Archive

Archive for July, 2011

ไมโครซอฟท์เผยความสำเร็จจากโครงการ “แรงงานไทยก้าวไกลด้วยไอที” พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แรงงานไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

July 11th, 2011 No comments

บริษัท จำกัด เผยความสำเร็จจากโครงการ “” พร้อมมุ่งมั่นในการส่งเสริมทักษะทางด้านไอทีเพื่อสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับแรงงานไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เสริมหลักสูตรใหม่การสร้างธุรกิจบนโลกออนไลน์เพื่อเพิ่มพูนทักษะความเป็นผู้ประกอบการให้กับแรงงานไทยในยุคไอที ทั้งนี้ ด้วยการพัฒนาศักยภาพทางด้านไอที โครงการดังกล่าวยังจะช่วยสนับสนุนการเข้าสู่ยุคแรงงานเสรีในประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 เพื่อผลักดันให้แรงงานไทยสามารถแข่งขันกับแรงงานอาเซียนได้อย่างทัดเทียม

นายนคร ศิลปอาชา รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า “จากการดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 2 ปี โครงการ “แรงงานไทยก้าวไกลด้วยไอที” ซึ่งเป็นการผนึกกำลังระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และสถาบันคีนันแห่งเอเชีย ได้รับการตอบรับที่ดียิ่งจากแรงงานไทย โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ 76.17 จากปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้งสิ้นจำนวน 21,476 คน  และคาดว่าเมื่อครบกำหนด 3 ปี จะมีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมทั้งสิ้นกว่า 40,000 คน จากการสำรวจผู้เข้ารับการฝึกอบรมพบว่า กว่าร้อยละ 40 ระบุว่าทักษะทางด้านไอทีที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ ช่วยเพิ่มทักษะและเทคนิคในการทำงานและช่วยพัฒนางานประจำที่ทำอยู่ ในขณะที่อีกร้อยละ 28.57 มีความมั่นใจและมีความชำนาญในการใช้งานไอทีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กว่าร้อยละ 6 ยังระบุว่า การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวส่งผลให้ตนมีความก้าวหน้าในอาชีพการงานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม”

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนื่องด้วยเศรษฐกิจของประเทศยังคงขยายตัวด้วยแนวโน้มอัตรา GDP ร้อยละ 4.5 ส่งผลให้ความต้องการแรงงานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานฝีมือ ในขณะเดียวกันผลิตภาพแรงงานไทย (Labor Productivity) ยังคงมีอัตราการเติบโตในระดับต่ำ เพียงแค่ร้อยละ 3 ต่อปีเท่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มตลาดแรงงานไทยที่ยังคงมีโอกาสในการเพิ่มศักยภาพของตนเองในด้านต่างๆ เพื่อขยายโอกาสด้านการจ้างงานและความก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดแรงงานโดยรวมและความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจของประเทศได้ ภายใต้แนวคิด Unlimited Potential ที่มุ่งเน้นการขยายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีของทุกคน  ไมโครซอฟท์มีความเชื่อมั่นว่าการได้รับการถ่ายทอดทักษะทางด้านไอทีนั้นจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับประชากร ทั้งในด้านการสร้างงานและยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเอง จึงได้ริเริ่มโครงการ “แรงงานไทยก้าวไกลด้วยไอที” ขึ้น เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวที่ผ่านมา โครงการ “แรงงานไทยก้าวไกลด้วยไอที” ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากแรงงานไทย ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความสำเร็จให้กับแรงงานไทย   ทั้งในแง่ของการเพิ่มขีดความสามารถของแรงงาน และเพิ่มโอกาสการจ้างงาน ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมความก้าวหน้าและช่วยพัฒนาแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานไทยสู่ยุคตลาดแรงงานเสรีในอนาคต”

นอกเหนือไปจากการมอบเงินสนับสนุนสำหรับให้สถาบันคีนันแห่งเอเชียใช้ในการดำเนินโครงการเป็นระยะเวลา 3 ปี แล้ว ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศยังได้ให้การสนับสนุนหลักสูตรการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น อาทิ หลักสูตร Microsoft Unlimited Potential Community Learning Curriculum และหลักสูตร Microsoft Digital Literacy ที่ได้ใช้อบรมมาแล้วทั่วโลก และใช้ในโครงการ Microsoft Unlimited Potential – Community Technology Skill Program ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานไทยให้มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและเพิ่มพูนศักยภาพในการเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเองได้อย่างเหมาะสม ไมโครซอฟท์ ด้วยความร่วมมือจากสถาบันคีนันแห่งเอเชีย ได้เพิ่มหลักสูตรออนไลน์ “ฉันจะเป็นเถ้าแก่ยุคไอที” ที่เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิก และลงทะเบียนเรียนออนไลน์ได้โดยตรง โดยมีแบบสอบวัดผลการเรียนรู้ ทั้งยังจะได้รับประกาศนียบัตรเมื่อเรียนครบหลักสูตร

ผู้ที่สนใจสมัครเข้ารับการอบรมในโครงการ BETTER สามารถติดต่อได้ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานประจำภูมิภาค ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานประจำจังหวัดแต่ละจังหวัด หรือ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งยังสามารถศึกษาด้วยตนเองด้วยหลักสูตรออนไลน์ได้ที่ http://www.thebetter-project.com

View :1405

ปัญหาพรีเพดและคิดตังค์ผิด ถูกร้องมากที่สุด

July 10th, 2011 No comments

​สบท.เผยผลร้องเรียนครี่งปี กำหนดอายุโทรศัพท์ระบบเติมเงินหรือพรีเพดยังถูกร้องเรียนไม่เลิก ฮัทช์ เอไอเอส ดีแทค  นำโด่ง  ด้านทรู ยังตกเลขเพราะครองแชมป์คิดเงินผิด  ผอ.สบท.เตือนปัญหาโรมมิ่งน่าห่วง เพราะร้องน้อยแต่สูญเป็นแสน
 
​นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยถึงผลการรับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่เดือน มกราคม – มิถุนายน 2554 ว่า สบท. ได้รับเรื่องร้องเรียนมากกว่า 3,000 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นเรื่องที่มีการดำเนินการแจ้งบริษัทแก้ไข 1,409 เรื่อง โดยร้อยละ 72 หรือจำนวน 1,019 เรื่อง เป็นปัญหาจากการใช้บริการโทรศัพท์มือถือ ที่เหลือเป็นปัญหาจากการใช้บริการอินเทอร์เน็ต จำนวน 311 เรื่อง หรือร้อยละ 22 และปัญหาจากการใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐานจำนวน 52 เรื่อง หรือ ร้อยละ 4 และเรื่องอื่นๆ อีกร้อยละ 2

ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า เกินครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 55 ของเรื่องร้องเรียนจากการใช้บริการโทรศัพท์มือถือเป็นปัญหาเรื่องการกำหนดวันหมดอายุโทรศัพท์ระบบเติมเงิน เพราะผู้บริโภคยังต้องเดือดร้อนจากการที่ถูกกำหนดวันหมดอายุและต้องเติมเงินทั้งที่เงินยังมีอยู่ในระบบ การถูกยึดเงินในระบบ เป็นต้น ประเด็นต่อมาคือเรื่องของการคิดค่าบริการผิดพลาดมีจำนวน 257 เรื่อง โดยที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วงเนื่องจากมูลค่าความเสียหายสูงคือ ปัญหาการใช้บริการโรมมิ่ง หรือการใช้บริการข้ามแดนระหว่างประเทศ

“ครึ่งปีที่ผ่านมาพบว่า ยอดเงินที่ผู้บริโภคโต้แย้งจากการถูกบริษัทเรียกเก็บค่าบริการโรมมิ่งมียอดรวมมากกว่า 1 ล้านบาท จากการร้องเรียนไม่ถึง 30 ราย เพราะแต่ละรายถูกเรียกเก็บค่าบริการสูงเป็นหมื่นบาท สูงสุดประมาณสามแสนบาท ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการไม่เท่าทันการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน เช่น การใช้ไอโฟน 3 ไอโฟน 4 แบลคเบอร์รี่ หรือแม้กระทั่งไอแพด แล้วเกิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติโดยผู้บริโภคไม่รู้ตัว รวมถึงการที่ไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องจากผู้ให้บริการด้วย “ผอ.สบท.กล่าว

นายประวิทย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการให้บริการโทรศัพท์มือถือนั้น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอทีไวร์เลส หรือ ฮัทช์ และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ถูกร้องเรียนมากที่สุดในเรื่องการกำหนดวันหมดอายุโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ขณะที่บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ถูกร้องเรียนในปัญหาค่าบริการผิดพลาด มากที่สุด ส่วนการใช้บริการอินเทอร์เน็ตนั้นพบว่า ประเด็นที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ มาตรฐานการให้บริการ เช่น ถูกระงับบริการโดยไม่ทราบสาเหตุ สัญญาณหลุดบ่อย รองลงมาคือปัญหาค่าบริการผิดพลาด และปัญหาการยกเลิกบริการ โดย บริษัท ทริปเปิลที อินเทอร์เน็ต จำกัด ถูกร้องเรียนจากผู้ใช้บริการมากที่สุด จำนวน 189 เรื่อง ตามมาด้วยบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จำนวน 76 เรื่อง และบริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต จำกัด จำนวน 21 เรื่อง

