์บอร์ดแบบสไลด์ที่รองรับการพิมพ์ภาษาไทย รวมถึงให้คุณมันส์ไปกับการแชทแบบไร้ขีดจำกัดด้วยระบบรวมโปรแกรมสนทนาที่เพิ่ม 5 คนสนิท อีกทั้งยังให้คุณสนุกไปกับความบันเทิงที่หลากหลายบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว รองรับเครื่องเล่น MP3 และ วิทยุ FM พร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล และการ์ดหน่วยความจำ 4 GB และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 16 GB คุณสามารถฟังเพลงโดยผ่านโปรแกรม Music Player และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับ Wifi และ Bluetooth รวมถึงให้คุณท่องโลก Social Network Facebook และ Twitter โดย วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 4,690 บาท ตัวเครื่องมีให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่ สีชมพู สีดำ และสีขาว โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันทั่วประเทศ ร้าน TG Phone และ ร้าน Jay Mart หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sethailand

View :2304

เครดิตบูโรและ AIS ร่วมสร้างมาตรฐานการตามหนี้ให้กับอุตสาหกรรมมือถือแจงค้างค่ามือถือไม่ติดแบล็คลิสต์ออนไลน์ตามที่ Outsource เอาไปขู่

August 1st, 2011 No comments

บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด () ร่วมกับ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) แถลงข่าว การสร้างมาตรฐานใหม่ในการติดตามทวงถามหนี้ค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีการค้างชำระว่าหากมีการดำเนินการที่มีลักษณะข่มขู่ สร้างความหวาดกลัวหรือใช้เครดิตบูโรเป็นเครื่องมือในการติดตามหนี้สินอย่างผิดๆ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ กล่าวคือทั้งสองกิจการจะเป็นพันธมิตรในการสอดส่องดูแลว่า มีพนักงานหรือผู้ประกอบธุรกิจติดตามหนี้สินที่รับจ้าง เอไอเอส ในการตามหนี้นั้น ได้ใช้ข้อความไปข่มขู่ลูกหนี้ที่ค้างค่าโทรศัพท์ ดังนี้ ข้อความบริเวณหน้าซองจดหมาย มีการระบุ “ก่อนรายชื่อเข้าแบล็คลิสต์ออนไลน์” และ “บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ () เปิดเผยว่า เครดิตบูโรอยู่ระหว่างการระดมความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ซึ่งจะเพิ่มเติมให้จัดเก็บประวัติการชำระค่าระบบสาธาณูปโภค เช่นค่าน้ำ ค่าไฟฟ้ และค่าโทรศัพท์ ก่อนรายชื่อเข้าแบล็คลิสต์ออนไลน์ เพื่อระงับสินเชื่อของภาครัฐและเอกชน” และข้อความบนเอกสารภายใต้หัวข้อ “ผลเสียของการถูกดำเนินคดีที่ท่านควรทราบ” คือ รายชื่อและนามสกุลของท่านติดแบล็คลิสในการทำธุรกรรม

ซึ่งทางเครดิตบูโร ได้รับการร้องเรียนและส่งเอกสารการตามหนี้มาจากผู้บริโภคที่ได้รับเอกสาร เมื่อเครดิตบูโรได้รับทราบแล้วจึงประสานงานกับเอไอเอส เพื่อสอบสวนการกระทำดังกล่าวและพบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง จึงมีข้อสรุปที่จะดำเนินการดังนี้

· ยกเลิกการว่าจ้างกับ บริษัทภายนอก (Outsource) ที่รับจ้างดำเนินการติดตามหนี้ผู้ใช้บริการที่ค้างชำระที่กระทำผิดและจะไม่ทำธุรกิจกับผู้รับจ้างรายดังกล่าวทั้งที่เป็นตัวบุคคล / บริษัทอีกในอนาคตไม่ว่าจะเป็นงานอื่นใด

· พิจารณาดำเนินคดีทางกฎหมาย

· ร่วมกันกับเครดิตบูโรแจ้งแก่ประชาชนให้ได้รับทราบในสิ่งที่ถูกต้องว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด

· เครดิตบูโรจะส่งเรื่องให้สภาทนายความพิจารณา หากผู้ดำเนินการนั้นเป็นสมาชิกสภาทนายความ

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ในฐานะโฆษกประจำบริษัทฯ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีการว่าจ้างให้บริษัทภายนอก (Outsource) ดำเนินการติดตามหนี้ผู้ใช้บริการที่ค้างชำระให้แก่บริษัทฯ โดยที่ผ่านมาได้มีบางบริษัทที่ใช้ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวอ้างถึงบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ผู้ถูกติดตามทวงถามหนี้เข้าใจผิดได้ว่า การค้างชำระค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นจะถูกเป็นแบล็คลิสต์ในเครดิตบูโรด้ว ทางบริษัทฯจึงได้มีความเห็นเช่นเดียวกันกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ว่าเป็นสิ่งที่ต้องแจ้งแก่ประชาชนให้ได้รับทราบในสิ่งที่ถูกต้องว่า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง

“อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้ดำเนินการยกเลิกการว่าจ้างบริษัท Outsource ดังกล่าวแล้ว และได้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป นอกจากนี้บริษัทฯได้ออกจดหมายแจ้งเตือนไปยังบริษัท Outsource อื่นๆ ขอให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกระทำอันใดก็ตามที่อาจทำให้ผู้ถูกทวงถามหนี้เข้าใจผิดในลักษณะดังกล่าวได้ ซึ่งหากบริษัท Outsource ใดไม่ปฏิบัติตาม ก็จะถูกดำเนินการยกเลิกการว่าจ้างและพิจารณาดำเนินคดีทางกฎหมายเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ออกจดหมายถึงผู้ใช้บริการที่ค้างชำระและถูกทวงถามหนี้จากบริษัท Outsource ดังกล่าวนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน” นางวิไล เคียงประดู่ กล่าว

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งเครดิตบูโรและเอไอเอสต่างก็เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประชาชน การรักษามาตรฐานการเป็นกิจการที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่น เราจะไม่ต่อรองกับการกระทำแบบนี้ และครั้งนี้จะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนกับอุตสาหกรรมว่า ผู้นำในอุตสาหกรรมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ยกระดับมาตรฐานการดำเนินการที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับบริษัท Outsource ที่ดำเนินการอย่างขาดความรับผิดชอบ ในฐานะเครดิตบูโร ผมต้องขอขอบคุณเอไอเอสและท่านผู้บริหารทุกระดับ ที่ลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

View :1584

เปิดเทคโนโลยี Near Field Communications

July 29th, 2011 No comments

โดย เจเรมี่ เบโลสต็อก หัวหน้าฝ่าย โนเกีย

Near Field Communications () เป็นเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ทำให้อุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ใกล้กันสามารถเชื่อมต่อกันได้ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Open (แบบเปิด) และ Secure (แบบรักษาความปลอดภัย) Open หมายถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารที่มีเทคโนโลยี เข้าด้วยกัน หรือการใช้อุปกรณ์สื่อสาร เพื่ออ่าน tag (ชิพที่ฝังในโปสเตอร์ การ์ด หรือสิ่งพิมพ์) เพื่อรับข้อมูลหรือทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วน Secure คือ การใช้อุปกรณ์สื่อสารเสมือนกระเป๋าสตางค์ หรือเครดิตการ์ด เพื่อจ่ายค่าสินค้าหรือบริการ เพียงแค่วางลงบนเครื่องอ่าน

NFC เป็นเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นที่สุดอย่างหนึ่งในปัจจุบันของอุตสาหกรรมการสื่อสารเคลื่อนที่ในแง่ของการสร้างรายได้ โดยคาดการณ์ว่า โทรศัพท์มือถือที่มีเทคโนโลยี NFC จะขายได้ถึง 700 ล้านเครื่อง ภายในปี 2013 ในฐานะ
หนึ่งในผู้บุกเบิกเทคโนโลยี NFC และผู้ก่อตั้ง NFC Forum โนเกียเชื่อว่า Open NFC จะมีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและระบบนิเวศน์ NFC ได้มากกว่า Secure NFC เพราะ Open NFC มีศักยภาพในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับนักธุรกิจ ผู้ค้าปลีก ผู้โฆษณา ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ ได้มากกว่า

ข้อเด่น
ด้วย Open NFC คุณเพียงแค่แตะอุปกรณ์สื่อสารที่มีเทคโนโลยี NFC บน NFC tag เพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การเช็คอิน ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง การเก็บแต้มสะสมของร้านค้า หรือการเข้าเว็บไซต์โดยไม่ต้องพิมพ์ URL นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ NFC tag เพื่อโปรโมตแอพพลิเคชั่นบนร้านค้าออนไลน์ได้อีกด้วย อาทิ แทนที่จะเข้าไปยังร้านค้าออนไลน์เพื่อหาแอพพลิเคชั่น คุณเพียงแค่แตะบน tag ก็สามารถดาวน์โหลดแอพได้ทันที

NFC tag ซึ่งมีราคาไม่กี่บาท จะมอบศักยภาพมหาศาลให้กับผู้โฆษณา ผู้ค้าปลีก และอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึง มอบสิทธิประโยชน์ และติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เราสามารถติดตั้ง NFC tag ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายโทรศัพท์ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านกาแฟ ซึ่งสามารถวัดผลลัพธ์ได้และเห็นผลทันที การเปิดศักยภาพ NFC tag ไม่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานอะไรมากมาย เพียงแค่มีการวางตลาดอย่างแพร่หลายของอุปกรณ์สื่อสารที่มีเทคโนโลยี NFC และการตระหนักถึงคุณประโยชน์ของ NFC tag ในกลุ่มผู้โฆษณาเท่านั้น

นอกจากการอ่าน tag แล้ว Open NFC ยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ NFC 2 เครื่องได้ง่ายๆ เพียงแค่นำเครื่องทั้งสองแตะกัน คุณก็สามารถแบ่งปันเนื้อหา เช่น รูปถ่าย หรือการเล่นเกมส์คู่ โดยไม่เสียเวลาเชื่อมต่ออย่างบลูทูธ ล่าสุดเกมส์สุดฮิตอย่าง Angry Birds ได้ออก Angry Birds Free With Magic เกมส์เวอร์ชั่นพิเศษสำหรับอุปกรณ์สื่อสารที่มีเทคโนโลยี NFC อย่าง C7 ซึ่งได้ซ่อนขั้นพิเศษของเกมส์เอาไว้ ซึ่งจะเข้าไปเล่นได้ต่อเมื่อนำโทรศัพท์ NFC ของคุณแตะกับ C7 หรืออ่าน NFC tag ที่จะนำคุณสู่ร้านค้าออนไลน์ของโนเกียเพื่อดาวน์โหลดขั้นพิเศษของเกมส์

