Archive

Archive for July, 2011

โซนี่ อีริคสัน ส่ง Xperia™ X8 Black ลงตลาด เอาใจคอเน็ต

July 14th, 2011 No comments

หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการส่ง Sony Ericsson Xperia™ X8 ลงตลาดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เอาใจคอเน็ตกันอีกครั้งด้วยการส่ง สมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงจากตระกูล Xperia  ลงตลาด ที่ให้คุณสนุกไปกับความบันเทิงที่หลากหลายบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จากกูเกิล

อีกทั้งยังให้คุณเพลิดเพลินไปกับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฟรีผ่านทาง “แอนดรอยด์ มาร์เก็ต” (Android Market)  พร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล การ์ดหน่วยความจำ 4GB และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 16 GB คุณสามารถฟังเพลงโดยผ่านโปรแกรม Music Player และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.  รองรับภาษาไทยและภาษาอื่นๆกว่า 50 ภาษา เชื่อมต่อโลกออนไลน์ผ่าน 3G 850/2100

รวมถึงให้คุณท่องโลก Social Network Facebook และ Twitter และอัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ได้อย่างทันท่วงทีผ่านโปรแกรม Timescape โดย Sony Ericsson Xperia™ X8 Black  วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 5,990 บาท โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันทั่วประเทศ ร้าน TG Fone  หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sethailand

 

View :1945

บราเดอร์ รุกตลาดมัลติฟังก์ชั่นส่ง 5 รุ่นใหม่ ชูจุดขาย “สุดยอดของความประหยัด”

July 14th, 2011 No comments

ย้ำแนวคิด “Brother Multi Save Multifunction” คาดดันยอดขายปี 2554 เพิ่ม 15%

บราเดอร์ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคประหยัดทุกกลุ่มตลาด ด้วยการเปิดตัวมัลติฟังก์ชั่นแบบมัลติเซฟ 5  รุ่นใหม่ DCP-7055, DCP-7060D, MFC-7360, MFC-7470D และ MFC-7860DW ที่มาพร้อมความประหยัดแบบสุดคุ้ม ประกอบด้วย Save Paper, Save Toner, Save Energy, Save Space, Save Time และที่สำคัญที่สุดคือ Save Money ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 5,490 บาทเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการรุกตลาดครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังปิดฉากปีงบประมาณที่ผ่านมา สามารถสร้างอัตราการเติบโตในกลุ่มธุรกิจพริ้นเตอร์ได้สูงถึง 20% ส่งผลให้บราเดอร์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มียอดขายพริ้นเตอร์สูงสุดในอาเซียน
มร.ทาคาโอะ ชิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ ที่ครอบคลุมถึงการพิมพ์ที่เหมาะตั้งแต่ผู้ใช้ตามบ้าน สำนักงานขนาดกลางและย่อม ไปจนองค์กรขนาดใหญ่ เปิดเผยล่าสุดว่า ในปี 2553 บราเดอร์ ประเทศไทย สามารถสร้างยอดขายพริ้นเตอร์ให้กับบราเดอร์มากที่สุดในอาเซียน ด้วยสัดส่วนมากกว่า 30% ของยอดขายรวม  โดยยอดขายรวมในปีงบประมาณ 2553 (เมษายน 2553– มีนาคม 2554) เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2552 ประมาณ 20% ส่งผลให้บริษัทฯ เกิดความเชื่อมั่นและวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการเติบโตในปีงบประมาณ 2554 กว่า 15% จากปี 2553

ด้านนายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ บราเดอร์ วางแผนที่จะรุกตลาดพริ้นเตอร์แบบเต็บสูบ โดยในส่วนของกลุ่มเป้าหมายก็จะเน้นขยายฐานจากเดิมที่เน้นเจาะตลาดกลุ่ม SMEs และราชการไปสู่ กลุ่มตลาดใหม่ ได้แก่ กลุ่ม SOHO (Small Office & Home Office) และกลุ่มที่เป็นในรูปขององค์กร มากยิ่งขึ้น เพราะต้องการความคุ้มค่าคู่คุณภาพเป็นปัจจัยหลัก ควบคู่ไปกับเพิ่มการรุกตลาดต่างจังหวัด โดยจะเพิ่มสัดส่วนของตลาดต่างจังหวัดขึ้นเป็น 35% เพราะยังมีศักยภาพการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง เพิ่มทางเลือกใหม่ด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด “Brother Multi Save Multifunction” ที่รวมเอาความประหยัดแบบสุดคุ้มไว้ที่เดียว ผ่านมัลติฟังก์ชั่น 5 รุ่นใหม่

