Archive

Archive for the ‘3G’ Category

เร่งสำนักงาน กสทช. บังคับค่ายมือถือละเมิดพรีเพดคายเงินค่าปรับ หลังศาลชี้ AIS ต้องจ่าย

April 4th, 2013 No comments

ศาลปกครองกลางชี้อีกคดี กรณี สั่งปรับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า (pre-paid) วันละ 100,000 บาท โดยศาลมีคำสั่งยกคำขอของ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) ไม่ทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองดังกล่าวของ เช่นเดียวกับที่เคยตัดสินในคดีที่บริษัททรูมูฟเป็นผู้ฟ้อง “หมอลี่” ชี้ถึงเวลาที่สำนักงาน ต้องเร่งบังคับผู้ให้บริการมือถือทุกค่ายจ่ายเงินค่าปรับได้แล้ว เพราะออกคำสั่งปรับมาเกือบ 1 ปี ได้แต่ปรับลม ยังไม่มีรายใดยอมจ่ายจริงสักบาท

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงาน กสทช. ได้มีคำสั่งปรับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดการห้ามผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า (แบบ pre-paid) กำหนดการใช้บริการในลักษณะบังคับให้เร่งใช้บริการ ในอัตราวันละ 100,000 บาท ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ให้บริการอย่างน้อย 2 ราย คือ บจ. ทรูมูฟ และ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว รวมทั้งขอทุเลาการบังคับตามคำสั่ง โดยล่าสุดศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งออกมาแล้วในคดีที่ AIS เป็นผู้ฟ้อง โดยศาลสั่งยกคำขอของ AIS และชี้ว่า มาตรการกำหนดค่าปรับทางปกครองของสำนักงาน กสทช. นั้นเป็นเครื่องมือในการบริหารบริการสาธารณะด้านโทรคมนาคม

“คำสั่งนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับคำสั่งในคดีที่ทรูมูฟฟ้องร้อง ซึ่งศาลปกครองกลางได้ตัดสินตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2555 ว่า คำสั่งปรับของ เลขาธิการ กสทช.ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายโดยชอบแล้ว ดังนั้น ณ บัดนี้ผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือจึงไม่มีข้ออ้างใดๆ อีกแล้วที่จะยื้อเวลาการจ่ายค่าปรับออกไป ขณะเดียวกันสำนักงาน กสทช. ก็ควรต้องเร่งบังคับอย่างจริงจังให้ได้ค่าปรับที่เป็นตัวเงินจริงๆ มาเสียที ไม่ใช่แค่ปรับลม เพราะนับจากที่ได้แจ้งปรับไป เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 10 เดือนแล้ว โดยยังไม่เคยมีการจ่ายค่าปรับกันจริงๆ แม้แต่บาทเดียว เมื่อศาลสั่งชัดเช่นนี้ ทุกฝ่ายจึงมีหน้าที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย” นายประวิทย์กล่าว

สำหรับกรณีการออกคำสั่งปรับค่ายมือถือวันละ 100,000 บาทนี้ เกี่ยวเนื่องกับปัญหาเรื่องการกำหนดอายุของเงินเติมในระบบบริการโทรศัพท์แบบจ่ายเงินล่วงหน้า หรือพรีเพด ที่ยืดเยื้อมานาน โดยผู้บริโภคได้เรียกร้องมาตลอดระยะเวลาหลายปีให้ กสทช. บังคับผู้ให้บริการทำตามข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 จนในที่สุดสำนักงาน กสทช. ต้องออกมาตรการสั่งปรับดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 แต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. ได้มีมติอนุญาตการกำหนดระยะเวลา 30 วันสำหรับการเติมเงินทุกมูลค่าให้แก่บริษัททรูมูฟ AIS และ ตามลำดับ ส่งผลให้มาตรการปรับดังกล่าวสิ้นผลลง อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลานับแต่สำนักงาน กสทช มีคำสั่งปรับจนถึงเวลาที่ กทค. มีมติ บริษัทมือถือที่ละเมิดประกาศของ กทช. ย่อมต้องจ่ายค่าปรับในอัตราวันละ 100,000 บาท ซึ่งคิดอย่างคร่าวๆ แต่ละบริษัทจะต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 25 ล้านบาท โดยอัตรานี้ในมุมมองของนักคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคยังเห็นว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่บริษัทได้รับจากการกำหนดระยะเวลาเร่งให้มีการใช้บริการโดยที่มีการริบเงินของผู้บริโภคไปด้วย หากไม่ได้เติมเงินในกำหนดเวลา อย่างไรก็ตาม จนถึงทุกวันนี้ทุกรายยังคงพร้อมใจกันดื้อแพ่งและไม่ยอมควักกระเป๋าจ่ายให้ กสทช. เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่ต้องรอดูน้ำยาเลขาธิการสำนักงาน กสทช. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ในฐานะผู้มีอำนาจในการบังคับคดี และตั้งท่าเงื้อดาบผ่านสื่อมาโดยตลอด

อนึ่ง ในวันที่ ๕ เมษายนนี้ ศาลยุติธรรมได้นัดสืบพยานในคดีที่ผู้ใช้บริการฟ้องบริษัท AIS เนื่องจากบริษัทกำหนดระยะเวลาใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบเติมเงิน ยกเลิกหมายเลขโทรศัพท์ รวมทั้งยึดเงินในระบบทั้งหมดของผู้ใช้บริการ โดยอ้างว่าผู้ใช้บริการไม่ได้เติมเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด อันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค และขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 โดยมีคำขอให้บริษัทคืนหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกยกเลิกบริการ เปิดสัญญาณโทรศัพท์ให้สามารถใช้ได้ตามปกติ และคืนเงินคงเหลือในระบบทั้งหมด รวมถึงขอให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

View :1211
Categories: 3G Tags:

ทรูมูฟ เอช ดึงกลยุทธ์ Segmentation ขยายตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่ม จัดแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น”

March 26th, 2013 No comments


เปิดตัวดีไวซ์ใหม่ 4 รุ่น พร้อมพรีเซ็นเตอร์ “บอย-ปกรณ์” และ “มาร์กี้” ร่วมชวนสนุกกับ 3G+

กรุงเทพฯ 26 มีนาคม 2556 – ทรูมูฟ เอช เดินหน้าชวนคนไทยเปลี่ยนเป็น 3G+ ต่อเนื่อง จัดแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” ให้ครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ทหาร และตำรวจ ได้ใช้บริการ 3G เพื่อการศึกษาและการทำงาน จัดเต็มสิทธิพิเศษ ด้วยแพ็กเกจ 3G+ ราคาเบาๆ เพียงเดือนละ 199 บาท พร้อมรับโบนัสใช้ฟรีสูงสุด 1,200 บาท หรือ รับโบนัสใช้ฟรีเท่าราคาเครื่อง เมื่อซื้อเครื่องพร้อมเปิดเบอร์ใหม่ และให้อินเทรนด์สุดๆ กับโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ทั้ง myLife by True, Facebook, LINE และ Gmail ใช้ฟรีไม่อั้น พร้อมเปิดตัวดีไวซ์ใหม่ 4 รุ่น เอาใจทั้งผู้เริ่มต้นใช้ 3G และสมาร์ทโฟน เสริมความแรงด้วยพรีเซ็นเตอร์คู่สุดฮอต “บอย-ปกรณ์” และ “มาร์กี้” ร่วมชวนสนุกกับ 3G+