Open NFC ยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือของคุณไปยังลำโพงไร้สาย หรือหูฟังที่มีเทคโนโลยี NFC ได้อย่างง่ายดาย ถ้าคุณกลับถึงบ้านขณะฟังเพลงจากโทรศัพท์ด้วยหูฟังค้างอยู่ เพียงแค่แตะโทรศัพท์มือถือกับลำโพง NFC ที่บ้าน คุณก็เปลี่ยนไปฟังเพลงจากลำโพงได้อย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านี้ก็ทำให้จินตนาการถึงอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้อีกมากมาย

เปิดสู่อนาคต

โนเกียในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารที่มีประสบการณ์สูงในเทคโนโลยี NFC ได้เปิดตัวอุปกรณ์สื่อสาร NFC แล้ว 5 รุ่น อย่างไรก็ดี พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ หน่วยงานด้านการชำระเงิน ธนาคาร ผู้ให้บริการเครือข่าย ผู้จัดการระบบ นักพัฒนา และอื่นๆ จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยี NFC ให้ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์

ขณะเดียวกัน Open NFC จะให้ประโยชน์กับผู้บริโภคได้มากขึ้น และให้ผู้คนได้คุ้นเคยกับการใช้อุปกรณ์สื่อสาร NFC ก่อนที่ Secure NFC จะเริ่มได้รับความนิยม เมื่อโทรศัพท์มือถือ NFC เข้ามาในตลาดในปี 2554-2555 Open NFC จะเปลี่ยนรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ของผู้บริโภค และเปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั้งใหญ่และเล็ก เราเชื่อว่า นักพัฒนาจะใช้โอกาสที่ได้รับจาก Open NFC ในการสร้างแอพสำหรับการ แบ่งปันข้อมูล การอ่าน tag การร่วมสังคมออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย และโอกาสของ Open NFC จะมาถึงก่อนที่ Secure NFC จะเริ่มต้นขึ้น

—–
เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือของคุณเป็นสมาร์ทการ์ดเอนกประสงค์ด้วยเทคโนโลยี NFC

รู้จัก NFC
• เป็นวิธีการที่สะดวกในการโอนย้ายข้อมูลระหว่างโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่นๆ โดยการนำอุปกรณ์ทั้งสองมาสัมผัสกัน
• เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือให้เป็นสมาร์ทการ์ด
• ซื้อสินค้าและบริการโดยการแตะโทรศัพท์กับเครื่องอ่าน NFC
• ให้โทรศัพท์ของคุณเป็นบัตรโดยสาร ณ ประตูทางเข้าที่มี NFC
• NFC ทำงานในระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตร
• ใช้ชิพสำหรับเก็บรายละเอียดวงเงินและการเดินทางอย่างปลอดภัย

NFC คืออะไร
NFC เป็นวิธีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโทรศัพท์มือถือกับอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ เครื่องอ่านเครดิต NFC ที่ประตูทางเข้าที่มี NFC หรือ RFID tag โดยการแตะอุปกรณ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน คุณสามารถใช้โทรศัพท์มือถือที่มีเทคโนโลยี NFC เพื่อซื้อสินค้าและบริการได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นหรือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทาง คุณยังสามารถรับข้อมูลข่าวสาร เช่น ข่าวประจำวัน หรือข้อมูลการเดินทางล่าสุดได้โดยแตะโทรศัพท์ของคุณกับ RFID tag ที่ฝังอยู่บนโปสเตอร์ หรือแลกเปลี่ยนนามบัตรได้ง่ายๆ เพียงแค่แตะโทรศัพท์เข้าด้วยกัน โทรศัพท์ NFC จะติดตั้งชิพที่เก็บข้อมูลลับ เช่น ข้อมูลวงเงิน หรือข้อมูลการเดินทาง ไว้อย่างปลอดภัย คุณสามารถใช้โทรศัพท์ NFC กับ RFID tag เพื่อรับข้อมูลและบริการต่างๆ เพียงแค่แตะเบาๆ ลงบน tag

โทรศัพท์รุ่นไหนมี NFC
พร้อมใช้งานใน Nokia C7 และอีกหลายรุ่นในอนาคตอันใกล้ ตรวจสอบเพิ่มเติมที่ www.nokia.co.th หรือโนเกีย แคร์ไลน์ 02-255-2111

ทำไมต้องใช้ NFC
NFC ทำให้เราชำระค่าสินค้าและบริการได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลจาก smart poster, RFID tag และบุคคลอื่นๆ ได้ง่ายๆ เพียงแค่แตะโทรศัพท์ของคุณกับอุปกรณ์ NFC อื่นๆ

ด้วยโทรศัพท์ NFC คุณจะสามารถ
• ซื้อหนังสือพิมพ์ได้ในเวลาไม่กี่วินาที โดยเฉพาะในช่วงเร่งรีบยามเช้า
• รับตารางเวลาต่างๆ เพียงแค่แตะโทรศัพท์มือถือกับ smart poster
• โดยสารรถประจำทาง รถไฟ หรือรถไฟฟ้า เพียงโหลดข้อมูลบัตรโดยสารเข้าไปในโทรศัพท์ และแตะโทรศัพท์ของคุณกับประตูทางเข้า NFC
• แลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อ และข้อมูลอื่นๆ กับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานโดยเพียงแค่นำโทรศัพท์มาแตะกัน
• ทำ RFID tag ของคุณเอง โดยใส่ข้อมูลการติดต่อ และเชื่อมต่อไปยังบริการมือถือ เช่น ข่าว พยากรณ์อากาศ ราคาหุ้น