​ขณะที่การให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน หรือโทรศัพท์บ้าน บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน)  ถูกร้องเรียนจากผู้ใช้บริการมากที่สุด ในประเด็นปัญหาค่าบริการผิดพลาดและมาตรฐานการให้บริการ
 

View :1358

ไซแมนเทครายงานสถานการณ์อีเมลขยะและฟิชชิ่งประจำเดือนมิถุนายน 2554

July 8th, 2011 No comments

การระบาดของวิดีโอลวงไปสู่อีเมลขยะขายยาและการหลอกลวงเรื่องคืนภาษีกลายเป็นยุทธวิธีหลักของเหล่าสแปมเมอร์

แม้ว่าเดือนที่ผ่านมาจะไม่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เหล่าสแปมเมอร์หยุดที่จะโจมตีเหยื่อบนเครือข่ายไซเบอร์ ยุทธวิธีใหม่ที่นำมาใช้คือวิดีโอลวงที่หลอกเหยื่อเข้าชมแล้วนำพาไปสู่การขายยานานาชนิด และการหลอกลวงเรื่องการคืนภาษีซึ่งทั้งสองเรื่องกลายเป็นหัวข้อสำคัญของรายงานสถานการณ์อีเมลขยะและฟิชชิ่งประจำเดือนมิถุนายน

นายนพชัย ตั้งไตรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค บริษัท ไซแมนเทค ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ ผลกระทบจากการปิดตัวของบอตเน็ตในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ยังคงส่งผลต่อภาพรวมของสถานการณ์ในแง่ของปริมาณอีเมลขยะ ซึ่งหลังจากลดลง 5.35% ในเดือนเมษายนและปริมาณโดยเฉลี่ยต่อวันลดลงเพิ่มขึ้นอีก 10.02% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เทียบกับช่วงเดียวกันนี้ในปีที่แล้วลดลงถึง 70.65% ซึ่งโดยรวมแล้วอีเมลขยะถือเป็น 72.14% ของข้อความทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม เทียบกับในเดือนเมษายนที่คิดเป็นสัดส่วน 74.81% และเพื่อให้เห็นภาพย้อนหลังไปนานกว่านั้นสัดส่วนดังกล่าวเคยมีมากถึง 89.81% ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าสแปมเมอร์จะวางมือกันไปหมดแล้ว จากรายงานของเดือนมิถุนายนมุ่งจับตามองที่อีเมลขยะขายยาที่มาในสองรูปแบบทั้งที่เป็นบริการแชร์วิดีโอออนไลน์และเว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์อย่าง Wikipedia นอกจากนั้นจากการวิเคราะห์ในส่วนของหัวข้อของอีเมลขยะในเดือนพฤษภาคม พบว่าอีเมลขยะที่มีเนื้อหาลามกยังคงแพร่หลายอยู่

ภาพรวมของการคุกคามในรูปแบบฟิชชิ่งเพิ่มขึ้น 6.67% ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งแบบที่สร้างขึ้นจากเครื่องมืออัตโนมัติและโดเมนที่มีลักษณะเฉพาะเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เว็บไซต์ฟิชชิ่งที่สร้างจากเครื่องมืออัตโนมัติมีจำนวนเพิ่มขึ้น 24.82% ในขณะที่แบบ URL เฉพาะนั้นเพิ่มเพียงเล็กน้อย 0.26% เว็บไซต์ฟิชชิ่งแบบที่มีที่อยู่ไอพี (ตัวอย่างเช่น http:// 255.255.255.255 ) ยังคงเพิ่มขึ้น 14.93% ส่วนบริการโฮสติ้งคิดเป็น 9% ของฟิชชิ่งทั้งหมดซึ่งลดลง 17.66% จากเดือนที่แล้ว จำนวนของเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่เป็นภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น 17.73% ซึ่งต่างจากเมื่อเดือนพฤษภาคมที่เว็บฟิชชิ่งภาษาอื่นๆ อย่าง ภาษาโปรตุเกส ฝรั่งเศส อิตาลีและสเปน ระบาดอย่างหนัก

ประเด็นที่น่าจับตามองในรายงานประจำเดือนมิถุนายน  2554 ได้แก่

  • การคลิกดูวิดีโอออนไลน์ที่พาไปสู่อีเมลขยะขายยา
  • สารบัญออนไลน์มีทุกอย่าง ไม่เว้นกระทั่งอีเมลขยะ
  • ฟิชเชอร์ย้อนกลับไปหลอกลวงด้วยเรื่องการคืนภาษี
  • การรับบริจาคจอมปลอมเพื่อช่วยผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น
  • การวิเคราะห์หัวข้ออีเมลขยะ ประจำเดือนพฤษภาคม 2554

 

วิดีโอออนไลน์นำพาไปสู่อีเมลขยะขายยา

ข้อความในอีเมลขยะที่โฆษณาขายเวชภัณฑ์เป็นสิ่งที่พบเห็นเป็นเรื่องปกติของการโจมตีด้วยอีเมลขยะในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เวชภัณฑ์เหล่านี้โฆษณาชวนเชื่อให้กับผู้ซื้อผ่านทางอีเมลขยะด้วยเทคนิคสร้างความสับสนหลายรูปแบบ และไซแมนเทคตรวจพบการเพิ่มขึ้นของอีเมลขยะที่โฆษณาขายเวชภัณฑ์เหล่านี้แฝงไปกับเว็บไซต์แชร์วิดีโอออนไลน์ชื่อดัง

ตัวอย่างของที่มาและหัวข้อที่พบจากการโจมตีของอีเมลขยะ ด้านล่าง

From: [REMOVED] Service <service@[REMOVED].com>

Subject: [REMOVED] Administration sent you a message: Your video on the TOP of [REMOVED]

Subject: [REMOVED] Service sent you a message: Best Unrated Videos To Watch

Subject: [REMOVED] Support sent you a message: Your video has been removed due to terms of use violation

 

ในหัวข้ออีเมลนี้ สแปมเมอร์พยายามจู่โจมโดยอาศัยความอยากรู้ของเหยื่อ ซึ่งข้อความนั้นพยายามที่จะดึงดูดเหยื่อว่าเป็นวิดีโอที่ได้รับความนิยมหรือหลอกเหยื่อว่าวิดีโอนั้นๆ ได้ถูกลบออกไปแล้วเนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง ตัวหนังสือที่รวมทั้งลิงค์ URL ในตัวเนื้อความ ซึ่งจะปรากฏรูปแบบของการกระทำแบบนี้ในทุกครั้งที่เกิดการแพร่กระจายของอีเมลขยะ และใน URL ที่ปรากฏบนเนื้อความดังกล่าวจะเป็นการเชื่อมไปยังเว็บไซต์แชร์ไฟล์วีดีโอซึ่งที่อยู่จริงของ URL เหล่านั้นเป็นโดเมนที่ถูกปล้นมาทั้งนั้น เมื่อคลิกไปที่ URL ดังกล่าวก็จะเป็นการเชื่อมไปยังหน้าเพจของร้านขายยาสัญชาติแคนาดาที่เป็นชื่อโดเมนที่มีแสปมเมอร์เป็นเจ้าของ โดยพบว่าบางโดเมนถูกจดทะเบียนในรัสเซียและฝรั่งเศส แม้ว่าในอีเมลดังกล่าวจะมีลิงก์สำหรับให้ผู้รับแจ้งสแปมแต่ก็เป็นลิงก์ที่เชื่อมไปยังหน้าเวบเพจขายยาเหมือนเดิม

เลขที่อยู่ IP ที่ปรากฏอยู่ในการโจมตีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของบอตเน็ตและได้ถูกขึ้นบัญชีดำไว้แล้วจากการเกี่ยวข้องของการแพร่กระจายอีเมลขยะในครั้งก่อนๆ เราเชื่อว่าอีเมลดังกล่าวถูกส่งด้วยเครือข่ายบอตเน็ตหลายแห่ง นำมาซึ่งการกระจายสแปมในจำนวนมหาศาล

สารบัญออนไลน์มีทุกอย่าง ไม่เว้นกระทั่งอีเมลขยะ

ในปีที่แล้วสแปมเมอร์ตั้งเป้าที่จะใช้สารานุกรรมออนไลน์อย่าง Wikipedia เพื่อส่งออกอีเมลขยะจำนวนมากที่จะตรงเข้าหาเหยื่อที่หลงเข้ามาในเว็บไซต์ดังกล่าวที่ได้ปลอมขึ้นมา Global Intelligence Network ของไซแมนเทคตรวจพบการใช้เทคนิคในการหลอกลวงแบบใหม่ ที่พุ่งเป้าไปที่การใช้ชื่อของ Wikipedia ในการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์ยาปลอม ซึ่งในส่วนของหัวข้อที่ใช้ในการโจมตีจะมีหลายรูปแบบที่จะถูกสุ่มขึ้นมาใช้และในส่วนของช่องผู้ส่งก็จะเป็นชื่อปลอมหรือเป็นบัญชีที่ขโมยมาจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อหลอกลวงเหยื่อว่านี่คืออีเมลที่ถูกส่งจากผู้ใช้จริงๆ

