Archive

Archive for the ‘SmartPhone/Mobile phone’ Category

มีเดีย อินฟินีตี้ เอาใจแฟนพันธุ์แท้ตระกูลมือถืออาม่า พร้อมส่ง “อาม่าพลัส ลิมิเต็ด อิดิชั่น”(R’Ma Plus Limited Edition) ลงตลาด

August 17th, 2011 No comments


หลังจากได้รับกระแสตอบรับแรงเกินคาดกับมือถือ “ซุปเปอร์อาม่า มัมอิดิชั่น” () จึงทำให้มีกระแสเรียกร้องที่อยากจะให้มีอาม่าพลัสจอขาวดำมีรุ่นกล่องดอกมะลิออกมาบ้าง ล่าสุด บริษัท มีเดีย อินฟินีตี้ จำกัด กระตุ้นตลาดมือถือเฮ้าส์แบรนด์ พร้อมเอาใจลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ตระกูลมือถืออาม่าอีกครั้ง ด้วยการส่ง “อาม่าพลัส ลิมิเต็ด อิดิชั่น”(R’Ma Plus Limited Edition) ลงตลาดปิดท้ายปลายเดือนสิงหาคม ด้วยหน้าจอขาวดำ ปุ่มกดใหญ่ ใช้งานง่าย รองรับ 2 ซิม วิทยุ FM Radio แฮนด์ฟรีในตัว และรองรับทุกฟังก์ชั่นพื้นฐานและที่สำคัญฟังก์ชั่นตัวแทนความห่วงใย S.O.S. อีกทั้งความพิเศษที่มาพร้อมกับคีย์แพดสีฟ้าสดใสสไตล์ โลลิป๊อป (lollipop) พร้อมกล่องสุดหรูลายดอกมะลิ เหมาะสำหรับเป็นของฝากของขวัญให้ผู้สูงอายุหรือคุณพ่อคุณแม่

“อาม่าพลัส ลิมิเต็ด อิดิชั่น”(R’Ma Plus Limited Edition) วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 1,490 บาท โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือมีเดีย อินฟินีตี้ ได้แก่ แมคโคร, และดีแทคช็อป ทุกสาขา โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ โทร : 02-374-7733 หรือ www.media-infinity.com , www.infinity-phone.com

View :3791

3G พลิกโฉมการสื่อสารไร้สายของไทย คนกรุงกว่าร้อยละ 89 มีแผนใช้งานในอนาคต

August 15th, 2011 No comments

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ปัจจุบัน การสื่อสารโทรคมนาคมได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนยุคใหม่ นอกเหนือจากการสื่อสารในรูปแบบเสียงแล้ว การสื่อสารในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคการสื่อสารที่เน้นข้อมูลในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีทั้งภาพและเสียงหรือที่เรียกกันว่ามัลติมีเดียมากยิ่งขึ้น ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งในการตอบสนองความต้องการในการสื่อสารของยุคนี้ คือ ความเร็วในการรับและส่งผ่านข้อมูล ซึ่งเป็นที่มาของเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงในยุคที่ 3 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า (Third Generation)

ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เอกชนรายหลักได้มีการเปิดทดสอบให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่เดิม (HSPA) มาตั้งแต่ปี 2552 โดยจำกัดขอบเขตในบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเกิดความคุ้นเคยและได้ทดลองใช้งานบริการ 3G มาก่อนหน้านี้ ในขณะที่การเปิดประมูลใบอนุญาตให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1GHz จะต้องรอการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งคาดว่าอย่างเร็วที่สุดน่าจะจัดตั้งได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 ของปี 2554 และการประมูลน่าจะถูกจัดขึ้นได้ในช่วงกลางปี 2555 เป็นอย่างเร็ว อย่างไรก็ดี ผู้ให้บริการเอกชนรายหลักได้เริ่มทยอยเปิดตัวให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์บนคลื่นความถี่เดิมในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 นี้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะพลิกโฉมการสื่อสารโทรคมนาคมของไทยให้เข้าสู่ยุคการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจในหัวข้อพฤติกรรมการใช้งานบริการ 3G ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ โดยมีจำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 629 ชุด เพื่อศึกษาความต้องการการใช้งานบริการ 3G และบริการเสริมด้านข้อมูลต่างๆบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

 ผลสำรวจความต้องการใช้บริการ 3G…คนกรุงมีแผนใช้ 3G ในอนาคตสูงถึงร้อยละ 89.5

การเปิดทดสอบให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่เดิมตั้งแต่ปี 2552 นับได้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความคุ้นเคยในหมู่ผู้บริโภคในการใช้งานบริการ 3G นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการให้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการวางแผน และกำหนดยุทธวิธีการทำตลาดในช่วงระยะถัดไปที่จะมีการทยอยเปิดให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาบริการเสริมด้านข้อมูล หรือแม้แต่การพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นใหม่ๆที่ต้องอาศัยการสื่อสารความเร็วสูง จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานบริการ 3G ในระยะที่ผ่านมา พบประเด็นต่างๆ ดังนี้

 คนกรุงเทพฯกำลังใช้งานบริการ 3G อยู่ร้อยละ 36.6 ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ใช้งานที่มีแผนจะใช้งานในอนาคตมีถึงร้อยละ 89.5

จากการสอบถามถึงการใช้งานบริการ 3G ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราวร้อยละ 36.6 กำลังใช้งานบริการ 3G อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อย ในช่วงที่การเปิดให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์เพิ่งจะอยู่ในระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามราวร้อยละ 54.4 ให้ข้อมูลว่ายังไม่เคยใช้งานบริการ 3G มาก่อน โดยมีเหตุผลหลัก คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนไม่รองรับระบบ 3G คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53.5 ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มที่ให้เหตุผลดังกล่าวมีแผนที่จะใช้งานบริการ 3G ในอนาคตสูงถึงร้อยละ 85.2 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ผู้บริโภคในกลุ่มดังกล่าวจะเปลี่ยนโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่เพื่อให้สามารถใช้งาน 3G ได้

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังให้เหตุผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่ยังไม่เคยใช้งานบริการ 3G อีกว่า พื้นที่ให้บริการ 3G ยังไม่ครอบคลุม คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 52.3 สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจาก การเปิดให้บริการ 3G ในช่วงก่อนหน้านี้ ยังคงเป็นลักษณะการทดสอบให้บริการ ซึ่งจำกัดอยู่เฉพาะบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่เท่านั้น อย่างไรก็ดี ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหลักมีแผนที่จะเปิดให้บริการ 3G ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ภายในสิ้นปี 2554 นี้ และจะครอบคลุมทั่วประเทศภายใน 3 ปี ทำให้ข้อจำกัดเกี่ยวกับพื้นที่ให้บริการ 3G มีแนวโน้มลดลงในอนาคต

จากผลการสำรวจยังพบอีกว่า โดยภาพรวมแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามที่ยังไม่เคยใช้บริการ 3G มีแผนที่จะใช้บริการในอนาคตสูงถึงร้อยละ 89.5 ของผู้ที่ยังไม่ได้ใช้บริการในปัจจุบัน สะท้อนถึงโอกาสทางการตลาดอันสำคัญสำหรับผู้ให้บริการโครงข่าย 3G รวมไปถึงผู้ให้บริการเสริมด้านคอนเทนต์ และนักพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น ที่จะพัฒนาบริการหรือแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ต้องอาศัยการสื่อสารความเร็วสูง

 ร้อยละ 80 ของผู้ใช้งานบริการ 3G ในปัจจุบัน ใช้บริการ 3G ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่

ปัจจุบัน การเชื่อมต่อเพื่อใช้งานบริการ 3G สามารถกระทำผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้หลากหลาย ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เน็ตบุ๊ค แท็บเล็ต และโน๊ตบุ๊คผ่านแอร์การ์ด 3G จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯราวร้อยละ 80 ใช้บริการ 3G ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีสัดส่วนการใช้บริการผ่านสมาร์ทโฟนสูงถึงร้อยละ 84.8 ของผู้ใช้บริการ 3G ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้บริโภคในการถือครองสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่มีสมรรถนะสูง และสามารถใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ผ่านทางโมบายล์แอพพลิเคชั่น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการรองรับการพัฒนาบริการเสริมทางด้านข้อมูลใหม่ๆในอนาคตมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์เคลื่อนที่ประเภทแท็บเล็ต ซึ่งมีสัดส่วนผู้ใช้งานบริการ 3G ผ่านอุปกรณ์ดังกล่าวถึงร้อยละ 13.0 ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่น่าจับตามองเช่นกัน เนื่องจาก ฟังก์ชั่นการทำงานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟน แต่ด้วยความเร็วในการประมวลผลข้อมูลที่สูงกว่า ขนาดของหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ และสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาสำหรับสมาร์ทโฟนได้ ประกอบกับผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอซีทีในไทยเริ่มเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 ทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจใช้งานแท็บเล็ตในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

 ผลสำรวจบริการด้านข้อมูล…คนกรุงต้องการช่องทางสื่อสารรูปแบบใหม่ที่เน้นมัลติมีเดีย

ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้งานบริการด้านข้อมูล (Non-Voice) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 บริการด้านข้อมูลมีมูลค่ากว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ขยายตัวราวร้อยละ 24.4 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.2 ของมูลค่ารวมบริการด้านเสียงและข้อมูล ในขณะที่ปี 2554 บริการด้านข้อมูลมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงสนับสนุนจากการทยอยเปิดตัวการให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหลักในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ประกอบกับการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนที่กำลังอยู่ในกระแสความนิยม ซึ่งจะมีส่วนผลักดันการใช้งานบริการด้านข้อมูลให้เพิ่มสูงยิ่งขึ้น โดยในปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า บริการด้านข้อมูลจะมีมูลค่าราว 3.3 ถึง 3.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัวราวร้อยละ 27.0 ถึง 34.6 คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 20.8 ของตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวม

จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯต่อบริการด้านข้อมูลบนระบบ 3G พบว่า บริการที่มีผู้ต้องการใช้ผ่านระบบ 3G มากที่สุด ได้แก่ เครือข่ายสังคมออนไลน์ (ร้อยละ 71.6) รองลงมาคือ ชมทีวีออนไลน์ (ร้อยละ 64.7) บริโภคข่าวสาร (ร้อยละ 59.3) และฟังเพลงออนไลน์ (ร้อยละ 54.7) สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคในการใช้งานเครือข่าย 3G เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ในการส่งผ่านข้อมูลปริมาณมาก ทั้งในรูปแบบข้อความ ภาพและเสียง ทั้งนี้ เพื่อการอัพเดทข้อมูลกิจกรรมที่ตนทำอยู่ให้แก่เครือข่ายเพื่อนฝูง หรือเพื่อสร้างความบันเทิงส่วนตัว รวมไปถึงการบริโภคข่าวสารในรูปแบบมัลติมีเดีย ซึ่งบริการกลุ่มนี้ค่อนข้างเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างได้ทุกเพศทุกวัย ขณะที่บริการที่ค่อนข้างมีวัตถุประสงค์ในการใช้ที่เฉพาะเจาะจง อย่างเช่น ธนาคารบนมือถือ การซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นต้น จะมีผู้สนใจในสัดส่วนที่น้อยกว่า

เมื่อพิจารณาความต้องการใช้งานบริการด้านข้อมูลบนระบบ 3G แยกตามช่วงอายุ อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ในช่วงอายุ 15 ถึง 29 ปี มีความต้องการใช้บริการด้านข้อมูลบนระบบ 3G ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ และบริการเพื่อความบันเทิงต่างๆ ในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่น นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ก็มีความสนใจบริการด้านข่าวสารเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นสัดส่วนที่ต่ำกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่น แต่ก็มีสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 56.1

สำหรับกลุ่มที่มีอายุอยู่ในช่วง 30 ถึง 44 ปี ให้ความสนใจกับบริการด้านข้อมูลทุกประเภท และมีสัดส่วนปานกลางเมื่อเทียบกับผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุอื่น ยกเว้น บริการที่เกี่ยวกับการจับจ่ายซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุดังกล่าวมีผู้ให้ความสนใจสูงกว่าผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุอื่น สำหรับกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 44 ปี ให้ความสนใจใช้บริการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร และธนาคารบนมือถือในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่น และไม่ค่อยให้ความสนใจในการจับจ่ายซื้อสินค้าหรือบริการมากนัก

 ผลสำรวจบริการด้านความบันเทิงออนไลน์…คนกรุงต้องการบริการที่มีคอนเทนต์หลากหลาย

ปัจจุบัน การบริโภคดิจิทัลคอนเทนต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้น มักจะเป็นไปเพื่อความสนุกสนานบันเทิงใจ ไม่ว่าจะเป็นการชมทีวี ฟังเพลง หรือเล่นเกม โดยบริการเหล่านี้รวมเรียกว่า โมบายล์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Mobile Entertainment) สำหรับประเทศไทย ในอดีตที่ผ่านมา บริการดังกล่าวมักมีข้อจำกัดจากความเร็วของโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งอยู่ระหว่าง 80 ถึง 200 กิโลบิตต่อวินาที ทำให้คุณภาพการให้บริการไม่ค่อยเป็นที่พอใจของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี การทยอยเปิดให้บริการ 3G ในช่วงครึ่งหลังของปี ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพลิกโฉมการให้บริการโมบายล์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ให้มีทั้งคุณภาพและความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดบริการด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับความบันเทิงแบบออนไลน์ โดยผู้บริโภคสามารถชมทีวี ฟังเพลง หรือเล่นเกม ในขณะที่เชื่อมต่อการใช้บริการได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอการดาวน์โหลดเนื้อหามาเก็บไว้ที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ก่อน จึงจะสามารถบริโภคเนื้อหาดังกล่าวได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคต่อลักษณะเนื้อหาและการชำระเงินในการใช้บริการความบันเทิงแบบออนไลน์บนระบบ 3G โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

 ผู้บริโภคสนใจชมภาพยนตร์มากที่สุด และอยากจะจ่ายรายเดือนเพื่อชมหนึ่งช่องรายการไม่อั้น

บริการทีวีออนไลน์เป็นบริการลักษณะมัลติมีเดียซึ่งมีทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียง ข้อจำกัดที่สำคัญอย่างหนึ่งของการให้บริการดังกล่าว คือ ขนาดของข้อมูลมักจะใหญ่ ทำให้ความเร็วของโครงข่ายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดถึงคุณภาพของการให้บริการ โดยความเร็วขั้นต่ำที่พอจะเปิดให้บริการแบบออนไลน์ คือ 64 ถึง 80 กิโลบิตต่อวินาที จึงทำให้มีผู้ให้บริการบางรายเปิดให้บริการดังกล่าวบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปจากการที่ต้องรับส่งข้อมูลจำนวนมาก เมื่อเทียบกับอรรถรสของการชมที่ได้รับ ทำให้บริการดังกล่าวได้รับความนิยมไม่ค่อยสูงนัก ทั้งนี้ การเปิดให้บริการ 3G จะมีส่วนช่วยผลักดันให้คุณภาพของการให้บริการดีขึ้น รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการรับส่งข้อมูลที่ลดลง ซึ่งจะมีส่วนผลักดันให้บริการดังกล่าวขยายตัวยิ่งขึ้น

จากผลการสำรวจเกี่ยวกับรายการทีวีออนไลน์ที่ผู้บริโภคมีความต้องการชม พบว่า มีผู้ต้องการชมรายการภาพยนตร์มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 78.6 รองลงมาคือ รายการข่าวและมิวสิกวีดีโอ ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ราวร้อยละ 52 และเมื่อสอบถามถึงรูปแบบการชำระค่าชมรายการที่ต้องการจะเลือกชำระ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ราวร้อยละ 50 เลือกที่จะชำระแบบรายเดือนเพื่อชมหนึ่งช่องรายการแบบไม่อั้น ในขณะที่การจ่ายรายเดือนเพื่อชมหลายช่องรายการตามที่กำหนดไว้แบบไม่อั้น ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนสูงกว่านั้น กลับมีสัดส่วนที่ต่ำที่สุดคือร้อยละ 22.2 สะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่อยากจะเลือกชมทีวีเฉพาะประเภทรายการที่ตนโปรดปรานจริงๆ และพร้อมที่จะจ่ายเฉพาะช่องรายการที่ชอบ เพื่อสามารถรับชมได้แบบไม่จำกัดในรอบเดือนนั้น

 ผู้บริโภคราวร้อยละ 30.5 ชอบเลือกเพลงจากค่ายใดก็ได้และซื้อเฉพาะเพลงที่ตนชอบ

ธุรกิจเพลงดิจิทัลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของไทยนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น สืบเนื่องจาก ความเร็วของโครงข่ายสื่อสารไร้สายยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก ทำให้ธุรกิจเพลงดังกล่าวถูกจำกัดอยู่แต่เพลงที่ได้รับการตัดต่อความยาวประมาณ 30 ถึง 60 วินาที เพื่อนำมาใช้เป็นเพลงในบริการเสียงรอสาย หรือติดตั้งเป็นเพลงเสียงเรียกเข้าบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือถ้าเป็นเพลงฉบับเต็มก็จำเป็นต้องดาวน์โหลดมาไว้ที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ของตนก่อนแล้วฟังแบบออฟไลน์ สำหรับธุรกิจบริการฟังเพลงออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกฟังเพลงและเก็บเพลงไว้บนอินเทอร์เน็ตได้นั้น ยังคงถูกจำกัดอยู่แต่บนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานเป็นหลัก อย่างไรก็ดี การเปิดให้บริการ 3G จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้เกิดบริการดังกล่าวได้

จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับลักษณะการชำระค่าบริการฟังเพลงออนไลน์ที่ผู้บริโภคต้องการ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความต้องการชำระเป็นรายเพลงและเลือกเพลงจากค่ายใดก็ได้ เป็นสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 30.5 สะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในการฟังเพลงที่มักจะเลือกเฉพาะเพลงที่ชอบจริงๆ จากความหลากหลายที่นำเสนอโดยค่ายต่างๆ โดยไม่อยากจะชำระแบบรายเดือน ซึ่งโดยรวมแล้วอาจมีค่าใช้จ่ายโดยเปรียบเทียบที่สูงกว่า ถ้าจำนวนเพลงที่ตนชื่นชอบมีไม่มากนัก

 ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเนื้อหาและราคาของเกมออนไลน์มากกว่าแหล่งพัฒนาเกม

ลักษณะของรูปแบบธุรกิจเกมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน คือ การขายเกมโดยให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดเกมที่ต้องการมาไว้ที่อุปกรณ์คลื่อนที่ก่อนแล้วเล่นแบบออฟไลน์ ไม่ได้เล่นกันแบบออนไลน์เหมือนเกมออนไลน์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีขนาดเกมที่ใหญ่และซับซ้อนกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านความเร็วของโครงข่ายสื่อสารไร้สาย อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดดังกล่าวน่าจะหมดไปเมื่อมีการเปิดให้บริการ 3G

จากการสอบถามถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเกมออนไลน์บนระบบ 3G พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าร้อยละ 58 ต้องการเกมออนไลน์ที่เล่นง่ายและสนุก ประกอบกับราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจัยเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเกม ได้แก่ ต้องเป็นเกมต่างประเทศมีผู้ตอบเพียงร้อยละ 7.8 และชื่อเสียงบริษัทเกมมีผู้ตอบเพียงร้อยละ 13.0 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเนื้อหา และราคาเป็นสำคัญ โดยให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาเป็นลำดับรองลงมา

บทสรุป
การเริ่มทยอยเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่เดิมของผู้ให้บริการเอกชนรายหลักในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าการสื่อสารไร้สายของไทยให้เข้าสู่ยุคการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง และเป็นแรงผลักดันอันสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคการบริการด้านข้อมูลในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดบริการด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับความบันเทิงแบบออนไลน์ โดยผู้บริโภคสามารถชมทีวี ฟังเพลง หรือเล่นเกม ในขณะที่เชื่อมต่อการใช้บริการได้ทันที

จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยต่อผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯเกี่ยวกับการใช้บริการ 3G ซึ่งผู้ให้บริการเอกชนรายหลักได้เปิดทดสอบการให้บริการมาตั้งแต่ปี 2552 พบว่า ในเขตกรุงเทพฯมีผู้ที่กำลังใช้บริการ 3G อยู่ราวร้อยละ 36.6 ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ใช้บริการ 3G ในปัจจุบันส่วนใหญ่ราวร้อยละ 80 ใช้งานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนที่เหลือเป็นการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค และแท็บเล็ต ในขณะที่ผู้ที่ยังไม่เคยใช้งานเลยมีอยู่ราวร้อยละ 54.4 อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้ใช้งาน 3G ในปัจจุบันราวร้อยละ 89.5 มีแผนที่จะใช้งานในอนาคต สะท้อนถึงโอกาสทางการตลาดอันสำคัญสำหรับผู้ให้บริการโครงข่าย 3G และเครื่องลูกข่าย/ตัวเครื่อง รวมถึงผู้ให้บริการด้านคอนเทนต์ และนักพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่น ที่จะพัฒนาบริการเสริมหรือแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ต้องอาศัยการสื่อสารความเร็วสูง

ความต้องการใช้งานบริการ 3G ของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับสูงดังกล่าว ประกอบกับกระแสการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนจะมีส่วนผลักดันให้บริการด้านข้อมูลมีการขยายตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2554 บริการด้านข้อมูลจะมีมูลค่าราว 3.3 ถึง 3.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 27.0 ถึง 34.6 คิดเป็นสัดส่วนราว 20.8 ของมูลค่ารวมบริการด้านเสียงและข้อมูล

จากผลการสำรวจเกี่ยวกับความต้องการใช้งานบริการเสริมด้านข้อมูลบนระบบ 3G พบว่า บริการที่มีผู้ต้องการใช้ผ่านระบบ 3G มากที่สุด ได้แก่ บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ ชมทีวีออนไลน์ บริโภคข่าวสาร และฟังเพลงออนไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการช่องทางการสื่อสารแบบใหม่ของผู้บริโภค ที่สามารถส่งผ่านข้อมูลในปริมาณมาก ทั้งในรูปแบบข้อความ ภาพและเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการที่อยู่ในลักษณะความบันเทิงแบบออนไลน์ ที่ผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่อการใช้บริการได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอการดาวน์โหลดเนื้อหามาเก็บไว้ที่อุปกรณ์เคลื่อนที่ก่อนจึงจะสามารถบริโภคเนื้อหาดังกล่าวได้

ความสนใจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจของบริการด้านความบันเทิงแบบออนไลน์ หรือโมบายล์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์บนระบบ 3G ในอนาคต ซึ่งจากแบบสอบถาม พบว่า ผู้ที่ต้องการใช้บริการทีวีออนไลน์ มีความต้องการชมรายการภาพยนตร์มากที่สุด รองลงมาเป็น ข่าว มิวสิกวีดีโอ ละคร เป็นต้น และส่วนใหญ่อยากใช้บริการแบบรายเดือน โดยสามารถชมเฉพาะช่องประเภทรายการที่ตนโปรดปรานได้แบบไม่อั้น ซึ่งแตกต่างจากบริการฟังเพลงออนไลน์ ที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการความหลากหลายของเพลง โดยสามารถเลือกได้จากหลายๆค่าย และต้องการซื้อเฉพาะเพลงที่ตนชอบจริงๆ ในขณะที่บริการเกมออนไลน์นั้น ผู้ตอบแบบสอบถามมีความต้องการเกมที่เล่นง่ายและสนุก ประกอบกับราคาที่ไม่แพงเกินไปนัก

จากแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความบันเทิงรูปแบบใหม่ ซึ่งสามารถสร้างความบันเทิงแบบพกพาได้ทุกที่ทุกเวลา และยังพร้อมที่จะจ่ายค่าบริการ เพื่อสามารถเลือกคอนเทนต์ที่ตนชื่นชอบได้จากคลังคอนเทนต์ที่มีความหลากหลาย สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจของผู้ให้บริการคอนเทนต์ที่จะเข้ามาพัฒนาบริการด้านความบันเทิงบนช่องทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ ที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีโอกาสจะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดบางส่วนจากช่องทางให้บริการความบันเทิงแบบดั้งเดิมได้ในอนาคต ขณะเดียวกัน พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มหันมาใช้เวลากับอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้น และฐานผู้ใช้ที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายสื่อสาร (Coverage) ที่มีโอกาสขยายออกไปกว้างขึ้นในอนาคต อาจเป็นทิศทางที่ธุรกิจต่างๆต้องหันกลับมาพิจารณากลยุทธ์ทางการตลาด และโอกาสทางธุรกิจผ่านช่องทางอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้น

——————————————
Disclaimer
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงข้อมูลได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

View :2327

ลูกค้าดีแทคได้อัพเกรดใช้บริการ dtac 3G ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เริ่ม 16 สิงหาคมนี้

August 15th, 2011 No comments


บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดให้ลูกค้าดีแทคได้ใช้บริการ บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ ในพื้นที่ให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2554 นี้ มั่นใจ 3G ช่วยให้การใช้งานดาต้าบนดีแทคอินเทอร์เน็ตเร็วและราบรื่น จากจุดเริ่มต้นในวันเปิดบริการนี้ตั้งเป้าหมายจะพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นและครอบคลุมยิ่งขึ้นเพื่อเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายดาต้าที่ดีที่สุด พนักงานทุกฝ่ายร่วมใจ พร้อมจัดแคมเปญที่ใหญ่ที่สุดของปี

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “บริการ คือส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการมอบนวัตกรรมโซลูชั่นและบริการที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยบริการนี้เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าดีแทคปัจจุบันซึ่งสมัครใช้บริการแพ็กเกจดาต้าอยู่แล้ว โดยไม่มีการเก็บค่าบริการเพิ่มเติม เราเชื่อมั่นว่าบริการ บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งแก่ผู้บริโภค อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยและประเทศไทยโดยรวม ทั้งยังเป็นผลดีต่อ บมจ. กสท โทรคมนาคม เนื่องจากการให้บริการ 3G บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ นี้ทำอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานปัจจุบัน”

“การอัพเกรดบริการ dtac 3G บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เราเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จะสามารถยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ กสทช. เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายนั้น” นายอับดุลลาห์กล่าว

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า ดีแทคมั่นใจว่าการเปิดให้บริการ dtac 3G ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาบริการให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการที่ครอบคลุมต่อไป ลูกค้าดีแทคทุกหมายเลขมีสิทธิ์ใช้บริการ dtac 3G ได้ในพื้นที่ให้บริการของเราในเขตกรุงเทพมหานคร เพียงมีมือถือหรืออุปกรณ์ที่รองรับ 3G บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ และใช้งานในพื้นที่ให้บริการ โดยสามารถใช้บริการได้เหมือนการใช้งานดาต้าที่เคยใช้อยู่ด้วยความเร็วสูงและคุณภาพสัญญาณดีกว่าเดิม ไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มจากเดิมแต่อย่างใด เรามั่นใจว่าบริการ dtac 3G มีจุดเด่นในด้านความเร็ว (speed) สูงที่สุดเนื่องจากดีแทคมีช่องสัญญาณแบนด์วิธขนาดใหญ่มากถึง 10 เมกะเฮิร์ตซ์ รองรับการใช้งานได้มากกว่า โดยระบบของเราออกแบบมาให้สามารถรองรับความเร็วสูงสุดในการดาวน์โหลดข้อมูลถึง 42 เมกะบิตต่อวินาที และมีความเร็วในการอัพโหลดข้อมูลระดับเมกะบิตต่อวินาที จากการทดสอบระบบด้วยทีมพนักงานของเราเองและผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกในช่วงที่ผ่านมาทำให้เรามั่นใจที่จะให้บริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบและจะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและคุณภาพของบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป

“dtac 3G คือแคมเปญที่ใหญ่ที่สุดของดีแทคในรอบปี เป็นความรับผิดชอบและความร่วมมือของทุกหน่วยงานในบริษัทรวมทั้งพนักงานทุกคนที่ร่วมใจกันทำงานและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า” นายปกรณ์กล่าวปิดท้าย

ปัจจุบัน ดีแทคลงทุนเพื่อปรับปรุงเครือข่ายสู่ระบบ 3G ครอบคลุมสถานีฐาน (Cell Site) ทั้งหมด 1,220 แห่งและมีแผนการที่จะลงทุนเพื่อครอบคลุม 40 จังหวัดด้วยสถานีฐานทั้งหมด 2,000 สถานี ภายในปี 2555