ในอนาคตโทรศัพท์ NFC สามารถนำไปใช้เป็น
• อุปกรณ์ยืนยันสถานะบุคคล
• บัตรโดยสารเครื่องบิน
• กุญแจอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ โรงแรม หรือสำนักงาน

View :2443

ทรูมูฟแบบรายเดือน ชวนเพื่อนมอบสิ่งดีๆ ให้แก่กัน กับแคมเปญ Member Get Member รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% เพียงชวนเพื่อนมาสมัครทรูมูฟ

July 28th, 2011 No comments

ผู้ให้บริการที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด (Best Value, Best Buy) ออกแคมเปญใหม่ “Member Get Member” ให้ลูกค้าทรูมูฟบอกต่อสิ่งดีๆ และความคุ้มค่าสุดพิเศษ เพียงชวนเพื่อนๆ เปิดบริการทรูมูฟแบบรายเดือน รับไปเลยส่วนลดค่าบริการรายเดือนสูงสุด 50% ทั้งลูกค้าทรูมูฟและลูกค้าใหม่ ยิ่งชวนมาก ยิ่งได้ส่วนลดมาก… ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษง่ายๆ โทร *9399 กด 6 กด 1 สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม2554


ทั้งนี้ ลูกค้าทรูมูฟและลูกค้าใหม่จะได้รับส่วนลดค่าบริการรายท่านละ 10% นาน 3 เดือน เพียงลูกค้าใหม่ชำระค่าบริการตรงตามกำหนดชำระ นอกจากนี้ลูกค้าทรูมูฟสามารถชวนเพื่อนๆ มาสมัครและรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ Member Get Member ได้ถึง 5 เลขหมาย พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 50%

วิธีการสมัครแคมเปญ Member Get Member

1. ลูกค้าทรูมูฟปัจจุบัน แนะนำเพื่อนๆ เปิดซิมใหม่ทรูมูฟแบบรายเดือนที่ ทรู ช้อป ทุกสาขา แพ็กเกจใดก็ได้ จำกัดจำนวนสมาชิกสูงสุด 5 เลขหมาย ต่อ 1 ท่าน

2. ลูกค้าทรูมูฟใหม่ โทร *9399 กด 6 กด 1 เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์เข้าร่วม แคมเปญ Member Get Member ได้ภายใน 15 วันนับจากวันที่เปิดใช้บริการทรูมูฟ

3. หลังจากลูกค้าใหม่โทรลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าปัจจุบันผู้แนะนำจะได้ข้อความยืนยัน จากนั้นต้องทำการยืนยันการเข้าร่วมแคมเปญ โดยโทรกด *9399 กด 6 กด 1 ภายใน 5 วัน มิฉะนั้น ทั้งผู้แนะนำและลูกค้าใหม่จะไม่สามารถรับสิทธิพิเศษนี้ได้ ทั้งลูกค้าผู้แนะนำและลูกค้าใหม่ จะได้รับส่วนลด 10% (สูงสุด 50% ตามเงื่อนไขแคมเปญ) ในรอบบิลถัดไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ร้านทรูช้อป หรือ ทรูมูฟ แคร์ โทร.1331, www.truemove.com

View :1847

เอไอเอสผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ หนุนพลัง Ecosystem ไปอีกขั้น กับ E3- Enhanced Ecosystem Experience

July 28th, 2011 No comments

เอไอเอสผนึกพลังพาร์ทเนอร์ ผ่าน แนวคิด Ecosystem เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การใช้บริการ โดยเปิดเครือข่าย ในกรุงเทพฯ และอีก 7 จังหวัด เสริมศักยภาพการบริการไร้รอยต่อผ่าน 3 เครือข่าย (, Wifi, EDGE+) พร้อมให้บริการ 3 Applications ใหม่ล่าสุด ( Music Store, Book Store, App Store) และประกาศเปิดตัว 3 Device ใหม่ล่าสุด (Samsung Galaxy Tab 10.1, N9, HTC EVO 3D) ที่ exclusive เฉพาะกับ เอไอเอส

นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “ครึ่งปีแรกภาพรวมของอุตสาหกรรมยังคงเติบโต โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเอไอเอสครองส่วนแบ่งรายได้อยู่ที่ 54.5% ทั้งนี้หากมองไปที่รายละเอียดสำคัญๆจะพบว่า ปริมาณลูกค้าที่ใช้โมบาย อินเตอร์เน็ต มีสูงถึง 7.5 ล้านคน , ความนิยมดาวน์โหลดคอนเท็นต์มากกว่า 48 ล้านครั้งต่อปี เช่นเดียวกับการส่งมอบสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์มากกว่า 5 ล้านครั้งในแต่ละปีให้แก่ลูกค้า เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งยืนยันแนวความคิด Ecosystem ที่เราได้มุ่งมั่นมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา”