ตัวอย่างของหัวข้อที่ถูกใช้ในการส่งอีเมลขยะออกไป

Subject: wWIKIp

Subject: kWIKIx

Subject: yWIKIg

Subject: hWikiPharmacyl

Subject: oWikiPharmacyp

Subject: uWikiPharmacym


จากรูปแสดงให้เห็นว่าสแปมเมอร์โฆษณาเวชภัณฑ์ลดราคาด้วยหน้าตาที่คล้ายกับเว็บไซต์ Wikipedia  ซึ่งหน้าเว็บเพจดังกล่าวยังแสดงตัวตนว่าเป็น “WikiPharmacy” ซึ่งปริมาณการระบาดครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นมีจำนวนมากพอสมควร ซึ่งในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่า Wikipedia ได้รับความนิยมอย่างมากรวมถึงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องให้ความระวังและรอบคอบในการให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้

 

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างรูปแบบของ URL ที่ระบาดอยู่

http://sucullu.[REMOVED].net/wiki14.html

http://cinar. [REMOVED].org.tr/wiki14.html

http://jmleml. [REMOVED]].com/wiki14.html

http:// [REMOVED].com.br/wiki15.html

http:// [REMOVED].com/wiki15.html

http://web164892.web23. [REMOVED].net/wiki15.html

ผู้ใช้สามารถสังเกตจากส่วนของ “ หัวข้อเรื่อง ” ของอีเมลที่จะช่วยบ่งบอกได้ว่าเป็นอีเมลขยะหรือไม่ และระวังพวกที่จ้องจะหาโอกาสในการโจมตี และข้อปฏิบัติต่างๆ สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานปลอดภัยจากการใช้งาน

ฟิชเชอร์ย้อนกลับไปหลอกลวงด้วยเรื่องการคืนภาษี

กรมสรรพากรของประเทศอินเดียได้ประกาศเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาในการขอคืนภาษีประจำปี 2010-2011 ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2554 ซึ่งเมื่อปีที่แล้วฟิชเชอร์ได้ทำการกระจายการฟิชชิ่งด้วยเรื่องของกำหนดเวลาการขอคืนภาษีประจำปี ซึ่งเป็นการขอคืนภาษีในปีปัจจุบัน ซึ่งเหล่าฟิชเชอร์ก็กลับมาเริ่มใช้วิธีการลวงเหยื่อด้วยวิธีดังกล่าวอีกครั้ง

สิ่งที่ฟิชเชอร์ลงมือทำไปก็คือ ปลอมตัวเป็นธนาคารชาติอินเดียที่มีข้อความเกี่ยวกับเรื่องของการขอคืนภาษี ขั้นตอนต่อไปคือการลวงให้เหยื่อเชื่อว่าจะจัดการคืนเงินภาษีให้ผ่านทางบัญชีธนาคารของเหยื่อ โดยที่เหยื่อสามารถที่จะเลือกให้คืนเงินดังกล่าวไปที่ธนาคารใดก็ได้ใน 8 แห่งเพียงแต่ให้ชื่อในการเข้าใช้และรหัสผ่าน ซึ่งเมื่อฟิชเชอร์หลอกลวงได้สำเร็จก็จะได้ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของเหยื่อของธนาคารหลายแห่งจากการหลอกลวงเพียงครั้งเดียว นอกจากนั้น เว็บเพจดังกล่าวยังหลอกถามเลขบัตรเครดิตพร้อมเลขรหัสลับหลังจากที่เหยื่อกดตอบรับเรียบร้อยแล้ว เว็บไซต์ฟิชชิ่งยังกล่าวยังมีการแสดงข้อความแจ้งว่าได้รับเรื่องคำร้องในการขอคืนภาษีเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นผู้ใช้จะถูกเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บจริงของธนาคารชาติอินเดีย ซึ่งหากใครที่ตกเป็นเหยื่อของเว็บไซต์ฟิชชิ่งนี้แล้ว สิ่งที่เหล่าฟิชเชอร์ขโมยไปก็คือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับการเงิน

ไซแมนเทคได้ตรวจสอบไปที่ธนาคารชาติอินเดีย ในเรื่องของการส่งอีเมลไปสอบถามผู้ใช้ในการบอกข้อมูลที่เกี่ยวกับชื่อเข้าใช้และรหัสผ่านของบัญชีธนาคารหรือไม่ คำตอบของธนาคารชาติอินเดียคือ ไม่เคยสื่อสารกับผู้ใดเพื่อที่จะสอบถามเรื่องดังกล่าวเพื่อประโยชน์ใดๆ และทางธนาคารชาติอินเดียยังวิงวอนไปยังสาธารณะว่าอย่าได้ตอบสนองกับอีเมลดังกล่าวและอย่าได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคารให้กับผู้ใดหรือเพื่อประโยชน์อันใด

เว็บไซต์ฟิชชิ่งดังกล่าวจะมาในรูปแบบที่อยู่เลข IP ( เช่น hxxp://255.255.255.255) ซึ่งถูกโฮสต์อยู่ในเซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเลขที่อยู่ IP ดังกล่าวยังเป็นที่อยู่ของเว็บไซต์ฟิชชิ่งของธนาคารอื่นๆ ของอินเดียซึ่งรวมถึงบริษัทให้สินเชื่อในการซื้อบ้าน

การรับบริจาคจอมปลอมเพื่อช่วยผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น

หลายเดือนก่อนหน้าประเทศญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์และเกิดสึนามิเข้าทำความเสียหายหลายพื้นที่ของประเทศ เหล่าฟิชเชอร์ก็อาศัยสถานการณ์ดังกล่าวทันทีด้วยการ “ รับบริจาคจอมปลอม ” จากผู้ที่หวังช่วยเหลือ โชคไม่ดีที่เหล่าฟิชเชอร์ยังคงอาศัยเหตุการณ์นี้เพื่อที่จะหลอกรับเงินบริจาคจากเหยื่อจากการตรวจพบของเรา

ในการหลอกรับบริจาคฟิชเชอร์ปลอมเว็บไซต์เป็นองค์กรการกุศลและธนาคารเป็นเหยื่อล่อ ซึ่งตอนนี้มีการปลอมหน้าเว็บเป็นภาษาเยอรมันบอกว่าเป็นช่องทางการรับจ่ายเงินชื่อดังและหลอกถามข้อมูลผู้ใช้ซึ่งในเนื้อความภาษาเยอรมันแปลความได้ว่า “ ประเทศญี่ปุ่นต้องการความช่วยเหลือ เพื่อสนับสนุนเบื้องต้นต่อผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ได้โปรดบริจาคทันที ” และในเนื้อความยังมีภาพแผนที่ประเทศญี่ปุ่นเน้นไปที่พื้นที่ประสบภัยสองแห่ง แห่งแรก คือ เมืองใกล้กับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิมาและแห่งที่สองคือเมืองหลวงโตเกียว และแผนที่ยังแสดงศูนย์กลางของแผ่นดินไหวที่อยู่ใต้ทะเลใกล้กับชายฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น

หลังจากที่เหยื่อบอกข้อมูลไปหมดแล้ว จะถูกเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บไซต์จริงที่มีอยู่และยังสามารถทำกิจกรรมได้ต่อ โชคไม่ดีที่ผู้ใช้งานเหล่านั้นถูกหลอกเอาข้อมูลที่มีค่าไปให้ฟิชเชอร์ไปหมดแล้ว เนื่องจากข้อมูลที่เหยื่อถูกหลอกไปนั้นจะถูกถามจากบริการช่องทางชำระเงินบัญชีของเหยื่อนั้นเหมือนกับได้ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารไปด้วย ซึ่งถ้าตกเป็นเหยื่อของเว็บไซต์ฟิชชิ่งเหล่านี้ข้อมูลส่วนตัวทางด้านระบบการเงินจะถูกขโมยไปอย่างง่ายดาย โดยที่การโจมตีด้วยวิธีการฟิชชิ่งแบบนี้จะใช้เครื่องมือเพื่อใช้งานเพียงเลขที่อยู่ IP เดียวในการผนวกเอาที่อยู่โดเมนถึง 4 แหล่งเข้าด้วยกัน โดยที่ทั้งหมดจะถูกโฮสต์อยู่ในประเทศฝรั่งเศส

การวิเคราะห์หัวข้ออีเมลขยะ ประจำเดือนพฤษภาคม

 

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อีเมลขยะที่มีเนื้อหาลามกยังคงมีจำนวนมากที่สุดในด้านหัวข้อเรื่อง ส่วนการขายยาออนไลน์ซึ่งเดือนที่แล้วโดดเด่นอย่างมากกลับตกลงหนึ่งอันดับจากเดิมที่อยู่ในอันดับ 16

View :2088

ซื้อบัตร Si-AM Day Pass เพียง 500 บาทเท่านั้น จากปกติ 900 บาท

July 7th, 2011 No comments


ทรูพริวิเลจ  ร่วมกับ บริษัท ซิตี้วอล์ค จำกัด (สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ) จัดโปรโมชั่น “Play Time Moment @ สวนสยาม ” มอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้ากลุ่มทรู สนุกกันยกแก๊งค์ ซื้อบัตร Si-Am Day Pass ในราคาเพียง 500 บาท จากราคาปกติ 900 บาท เมื่อซื้อบัตรตั้งแต่ 3 ใบขึ้นไป รับสิทธิพิเศษได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 3 0 กันยายน 2554 ผ่าน 3 ช่องทาง    โดยลูกค้าทรูมูฟกด *878 *0148# แล้วโทรออก (ฟรี) หรือส่ง SMS พิมพ์คำว่า SPC ส่งมาที่ 9989 (ครั้งละ3 บาท) ลูกค้าทรูวิชั่นส์ ทรูออนไลน์   วีพีซีที และโทรศัพท์พื้นฐาน จากทรูออนไลน์ ดาวน์โหลด e-coupon ได้ที่ www.trueprivilege.com