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรูมูฟ เอช ย้ำความเป็นผู้ให้บริการ 3G ที่ดีที่สุดและครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด เดินหน้าชวนคนไทยเปลี่ยนเป็น 3G+ อย่างต่อเนื่อง ให้คนไทยทั่วประเทศได้ใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี 3G เต็มประสิทธิภาพ จัดแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” มอบสิทธิพิเศษให้คนมีบัตรเปลี่ยนมาใช้ 3G+ ได้ง่ายกว่าใคร ทั้งครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ทหาร และตำรวจ ด้วยแพ็กเกจค่าบริการสุดพิเศษ และดีไวซ์ที่มีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามความต้องการใช้งาน พร้อมให้เชื่อมต่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คทั้ง myLife by True, Facebook, LINE และ Gmail ได้ไม่จำกัด เพิ่มศักยภาพและความสะดวกสบายให้กับกลุ่มอาชีพต่างๆ ให้สามารถติดต่อสื่อสาร และนำ 3G+ ไปใช้ประโยชน์ในการทำงานหรือการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

แคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” มอบสิทธิพิเศษสำหรับครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เพียงแสดงบัตรประจำตัว จะได้รับสิทธิ์ ดังนี้
§ สมัครใช้แพ็กเกจ iSmart 299 ในราคาเพียงเดือนละ 199 บาท (ปกติ 299 บาท/เดือน) ใช้โทรได้ 100 นาที และเล่นเน็ต 500 เมกะไบต์
§ เปิดเบอร์ใหม่ทรูมูฟ เอช แบบรายเดือนหรือแบบเติมเงิน แพ็กเกจใดก็ได้ รับโบนัสใช้ฟรีสูงสุดถึง 1,200 บาท
§ ซื้อเครื่องพร้อมเปิดเบอร์ใหม่ รับโบนัสโทรและเล่นเน็ตฟรีเท่ามูลค่าเครื่อง
§ ใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ได้แก่ myLife by True, Facebook, LINE และ Gmail ได้ฟรีไม่จำกัด

นอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช ยังเปิดตัวดีไวซ์ใหม่ ที่รองรับการใช้งาน 2 คลื่นความถี่ คือ 850 MHz และ 2100 MHz มอบประสบการณ์ในการใช้งาน 3G ที่ต่อเนื่องและดียิ่งขึ้น

§ GO Live 2 ฟีเจอร์โฟน 3G ราคาเบาๆ เพียง 1,290 บาท สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ 3G ให้สนุกกับ H Application ทั้งดูหนัง ทีวี ฟังเพลง และฟังวิทยุ
§ GO Live S2 สมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 ดีไซน์สปอร์ต สีเหลืองสดใสรับซัมเมอร์ ราคา 2,990 บาท มาพร้อมกับคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นพิเศษจาก บอย-ปกรณ์ และ มาร์กี้
§ GO Live Dual Core สมาร์ทโฟนที่เร็วแรงด้วยระบบประมวลผลแบบ Dual-Core 1.2 GHz ในราคาเพียง 4,290 บาท อัดแน่นลูกเล่นและฟังก์ชั่นเพียบ สนุกครบเครื่องกว่ากับ บอย-ปกรณ์ มาร์กี้ และ ญาญ่า
§ แอร์การ์ด 3G+ รุ่นใหม่ รองรับสปีดสูงขึ้น 21 Mbps ราคา 1,290 บาท

ชาว H จะสนุกกับคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นโดนใจเพียบที่มาพร้อมเครื่อง GO Live S2 และ GO Live Dual Core ไม่ว่าจะเป็น H Theme, H Camera ตกแต่งภาพด้วย Photo Frame, H Interactive เกาะติดข่าวซุป’ตาร์คนโปรด, H Hunt เกมจับผิดภาพ, H Club ให้ใกล้ชิดกับดาราที่ชื่นชอบ และ H Quiz คำถามแบบเจาะลึกพิสูจน์ความเป็นแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งดีไวซ์รุ่นใหม่ทั้งหมดนี้ จะทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2556 ที่ร้านทรูช้อป ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อออนไลน์ก่อนได้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมนี้ ที่ www.truemove-h.com

พร้อมกันนี้ ทรูมูฟ เอช จัดเต็ม 4 พรีเซ็นเตอร์สุดฮอต เพื่อโปรโมทสิทธิพิเศษสำหรับคนมีบัตรให้สนุกกับ 3G+ มากยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำดีไวซ์ใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณา โดย “ณเดชน์” และ “ญาญ่า” รับบทชวนคนมีบัตรมาเป็นชาว H ด้วยกัน ส่วน “บอย-ปกรณ์ และ มาร์กี้” แนะนำสมาร์ทโฟน GO Live S2 และ GO Live Dual Core เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังเตรียมกิจกรรมโรดโชว์ไปยังโรงเรียนและสถานที่ราชการต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

“ทรูมูฟ เอช จะยังคงสานต่อแคมเปญที่จะชวนคนไทยทั่วประเทศเปลี่ยนมาใช้ 3G+ อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าสิทธิพิเศษในแคมเปญ “ทรูมูฟ เอช ชวนคนมีบัตรมาสนุกกับ 3G+ ได้มากยิ่งขึ้น” จะได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี และเรายังคงเดินหน้าพัฒนาบริการในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น เครือข่าย ที่เร็ว แรง ทั้งโทรและเล่นเน็ตบนเครือข่าย 3G+ ที่มีคุณภาพและครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ดีไวซ์ มีให้เลือกหลากรุ่น หลายราคา ตามความต้องการใช้งาน คอนเทนต์และแอพพลิเคชั่น ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของสมาร์ทดีไวซ์ทุกแพลตฟอร์ม มีให้เลือกมากกว่า 400 แอพพลิเคชั่น บริการหลังการขาย ด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญที่ร้านทรูช้อปกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ และยังมีเพื่อนคู่ค้าและทรูพาร์ตเนอร์อีกกว่า 13,000 ราย และสิทธิพิเศษมากมายที่จะมีเพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนลดร้านค้าที่ร่วมรายการมากกว่า 15,000 ร้าน ครบทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งกิน ดื่ม เที่ยวและช้อปปิ้ง เพื่อให้ชาวเอชสนุกมากยิ่งขึ้นทุกที่ทุกวัน” นายอติรุฒม์ กล่าวสรุป