“สิ่งที่ผู้ประกอบการมุ่งหวังคือ โอกาสทางการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานหลัก (Infrastructure) ที่เป็นรากฐานมีผลต่อการเติบโตของภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งหากภาครัฐมีการบริหารจัดการด้านกฏเกณฑ์อย่างชัดเจน ปี 2013 จะได้เห็นมูลค่าการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ถึงกว่า 240,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามระหว่างที่รอความชัดเจนของการเปิดประมูล 3จี ของภาครัฐ เราจึงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งาน Data บนเครือข่าย Hi Speed คือ 3G, Wifi, EDGE+ ที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่โลก online ได้อย่างต่อเนื่อง สะดวกสบาย ทุกที่ ทุกเวลา กับเครือข่ายดาต้าไร้สายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อันประกอบด้วย 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ที่ขยายเพิ่มเติมในพื้นที่กรุงเทพและอีก 7 จังหวัด (จะเป็น 9 จังหวัดในสิ้นปี ’54) ประกอบด้วย กรุงเทพ, เชียงใหม่ ,ชลบุรี, หาดใหญ่-สงขลา, ภูเก็ต, ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี และนครราชสีมา รองรับมาตรฐานความเร็วสูงสุดถึง 21.6 Mbps , Wifi มากกว่า 30,000 จุด (จะเป็น 50,000 จุดภายในสิ้นปี’54) และ EDGE+ ครอบคลุมทั่วไทย ให้คุณอัพโหลดข้อมูลสูงสุดถึง 236 Mbps. (เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ) และดาวน์โหลดข้อมูลสูงสุดถึง 296 Mbps. (เพิ่มขึ้นเป็น 25% ) พร้อมโทรออก-รับสายได้แม้ขณะท่องโลกออนไลน์ จึงไม่พลาดทุกการติดต่อ

นายมาร์ค ชอง ชิน ก๊อก หัวหน้าผู้บริหาร ด้านปฏิบัติการ เอไอเอส เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “มุมมองของเอไอเอสในการพัฒนาเครือข่าย คือ เดินหน้านำทุกเทคโนโลยีมามอบให้ลูกค้าได้ใช้งานอย่างตอบโจทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความต้องการใช้งาน Hi speed Data เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ดังเช่นเทคโนโลยี 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2551 และขยายพื้นที่ครอบคลุมต่อเนื่อง จนปัจจุบันได้พร้อมให้บริการแล้วในกรุงเทพและ 7 จังหวัดดังกล่าว ด้วยแนวคิดที่จะให้ลูกค้าใช้งาน Data ได้ต่อเนื่องทุกที่ ทุกเวลา โดยลูกค้าที่มีโทรศัพท์รองรับ 3G 900จะได้รับการ upgrade ความเร็วสูงสุดพื้นฐานไปถึง 384 Kpbs. และสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเร็ว 3G อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตตามเวลาไปจนถึงการใช้งานที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาอย่างสมาร์ทโฟน ก็สามารถสมัครแพ็กเกจ 3G – Wifi – EDGE+ ที่หลากหลาย เริ่มต้นเดือนละ 150 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ iPhone , 300 บาท และ 799 บาท รวมถึงลูกค้าที่อยู่ในแพ็กเกจการใช้งาน unlimited 799 บาท จะได้รับการ upgrade ใช้ 3G อัตโนมัติ ภายในรอบบิลถัดไป โดยไม่ต้องสมัคร”

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เอไอเอสให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ Quality DNAs ที่ต้องส่งมอบไปพร้อมๆกัน ดังนั้นย่อมไม่ได้หมายความเพียง เครือข่าย หากแต่ต้องมี สุดยอด Applications ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อลูกค้าเอไอเอส ซึ่งในครั้งนี้ได้เปิดตัว 3 Application ล่าสุด คือ

1. AIS Bookstore ครั้งแรกของการเปิด E-Book Store เคาน์เตอร์จำหน่ายหนังสือบนโลก online ที่ใหญ่ที่สุด โดยร่วมมือกับสำนักพิมพ์ชั้นนำในประเทศเปิดให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดนิตยสารและพ็อคเก็ตบุ๊คชั้นนำกว่า 200 หัว จากกว่า 40 สำนักพิมพ์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้งบน iOS และ Android

2. AIS Music Store ครั้งแรกในการร่วมกับทุกค่ายเพลงในเมืองไทยให้ลูกค้าดาวน์โหลด ฟัง และแชร์ได้เพียงปลายนิ้ว ไม่อั้นกว่า 60,000 เพลงในราคาสุดคุ้มแบบเหมาจ่าย ที่รวมค่าบริการ Data ไว้ด้วย

3. AIS App Store ประตูสู่โลก Application ที่ดีที่สุดทั้งไทย และต่างประเทศที่รองรับทุกระบบปฏิบัติการ อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึง application ง่ายขึ้น

พร้อมประกาศ 3 Smart Devices ที่ exclusive เฉพาะลูกค้าเอไอเอส ประกอบด้วย

1. Samsung Galaxy Tab 10.1 ที่มาพร้อมแพ็กเกจสุดคุ้มที่รวม E-Magazine จาก AIS Book Store 10 เล่มต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน

2. Nokia N9 มือถือ Smart Phone ที่ดีที่สุดของ โนเกีย และ

3. HTC Evo ED มือถือที่สามารถถ่ายภาพ 3 มิติเครื่องแรก

ทั้ง 2 รุ่นจะวางตลาด เร็วๆ นี้

อีกด้านที่ เอไอเอสพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งคือ ช่องทางการส่งมอบบริการ ที่พัฒนาอย่างสอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่ม Trend ข้างต้น พร้อมทีมพนักงาน Smart Expert กว่า 300 คนทั่วประเทศ ที่พร้อมให้คำแนะนำและอยู่เคียงข้างเสมอ”