View :1835

กระทรวงไอซีที เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Special TELSOM

July 7th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ   บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีที ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ สมัยพิเศษ ( Special Meeting of ASEAN Telecommunications and Information Technology Senior Officials หรือที่เรียกว่า ขึ้นที่จังหวัดชลบุรี ในระหว่างวันที่ 4 -7 กรกฎาคม 2554 ซึ่งการประชุม ครั้งนี้ ประกอบไปด้วย การประชุมคณะทำงานร่วม ( Join Working Group) และการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส   โดยได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญๆ ได้แก่ การพิจารณาโครงการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน ( ASEAN ICT Master plan 2015) การพิจารณาจัดสรรงบประมาณเงินกองทุน ASEAN ICT Fund และการพิจารณาข้อเสนอโครงการต่างๆ สำหรับปี ค.ศ. 2011 – 2012 เป็นต้น

“สำหรับการประชุมครั้งนี้   มีโครงการที่เสนอโดยประเทศไทยได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม ได้แก่ โครงการ ASEAN ICT Skill Standard Definitions and Certifications ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดทำมาตรฐานทักษะด้าน ICT ของอาเซียน โครงการ Intra -ASEAN Secure Transactions Framework เพื่อสนับสนุนและสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน และโครงการ ASEAN e-Government Development Action Plan เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในอาเซียน   ตลอดจนเพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจของอาเซียน ในปี 2015 อีกด้วย” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1595

ตั้งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) คนแรก

July 7th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ   บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะกรรมการบริหาร สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ไปเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ จึงได้ดำเนินการสรรหาผู้เชี่ยวชาญมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานฯ โดยได้มีการแต่งตั้งนางสุรางคณา วายุภาพ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายด้านการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ICT Policy and ICT Laws) เพื่อทำหน้าที่ผู้อำนวยการ สพธอ. เป็นคนแรก

“นางสุรางคณา วายุภาพ เป็นผู้มีประสบการณ์และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานและความมั่นคงปลอดภัย ( Standard and Information Security) ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากว่า 10 ปี อีกทั้งยังเป็นกรรมการสมาคม อีกหลายสมาคม เช่น สมาคมความมั่นคงปลอดภัยประเทศไทย ( Thailand Information Security Association หรือ TISA) สมาคมเว็บมาสเตอร์ ( Web Master Association) สมาคม Thailand PKI Forum และกรรมการกิตติมศักดิ์สมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ( e-Commerce Association) จึงถือว่าเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งสำคัญนี้” นางจีราวรรณ กล่าว

ด้าน นางสุรางคณา วายุภาพ (องค์การมหาชน) กล่าวเพิ่มเติมถึง    ทิศทางการทำงานในอีก 4   ปีข้างหน้า ว่า จะมุ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนและมูลค่าการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศในภาพรวม โดยการพัฒนามาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการพัฒนามาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัย และการผลักดันกลไกเพื่อเพิ่มทักษะระดับสูงของบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งกิจกรรมที่จะดำเนินการนั้นมีทั้งการผลักดันให้เกิดการจัดทำดัชนีสำคัญที่สะท้อนข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการและรัฐบาล การจัดทำกรอบนโยบาย แผนแม่บท และแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและแผนระดับชาติทุกแผนที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความสอดรับกัน นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของการพัฒนาการให้บริการระบบ National Root CA การพัฒนามาตรฐานเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางออนไลน์ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย

ส่วนปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในบทบาทของผู้อำนวยการ สพธอ. ก็คือ การวางแผนและบริหารจัดการให้องค์กรมองเห็นเป้าหมายซึ่งมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนร่วมกัน   การจัดลำดับความสำคัญของงานที่มีผลกระทบระดับสูงซึ่งมุ่งตอบโจทย์ และความต้องการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการบริหาร สพธอ. และมีความสอคคล้องกับภารกิจของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในลำดับต้นๆ   ตลอดจนการให้ความสำคัญในเรื่อง “ คนทำงาน ” ด้วยการสร้าง Career Path ที่ชัดเจนให้กับพนักงานและให้โอกาสกับคนทำงานโดยเท่าเทียมกันอย่างมีธรรมาภิบาล

“สิ่งสำคัญในการบริหารงานตำแหน่งนี้ ก็คือ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบคนรุ่นใหม่ที่ทำงานอย่างคนมีไฟ ขยัน และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตื่นตัวตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว กล้าคิด กล้าสร้างสรรค์ และต้องทำงานอย่างมุ่งมั่น ตั้งใจ เข้มแข็ง มีความหนักแน่น พร้อมเผชิญกับปัญหาและความท้าทายทุกรูปแบบ รวมทั้งสามารถทำงานกับมิตรและเพื่อนร่วมทางหรือเครือข่ายความร่วมมือได้เป็นอย่างดี ตลอดจนมีความตระหนักต่อโจทย์หรือปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงหรือส่งผลกระทบต่อความสำเร็จขององค์กร เพื่อให้พร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างเข้าใจ โดยคำนึงถึงวิธีการแก้ปัญหาหรือหาทางออก   ที่เหมาะสมด้วย” นางสุรางคณา กล่าว

View :1526

เอไอเอสแจ้งเกิด “ดิจิตอล แมกกาซีน”บนแท็บเล็ต

July 6th, 2011 No comments

เอไอเอสฉีกกรอบ ครีเอทกลยุทธ์ CRM รูปแบบใหม่ แจ้งเกิดดิจิตอล แมกกาซีนบนแท็บเล็ต ในชื่อ “” นิตยสารไลฟ์สไตล์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ตอบสนองทุกสไตล์การใช้ชีวิตด้วยสิทธิพิเศษหลากหลายจากเอไอเอส ซึ่งออกแบบด้วยเทคนิคพิเศษในการผลิต เน้นสร้าง Interactive Experience ให้กับผู้อ่าน พร้อมวางแผงบนดิจิตอลสโตร์ให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจดาวน์โหลดฟรี! ได้แล้ววันนี้ ในรูปแบบของแอพพลิเคชั่น รองรับทั้งบน iPad และ Android พร้อมยกเป็น Showcase แรกของวงการดิจิตอล แมกกาซีน ฉบับแรกและฉบับเดียวในภูมิภาคที่ผลิตโดยโอเปอร์เรเตอร์มือถือ หวังสร้างเป็นอาวุธใหม่ เจาะใจผู้บริโภคยุคดิจิตอล


นางวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ เอไอเอส เปิดเผยว่า “เอไอเอสเราให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการบริหารงานลูกค้า หรือ S (Service) หนึ่งใน Quality DNAs มาโดยตลอด ด้วยการมุ่งมั่นสรรหาสิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษหลากหลาย มอบให้กับลูกค้าของเอไอเอสทุกท่าน ผ่านโปรแกรมการดูแลลูกค้ารูปแบบต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และด้วยเทรนด์ของสมาร์ทเก็ทเจ็ทที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ทำให้เรามองเห็นช่องทางใหม่ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และส่งมอบสิทธิพิเศษจากเอไอเอส เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ยิ่งขึ้น

ล่าสุด เอไอเอสจึงได้สร้างสรรค์ดิจิตอลแมกกาซีนแนวใหม่ ภายใต้ชื่อ “Serenade Magazine” นิตยสารไลฟ์สไตล์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ตอบสนองทุกสไตล์การใช้ชีวิตสุดอินเทรนด์ ที่มาพร้อมสุดยอดสิทธิพิเศษอันหลากหลายจากเอไอเอส ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับบนสมาร์ทเก็ทเจ็ท ทั้ง iPad และ Android เพื่อให้ผู้อ่านได้รับอรรถรสและความเพลิดเพลินเหมือนกำลังอ่านนิตยสารเล่มโปรดสักเล่ม โดยวางแผงบนดิจิตอลสโตร์เท่านั้น พร้อมเปิดให้ลูกค้าเอไอเอสและผู้ที่สนใจดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “Serenade Magazine” ได้ฟรี! แล้ววันนี้ ผ่านทาง App Store บน iPad 1, iPad 2 และผ่านทาง Android Market สำหรับ Tablet อาทิ Samsung Galaxy Tab โดย Search คำว่า “Serenade Magazine”

“Serenade Magazine” เป็นดิจิตอลแมกกาซีนฉบับแรกและฉบับเดียวในภูมิภาคที่ผลิตโดยโอเปอร์เรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเอไอเอสตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็น Showcase แรกของวงการ ในการนำสื่อดิจิตอลมาพัฒนาเป็นเครื่องมือในการดูแลลูกค้า (CRM) ในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งนอกจากผู้อ่านจะได้รับสิทธิพิเศษสุดคุ้มพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตแล้ว ยังเป็นการสร้าง Value เพิ่มให้กับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ร่วมจัดแคมเปญสิทธิพิเศษกับเอไอเอสอีกด้วย “Serenade Magazine” นี้ถือเป็นการผสมผสานทั้ง 3 เรื่อง สิทธิพิเศษ, ไลฟ์สไตล์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัวที่สุด” วิลาสินีกล่าว

