Archive

Archive for the ‘3G’ Category

ทรูมูฟ เอช เตรียมพร้อมเครือข่ายและทีมงานวิศวกรเต็มที่ พร้อมให้ลูกค้าส่งความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ได้ทุกรูปแบบ

December 26th, 2012 No comments

ทรูมูฟ เอช ส่งความสุขต้อนรับปีงูเล็กที่กำลังจะมาถึง ย้ำศักยภาพผู้นำบริการ ประกาศความพร้อมให้ลูกค้าส่งต่อความสุขและคำอวยพรถึงกันผ่านเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ที่ใช้งานได้ทั้ง +/Wi-Fi/EDGE/GPRS รองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะบริการดาต้า รวมทั้งการใช้บริการด้านเสียง และการรับส่งข้อความ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ทรูมูฟ เอช ย้ำความมั่นใจให้ลูกค้าส่งความสุขถึงกันผ่านเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมให้ลูกค้าส่งคำอวยพรได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านบริการ 3G+ ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด 928 อำเภอ 6,378 ตำบล 51,161 หมู่บ้าน รวมทั้งยังสามารถใช้บริการเครือข่าย Wi-Fi ที่เร็วและครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากถึง 100,000 จุดทั่วประเทศ และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยความพร้อมของทีมวิศวกรดูแลเครือข่ายตลอดคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตลอดจนมีการวางแผนการใช้งานเครือข่าย เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในการใช้งานของลูกค้าในช่วงเทศกาล นอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช ยังเพิ่มช่องสัญญาณเป็นพิเศษในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการใช้งานหนาแน่น เช่น จุดมีการจัดงานเคาท์ดาวน์ รวมทั้งยังจัดรถสัญญาณเคลื่อนที่อำนวยความสะดวกในบริเวณพื้นที่จัดงานปีใหม่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศด้วย”

ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช 3G+ พร้อมรองรับปริมาณการใช้งานดาต้าของลูกค้าอย่างเต็มที่ ซึ่งจากแนวโน้มการใช้งานดาต้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีนี้ คาดว่าในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2555 – 1 ม.ค. 2556 ลูกค้าจะมีการส่งความสุขและอวยพรผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ค และแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตและมือถือเพิ่มมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการส่งข้อความผ่านแชตแอพพลิเคชั่นที่สามารถส่งข้อความอวยพรหากลุ่มเพื่อนได้หลายๆ คนในเวลาเดียวกัน อาทิ LINE, Whatsapp รวมถึงบริการสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ เป็นต้น

View :1336

เอไอเอสให้คำมั่น ดูแลเครือข่ายช่วงเทศกาลปีใหม่เต็มที่ ให้ลูกค้าอุ่นใจ ส่งความสุขได้ไม่จำกัด ก่อนเปิดศักราชกับ 3G ใหม่ที่ดีที่สุด

December 25th, 2012 No comments

25 ธันวาคม 2555 : นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส เปิดเผยว่า “เอไอเอสได้ตระหนักถึงความสำคัญของมาตรการเตรียมความพร้อมด้านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี เพื่อให้ลูกค้าสามารถส่งความสุขถึงกันได้อย่างไม่ขาดตอน รวมถึงเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขได้อย่างอุ่นใจ โดยปีใหม่ 2556 ที่จะถึงนี้ ที่ผู้คนนิยมอวยพรกันผ่านทางโลกออนไลน์หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้น เอไอเอสจึงเตรียมความพร้อมทั้งด้านเสียงและดาต้าอย่างเต็มที่ ดังนี้

1. นำร่องขยายช่องสัญญาณเป็นพิเศษ ในพื้นที่ที่มีปริมาณการใช้งานมาก รวมถึงส่งรถสถานีฐานเคลื่อนที่ออกไปให้บริการเพิ่มความสามารถในการโทร. และเชื่อมต่อออนไลน์ให้กับลูกค้าตามแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่จัดกิจกรรมเคาน์ดาวน์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ ลานเซ็นทรัลเวิล์ด, สยามพารากอน, งานสวดมนต์ข้ามปีที่สนามหลวง รวมทั้งสถานีขนส่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หมอชิต, หัวลำโพง, สายใต้ใหม่, เอกมัย โดยเพิ่มความสามารถในการรองรับการใช้งานจากปกติอีกกว่า 50% ของการใช้งานทุกประเภท ทั้งนี้ในส่วนของ SMS นั้น รองรับได้ถึง 32 ล้านข้อความต่อชั่วโมงและ MMS รองรับได้ถึง 400,000 ข้อความต่อชั่วโมง รวมไปถึง Data ที่เพิ่มการรองรับขึ้นอีกเท่าตัว

2. ระดมทีมบุคลากรดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งวิศวกรที่ปฏิบัติหน้าที่ 24 ชม. ตามปกติ ณ ศูนย์บริหารเครือข่าย ส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค แล้วยังได้เตรียมวิศวกรสแตนบายเพิ่มเติม ณ บริเวณสถานีฐานในเขตกรุงเทพฯ และหัวเมืองทั่วประเทศ ในช่วงคืนวันที่ 31 ธันวาคมด้วยเช่นกัน รวมไปถึงพนักงานเอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าตลอด 24 ชม. เพื่อสามารถประสานงานแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการส่งความสุขผ่านบริการต่างๆ
“ทั้งนี้ ในนามของเอไอเอส ขออวยพรให้ประชาชนชาวไทยมีความสุขสดชื่น สุขภาพ แข็งแรง รวมถึงประสบความสำเร็จในกิจการงานทุกๆอย่างสมตามที่หวังไว้ ทั้งนี้ เอไอเอสขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะยังคงทำหน้าที่เพื่อมอบบริการที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ทุกท่านอย่างต่อเนื่อง โดยศักราชใหม่ที่จะถึงนี้ เราพร้อมมุ่งมั่นให้บริการ ใหม่บนคลื่น 2.1 GHz ที่ดีที่สุดในทุกด้าน เพื่อส่งมอบบริการ ใหม่อย่างมีคุณภาพให้กับทุกท่านต่อไป และพร้อมเป็นพลังผลักดันให้คนไทยก้าวไปไกลยิ่งกว่าเดิม” นางวิไลกล่าว

View :1489

กสิกรไทยชู “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” ยึดหัวหาดอันดับ 1 ของดิจิตอล แบงกิ้ง

December 21st, 2012 No comments


ธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจดิจิตอล แบงกิ้ง () วางยุทธศาสตร์การให้บริการด้วยแนวคิด “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” (Lifestyle ) ปูพรมด้วยกิจกรรมและแผนสื่อสารการตลาดที่เจาะลึกเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยใช้เครือข่ายออนไลน์ทุกช่องทาง ตั้งเป้าหมายปีหน้าเติบโตกว่า 40% และมีฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 6.5 ล้านคน

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทย เป็น “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” (Lifestyle Banking) ที่ต้องการตอบสนองกับทุกไลฟ์สไตล์ โดยธนาคารฯ เป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจดิจิตอล แบงกิ้ง และได้วางยุทธศาสตร์ของการให้บริการดิจิตอล แบงกกิ้ง ให้เป็น “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” (Lifestyle Digital Banking) ตอบรับกับยุคสมัยที่ผู้คนใช้ชีวิตไม่หยุดนิ่ง (On-the-Go) และอุปกรณ์ อิเลคทรอนิกส์ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก ได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญของการใช้ชีวิต โดยนอกเหนือ จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการขั้นพื้นฐาน เช่น การโอน จ่าย เติมเงิน ธนาคารฯ ยังมุ่งเน้นการนำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ พร้อมด้วยกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดที่เจาะเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า พร้อมทั้งตอกย้ำความปลอดภัยของการใช้บริการ ตลอดจนสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมให้กับลูกค้าและร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นของธนาคารฯ”

“แนวทางหลักการดำเนินงานด้านดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคาร ประกอบด้วย 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ SO (Social Media) หมายถึง การดำเนินกิจกรรมการตลาดในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น การเปิดตัวแคมเปญ “New Possibility Happens พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล” ที่มีกิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบ, LO (Localized Marketing) ซึ่งเป็นรูปแบบกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่เฉพาะเจาะจงตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพื้นที่ เช่น การให้เช็คอิน (Check-in) และทำโปรโมชั่นกับพันธมิตรต่างๆ, MO (Mobile) การให้บริการผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น การให้บริการ “K-Merchant on Mobile” ร่วมกับนกแอร์ เปิดให้จองตั๋วและรูดบัตรฯ จ่ายค่าโดยสารผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ทันทีทุกที่ทุกเวลา และ CO (Commerce) คือ การนำเสนอบริการซื้อขายออนไลน์ ในรูปแบบ Everywhere Commerce ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น ร่วมกับเครื่องสำอางคลีนิกข์ ให้บริการในการรับชำระเงินด้วยระบบ K-Payment Gateway ซึ่งเป็นระบบรับชำระเงินค้าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย”