“ทั้งหมดนี้คือ คุณภาพในทุกด้าน ที่ทีมงานเอไอเอสทั้งหมดขออาสาเป็นตัวกลางที่จะทำงานร่วมกับทุกส่วนใน Ecosystem ในการสร้างพลังให้แก่ E3 – Enhanced Ecosystem Experience

ทั้งนี้นายวิเชียร กล่าวย้ำตอนท้ายว่า “ขณะนี้ลูกค้ามีความต้องการใช้งาน Hi speed Data เป็นอย่างมาก 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz จึงเป็นเพียงเทคโนโลยีเท่าเทียมกันในปัจจุบันที่เอไอเอสสามารถนำมาให้บริการได้ แต่ก็จะตอบสนองความต้องการได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เอไอเอสจึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐมองเห็นความสำคัญของการวางแผนนโยบายบรอดแบนด์ แห่งชาติ เริ่มจากการกำหนดช่วงเวลาเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ส่งมอบบริการ 3จี ที่แท้จริง บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพบริการ Data บนเครือข่าย High Speed ที่สมบูรณ์แบบ และการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆต่อไป”

เกี่ยวกับการพัฒนาบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ของเอไอเอส

ปี 2551 พบว่าความต้องการใช้งาน Data ของลูกค้าเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เอไอเอสจึงเดินหน้าสรรหาเทคโนโลยีที่จะมาตอบสนองความต้องการดังกล่าวเบื้องต้น ในระหว่างรอความชัดเจนจากภาครัฐเกี่ยวกับแนวทางให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิ๊กกะเฮิร์ตซ์ เอไอเอสจึงนำเทคโนโลยี HSPA (High Speed Packet Access)บนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ ปัจจุบันมาให้บริการ โดยถือเป็นการทำงานบนสัญญาที่รับสิทธิอยู่ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง TOT และ เอไอเอส ที่ได้ทำ MOU ร่วมกันในการพัฒนากิจการโทรคมนาคมไทย ซึ่ง เอไอเอสได้รับสิทธิจาก TOT ในการปรับปรุงโครงข่ายจากที่ให้บริการอยู่ปัจจุบัน เพื่อที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่บนความถี่เดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ TOT เองก็ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ในเวลาดังกล่าว) ให้ทำการปรับปรุงโครงข่ายโดยใช้เทคโนโลยี HSPA บนคลื่นความถี่ 900 เม็กกะเฮิร์ตซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

3 แอพพลิเคชั่นเพื่อลูกค้าเอไอเอส

บริการ AIS Music Store

คลังเพลงล่าสุดบนเอไอเอส ที่ให้คุณโหลดเพลงได้ไม่จำกัดกว่า 50,000 เพลง จากทุกค่ายเพลงชั้นนำของเมืองไทย ทั้ง GMM Grammy, RS, Sony Music, Small Room, Spicy Disc, Universal, Warner, KPN ฯ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Unlimited Load, Play, Share” ที่โหลดเพลงได้ไม่อั้น ทั้งเต็มเพลง และมิวสิควิดีโอ ผ่านทางแอพพลิเคชั่น AIS Music Store และเล่นเพลงได้ทั้งแบบ on line และ off line ที่ไหน เมื่อไรก็ได้ หรือจะแชร์เพลงโปรดให้เพื่อนผ่านทาง Facebook หรือ Twitter ก็ได้ง่ายๆ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่า 3G/EDGE Plus/GPRS อีกต่อไป

ลูกค้าเอไอเอสเพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AIS Music Store มาเก็บไว้ที่เครื่องฟรี จากนั้นก็สมัครใช้บริการแบบรายเดือน เพียงโทร *272# เพื่อดาวน์โหลดเพลงมาฟังได้แบบไม่อั้น ในอัตราสุดคุ้ม เพียง 99 บาท/เดือน โดยค่าบริการนี้เป็นราคาเหมาจ่าย ที่รวมทั้งค่าคอนเทนต์และค่าเชื่อมต่อ 3G/EDGE Plus/GPRS ไว้แล้ว เมื่อใช้บริการ ไม่ว่าจะโหลด เล่น แชร์เพลง ลูกค้าไม่ต้องเสียค่าเชื่อมต่อ 3G/ EDGE Plus /GPRS เพิ่มแต่อย่างใด ซึ่งรองรับบนเอไอเอส iPhone, Android และ BlackBerry

บริการ AIS Bookstore

ร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งเอไอเอสได้รวบรวมนิตยสารชั้นนำในเมืองไทย และพ็อกเก็ตบุ๊ค กว่า 200 เล่มมาให้ดาวน์โหลดไปอ่านบน iPad, iPhone, Android และ Tablet โดยหนังสือที่ขายอยู่บน AIS Bookstore จะวางจำหน่ายพร้อมกับแผงหนังสือทั่วไป

ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AIS Bookstore ได้ฟรี ส่วนราคาหนังสือแต่ละเล่ม ขึ้นอยู่กับสำนักพิมพ์ มีทั้งแบบโหลดฟรี และคิดค่าบริการ โดยสามารถซื้อได้ทั้งแบบเล่มเดี่ยว และแบบสมัครสมาชิก พร้อมกันนี้ เอไอเอสยังได้จัดแพ็คเกจพิเศษ สำหรับผู้ที่สมัครใช้แพ็ค Unlimited 3G / WiFi / EDGE Plus 899 บาท จะได้รับฟรี e-magazine จาก AIS Bookstore เดือนละ 10 เล่มเป็นระยะเวลา 3 เดือน ได้แก่ Image, ดิฉัน, Men’s Health, Seventeen, Mother&Baby, GM, GM Car, Hello, T3 และ Maxim