ลูกค้าดีแทคสามารถตรวจสอบพื้นที่บริการ รายละเอียดอื่นๆ รวมทั้งอุปกรณ์หรือมือถือรุ่นที่รองรับ 3G และการตั้งค่ามือถือได้ที่ www.dtac.co.th/3G ลูกค้าดีแทคปัจจุบันที่ใช้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัด (Unlimited) สามารถใช้ dtac 3G ได้ทันที สำหรับลูกค้าที่ใช้งานแพ็กเกจอื่นๆ สามารถกด *3000# และกดโทรออก (ไม่คิดค่าบริการ) เพื่อใช้บริการ dtac 3G ได้ ระบบจะอัพเกรดจาก EDGE เป็น 3G อัตโนมัติเมื่อใช้งานในพื้นที่ให้บริการ โดยลูกค้าชำระค่าบริการดาต้าปกติตามแพ็กเกจเดิมที่เลือกไว้ ไม่มีค่าบริการใช้งานเพิ่ม
ในเวลาเดียวกันนี้ ดีแทคยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา ชุด “ห่วงใย” ที่แสดงให้เห็นถึงด้านดีของเทคโนโลยีกับชีวิต ตามแนวความคิด “ที่สุดของเทคโนโลยีคือการเชื่อมต่อความรู้สึกถึงกันอย่างราบรื่น” พร้อมจัดแคมเปญสำหรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าสามารถติดตามพบกับแคมเปญใหญ่ของ dtac 3G พร้อมทั้งกิจกรรมร่วมสนุกมากมายในเร็ว ๆ นี้

View :3252

กสิกรไทย-วีซ่าเปิดตัวระบบชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือครั้งแรกของโลก

August 15th, 2011 No comments

ร่วมกับวีซ่า โชว์ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพัฒนาระบบชำระเงินค่าสินค้าและบริการผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นครั้งแรกของโลก หวังสร้างความสะดวกพร้อมความปลอดภัยด้วยบริการโมบาย เวอริฟาย บาย (Mobile Verified by Visa) ตั้งเป้าปี 54 จะมียอดรับชำระบัตรเครดิตออนไลน์ 40,000 ล้านบาท

นายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถที่หลากหลายมากขึ้นนอกเหนือจากการใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารทั่วไป โดยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเวบไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ และมีแนวโน้มที่ช่องทางดังกล่าวจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวของปริมาณการใช้สมาร์ทโฟนที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม การซื้อสินค้าและบริการผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำเป็นต้องมีระบบชำระเงินที่มีมาตรฐานสูง เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจและปลอดภัยในการทำธุรกรรม ดังนั้นธนาคารกสิกรไทย จึงร่วมกับบริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (VISA) พัฒนาบริการโมบาย เวอริฟาย บาย วีซ่า ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อรองรับธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นครั้งแรกในประเทศไทยและครั้งแรกของโลก

ทั้งนี้ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต และทำธุรกรรมจนถึงขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่งหน้าชำระเงินจะเชื่อมต่อมายังระบบบริการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตออนไลน์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (K-Payment Gateway on Mobile) เพื่อให้ผู้ถือบัตรกรอกข้อมูลบัตร ตรวจสอบรายการชำระเงิน และยืนยันการทำธุรกรรมโดยธนาคารจะส่งรหัสแบบใช้ครั้งเดียว (One-time password: OTP) ผ่านทางเอสเอ็มเอส (SMS) ไปยังหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ถือบัตรที่ได้ลงทะเบียนไว้ เพื่อให้ผู้ถือบัตรใช้กรอกบนหน้าจอชำระเงิน ซึ่งระบบจะทำการตรวจสอบความถูกต้องและแสดงผลการทำธุรกรรมให้ผู้ถือบัตรทราบในลำดับถัดไป

บริการโมบาย เวอริฟาย บาย วีซ่า แบบ OTP เป็นระบบตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยของการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีมาตรฐานสูงสุดในขณะนี้ ผู้ถือบัตรไม่ต้องกังวลว่าผู้อื่นจะทราบรหัสและนำไปใช้ เพราะเป็นเอสเอ็มเอสที่ส่งตรงเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเจ้าของบัตร และใช้ได้เพียงครั้งเดียว ผู้ถือบัตรจึงไม่จำเป็นต้องจำรหัสผ่าน ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรที่เคยลงทะเบียนใช้บริการ เวอริฟาย บาย วีซ่า แบบ OTP จะสามารถใช้บริการดังกล่าวต่อเนื่องได้ ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียน ระบบจะแจ้งให้ลงทะเบียน และสามารถกลับเข้ามาทำรายการช้อปปิ้งออนไลน์ต่อได้ในทันที

นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงแรกบริการโมบาย เวอริฟาย บาย วีซ่า จะมีพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้าร่วมให้บริการ ได้แก่ แอมเวย์ นกแอร์ เพย์สบาย เอสเอฟซีนีม่า ตลาดดอทคอม การบินไทย และไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ซึ่งผู้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น หรือทำรายการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านทางเวบไซต์ของพันธมิตรธุรกิจดังกล่าวได้

ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทย มีลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรเดบิตรวมกันมากกว่า 9 ล้านใบ และมีผู้ลงทะเบียนกับระบบเวอริฟาย บาย วีซ่า เพื่อช้อปปิ้งออนไลน์แล้วกว่า 400,000 ราย โดย 70 % ของผู้ลงทะเบียนใช้ระบบ เวอริฟาย บาย วีซ่า แบบ OTP

นอกจากนี้ ธนาคารฯ มียอดขายผ่านร้านค้าออนไลน์บนบริการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตทางอินเทอร์เน็ต (K-Payment Gateway) ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80 % ต่อปี และคาดว่าในปี 2554 จะมียอดขายผ่านระบบไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาท

View :1753

สบท. เตือนใช้บริการโรมมิ่งอันลิมิท ก็หมดตัวได้

August 12th, 2011 No comments

สบท.เตือนใช้บริการโรมมิ่งอันลิมิท ก็หมดตัวได้ หากไม่รู้จักตั้งค่าระบบเครื่องให้เลือกเฉพาะเครือข่ายที่แพ็คเกจกำหนด พบหนุ่มนักศึกษาเที่ยวเกาหลีอาทิตย์เดียว กลับมาเจอบิลกว่าสองแสนบาท เหตุพกไอโฟนไปด้วยและต่อเน็ตตลอดเวลา เพราะนอนใจว่าเลือกแพ็คเกจไม่จำกัดแล้ว

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม () เปิดเผยว่า การใช้บริการโรมมิ่งยังคงเป็นปัญหาสำหรับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ร้องเป็นนักศึกษาเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีเพียง 6 วัน โดยพกโทรศัพท์ไอโฟนพร้อมสมัครใช้แพ็คเกจอันลิมิต แต่กลับมาถึงเมืองไทยถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์จากการใช้บริการดาต้าเป็นเงินสองแสนกว่าบาท เพราะเครื่องไปเลือกจับสัญญาณเครือข่ายนอกแพ็คเกจเป็นบางช่วง

“แพ็คเกจอันลิมิทหรือแพ็คเกจไม่อั้นทั้งหลายเป็นแพ็คเกจที่บริษัทมักจะเลือกทำสัญญากับเครือข่ายใดเครือข่ายหนึ่งในประเทศปลายทาง ไม่ใช่ทุกเครือข่าย เช่นถ้าเครือข่ายของไทยไปเลือกทำสัญญาการเชื่อมสัญญาณกับ 10 บริษัท บริษัทไทยจะเลือกทำสัญญาอันลิมิตแค่บริษัทเดียว อีก 9 บริษัทไม่ใช่ ดังนั้นเมื่อไปถึงปลายทางผู้ใช้ต้องตั้งค่าระบบเครื่องให้เลือกรับสัญญาณเฉพาะเครือข่ายนั้นด้วยถึงจะอันลิมิทจริง “ ผอ.สบท. กล่าว

นายประวิทย์กล่าวต่อไปว่า หากผู้บริโภคเลือกเครือข่ายได้ถูก ล็อคเครือข่ายได้สำเร็จ การจะใช้ในปริมาณเท่าไหร่ก็จะอยู่ในโปรโมชั่นที่เลือกไปคือ อันลิมิทอาจจะราคา 1,500 หรือ3,000 บาท ไม่เกินนั้น แต่ถ้าเราไม่ได้ล็อคเครือข่าย แล้วเครื่องไปจับสัญญาณเครือข่ายอื่นก็จะไม่อยู่ในเงื่อนไขอันลิมิทและจะกลายเป็นว่า ใช้เท่าไหร่ก็ต้องจ่ายเท่านั้นและคิดตามปริมาณข้อมูลด้วย อย่างเกาหลี ญี่ปุ่นหรืออเมริกา ซึ่งมีบริการ เพราะฉะนั้นข้อมูลจะไหลเร็วมาก เช่นรายนี้เพียงไม่กี่วันที่เครื่องจับสัญญาณดาต้านอกเครือข่ายพบว่าใช้ไปกว่า400 เมกกะไบต์ ถูกเรียกเก็บค่าบริการเมกะไบต์ละ 500 กว่าบาท ขณะที่มีการใช้ในเครือข่ายที่กำหนด 180 เมกะไบต์ ส่วนนั้นถูกเรียกเก็บตามแพ็คเกจ 1,750 บาท

ผอ.สบท.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้การจำกัดวงเงินสูงสุดไว้ก็อาจไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะปัจจุบันการรายงานการใช้บริการระหว่างประเทศยังทำได้ไม่ตรงตามเวลาที่ใช้จะมีการล่าช้าของการแจ้งผล