View :1859
Categories: 3G, Application Tags:

ทรู ลงนามบันทึกความร่วมมือ จังหวัดนครนายก นำเทคโนโลยีสื่อสาร ร่วมเติมเต็มจังหวัดต้นแบบอัจฉริยะ

March 6th, 2013 No comments


พัฒนาโครงข่ายสื่อสารพื้นฐาน เสริมศักยภาพการบริหารราชการ เพิ่มโอกาสเข้าถึงข้อมูล สร้างชุมชนคุณภาพ

กลุ่มทรู และจังหวัดนครนายก ลงนามบันทึกความร่วมมือ เดินหน้านำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สานต่อเจตนารมณ์การบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ สร้าง “นครนายก” จังหวัดต้นแบบ “จังหวัดอัจฉริยะ” หรือ “Smart Province” เน้นการวางระบบโครงข่ายการสื่อสารพื้นฐานเป็นสำคัญ นำศักยภาพผู้นำ 3G+ และ WiFi จากทรูมูฟ เอช เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานได้ทุกพื้นที่ และเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของชุมชน ผ่านอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ ให้เชื่อมต่อไร้สายครอบคลุมพื้นที่รวม 408 หมู่บ้านทั่วจังหวัด พร้อมเดินหน้าวางโครงข่ายไฟเบอร์ให้หน่วยงานในจังหวัดใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงาน พร้อมร่วมกับจังหวัดพัฒนาโซลูชั่นและแอพพลิเคชั่นสอดคล้องกับการใช้งานของจังหวัด รวมทั้งการสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ปรับรูปแบบการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นของสหกรณ์ชุมชนผ่านช่องทางการตลาดยุคใหม่ มั่นใจยกระดับมาตรฐานการบริหารราชการ เพิ่มคุณภาพชีวิตชาวจังหวัดนครนายก พร้อมรองรับการก้าวสู่เออีซี

ดร.สุรชัย ศรีสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของจังหวัดนครนายกทั้งความเหมาะสมของขนาดพื้นที่ ความพร้อมด้านสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว การเกษตร จังหวัดนครนายกจึงได้รับพิจารณาให้เป็นจังหวัดต้นแบบ “จังหวัดอัจฉริยะ” โดยได้ดำเนินการพัฒนาด้านต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดร่วมมือกับกลุ่ม ทรู ผู้ให้บริการการสื่อสารครบวงจร นำความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีและสื่อสารสมัยใหม่ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการบริหารงานแบบบูรณาการอย่างมีคุณภาพ พัฒนาระบบเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลภาครัฐ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย ระบบเชื่อมโยงโครงข่ายเพื่อใช้ในระบบ คลาวด์ คอมพิวติ้ง, ระบบการส่งเสริมการใช้ PC, IPAD, IPHONE, TABLET เพื่อการใช้งานในจังหวัดอัจฉริยะต้นแบบ รวมถึงระบบเว็บไซต์หลักของจังหวัดอัจฉริยะต้นแบบ เพื่อสนับสนุนให้มีการปรับระบบบริหารจัดการในมิติใหม่ เพิ่มการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน พัฒนาการเรียนรู้บุคลากรในจังหวัด ทำให้ผู้บริหารติดตามความก้าวหน้าประกอบการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันเหตุการณ์ ตามวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด เพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนงานให้เดินไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง สร้างระบบเศรษฐกิจจังหวัดแบบบูรณาการ รวมทั้งสร้างความยั่งยืนรองรับ AEC

นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการบริหารกลุ่ม สายงานธุรกิจภาครัฐ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เป็นความภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนครนายก นำความพร้อมด้านเครือข่ายการสื่อสารของกลุ่มทรู รวมทั้งประสบการณ์เรื่องการพัฒนาโซลูชั่น และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ร่วมสนับสนุนให้จังหวัดนครนายกเป็นต้นแบบ “จังหวัดอัจฉริยะ” หรือ “Smart Province” ตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะขยาย โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด ทั้งโครงข่าย 3G+ ทรูมูฟ เอช ที่ปัจจุบันครอบคลุมถึง 90 % ของประชากรในจังหวัดนครนายก การขยายระบบโครงข่ายไฟเบอร์หลักเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แก่หน่วยราชการต่าง ๆ ของจังหวัด การเพิ่มศักยภาพเครือข่ายสื่อสารให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านทั่วจังหวัด เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตออนไลน์ได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟน ที่มีการใช้งานอยู่แพร่หลายในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น ได้ร่วมกับจังหวัดนครนายกพัฒนาโซลูชั่นและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของจังหวัด การสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ปรับรูปแบบการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นของสหกรณ์ชุมชนผ่านช่องทางการตลาดยุคใหม่ รวมทั้งการร่วมเปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้ผ่านโครงการทรูปลูกปัญญา และส่งมอบชุดอุปกรณ์ 3G+ เพื่อโรงเรียนและชุมชนในจังหวัดเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการใช้งานด้านสาธารณสุขชุมชน ซึ่งมั่นใจว่าความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะร่วมมือกับจังหวัดครั้งนี้จะสร้างประโยชน์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัดนครนายกให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของการเป็นจังหวัดอัจฉริยะต้นแบบได้อย่างแน่นอน

View :1916

เอไอเอส ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2013 ปีแห่งการก้าวไปข้างหน้าเพื่อประเทศไทย

