Archive

Archive for the ‘SmartPhone/Mobile phone’ Category

แฮปปี้เผยยอดใช้งานดาต้าในระบบเพิ่มขึ้นหลังเปิดตัวโซเชียลแอพ

July 25th, 2011 No comments

แฮปปี้เปิดเผยโซเชียลแอพช่วยเพิ่มปริมาณการใช้งานดาต้าในเครือข่าย ได้รับความนิยมจากลูกค้าตามกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก ยอดลูกค้าสมัคร 500,000 รายหลังเปิดตัวได้เพียงเดือนเดียว เป็นสถิติที่สร้างความมั่นใจในการทำตลาดดาต้าในกลุ่มลูกค้า Feature Phone เพื่อครองตลาดโซเชียลของแฮปปี้ พร้อมจัดงานใหญ่รวมพลคนโซเชียล Social Festival 30 กรกฎาคมนี้ ที่สยามสแควร์ และจัดกิจกรรมกับลูกค้าทั่วประเทศ รวมทั้งยังคงความสนุกกับกิจกรรมออนไลน์ต่าง ๆ ด้วย

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่เราเปิดตัวโซเชียลแอพมีลูกค้าสมัครใช้งานจำนวนมาก และส่งผลให้การใช้งานดาต้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยทราฟฟิคด้านดาต้าในระบบเติบโตถึง 30% นับตั้งแต่เราเปิดตัวบริการในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากโซเชียลแอพช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงโซเชียลได้ง่ายขึ้นจึงมีการใช้งานบ่อยขึ้น ในจำนวนลูกค้าที่ใช้งานโซเชียลแอพพบว่า 33% ใช้งาน Facebook, 24% ใช้งาน MSN, 17% Hi5, 15% Twitter และ 11% Google Talk ในด้านความสนุกของการใช้งาน เราได้เพิ่มฟังก์ชั่นให้กับลูกค้าเสมอ เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เพิ่มเติม Facebook Fan Page เข้าไปในโซเชียลแอพเพื่อขยายการใช้งานให้มากขึ้น และในอนาคตอันใกล้จะมีฟังก์ชั่นอื่น ๆ ให้ลูกค้าได้ใช้งานประกอบด้วย Tag Photo, Change Status และ picture display บน MSN Messenger และ Google Talk

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า โซเชียลแอพได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก ตอนนี้มีคนสมัครแล้วถึง 5 แสนรายหรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 1 ปีที่เราวางไว้ เราพบว่าโซเชียลแอพมีส่วนเป็นอย่างมากที่ช่วยสร้างฐานการใช้งานดาต้าของลูกค้าแฮปปี้โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ใช้ Feature Phone ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในระบบ ด้วยกลยุทธ์ราคาที่จูงใจสำหรับลูกค้าแบบเติมเงินซึ่งเห็นความคุ้มค่าคือเพียงสัปดาห์ละ 19 บาท ใช้งานได้ถึง 5 แอพ เราเชื่อว่าด้วยการตลาดที่เข้าถึงความต้องการกลุ่มเป้าหมายนี้จะทำให้เราขยายตลาดโมบายดาต้าได้ทั่วประเทศ และเพื่อเดินหน้าโปรโมตบริการให้เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น เราได้จัดอีเว้นท์สำหรับลูกค้าที่สยามแสควร์เพื่อตอกย้ำตำแหน่งของการเป็นผู้นำโซเชียล และนำคนดังและร้านค้าในสังคมออนไลน์มาออกร้านพบกับลูกค้าแบบใกล้ชิด หลังจากนี้ก็จะเดินสายจัดกิจกรรมกับลูกค้าในจังหวัดต่าง ๆ ด้วย

งานรวมพลคนโซเชียล Social Festival จะจัดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น.ที่ลานหน้าฮาร์ดร็อกคาเฟ่ สยามสแควร์ ประกอบด้วยการแสดงบนเวที คอนเสิร์ต โดยวงไทเทเนียม Better Weather และ 60 Miles การพบปะพูดคุยและการแสดงของนักแสดงขวัญใจวัยรุ่นมาริโอ้ เมาเร่อ นาตาลี เดวิส โดนัท มนัสนันท์ และร้านค้าออนไลน์ของคนดังมากมายร่วมเปิดบูธขายสินค้าให้ช้อปกันอย่างใกล้ชิด อาทิ น้ำฝน พัชรินทร์, เก๋ ชลลดา, โย / เอ หัสดีวิจิตร, ออร์แกน,เดือน นิวัตรา,หมอก้อง,เอ๊ะ ศศิกานต์, และอาท KPN ผู้สนใจเข้าชมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้แฮปปี้จะจัดกิจกรรมไปพบลูกค้าในจังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันยังคงจัดกิจกรรมสร้างสีสันบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง.

View :2541

แบล็กเบอร์รี่ เพลย์บุ๊ค แท็บเล็ต เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคมนี้

July 20th, 2011 No comments


นายนิก ยูง ผู้จัดการอาวุโส ประจำประเทศไทย บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) กล่าวเปิดงานเอ็กซ์คลูซีฟปาร์ตี้ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ แบล็กเบอร์รี่® เพลย์บุ๊ค™ แท็บเล็ตอันทรงประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมกับความบางเฉียบเป็นพิเศษ เครื่องแรกและเครื่องเดียวในโลก ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายให้แก่ลูกค้าชาวไทยตั้งแต่วันที่ 22 กรกฏาคม เป็นต้นไป โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ เมื่อค่ำวานนี้
รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม () (NASDAQ: RIMM; TSX: ) ประกาศกำหนดการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่® เพลย์บุ๊ค™ แท็บเล็ต ในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 กรกฏาคม 2554 ผ่านทางโอเปอเรเตอร์ อย่างเอไอเอส ทรูมูฟ รวมทั้งร้านค้าปลีกทั่วประเทศจำนวนมาก ประกอบด้วย ร้านเจมาร์ท และ ร้านทีจีโฟน โดยแบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊ค จะมาพร้อมกับโมเดลวายไฟ 3 รูปแบบ ผสานเข้ากับหน่วยความจำภายในที่มีให้เลือกถึง 3 ขนาด เริ่มตั้งแต่ 16 กิกะไบต์ 32 กิกะไบต์ หรือ 64 กิกะไบต์ ในราคา 16,900 บาท 18,900 บาท และ 21,900 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามลำดับ

มร. แดนนี่ โบลดุค รองประธาน ประจำประเทศไทย มาเลเซีย และเวียดนาม บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) กล่าวว่า “แบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊ค จะนำเสนอประสบการณ์อันน่าประทับใจ และเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอันทรงพลัง ให้แก่ลูกค้าชาวไทย ซึ่งถูกรวบรวมไว้ภายในแท็บเล็ตรูปลักษณ์บางพิเศษขนาด 7 นิ้ว และด้วยองค์ประกอบด้านฮาร์ดแวร์ในระดับพรีเมี่ยม รวมทั้งระบบปฏิบัติการ QNX อันทรงประสิทธิภาพเหนือใคร ผู้ใช้แบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊คจะสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การท่องเว็บ และการใช้งานมัลติมีเดียแบบไร้ช่องโหว่ โดยเราขอสนับสนุนให้ลูกค้าที่สนใจ สามารถไปทดลองสัมผัสกับแบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊คด้วยตัวท่านเอง ได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่าน”

แบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊ค มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่บางเฉียบ สะดวกต่อการพกพา และนำเสนอประสิทธิภาพการทำงานระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม พร้อมความสามารถในการท่องเว็บแบบไร้ช่องโหว่ รองรับการทำงานของ Adobe® Flash® ระบบการทำงานแบบ Multi-tasking อย่างแท้จริง ระบบมัลติมีเดียแบบไฮเดฟฟินิชั่น คุณสมบัติด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย การรองรับระบบงานรูปแบบองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่เหนือระดับ และแพลตฟอร์มพัฒนารุ่นล่าสุดที่เหมาะสำหรับแผนกไอทีและนักพัฒนาอย่างยิ่ง

รายละเอียดจำเพาะของแบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊ค:

• จอแอลซีดีขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1024×600 จุด มาตรฐาน WSVGA มีจอภาพสัมผัสพร้อมระบบมัลติทัชและระบบคำนวณท่าทางของผู้ใช้

• รูปลักษณ์อันบางเฉียบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพกพาติดตัวไปได้อย่างสะดวก เครื่องแบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊คมีน้ำหนักน้อยกว่าหนึ่งปอนด์และมีความหนาไม่ถึงครึ่งนิ้ว: น้ำหนัก 0.9 ปอนด์/ 425 กรัม และ ความสูง 5.1 นิ้ว x ความกว้าง 7.6 นิ้ว x ความหนา 0.4 นิ้ว (130 มม. x 194 มม. x 10 มม.)

• โปรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ 1 GHz• ระบบปฏิบัติการ แบล็กเบอร์รี่แท็บเล็ตโอเอส (® Tablet OS) ที่รองรับการทำงานของการประมวลผลโปรแกรมแบบ Symmetric multiprocessing

• ฟังเพลงในรูปแบบ MP3, AAC, WMA

• รองรับการเล่นวิดีโอด้วยการแสดงผลที่มีความคมชัดสูง (ในรูปแบบ H.264, MPEG4 และ WMV)

• Output วิดีโอในรูปแบบ 1080p HDMI

• กล้องดูอัลเอชดี (ด้านหน้า 3 ล้านพิกเซล ด้านหลัง 5 ล้านพิกเซล) รองรับการบันทึกภาพวิดีโอ 1080p HD ได้ เพื่อการโทรศัพท์ผ่านวีดีโอ และการถ่ายวีดีโอ

• หน่วยความจำของระบบ 1 GB

• หน่วยความจำภายในสูงสุดถึง 64 กิกะไบต์ (ขนาด 16, 32 และ 64 กิกะไบต์)

• ระบบรับสัญญาณจีพีเอส, ระบบเซ็นเซอร์รูปแบบ Orientation (Accelerometer), ระบบเซ็นเซอร์รูปแบบ 6-Axis Motion (Gyroscope), เข็มทิศแบบดิจิตอล (Magnetometer)

• ระบบเสียงสเตอริโอที่ดีที่สุด

• เชื่อมต่อการใช้งานวายไฟ (802.11a/b/g/n)

• รองรับบลูทูธ® 2.1+EDR

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊ค แท็บเล็ต สามารถเข้าไปชมได้ที่http://th.blackberry.com/playbook

 

View :1517

ทรูมูฟ เอช ชวนสัมผัสประสบการณ์เครือข่าย 3G+ ที่เหนือกว่าเร็วสูงสุด 21 Mbps พร้อม Wi-Fi แรงสูงสุด 8 Mbps

July 19th, 2011 No comments

เรียล มูฟ ผู้ขายต่อบริการ (รีเซลเลอร์) ของ CAT ขยายเครือข่ายบริการ 3G+ เชิงพาณิชย์* ภายใต้แบรนด์  “”  ต้อนรับลูกค้าใหม่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ความเร็วบนเครือข่ายไฮสปีดไร้สาย 3G+ ด้วยความเร็วสูงสุด 21 Mbps และ Wi-Fi ความเร็วสูงสุด 8 Mbps  แนะนำ 3 แพ็กเกจสุดคุ้มเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ “สมาร์ท 649” ได้ทั้งโทร+เน็ต,  “ดาต้า 649” เล่นเน็ตเป็นหลัก หรือ “ทอล์ค 400” โทรเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีแพ็กเกจโดนใจ “ทอล์ค & แชต สเปเชียล แพ็ก” จ่ายเพียง 3,600 บาท ได้ทั้งโทรและเล่นเน็ต นาน 6 เดือน พร้อมรับมือถือซัมซุง Caspi มูลค่า 1,990 บาท สมัครใช้บริการได้แล้ววันนี้–31 สิงหาคม 2554 และเตรียมพบกับบริการ 3G+ เต็มรูปแบบทั่วประเทศ เร็วๆ นี้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทในเครือกลุ่มทรู คือ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายต่อบริการ (รีเซลเลอร์) ของ CAT ขยายเครือข่ายบริการ 3G+ เชิงพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ “ทรูมูฟ เอช” ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์เครือข่ายไร้สายความเร็วสูงมาตรฐานใหม่ที่ความเร็วสูงสุด 21 Mbps ได้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และ  Wi-Fi ความเร็วสูงสุด 8 Mbps กว่า 30,000 จุด ด้วยหลากหลายแพ็กเกจสุดคุ้มให้เลือกได้ตามความต้องการใช้งาน

พิเศษ ลูกค้าใหม่ที่ซื้อสมาร์ทโฟนหรือแอร์การ์ด ได้แก่ ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส ทู, ซัมซุง กาแล็คซี่ มินิ, ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ, แอร์การ์ด สปินซีรี่ส์ และเพาเวอร์ เซิร์ฟ และซัมซุง Caspi พร้อมสมัครแพ็กเกจ รับส่วนลดช่วยเหลือค่าเครื่อง 100 บาท นาน 6 เดือน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีแพ็กเกจ “ทอล์ค & แชต สเปเชียล แพ็ก” จ่ายเพียง 3,600 บาท ใช้เป็นค่าโทรได้ 3,600 บาท พร้อมรับมือถือซัมซุง Caspi มูลค่า 1,990 บาท

ลูกค้าที่สนใจสามารถซื้อสมาร์ทโฟนหรือแอร์การ์ด พร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือนได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2554 ที่ร้านทรูช็อป และทรูพาร์ตเนอร์ ที่ร่วมรายการ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้า โทร1331

* การให้บริการ 3G+ ขึ้นอยู่กับพื้นที่การให้บริการ และอุปกรณ์ที่รองรับ

View :4481

เอชทีซีจับมือดีแทคเปิดตัว HTC Sensation™ มัลติมีเดีย ซุปเปอร์โฟน รุ่นล่าสุดHTC Sensation

July 14th, 2011 No comments

มาพร้อมคุณสมบัติด้านความบันเทิงครบครัน บริการ MyHTC S แอพพลิเคชันเพื่อคนรุ่นใหม่ พร้อมจับมือวอร์นเนอร์ มิวสิค เปิดประเดิมดาวน์โหลดเพลงฟรีเป็นรุ่นแรก เต็มทุกอรรถรสการดาวน์โหลดบนเครือข่ายดีแทค

เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมและการออกแบบมือถือ จับมือดีแทค เปิดตัว มัลติมีเดีย ซุปเปอร์โฟนรุ่นล่าสุด ชูจุดเด่นด้านเอ็นเทอเทนเม้นต์ด้วยบริการพิเศษเฉพาะผู้ใช้เอชทีซี ด้วย My HTC S ยกระดับความบันเทิงอีกขั้นด้วยการจับมือวอร์นเนอร์ มิวสิค ให้ผู้ใช้ ดาวน์โหลดเพลงจากค่ายวอร์นเนอร์ มิวสิค ได้ฟรี เฉพาะช่วงจำหน่าย 2 เดือนแรกเท่านั้น! ทั้งเพลงสากลและแฟนเพลงคาราบาว พร้อมแพ็คเกจพิเศษจากดีแทค ให้คุณออนไลน์ได้อย่างจุใจ  ดีไซน์ด้วยวัสดุพรีเมี่ยมให้ความรู้สึกหรูหรา มาพร้อมกับยูสเซอร์อินเทอร์เฟส HTC Sense™ เวอร์ชั่นล่าสุด ยกระดับประสบการณ์ในการให้คนเป็นศูนย์กลาง ทำให้สมาร์ทโฟนใช้งานได้ง่ายขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เอชทีซีมุ่งเน้นในการทำตลาดร่วมกับพันธมิตร โดยเอชทีซีจับมือกับดีแทค ในการทำตลาดแอนดรอยด์โฟนรุ่นท็อปจากเอชทีซี และร่วมมือกับวอร์นเนอร์ มิวสิค เพื่อสานต่อความเป็นมัลติมีเดีย และเอนเทอเทนเม้นต์โฟนที่สมบูร์ณแบบ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่” นายณัฐวัชร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันสมาร์ทโฟนกลายเป็นดีไวซ์ด้านความบันเทิงขนาดเพียงเท่าฝ่ามือ ซึ่งช่วยให้ผู้คนเรียกใช้รายการโปรดไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็ตาม HTC Sensation มาพร้อมกับยูสเซอร์อินเทอร์เฟส HTC Sense ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ทรงพลัง และมัลติมีเดียขั้นเทพให้กับลูกค้า” นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจอุปกรณ์สื่อสาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () กล่าวว่า “เอชทีซีและดีแทคมีความมุ่งมั่นที่จะรุกตลาดแอนดรอยด์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าสามารถทดลองและเป็นเจ้าของ HTC Sensation แอนดรอยด์รุ่นล่าสุดซึ่งรองรับ 3G บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ได้ที่ดีแทคเซ็นเตอร์ และสำนักงานบริการลูกค้าดีแทคเร็วๆ นี้ พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้มจากดีแทค ค่าบริการรายเดือน 449 บาท ต่อเดือน เล่นดีแทคอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด และโทรฟรี 350 นาทีต่อเดือน นาน 8 เดือน นอกจากนั้นเรายังคงข้อเสนอด้านราคาที่ถูกใจลูกค้านั่นคือให้ลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการอีกด้วย”