ล่าสุด ธนาคารฯ ได้เปิดตัวแคมเปญ “New Possibility Happens Digital Banking พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล” ด้วยแผนการสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจร ด้วยงบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเดินหน้าทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง โดยมีบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคารฯ เป็นส่วนสนับสนุนในการเดินตามทุกความฝัน ครอบคลุมทั้งภาพยนตร์โฆษณาเต็มรูปแบบในชื่อชุด “ศึกแม่มดขาว” ที่จะออกเผยแพร่ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ พร้อมกันนี้ ยังได้ออกหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้กล้าทำตามความฝัน ถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักเขียนชื่อดัง 3 ท่าน 3 สไตล์ ได้แก่ คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ คุณแพรกานต์ นิรันดร และคุณทีปกร วุฒิพิทยามงคล ซึ่งหนังสือดังกล่าวจะเผยแพร่บนโลกออนไลน์ให้ผู้ที่สนใจสามารถอ่านได้ฟรีผ่าน _Live Facebook นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญ “อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงใช้ Digital Banking” ให้ลูกค้าที่ใช้บริการทำธุรกรรมหรือชำระเงินผ่านบริการดิจิตอลแบงกิ้ง ธนาคารกสิกรไทย ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ รับแพ็คเกจท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น รับค่าบริการอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือแบบรายเดือนหรือแบบเติมเงินฟรี 1 ปี รวมทั้งแคมเปญทางการตลาด อื่นๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าดิจิตอลแบงกิ้งของธนาคารอย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/kbanklive หรือทางเว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทย www.kasikornbank.com ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง 8 ล้านราย โดยธนาคารกสิกรไทย มีฐานลูกค้าลงทะเบียนใช้บริการจำนวน 4.6 ล้านบัญชี คิดเป็น 60% จากจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้บริการ มีสัดส่วนการทำรายการธุรกรรมการเงินประมาณ 50% ของธุรกรรมการเงินออนไลน์ และมีส่วนแบ่งการตลาดของยอดซื้อขายออนไลน์กว่า 70% รวมทั้งช่องทางการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ KBank_Live ในเฟซบุ๊ค มีจำนวนสมาชิกเป็นอันดับ 1 ของธนาคารที่มีอยู่ในประเทศไทย ด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 340,000 ราย

นายปกรณ์ กล่าวตอนท้ายว่า ยุทธศาสตร์เชิงรุกดังกล่าว จะตอกย้ำศักยภาพความเป็นผู้นำด้านบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ทำให้ ธนาคารฯ เป็น “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” (Lifestyle Banking) ที่ให้บริการเจาะเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของทุกกลุ่มเป้าหมายได้ในทุกที่ ทุกเวลา และมั่นใจว่า ในปีหน้าฐานลูกค้าที่ใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง จะเติบโตเพิ่มอีก 40% ทำให้มีลูกค้าเพิ่มเป็น 6.5 ล้านราย

ข้อมูล “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้นำอันดับ 1 บนโลกดิจิตอล แบงกิ้ง (Digital Banking) ข้อมูลจากธนาคารแห่ง ประเทศไทย ระบุว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง จำนวน 8 ล้านบัญชี ธนาคารกสิกรไทยมีฐานลูกค้าลงทะเบียนใช้บริการจำนวน 4.6 ล้านบัญชี คิดเป็น 60%

ความสำเร็จของดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคารกสิกรไทย
• พ.ศ. 2545 เปิดให้บริการ K-Cyber Banking ซึ่งเป็นบริการทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ต โดยธนาคาร กสิกรไทยถือเป็นธนาคารแรกๆ ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง (Internet Banking)
• พ.ศ. 2548 ธนาคารกสิกรไทยนำเสนอบริการ K-mAlert แจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของการทำธุรกรรมผ่าน sms บนมือถือ
• พ.ศ. 2551 ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ DTAC เปิดตัว ATM SIM ธนาคารบนมือถือเต็มรูปแบบในระบบ SIM ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
• พ.ศ. 2552 เปิดตัว K-Mobile Banking Plus สำหรับการทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ ทุกเครื่อง ทุกค่าย นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการระบบชำระเงิน e-commerce และ World’s First Mobile Commerce หรือระบบชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตมือถือ ซึ่งถือเป็นรายแรกของโลก
• พ.ศ. 2555 ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารรายแรกในประเทศไทยและทวีปเอเชีย ที่เปิดเว็บไซต์ search engine รวมข้อมูลรอบด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ในชื่อ askKBank
• พ.ศ. 2556 ธนาคารกสิกรไทย มุ่งมั่นนำเสนอบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ด้วยแนวคิดการเป็น “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” (Lifestyle Digital Banking)