January 17th, 2013 No comments


ผนึกกำลังพันธมิตรทางธุรกิจ ประกาศวิสัยทัศน์ AIS Vision 2013 Moving Forward ยกปี 2013 เป็นปีแห่งการก้าวกระโดดไปข้างหน้าของทุกอุตสาหกรรมจากผลของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารโทรคมนาคมด้วยการเริ่มต้นของเทคโนโลยี 3G 2100 MHz เต็มรูปแบบ สร้างโอกาสทางการแข่งขัน เสริมแกร่งประเทศไทย
นายสมประสงค์ บุญยะชัย รองประธานกรรมการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศ ได้มีส่วนสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศและประชาชนในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโลกแห่งการสื่อสารในทุกที่ ทุกเวลา อย่างเท่าเทียมกัน ยกระดับขีดความสามารถทาง การแข่งขัน และสร้างโอกาสให้แก่ทุกกลุ่มอย่างไร้ขีดจำกัด อีกทั้งยังมีส่วนมากกว่า 2%ในการสร้างการเติบโตของ GDP ประเทศ สร้างงานมากกว่า 300,000 ตำแหน่ง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ เปิดช่องทางสร้างรายได้หลักให้แก่ธุรกิจเพลงที่มีการซื้อ-ขายเพลงมากกว่า 20 ล้านเพลงต่อปี, เปิดโลกดิจิตอลแห่งการอ่านให้แก่คนไทยด้วย E-Book ที่มีการดาวน์โหลดมากกว่า 200,000 เล่มต่อเดือน, เปิดมิติใหม่ของการนำเสนอข่าวแบบ Instant มากกว่า 24 ล้านข่าวต่อเดือน และเปิดโอกาสในการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบคมนาคม ขนส่ง สาธารณสุข การศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างไร้ขีดจำกัด”
“ปี 2013 นับเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นของประเทศไทย จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้มอบใบอนุญาตการให้บริการ 3G ในย่านความถี่ 2100 MHz ให้แก่ผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงถือเป็นจังหวะแห่งความท้าทายยิ่งของทุกภาคส่วนในประเทศ ที่จะสร้างโอกาสทางการแข่งขันจากการเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว โดยภาพของโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ
- การเติบโตของตลาดอุปกรณ์สื่อสาร หรือ Smart Device จากความต้องการของผู้บริโภคที่จะ Upgrade อุปกรณ์จาก 2G มาสู่เครื่องที่รองรับ 3G รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ของ 3G
- โอกาสมหาศาลสำหรับการเติบโตของ Mobile Application ที่จะทำให้กลุ่ม Application หรือ Software Developer สามารถเปิดตลาดใหม่ๆได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงได้ในวงกว้าง
- รูปแบบใหม่ๆของการประยุกต์ใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารเพื่อประโยชน์เฉพาะของหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ การศึกษาทางไกล, การสาธารณสุขทางไกล, ระบบการขนส่งทั้งส่วนบุคคลและธุรกิจ, ฯลฯ
นายสมประสงค์ ชี้ให้เห็นภาพการเติบโตของปี 2013 ว่า “อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย
- ส่วนธุรกิจบริการแอร์ไทม์ จะเติบโตราว 7% โดยแบ่งเป็น 2% จะเกิดจากการใช้งานด้านเสียง และมากกว่า 60% จะเกิดจากการใช้งานข้อมูล
- ส่วนธุรกิจการจำหน่ายเครื่องที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 15% ซึ่งมากกว่า 7 ล้านเครื่องจะมาจากการจำหน่าย Smart Phone และมากกว่า 1 ล้านเครื่องจะมาจาก Smart Device ประเภทแท็บเล็ต”

สำหรับกลยุทธ์ของเอไอเอสนั้น นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “คุณภาพ อันจะนำมาซึ่ง สุดยอดประสบการณ์จากการให้บริการในทุกส่วน หรือ The Best Customer Experience ยังคงเป็นหัวใจหลักที่เรายึดเป็นเป้าหมายในการให้บริการ ซึ่งเอไอเอสมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นกับบริการ AIS 3G โดยในครึ่งปีแรกจะครอบคลุมจังหวัดหลักในทุกภาค และครบทั้ง 77 จังหวัดในครึ่งปีหลัง ซึ่งแน่นอนว่า การขยายเครือข่ายจะมาพร้อมกับการปรับปรุงคุณภาพการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความเสถียรของการใช้งาน Data และ ความชัดเจน ต่อติดง่าย สายไม่หลุดของการใช้งานด้านเสียง ซึ่งการพัฒนาเครือข่ายดังกล่าวจะเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร อันจะเป็นฐานต่อยอดการสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ที่จะเท่ากับเป็นการหนุนอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างยั่งยืนต่อไป”
“นอกจากนี้ในเชิงของการบริหารจัดการองค์กร ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการก้าวไปข้างหน้าด้วยพลังจากพนักงานกว่า 9,000 ชีวิต ที่พร้อมด้วยความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และมุมมอง ที่สามารถสร้างสรรค์บริการในยุค 3G อย่างเต็มรูปแบบ ได้ร่วมกัน Commit ว่าจะมอบบริการ3 G ที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าและคนไทยเสมอ”

โดย นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ หัวหน้าผู้บริหารด้านการตลาด เผยถึงปรากฏการณ์ทางการตลาดในปี 2013 ว่า “พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2013 มีความต้องการหลักๆคือ ต้องการเชื่อมต่อเข้าสู่โลก Online และ ตลอดเวลา ผ่านอุปกรณ์สื่อสารยุคใหม่ ที่พกพาได้สะดวก สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานทั้งเรื่องงาน และ ส่วนตัว ทุกที่ ทุกเวลา แบบ Real Time ดังนั้นเมื่อโครงสร้างพื้นฐานเริ่มมีความพร้อมแล้ว การพัฒนาบริการเพื่อลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่เราเตรียมการมาล่วงหน้าเพื่อให้ทันความต้องการและก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นรับยุค 3G นั่นเอง โดยเอไอเอสได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจสร้างตำนานบทใหม่ทางการตลาดในยุค 3G อย่างมีสีสันและเข้าถึงในทุกกลุ่ม เริ่มตั้งแต่
1. เปิดตัวสมาร์ทโฟนคุณภาพที่รองรับ 3G อย่างต่อเนื่องตลอดปี ด้วยแนวคิด “มือถือ 3G เพื่อคนไทย” ด้วยระดับราคาเริ่มต้นเพียงหลักพันบาท พร้อมแพ็คเกจการใช้งานที่สอดรับกับชีวิตในแบบคุณ ทุกกลุ่มเป้าหมาย

2. เปิดตัวบริการแห่งโลกดิจิตอลที่ยกระดับการใช้ชีวิตและมอบสุดยอดประสบการณ์อีกขั้น อาทิ
- Calling Post : แสดงสถานะที่เชื่อมต่อจาก Social Media ของคุณแบบ Real Time ให้ผู้ที่โทรเข้ามาได้รับทราบทุกความรู้สึกของคุณ (กุมภาพันธ์ 2013)
- My Cloud : พื้นที่ดิจิตอลส่วนตัวให้คุณจัดเก็บข้อมูลสำคัญได้ด้วยตัวเอง พร้อมเคลื่อนย้ายได้ในทุกระบบปฏิบัติการ ทั้งแอนดรอยด์, วินโดวส์, แอ็ปเปิ้ล, ซิมเบี้ยน และ แบล็คเบอรี่ (กุมภาพันธ์ 2013)
- AIS Movie Store : โลกแห่งภาพยนตร์ทั้งไทย/เทศในมือคุณจากความร่วมมือกับ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ คือ สหมงคลฟิล์มและ จีทีเอช พร้อมให้บริการแล้วทั้งบนแอ็ปเปิ้ลและแอนดรอยด์ (กุมภาพันธ์ 2013)
- AIS mPay Master Card : เปิดโลกแห่งอำนาจการใช้จ่ายที่ประเมินค่าไม่ได้จาก MasterCard ใน AIS 3G Sim Card ที่จะปฏิวัติรูปแบบการใช้จ่ายของคุณในยุค 3G (เร็วๆนี้)
- AIS mPay Rabbit : ยกระดับความสะดวกในการโดยสารรถไฟฟ้า BTS ด้วยบัตร Rabbit ใน AIS Smart Phone (ไตรมาส 3)
- AIS Privilege App : สุดยอดสิทธิพิเศษจากมากกว่า 10,000 พาร์ทเนอร์ เพียงปลายนิ้วบนสมาร์ทโฟนทุกระบบปฏิบัติการ (กุมภาพันธ์ 2013)