และในปีนี้ บราเดอร์ ได้วางกลยุทธ์ด้านการตลาดแบบครบวงจร ทั้งนี้ กลยุทธ์ด้านการตลาดและการขาย ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพผ่านคอร์สการอบรมการขายในแบบเฉพาะ ผ่านโครงการ Sale Excellent เพื่อเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพในงานขายให้กับพนักงานขายของบริษัทและร้านค้า มีการเพิ่มกิจกรรม  ทางการตลาดเพื่อเพิ่มการรับรู้ให้แก่กลุ่มคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น Above the Line และ Below the Line กิจกรรมออนไลน์ Social Media การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมไปถึงการทำ Music Marketing  ด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บราเดอร์เน้นการเปิดตัวสินค้าใหม่โดยโฟกัสไปที่กลุ่มเลเซอร์ พริ้นเตอร์ ด้วยการเปิดตัว Mono Laser Printer ราคาประหยัดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้านกลยุทธ์บริการหลังการขาย ซึ่ง  บราเดอร์ประสบความสำเร็จในการเป็นแบรนด์เดียวในกลุ่มผลิตภัณฑ์พริ้นเตอร์ที่มีศูนย์บริการครอบคลุมครบทั่วประเทศ โดยมีจำนวนศูนย์บริการมาตรฐานทั้งหมด 148 ศูนย์ ในปีนี้ บราเดอร์ จึงต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวโครงการ Brother Service Excellence เพื่อพัฒนาบริการหลังการขายสู่ความเป็นเลิศ   โดยมีเป้าหมายในการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าให้มากที่สุด

ทั้งนี้ บราเดอร์ เริ่มต้นปีงบประมาณ 54 ด้วยการเปิดตัวมัลติฟังก์ชั่นแบบมัลติเซฟ 5 รุ่นใหม่ ประกอบด้วย DCP-7055, DCP-7060D, MFC-7360, MFC-7470D และ MFC-7860DW ที่มาพร้อมความประหยัดแบบ สุดคุ้ม อาทิ Save Paper, Save Toner, Save Energy, Save Space, Save Time และที่สำคัญที่สุดคือ  Save Money ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 5,490 บาท เพื่อเน้นเจาะกลุ่ม SOHO โดยได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเชิญคุณกันต์ กันตถาวรและคุณพิมพ์มาดา หรือพิมพ์ซาซ่า ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงและเป็น คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ SME และมีตัวแทนจากองค์กรคือ เรืออากาศเอก สัทธา สุภาพ บริษัท ปิโตรเลียมไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด

ทั้งนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก SME Guru ชื่อดังจากรายการ SME ตีแตก อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย มาเผย กลยุทธ์สู่ความสำเร็จของ SME และธุรกิจ   อีกด้วยMono Laser Multifunction 5 รุ่นมีดังนี้: DCP-7055 ราคา 5,490 บาท มีคุณสมบัติการพิมพ์ สแกน และถ่ายเอกสารในเครื่องเดียว (3-in-1) ความเร็วในการพิมพ์และถ่ายเอกสาร 20 แผ่นต่อนาที อีกทั้งยังประหยัดต้นทุนการพิมพ์ด้วยตลับผงหมึกราคา 690 บาทที่จัดได้ว่าถูกที่สุดในตลาด DCP-7060D ราคา 6,490 บาท มีคุณสมบัติการพิมพ์ สแกน ถ่ายเอกสารในเครื่องเดียว (3-in-1) ความเร็วในการพิมพ์และถ่ายเอกสาร 24 แผ่นต่อนาที โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นพิมพ์ 2 หน้าอัตโนมัติ MFC-7360 ราคา 6,990 บาท มีคุณสมบัติการพิมพ์ สแกน ถ่ายเอกสาร แฟกซ์และพีซีแฟกซ์ (5-in-1) ความเร็วในการพิมพ์และถ่ายเอกสาร 24 แผ่นต่อนาที ฟังก์ชั่นพีซีแฟกซ์เพื่อลดการเกิดจั๊งค์แฟกซ์ (Junk Fax) MFC-7470D ราคา 8,490 บาท มีคุณสมบัติการพิมพ์ สแกน ถ่ายเอกสาร แฟกซ์และพีซีแฟกซ์ (5-in-1) ความเร็วในการพิมพ์และถ่ายเอกสาร 26 แผ่นต่อนาที สามารถพิมพ์เอกสารแบบ 2 หน้าอัตโนมัติ มาพร้อมหูฟังโทรศัพท์ข้างตัวเครื่อง MFC-7860DW ราคา 9,490 บาท มีคุณสมบัติการพิมพ์ สแกน ถ่ายเอกสาร แฟกซ์ และพีซีแฟกซ์ (5-in-1) ความเร็วในการพิมพ์และถ่ายเอกสาร 26 แผ่น ต่อนาที โดดเด่นด้วยความสามารถพิมพ์เอกสาร  2 หน้าอัตโนมัติและช่วยประหยัดพื้นที่ด้วยระบบ Wireless network