นายนัดดา บุรณศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทวอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันความสำคัญของ Device เริ่มมีบทบาทชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ Music & Entertainment เข้าใกล้ผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการเติบโตของตลาด Smart Phone และการพัฒนาของระบบปฎิบัติการต่างๆที่ไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Android ของ HTC ที่ได้พัฒนา MyHTC S ขึ้นมานั้นทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด Device ไทยได้อย่างลงตัวที่สุด ในขณะที่ทาง วอร์นเนอร์ มิวสิค มีคอนเทนต์ที่แข็งแรง ทั้งเพลงสากล เพลงไทย และเพลงเพื่อชีวิต ซึ่งเชื่อมั่นว่าคอนเทนต์ของเราสามารถรองรับความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้าของเอชทีซี ได้อย่างแน่นอน เราจึงได้เริ่มพัฒนาแอพพลิเคชัน เพื่อความบันเทิงด้วยเสียงเพลง ให้กับสมาชิกคอเพลงสากลด้วยแอพ W-Club (ดับเบิลยู คลับ) และคอเพลงเพื่อชีวิต ด้วยแอพ Bao Club (บาวคลับ) โดยเลือกเปิดตัวกับ HTC เป็นเจ้าแรก พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า HTC ได้ใช้บริการแอพพลิเคชันเพื่อความบันเทิงนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยเป็นสมาชิกได้ฟรี 2 เดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆอีกมากมาย อีกด้วย”

ดีไซน์และวัสดุระดับพรีเมี่ยมด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหราของ HTC Sensation ที่ได้รับการออกแบบกระจกด้านหน้าคลุมรอบขอบทุกด้านของหน้าจอ ซึ่งไม่เพียงให้สัมผัสที่ดีขึ้นเมื่อเลื่อนนิ้วไปมาบนหน้าจอแต่ยังช่วยปกป้องหน้าจอ HTC Sensation เป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับการออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์มัลติมีเดียเต็มรูปแบบ ด้วยหน้าจอไวด์สกรีนความละเอียดสูงคุณภาพระดับ qHD ขนาด 4.3 นิ้ว ที่ทำให้ผู้ใช้งานดูภาพยนตร์แบบเต็มจอเหมือนในโรงภาพยนตร์ ไม่มีการการแสดงผลแบบตัดส่วนภาพ HTC Sensation มีขนาดเพรียวบาง รูปทรงกระชับมือ มาพร้อมหัวใจสำคัญ ด้วยขุมพลังแรงโพรเซสเซอร์สแนปดราก้อนดูอัลคอร์ ความเร็ว 1.2 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งช่วยให้แสดงผลภาพกราฟิกได้สวยงาม และสมจริงรอบทิศทาง

 

HTC Senseเติมเต็มดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม ด้วยประสบการณ์ HTC Sense ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ต่างๆ มากมาย ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น และทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ล็อคสกรีนตัวใหม่ที่สามารถปรับแต่งได้ ซึ่งเปลี่ยนล็อคสกรีนจากภาพนิ่งให้เป็นล็อคสกรีนแสดงสถานะต่างๆ แบบทันที เพื่อดูข้อมูลและเนื้อหาที่สำคัญมากที่สุด เช่น อัพเดตสถานะโซเชียล รูปภาพ พยากรณ์อากาศ หรืออัพเดตหุ้น ซึ่งเรียกดูได้อย่างง่ายๆ แค่เลื่อนหน้าจอ นอกจากนี้แล้ว ล็อคสกรีนตัวใหม่นี้ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้งานคุณสมบัติที่ชื่นชอบได้อย่างรวดเร็ว เช่น กดโทรออก ส่งอีเมล ถ่ายรูป หรือสิ่งอื่นๆ เพียงแค่สัมผัสเดียวแทนที่การกดปลดล็อกมือถือตัวอย่างเช่น เรียกใช้งานกล้องถ่ายรูปจากตัวล็อคสกรีนด้วยสัมผัสเดียว หรือเก็บภาพวินาทีสำคัญได้อย่างทันเวลา ภาพกราฟิกคมชัดขึ้น ภาพแอนิเมชั่นแบบสั่น และวิดเจ็ตใหม่ๆ ที่จะทำให้ HTC Sense ดูดีขึ้นกว่าที่เคย ด้วยความเอาใจใส่ในการพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติสำคัญ หรือเรื่องเล็กๆ น้อย มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ HTC Sense เป็นสิ่งพิเศษ เอชทีซีส่งมอบประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่เหนือชั้น และคุณสมบัติพยากรณ์อากาศที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยภาพกราฟิกคมชัด และเสียงเอ็กเฟ็กซ์ของสภาพอากาศแบบสมจริง

HTC Sense ช่วยให้ผู้ใช้งานบันทึกนาทีสำคัญและแบ่งปันช่วงเวลาพิเศษให้กับเพื่อนๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลที่มากับ HTC Sensation ไม่เพียงช่วยให้บันทึกภาพได้อย่างคมชัด แต่ด้วยคุณสมบัติใหม่ในการถ่ายภาพด่วนได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานจับภาพนาทีสำคัญที่พวกเขาต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาด หรือเก็บแอ็คชั่นต่างๆ ไว้ HTC Sensation บันทึกวิดีโอระดับไฮเดฟ ความละเอียด 1080p พร้อมระบบเสียงสเตอริโอ และสามารถบันทึกได้สูงสุด 30 เฟรมในหนึ่งวินาที

บริการ MY HTC S เอาใจคนรุ่นใหม่ MY HTC บริการแอพพลิเคชันพิเศษเฉพาะผู้ใช้แอนดรอยด์เอชทีซี ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในช่วงราวกลางปี 2553 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันเอชทีซี อัพเกรดบริการต่างๆ ไว้มากมาย ภายใต้บริการใหม่ที่เรียกว่า MyHTC S รวบรวมบริการเด่นๆ ตามไลฟ์ไสตล์คนรุ่นใหม่ไว้มากมาย ประกอบด้วย 1) หมวด Social แหล่งรวบรวมบริการแชท ให้แชทได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม พร้อมยกขบวนสัญลักษณ์แสดงความรู้สึกให้คุณส่งแทนความรู้สึก รวมถึงเล่นเกมส์ออนไลน์กับเพื่อนๆ ได้ 2) หมวด Library รวมแอพพลิเคชันทางด้านการศึกษา เช่น ดิกชันนารี อังกฤษ-ไทย-อังกฤษ ที่มีคุณสมบัติใหม่ในการอ่านออกเสียงให้คุณเรียนรู้และออกเสียงได้อย่างถูกต้อง 3) หมวด Fun บริการรวบรวมความบันเทิง เช่น ดาวน์โหลดเพลงจากค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ บริการตรวจสอบรอบภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์

และล่าสุดเปิดให้ดาวน์โหลดเพลงจากวอร์นเนอร์ มิวสิค (W-Club และ Bao Club) และบริการค้นหารายการทีวีโปรดรวมถึงแจ้งเตือน (TV Schedule) 4) หมวด Market บริการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันน่าใช้ และเกมส์ เช่น Doom และ SOS Balloon และ 5) หมวด News รวมข่าวฮิต ประเด็นร้อนรายวันที่สามารถแชร์ให้เพื่อผ่านเฟสบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ ได้ นอกจากนี้เราได้เพิ่มสีสันของการแชตเข้าไปด้วยเช่น ในระหว่างแชตสามารถถ่ายรูปแล้วส่งไปให้เพื่อนได้เลยโดยไม่ต้องปิด W-Club และ Bao Club จาก วอร์นเนอร์ มิวสิคเอชทีซีจับมือค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ วอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) เปิดให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน W-Club (ดับเบิลยู คลับ) และ Bao Club (บาวคลับ) แอพพลิเคชันดาวน์โหลดเพลงสากล และเพลงจากวงคาราบาว ผ่านทางบริการ MyHTC S เวอร์ชั่นล่าสุด

ให้ผู้ใช้งานแอนดรอยด์โฟนจากเอชทีซีสามารถสมัครสมาชิกสองแอพพลิเคชัน และใช้ฟรีในช่วง 2 เดือนแรก สำหรับแอพพลิเคชัน W-Club (ดับเบิลยู คลับ) โปรแกรมสมัครสมาชิกสำหรับคอเพลงสากล ที่มีเพลงสากลฮอตฮิตให้ดาวน์โหลด 30 เพลง ต่อเดือน พร้อมอัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวในทุกฝีก้าวของบรรดาเหล่าศิลปินสากล จากค่ายวอร์นเนอร์ มิวสิค ได้อย่างใกล้ชิดทุกสัปดาห์ ค่าบริการเดือนละ 29 บาท สำหรับแอพพลิเคชั่น Bao Club (บาวคลับ) โปรแกรมสมัครสมาชิก

สำหรับแฟนพันธุ์แท้คาราบาว โดยสมาชิกสามารถเลือกโหลดเพลงคาราบาวได้ไม่อั้น ทั้งเสียงรอสาย ริงโทน เต็มเพลง และอัพเดทวาทะเด็ดของพี่แอ๊ด ได้ทุกเดือน อีกทั้งยังสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ ของวงคาราบาวได้อย่างใกล้ชิด พร้อมดูอัลบั้มภาพ มิวสิควิดีโอ วิดีโอคลิปเบื้องหน้า เบื้องหลังคอนเสิร์ต และพิเศษเพื่อร่วมฉลองกิจกรรมดนตรี 30 ปี คาราบาว วอร์นเนอร์ ได้รวบรวมตารางทัวร์คอนเสิร์ตตลอดทั้งปีไว้ที่นี้ ค่าบริการเดือนละ 20 บาท