ด้านนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส กล่าวเสริม “ด้วยกระแสความนิยมของตลาด Tablet ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วนั้น ส่งผลให้สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการสรรหาตามมาก็คือ Application ที่ตอบโจทย์ตรงใจต่อการใช้งาน และหนึ่งในเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในขณะนี้ คือ ดิจิตอลแมกกาซีน ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีรูปแบบการเปิดตัวข้อมูลข่าวสารเปลี่ยนไปตามลักษณะของดีไวซ์ข้างกาย

สำหรับ Serenade Magazine เล่มนี้ จึงไม่ได้เพียงอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาคอนเทนต์ที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังโดดเด่นและแตกต่างตรงที่มีความเป็น Interactive Experience มีการใส่ลูกเล่นและกิมมิคสนุกๆ มาเซอร์ไพรส์ผู้อ่านตลอดเวลา โดยใช้เทคนิคพิเศษในการผลิต ด้วยการซ่อนไฟล์ดิจิตอลประเภทต่างๆ ให้ผู้อ่านได้มี Interactive กับเนื้อหา ได้คลิกค้นหาออกมาชม, ฟัง และเล่นได้ในทุกๆ คอลัมน์ อาทิ คลิปหนัง, เพลง รวมถึง Google Map แผนที่เดินทางไปร้านอาหารที่แนะนำ

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคในการจัดวางเลย์เอาท์ ให้สามารถอ่านได้ทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับฟังก์ชั่นของ Tablet เอง อันเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้อ่านด้วย ที่สำคัญ เมื่อโหลดมาเก็บไว้ที่เครื่องแล้ว จะเปิดอ่านที่ไหน เมื่อไรก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา ยกเว้นเมื่อต้องการ Interactive เช่น เสิร์ช Google Map หรือเล่นเกมชิงรางวัล ต้องเชื่อมต่อเน็ตด้วย

ซึ่งปัจจุบัน เอไอเอสมีเครือข่ายที่มีศักยภาพและครอบคลุมมากที่สุด ทั้ง EDGE Plus, 3G คลื่น 900 ด้วยความเร็วสูงสุด 21.6 Mbps. และล่าสุดกับเครือข่าย Wifi by AIS-3BB ที่ครอบคลุมกว่า 25,000 จุดทั่วประเทศ ทำให้ปัจจุบันลูกค้าเอไอเอสมีเครือข่ายคุณภาพให้เลือกใช้งานได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม เราจึงมั่นใจว่าผู้อ่าน Serenade Magazine ฉบับนี้ จะได้รับอรรถรสในการอ่านอย่างเต็มที่ สามารถเชื่อมต่อชีวิตออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ” นายปรัธนากล่าว

“สำหรับโปรเจ็กท์ Serenade Magazine นี้เป็นการตอกย้ำการทำงานภายใต้แนวคิด Quality DNAs ที่สมบูรณ์แบบ เพราะต้องอาศัยศักยภาพความพร้อมทั้งในด้าน Device, Network, Application และ Service เข้าด้วยกัน ออกมาเป็นนวัตกรรมที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง” นางวิลาสินีกล่าวสรุป

Serenade Magazine เป็นนิตยสารราย 3 เดือน ฉบับแรกเป็นเล่มเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2554 ในคอนเซ็ปท์ “ความพิเศษเกิดขึ้นได้ทุกวัน” ประกอบด้วยคอลัมน์ทั้งหมด 13 คอลัมน์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการกิน ดื่ม ช้อปปิ้ง แฟชั่น ท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ และสมาร์ทเก็ทเจ็ท รวมถึงบทสัมภาษณ์ของสไตล์ไอคอนที่น่าสนใจ ที่หลากหลายและเต็มอิ่มมาก โดยในแต่ละคอลัมน์จะมีสิทธิพิเศษจากเอไอเอสสอดแทรกเข้าไปเพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบ อีกทั้งยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมเล่นเพื่อลุ้นรางวัลท้ายเล่มอีกด้วย

ข้อมูล Serenade Magazine

“Serenade Magazine” เรียกได้ว่าเป็นไลฟ์สไตล์ดิจิตอลแมกกาซีนเล่มแรกและเพียงเล่มเดียวในภูมิภาคที่ผลิตโดยโอเปอร์เรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งวางแผงบนดิจิตอลออนไลน์เท่านั้น โดยวัตถุประสงค์ในการจัดทำแมกกาซีนเล่มนี้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อ่านที่ชื่นชอบและเกาะติดเทคโนโลยี Smart Phone หรือ Tablet ต่างๆ ได้รับความบันเทิงได้ทุกที่ทุกเวลา

แนวคิด Serenade Magazine คือ “ความพิเศษเกิดขึ้นได้ทุกวัน” นั่นคือตอบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตด้วยสิทธิพิเศษที่หลากหลายจากเอไอเอส และการจัดวางเลย์เอ้าท์ที่ให้สามารถอ่านได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รวมทั้งมีกิมมิคพิเศษ ตรงลูกเล่น Interactive ต่างๆ ที่ฝังไว้ภายในแต่ละคอลัมน์ อาทิ ลิงค์วีดีโอ, ลิงค์ฟังเพลง หรือแม้กระทั่ง Google Map แผนที่เดินทางไปร้านอาหารที่แนะนำภายในเล่ม ผู้อ่านก็สามารถเดินทางไปได้เลย

เนื้อหาภายใน Serenade Magazine ประกอบไปด้วยคอลัมน์ทั้งหมด 13 คอลัมน์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ กิน ดื่ม ท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ แฟชั่น บทสัมภาษณ์ไลฟ์สไตล์ไอคอนที่น่าสนใจที่หลากหลายและเต็มอิ่มมาก นอกเหนือจากนั้นแล้ว ในแต่ละคอลัมน์จะมีการสอดแทรกสิทธิพิเศษเพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบ และยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นชิงรางวัลท้ายเล่มอีกด้วย

Serenade Magazine ไม่ได้จัดทำขึ้นมาสำหรับลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น เพียงแค่ท่านมี Gadget ที่รองรับก็สามารถดาวน์โหลดได้ เพราะเอไอเอสมุ่งหวังให้ท่านได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และรับทราบถึงความตั้งใจของ    เอไอเอสในการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า เพื่อในอนาคตเอไอเอสจะได้มีโอกาสรับใช้ท่านทุกคน

How to :
Gadget ที่รองรับ Serenade Magazine ได้แก่
o    iPad1, iPad2 ตั้งแต่ iOS 4.1 ขึ้นไป
o    Samsung Galaxy Tab ตั้งแต่ Firmware 2.2 ขึ้นไป
ขั้นง่ายๆ ของการดาวน์โหลด Serenade Magazine สำหรับ iPad
1.    เข้าไปที่ App Store
2.    Search คำว่า Serenade Magazine
3.    กดที่ปุ่ม Free เพื่อทำการ download แล้ว Install Application
4.    Icon Serenade Magazine จะปรากฏที่หน้าจอ ipad ของคุณ
ขั้นง่ายๆ ของการดาวน์โหลด Serenade magazine สำหรับ Samsung Galaxy Tab
1.    เข้าไปที่ Android Market
2.    Search คำว่า Serenade Magazine
3.    กดที่ปุ่ม Install เพื่อทำการ Install Application
4.    Icon Serenade Magazine จะเข้าไปอยู่ในหน้า Application ของคุณ

คอลัมน์ภายใน Serenade Magazine
ประกอบไปด้วยความพิเศษที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่หลากหลายเพื่อตอบรับกับทุก Lifestyle พร้อมด้วยสิทธิพิเศษมากมาย ประกอบด้วยคอลัมน์ต่างๆ ดังนี้
    Editor’s Talk: สาส์นจากบรรณาธิการ
    Socialize : ภาพข่าวกิจกรรมต่างๆ
    Style : สัมภาษณ์ Celeb เกี่ยวกับ Lifestyle ของตัวเองในด้านต่างๆ
    Take a Seat : รีวิวเรื่องเกี่ยวกับหนังในด้านต่างๆ พร้อมแนะนำหนังใหม่
    Book on Shelf : แนะนำหนังสือน่าอ่านทั้งแบบ Online และ Offline
    Sounds Good : รวมเพลงสุดฮิตหรือ Calling Melody สุดฮอต พร้อม Tips ในการ Download Calling Melody
    Smart Gadget : แนะนำ Gadget และ Smart Phone พร้อมแพ็คเกจสุดคุ้ม
    Everyday Special : ช่วงเวลาพิเศษในชีวิตของ 5 บุคคลจากหลากหลายอาชีพ
    SClub : แนะนำ Serenade Club
    Savoury : แนะนำร้านอาหาร พร้อมรับส่วนลดพิเศษ
    Special Moments : แนะนำแหล่งท่องเที่ยวสุดพิเศษ พร้อม Tips & Trick เกี่ยวกับการใช้งานมือถือเมื่ออยู่ต่างประเทศ
    Surprize : ร่วมเล่นเกมส์ง่ายๆ พร้อมรับขอรางวัลมากมาย
    All Privileges : สรุปรวมสิทธิพิเศษจาก AIS