“การเปิดตัวมัลติฟังก์ชั่นแบบมัลติเซฟ 5 รุ่นใหม่ของบราเดอร์ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งครั้งที่สร้างความคึกคักให้แก่ตลาดเมืองไทย โดยเราคาดว่าด้วยความเป็นแบรนด์แห่งผู้นำ และการวางกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจรและตอกย้ำแนวคิดทางการตลาดที่ว่า “Brother Multi Save Multifunction” จะทำให้เราสามารถครองความเป็นเจ้าตลาดไว้ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยยังคงต้องใช้การพิมพ์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งานเอกสารต่างๆ ซึ่งบราเดอร์ มองว่าตลาดยังมีการแข่งขันกันสูง แต่เรายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานของลูกค้าในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มองค์กร กลุ่ม SME SOHO ทั้งพัฒนาทางด้านฟังก์ชั่นให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เช่น ระบบไร้สายและการพิมพ์ผ่านสมาร์ทโฟน เป็นต้น” นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กล่าวสรุป

 

View :1975

เอไอเอสเปิดตัวแพ็คเกจแบล็คเบอรี่ใหม่ล่าสุดครั้งแรกในเมืองไทยจ่ายเพียงเดือนละ 300 บาท ได้ทั้งโทรและแชทในแพ็คเดียว

July 14th, 2011 No comments


นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด เอไอเอส  กล่าวว่า “แนวทางของเอไอเอสนอกเหนือจากการพัฒนาคุณภาพในทุกๆด้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าแล้ว  การสร้างสรรค์แพ็คเกจที่ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละ Segment  เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ดังเช่น แบล็คเบอรี่ ซึ่งเอไอเอสได้สร้างตลาดมาตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการมอบแพ็คเกจที่หลากหลายตอบความต้องการในแต่ละกลุ่ม อาทิ แชท+เฟซบุ้ค, แชท+อีเมล์ หรือ Unlimited  ซึ่งเป็นแพ็คเกจแบบ On Top ที่ต้องซื้อเพิ่มจากแพ็คเกจค่าโทรที่มีอยู่”
“ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกของรูปแบบการใช้งานให้ง่าย และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น  ล่าสุดเอไอเอสจึงเปิดตัวแบล็คเบอรี่แแพ็คเกจใหม่ล่าสุดครั้งแรกก่อนใคร  ในลักษณะของแพ็คเกจการใช้งานหลัก ที่ให้สาวกขาแชททั้งจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ และ วัน-ทู-คอล! ที่ชื่นชอบการใช้งาน Messenger ได้ทั้งโทรและแชทในแพ็คเดียว ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 300 บาทเท่านั้น”

View :1598

อีกครั้ง! เด็กไทยมีโอกาสคว้าชัยชนะในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ Worldwide Microsoft Imagine Cup 2011

July 13th, 2011 No comments

ร่วมลุ้นและส่งแรงใจเชียร์ทีมเยาวชนไทยที่เข้ารอบ 1 ใน 3 ผ่าน webcast สดจากนิวยอร์ค คืนนี้

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอเชิญผู้สนใจร่วมเชียร์และส่งแรงใจให้กับทีมเยาวชนไทย JubJub จากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล 1 ใน 2 ทีมตัวแทนประเทศไทยที่มีโอกาสคว้าชัยชนะในเวทีระดับโลกและสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยในการแข่งขันโอลิมปิคด้านซอฟต์แวร์ระดับโลก ประเภท Game Design ณ กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะประกาศผลในรอบชิงชนะเลิศ ในวันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2554 เวลา 16.00 – 19.00 น. (ตามเวลานิวยอร์ค) ณ David H. Koch Theatre, Lincoln Centre กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา

ในขณะนี้ทีม JubJub เข้ารอบสุดท้าย เป็น 1 ใน 3 ทีมสุดท้าย ในประเภทการแข่งขัน Game Design ซึ่งสามารถฝ่าฟันผู้สมัครกว่า 350,000 คน จาก 183 ประเทศทั่วโลก จนเป็น 424 ทีมสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศหากทีม JubJub สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน Worldwide Microsoft Imagine Cup 2011 จะสร้างประวัติศาสตร์ที่สำคัญคือทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในโลกที่ครองแชมป์ Worldwide Microsoft Imagine Cup 2011 เป็นปีที่ 3

ผู้เข้าร่วมงานประกาศผลชนะเลิศประกอบด้วย มร. ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรี มลรัฐนิวยอร์ค คณะผู้จัดการงาน ผู้สนับสนุน นักเคลื่อนไหว นักแสดงสาวอีวา ลองโกเรีย ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ไมโครซอฟท์ และนักศึกษาผู้เข้าร่วมการแข่งขัน Imagine Cup ซึ่งเป็นตัวแทนจาก 70 ประเทศในภูมิภาคต่างๆ