แคมเปญ “New Possibility Happens KBank Digital Banking พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล”

• ธนาคารกสิกรไทยได้วางยุทธศาสตร์เชิงรุกของการให้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำและสร้างความแตกต่างของการให้บริการ ภายใต้แนวคิด “New Possibility Happens KBank Digital Banking พร้อมสนับสนุนทุกความฝันด้วยพลังของโลกดิจิตอล” โดยนำเอาความแข็งแกร่งของบริการดิจิตอล แบงกิ้ง เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอล ชู “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล แบงกิ้ง” ผนึกความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์และบริการด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมการเงินอย่างครบวงจรตลอด 24 ชม. ได้ทุกที่ทุกเวลา

• แผนการสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจรของแคมเปญ “New Possibility Happens” มีงบประมาณ กว่า 40 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเดินหน้าทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง โดยมีบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ของธนาคารฯ เป็นส่วนสนับสนุนในการเดินตามทุกความฝัน ครอบคลุมทั้ง
- ภาพยนตร์โฆษณาเต็มรูปแบบในชื่อชุด “ศึกแม่มดขาว” ออกเผยแพร่ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์
- หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้กล้าทำตามความฝัน ถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักเขียนชื่อดัง 3 ท่าน 3 สไตล์ ได้แก่ คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ คุณแพรกานต์ นิรันดร และคุณทีปกร วุฒิพิทยามงคล ซึ่งหนังสือดังกล่าวจะเผยแพร่บนโลกออนไลน์ให้ผู้ที่สนใจสามารถอ่านได้ฟรีผ่าน KBank_Live Facebook
- แคมเปญ “อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงใช้ KBank Digital Banking” ให้ลูกค้าที่ใช้บริการทำธุรกรรมหรือชำระเงินผ่านบริการดิจิตอลแบงกิ้ง ธนาคารกสิกรไทย ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ รับแพ็คเกจท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น รับค่าบริการอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือแบบรายเดือนหรือแบบเติมเงินฟรี 1 ปี รวมทั้งแคมเปญทางการตลาด อื่นๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าดิจิตอลแบงกิ้งของธนาคารอย่างต่อเนื่อง

View :2426

10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุดในปี 2013

December 19th, 2012 No comments

· Ericsson ConsumerLab ได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่สำคัญที่สุดบางประการในปีที่กำลังจะมาถึง

· เทคโนโลยี Cloud ได้ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และกลุ่มผู้หญิงเป็นแรงผลักดันหลักในตลาดมือถือสมาร์ทโฟน ถือเป็นสองแนวโน้มที่สำคัญ

· พฤติกรรมของคนรุ่นหนุ่มสาวได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม และอินเตอร์เน็ทได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบใหม่ๆ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง

ในขณะที่ปี 2012 กำลังจะจบลง Ericsson ConsumerLab ได้พยายามค้นหาแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปี 2013 ที่กำลังจะมาถึง ตลอดระยะเวลามากกว่า 15 ปีที่ผ่านมา ConsumerLab ได้ทำการวิจัยลักษณะและพฤติกรรมของผู้บริโภค ในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสารสนเทศต่างๆ

คุณ Michael Björn หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ ConsumerLab กล่าวว่า “ข้อมูลการศึกษาวิจัยทั่วโลกของเรามาจากการสัมภาษณ์ผู้คนมากกว่า 100,000 คนในแต่ละปี ในจำนวนกว่า 40 ประเทศ ซึ่งอยู่ในมหานครขนาดใหญ่กว่า 15 แห่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้สะสมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคจำนวนมหาศาล และเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”

นี่คือแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เห็นเด่นชัดที่สุด:

1. ความสำเร็จของบริการ cloud ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคบนอุปกรณ์ต่างๆเปลี่ยนไป
มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้แท็บเล็ต และมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสวีเดน ต่างพึงพอใจในการใช้บริการ cloud เพื่อให้สามารถใช้แอ็พตัวเดียวกันและแชร์ข้อมูลต่างๆได้ บนอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่อง อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย

2. อุปกรณ์สื่อสารเพื่อความรวดเร็วทันใจ
จากคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้ไฟล์และโฟลเดอร์ สู่อุปกรณ์พกพาที่ใช้ผ่านแอ็พและบริการ cloud ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการทำงานบนโต๊ะ สู่การใช้อุปกรณ์สื่อสารยุคใหม่ที่สามารถพกพาได้สะดวก งานหลายอย่างสามารถทำได้ในช่วงเวลาอันสั้น ขณะเข้าแถวซื้อสินค้า หรือขณะที่คุยกับใครสักคนในร้านกาแฟ โดยผู้บริโภคในหลายประเทศต้องการซื้อแท็บเล็ตมากกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และต้องการซื้อสมาร์ทโฟนมากกว่าแล็ปท็อป อีกด้วย

3. นำอุปกรณ์บรอดแบนด์ส่วนตัวมาทำงาน
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ จะใช้สมาร์ทโฟนส่วนตัวในที่ทำงานด้วย โดยนิยมใช้เพื่อช่วยทำงาน รับส่งอีเมลล์ วางแผนการเดินทางในธุรกิจ หาข้อมูลที่อยู่ต่างๆ และอีกหลากหลายประโยชน์ใช้สอย

4. ผู้คนในเมืองใหญ่นิยมใช้อินเตอร์เน็ททุกที่ทุกเวลา
ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่จะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทได้ในทุกที่ทุกเวลา ได้ผลักดันให้เกิดการเติบโตของตลาดอินเตอร์เน็ทบนมือถืออย่างแท้จริง โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากถึง 3,300 ล้านคนภายในปี 2018 และชีวิตในเมืองจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์มือถือคุณภาพดี ที่ครอบคลุมทั่วถึง

5. มีการนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ประโยชน์ในหลายภาคส่วน
เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากเริ่มขาดความมั่นใจต่อองค์กรภาครัฐ และเอกชนบนโครงสร้างแบบดั้งเดิม จึงหันมาใช้เครื่องมือออนไลน์กันอย่างกว้างขวางเพื่อจุดประสงค์บางอย่างและเพื่อใช้เป็นที่พึ่งในยามฉุกเฉิน เช่น การรวมกลุ่มออนไลน์เพื่อสร้างสหกรณ์ออมทรัพย์แทนระบบธนาคาร การรวมกลุ่มของนักเรียนเพื่อช่วยกันทำการบ้าน การใช้สังคมออนไลน์แบบ Linked-in เพื่อช่วยในการหางานแทนบริษัทจัดหางานแบบดั้งเดิม เป็นต้น

6. กลุ่มผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟน
จากการศึกษาพบว่า กลุ่มผู้หญิงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการทำให้เกิดการยอมรับสมาร์ทโฟนอย่างกว้างขวาง โดยมากกว่า 97 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพศหญิงใช้ SMS, 77 เปอร์เซ็นต์ใช้รับส่งรูปภาพ, 59 เปอร์เซ็นต์ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค, 24 เปอร์เซ็นต์ใช้เช็คอินเพื่อแสดงสถานที่ที่ตนเองอยู่, 17 เปอร์เซ็นต์ใช้ค้นหาคูปองต่างๆ เป็นต้น ในขณะที่ตัวเลขเหล่านี้สำหรับผู้ใช้เพศชายมีค่าน้อยกว่า

7. ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆในสังคมเมือง
ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มักมีจำนวนเพื่อนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณชานเมืองมาก โดย 12 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่อยู่ในเมืองกล่าวว่า เหตุผลหลักที่พวกเขาใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค ก็เพื่อติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น ซึ่งถือเป็นเหตุผลในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสาม รองจากการใช้เพื่อติดตามเรื่องราวของกลุ่มเพื่อน และการใช้เพื่ออัพเดตข้อมูลของตนเองสู่พวกเขา

8. ประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบผสมผสานที่เรียกว่า “In-line shopping”
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวน 32 เปอร์เซ็นต์ ใช้สมาร์ทโฟนในการซื้อสินค้าอยู่แล้ว และพวกเขาเริ่มช็อปปิ้งในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “In-line shopping” โดยผสมผสานข้อดีของการเลือกซื้อสินค้าในร้าน (in-store shopping) เพื่อมีโอกาสสัมผัสกับของจริง กับมีการใช้เครื่องมือออนไลน์ (online shopping) เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เปรียบเทียบราคา รวมทั้งใช้ซื้อสินค้าเพื่อลดเวลาในการเข้าคิวรอจ่ายเงิน เป็นต้น

9. ทีวีบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค
ผู้ชมราว 62 เปอร์เซ็นต์ ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คในขณะที่ดูวีดีโอและทีวี โดย 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชมกลุ่มนี้จะคุยกับผู้อื่น ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังรับชมอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง โดย 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชมกลุ่มนี้ มีความเต็มใจที่จะจ่ายเงินกับ content ที่พวกเขารับชมผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากกว่า และการรับชมวีดีโอและทีวีบนอุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บ้าน

10. การเรียนรู้บนความเปลี่ยนแปลง
ดัวยปัจจัยภายในและภายนอกทำให้การเรียนรู้ในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เด็กหนุ่มสาวในยุคนี้มักนำอุปกรณ์ส่วนตัวของตนเองเข้าไปในห้องเรียนด้วย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งจากองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อหาเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเชื่อมต่อสู่โลกอินเตอร์เน็ททำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับเด็กๆทั่วโลก ในประเทศอินเดีย มีเด็กอายุ 9-18 ปี จำนวนประมาณ 30 ล้านคน จากทั้งหมด 69 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตนเอง

หมายเหตุ:

ลิงค์ของ รายงานเรื่อง “10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุดในปี 2013”: http://www.ericsson.com/res/docs/2012/consumerlab/10-hot-consumer-trends-2013.pdf

View :1838

ทรูมูฟ เอช เปิดบริการแจ้งเตือนการใช้งานดาต้าในต่างประเทศ ช่วยลูกค้าควบคุมค่าใช้จ่ายดาต้าโรมมิ่ง

December 13th, 2012 No comments


กรุงเทพฯ 13 ธันวาคม 2555 – ทรูมูฟ เอช แนะนำบริการใหม่สำหรับลูกค้านักเดินทาง “บริการแจ้งเตือนการใช้บริการดาต้าในต่างประเทศ” (Smart Alert) ช่วยแจ้งเตือนยอดการใช้บริการดาต้าขณะอยู่ต่างประเทศ ควบคุมค่าใช้จ่าย โดยระบบจะส่ง SMS แจ้งเตือน และระงับการใช้บริการดาต้าชั่วคราว เมื่อมียอดการใช้งานถึงระดับที่กำหนดไว้ โดยลูกค้าสามารถเชื่อมต่อใหม่ได้เองจากมือถือและแท็ปแล็ต หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้า โทร. 1331 ฟรี เพื่อให้พนักงานเชื่อมต่อสัญญาณให้อีกครั้ง พร้อมมีข้อความแนะนำเครือข่ายในประเทศที่มีโปรโมชั่น Flat Rate เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งาน

นางสาวดรุณี รักพงษ์ไพโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูมูฟ เอช มุ่งมั่นสร้างสรรค์บริการและความร่วมมือกับผู้ให้บริการชั้นนำทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการโรมมิ่งที่คุ้มค่า และตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด สำหรับ “บริการแจ้งเตือนการใช้งานในต่างประเทศ” ที่เปิดตัวในวันนี้ ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายจากการใช้งานดาต้าขณะที่อยู่ต่างประเทศ โดยระบบจะตั้งระดับยอดการใช้งานไว้ เมื่อลูกค้าใช้งานถึงแต่ละระดับที่กำหนด จะมี SMS แจ้งเตือน พร้อมกับลิงค์ไปยังหน้า Web Browser ซึ่งจะระบุรายละเอียดยอดค่าบริการให้ลูกค้าทราบ โดยระบบจะระงับการใช้งานดาต้าชั่วคราวให้ หากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะใช้งานดาต้าต่อ ก็สามารถปลดล็อคได้ด้วยตนเองทันที หรือหากใช้งานเกินระดับที่สามารถปลดล็อคด้วยตนเองได้ ลูกค้าสามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าได้ฟรี ที่หมายเลข +66 89 100 1331 เพื่อยืนยันความต้องการใช้งาน และให้พนักงานเชื่อมต่อสัญญาณให้อีกครั้ง ทั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าควบคุมค่าใช้จ่ายได้แล้วนั้น ระบบยังช่วยป้องกันไม่ให้ลูกค้าใช้งานผิดเครือข่ายในกรณีที่มีโปรโมชั่น Data Roaming Flat Rate โดยจะแสดงข้อความแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนมาเลือกใช้เครือข่ายที่มีโปรโมชั่น เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นอีกด้วย”