View :1995

แถลงการณ์ดีแทค: ดีแทค มุ่งเน้นความสำคัญของลูกค้า พร้อมพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่างสร้างสรรค์

July 6th, 2011 No comments

ดีแทค ยืนยันความมุ่งมั่นที่มีต่อลูกค้า ผู้ถือหุ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำเสนอบริการที่ทันสมัย และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า และอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “ ประเด็นการครอบครองธุรกิจโดยต่างชาตินั้นได้ถูกยกขึ้นมากล่าวถึงก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งในช่วงการตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อการการประมูลใบอนุญาต 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งผลจากการตรวจสอบอย่างละเอียด ในครั้งนั้นได้ยืนยันคุณสมบัติของดีแทคในฐานะบริษัทไทย ดีแทค มุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องใน ประเทศไทย เพื่อลูกค้ากว่า 22.3 ล้านคน และคู่ค้าของบริษัทฯ ทั้งนี้ คณะผู้บริหารของดีแทคเชื่อมั่นว่า หากกระบวนการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส และยึดตามหลักเกณฑ์ของการตรวจสอบที่ถูกต้องแล้ว จะสามารถคลี่คลายประเด็นดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของดีแทค รวมทั้งลูกค้า และอุตสาหกรรมโดยรวม ”

“ ข่าวความเคลื่อนไหวในปัจจุบัน โดยเฉพาะกรณีที่ทางคณะทำงานการตรวจสอบข้อมูล ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศถึงผลการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นนั้น ดีแทครู้สึกผิดหวัง และมองเห็นถึงวิธีการที่เลือกปฏิบัติ เรายืนยันว่าบริษัทฯ ปฏิบัติตามกฏหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของไทยทุกประการ รวมทั้งได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ในกระบวนการตรวจสอบเพื่อให้ความกระจ่างต่อข้อสงสัย ”

ดีแทคได้แสดงความมุ่งมั่นตลอดมาต่อลูกค้า คู่ค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของบริษัทฯ โดยตลอด 19 ปีที่ผ่านมา ดีแทคได้ลงทุนในประเทศไทยไปแล้วมากกว่า 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท และก่อให้เกิดส่วนแบ่งรายได้ต่อ บมจ. กสท. โทรคมนาคม มากกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมถึงรายได้ในรูปแบบอื่นๆ ต่อหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ในประเทศไทย ”

ดีแทค ยืนยัน และมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างสูงสุด เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย  ด้วยความร่วมมือจากกระทรวง และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน และปฏิวัติอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยให้ก้าวสู่ระดับแนวหน้า และไม่ล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน

“ ดีแทค ขอย้ำว่าการให้ข้อมูลที่ยังไม่มีข้อสรุปหรือยังไม่ครบสมบูรณ์ รวมทั้งคำกล่าวหาบริษัทฯ ในรูปแบบต่างๆ นั้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทฯ ผู้ถือหุ้น พนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการตรวจสอบนี้ จะให้ความเคารพต่อกระบวนการ และกฏเกณฑ์ในการตรวจสอบ ”

View :1616

ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เปิดตัวโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมใหม่ (New Converged Data Center Solution – CDCS)

July 6th, 2011 No comments

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชัน หรือ เอชดีเอส ธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT) เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม (Converged Data Center Solutions – CDCS) เป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถลดระยะเวลาการนำไปใช้ ตลอดจนทำให้การปรับใช้ระบบคลาวด์เป็นเรื่องง่ายและกระบวนการที่ทำงานแบบอัตโนมัติ ได้รวมพร้อมการปรับแต่ง ของระบบจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรขนาดใหญ่ และ ระบบประมวลผลแบบเบลด จากบริษัท ฮิตาชิ        ที่มาพร้อมด้วยโครงสร้างเครือข่ายที่เป็นมาตรฐาน มาปรับใช้อย่างเหมาะสม ที่ครอบคลุม แอพพลิชั่นต่างๆ ในสภาพแวดล้อมของระบบคลาวด์ ภายใต้การนำระบบไปใช้ที่รวดเร็วขึ้น ขยายระบบได้ภายหลัง และมีกระบวนการเป็นอัตโนมัติ โซลูชั่นใหม่นี้ช่วยให้องค์กรสามารถปรับแต่ง สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ จากสิ่งที่องค์กรมีอยู่ และสามารถคาดการณ์ผลจากการนำไปใช้และความคุ้มค่าได้เร็วขึ้น

Hitachi CDCS จะช่วยวางรากฐานระบบคลาวด์ หรือโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ ด้วยการปรับแต่งระบบของระบบต่างๆมาใช้ร่วมกันได้ อันได้แก่ ระบบจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และการเครือข่ายการสื่อสารข้อมูล องค์กรหลายแห่งต้องการได้รับประโยชน์จากระบบส่วนตัวภายใต้สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นด้วยวิธีใดเนื่องจากมีข้อมูลน้อยมากสำหรับ มาตรฐาน การปรับแต่งเพื่อทำงานรวมกัน และการรับรอง สำหรับการนำใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมคลาวด์ ที่สามารถแสดงผลสำเร็จที่เด่นชัดและเชื่อถือได้ การผสานรวมอุปกรณ์ต่างๆ จาก ระบบจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และเครือข่ายการสื่อสาร ของ Hitachi CDCS จะนำเอาจุดได้เปรียบที่เด่นชัดของความเชื่อมั่นของอุปกรณ์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ความรวดเร็วในการปรับใช้ ประสิทธิภาพ และระบบบริหารจัดการ ที่แตกต่างชัดเจนเมื่อเทียบกับโซลูชั่นที่มีการผสานรวมกันอย่างหลวมๆ โดยไม่ได้มีการปรับใช้ให้เหมาะสม นอกจากนี้ โซลูชั่นของฮิตาชิยังให้คำตอบ สำหรับที่องค์กรที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบคลาวด์ มีกระบวนการสั่งการและนำไปใช้ที่ง่าย ตลอดจนได้ผลการนำไปใช้ที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ

นาย จอห์น แมนส์ฟิลด์ รองประธานอาวุโส ส่วนการพัฒนาและยุทธศาสตร์ด้านโซลูชั่นส่วนกลาง บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าว ว่า“บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ให้ความสำคัญกับการทำให้สภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ของลูกค้าสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นเรื่องง่าย ขณะที่ต้องคุ้มค่าต่อการลงทุนด้านไอทีของลูกค้าด้วย” และ “Hitachi CDCSโซลูชั่นใหม่ของเรา ได้รวบรวมเอาเทคโนโลยี ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของความเชี่ยวชาญ และเชื่อมั่นได้ จาก ระบบจัดเก็บข้อมูลของฮิตาชิ ที่วันนี้ได้มารวมเข้ากับระบบประมวลผล สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ได้โดยง่าย มีต้นทุนที่เหมาะสม และเป็นระบบที่เชื่อถือได้ ลูกค้าของเราสามารถนำเสนอการให้บริการแบบคลาวด์ได้ในแบบที่พวกเขาต้องการและสอดคล้องกับธุรกิจของตนได้มากที่สุด ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว โซลูชั่นเหล่านี้จะช่วยปรับเปลี่ยนศูนย์ข้อมูลเดิมของลูกค้าให้เป็นศูนย์ข้อมูลแบบอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าใกล้ความต้องการทางธุรกิจ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมดได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด”

นายริชาร์ด วิลลาร์ส รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ระบบจัดเก็บข้อมูลและการบริหารจัดการด้านไอที บริษัท ไอดีซี กล่าว ว่า “ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่ต้องพบกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรไอทีหลายแห่งมีเวลาน้อยในการกำหนดค่าและจัดการอุปกรณ์หรือแอพพลิเคชั่นแต่ละรายการ อีกทั้งยังจะต้องทุ่มเทเวลามากขึ้นให้กับการพัฒนา นำเสนอ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการใหม่ๆ บริษัทต่างๆ เช่น บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ซึ่งกำลังนำเสนอโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมที่พัฒนาบนรากฐานระบบจัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่น เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความพยายามในการแปรรูปศูนย์ข้อมูลขององค์กร”

ส่วนประกอบโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมของฮิตาชิ(CDCS)

Hitachi CDCS solution ได้รวมระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบประมวลผล และเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เข้ากับการจัดการซอฟต์แวร์ ทำให้กระบวนการเป็นแบบอัตโนมัติ และปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้ทำให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรด้วยตนเองและติดตามการใช้งาน ตลอดจนการนำไปปรับใช้ที่เหมาะสมที่สุดที่ระดับแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม ไฮเปอร์ไวเซอร์ และให้ความยืดหยุ่นในการใช้เทคโนโลยีได้ตามต้องการ โดย CDCS ในช่วงเริ่มแรกนั้น จะประกอบด้วย

·       ชุดโซลูชั่นของฮิตาชิพร้อมใช้กับ Microsoft® Hyper-V™ Cloud Fast Track: การผสานรวมของระบบการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลของฮิตาชิเข้ากับระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูล และ Microsoft Windows Server 2008 R2 พร้อมด้วย Hyper-V และ System Center สำหรับโครงสร้างพื้นฐานส่วนตัวในสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง ที่จะนำไปสู่การทำให้กระบวนการแบบอัตโนมัติ และ การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวของคุณลักษณะ Orchestration