มาร่วมลุ้นและเชียร์เด็กไทยแบบติดขอบเวทีผ่าน live webcast สดและส่งตรงจากนิวยอร์ค ที่ www.microsoft.com ในวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2554 เวลา 03.00 – 05.00 น. (เวลาประเทศไทย) หรือผ่าน Facebook Fanpage ของ Thailand Imagine Cup ที่ www.facebook.com/icthai และ twitter @icthai ว่าเด็กไทยจะสามารถสร้างสถิติใหม่ให้กับประเทศไทยด้วยการคว้าแชมป์ในรายการนี้ได้หรือไม่ ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในโลกที่ครองแชมป์ Worldwide Microsoft Imagine Cup 2011 เป็นปีที่ 3 ได้หรือไม่

สำหรับผลงานเกม Junk Master: The Journey to Junk Lord ของทีม JubJub ที่ส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้
เล่นตระหนักถึงการนำขยะมารีไซเคิล สามารถดูได้ที่
watch?v=WHhaznzSQXg&feature=player_embedded#at=14
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน สามารถดูได้ที่ www.microsoft.com/presspass/events/imaginecup

View :1884

ตลาดรถดอทคอมเปิดบริการโซเชียลมีเดียพร้อมกับแคมเปญออกรถ 20,000 บาท

July 13th, 2011 No comments

ตลาดรถดอทคอมเข้าสู่โลกของโซเซียลมีเดีย เปิดบริการภาพแบ่งแยกประเภทของรถยนต์พร้อมกับแคมเปญ 20,000 บาท ออกรถได้ภายในหนึ่งวัน กระแสสังคมซื้อรถยนต์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมีรถยนต์ราคาแพงสุดจนถึงต่ำสุด มากกว่า 600 วันต่อคน

นายธวัช สรณถาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทตลาดรถเซอร์วิส จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์ตลาดรถดอทคอม () เปิดเผยว่า ตลาดรถดอทคอมได้นำโซเชียลมีเดียเข้ามาเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ เพื่อให้ได้กระจายข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ที่เข้ามาขายด้วยการเปิดบริการ Facebook และ Twitter เข้าไปทุกหน้าของเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ชมได้แบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ในสังคมโซเชียลมีเดีย พร้อมกับได้เปิดบริการภาพถ่ายแบ่งแยกประเภทของรถที่เข้ามาขายเพื่อความสะดวกในการเข้ามาซื้อขายรถยนต์ โดยมีประเภทของรถ เช่น รถที่เข้ามาขายใหม่, รถหรูหรา, รถคลาสสิก เป็นรถที่หายาก และสำหรับเก็บสะสม ตลอดจนถึงรถบรรทุกหกล้อ และสิบล้อ ปัจจุบันตลาดรถดอทคอมเติบโตตามอัตราการเติบโตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ทำให้มีผู้เข้ามาซื้อขายรถผ่านเว็บไซต์มากกว่าวันละ 600 คันต่อคัน และการขยายตัวของสังคมออนไลน์

“ผมเชื่อว่าโซเชียลมีเดีย และจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ในไตรมาส 3 ตลาดรถดอทคอมเติบโต เพิ่มสูงขึ้น และประกอบการตลาดรถยนต์มีการเปลี่ยนมือ ทำให้มีผู้นำรถมาขายในตลาดรถไม่ต่ำกว่าวันละ 600 คัน ทำให้ตลาดรถเป็นเว็บไซต์ ซื้อขายรถบ้านศูนย์กลางอันดับหนึ่งของประเทศไทย” นายธวัชกล่าว

นายธวัชกล่าวต่อไปว่า แคมเปญล่าสุดที่ตลาดรถนำมาให้บริการกับผู้ซื้อและผู้ขายรถผ่านเว็บไซต์ คือ มีเงิน 20,000 บาท สามารถออกได้เลยโดยผู้ซื้อและผู้ขายตกลงราคากันให้เรียบร้อยหลังจากนั้นตลาดรถดอทคอมหลังจากนั้นตลาดรถจะดำเนินการทุกอย่างให้จบภายในหนึ่งวัน

สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.taladrod.com หรือ ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-251-0602 ในวันและเวลาทำการ

View :4404

ไอดีซีฟันธงตลาดมีเดียแท็บเล็ตในเอเชียแปซิฟิกจะโตขึ้นจากปีที่แล้ว 10 เท่าในปี 2558

July 12th, 2011 No comments

สิงคโปร์และฮ่องกง 7 กรกฎาคม 2554 – ไอดีซี บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยตลาดชั้นนำระดับโลก เผยแนวโน้มอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของตลาดอุปกรณ์ประเภทมีเดียแท็บเล็ตในช่วง 5 ปีข้างหน้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นนั้นอาจขึ้นไปแตะถึงระดับ 54% ซึ่งหมายความว่ายอดจำหน่ายอุปกรณ์ชนิดนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น  21 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าจากยอดจำหน่ายของปี 2553 ที่มีเพียง 2 ล้านเครื่องเท่านั้น โดยไอดีซีเชื่อว่าจะมีผู้บริโภคที่ใช้มีเดียแท็บเล็ตในการเล่นเกม เข้าชมเว็บไซต์ และเชื่อมต่อเครือข่ายสังคมออนไลน์แบบทุกที่ทุกเวลามากขึ้น

ในประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ออสเตรเลีย และไต้หวันนั้นมีความต้องการอุปกรณ์พกพาอย่างเช่นมีเดียแท็บเล็ตในระดับสูง ส่วนประเทศจีนเองก็มีกำลังซื้อสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ สูงเช่นกัน แต่ประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซียยังมีความนิยมในตัวมีเดียแท็บเล็ตในระดับต่ำเมื่อเทียบกับความนิยมในสินค้ามินิโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ใกล้เคียงกันแต่มีคีย์บอร์ดที่ใช้งานสะดวกกว่า

ส่วนอุปกรณ์ประเภทอีรีดเดอร์จะมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีอยู่เพียงแค่ 18% ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ อันเนื่องมาจากฟังก์ชันการทำงานที่มีเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่มีเดียแท็บเล็ตก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน และความจริงนั้นมีเดียแท็บเล็ตกลับมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าได้ด้วยซ้ำ เพราะผู้ใช้สามารถอ่านนิตยสารที่มีภาพสีโดยใช้มีเดียแท็บเล็ตได้

นายดิ๊กกี้ ชาง นักวิเคราะห์อาวุโสกลุ่มงานวิจัยอุปกรณ์ต่อพ่วง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไอดีซีกล่าวว่า “ปัญหาของอีรีดเดอร์คือการที่ไม่มีคอนเทนต์ในภาษาท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่นประเทศจีน ที่ผู้ใช้งานหลายคนเลือกที่จะทำการดาวน์โหลดคอนเทนต์ซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านอินเทอร์เน็ต ร้านขายหนังสือออนไลน์เองก็ไม่ได้ทำกำไรจากการขายคอนเทนต์ที่มากพอให้กับผู้ผลิตอุปกรณ์ อีกทั้งยังได้รับความกดดันจากราคาของไอแพดที่ลดลงมาอีกด้วย”

สำหรับในตลาดมีเดียแท็บเล็ต แอ๊ปเปิ้ลได้ให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้นดังเห็นได้จากการเปิดตัวไอแพด2 และไอโฟน3G ในช่วงก่อนหน้านี้ ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีและราคาที่ไม่แพงเกินไปนักทำให้แอ๊ปเปิ้ลสามารถช่วงชิงความเป็นเจ้าตลาดเหนือคู่แข่งได้ ในขณะที่ซัมซุงซึ่งโฟกัสไปที่มีเดียแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วนั้นใช้ชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแรงในภูมิภาคนี้ในการเพิ่มจำนวนยอดจำหน่าย โดยมีผู้ผลิตรายย่อยในประเทศจีนเกาะกลุ่มตามมาห่างๆ ซึ่งหากผู้ผลิตเหล่านี้สามารถพัฒนาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจจะอยู่รอดในตลาดเฉพาะกลุ่มได้

ตลาดอีรีดเดอร์ในปัจจุบันถูกผลักดันโดยฮันวอนและซินดาในตลาดประเทศจีน เนื่องจากผู้ผลิตทั้ง 2 รายนี้กระโดดเข้ามาเล่นในตลาดตั้งแต่ช่วงแรก อีรีดเดอร์ยังคงเป็นหนึ่งในของขวัญยอดนิยมที่ชาวจีนเลือก แต่ในระยะหลังกระแสของมีเดียแท็บเล็ตก็มาแรงเช่นเดียวกัน แต่สำหรับคินเดิ้ล ของอเมซอนนั้นยังคงได้รับความนิยมจำกัดอยู่แค่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเช่นออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เท่านั้น ถึงแม้ว่าคินเดิ้ลจะมีวางจำหน่ายอยู่ในหลายประเทศในภูมิภาคนี้ก็ตาม

นางสาวเมลิซา เชา ผู้จัดการกลุ่มงานวิจัยอุปกรณ์ต่อพ่วง ประจำเอเชียแปซิฟิคของไอดีซีเสริมว่า “ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ แอ๊ปเปิ้ลจะเป็นผู้กำหนดความเร็วการเติบโตของตลาดมีเดียแท็บเล็ต ซึ่งเหล่าคู่แข่งจะต้องหาวิธีที่จะพัฒนาในสินค้าของตนโดดเด่นขึ้นมาให้ได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยดึงไม่ให้ความสนใจของผู้บริโภคต่อแก็ดเจ็ทเทคโนโลยีใหม่ๆ ลดลงด้วย โดยความต้องการต่ออุปกรณ์ชนิดนี้อาจได้รับการกระตุ้นโดยภาคการศึกษา ดังเห็นได้จากตัวอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ที่ว่าที่รัฐบาลใหม่ของประเทศไทยได้ประกาศนโยบายแจกแท็บเล็ตแอนดรอยด์จำนวน 8 แสนเครื่องให้กับนักเรียนในระดับประถมศึกษา ถึงแม้ว่าไอดีซีจะยังไม่ได้นำปัจจัยตัวนี้มาใช้ประกอบการคาดการณ์ก็ตาม”