โดยเอไอเอสยังคงสร้างความต่อเนื่องของการร่วมมือกับกลุ่มผู้มีไอเดียผ่านโครงการ AIS The StartUp ทั้งในรูปแบบของการร่วมพัฒนาบริการ, ร่วมทุน หรือ ร่วมเปิดโอกาสใหม่ๆทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อันจะนำมาซึ่งโฉมหน้าของ Application และ Digital Service ในยุค 3G อย่างชัดเจน”
“สุดยอดงานบริการลูกค้าเป็นอีก 1 หัวใจสำคัญในการส่งมอบบริการคุณภาพ ที่นอกเหนือจากอำนวยความสะดวกแล้ว จะต้องมาจากความเข้าใจใน Customer Journey ของยุค 3G ดังนั้นเอไอเอสจึงใช้งบประมาณมากกว่า 2,000 ล้านบาทยกระดับช่องทางการส่งมอบบริการและเสริมศักยภาพบุคลากร ไม่ว่าจะเป็น AIS Shop ที่มีการขยายต่อเนื่องและเตรียมเปิดตัว AIS Online Store เต็มรูปแบบในไตรมาสแรก, AIS Call Center ที่ก้าวสู่การเป็น Online Call Center, Telewiz 450 แห่ง และ Telewiz Plus 40 แห่ง ที่มีศักยภาพทั้งการจัดจำหน่ายอุปกรณ์และการให้บริการในยุค 3G” นายสมชัย กล่าว

โดยนายสมประสงค์ ย้ำในตอนท้ายว่า “ปีนี้ประเทศไทยจะมีการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันที่แข็งแกร่ง จากพัฒนาการของโครงสร้างระบบสื่อสารโทรคมนาคมและบรอดแคสติ้ง เริ่มต้นจาก 3G, , Digital TV, ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้มีความพร้อมต่อการแข่งขันในเวทีอาเซียน และระดับสากล โดยเอไอเอสพร้อมที่จะทำหน้าที่ผู้ประกอบการในการสนับสนุนและร่วมสร้างการเติบโตของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนตลอดไป

View :1483
Categories: 3G Tags:

กทค.ลุยเตรียมเปิดประมูล 4G ลั่นปี 57 แจ้งเกิด

January 14th, 2013 No comments

กทค.ลุยเตรียมเปิดประมูล ลั่นปี 57 แจ้งเกิด

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ()ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.) เปิดเผยว่า หลังจากกสทช.ได้ผ่านพ้นการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิ๊กกะเฮิร์ตส์เพื่อให้บริการมือถือระบบ 3 จีไปแล้วเมื่อปลายปี 55 ที่ผ่านมา เท่าที่ติดตามผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทราบว่า คงจะสามารถเปิดให้บริการบางส่วนได้ ประมาณต้นเดือนเมษายนนี้
อย่างไรก็ตามแม้หลายฝ่ายยังคงมองว่าประเทศไทยก็ยังคงล่าช้ากว่าเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาวที่เปิดให้บริการมือถือระบบ 4 จีไปแล้ว แต่ก็ไม่ถือว่าล่าช้าไปมากเพราะบางประเทศเพิ่งเริ่มจะใช้ ส่วนประเทศไทยคาดว่าอีกประมาณไม่เกิน 2 ปีจากนี้เชื่อว่าเราจะสามารถเปิดใช้บริการ 4จี ได้ โดยล่าสุด กสทช.ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อเตรียมการเปิดประมูล 4จีแล้วเช่นกัน เนื่องจากสัญญาสัมปทานมือถือบนคลื่นความถี่1800 เมกะเฮิร์ตช์ระหว่างบริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) กับบริษัททรูมูฟ และบริษัทดีพีซีจะหมดลงในเดือนกันยายนนี้ ทำให้ต้องมีการคลื่นความถี่กลับมาที่กสทช. ดังนั้นกสทช.จึงต้องนำคลื่นความถี่นี้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้คลื่นดังกล่าวยังเป็นระบบ 2จีหรืออัพเกรตเป็น 2.5จีก็ตาม แต่คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตช์ สามารถนำไปใช้เป็น 4G ได้แล้วในหลายประเทศทั่วโลก
“แนวทางที่มีความเป็นไปได้ ก็คือการนำคลื่นดังกล่าวไปให้บริการมือถือระบบ 4 จีที่ทั่วโลกกำลังเดินไปสู่เทคโนโลยีนี้กันเพราะหากเรายังคงใช้เทคโนโลยีเดิมก็จะมีปัญหาในอนาคต นั่นคือการผลิตอุปกรณ์จะน้อยลง ทำให้การดูแลรักษาแพงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องตามให้ทันเทคโนโลยีให้ทัน หรือไม่ก็ต้องจ้างผลิตอุปกรณ์ที่ทั่วโลกไม่ผลิตแล้ว”
อย่างไรก็ตามการจะเดินไปสู่เทคโนโลยี่4 จีไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เพราะหลังสิ้นสุดสัมปทานยังคงมีลูกค้าในระบบเดิมอยู่อีกกว่า 10 ล้านเลขหมาย กสทช.จึงต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเตรียมการทำงานและเริ่มทำงานเพื่อเตรียมการเมื่ออายุสัญญาสัมปทานหมดลงเพื่อดูแลผู้บริโภคเหล่านี้ว่าจะทำอย่างไร
ส่วนที่ว่า เมื่อมีการนำคลื่นความถี่4G มาใช้แล้วราคาค่าบริการถูกลง หรือไม่ ยืนยันได้ว่า ถูกลงแน่นอน เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปและการติดตั้งโครงข่ายต่างๆ การจัดการง่ายขึ้น จึงทำให้การลงทุนหรือต้นทุนต่ำลง ทั้งนี้ เมื่อการลงทุนต่ำลงก็ทำให้ราคาค่าบริการต่ำลงตามไปด้วยเช่นกัน เป็นไปตามแนวโน้มของระบบโทรคมนาคมที่ราคาจะลดต่ำลงไปเรื่องๆทุกปี ๆละประมาณ 5-8 %
อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาการประมูลนั้นตนเองคงไปชี้อะไรไม่ได้ แต่ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากการประมูลครั้งก่อนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนค่อนข้างมาก ทั้งที่การตั้งราคาประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ครั้งก่อนเราไม่ได้ถูกกว่าประเทศอื่น แต่ก็ถูกโจมตี