กำหนดการวางจำหน่าย HTC Sensation พร้อมวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ผ่านสำนักงานบริการลูกค้าดีแทค ดีแทค เซ็นเตอร์ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ (ตามเงื่อนไข) สนนราคา 18,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมกันนี้ดีแทคได้แนะนำแพ็กเกจสุดคุ้มสำหรับ HTC Sensation โดยเสียค่าบริการรายเดือนเพียง 449 บาท เล่นดีแทคอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด และโทรฟรี 350 นาที ต่อเดือน สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับนานสูงสุด 8 เดือน ติดต่อดีแทคคอลล์เซ็นเตอร์ 1678*นโยบายราคาจัดจำหน่ายอาจเปลี่ยนแปลง ขึ้นกับโอเปอเรเตอร์

View :1936

โซนี่ อีริคสัน ส่ง Xperia™ X8 Black ลงตลาด เอาใจคอเน็ต

July 14th, 2011 No comments

หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการส่ง Sony Ericsson Xperia™ X8 ลงตลาดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เอาใจคอเน็ตกันอีกครั้งด้วยการส่ง สมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงจากตระกูล Xperia  ลงตลาด ที่ให้คุณสนุกไปกับความบันเทิงที่หลากหลายบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จากกูเกิล

อีกทั้งยังให้คุณเพลิดเพลินไปกับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฟรีผ่านทาง “แอนดรอยด์ มาร์เก็ต” (Android Market)  พร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล การ์ดหน่วยความจำ 4GB และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 16 GB คุณสามารถฟังเพลงโดยผ่านโปรแกรม Music Player และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.  รองรับภาษาไทยและภาษาอื่นๆกว่า 50 ภาษา เชื่อมต่อโลกออนไลน์ผ่าน 3G 850/2100

รวมถึงให้คุณท่องโลก Social Network Facebook และ Twitter และอัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ได้อย่างทันท่วงทีผ่านโปรแกรม Timescape โดย Sony Ericsson Xperia™ X8 Black  วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 5,990 บาท โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันทั่วประเทศ ร้าน TG Fone  หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sethailand

 

View :1945

เอไอเอสเปิดตัวแพ็คเกจแบล็คเบอรี่ใหม่ล่าสุดครั้งแรกในเมืองไทยจ่ายเพียงเดือนละ 300 บาท ได้ทั้งโทรและแชทในแพ็คเดียว

July 14th, 2011 No comments


นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด เอไอเอส  กล่าวว่า “แนวทางของเอไอเอสนอกเหนือจากการพัฒนาคุณภาพในทุกๆด้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าแล้ว  การสร้างสรรค์แพ็คเกจที่ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละ Segment  เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ดังเช่น แบล็คเบอรี่ ซึ่งเอไอเอสได้สร้างตลาดมาตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการมอบแพ็คเกจที่หลากหลายตอบความต้องการในแต่ละกลุ่ม อาทิ แชท+เฟซบุ้ค, แชท+อีเมล์ หรือ Unlimited  ซึ่งเป็นแพ็คเกจแบบ On Top ที่ต้องซื้อเพิ่มจากแพ็คเกจค่าโทรที่มีอยู่”
“ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกของรูปแบบการใช้งานให้ง่าย และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น  ล่าสุดเอไอเอสจึงเปิดตัวแบล็คเบอรี่แแพ็คเกจใหม่ล่าสุดครั้งแรกก่อนใคร  ในลักษณะของแพ็คเกจการใช้งานหลัก ที่ให้สาวกขาแชททั้งจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ และ วัน-ทู-คอล! ที่ชื่นชอบการใช้งาน Messenger ได้ทั้งโทรและแชทในแพ็คเดียว ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 300 บาทเท่านั้น”

View :1599

ไอที ซิตี้ พร้อมเปิดให้บริการโซนโมบิลิตี้เต็มรูปแบบ รับกระแสสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต

July 11th, 2011 No comments

ไอที ซิตี้ เปิดให้บริการโซนโมบิลิตี้เต็มรูปแบบ วางจำหน่ายสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตแบรนด์ดังมากมาย อาทิ แอปเปิล ซัมซุง   เอเซอร์  โนเกีย เอชทีซี  เดลล์ แอลจี ตอบรับกระแสสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตมาแรงไม่หยุด สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยหลายแห่งที่คาดการณ์ว่าในปี 57-58 สมาร์ทโฟนจะเติบโตเท่าๆ กับพีซี และโน้ตบุ๊ก คาดการณ์ว่าจะทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเป็นสองเท่า

นายเอกชัย  ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์ไอทีครบวงจรชั้นนำของไทย กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ไอที ซิตี้จะเน้นนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนและเท็บเล็ต ซึ่งมีจำนวนกลุ่มลูกค้าใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไอที ซิตี้ พร้อมเปิดโซนโมบิลิตี้เต็มรูปแบบภายในร้านเพื่อวางจำหน่ายสินค้าสมาร์ทโฟน และแท็บเลตแบรนด์ดังมากมาย เริ่มจากแบรนด์แอปเปิล ซึ่งรูปแบบการวางจำหน่ายสินค้าแอปเปิลภายในร้านไอที ซิตี้ จะเหมือนกับในต่างประเทศ ซึ่งแอปเปิลเรียกว่า “คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ช็อป” (CES – Consumer Electronic Shop)

ไอทีซิตี้จะวางจำหน่ายสินค้าแอปเปิลทุกประเภท ทั้งคอมพิวเตอร์ แมคบุ๊ก ไอพอด ไอโฟน ไอแพด เริ่มวางจำหน่ายแล้วใน 5 สาขาของไอที ซิตี้ ได้แก่ สาขาพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เซียร์รังสิต ไอทีมอลล์ ฟอร์จูน เดอะมอลล์ บางแค และสาขาสตาร์พลาซ่าระยอง และมีแผนจะวางจำหน่ายให้ครบ 25 สาขาภายในสิ้นปีนี้ โดยความร่วมมือระหว่างไอที ซิตี้ และแอปเปิลในครั้งนี้ ทางแอปเปิลจะให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ การตลาด การดำเนินธุรกิจ และมาตรฐานต่างๆ ส่วนไอที ซิตี้จะจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลผลิตภัณฑ์แอปเปิลโดยเฉพาะ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ร่วมกัน

และในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ไอที ซิตี้ยังมีแผนจะวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน และแท็บเลตจากแบรนด์ดังอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โนเกีย เอชทีซี เดลล์ แอลจี เพิ่มเติมจากแบรนด์ซัมซุงและ เอเซอร์ที่ไอที ซิตี้เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว พร้อมทั้งจัดตั้งทีมงานเพื่อทำตลาดโมบิลิตี้โดยเฉพาะ รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อเติมเต็มในส่วนของโซนโมบิลิตี้ให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น

ซึ่งในกลางเดือนกรกฏาคมนี้ ไอที ซิตี้จะวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนตัวใหม่จากซัมซุง ที่จะเข้ามาเพิ่มสีสัน คือ กาแลคซี่  เอส ทู ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติบัติการรุ่นล่าสุดอย่าง Android 2.3 Gengerbread อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความบางที่สุดในโลกคือแค่ 8.5 มม. ใช้ดูอัลคอร์โพรเซสเซอร์ความเร็ว 1.2GHz และหน้าจอสัมผัส AMOLED กล้อง 8MP สามารถบันทึกวิดีโอฟูลไฮเดฟ 1080p ได้ และช่วงต้นเดือนสิงหาคมจะเปิดตัวแท็บเล็ตตัวใหม่ ซัมซุง กาแลคซี่ แท็บ 10.1 นิ้ว ที่มาพร้อมความสวย บางและครบครันไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ การเชื่อมต่อไวไฟยุคใหม่แบบ 2 ช่องสัญญาณ (2.4 กิกะเฮิร์ทซ์ / 5กิกะเฮิร์ทซ์) การเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี HSPA+ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 21 เมกะไบต์ ต่อวินาที ทำให้สามารถเชื่อมต่อ ส่งผ่านข้อมูล และดาวน์โหลดแอพพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างเต็มที่และรวดเร็วในทุกที่ทุกเวลา

“เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไอที ซิตี้จึงต้องเพิ่มเติมสินค้าที่มีความ สัมพันธ์กับไอที ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาไอที ซิตี้ นำผลิตภัณฑ์แอลซีดี ทีวี และโปรเจ็คเตอร์เข้ามาจำหน่ายเพื่อเพิ่มสินค้าให้ครบไลน์มากยิ่งขึ้น และในปีนี้เรามองว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเป็นสินค้าที่มีความสัมพันธ์กับสินค้าไอทีเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของระบบปฏิบัติการ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ในขณะที่มีรายงานข้อมูลจากศูนย์วิจัยข้อมูลหลายแห่งระบุว่าในปี 2557 – 2558 แนวโน้มการใช้งานสินค้าสมาร์ทโฟน จะมีอัตราการเติบโตเท่าๆ กับพีซี และโน้ตบุ๊ก” นายเอกชัยกล่าวสรุปท้าย