·       Hitachi Converged Platform for Microsoft Exchange 2010: ผลิตภัณฑ์แรก ของ กลุ่ม CDCS สำหรับแอพพลิเคชั่นเฉพาะ ที่มีผ่านการทดสอบล่วงหน้า ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้วิศวกรระบบ สามารถนำไปใช้ที่รวดเร็วและ เข้ากันได้กับคุณสมบัติใหม่ที่ทรงประสิทธิภาพของ Exchange 2010 ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นตามต้องการ การคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ และความสามารถในการปรับขนาดเพิ่มเติมได้อย่างราบรื่น ภายใต้การสนับสนุนจากHitachi Global Services และสะดวกต่อการสั่งซื้อในรูปแพคเกจที่จัดมาพร้อมใช้

Hitachi Unified Compute Platform (UCP): การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวของคุณลักษณะ Orchestration ครอบคลุมทุกขอบเขตของเทคโนโลยี

UCP เป็นกลยุทธ์สำคัญของ ศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ UCPจะให้การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวและสามารถจัดการร่วมภายในกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นแบบผสานรวมของฮิตาชิ และด้วยซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวแบบใหม่นี้ ทำให้ UCP สามารถเป็นศูนย์รวมและจัดการบริหารเป็นหนึ่งเดียวกับ เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เสมือน ศูนย์รวมทรัพยากรเชิงธุรกิจ ผ่านอินเทอร์เฟสการใช้งานง่ายที่ครอบคลุม นอกจากนี้ จากการพัฒนาบนระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุมขอบเขตเทคโนโลยีต่างๆ ยังได้ให้สภาพแวดล้อมการประมวลผลขนาดใหญ่ที่มีความคล่องตัวในการนำไปใช้ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ตลอดจนลดต้นทุนและความเสี่ยงผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ เป็นแบบอัตโนมัติ ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีความยืดหยุ่น

Hitachi Compute Blade: อุปกรณ์ประมวลผลพร้อมใช้สำหรับคลาวด์ ที่ยืดหยุ่นในการกำหนดระบบที่จะนำไปใช้งาน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัท ฮิตาชิ เป็นผู้จัดหาโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมและเชื่อถือได้โดยได้สร้างประโยชน์ที่โดดเด่นให้กับศูนย์ข้อมูลบางแห่งที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลกมาแล้ว บริษัท ฮิตาชิ อยู่ในธุรกิจด้านการประมวลผลมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปีในรูปของมรดกสืบทอดด้านเมนเฟรม และผลิตภัณฑ์ Hitachi Compute Blade ได้วางจำหน่ายในตลาดญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2547 กลยุทธ์ด้านการประมวผลของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คือการนำเอาเอกลักษณะเฉพาะ เบลดประมวลผลของตน มาผสานรวมฟังก์ชันการทำงานเข้ากับโซลูชั่น CDCSได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนำเอาความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพ ของอุปกรณ์ระดับองค์กรขนาดใหญ่มาใช้ โดยเมื่อผสานรวมเข้ากับระบบจัดเก็บข้อมูลของฮิตาชิแล้ว Hitachi Compute Blade จะสามารถนำเสนอการประมวลผลที่ผลักดันให้เกิดสภาพแวดล้อมCDCS และโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้อย่างสมบูรณ์

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ นำเสนออุปกรณ์ประมวลผลพร้อมใช้สำหรับระบบคลาวด์ สองชุดที่มีความโดดเด่น ในการให้ความยืดหยุ่นในการกำหนดค่าของระบบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับลูกค้า ทั้งนี้ Hitachi Compute Blade 2000 และ Hitachi Compute Blade 320 มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีการแบ่งพาร์ติชันแบบลอจิคัล (LPAR)  เป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์ X86 ระดับแนวหน้าขององค์กรใหญ่  ให้ฟังก์ชันการทำงานแบบเมนเฟรม โดยเทคโนโลยี LPAR ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เป็นคุณสมบัติด้านระบบเสมือนจริงแบบฝังตัวที่ทันสมัย ที่สร้างระบบเสมือนจริงได้ลงบนฮาร์ดแวร์ของเบลดเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากเป็นระบบเสมือนจริงที่ใช้ฮาร์ดแวร์ ทำให้เทคโนโลยี LPAR ให้ความปลอดภัยในระดับที่สูงกว่า ด้วยการแบ่งพาร์ติชันในตัวฮาร์ดแวร์ ที่ยังคงสามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยีระบบเสมือนระดับซอฟต์แวร์ได้ด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ขณะที่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการ ความเชื่อถือได้ และคงประสิทธิภาพ ไปด้วยกัน โดย Hitachi Compute Blade 2000 ที่มี LPAR เป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์เดียวที่รวมเอาเทคโนโลยี SMP interconnect แบบเฉพาะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าเบรดหลายชุด ให้ทำงานร่วมกันในแบบระบบเดียวได้

นี้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถนำเสนอทางเลือกแบบเปิดสำหรับระบบไอทีเพื่อให้เกิดสิ่งดีที่สุดในสภาพแวดล้อมขององค์กร ทำให้ Hitachi Compute Blade สามารถให้เลือก LPAR ที่ทำงานอยู่ในเบลดหนึ่งเบลดใด ไม่ว่าจะใช้ Microsoft Hyper-V หรือ VMware ให้ขยายการทำงานไปยัง เบลด อื่นๆ ภายใต้ Chassis เดียวกันได้

ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากโซลูชั่น Hitachi CDCS

·       ผลของการใช้งาน ที่คาดการณ์ได้ นำมาใช้ซ้ำได้ และเชื่อถือได้: ด้วยสถาปัตกรรมที่สามารถตรวจสอบวัดผลได้ล่วงหน้า โซลูชั่นที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ในระดับองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อที่สามารถกำหนดค่าการใช้งานได้ก่อนแบบมีเป้าหมายและครอบคลุม ทำให้แน่ใจได้ถึงผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้และสอดคล้องกันเมื่อองค์กรสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของตนขึ้นมา ในระบบนี้ยังมีคำแนะนำ แม่แบบเพื่อเรียกใช้ซ้ำ และกระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติในตัวที่สามารถขยายขีดความสามารถด้านการทำกระบวนการและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีกได้

·       ระยะเวลาเร็วขึ้นให้เห็นถึงความคุ้มค่า: การนำไปใช้งานที่ง่ายขึ้น เร็วขึ้น จากสั่งงานจากจุดเดียวและการจัดสรรบริการ สำหรับวางแผนและการนำไปใช้จริง สำหรับโซลูชั่นแบบผสานรวมนี้ การกำหนดค่าล่วงหน้าคือกุญแจสำคัญในการช่วยลดเวลาในการนำไปใช้งานได้อย่างมาก กระบวนการทำงานอันชาญฉลาดแบบอัตโนมัติสำหรับขั้นตอนงานที่ซับซ้อน จะช่วยให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างรวดเร็วภายใต้การรับประกันที่วางใจได้ว่าส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะได้รับการจัดวางและนำไปใช้อย่างเหมาะสม

·       ระบบคลาวด์ในแบบของคุณเอง: ลูกค้าสามารถปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของตนได้ ณ. ขณะนี้ ด้วยการรวมโซลูชั่นที่แตกต่างกันและแม้แต่ขยายโซลูชั่นเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานไอทีปัจจุบัน โดยโซลูชั่นที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมนี้ ใช้ได้กับงานทั่วไป งานที่มีความสำคัญทางธุรกิจ และ แอพพลิเคชั่นเฉพาะ ตลอดจนสภาพแวดล้อมไฮเปอร์ไวเซอร์ที่มีระดับ ของความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุม ตั้งแต่ รูปแบบที่กำหนดเฉพาะไปจนถึงรูปแบบผสมผสานที่ครอบคลุมระบบอื่นๆกว้างขึ้น

ข้อมูลสนับสนุน

·       Avanade: “บริษัท อวานาด ตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในด้านโซลูชั่น Microsoft Hyper-V Cloud Fast Track เราเห็นว่าโซลูชั่นของฮิตาชิ สามารถตอบสนองสิ่งสำคัญบางอย่างที่องค์กรขนาดใหญ่ต้องการจากแพลตฟอร์มการประมวลผลของเขาได้ นั่นคือความพร้อมใช้งานและมีประสิทธิภาพสูง ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่ปรับแต่งมาพร้อมการพัฒนามาบน Microsoft Hyper-V Cloud Fast Track ซึ่งทำให้เราสามารถผลักดันธุรกิจได้ทันที จากโซลูชั่นที่ได้ออกแบบและทดสอบล่วงหน้า ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะ เราได้เริ่มเป็นที่มั่นใจให้กับลูกค้าเกี่ยวกับ Workload และลูกค้าต่างพอใจในประสิทธิภาพและความเชื่อถือได้ที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้” – แพทริก ซิมพริช รองประธานและหัวหน้าสถาปนิก ฝ่ายโซลูชั่นและเทคโนโลยีส่วนกลาง