ลูกค้าที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้า โทร. 1331 และร้านทรูช้อป ทั่วประเทศ หรือ www.truemove-h.com

View :1352
Categories: 3G Tags: ,

เอไอเอส ยืนยันความพร้อมให้บริการ 3G อย่างมีคุณภาพสูงสุด เพื่อคนไทย

December 12th, 2012 No comments

12 ธันวาคม 2555 : นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “บริษัทฯขอขอบพระคุณ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ()และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ โดยได้อนุมัติมอบใบอนุญาตให้บริการ แก่ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ในช่วงที่ผ่านมา”

“สำหรับเอไอเอสแล้ว เราได้มีการเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการส่งมอบบริการ 3G อย่างมีคุณภาพสูงสุดในทุกด้าน อาทิ
- การพัฒนางานด้าน Customer Service หรือ บริการลูกค้า อาทิ การเสริมศักยภาพงานบริการของ Shop, Call Center และร้านเทเลวิซ ได้เตรียมเงินลงทุนไว้มากกว่า 2,000 ล้านในปี 2013 เพื่อพัฒนาศักยภาพรองรับการใช้งาน Data ของลูกค้า ประเดิมด้วยการเปิดตัว Flagship Store ในวันที่ 12 ธันวาคม 2555
- การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์นำ Smart Device พร้อมการพัฒนา Application เพื่อตอบพฤติกรรมใช้งาน 3G
- ขออนุมัติเลขหมายจาก กสทช. เพื่อพร้อมต่อการให้บริการได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงของการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
“โดยขณะนี้บริษัทฯ ได้เร่งติดตั้งเครือข่าย 3G คลื่น 2.1 GHz เพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดตัวการให้บริการ 3G อย่างรวดเร็วที่สุดและคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2556 ส่วนงบประมาณในการลงทุนนั้น ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ สำหรับเงินลงทุนเบื้องต้นในการเปิดให้บริการในเฟสแรกเป็นเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท”
นายวิเชียร ย้ำในตอนท้ายว่า “บริษัทฯ ขอยืนยันว่า จะมุ่งเน้นการส่งมอบบริการอย่างมีคุณภาพสูงสุด จากศักยภาพของพนักงานเอไอเอสมากกว่า 9,000 คน ที่มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในการให้บริการมากว่า 22 ปี ด้วยอัตราค่าบริการที่สมเหตุ สมผล และเป็นธรรมต่อลูกค้าอย่างแน่นอน”

View :1531
Categories: 3G Tags: ,

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากคำสั่งของศาลปกครองในคดี 3G

December 1st, 2012 No comments

โดย
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ()

คาดกันว่า อีกไม่นาน ศาลปกครองน่าจะมีคำสั่งว่าจะให้การคุ้มครองชั่วคราวในคดีการประมูล ตามคำขอของผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่

ผมได้แสดงความเห็นมาโดยตลอดว่า การประมูล 3G ครั้งนี้มีปัญหาร้ายแรงในการออกแบบการประมูล ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ไม่มีความจำเป็นต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้ใบอนุญาต เพราะเป็นการออกใบอนุญาต 3 ใบแก่ผู้ประกอบการ 3 ราย โดยแต่ละใบแทบไม่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น แม้การประมูลครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้นในการใช้บริการ 3G แต่ก็สร้างความเสียหายให้แก่รัฐและผู้เสียภาษีไปกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และหากปล่อยให้ผ่านไป ก็จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิดในการประมูลคลื่นอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งจะยิ่งก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้นไปอีก ผมจึงมีท่าทีมาโดยตลอดว่า ควรจะต้องมีผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านคำฟ้องของผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ผมมีความวิตกกังวลว่า หากศาลปกครองมีคำสั่งตามคำขอของผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ระงับการออกใบอนุญาต 3G ไปก่อน ในระหว่างที่ไต่สวนว่า ควรจะยกเลิกประกาศประมูล 3G ของ หรือไม่ สิ่งที่จะตามมาก็คือ สภาวะชะงักงันในการให้บริการ 3G ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการไม่มีทางเลือกในการรับบริการ ไปจนกว่าศาลจะพิจารณาคดีเสร็จ ซึ่งอาจนานเป็นปีขึ้นไป การให้การคุ้มครองชั่วคราวในลักษณะดังกล่าวยังจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการแข่งขัน เพราะผู้ประกอบการบางรายได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นจากการให้บริการไปก่อนภายใต้สัญญาที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย แต่ศาลปกครองไม่ได้สั่งระงับไว้