View :1641

เอไอเอสแจ้งเกิด “ดิจิตอล แมกกาซีน”บนแท็บเล็ต

July 6th, 2011 No comments

เอไอเอสฉีกกรอบ ครีเอทกลยุทธ์ CRM รูปแบบใหม่ แจ้งเกิดดิจิตอล แมกกาซีนบนแท็บเล็ต ในชื่อ “” นิตยสารไลฟ์สไตล์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ตอบสนองทุกสไตล์การใช้ชีวิตด้วยสิทธิพิเศษหลากหลายจากเอไอเอส ซึ่งออกแบบด้วยเทคนิคพิเศษในการผลิต เน้นสร้าง Interactive Experience ให้กับผู้อ่าน พร้อมวางแผงบนดิจิตอลสโตร์ให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจดาวน์โหลดฟรี! ได้แล้ววันนี้ ในรูปแบบของแอพพลิเคชั่น รองรับทั้งบน iPad และ Android พร้อมยกเป็น Showcase แรกของวงการดิจิตอล แมกกาซีน ฉบับแรกและฉบับเดียวในภูมิภาคที่ผลิตโดยโอเปอร์เรเตอร์มือถือ หวังสร้างเป็นอาวุธใหม่ เจาะใจผู้บริโภคยุคดิจิตอล


นางวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ เอไอเอส เปิดเผยว่า “เอไอเอสเราให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการบริหารงานลูกค้า หรือ S (Service) หนึ่งใน Quality DNAs มาโดยตลอด ด้วยการมุ่งมั่นสรรหาสิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษหลากหลาย มอบให้กับลูกค้าของเอไอเอสทุกท่าน ผ่านโปรแกรมการดูแลลูกค้ารูปแบบต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และด้วยเทรนด์ของสมาร์ทเก็ทเจ็ทที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ทำให้เรามองเห็นช่องทางใหม่ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และส่งมอบสิทธิพิเศษจากเอไอเอส เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ยิ่งขึ้น

ล่าสุด เอไอเอสจึงได้สร้างสรรค์ดิจิตอลแมกกาซีนแนวใหม่ ภายใต้ชื่อ “Serenade Magazine” นิตยสารไลฟ์สไตล์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ตอบสนองทุกสไตล์การใช้ชีวิตสุดอินเทรนด์ ที่มาพร้อมสุดยอดสิทธิพิเศษอันหลากหลายจากเอไอเอส ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับบนสมาร์ทเก็ทเจ็ท ทั้ง iPad และ Android เพื่อให้ผู้อ่านได้รับอรรถรสและความเพลิดเพลินเหมือนกำลังอ่านนิตยสารเล่มโปรดสักเล่ม โดยวางแผงบนดิจิตอลสโตร์เท่านั้น พร้อมเปิดให้ลูกค้าเอไอเอสและผู้ที่สนใจดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “Serenade Magazine” ได้ฟรี! แล้ววันนี้ ผ่านทาง App Store บน iPad 1, iPad 2 และผ่านทาง Android Market สำหรับ Tablet อาทิ Samsung Galaxy Tab โดย Search คำว่า “Serenade Magazine”

“Serenade Magazine” เป็นดิจิตอลแมกกาซีนฉบับแรกและฉบับเดียวในภูมิภาคที่ผลิตโดยโอเปอร์เรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเอไอเอสตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็น Showcase แรกของวงการ ในการนำสื่อดิจิตอลมาพัฒนาเป็นเครื่องมือในการดูแลลูกค้า (CRM) ในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งนอกจากผู้อ่านจะได้รับสิทธิพิเศษสุดคุ้มพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตแล้ว ยังเป็นการสร้าง Value เพิ่มให้กับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ร่วมจัดแคมเปญสิทธิพิเศษกับเอไอเอสอีกด้วย “Serenade Magazine” นี้ถือเป็นการผสมผสานทั้ง 3 เรื่อง สิทธิพิเศษ, ไลฟ์สไตล์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัวที่สุด” วิลาสินีกล่าว

ด้านนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส กล่าวเสริม “ด้วยกระแสความนิยมของตลาด Tablet ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วนั้น ส่งผลให้สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการสรรหาตามมาก็คือ Application ที่ตอบโจทย์ตรงใจต่อการใช้งาน และหนึ่งในเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในขณะนี้ คือ ดิจิตอลแมกกาซีน ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีรูปแบบการเปิดตัวข้อมูลข่าวสารเปลี่ยนไปตามลักษณะของดีไวซ์ข้างกาย

สำหรับ Serenade Magazine เล่มนี้ จึงไม่ได้เพียงอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาคอนเทนต์ที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังโดดเด่นและแตกต่างตรงที่มีความเป็น Interactive Experience มีการใส่ลูกเล่นและกิมมิคสนุกๆ มาเซอร์ไพรส์ผู้อ่านตลอดเวลา โดยใช้เทคนิคพิเศษในการผลิต ด้วยการซ่อนไฟล์ดิจิตอลประเภทต่างๆ ให้ผู้อ่านได้มี Interactive กับเนื้อหา ได้คลิกค้นหาออกมาชม, ฟัง และเล่นได้ในทุกๆ คอลัมน์ อาทิ คลิปหนัง, เพลง รวมถึง Google Map แผนที่เดินทางไปร้านอาหารที่แนะนำ

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคในการจัดวางเลย์เอาท์ ให้สามารถอ่านได้ทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับฟังก์ชั่นของ Tablet เอง อันเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้อ่านด้วย ที่สำคัญ เมื่อโหลดมาเก็บไว้ที่เครื่องแล้ว จะเปิดอ่านที่ไหน เมื่อไรก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา ยกเว้นเมื่อต้องการ Interactive เช่น เสิร์ช Google Map หรือเล่นเกมชิงรางวัล ต้องเชื่อมต่อเน็ตด้วย

ซึ่งปัจจุบัน เอไอเอสมีเครือข่ายที่มีศักยภาพและครอบคลุมมากที่สุด ทั้ง EDGE Plus, 3G คลื่น 900 ด้วยความเร็วสูงสุด 21.6 Mbps. และล่าสุดกับเครือข่าย Wifi by -3BB ที่ครอบคลุมกว่า 25,000 จุดทั่วประเทศ ทำให้ปัจจุบันลูกค้าเอไอเอสมีเครือข่ายคุณภาพให้เลือกใช้งานได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม เราจึงมั่นใจว่าผู้อ่าน Serenade Magazine ฉบับนี้ จะได้รับอรรถรสในการอ่านอย่างเต็มที่ สามารถเชื่อมต่อชีวิตออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ” นายปรัธนากล่าว

“สำหรับโปรเจ็กท์ Serenade Magazine นี้เป็นการตอกย้ำการทำงานภายใต้แนวคิด Quality DNAs ที่สมบูรณ์แบบ เพราะต้องอาศัยศักยภาพความพร้อมทั้งในด้าน Device, Network, Application และ Service เข้าด้วยกัน ออกมาเป็นนวัตกรรมที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง” นางวิลาสินีกล่าวสรุป

Serenade Magazine เป็นนิตยสารราย 3 เดือน ฉบับแรกเป็นเล่มเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2554 ในคอนเซ็ปท์ “ความพิเศษเกิดขึ้นได้ทุกวัน” ประกอบด้วยคอลัมน์ทั้งหมด 13 คอลัมน์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการกิน ดื่ม ช้อปปิ้ง แฟชั่น ท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ และสมาร์ทเก็ทเจ็ท รวมถึงบทสัมภาษณ์ของสไตล์ไอคอนที่น่าสนใจ ที่หลากหลายและเต็มอิ่มมาก โดยในแต่ละคอลัมน์จะมีสิทธิพิเศษจากเอไอเอสสอดแทรกเข้าไปเพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบ อีกทั้งยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมเล่นเพื่อลุ้นรางวัลท้ายเล่มอีกด้วย

ข้อมูล Serenade Magazine

“Serenade Magazine” เรียกได้ว่าเป็นไลฟ์สไตล์ดิจิตอลแมกกาซีนเล่มแรกและเพียงเล่มเดียวในภูมิภาคที่ผลิตโดยโอเปอร์เรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งวางแผงบนดิจิตอลออนไลน์เท่านั้น โดยวัตถุประสงค์ในการจัดทำแมกกาซีนเล่มนี้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อ่านที่ชื่นชอบและเกาะติดเทคโนโลยี Smart Phone หรือ Tablet ต่างๆ ได้รับความบันเทิงได้ทุกที่ทุกเวลา

แนวคิด Serenade Magazine คือ “ความพิเศษเกิดขึ้นได้ทุกวัน” นั่นคือตอบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตด้วยสิทธิพิเศษที่หลากหลายจากเอไอเอส และการจัดวางเลย์เอ้าท์ที่ให้สามารถอ่านได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รวมทั้งมีกิมมิคพิเศษ ตรงลูกเล่น Interactive ต่างๆ ที่ฝังไว้ภายในแต่ละคอลัมน์ อาทิ ลิงค์วีดีโอ, ลิงค์ฟังเพลง หรือแม้กระทั่ง Google Map แผนที่เดินทางไปร้านอาหารที่แนะนำภายในเล่ม ผู้อ่านก็สามารถเดินทางไปได้เลย