รายงานการศึกษาตลาดมีเดียแท็บเล็ตและอีรีดเดอร์ทั่วโลกรายไตรมาสของไอดีซีนั้นได้รวบรวมข้อมูลของตลาดในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย มาเลเซีย และเวียดนามไว้ด้วยเช่นกัน
แผนภาพ 1: การคาดการณ์ตลาดมีเดีย แท็บเล็ตและอีรีดเดอร์ในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น ในปี 2553 – 2558

ที่มา: IDC Worldwide Quarterly Media Tablet and eReader Tracker, 1Q11

View :1583

แถลงการณ์ดีแทค (11 กรกฎาคม 2554)

July 11th, 2011 No comments

11 กรกฎาคม 2554 – ดีแทค ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างสูงสุด เรายืนยันว่าบริษัทฯ ปฏิบัติตามกฏหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของไทย โดยบริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการตรวจสอบ ดีแทคหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระบวนการตรวจสอบจะเป็นไปด้วยความยุติธรรม โปร่งใส และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ ดีแทค ขอยืนยันว่าลูกค้า คู่ค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตลอดจนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากกระบวนการตรวจสอบสถานะของบริษัทฯ

View :2680

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เลือก CHIP ‘Digital Magazine’ เป็นสื่อความรู้ด้านไอทีนอกห้องเรียนสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโท

July 11th, 2011 No comments

บริษัท วีบีที คอมมิวนิเคชั่น ผู้ผลิตนิตยสาร CHIP ฉบับภาษาไทย และ ให้การสนับสนุนการศึกษา โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เปิดโอกาสให้นักศึกษาระดับปริญญาโททุกคณะเข้าถึงข่าวสารความรู้ด้านไอทีผ่านเทคโนโลยี E-Magazine ที่ทันสมัยไร้ขีดจำกัด

ดร.สุนทร พิบูลย์เจริญสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เลือก CHIP Digital Magazine เป็นสื่อความรู้ข่าวสารด้านไอทีที่ทันสมัยสำหรับให้กับนักศึกษาระดับปริญญาโท โดยมองว่า CHIP Digital Magazine สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความสะดวกในการอ่านได้บนอุปกรณ์ทุกแพลตฟอร์ม ไม่จำกัดเฉพาะเพียงอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง ที่สำคัญคือข้อมูลเนื้อหามีความทันสมัย เจาะลึก มีประโยชน์ ซึ่งถือเป็นอาหารสมองชั้นดีสำหรับนักศึกษา

โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้นักศึกษาระดับปริญญาโทจำนวนกว่า 2,000 คนของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญสามารถเปิดอ่านนิตยสาร CHIP ในรูปแบบ Digital Magazine ได้จากเครื่องพีซี โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ทุกรุ่นทุกยี่ห้อเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม

CHIP Digital Magazine เป็นนิตยสารในรูปแบบดิจิตอลที่สามารถเปิดอ่านได้บนทุกอุปกรณ์ ทั้งเดสก์ทอปพีซี โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต iPhone iPad ด้วยรูปแบบการนำเสนอแบบอินเทอแรคทีฟที่สวยงาม ทันสมัย ใช้งานง่าย ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินกว่าการอ่านหนังสือจริง นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกเก็บไว้บนเครื่องพีซี โน้ตบุ๊ก ในรูปแบบไฟล์ PDF หรือสั่งพิมพ์เนื้อหาที่ต้องการออกมาอ่านได้อีกด้วย

CHIP Digital Magazine สามารถรองรับปริมาณผู้อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเก็บข้อมูลไว้บนคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ EC2 ที่มีความปลอดภัย มีเสถียรภาพ และมีความเร็วสูง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผู้อ่านจะสามารถเข้าถึงและอ่านเนื้อหาที่ต้องการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ ทุกเวลาที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