บริการ AIS APP Store

แหล่งรวมแอพลิเคชั่นเพียงแห่งเดียว ที่รวมทั้งแอพจากไทยและทั่วโลก สามารถรองรับ มือถือได้ทุกรุ่น เพียงโทร *900 ภายใต้คอนเซ็ปท์ Life Work Play จัดเต็มทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทั้งขาช้อป คอหุ้น ดูหนังฟังเพลง อัพเดทข่าวสาร ท่องเที่ยว รวมทั้งแอพฯ ที่ช่วยบริหารจัดการการใช้งานมือถือของคุณได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้การใช้งานสมาร์ทโฟนจากเอไอเอสเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ อาทิ AIS Music store, AIS Bookstore, AIS eService, AIS SoccerLive, Serenade Mag, Layar, mPAY, SE-ED, ASTVManager, Nation Super News, Major, Blue, Central, Shoppening และยังมีแอพและเกมจากทั่วโลกอีกเพียบ

พื้นที่ให้บริการ _กรุงเทพ

พื้นที่ให้บริการ AIS 3G_ชลบุรี

พื้นที่ให้บริการ AIS 3G_ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี และภูเก็ต

พื้นที่ให้บริการ AIS 3G_เชียงใหม่

พื้นที่ให้บริการ AIS 3G_นครราชสีมา

พื้นที่ให้บริการ AIS 3G_สงขลา

View :2400

dtac online store จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับขาช้อปออนไลน์ ฟรีลำโพง X Mini II Capsule เมื่อซื้อ BlackBerry

July 26th, 2011 No comments

ดีแทคจัดโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าขาช้อปออนไลน์ รับฟรี X Mini II Capsule มูลค่า 990 บาท เมื่อซื้อ Curve 8520, Bold 9300, Curve3G 9780 และ Torch 9800 ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 54 เท่านั้น

ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทาง online store สามารถเลือกวิธีการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นซื้อผ่านบัตรเครดิต เคาน์เตอร์เซอร์วิสและช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย รวมทั้งยังสามารถเลือกผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการได้อีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิก tarad.com ที่ซื้อสินค้าของดีแทคยังได้รับคะแนนสะสมและส่วนลดตามเงื่อนไข เข้าชมสินค้าและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.dtac.co.th/onlinestore/ หรือ www.dtac.co.th แล้วเลือก dtac online store.

View :1865

โนเกียเปิดกลยุทธ์รักษาตำแหน่งผู้นำในประเทศไทย ครองทุกตลาดด้วย 3 แพลทฟอร์ม

July 26th, 2011 No comments

โนเกียเผยกลยุทธ์ครองตำแหน่งผู้นำตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยด้วย mobile solution สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม สร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายที่สมบูรณ์เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค นักพัฒนา ผู้ให้บริการเครือข่าย และพันธมิตรธุรกิจ ภายใต้การนำของผู้บริหารคนใหม่

มร. แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทีมงานโนเกียในประเทศไทย ทำงานในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และโนเกียเป็นผู้นำตลาดในทุกเซ็กเม้นท์ สำหรับการเดินหน้าต่อไป เราจะมอบประสบการณ์การสื่อสารไร้สายที่ดีเยี่ยมให้กับผู้บริโภคชาวไทย ทั้งผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟนอย่างต่อเนื่อง”

ครองตลาดสมาร์ทโฟน

โนเกียเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟน Symbian อีก 10 รุ่นออกสู่ตลาดภายใน 12 เดือนข้างหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนของโนเกีย ตลอดจนดึงดูดผู้ใช้งานรายใหม่

“จากความสำเร็จของ Symbian Anna ที่ออกสู่ตลาดพร้อมกับ X7 และ E6 เมื่อเร็วๆ นี้ โนเกียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบน Symbian platform ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการประมวลผลที่รวดเร็วขึ้น ไอคอนรูปโฉมใหม่ และ User Interface ที่ง่ายขึ้น” มร.แมคบีธ กล่าวเสริม

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการสร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายภายในประเทศที่สมบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภค นักพัฒนาและพันธมิตรธุรกิจ โนเกียพร้อมให้การสนับสนุนนักพัฒนาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ การดำเนินโครงการ Tap That App ที่เน้นเพิ่มศักยภาพของนักพัฒนารุ่นใหม่ นอกจากนี้ โนเกียจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการเครือข่ายนำเสนอดาต้าแพคเกจ ระบบการเรียบเก็บเงินผ่านโอเปอเรเตอร์ ตลอดจนกิจกรรมการตลาดและบริการต่างๆ
เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย และเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายของไทย

“เราจะยกระดับประสบการณ์การซื้อของผู้บริโภคด้วยการขยาย Nokia Shop ซึ่งให้บริการระดับพรีเมี่ยม เน้นการขายโซลูชั่น
พร้อมกับปรับปรุงประสบการณ์การซื้อในร้านค้าปลีกอื่นๆ” มร.แมคบีธ กล่าวเสริม