“โดยหลักทางเทคนิคค่าใช้จ่ายในต่างประเทศไม่ได้โอนข้อมูลมาเป็นวินาทีอาจรายงานเป็นวันหรือ 24 ชั่วโมง เช่นทำการจำกัดไว้ที่ 5,000 บาท แต่พอใช้ในต่างประเทศวันแรกเป็นแสน แล้วผ่านไปวันหนึ่ง ต่างประเทศเพิ่งแจ้งกลับประเทศไทย เพราะมีการดีเลย์ของข้อมูล ไม่เหมือนอยู่ในเมืองไทยเพราะบริษัทในเมืองไทยคุมค่าใช้จ่ายเองพอถึง 5,000 ก็ตัดได้เลย แต่กรณีโรมมิ่งไม่ใช่ เพราะข้อมูลกว่าจะส่งผ่านมาจะมีความล่าช้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ดังนั้นต่อให้ควบคุมค่าใช้จ่ายไว้ก็อย่าชะล่าใจ เพราะต่อให้มีการใช้เกินวงเงินแล้วเครื่องก็จะยังไม่ตัดยังใช้ได้อยู่” นายประวิทย์กล่าว

ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า หากผู้บริโภคเดินทางไปต่างประเทศและสมัครใช้บริการโรมมิ่งควร สอบถามชื่อเครือข่ายที่เราต้องใช้เมื่ออยู่ต่างประเทศ แล้วเมื่อไปถึงให้ตั้งระบบเครื่องด้วยตัวเองให้ล็อครับสัญญาณเฉพาะเครือข่ายนั้น รวมถึงสังเกตหน้าจอขณะใช้บริการเป็นระยะๆว่า เครื่องรับสัญญาณของเครือข่ายใดอยู่ นอกจากนี้อาจใช้วิธีการซื้อซิมการ์ดในประเทศนั้นๆแทน เพราะโดยส่วนใหญ่ค่าบริการจะถูกกว่า

“ถ้าเราต้องการติดต่อสื่อสาร มันไม่ได้มีเครื่องมือเดียว ไม่ได้ต้องเอาโทรศัพท์เราไปโรมมิ่งต่างประเทศ เพราะในประเทศนั้นเค้าก็มีซิมขาย ส่วนใหญ่ค่าบริการมักจะถูกกว่าค่าบริการโรมมิ่ง ยกตัวอย่างถ้าชาวต่างชาติมาไทย เค้าซื้อซิม เอไอเอส ดีแทค เค้าจะจ่ายถูกเหมือนเรา ดังนั้นหากเราไปต่างประเทศเราก็ต้องคิดเหมือนกันว่า บ้านเค้ามีซิมอะไรหรือไม่ประเภทอันลิมิทหกเจ็ดร้อยบาท ขณะที่ใช้โรมมิ่งของประเทศเราเนี่ยกลับมาโดนไปสามสี่แสน ดังนั้นเราต้องฉลาดที่จะเลือกด้วย” นายประวิทย์กล่าว

View :1696

ผลสำรวจชี้บริการเสริมสร้างรายได้แก่ผู้บริการมือถือกว่าเท่าตัวในอีก 3 ปี

August 10th, 2011 No comments

ผู้ให้บริการมือถือคาดว่ารายได้จากบริการเสริมจะเติบโตจาก 14% เป็น 24% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

จากการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 120 คน ซึ่งริเริ่มโดยแอมด็อคส์ ผู้นำตลาดในด้านนวัตกรรมระบบบริหารประสบการณ์ลูกค้า (customer experience) พบว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในเอเชียแปซิฟิกคาดว่ารายได้จากบริการเสริม (Value-added services หรือ VAS) เช่น บริการชำระเงินผ่านมือถือ จะเติบโตจากค่าเฉลี่ย 14% ของรายได้ทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 24% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ คาดว่าอินเดียจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตของรายได้ในส่วนของบริการเสริมมากที่สุด โดยเติบโตจาก 12% ของรายได้ทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 29% ในอีก 3 ปี การสำรวจครั้งนี้ยังพบอีกว่า 95% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังเร่งเปิดให้บริการชำระเงินผ่านมือถือ และส่วนใหญ่เชื่อว่าเว็บท่า (portal) ของตนจะทวีความสำคัญมากขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่ากำลังเร่งเปิดให้บริการโฆษณาผ่านมือถือและบริการค้นหา โดย 65% ระบุว่าผู้ใช้บริการยินดีจะเปิดดูโฆษณาผ่านมือถือแลกกับบริการประเภท free content เช่น แอพพลิเคชั่นสำหรับโทรศัพท์มือถือหรือความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ผู้ให้บริการกล่าวว่าเหตุผลหลักที่ต้องให้ความสำคัญกับบริการเสริม ก็คือ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า

“บริการเสริมผ่านมือถือ () โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการชำระเงินผ่านมือถือ กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยผู้ให้บริการเชื่อว่า บริการเหล่านี้ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นในตลาด เช่น ธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตได้ทางหนึ่ง ตลอดจนเครือข่ายสังคมออนไลน์ (social networks) ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น (app store) และผู้ให้บริการอื่นๆ” มร. เออร์แวนน์ โธมาเซน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว “ขณะที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกำลังมองหาหนทางสร้างรายได้จากบริการเสริม แอมด็อคส์พร้อมสนับสนุนผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วยโซลูชั่นเพื่อการสร้างสรรค์ การจัดหา การนำเสนอบริการแบบเหมารวม (bundling) และการเรียกเก็บเงินจากบริการเหล่านี้ รวมถึงโซลูชั่นในส่วนของการสนับสนุนลูกค้า (customer support)”

กรุณาอ่านรายงานการวิจัยฉบับเต็มที่ดำเนินการโดย Coleman Parkes ได้ ที่นี่ http://www.amdocsinteractive.com/node/108

หรือร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านแอมด็อคส์ ทวีทแช็ท ในหัวข้อ “บริการเสริม กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ให้บริการค่ายมือถือ หรือ Value-added services – What is the best strategy for mobile operators?” ได้ในวันที่ 10 สิงหาคม เวลา 17.00น. โดยติดตาม #doxchat hashtag บน Twitter

ข้อมูลน่าสนใจจากผลสำรวจ มีดังนี้

· ความสำคัญของบริการเสริม: 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า บริการเสริมมีความสำคัญหรือมีความสำคัญมากต่อบริษัทของพวกเขา ในออสเตรเลียและอินเดีย 70% ของผู้ประกอบการเห็นว่าบริการเสริมจะมีความสำคัญ ในขณะที่เพียง 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามในไทยและเวียดนามเชื่อว่าบริการเสริมมีความสำคัญ

· ผู้ประกอบการในออสเตรเลียและอินเดียคาดหวังการเติบโตของรายได้จากบริการเสริมไว้สูงสุด: ในออสเตรเลีย สัดส่วนรายได้ในปัจจุบันจากบริการเสริมคิดเป็น 23% ซึ่งคาดว่าจะเติบโตไปถึงระดับ 30% ในอีก 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในอินเดียคาดหวังการเติบโตของรายได้จากบริการเสริมไว้สูงสุดที่ 17% หรือจาก 12% เป็น 29% ในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้เปรียบธนาคารในแง่ของการเข้าถึงตลาด เช่น ในอินเดียและอินโดนีเซียมีสัดส่วนของประชากรที่ไม่ได้เป็นลูกค้าธนาคารสูงมาก

· ตลาดบริการชำระเงินผ่านมือถือกำลังเฟื่องฟู: บริการเติมเงินค่าโทร (prepaid top-up) เป็นบริการที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มบริการชำระเงินผ่านมือถือ ตามด้วยบริการชำระค่าบริการและสาธารณูปโภคอื่นๆ บริการโอนเงิน และการเรียกเก็บเงินแทนผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น (app store)

· กรณีผลประโยชน์ขัดกันกับสถาบันการเงินที่คาดว่าจะเกิดขึ้น: มีเพียง 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าอาจเกิดกรณีผลประโยชน์ขัดกันระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกับกับธนาคาร และบริษัทบัตรเครดิตในเรื่องบริการชำระเงินผ่านมือถือ แม้ว่าผลสำรวจแตกต่างกันมากในแต่ละตลาดที่เลือกทำการสำรวจ ทั้งนี้ ในออสเตรเลียมีเพียง 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่าอาจเกิดกรณีผลประโยชน์ขัดกัน เทียบกับ 33% ในอินเดีย 50% ในไทย และ 90% ในเวียดนาม

เกี่ยวกับแอมด็อคส์

แอมด็อคส์ เป็นผู้นำตลาดในด้านนวัตกรรมระบบบริการลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้ผสานระบบสนับสนุนธุรกิจและการดำเนินงาน แพลตฟอร์มการส่งมอบบริการ (service delivery platform) บริการต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับ และความเชี่ยวชาญเชิงลึกเข้าไว้ในหนึ่งเดียว เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการ (service provider) และลูกค้าของพวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นในโลกแห่งการเชื่อมต่อ (connected world) ผลิตภัณฑ์และบริการของแอมด็อคส์ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ สร้างความแตกต่างผ่านประสบการณ์ลูกค้าที่ปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย และปรับปรุงการดำเนินงานด้านต่างๆ

แอมด็อคส์ เป็นบริษัทระดับโลกที่มีรายได้ราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีการเงิน 2553 ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 19,000 คนและให้บริการลูกค้าในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www..com

View :1706

เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ผนึกดีแทค ส่งแคมเปญ ‘dtac special deal’