·       Brocade : “บริษัท โบรเคด ทุกวันนี้เราช่วยลูกค้าสร้างเครือข่ายของ Fabric-based ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานในด้านการสนับสนุนศูนย์ข้อมูลเสมือนและสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม(CDCS) ของฮิตาชิจะเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเราเพื่อให้เกิดการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเหมาะสมสำหรับสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์และแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่ทำให้การดำเนินงานเป็นเรื่องง่ายและคุ้มครองการลงทุนได้อย่างครอบคลุม” – เจสัน โนเล็ต รองประธาน ฝ่ายศูนย์ข้อมูลและเครือข่ายองค์กร

·       Jafra: “ลูกค้าเครื่องสำอางและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก 500,000 รายต้องการให้สำนักงานสาขาของเรา “พร้อมให้บริการตลอดเวลา” และเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด เราจึงวางใจให้บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านไอทีและผู้จัดหาโซลูชั่นให้กับเรา ด้วยความยืดหยุ่นที่ครอบคลุม แบบ End-to-End การแบ่งพาร์ติชันแบบลอจิคัลและความสามารถแบบปรับขนาดได้จาก Hitachi Compute Blade พร้อมด้วยบริการและการสนับสนุนลูกค้าระดับโลกของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ทำให้เราสามารถนำเสนอสภาพแวดล้อมด้านไอทีที่เชื่อถือได้และเพิ่มระดับการบริการ(SLA) ที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมสำนักงานที่มีอยู่ทั่วโลกของเรา” – เฟอร์แนนโด เมโรดิโอ ผู้จัดการฝ่ายไอทีส่วนกลาง

·       ไมโครซอฟท์: “ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชั่นระบบคลาวด์แบบส่วนตัว ด้วยการสนับสนุนจากคู่ค้าชั้นนำในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ เช่น โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม(CDCS) ของฮิตาชิ ที่พัฒนาบน Microsoft System Center, Hyper-V และ Exchange ได้ให้ จุดเริ่มต้นของระบบที่เชื่อมั่นได้ ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการเพียงปรับแต่งค่าบางอย่างด้วยตนเองเท่านั้น แต่ยังคงต้องการลดความเสี่ยง รวมไปถึงนำระบบไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว” – ไมค์ ชูทส์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ระบบเสมือนจริงและเซิร์ฟเวอร์ Windows

View :1752

เอไอเอส จับมือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิด AIS 4DX โรงภาพยนตร์ดิจิตอล 4 มิติ

July 6th, 2011 No comments

เอไอเอสรุกเดินหน้าไปอีกขั้น จับมือ นำสุดยอดนวัตกรรมใหม่ล่าสุดเปิดโลกความบันเทิงจากโลกภาพยนตร์สู่ยุคดิจิตอล 4 มิติสมบูรณ์แบบให้คนไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก พร้อมสิทธิพิเศษให้ลูกค้าคอหนังเปิดประสบการณ์ใหม่ได้ครบทุกมิติแห่งการสัมผัส

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ ปัจจุบันการชมภาพยนตร์ ถือเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ตอบโจทย์ทั้งความบันเทิง การเปิดโลกทัศน์ และสร้างแรงบันดาลใจ  ที่ผ่านมาเอไอเอสจึงร่วมมือกับเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในฐานะ Strategic Partner มากว่า 8 ปี ในการเปิดประสบการณ์แห่งโลกภาพยนตร์ให้แก่คนไทย ซึ่งส่วนหนึ่งคือลูกค้าเอไอเอส ที่นอกจากจะได้รับความบันเทิงจากการชมภาพยนตร์แล้ว ยังได้รับรูปแบบของบริการและสิทธิพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะอีกมากมาย อาทิ มอบสิทธิพิเศษส่วนลดค่าตั๋ว ให้ลูกค้าเอไอเอสชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ การร่วม พัฒนา Major Application บนมือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถดูรอบการฉาย, จอง, ซื้อตั๋ว หรือชมภาพยนตร์ตัวอย่างได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดการเข้าชมได้ถึงกว่า 400,000 ที่นั่งต่อปี ”

“ ล่าสุดกับความร่วมมือในฐานะของ Naming Sponsor สำหรับ โรงภาพยนตร์ นั้น ถือเป็นความตั้งใจในฐานะของ Operator ที่มุ่งสรรหานวัตกรรมใหม่ๆในทุกด้านเข้ามามอบให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางความร่วมมือกับ Partner อย่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ตามแนวคิด Ecosystem สำหรับเทคโนโลยีโรงภาพยนตร์ 4 มิตินั้น ถือได้ว่าทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน และมีความพิเศษเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการฉายภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดพร้อมเทคนิค 4 มิติอย่างแท้จริง ดังนั้นการนำนวัตกรรมนี้มาให้คนไทยและลูกค้าได้สัมผัสก่อนใครพร้อมความพิเศษที่คัดสรรมาแล้วอย่างดีที่สุด จึงถือได้ว่าเป็นการก้าวเข้าสู่มิติใหม่แห่งโลกดิจิตอลทางความบันเทิงอย่างเป็นรูปธรรม และคาดหวังว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กลุ่มคนรักหนัง และเยาวชนไทยในการสร้างสรรค์ ต่อยอด และพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทยต่อไป ”

ด้านนายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ การเป็นผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเมนท์นั้นทำให้เราไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ของโลกภาพยนตร์เข้ามาสู่เมืองไทยให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์บันเทิงแปลกใหม่และทันสมัยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ล่าสุดได้ตัดสินใจร่วมทุนกับ บริษัทโฟร์ดีเพล็กซ์ จำกัด เปิดโรงภาพยนตร์ดิจิตอล 4 มิติ หรือ 4DX แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ผู้ชมจะได้รับชมประสบการณ์สุดประทับใจที่จะได้พบในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่น่าตื่นเต้น   เร้าใจในโรงภาพยนตร์ 4DX ในช่วงซัมเมอร์นี้และในปีทองของฮอลลีวู้ดที่กำลังจะมาถึง เพื่อจะส่งมอบประสบการณ์แปลกใหม่ล้ำสมัยให้กับผู้ชมภาพยนตร์ในเมืองไทยกับยุคดิจิตอลให้ได้รับอรรถรสในการชมภาพยนตร์ทุกด้าน   ด้วยการเพิ่มความพิเศษให้กับโรงภาพยนตร์ด้วยเก้าอี้แบบเฉพาะ พร้อมเอ็ฟเฟ็กซ์ตระการตาถึง 24 ชนิด และระบบฉายแบบดิจิตอล 3 มิติ ซึ่งเอ็ฟเฟ็กซ์แต่ละชนิดถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เพิ่มความตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็น การขยับของเก้าอี้ ลมเป่า ละอองน้ำ กลิ่น แรงสั่นสะเทือน สะกิดขา สะกิดหลัง และเทคนิคอื่น ๆ อีกมากมาย   โดยภาพจะฉายบนจอภาพซิลเวอร์สกรีน ที่ให้ภาพคมชัดสมจริง   ภาพที่ฉายเป็นระบบ Masterimage 3D พร้อมแว่นตาบางเบาที่รับภาพเฉพาะระบบ 4 มิติเท่านั้น   และการที่ได้ร่วมทุนกับบริษัท โฟร์ดีเพล็กซ์ จำกัด บริษัทในเครือ ซีเจ กรุ๊ป  บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้   นับว่าเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งที่มาพร้อมศักยภาพและก้าวไปอีกขั้นกับวงการธุรกิจบันเทิงในประเทศไทยอย่างแท้จริง   อีกทั้ง เรายังได้พันธมิตรที่ดีอย่าง เอไอเอส มาเป็นเนมมิ่งสปอนเซอร์ของโรงภาพยนตร์ 4DX แห่งแรกในประเทศไทย ในชื่อ “AIS 4DX” ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์  ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 กรกฏาคมนี้ ด้วยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคต่อที่ทุกคนรอคอยกับ “Transformers 3 : Dark of The Moon” สำหรับการรวมตัวกันครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวของบริษัทฯ ที่เป็นอันดับ 1 ในทุก ๆ ด้าน   คาดว่าจะทำให้เกิดปรากฎการณ์ใหม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบความตื่นเต้น ท้าทาย ไม่ซ้ำใคร

สำหรับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่พิจารณาจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 4DX ล้วนเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่หลายคนชื่นชอบ อาทิ Transformers, Captain America, Rise of The Apes, Cowboys and Aliens, Conan The Barbarian, Fright Night, The Darkest Hour,  Cars 3D, The Three Musketeers 3D, Real Steal, Immortals, The Twilight Saga, Puss in Boots 3D, Mission Impossible 4   หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์ไทยที่สามารถทำ 4D Effect ได้เช่นกัน   โดยได้เริ่มพูดคุยกับค่ายภาพยนตร์ไทยในการแปลงภาพยนตร์เป็นระบบ 4 มิติเช่นเดียวกัน ”

โรงภาพยนตร์ AIS 4DX เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยลูกค้าเอไอเอสจะได้รับส่วนลดที่นั่งละ 50 บาท (ลูกค้าเอไอเอสรับสิทธิลด 1 ที่นั่ง/เดือน ลูกค้าเซเรเนดรับสิทธิลด 2 ที่นั่ง/เดือน) ชมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIS 4DX ได้แล้ววันนี้ที่ www.ais.co.th

View :2266