สำหรับผู้สนใจ CHIP Digital Magazine สามารถสมัครสมาชิกได้ในราคา 600 บาท (จากราคารูปเล่มปกติ 1,140 บาท) จะได้รับ 12 เครดิต สำหรับเลือกอ่าน CHIP Digital Magazine ฉบับใดก็ได้เป็นจำนวน 12 ฉบับ หรือสามารถเลือกอ่านเล่มใดเล่มหนึ่งได้ในราคา 60 บาท (1 เครดิต) ทั้งนี้ หลังจากสมัครแล้วสมาชิกจะได้รับ Username, Password และ Credits สำหรับล็อกอินเพื่ออ่าน CHIP Digital Magazine โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งและระยะเวลาในการอ่าน สำหรับผู้สนใจ สามารถทดลองอ่าน CHIP Digital Magazine ได้ที่ http://chip.in.th/e_magazine/preview

View :1830

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดผลประชุมร่วมคณะทำงานสืบสวนและปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

July 11th, 2011 No comments

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดผลประชุมร่วมคณะทำงานสืบสวนและปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาระบุสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมกวดขันปราบปรามการละเมิดในพื้นที่สีแดง ทั้งพันธุ์ทิพย์พลาซ่า คลองถม สะพานเหล็ก บ้านค้า ต่างจังหวัดโหมเชียงใหม่ และภูเก็ต  สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมแหล่งผลิต แหล่งค้าส่งรายใหญ่ และให้กรมศุลกากรเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าละเมิดทั้งสินค้าที่ส่งทางพัสดึ หรือไปรษณีย์ ลั่นจับกุมทุกรูปแบบสินค้าละเมิดภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 4 ไตรมาส 1- 2 ของปีนี้ จับกุมของกลางไปแล้วกว่า 3 ล้านชิ้น

นางปัจฉิมา ธนสินติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดเผยผลการประชุมร่วมระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับคณะทำงานสืบสวน และปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาว่าที่ประชุมได้มอบหมายให้ทุกกองบัญชาการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขันการปราบปรามการละเมิดในพื้นที่สีแดง ได้แก่ ศูนย์การค้าพันธ์ทิพย์พลาซ่า ย่านการค้าคลองถม  ย่านการค้าสะพานเหล็ก ย่านการค้าบ้านหม้อ และย่านการค้าในจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต รวมถึงให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมแหล่งผลิต แหล่งสินค้าส่งที่ตัวการอยู่เบื้องหลัง และให้กรมศุลกากรเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าละเมิดรวมทั้งสินค้าที่ส่งเข้าทางพัสดุ หรือไปรษณีย์  นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือกรมทรัพย์สินทางปัญญาและภาคเอกชนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาประสานงานกับต่างประเทศผู้เป็นเจ้าของสินค้าในการรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องโรงงานผลิตสินค้าละเมิด เส้นทางลำเลียง เครือข่าย เส้นทางการเงินเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการป้องกันและปราบปราม  และกวดขันไม่ให้มีสินค้าละเมิดภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 4 ทุกรูปแบบ

“ที่ประชุมมอบหมายให้กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสรรพสามิต และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจัดทำยุทธศาสตร์ในการปราบปราม และนำเสนอรวมถึงแจ้งต่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อบูรณาการการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและในการนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำรายชื่อผู้รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้ง 76 จังหวัด แจกให้แก่เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์ในการประสานการปราบปราม นอกจากนี้จะเข้มงวด

ในการจับกุมปราบปรามแห่งผลิต แหล่งเก็บ แหล่งพักสินค้าให้มีการกวดขันจับกุมในพื้นที่สีแดง และสีเหลือง กวดขันจับกุมพื้นที่ตามแนวชายแดนซึ่งเป็นช่องทางนำเข้าส่งออกสินค้าละเมิดทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ และพื้นที่ที่เป็นเส้นทางลำเลียง รวมถึงในการจับกุมให้บังคับใช้กฎหมายทุกฉบับเพราะการทำความผิดอาจเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ” นางปัจฉิมา กล่าว

อนึ่ง ในรอบไตรมาสที่ 1-2 ของปี 2554 นั้นได้มีการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุม 4,502 คดี ของกลางจำนวน 2,925,600 ชิ้น กรมสอบสวนคดีพิเศษจับกุม 18 คดี ของกลาง 135,737 ชิ้น กรมศุลกากร จับกุม 31 คดี ของกลาง 83,215 ชิ้น รวมจำนวนทั้งสิ้นเท่ากับ 3,144,552 ชิ้น คิดเป็น 4,551 คดี

View :1594

ไอที ซิตี้ พร้อมเปิดให้บริการโซนโมบิลิตี้เต็มรูปแบบ รับกระแสสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต

July 11th, 2011 No comments

ไอที ซิตี้ เปิดให้บริการโซนโมบิลิตี้เต็มรูปแบบ วางจำหน่ายสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตแบรนด์ดังมากมาย อาทิ แอปเปิล ซัมซุง   เอเซอร์  โนเกีย เอชทีซี  เดลล์ แอลจี ตอบรับกระแสสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตมาแรงไม่หยุด สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยหลายแห่งที่คาดการณ์ว่าในปี 57-58 สมาร์ทโฟนจะเติบโตเท่าๆ กับพีซี และโน้ตบุ๊ก คาดการณ์ว่าจะทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเป็นสองเท่า