August 4th, 2011 No comments

มอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดคุ้ม รับสิทธิ์ซื้อดีลใหม่สุดพิเศษทุกวันศุกร์บนเว็บไซต์เอ็นโซโก้
สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าดีแทคและแฮปปี้ ตั้งแต่วันนี้ – 29 ก.ย. ศกนี้

ดีแทค ผนึก เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ผู้นำเว็บไซต์ธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของไทย แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ขนาดใหญ่ซึ่งรวมประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดคุ้มของดีลผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำมากมายมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษกว่า 50-90% ร่วมประกาศความคืบหน้าความร่วมมือทางธุรกิจล่าสุด ภายใต้แคมเปญ ‘ special deal’ ส่งตรงประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดคุ้ม มอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าดีแทคและแฮปปี้ เพียงลงทะเบียนผ่าน www.ensogo.com รับสิทธิ์ซื้อดีลใหม่สุดพิเศษจากร้านชั้นนำทั่วไทยในทุกวันศุกร์บนเว็บไซต์เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ได้ตั้งแต่วันนี้ – 29 ก.ย.ศกนี้

นายทอม ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์เอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) เปิดเผยว่า “ทั้งภาพลักษณ์แบรนด์และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกันของทั้งสองบริษัท จึงนำมาสู่ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งสำคัญนี้ เราได้นำร่องเปิดตัวแคมเปญ ‘dtac special deal’ เพื่อนำเสนอสิทธิ์รับซื้อดีลพิเศษสุดคุ้มจากร้านชั้นนำของเมืองไทยให้แก่ลูกค้าดีแทคและแฮปปี้โดยเฉพาะ เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แคมเปญนี้ได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้า ทุกดีลพิเศษที่เปิดตัวในช่วงที่ผ่านมาสามารถจำหน่ายคูปองได้ทั้งหมดในเวลารวดเร็วหลังเปิดการจำหน่าย ยิ่งกว่านั้นบริษัทยังมียอดสมาชิกที่เป็นลูกค้าดีแทคเพิ่มขึ้นกว่า 10% จากเดิม ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์หลังเปิดตัวแคมเปญนี้”

“แคมเปญนี้ถือเป็นการเปิดตัวความร่วมมือทางธุรกิจครั้งแรกของเรา หลังจาการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายธุรกิจของลีฟวิ่งโซเชียล บริษัทออนไลน์ออนไลน์ชั้นนำของโลกที่มียอดสมาชิกผู้สมัครใช้บริการเกือบ 40 ล้านคนจาก 21 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก และบริษัทจะยังคงเดินหน้าเพื่อมอบความคุ้มค่าในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการให้แก่สมาชิกและพันธมิตรธุรกิจของเราในเมืองไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” นายทอม กล่าว

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “ความร่วมมือทางธุรกิจกับเอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ครั้งนี้เกิดจากการที่ดีแทคตั้งใจจะมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมให้กับลูกค้าของดีแทคและแฮปปี้นอกเหนือจากบริการหลักของเรา โดยเน้นตอบสนองตวามต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งปรากฏว่าข้อเสนอของเราได้รับการตอบรับดีมาก ดีลพิเศษที่เรามอบให้ในแต่ละสัปดาห์มีลูกค้าดีแทคใช้สิทธิ์ในเวลารวดเร็วและมีหลายดีลที่ลูกค้าใช้สิทธิ์หมดภายในวันแรกที่นำเสนอด้วย นอกจากนั้นยังทำให้เราเห็นแนวโน้มการใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตของลูกค้าจากการใช้สิทธิ์ซื้อดีลผ่านมือถือที่เริ่มมีมากขึ้นโดยจากสามสัปดาห์ที่เราเปิดตัวมามีลูกค้าดีแทคซื้อคูปองผ่านมือถือคิดเป็น 5% ของลูกค้าทั้งหมดและคาดว่าจากการที่มีลูกค้าที่ใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นจะช่วยกระตุ้นให้การใช้งานประเภทนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ประกอบกับกระแสความนิยมกับสื่อออนไลน์และเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังเพิ่มสูง เราจึงเลือกเป็นพันธมิตรธุรกิจกับเอ็นโซโก้ (โดยลีฟวิ่งโซเชียล) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวมประสบการณ์ไลฟ์สไตล์จากร้านชั้นนำทั่วประเทศ มานำเสนอเป็นดีลพิเศษที่มีความคุ้มค่าสูงสุด และดีแทคก็ยังคงเดินหน้านำเสนอบริการและประสบการณ์ที่มีความแปลกใหม่ คุ้มค่าและดีที่สุด มามอบให้กับลูกค้าของเราต่อไป”

View :1722

เอชทีซีจับมือเอไอเอสเปิดตัว HTC ChaCha เฟสบุ๊คโฟนรุ่นแรก

August 4th, 2011 No comments

เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น ผู้ออกแบบสมาร์ทโฟนระดับโลก จับมือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (เอไอเอส) เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับผู้คนในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่ผสมผสานความเรียบง่ายและสะดวกสบายในการใช้งาน เข้ากับฟังก์ชั่นของ HTC SenseTM และทำให้การเข้าถึงเฟสบุ๊คได้ง่ายกว่า ทั้งนี้ มาพร้อมกับปุ่มสำหรับเฟสบุ๊คโดยเฉพาะ แค่สัมผัสเดียวก็เรียกใช้ฟังก์ชั่นหลักของเฟสบุ๊คที่ถูกผสานรวมไว้ใน HTC Sense ได้อย่างครบถ้วน

HTC ChaCha


นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เอชทีซีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำตลาดร่วมกับเอไอเอสอีกครั้ง ในรุ่นเรือธงของเอชทีซี นั่นคือ HTC ChaCha เฟสบุ๊คโฟนที่เอาใจสาวกเฟสบุ๊ค และโซเชียลมีเดียตัวจริง เพราะเพียงกดปุ่มเดียวก็สามารถอัพเดทสถานะในเฟสบุ๊ค อัพโหลดรูป เช็คอิน แชร์ข้อมูลต่างๆ ให้กับเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊คของคุณได้ทันที เช่น ระหว่างฟังเพลงอยู่ถ้ากดปุ่มเฟสบุ๊ค เพลงก็จะถูกอัพโหลดขึ้นและสามารถบอกให้เพื่อนๆ รู้เลยว่าคุณกำลังฟังเพลงอะไรอยู่ พร้อมทั้งแอพพลิเคชั่น Facebook Chat ที่ติดตั้งมาให้ในตัวเครื่องเพื่อให้ลูกค้า Chat กับเพื่อนๆ ที่ออนไลน์บนเฟสบุ๊คอยู่ได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่รหัสอะไรเพิ่ม นอกจากนั้น HTC ChaCha หน้าจอยังเป็นทั้งระบบทัชสกรีนและเป็นรุ่นเดียวที่มีคีย์บอร์ดแบบคิวเวอร์ตี้ ซึ่งออกแบบให้เหมาะมือและจับถนัดสำหรับกลุ่มสาวกเฟสบุ๊คที่ชอบแชร์และแชทโดยเฉพาะ นับเป็นสมาร์ทโฟนสุดยอดที่ เอชทีซีผลิตออกมา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยแท้จริง”

นายณัฐวัชร์ กล่าวต่อว่า “HTC ChaCha เป็นอีกหนึ่งรุ่นเรือธงที่จะเจาะตลาดกลุ่มคนชอบเล่นเฟสบุ๊ค ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงาน เอชทีซี จึงเลือก นท พนายางกูร เดอะสตาร์ 7 เป็นพรีเซนเตอร์ สำหรับรุ่นนี้ เพราะนท เป็นไอดอล ขวัญใจวัยรุ่นที่มีความสามารถและเป็นที่จับตามอง นทมีแฟนคลับบนเฟสบุ๊คมากกว่า 80,000 คน เป็นพลังดึงดูดที่มากพอ และที่สำคัญเป็นคนที่อัพเดตเฟสบุ๊คในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว”

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ อาวุโส สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า “Quality DNAs เป็นหัวใจหลักที่เอไอเอสให้ความสำคัญและทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์มาโดยตลอดตามหลักของ Ecosystem เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกๆ กลุ่ม ซึ่ง Device คือ 1 ในการทำงานดังกล่าว สำหรับความร่วมมือล่าสุดกับเอชทีซีที่นำเอา HTC ChaCha เฟสบุ๊คโฟนตัวแรกมาจำหน่ายนั้น ถือว่าเป็น Segment Phone ที่ชัดเจนมากในการตอบโจทย์ Trend การเติบโตของสาวกเฟสบุ๊คในไทยซึ่งมีอัตราสูงสุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ และเมื่อใช้งานบนเครือข่าย , Wifi และ EDGE Plus ทั่วไทย จากเอไอเอส พร้อมแพ็คเกจสุดคุ้ม คือ เล่นเน็ต เดือนละ 200 เมกะไบต์ นาน 12 เดือน ก็จะยิ่งทำให้คุณสามารถออนไลน์เฟซบุ๊คได้ อย่างสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่าสุดๆแน่นอน ”