เนื้อหาภายใน Serenade Magazine ประกอบไปด้วยคอลัมน์ทั้งหมด 13 คอลัมน์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ กิน ดื่ม ท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ แฟชั่น บทสัมภาษณ์ไลฟ์สไตล์ไอคอนที่น่าสนใจที่หลากหลายและเต็มอิ่มมาก นอกเหนือจากนั้นแล้ว ในแต่ละคอลัมน์จะมีการสอดแทรกสิทธิพิเศษเพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบ และยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นชิงรางวัลท้ายเล่มอีกด้วย

Serenade Magazine ไม่ได้จัดทำขึ้นมาสำหรับลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น เพียงแค่ท่านมี Gadget ที่รองรับก็สามารถดาวน์โหลดได้ เพราะเอไอเอสมุ่งหวังให้ท่านได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และรับทราบถึงความตั้งใจของ    เอไอเอสในการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า เพื่อในอนาคตเอไอเอสจะได้มีโอกาสรับใช้ท่านทุกคน

How to :
Gadget ที่รองรับ Serenade Magazine ได้แก่
o    iPad1, iPad2 ตั้งแต่ iOS 4.1 ขึ้นไป
o    Samsung Galaxy Tab ตั้งแต่ Firmware 2.2 ขึ้นไป
ขั้นง่ายๆ ของการดาวน์โหลด Serenade Magazine สำหรับ iPad
1.    เข้าไปที่ App Store
2.    Search คำว่า Serenade Magazine
3.    กดที่ปุ่ม Free เพื่อทำการ download แล้ว Install Application
4.    Icon Serenade Magazine จะปรากฏที่หน้าจอ ipad ของคุณ
ขั้นง่ายๆ ของการดาวน์โหลด Serenade magazine สำหรับ Samsung Galaxy Tab
1.    เข้าไปที่ Android Market
2.    Search คำว่า Serenade Magazine
3.    กดที่ปุ่ม Install เพื่อทำการ Install Application
4.    Icon Serenade Magazine จะเข้าไปอยู่ในหน้า Application ของคุณ

คอลัมน์ภายใน Serenade Magazine
ประกอบไปด้วยความพิเศษที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่หลากหลายเพื่อตอบรับกับทุก Lifestyle พร้อมด้วยสิทธิพิเศษมากมาย ประกอบด้วยคอลัมน์ต่างๆ ดังนี้
    Editor’s Talk: สาส์นจากบรรณาธิการ
    Socialize : ภาพข่าวกิจกรรมต่างๆ
    Style : สัมภาษณ์ Celeb เกี่ยวกับ Lifestyle ของตัวเองในด้านต่างๆ
    Take a Seat : รีวิวเรื่องเกี่ยวกับหนังในด้านต่างๆ พร้อมแนะนำหนังใหม่
    Book on Shelf : แนะนำหนังสือน่าอ่านทั้งแบบ Online และ Offline
    Sounds Good : รวมเพลงสุดฮิตหรือ Calling Melody สุดฮอต พร้อม Tips ในการ Download Calling Melody
    Smart Gadget : แนะนำ Gadget และ Smart Phone พร้อมแพ็คเกจสุดคุ้ม
    Everyday Special : ช่วงเวลาพิเศษในชีวิตของ 5 บุคคลจากหลากหลายอาชีพ
    SClub : แนะนำ Serenade Club
    Savoury : แนะนำร้านอาหาร พร้อมรับส่วนลดพิเศษ
    Special Moments : แนะนำแหล่งท่องเที่ยวสุดพิเศษ พร้อม Tips & Trick เกี่ยวกับการใช้งานมือถือเมื่ออยู่ต่างประเทศ
    Surprize : ร่วมเล่นเกมส์ง่ายๆ พร้อมรับขอรางวัลมากมาย
    All Privileges : สรุปรวมสิทธิพิเศษจาก AIS

View :1995

โนเกียแต่งตั้ง กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่

July 1st, 2011 No comments


โนเกียประกาศแต่งตั้ง ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รับผิดชอบการดำเนินงานโดยรวม สร้างการเติบโต และความสำเร็จ ตลอดจนขยายตลาด ของโนเกีย ทั้งในประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่

ก่อนที่จะมารับตำแหน่ง ดังกล่าว แกรนท์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการขาย โนเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำที่ประเทศสิงคโปร์ โดยดูแลการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย ผลการดำเนินงาน และกลยุทธ์ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ศักยภาพของช่องทางการขายเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และความแข็งแกร่งทางธุรกิจในระยะยาว

แกรนท์ร่วมงานกับโนเกียครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2547 ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายร้านค้าปลีก ประจำประเทศนิวซีแลนด์ จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย โนเกีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ด้วยผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมด้านยอดขาย การเติบโต และส่วนแบ่งตลาด แกรนท์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศสิงคโปร์ รับผิดชอบการดำเนินงานโดยรวมในประเทศสิงคโปร์

มร. แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ กล่าวว่า “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาทำงานในตลาดที่ไม่หยุดนิ่งและเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของโนเกีย โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นการเริ่มต้นของโนเกียยุคใหม่   ผมจะนำประสบการณ์ทั้งหมดมาใช้เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด และมอบประสบการณ์การสื่อสารไร้สายที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่”

ก่อนที่จะ มา ร่วมงานกับโนเกีย แกรนท์ได้ ทำ งานกับบริษัท ระดับโลก รายใหญ่หลายแห่ง พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ ด้านการเป็นผู้นำ การเงิน การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย   การขาย และการบริหารผลิตภัณฑ์

ปัจจุบันแกรนท์อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ พร้อมครอบครัว

ประวัติผู้บริหาร

มร . แกรนท์ แมคบีธ
กรรมการผู้จัดการ
โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่

แกรนท์ แมคบีธ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ เมื่อวันที่ 1 กร กฏาคม พ.ศ. 2554 รับผิดชอบการดำเนินงานโดยรวมของโนเกียในประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ สร้างการเติบโตและความสำเร็จ ตลอดจนขยายตลาดทั้งในประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่

ก่อนที่จะมารับตำแหน่งในประเทศไทย แกรนท์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการขาย โนเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำที่ประเทศสิงคโปร์ โดยดูแลการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย ผลการดำเนินงาน และกลยุทธ์ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยใช้ศักยภาพของช่องทางการขายเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และความแข็งแกร่งทางธุรกิจในระยะยาว

ก่อนหน้านี้ แกรนท์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป โนเกีย สิงคโปร์ รับผิดชอบการดำเนินงาน ตั้งแต่การขาย การตลาด ช่องทาง
จัดจำหน่าย การเงิน โลจิสติกส์ และการดูแลลูกค้า ของโนเกีย สิงโปร์ แกรนท์ประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่แพลทฟอร์มดิจิตอลและโซเชียลมีเดีย

แกรนท์ร่วมงานกับโนเกียครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2547 ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายร้านค้าปลีก ประจำประเทศนิวซีแลนด์ จากนั้น
ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย โนเกีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ด้วยผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมด้านยอดขาย การเติบโต และส่วนแบ่งตลาด

ก่อนที่จะร่วมงานกับโนเกีย แกรนท์ได้ทำงานกับบริษัทข้ามชาติรายใหญ่หลายแห่ง ได้แก่ แคดบูรี่ เท็กซาโก้ เอสซี จอห์นสัน และโคคา -โคลา พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ด้านการเป็นผู้นำ การเงิน การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย   การขาย และการบริหารผลิตภัณฑ์

แกรนท์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีพาณิชยศาสตร์ สาขาวิชาการตลาด และการเงินการบัญชี จากมหาวิทยาลัยอ๊อคแลนด์   และปริญญาโทบริหารธุรกิจ (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ

แกรนท์สมรสแล้วและมีบุตร 3 คน

View :2097

โมบายล์แอพพลิเคชั่น … โอกาสของนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทย

June 30th, 2011 No comments

บทความ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ในยุคปัจจุบัน อุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ต ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้คนมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารพื้นฐานแล้ว อุปกรณ์เคลื่อนที่ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง หรือเล่นเกมส์ และยังใช้เป็นอุปกรณ์ในการรับข้อมูลข่าวสารไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารออนไลน์ต่างๆ นอกเหนือจากนี้ ยังมีการประยุกต์ใช้เพื่อเสริมความสามารถในการทำธุรกิจ เช่น การใช้อุปกรณ์แท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ช่วยของพนักงานขายในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าอย่างน่าสนใจ โดยมีทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียง เป็นต้น ทั้งนี้ แอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือโมบายล์แอพพลิเคชั่นนั้น มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความหลากหลายของอรรถประโยชน์ต่างๆบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์ถึงสภาพการณ์ และแนวโน้มตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นในไทย รวมไปถึงโอกาสและข้อคิดสำหรับนักพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยในการเข้าสู่ธุรกิจการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น


    ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นไทย…มักถูกแจกจ่ายฟรี เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด

ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นของไทยในปัจจุบันนั้นยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผู้บริโภคชาวไทยมักเลือกซื้อแอพพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาในต่างประเทศเป็นหลัก แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยเองนั้นยังคงมีอยู่จำนวนน้อย โดยจากการรวบรวมของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า จำนวนแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยรวมทุกแพลตฟอร์มของอุปกรณ์เคลื่อนที่ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมมีอยู่ประมาณ 871 แอพพลิเคชั่น   เมื่อเทียบกับจำนวนโมบายล์แอพพลิเคชั่นทั้งหมดทั่วโลกซึ่งอยู่ราว 743,640 แอพพลิเคชั่น

โมบายล์แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยในปัจจุบันนั้น มักถูกพัฒนาโดยองค์กรต่างๆทั้งของรัฐและเอกชนเพื่อเป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูลและให้บริการต่างๆ แอพพลิเคชั่นต่างๆเหล่านี้มักถูกแจกจ่ายฟรี หรือจำหน่ายในราคาที่ต่ำ เพื่อสร้างฐานผู้ใช้งานให้กว้างขวาง โดยปัจจุบันมีสัดส่วนแอพพลิเคชั่นแบบฟรีรวมทุกแพลตฟอร์มราวร้อยละ 43.6 และแบบที่ต้องชำระเงินราวร้อยละ 56.4 โดยแอพพลิเคชั่นที่ขายในระดับราคา 0.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับราคาเริ่มต้น จะมีอยู่ราวร้อยละ 18.8 ของแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยทั้งหมด

ปัจจุบัน โมบายล์แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยมักถูกพัฒนาขึ้นสำหรับตลาดผู้บริโภค และเพื่อส่งเสริมธุรกิจหรือบริการหลักที่องค์กรรัฐหรือเอกชนนั้นดำเนินการอยู่ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 วัตถุประสงค์หลัก ดังนี้

1)    เพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ แอพพลิเคชั่นประเภทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคค้นหาหรืออ้างอิง เช่น แอพพลิเคชั่นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่รวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในไทย หรือแอพพลิเคชั่นของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาข้อมูลโครงการบ้านต่างๆของบริษัทได้ เป็นต้น

2)    เพื่อใช้เป็นช่องทางจัดจำหน่ายคอนเทนต์ แอพพลิเคชั่นประเภทนี้มักจะอนุญาตให้ผู้บริโภคสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ฟรี แต่ต้องซื้อเนื้อหารายฉบับ หรือสมัครสมาชิกรายเดือน เช่น แอพพลิเคชั่นหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารออนไลน์ปกต่างๆ เป็นต้น

3)    เพื่อใช้เป็นช่องทางในการให้บริการต่างๆ แอพพลิเคชั่นประเภทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นช่องทางในการให้บริการออนไลน์ต่างๆ เพื่อความสะดวกของผู้บริโภค เช่น การจองตั๋วชมภาพยนตร์ การซื้อ-ขายหุ้น การทำธุรกรรมธนาคารออนไลน์ เป็นต้น

4)    เพื่อจำหน่ายเป็นแอพพลิเคชั่นอรรถประโยชน์ต่างๆ ซึ่งบางส่วนอาจอนุญาตให้ผู้บริโภคใช้งานได้ฟรี แต่จะถูกจำกัดฟังก์ชั่นการทำงานที่สามารถใช้งานได้ โดยผู้บริโภคสามารถชำระเงินเพื่อใช้งานแอพพลิเคชั่นฉบับเต็มที่มีความสามารถที่สูงกว่า เช่น แอพพลิเคชั่นแปลภาษา ซึ่งในฉบับทดลองใช้ อาจใช้แปลภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ถ้าต้องการใช้งานฟังก์ชั่นแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ก็ต้องชำระเงินเพื่อสามารถใช้งานฉบับเต็มได้ เป็นต้น

    ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นปี ’54 หลากหลายปัจจัยหนุนการขยายตัว

แม้ว่าตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นไทยยังคงมีขนาดเล็กและอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการที่จะมีส่วนผลักดันให้ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นในปี 2554 มีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด รวมไปถึงการหนุนให้นักพัฒนาหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดนี้มากยิ่งขึ้น ดังนี้

•    การขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟน จากคุณสมบัติอันโดดเด่นของสมาร์ทโฟนในเรื่องของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และสามารถลงแอพพลิเคชั่นต่างๆได้ จนมีการกล่าวกันว่าสมาร์ทโฟน คือ คอมพิวเตอร์ขนาดย่อส่วน ที่ผู้บริโภคสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ จึงทำให้เกิดความยืดหยุ่นสูงในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อสร้างบริการใหม่ๆ ในการตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2554 ตลาดสมาร์ทโฟนจะมีอัตราการเติบโตราวร้อยละ 31.7 ถึง 38.8  โดยในปีนี้ผู้ประกอบการได้มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าสมาร์ทโฟนอีกหลายรุ่น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับบน การขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟนดังกล่าว จะมีส่วนช่วยผลักดันการขยายตัวของฐานผู้บริโภคบนตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นมากขึ้น

•    การขยายตัวของตลาดแท็บเล็ต ถึงแม้ว่าฟังก์ชั่นการทำงานโดยทั่วไปของแท็บเล็ตจะมีความคล้ายคลึงกันกับสมาร์ทโฟน แต่ด้วยความเร็วในการประมวลผลข้อมูลที่สูงกว่า และขนาดของหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น ประกอบกับความสามารถในการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาสำหรับสมาร์ทโฟนได้ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจในการใช้งานแท็บเล็ตในวงกว้างมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการใช้งานส่วนบุคคลในลักษณะเดียวกับสมาร์ทโฟนแล้ว แท็บเล็ตยังถูกนำมาประยุกต์ใช้ในด้านธุรกิจ หรือแม้แต่ถูกประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์ และการศึกษา ทั้งนี้ ในปี 2554 ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอซีทีในไทยได้มีการคาดการณ์กันว่ายอดจำหน่ายรวมของแท็บเล็ตในไทยจะมีราว 2 ถึง 3 แสนเครื่อง

•    การเปิดให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ จากการที่ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่บางรายมีแผนที่จะทยอยเปิดให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 นั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าธุรกิจบริการโทรคมนาคมสู่ยุคการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง และคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาบริการและแอพพลิเคชั่นใหม่ๆที่ต้องอาศัยการสื่อสารความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ออนไลน์ หรือแม้แต่การเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมออนไลน์บนอุปกรณ์พกพามากยิ่งขึ้น

•    ราคาจำหน่ายที่ถูก โมบายล์แอพพลิเคชั่นที่จำหน่ายผ่านร้านแอพพลิเคชั่นออนไลน์จะมีทั้งแบบฟรีและแบบที่ต้องชำระเงิน โดยแอพพลิชั่นแบบฟรีในตลาดโลกมีสัดส่วนราวร้อยละ 36.2 ของแอพพลิเคชั่นรวมทุกแพลตฟอร์ม ในขณะที่แบบที่ต้องชำระเงินจะมีสัดส่วนราวร้อยละ 63.8 สำหรับแอพพลิเคชั่นแบบที่ต้องชำระเงินนั้นจะมีราคาเฉลี่ยรวมทุกแพลตฟอร์มอยู่ที่ 4.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีราคาเริ่มต้นที่ 0.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับราคาที่มีจำนวนแอพพลิเคชั่นราวร้อยละ 29.6 ของแอพพลิเคชั่นทั้งหมด สำหรับโมบายล์แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทย ก็มีแนวโน้มเช่นเดียวกันดังกล่าวมาแล้วข้างต้น

•    ช่องทางการจัดจำหน่าย ที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก โมบายล์แอพพลิเคชั่นจะถูกขายออนไลน์ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่เรียกว่า ร้านแอพพลิเคชั่นออนไลน์ (Online Application Store) โดยผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านแอพพลิเคชั่นของร้านออนไลน์ดังกล่าวบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ประกอบกับการจัดหมวดหมู่แอพพลิเคชั่นที่ง่ายแก่การค้นหา และระบบการชำระเงินที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือผ่านระบบการชำระเงินออนไลน์อย่างเพย์พาล

•    สร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เคยมีมาก่อนให้แก่ผู้บริโภค จากคุณลักษณะการใช้งานของอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต เช่น ระบบสั่งงานแบบสัมผัส เป็นต้น ทำให้เกิดการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ในการใช้งานในรูปแบบใหม่ ซึ่งสะดวกและง่ายแก่การใช้งาน โดยผู้บริโภคไม่เคยประสบมาก่อนในการทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่

จากปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น จะมีส่วนช่วยผลักดันให้ฐานผู้ใช้งานโมบายล์แอพพลิเคชั่นในไทยมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับองค์กรรัฐหรือเอกชน เพื่อเป็นช่องทางการทำตลาดหรือส่งเสริมบริการของตนในตลาดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และอาจมีส่วนในการปฏิวัติรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภค รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การชอปปิ้งในห้างสรรพสินค้าเสมือนจริงบนโมบายล์แอพพลิเคชั่น ซึ่งสามารถกระทำได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2554 ตลาดพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นในไทยจะมีการขยายตัวสูงขึ้น โดยมีจำนวนแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยรวมทุกแพลตฟอร์มในตลาดผู้บริโภคเพิ่มขึ้นสู่ระดับประมาณ 1,300 แอพพลิเคชั่น จากสิ้นปี 2553 ที่มีอยู่ราว 530 แอพพลิเคชั่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 147.2 ทั้งนี้ เมื่อคิดเป็นมูลค่าของธุรกิจพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับด้านต้นทุนการพัฒนาในปี 2554 จะอยู่ที่ราว 495 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 86.8 จากปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ราว 265 ล้านบาท

นอกเหนือจาก โอกาสของนักพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยในตลาดผู้บริโภคแล้ว  ตลาดองค์กร ก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจในอนาคตเช่นกัน เนื่องจาก ตลาดองค์กรเป็นตลาดที่ใหญ่และมีเม็ดเงินในการลงทุนที่สูง โดยในปี 2553 ตลาดองค์กรสำหรับธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) นั้นมีมูลค่าถึงร้อยละ 74.8 ของตลาดซอฟต์แวร์ทั้งหมดในไทย คิดเป็นมูลค่าถึง 54,165 ล้านบาท

สำหรับการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับตลาดองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งต้องการระบบการทำงานที่มีความพร้อมในการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง (Availability) และความน่าเชื่อถือของระบบ (Reliability) ที่สูง ทำให้การพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นในช่วงแรก น่าจะยังคงเป็นเพียงส่วนเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ซอฟต์แวร์ระบบที่มีอยู่ก่อนหน้า โดยโมบายล์แอพพลิเคชั่นจะทำหน้าที่รับข้อมูลและส่งไปประมวลผลที่ซอฟต์แวร์ระบบ หรือดึงข้อมูลที่เก็บไว้ที่ซอฟต์แวร์ระบบมาแสดงผลให้แก่ผู้ใช้งาน เช่น การพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบบริหารสินค้าคงคลังในห้างสรรพสินค้า ซึ่งพนักงานสามารถเรียกดูว่าสินค้าที่ลูกค้ากำลังสอบถามนั้น มีอยู่หรือไม่และจัดวางอยู่ที่ชั้นวางบริเวณใดผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เป็นต้น

ขณะที่การพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับตลาดองค์กรขนาดเล็ก ซึ่งมีระบบการทำงานที่ไม่ซับซ้อน และจำนวนผู้ใช้งานระบบที่ไม่มากนัก ทำให้โมบายล์แอพพลิเคชั่นอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการใช้งานแทนระบบซอฟแวร์เดิมบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เนื่องจาก ความคล่องตัวของอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มากกว่า ซึ่งอาจช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรขนาดเล็กได้ เช่น ระบบบัญชีบนโมบายล์แอพพลิเคชั่น ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้ผู้บริหารสามารถเรียกดูรายงานสรุปการดำเนินธุรกิจจากที่ใดก็ได้ เป็นต้น

    ข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น

ถึงแม้ว่าตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นจะมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2554 แต่นักพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายและข้อจำกัดต่างๆที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในตลาดนี้ได้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้รวบรวมข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น ดังนี้

•    พัฒนาแอพพลิเคชั่นในหลากหลายแพลตฟอร์ม และสามารถทำตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศ จากการที่โมบายล์แอพพลิเคชั่นถูกขายผ่านทางร้านแอพพลิเคชั่นออนไลน์ ซึ่งมักถูกเก็บส่วนแบ่งรายได้ราวร้อยละ 30 ของยอดขาย ประกอบกับราคาของแอพพลิเคชั่นมักถูกตั้งในราคาไม่กี่ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้รายได้ต่อการขายหนึ่งครั้งค่อนข้างต่ำ จึงมีความจำเป็นที่ต้องขายในปริมาณมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการที่อิงรายได้หลักจากยอดแอพพลิเคชั่นที่ขายได้ ควรพิจารณาพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนหลากหลายแพลตฟอร์มของอุปกรณ์เคลื่อนที่ และออกแบบให้สามารถจับตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยอาจพัฒนาให้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

•    สร้างความแตกต่างให้กับแอพพลิเคชั่นที่จะพัฒนา ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก ทำให้มีผู้ประกอบการทั้งที่เป็นองค์กร รวมถึงนักพัฒนาอิสระหันมาพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นมากยิ่งขึ้น ทำให้จำนวนแอพพลิเคชั่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความหลากหลายให้เลือก ผู้ประกอบการควรมองหาช่องว่างทางการตลาดที่มีความต้องการเฉพาะสำหรับผู้บริโภคหรือธุรกิจไทย เพื่อออกแบบแอพพลิเคชั่นที่จะพัฒนาให้มีความแตกต่างและมีจุดเด่นที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค หรือตอบโจทย์ความต้องการใช้งานเฉพาะด้านของธุรกิจ รวมถึงการสร้างความได้เปรียบเหนือจุดด้อยของแอพพลิเคชั่นคู่แข่ง

•    ปรับปรุงและพัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง จากการแข่งขันที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น ทำให้แอพพลิเคชั่นที่เคยได้รับความนิยม อาจจะเสื่อมความนิยมลงอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ถูกลอกเลียนแนวคิดและมีการออกแอพพลิเคชั่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันออกมา นักพัฒนาต้องหมั่นสำรวจตลาดและวางแผนในการปรับปรุงและพัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆให้แก่แอพพลิเคชั่นในการรักษาและขยายฐานลูกค้าของตน

•    ร่วมมือกับสถานศึกษาในการผลิตนักพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น เนื่องจาก ธุรกิจการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นของไทยนั้นยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงยังคงมีปัญหาการขาดแคลนบุคคลากรที่มีความรู้และความชำนาญเฉพาะในการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น ผู้ประกอบการอาจร่วมมือกับสถานศึกษาในการเปิดหลักสูตรการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น รับนักศึกษาฝึกงาน ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาในการทำจุลนิพนธ์ของนักศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมของบุคคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาด และสามารถเริ่มต้นการทำงานได้เร็วหลังจากจบการศึกษา

บทสรุป
ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นในไทยยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยผู้บริโภคมักเลือกซื้อแอพพลิเคชั่นต่างประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ดี จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของฐานผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ประกอบกับการทยอยเริ่มเปิดให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ รวมไปถึงการเข้ามาขององค์กรรัฐ และผู้ประกอบการเอกชน ในการผลักดันการพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ เพื่อเป็นช่องทางส่งเสริมบริการหรือธุรกิจหลักของตน ทำให้ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยมีแนวโน้มเติบโตที่ดี และเป็นโอกาสของนักพัฒนาไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2554 จำนวนแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยรวมทุกแพลตฟอร์มในตลาดผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับประมาณ 1,300 แอพพลิเคชั่น จากราว 530 แอพพลิเคชั่นในปี 2553 ทั้งนี้ เมื่อคิดเป็นมูลค่าของธุรกิจพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับด้านต้นทุนการพัฒนาในปี 2554 จะอยู่ที่ราว 495 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 86.8 จากปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ราว 265 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มที่สำคัญในตลาดผู้บริโภคนั้น โมบายล์แอพพลิเคชั่นจะทำให้เกิดการปฏิวัติรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภค และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การจับจ่ายซื้อของผ่านห้างสรรพสินค้าเสมือนจริงบนโมบายล์แอพพลิเคชั่น เป็นต้น หรือแม้แต่ในตลาดองค์กรและผู้ประกอบการขนาดเล็ก จะเกิดโมบายล์แอพพลิเคชั่นใหม่ๆที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้คล่องตัวยิ่งขึ้น ตลาดโมบายล์แอพพลิเคชั่นต่างๆดังกล่าวเหล่านี้ ยังคงเป็นตลาดใหม่สำหรับเมืองไทย จึงเป็นช่องว่างทางการตลาด และโอกาสอันสำคัญสำหรับนักพัฒนาไทย ซึ่งมีความเข้าใจในความต้องการผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจของไทยเป็นอย่างดี ในการเข้าช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดธุรกิจซอฟต์แวร์จากนักพัฒนาต่างประเทศได้

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น จะยังคงต้องเผชิญความท้าทายและข้อจำกัดต่างๆในการดำเนินธุรกิจพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดแคลนบุคคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ หรือแม้แต่สภาพการแข่งขันที่โมบายล์แอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ถูกตั้งราคาไว้ต่ำ ประกอบกับการถูกร้านแอพพลิเคชั่นออนไลน์เก็บส่วนแบ่งรายได้ราวร้อยละ 30 ของยอดขาย และความท้าทายในการถูกลอกเลียนแนวคิดและมีแอพพลิเคชั่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันออกสู่ตลาด

Disclaimer:
“รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงข้อมูลได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

 

View :2627