View :1386
Categories: 3G Tags:

อนุฯคุ้มครองโทรคมนาคมเสนอ กสทช.เฉียบขาดสั่งปรับบริษัทมือถือสูงสุด ๕ ล้านบาทต่อวัน

January 7th, 2013 No comments

ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม ระบุสำนักงาน ควรเฉียบขาด สั่งปรับสูงสุด ๕ ล้านบาทต่อวัน ชี้ อย่าให้คำสั่งปรับทางปกครองเป็นเพียงการให้บริษัทจ่ายค่าเช่าในการกระทำผิดกฎหมายเท่านั้น เผยตัวเลขผู้ใช้บริการถูกบริษัทยึดเงินเฉลี่ยรายละ ๕๐๐ บาทแล้ว โดย พรีเพดมีคนใช้บริการ ๗๐ ล้านเลขหมาย

กรณีปัญหากำหนดระยะเวลาการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบชำระค่าบริการล่วงหน้า (พรีเพด) ซึ่งยืดเยื้อมายาวนาน แม้ล่าสุดเลขาธิการ กสทช. ได้มีคำสั่งบังคับทางปกครองบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ๓ ราย โดยให้บริษัทชำระค่าปรับทางปกครองในอัตราวันละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ต่อสำนักงาน กสทช.ให้ครบถ้วนทั้งนี้ซึ่งคิดแล้วเป็นการจ่ายค่าปรับเป็นเงิน ๓ ล้านบาทต่อเดือน โดยมีคำสั่งปรับทางปกครองไปตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมปีที่ผ่านมา

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า จากข้อมูลการร้องเรียนพบว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒-๒๕๕๕ มีผู้บริโภคร้องเรียนกรณีนี้ทั้งสิ้น ๒,๔๙๔ กรณี ในจำนวนนี้เป็นผู้ร้องเรียนที่ถูกยึดเงินในระบบจำนวน ๖๘๗ กรณี เฉพาะรายที่แจ้งรวมเป็นเงินที่ถูกยึดจำนวน ๓๕๕,๒๒๕.๐๔ บาท หรือเฉลี่ยแล้วผู้ใช้บริการถูกยึดเงินจากระบบรายละ ๕๑๗.๐๖ บาท โดยผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินทั้งประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น ๗๐,๖๑๐,๔๙๐ เลขหมาย หากมีผู้บริโภคแม้เพียงร้อยละ ๑ หรือจำนวน ๗๐๐,๐๐๐ คน ถูกยึดเงินในระบบก็รวมเป็นเงินถึง ๓๕๐ ล้านบาทแล้ว แต่เงินค่าปรับของ ๓ บริษัทถูกคิดแค่ ๓ ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น ทั้งที่กระทำผิดกฎหมายและยึดเงินของผู้บริโภคไปแล้วจำนวนมาก

“ปัญหานี้ยืดเยื้อมานานคนใช้บริการมีมากถึง ๗๐ ล้านเลขหมาย สำนักงาน กสทช. ควรมีความเฉียบขาดมากกว่านี้ โดยเพิ่มค่าปรับทางปกครองในอัตราสูงสุดเป็นวันละ ๕ ล้านบาท เนื่องจากเป็นประเด็นที่เห็นการกระทำความผิดขัดต่อกฎหมายชัดเจน ซึ่งคณะอนุกรรมการฯได้ทำความเห็นเสนอไปยัง กทค. ตั้งแต่เดือนกันยายนปี ๕๕ เพื่อขอให้มีการเพิ่มค่าปรับทางปกครองให้สอดคล้องกับความเสียหายของผู้บริโภค ประเด็นสำคัญนั้น ไม่ใช่ต้องการเงิน แต่ต้องการให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงและนำไปสู่การแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการยุติการกำหนดระยะเวลาการใช้บริการพรีเพดเสียที มิฉะนั้นคำสั่งปรับทางปกครองจะเป็นเพียงการให้บริษัทจ่ายค่าเช่าในการกระทำผิดกฎหมายเท่านั้น “ นางสาวสารีกล่าว

นางสาวสารี กล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่สนับสนุนได้ดีก็คือ แม้ สำนักงาน กสทช. จะมีการออกคำสั่งทางปกครองไปแล้ว แต่ก็ยังมีผู้บริโภคจำนวนมากถูกกำหนดระยะเวลาการใช้บริการ ถูกยึดเงิน และถูกยึดหมายเลขโทรศัพท์อยู่เช่นเดิมหากนับตั้งแต่มีคำสั่งทางปกครองตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ปีที่ผ่านมา มีสูงถึง ๓๓๐ ราย แบ่งเป็น ถูกกำหนดระยะเวลาใช้บริการ ๑๖๐ ราย ถูกยึดเงิน ๔๓ ราย และถูกยึดเลขหมาย ๑๒๗ ราย

พร้อมขอให้ผู้บริโภคช่วยกันร้องเรียนเรื่องนี้ให้มาก โดยสามารถร้องเรียนไปยังสำนักงาน กสทช. ๑๒๐๐ เพื่อให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการสั่งปรับทางปกครองแบบลงโทษให้สอดคล้องกับความเสียหายของผู้บริโภค และให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพรีเพดทุกราย ปฏิบัติตามประกาศ เรื่อง กระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและพิจารณาข้อร้องเรียนของผู้ใช้บริการ พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๕ คือ ในระหว่างการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ผู้ให้บริการต้องยุติการระงับบริการแก่ผู้ร้องเรียนทุกราย จนกว่าเรื่องร้องเรียนนั้นจะได้ข้อยุติด้วย

View :1361
Categories: 3G, Technology Tags:

เอไอเอส เผยยอดผู้ส่งความสุขปี’56 ผ่านเครือข่าย social network พุ่งสูงกว่าปกติถึง 300%