ปุ่มเฟสบุ๊คบน HTC ChaCha มีการส่งสัญญาณส่วนเนื้อหาต่างๆ ที่สามารถแชร์บนเฟสบุ๊คได้ คือ จะมีแสงเรืองบริเวณปุ่มเพื่อแจ้งเตือนในขณะที่กำลังใช้โทรศัพท์ในเนื้อหาส่วนนั้นๆ สามารถแบ่งปันหรืออัพเดตข้อมูลบางอย่างขึ้นสู่เฟสบุ๊คได้ หรือเมื่อมีการกดปุ่มดังกล่าว ก็สามารถอัพเดตสถานะ อัพโหลดภาพถ่าย แชร์เว็บไซต์ โพสต์เพลงโปรด เช็กอินสถานที่ต่างๆ ฯลฯ ได้ทันที เป็นเรื่องง่ายมากบน HTC ChaCha ที่จะถ่ายภาพเพื่อนๆ แล้วอัพโหลดขึ้นตรงสู่เฟสบุ๊คได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว หรือระหว่างที่ฟังเพลงโปรดก็สามารถแชร์กับเพื่อนบนเฟสบุ๊คได้ด้วยปุ่มพิเศษดังกล่าวเช่นกัน โดยเพลงที่กำลังฟังอยู่จะถูกตรวจสอบค้นหาชื่อเพลงแล้วแชร์บนเฟสบุ๊คให้ในทันที”

HTC ChaCha ทำงานบนแอนดรอยด์จินเจอร์เบรด 2.3.3 ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด และยังมาพร้อมกับ HTC Sense ตัวใหม่ที่ผสานเฟสบุ๊คเข้ากับทุกๆ ส่วนของประสบการณ์บน HTC Sense ได้อย่างกลมกลืน ทันทีที่ต้องการโทรออก หน้าจอก็จะแสดงอัพเดตล่าสุดของเพื่อนคุณพร้อมภาพถ่าย และบอกได้แม้กระทั่งวันเกิดของเพื่อนคนดังกล่าวที่กำลังมาถึง เช่นเดียวกับเวลารับสายจากเพื่อนที่มีโพรไฟล์อยู่บนเฟสบุ๊ค คุณก็จะได้รับข้อมูลอัพเดตเหล่านี้ทันที หรือจะใช้สมุดโทรศัพท์บนเครื่องเพื่อติดต่อกับเพื่อนบนเฟสบุ๊คก็ทำได้เช่นกัน ที่สำคัญยังมาพร้อมกับวิดเจ็ตเกี่ยวกับเฟสบุ๊คมากมายที่ให้คุณเลือกใช้ตกแต่งหน้าจอได้อย่างเพลิดเพลินด้วย

สมาร์ทโฟน HTC ChaCha ใช้งานง่ายกว่าในการเชื่อมต่อกับเพื่อนด้วย Facebook Chat และแมสเสจผ่านโทรศัพท์มือถือของคุณโดยตรง ทั้งข้อความและบทสนทนาบนเฟสบุ๊คจะถูกรวมไว้บนโทรศัพท์ และปรากฏอยู่ในกล่องรับข้อความและอีเมลควบคู่ไปกับการสนทนาตามปกติได้อย่างกลมกลืน

เชื่อมต่อได้สะดวกกว่าด้วยสมาร์ทโฟนสำหรับเฟสบุ๊คเจเนอเรชั่น – HTC ChaCha

HTC ChaCha ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาได้อย่างกลมกลืน มอบมิติใหม่ในการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค ให้คุณได้ใกล้ชิดกับเพื่อนได้มากกว่าเดิมจากทุกที่ทุกเวลา ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องแบบโค้งเล่นระดับอันโดดเด่นและคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ทำให้สะดวกขึ้นในการอ่านและง่ายขึ้นในการพิมพ์ข้อความ เช่นเดียวกันกับการบันทึกวินาทีพิเศษของคุณที่สามารถเก็บรายละเอียดได้คมชัดแบบไฮเดฟ หรือจะพูดคุยกันผ่านวิดีโอก็ง่ายขึ้นด้วยกล้องคู่ คุณภาพระดับ 5 ล้านพิกเซลพร้อมโฟกัสภาพอัตโนมัติและแฟลชแบบแอลอีดี และกล้องด้านหน้าแบบวีจีเอ ส่วนหน้าจอสัมผัสนั้นมีขนาด 2.6 นิ้ว ที่ความละเอียด 480 x 320 พิกเซล และกล่าวได้ว่า HTC ChaCha ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ทำให้คุณใกล้ชิดกับโลกอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นอีกระดับอย่างแท้จริง

สมาร์ทโฟน HTC ChaCha วางจำหน่าย 2 สี คือ สีขาว และสีดำ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่านเอไอเอสช็อป และตัวแทนจำหน่ายของเอชทีซี และพิเศษสุดสำหรับลูกค้าของเอไอเอส สามารถสมัครแพ็กเกจ 149 บาทต่อเดือน โดยจะได้รับจีพีอาร์เอส 200 เมกะไบต์ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน (เมื่อสมัครแพ็กเสริมเดือนละ 149 บาท เพียงโทร *212330) ได้รับสิทธิ์นี้ทั้งลูกค้าในระบบจีเอสเอ็มและวัน-ทู-คอล! ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม ศกนี้ สำหรับราคาจำหน่ายของ HTC ChaCha นั้นอยู่ที่ 8,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์)

View :2056

RIM เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด5 รุ่น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7

August 4th, 2011 No comments

ริม จับมือพันธมิตรคู่ค้ากว่า 225 รายทั่วโลก เพื่อเปิดตัวแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด

รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – ) ประกาศแผนการที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุด 5 รุ่น ซึ่งมาพร้อมการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 (BlackBerry® 7) ทั้งนี้ ริม พร้อมด้วยพันธมิตรผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก วางแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ (BlackBerry® Bold™) 2 รุ่น และสมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช (BlackBerry® Torch™) 3 รุ่น ซึ่งจะทำงานด้วยสุดยอดระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด แบล็กเบอร์รี่ 7

การเปิดตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์มือถือในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเปิดตัวในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของริม ทั้งนี้ พันธมิตรผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จัดจำหน่ายกว่า 225 รายทั่วโลกได้เริ่มต้น และบางส่วนได้เสร็จสิ้นการเข้าร่วมโปรแกรมอบรมรับรองเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มือถือทั้ง 5 รุ่นดังกล่าวแล้วกว่า 500 โปรแกรม

ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน 5 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นี้ เกิดจากการผสมผสานความล้ำหน้าทางแพลตฟอร์มด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของริม ซึ่งจะนำเสนอทางเลือกด้านรูปลักษณ์ที่มีความหลากหลายให้แก่ผู้ใช้ พร้อมยังนำเสนอที่สุดแห่งการติดต่อสื่อสาร มัลติมีเดีย และประสิทธิผลการทำงานไปพร้อมๆ กัน

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 รุ่นใหม่ล่าสุด เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความบางเฉียบที่สุดของริม โดยทั้งสองรุ่น จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาดใหญ่และสุดยอดหน้าจอระบบสัมผัสที่รวมไว้ในเครื่องเดียวกัน ด้านแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งใช้รูปลักษณ์อันโดดเด่นของแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 เป็นการผสมผสานกันระหว่างหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ เข้ากับคีย์บอร์ดแบบสไลด์ที่มีความสะดวกต่อการใช้งาน และสำหรับแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 จะนำเสนอรูปโฉมใหม่ล่าสุด ด้วยรูปแบบหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด ถือเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

มร. ไมค์ ลาซาริดิส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “การเปิดตัวในครั้งนี้นับว่าเป็นการเปิดตัวแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา โซลูชั่นแบล็กเบอร์รี่ นำเสนอประสบการณ์ด้านระบบการสื่อสารบนมือถือชั้นนำ ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และเราคิดว่าลูกค้าของเราจะตื่นเต้นไปกับประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น การท่องเว็บแบบไร้ช่องโหว่ และลูกเล่นของระบบมัลติมีเดียที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะถูกนำเสนอผ่านสุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ และแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช”

“แบล็กเบอร์รี่ 7”

ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นำเสนอระบบเว็บเบราว์เซอร์ของแบล็กเบอร์รี่รุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยการตอบสนองที่ฉับไว มอบประสบการณ์การท่องเว็บที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น หนึ่งในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ทั้งยังผสานรวมการทำงานของเบราว์เซอร์ตระกูล WebKit อันล้ำหน้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเต็มที่ เข้ากับการยกระดับวัสดุฮาร์ดแวร์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ไว้บนสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นำเสนอการแสดงผลภาพได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 (BlackBerry® 6) ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และเร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 5 (BlackBerry® 5) ถึง 100 เปอร์เซ็นต์* ทั้งนี้ ความสามารถที่ถูกพัฒนาไว้ในระบบเว็บเบราว์เซอร์ของแบล็กเบอร์รี่รุ่นล่าสุดนี้ ยังจะช่วยปรับระบบการซูมและขยายภาพ เพื่อการท่องเว็บไซต์แบบไร้ช่องโหว่มากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับความสามารถของ HTML5 เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมส์และเล่นวิดีโอที่ยอดเยี่ยมที่สุด

กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากริม ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี BlackBerry Liquid GraphicsTM โดยสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจะมีการผสานรวมโปรเซสเซอร์สำหรับควบคุมประสิทธิภาพการแสดงผลด้านกราฟิกอันยอดเยี่ยมโดยเฉพาะ เข้ากับซีพียูที่ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด และการแสดงผลภาพด้วยความละเอียดสูงสุดจนน่าทึ่ง เพื่อตอบสนองการใช้งานหน้าจอระบบสัมผัสอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสุดยอดกราฟิกที่มีความรวดเร็วและไร้ข้อบกพร่อง

นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังคงสานต่อการนำเสนอประสบการณ์ด้านระบบการสื่อสารบนมือถือชั้นนำของโลก ด้วยการผสานกันของโทรศัพท์ อีเมล์ ข้อความ และโซเชี่ยลแอพพลิเคชั่นที่มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานไม่ขาดการติดต่อและใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิผลได้ตลอดวัน ทั้งนี้ การพัฒนาล่าสุด ประกอบด้วย โปรแกรม BBM™ (BlackBerry® Messenger) เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งขยายประสบการณ์การสื่อสารแบบเรียลไทม์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BBM ไปยังแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย แอพพลิเคชั่น Social Feeds เวอร์ชั่นอัพเดท (2.0) ได้ถูกขยายออกให้รวบรวมการอัพเดทจากมีเดีย Podcasts รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้จัดให้อยู่ในหมวด favorites นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่น Facebook® for BlackBerry smartphones (2.0) ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Facebook chat และการเชื่อมต่อเข้ากับโปรแกรม BBM ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มเพื่อนบน Facebook ในรูปแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นที่เป็น pre-loaded และความสามารถด้านการทำงานอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อการใช้งานที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น และการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด แอพพลิเคชั่น Documents To Go เวอร์ชั่นพรีเมี่ยม ยังได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ซึ่งสามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งนำเสนอฟีเจอร์แก้ไขเอกสารชั้นยอด รวมทั้งฟีเจอร์สำหรับการเปิดดูเอกสาร PDF แบบต้นฉบับ ทั้งยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่น BlackBerry® Protect ซึ่งเป็น pre-loaded** ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถวางใจได้ว่าสามารถทำการสำรองข้อมูลส่วนตัว และเก็บรักษาไว้ได้อย่างปลอดภัย แอพพลิเคชั่น BlackBerry® Balance ก็ได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่ทั้งในเชิงการทำงานและการใช้งานส่วนตัว โดยไม่ต้องกังวลกับความต้องการของเจ้าหน้าที่แผนกไอทีขององค์กร เพื่อระบบการรักษาความปลอดภัยอันล้ำหน้าและการควบคุมนโยบายไอที ยิ่งไปว่านั้น ความสามารถของระบบ Universal Search ยอดฮิต ก็ได้ถูกพัฒนาด้วยความสามารถในการรองรับการค้นหาด้วยการใช้เสียง โดยผู้ใช้งานเพียงพูดคำที่ต้องการค้นหา ทั้งการค้นหาข้อมูลภายในตัวเครื่องและเว็บไซต์

แพลตฟอร์มใหม่

กลุ่มผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากริม ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นบนแพลตฟอร์มเปี่ยมประสิทธิภาพใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนความล้ำสมัยด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 โดยสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นยังมาพร้อมคุณสมบัติที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ทั้งโปรเซสเซอร์ 1.2 GHz, ความสามารถในการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และกราฟิกความละเอียดสูงแบบ 24 bit รวมไปถึงระบบเซ็นเซอร์ล้ำสมัยที่ช่วยเสริมประสบการณ์ที่มีความสมจริงมากยิ่งขึ้นของแอพพลิเคชั่นที่ผสานเข้ากับ BBM 6 อาทิ Wikitude ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอที่สุดแห่งการติดต่อสื่อสาร มัลติมีเดีย และประสิทธิผลการทำงานสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลกโดยเฉพาะ

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส และคีย์บอร์ด

Bold9900


สมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 นับเป็นแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนที่มีขนาดบางที่สุด (เพียง 10.5 มิลลิเมตร) และยังเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกที่นำเสนอการผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างคีย์บอร์ดประสิทธิภาพสูง และหน้อจอระบบสัมผัส ภายใต้การดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ โดยสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 รุ่นใหม่ล่าสุด ยังเป็นแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนสองรุ่นแรกที่มาพร้อมการรองรับ NFC (Near Field Communications) เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานใหม่ๆ และน่าสนใจมากมาย ประกอบด้วย ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม หรือการอ่านแท็ก SmartPoster ง่ายๆ ด้วยการแตะไปบนสมาร์ทโฟน และด้วยภายใต้รูปลักษณ์การดีไซน์อย่างงดงาม คีย์บอร์ดที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหน้าจอระบบสัมผัสแสดงผลชั้นยอด สมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม ทั้งตัวเครื่องทำจากสแตนเลสสตีลขัดลาย และฝาหลังตัวเครื่องน้ำหนักเบา ทว่าแข็งแรง ทนทาน สร้างความประทับใจให้แก่ทุกสัมผัส

แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส และคีย์บอร์ดแบบสไลด์

Torch9810


แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 รุ่นล่าสุดนี้ สร้างสรรค์ขึ้นจากรูปลักษณ์อันโดดเด่นของแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 มาพร้อมการตอบสนองฉับไว และลื่นไหลมากยิ่งขึ้น จากคุณสมบัติพิเศษของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เปี่ยมประสิทธิภาพ รวมไปถึงระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ที่ช่วยเสริมสมรรถนะการใช้งานด้านมัลติมีเดียเหนือระดับ โดดเด่นด้วยหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูง ขนาดใหญ่สบายตาขนาด 3.2 นิ้ว รวมถึงคีย์บอร์ดแบบสไลด์ตามแบบฉบับแบล็กเบอร์รี่ เพื่อใช้งานพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 คือ สมาร์ทโฟนที่สามารถตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างแท้จริง

แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส

Torch9860


แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 สมาร์ทโฟน มอบประสบการณ์การใช้งานอย่างลื่นไหล และตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจผ่านระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ภายใต้รูปโฉมใหม่ เพื่อรองรับระบบสัมผัสทั้งหมดโดยเฉพาะ ทั้งนี้ หน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว ถือเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน โดยสมาร์ทโฟนระบบสัมผัส แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 ได้รับการตั้งค่ามาอย่างลงตัว เพื่อรองรับการแสดงผลหน้าเว็บ รูปภาพ วิดีโอ และรองรับประสบการณ์การเล่นเกมได้อย่างไร้ที่ติ รวมไปถึงการนำเสนอประสบการณ์ในการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งได้รับความพึงพอใจจากผู้ใช้งานแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนหลายล้านคนทั่วโลก

กลุ่มผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด จะเริ่มวางจำหน่ายผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยรายละเอียดวันการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจากผู้ให้บริการแต่ละรายนั้น จะประกาศให้ทราบทั่วกันร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าของริม

View :1815

เนชั่น จับมืออินเทล ชวนคอไอทีสนทนาเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต….NForum: NForum: Beyond Speed & Connected World: What’s Next?

August 3rd, 2011 No comments

เสาร์นี้ บ่ายโมงครึ่งเป็นต้นไป เนชั่น จับมืออินเทล ชวนคอไอทีสนทนาเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต….

• เทรนด์ของเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบรับกับความต้องการใ​นการทำงานและไลฟสไตล์ของคนใ​นปัจจุบัน
• การพัฒนาของเทคโนโลยีและพีซ​ีในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาและทิศทางในอนาค​ต
• เทคโนโลยีล้ำสมัยของอินเทลท​ี่มีในปัจจุบัน
• แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีในอ​นาคต

ผู้ร่วมเสวนา ได้แก่….

คุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ร่วมงานกับอินเทลมาตั้งแต่ต้นปี 2539 ในตำแหน่งผู้จัดการ-อินเทลอาคิเทคเจอร์ ประจำสำนักงานประเทศไทย โดยรับผิดชอบการเผยแพร่กลยุทธ์และเทคโนโลยีของอินเทล ตลอดจนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพัฒนาของวงการอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์แก่ผู้ใช้ ทั้งในกลุ่มองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปโดยตรง ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการในปัจจุบัน

คุณพาที สารสิน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด
(ปริญญาตรี บริหารธุรกิจและวิทยาการคอมพิวเตอร์ จาก Clark University มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
ปริญญาโท สื่อสารมวลชน (ภาพยนตร์และวิดีทัศน์) จาก มหาวิทยาลัยอเมริกัน วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา)

คุณสมเถา สุจริตกุล
ใช้นามปากกาว่า SP ในการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่มีกลิ่นอายเป็นเอเซีย ผลงานของสมเถาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ และได้รับรางวัลเกียรติคุณมากมายในต่างประเทศ ผลงานที่สำคัญได้แก่ “มาริสาราตี” Jasmine Nights, Aquilard กับ Absent Thee From Felicity Awhile (ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล John W.Campbell และรางวัล Hugo), Starship&Haiku (ได้รับรางวัล Locus Award), เรื่องสั้น The Dust (ได้รับรางวัล Edmund Hamilton Memorial Award ในปี 2525), เรื่องสั้นชุด Inquestor เรื่องศูนย์การค้าในอวกาศ Mallworld, ชุด Aquiiad, นวนิยายเรื่อง Starship&Haiku, รวมเรื่องสั้นชุด Fire From The Wine-Dark Sea, นวนิยายเรื่อง The Darkling Wind (ติดอันดับ Locus Bestseller)

คุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ค้าส่งอุปกรณ์ไอทีรายใหญ่ของไทย

ผู้ดำเนินรายการในงานนี้ก็ได้แก่ …..

1. วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง (@worawisut)
ผู้อยู่เบื้องหลัง ‘Marketing Hub’ คอลัมน์นิสต์ประจำ Bangkokbiznews.com และผู้ก่อตั้งเว็บ Appreview.in.th (@appreview)

2. ภิรดี พิทยาธิคุณ (@NuPink)
ทีมกองบรรณาธิการของเว็บ Thumbsup.in.th (@thumbsupTH)

ผู้สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการเสวนาที่น่าสนใจครั้งนี้ได้ที่นี่

https://spreadsheets.google.com/spreadsheet/viewform?formkey=dDM3cmV0WTRmeEQxVHhRMGNrajdiVlE6MA

View :1881