เชื่อมต่อผู้คนอีกพันล้านคนสู่อินเตอร์เน็ต

โนเกียวางแผนเปิดตัวโทรศัพท์ Series 40 รุ่นใหม่ที่มีนวัตกรรมเพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ อาทิ โทรศัพท์มือถือ 2 ซิมดีไซน์สวย ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น ‘สลับง่ายหลายซิม’ ซึ่งได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ว และจะมีอีกหลายรุ่นตามมาในไม่ช้า อาทิ Nokia C2-02, Nokia C2-03, Nokia C2-06 ซึ่งมาพร้อมเว็บเบราซ์ซิ่ง
และแผนที่ใหม่ที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น มีหลากหลายรูปทรงให้เลือกไม่ว่าจะเป็นหน้าจอระบบสัมผัส หรือแป้นกด

นอกจากนี้ โนเกียยังเตรียมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มประสิทธิภาพของร้านขายปลีกในต่างจังหวัด เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้งานในต่างจังหวัดได้มากขึ้น

นวัตกรรมแห่งอนาคต

Nokia N9 อุปกรณ์สื่อสาร Meego ที่นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ จะเปิดตัวในประเทศไทยในเร็วๆ นี้ โนเกียมุ่งสร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายรูปแบบใหม่ และโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพันธมิตร นำเสนอแอพพลิเคชั่นและคอนเท้นท์ชั้นนำระดับโลก ควบคู่ไปกับคอนเท้นท์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ อาทิ แผนที่ ระบบนำทาง และแอพพลิเคชั่นจากนักพัฒนาในประเทศ

โนเกียเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

โนเกียเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมโดยมุ่งเน้นการเป็นผู้จ้างงานที่ดี ที่น่าร่วมงานด้วย เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบ
และทำประโยชน์ต่อสังคมโดยการดำเนินกิจกรรมเพื่อชุมชนต่างๆ รวมถึงกิจกรรม Nokia Helping Hands ซึ่งเป็น
โครงการที่พนักงานของโนเกียอาสาร่วมพัฒนาชุมชน

View :1532

โซนี่ มิวสิค นำร่องพัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับ 3G เน็ตเวิร์ก พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ “Sony Music SLIDE” เอาใจคอสมาร์ทโฟน

July 25th, 2011 No comments

บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด นำร่องพัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับการใช้งาน เน็ตเวิร์กก่อนใคร!! ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ “โซนี่ มิวสิค สไลด์” “(Sony Music SLIDE) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ““โซเชี่ยลมิวสิคแอพของเมืองไทย”” เน้นการเป็นโซเชี่ยลมิวสิคแอพพอลทัลของโซนี่มิวสิคที่เน้นการใช้งานที่ง่ายจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น และสามารถแชร์คอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบไปให้กับเพื่อนๆผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของคุณและศิลปินที่คุณชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศได้อย่างลงตัว มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

นายพอล มนัสถาวร ผู้อำนวยการกลุ่มงานดิจิตอล บริษัท โซนี่ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจดิจิตอลถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ทางโซนี่มิวสิคให้ความสำคัญมากในปีนี้ โดยมีแผนที่จะปรับทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจเพลงของโซนี่มิวสิคทั้งหมดให้สอดรับกับยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัว ซึ่งในเบื้องต้นเราได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของโซนี่มิวสิคพบว่า กลุ่มคนฟังเพลงของโซนี่มิวสิคส่วนใหญ่นิยมใช้สมาร์ทโฟนที่หลากหลาย โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนในตระกูล iOS อาทิ ไอโฟน , ไอแพด เป็นต้น และจากกระแสความแรงของตลาดสมาร์ทโฟน ประกอบกับกระแสความแรงของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กในปัจจุบันที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ผนวกกับการมาของ 3G เน็ตเวิร์กทำให้โซนี่มิวสิคไม่รอช้ารุกพัฒนาคอนเทนต์เพื่อเตรียมรองรับกับจำนวนผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด โซนี่ มิวสิค ได้พัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับการใช้งาน 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร!! ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ ““Sony Music SLIDE” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โซเชี่ยลมิวสิคแอพของเมืองไทย” เน้นการเป็นโซเชี่ยลมิวสิคแอพพอลทัลของโซนี่มิวสิคที่เน้นการใช้งานง่ายจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น และสามารถแชร์คอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบไปให้กับเพื่อนๆผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของคุณและศิลปินที่คุณชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Facebook และ Twitter ได้อย่างลงตัว ทำให้แฟนเพลงของโซนี่มิวสิคที่ต้องการติดตามผลงานของศิลปินที่ชื่นชอบได้จากบริการดังกล่าว ด้วยวิธีง่ายๆเพียงคุณดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า ““Sony Music SLIDE” จาก App Store ลงมาไว้ในมือถือหรือไอแพดของตัวเอง เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถเข้าสู่โลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของศิลปินที่คุณต้องการได้ทันที ทั้งนี้เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้งาน 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

“ผมเชื่อมั่นว่าเมื่อ 3G เน็ตเวิร์กมาถึงก็จะเป็นการเปิดตลาดรูปแบบใหม่และทำให้คนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ของโซนี่มิวสิคถือได้ว่าเป็นพรีเมี่ยมคอนเทนต์ที่มีคุณภาพที่สุดในตลาดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เพลง , มิวสิควีดีโอ รวมถึงศิลปินในสังกัดโซนี่มิวสิคซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้น ทางบริษัทฯจึงมั่นใจว่าโซนี่มิวสิคจะเป็นผู้นำทางด้าน 3G มิวสิคแอพพลิเคชั่นได้อย่างแน่นอน” นายพอลกล่าวทิ้งท้าย

View :1915