January 3rd, 2013 No comments

2 มกราคม 2556 : นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เปิดเผยถึงพฤติกรรมการส่งความสุขและอวยพรปีใหม่ผ่านเครือข่ายมือถือ ว่า “การอวยพรปีใหม่ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงได้รับความนิยมและขยายรูปแบบการส่งที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นตามพัฒนาการของเทคโนโลยีแห่งโลกของ Online และ Social Media โดยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายก็คือ
- การอวยพรและการสื่อสารผ่านโลก Online บน ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Application อย่าง Facebook, LINE และ What’s App สูงขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปกติ โดยรูปแบบจะเป็นการส่งความสุขปีใหม่ในกลุ่มเพื่อนสนิท หรือ ผู้ที่อยู่ใน Community เดียวกัน โดยเฉพาะ Sticker Line น้องอุ่นใจธีมอวยพรปีใหม่ มีการส่งมากกว่า 3 ล้านครั้ง ในช่วงคืนวันปีใหม่
- SMS / MMS ยังคงมีการใช้อวยพร ส่งความสุขปีใหม่อย่างกว้างขวางในรูปแบบที่เป็นทางการจากคนรู้จักที่มิใช่กลุ่มเพื่อนสนิทใน Community เดียวกัน ทั้งนี้ในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 – 1 มกราคม 2556 มีปริมาณการส่ง SMS จำนวน 80 ล้าน ครั้ง MMS จำนวน 1.5 ล้านครั้ง
- เริ่มเห็น Trend การใช้งานเชิง CRM ที่ชัดเจนขององค์กรธุรกิจบริการต่างๆ ที่มีการใช้ SMS/MMS สื่อสาร อวยพรฐานลูกค้าของตัวเองมากยิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
และจากการที่เอไอเอส ได้มีการเตรียมความพร้อมเครือข่ายให้สามารถรองรับการใช้งานดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้การส่งความสุขของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด จึงทำให้ลูกค้า เอไอเอสทุกท่านสามารถส่งความสุข และอวยพรปีใหม่กันได้ในแบบที่ตัวเองต้องการอย่างไร้ข้อจำกัด

หมายเหตุ :
-ปริมาณ SMS โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 ล้านข้อความ/วัน และปริมาณ MMS โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 แสนข้อความ/วัน ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2555

View :1478

ดีแทครายงานยอดส่งความสุขปี 2556 ดาต้าฮิตโตกว่า 200% ตามกระแสสมาร์ทโฟนบูมรับ 3G

January 2nd, 2013 No comments

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่าสถิติการส่งความสุขในช่วงเคาท์ดาวน์และอวยพรปีใหม่ 2556 ของลูกค้าดีแทคฮิตส่งผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กมากเป็นประวัติการณ์ตามกระแสสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตบูมในช่วงปีที่ผ่านมา โดยยอดการใช้งานดาต้าของลูกค้าดีแทคผ่านเครือข่าย 3Gเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 200% โดยนิยมอวยพรปีใหม่ผ่าน Facebook, Twitter, Google+, Instagram, EyeEm, LINE และ WhatsApp เป็นต้น โดยมีพฤติกรรมการใช้งานหนาแน่นสูงสุดในช่วงเวลาประมาณ 22.00-22.15 น. เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ของเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยมียอดสูงสุด ณ ช่วงเวลาหนึ่งสูงสุดถึง 1.3 ล้านราย (concurrent users) ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงาน

“สำหรับการอวยพรผ่าน MMS ในปีนี้มียอดประมาณ 8 แสนข้อความ โดยเติบโตกว่าปีก่อนเล็กน้อยซึ่งพฤติกรรมการใช้งานได้ปรับเปลี่ยนสู่ยุค 3G ที่นิยมส่งผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่างๆ สำหรับ SMS มียอดอวยพรในช่วงนี้ประมาณ 40 ล้านข้อความ โดยมีการใช้งานหนาแน่นสูงสุดในช่วงเวลาประมาณ 00.00-01.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 2556 (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 2556 เวลา 8.00 น.) โดยทิศทางผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในยุค 3G จะเริ่มปรับพฤติกรรมการส่งอวยพรปีใหม่ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กมากกว่า ซึ่งปรับตัวเป็นไปตามทิศทางของผู้ใช้งานทั่วโลกที่ใช้ SMS บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และนอกจากนั้นผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนจากดีแทคยังมีการใช้งานแพ็กเก็จที่คุ้มค่าอยู่แล้ว” นายปกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เมื่อ 25 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา มียอดการใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% และ MMS เพิ่มขึ้นกว่า 4.5% หรือกว่า 2 แสนข้อความ สำหรับยอดการส่ง SMSยังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย หรือมียอดกว่า 10 ล้านข้อความ

ดีแทคได้อัพเกรดยกระดับโครงข่ายทั่วประเทศทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยเพื่อรองรับการใช้งานต่างๆ โดยสัญญาณใหม่ (new network) ของดีแทคได้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างโครงข่ายที่สำคัญที่พร้อมจะอัพเกรดสู่เทคโนโลยีการสื่อสารแห่งอนาคตในรูปแบบอื่นๆ ได้ทันที โดยคุณภาพของสัญญาณใหม่ที่ดีแทคลงทุนได้ครอบคลุมทั่วพื้นที่โดยเป็น 2G กว่า 10,000 สถานีฐาน และเป็น 3G อีกกว่า 5,000 สถานีฐานทั่วประเทศอีกด้วย.

View :1482

ทรูมูฟ เอช เผยยอดการใช้ดาต้าช่วงเทศกาลปีใหม่ พุ่งสูงขึ้นกว่า 300% ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม ส่งความสุขผ่านแชตแอพพลิเคชั่นและสังคมออนไลน์

January 2nd, 2013 No comments

ทรูมูฟ เอช เผยคนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมส่งความสุขปีใหม่ ช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2555 – 1 มกราคม 2556 ลูกค้านิยมอวยพรถึงกันผ่านแชตแอพพลิเคชั่น และสังคมออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ยอดการใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 300% และการส่งความสุขด้วยข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) มีการใช้งานน้อยลง แต่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ส่วน MMS มีการใช้งานเพิ่มขึ้น 100%

ดร.อโณทัย รัตนกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนยังคงนิยมส่งความสุขและคำอวยพรให้กันผ่านมือถือ และจากการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน รวมทั้งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านแอร์การ์ด และสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ที่ง่ายขึ้น ผนวกกับบริการ 3G+ ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วไทย ทำให้การส่งความสุขและอวยพรผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ค และแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตและมือถือเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งข้อความผ่านแชตแอพพลิเคชั่น อาทิ LINE, Whatsapp ที่สามารถส่งข้อความอวยพรหากลุ่มเพื่อนได้หลายๆ คนในเวลาเดียวกัน และส่งได้ทั้งข้อความ รูปภาพ สติ๊กเกอร์ เสียง และวิดีโอ รวมถึงบริการสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ค และ อินสตาแกรม ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคครั้งสำคัญ ตอบรับความต้องการใช้งาน 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยในระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2555 – 1 มกราคม 2556 ยอดการใช้งานดาต้าพุ่งสูงขึ้นกว่า 300% เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ใกล้เคียงกับปริมาณการใช้งานในวันปกติตลอดทั้งปี เนื่องจากลูกค้าทรูมูฟ เอช เป็นผู้ที่นิยมใช้งานดาต้าอยู่ประจำอยู่แล้ว ทั้งนี้ การส่งความสุขด้วย SMS มีการใช้งานน้อยลง แต่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ส่วน MMS มีการใช้งานเพิ่มขึ้น 100%”