นายเอกชัย  ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์ไอทีครบวงจรชั้นนำของไทย กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ไอที ซิตี้จะเน้นนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนและเท็บเล็ต ซึ่งมีจำนวนกลุ่มลูกค้าใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไอที ซิตี้ พร้อมเปิดโซนโมบิลิตี้เต็มรูปแบบภายในร้านเพื่อวางจำหน่ายสินค้าสมาร์ทโฟน และแท็บเลตแบรนด์ดังมากมาย เริ่มจากแบรนด์แอปเปิล ซึ่งรูปแบบการวางจำหน่ายสินค้าแอปเปิลภายในร้านไอที ซิตี้ จะเหมือนกับในต่างประเทศ ซึ่งแอปเปิลเรียกว่า “คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ช็อป” (CES – Consumer Electronic Shop)

ไอทีซิตี้จะวางจำหน่ายสินค้าแอปเปิลทุกประเภท ทั้งคอมพิวเตอร์ แมคบุ๊ก ไอพอด ไอโฟน ไอแพด เริ่มวางจำหน่ายแล้วใน 5 สาขาของไอที ซิตี้ ได้แก่ สาขาพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เซียร์รังสิต ไอทีมอลล์ ฟอร์จูน เดอะมอลล์ บางแค และสาขาสตาร์พลาซ่าระยอง และมีแผนจะวางจำหน่ายให้ครบ 25 สาขาภายในสิ้นปีนี้ โดยความร่วมมือระหว่างไอที ซิตี้ และแอปเปิลในครั้งนี้ ทางแอปเปิลจะให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ การตลาด การดำเนินธุรกิจ และมาตรฐานต่างๆ ส่วนไอที ซิตี้จะจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลผลิตภัณฑ์แอปเปิลโดยเฉพาะ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ร่วมกัน

และในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ไอที ซิตี้ยังมีแผนจะวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน และแท็บเลตจากแบรนด์ดังอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โนเกีย เอชทีซี เดลล์ แอลจี เพิ่มเติมจากแบรนด์ซัมซุงและ เอเซอร์ที่ไอที ซิตี้เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว พร้อมทั้งจัดตั้งทีมงานเพื่อทำตลาดโมบิลิตี้โดยเฉพาะ รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อเติมเต็มในส่วนของโซนโมบิลิตี้ให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น

ซึ่งในกลางเดือนกรกฏาคมนี้ ไอที ซิตี้จะวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนตัวใหม่จากซัมซุง ที่จะเข้ามาเพิ่มสีสัน คือ กาแลคซี่  เอส ทู ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติบัติการรุ่นล่าสุดอย่าง Android 2.3 Gengerbread อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความบางที่สุดในโลกคือแค่ 8.5 มม. ใช้ดูอัลคอร์โพรเซสเซอร์ความเร็ว 1.2GHz และหน้าจอสัมผัส AMOLED กล้อง 8MP สามารถบันทึกวิดีโอฟูลไฮเดฟ 1080p ได้ และช่วงต้นเดือนสิงหาคมจะเปิดตัวแท็บเล็ตตัวใหม่ ซัมซุง กาแลคซี่ แท็บ 10.1 นิ้ว ที่มาพร้อมความสวย บางและครบครันไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ การเชื่อมต่อไวไฟยุคใหม่แบบ 2 ช่องสัญญาณ (2.4 กิกะเฮิร์ทซ์ / 5กิกะเฮิร์ทซ์) การเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี HSPA+ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 21 เมกะไบต์ ต่อวินาที ทำให้สามารถเชื่อมต่อ ส่งผ่านข้อมูล และดาวน์โหลดแอพพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างเต็มที่และรวดเร็วในทุกที่ทุกเวลา

“เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไอที ซิตี้จึงต้องเพิ่มเติมสินค้าที่มีความ สัมพันธ์กับไอที ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาไอที ซิตี้ นำผลิตภัณฑ์แอลซีดี ทีวี และโปรเจ็คเตอร์เข้ามาจำหน่ายเพื่อเพิ่มสินค้าให้ครบไลน์มากยิ่งขึ้น และในปีนี้เรามองว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเป็นสินค้าที่มีความสัมพันธ์กับสินค้าไอทีเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของระบบปฏิบัติการ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ในขณะที่มีรายงานข้อมูลจากศูนย์วิจัยข้อมูลหลายแห่งระบุว่าในปี 2557 – 2558 แนวโน้มการใช้งานสินค้าสมาร์ทโฟน จะมีอัตราการเติบโตเท่าๆ กับพีซี และโน้ตบุ๊ก” นายเอกชัยกล่าวสรุปท้าย

View :1640