View :1447

กสทช. ผ่านร่างประกาศกระจายเสียงและโทรทัศน์ และโทรคมนาคม และงบประมาณประจำปี 2556

December 26th, 2012 No comments

พร้อมสนับสนุนโครงการบริการฟรี Wi-Fi

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ แถลงผลการประชุม ครั้งที่ 16/2555 วันพุธที่ 26 ธ.ค. 2555 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่างประกาศ และเรื่องอื่นๆ โดยมีมติเห็นชอบร่างประกาศ เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 6 ฉบับ กิจการโทรคมนาคม 1 ฉบับ มีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ส่วนโครงการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี Wi-Fi โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่ประชุมขอให้นำเรื่องกลับให้คณะกรรมการบริหารกองทุนพิจารณาทบทวนเพื่อให้เป็นไปตาม พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 52(1) และสถานที่ติดตั้งมีความสอดคล้องกับแผน USO โทรคมนาคมของ

โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. เห็นชอบร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ เพื่อนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ทั้งนี้โดยการกำหนดหลักเกณฑ์หมวดหมู่และการจัดลำดับรายการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ จะเป็นการยกระดับคุณภาพการให้บริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพด้านเนื้อหา เทคนิค และความหลากหลายของสื่อและเทคโนโลยี ตลอดจนเป็นการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการดังกล่าวด้วย

2. เห็นชอบสรุปผลการรับฟังความคิดเห็น และร่างประกาศ กสทช. เรื่อง การอบรมและทดสอบเพื่อขอรับบัตรผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ตามมาตรา 27(6) และ (24) และมาตรา 37 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 และมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 เพื่อให้เป็นบทบัญญัติเพื่อส่งเสริมและพัฒนากิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และเพื่อสนองต่อแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2555 – 2559) ในยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาคุณภาพการประกอบกิจการตามแผนส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์

3. เห็นชอบสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และเห็นชอบร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตเพิ่มเติมในส่วนการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล โดยหลังจากนี้จะได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยที่ร่างประกาศดังกล่าวได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ประสงค์ประกอบกิจการการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลรับทราบหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาต เงื่อนไขหรือค่าธรรมเนียมการอนุญาตดังกล่าว

4. เห็นชอบสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และเห็นชอบร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการโทรทัศน์ระบบดิจิตอล พ.ศ. … โดยหลังจากนี้จะได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

5. เห็นชอบผลสรุปการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และการปรับปรุงร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. …

6. เห็นชอบผลสรุปการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และการปรับปรุงร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง พ.ศ. ….

นอกจากนี้ที่ประชุม กสทช. ยังได้ให้ความเห็นชอบร่างประกาศ กสทช. ด้านกิจการโทรคมนาคม เรื่อง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. … และให้นำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ทันภายในปี 2555 สาระสำคัญของร่างดังกล่าวคือ ไม่อนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตนำค่าใช้จ่ายในการซื้อหรือเช่าโครงข่ายโทรคมนาคม และค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม (Interconnection Charge) ซึ่งจ่ายให้กับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นหรือผู้ให้บริการโทรคมนาคมในต่างประเทศมาหักลดหย่อนจากรายได้การประกอบกิจการโทรคมนาคมก่อนการคำนวณค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และให้ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจากอัตราที่กำหนดไว้จากเดิมที่ประกาศไว้ในร่างประกาศนี้เป็นรายได้จากการประกอบกิจการ

รายได้ 0 – 100 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตร้อยละ 0.25

เกิน 100 ล้านบาท ถึง 500 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตร้อยละ 0.5

เกิน 500 ล้านบาทถึง 1,000 ล้านบาทอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตร้อยละ 1.0

เกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตร้อยละ 1.5 เป็นต้น

นายฐากร กล่าวว่า สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 วงเงิน 3,513.60 ล้านบาท แยกเป็นงบประมาณรายจ่ายของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. 2,159.67 ล้านบาท งบประมาณรายจ่ายสำหรับภารกิจกระจายเสียงและโทรทัศน์ 610.29 งบประมาณรายจ่ายสำหรับภารกิจโทรคมนาคม 643.69 ล้านบาท รวมถึงเงินจัดสรรเข้ากองทุน 50 ล้านบาท เงินงบกลางกรณีฉุกเฉินและจำเป็น 50 ล้านบาทด้วย

ส่วนสาระสำคัญของโครงการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี Wi-Fi โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ได้แก่ การกำหนดสถานที่ให้บริการเป้าหมาย ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ประมาณ 30,000 แห่ง จำนวน 150,000 จุด (Assess Point (AP)) หรือ ติดตั้งแห่งละ 5 AP ความเร็วในการให้บริการ 2Mbps ใช้งานได้ครั้งละ 20 นาที รวม 2 ชั่วโมง/คน/วัน โดยมีหลักการเพื่อให้เกิดความครอบคลุมและคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนสามารถมีโอกาสในการเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และเป็นจุดติดตั้งที่มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาใช้บริการ โดยประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากโครงการดังกล่าวใน 2 มิติ คือ

1 มิติประโยชน์ในด้านสังคม และคุณภาพชีวิต ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายได้อย่างทั่วถึงในพื้นที่สาธารณะ สถานที่ราชการ และสถานศึกษา ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลทางด้านดิจิทัล ด้านการศึกษา เป็นการนำ ICT เป็นสื่อการเรียนการสอนได้มากขึ้น ด้านเศรษฐกิจ จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ประกอบ SMEs และ ประชาชนทั่วไป เกิดการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในด้าน ICT เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้าน ICT ในอนาคต และด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการประหยัดพลังงานที่ใช้ในการเดินทาง รวมถึงลดปริมาณการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้เพื่อการติดต่อสื่อสาร เช่นการส่งโทรสาร และ การส่งเอกสารทางไปรษณีย์ เป็นต้น

มิติที่ 2 จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ กล่าวคือ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ ช่วยเพิ่มอันดับของประเทศไทยในการจัดอันดับความพร้อมด้าน ICT ทั้งในระดับโลก และภูมิภาค และยกระดับความพร้อมทางด้าน ICT ของประเทศไทย ตลอดจนเป็นการยกระดับจุดยืนประเทศไทยในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวและการค้าที่สำคัญ โดยนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจชาวต่างชาติสามารถติดต่อสื่อสารผ่านบริการภายใต้เงื่อนไชการใช้งานที่เหมาะสม เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ที่ประชุมขอให้นำเรื่องกลับให้คณะกรรมการบริหารกองทุนพิจารณาทบทวนเพื่อให้เป็นไปตาม พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 52(1) และสถานที่ติดตั้งมีความสอดคล้องกับแผน USO โทรคมนาคมของ กสทช. ก่อน

View :1612