ผมจึงเห็นว่า ในกรณีที่ศาลปกครองเห็นว่า การประมูล 3G ของ กสทช. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลควรมีคำสั่งให้ยกเลิกการประมูลที่ผ่านมา และสั่งให้ กสทช. จัดการประมูลใหม่โดยเร็ว แทนที่จะให้ระงับการออกใบอนุญาตไว้ก่อนตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้องขอ ทั้งนี้ ในการสั่งให้ประมูลใหม่ ศาลควรสั่งให้กสทช. กำหนดหลักเกณฑ์ที่เอื้อให้การประมูลเกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง เช่น อนุญาตให้ผู้ประกอบการแต่ละรายถือครองคลื่นได้ไม่เท่ากัน และกำหนดราคาตั้งต้นประมูลให้สูงขึ้น เพื่อไม่ให้รัฐและผู้เสียภาษีเกิดความเสียหายมาก ในกรณีที่ไม่มีการแข่งขันในการประมูล

ในการตัดสินคดีการแปรรูปของ ปตท ที่ผ่านมา ผมเห็นว่า ศาลปกครองได้หาทางออกที่ดีให้แก่สังคม กล่าวคือไม่สร้างผลกระทบต่อการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ ปตท. ในขณะที่ก็ยังสามารถรักษาผลประโยชน์สาธารณะจากการมีคำสั่งให้ส่งท่อก๊าซคืนให้แก่รัฐ ซึ่งแตกต่างจากคำขอของผู้ฟ้องร้องในครั้งนั้น ผมหวังว่า จะได้เห็นความสมดุลที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันในคดี 3G นี้อีกครั้ง โดยการมีคำสั่งในคดีนี้อย่างเหมาะสม และเร่งพิจารณาคดีสัญญา 3G ที่ค้างอยู่ให้เสร็จโดยเร็ว.

View :1214

กระทรวงไอซีที ผนึกกลุ่มทรู ขยายบริการ “ICT Free WiFi by TRUE” สู่จังหวัดนครราชสีมา

November 30th, 2012 No comments

หนุนโครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษา เพิ่มโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วไทย

กรุงเทพฯ 30 พฤศจิกายน 2555: โดย นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา รองปลัดกระทรวงไอซีที ร่วมกับ โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ และนายเจริญ ลิ่มกังวาฬมงคล ผู้อำนวยการบริหาร ธุรกิจทรูออนไลน์ ขานรับนโยบาย SMART THAILAND ประกาศความร่วมมือเปิดให้บริการ ขยายสู่ต่างจังหวัด ประเดิมนครราชสีมาเป็นที่แรก พร้อมเดินหน้าปักหมุดทั่วไทย สนับสนุนโครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย ให้นักเรียนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึงทุกที่ที่มีสัญลักษณ์ ICT Free WiFi by โดยมี ดร. วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าบ้านให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมติณสูลานนท์ ศาลาว่าการจังหวัดนครราชสีมา

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า “โครงการ ICT Free WiFi เป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของรัฐบาล ที่ต้องการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งวันนี้ คนเมืองในจังหวัดนครราชสีมาจะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงแบบไร้สายได้อย่างทั่วถึง อันจะเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อการพัฒนาจังหวัดทุกๆด้าน โดยเฉพาะด้านการศึกษาของนักเรียนในจังหวัดที่จะสามารถใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้สะดวกยิ่งขึ้น ณ จุดที่ให้บริการ ICT Free WiFi by TrueMove H เสริมประโยชน์โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา หรือ Tablet ที่กระทรวง ICT ได้ดำเนินการแจกจ่ายให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่จังหวัดนครราชสีมาไปแล้ว ทั้งนี้ มั่นใจว่า โครงการ ICT Free WiFi ที่ได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มทรู ที่ให้การสนับสนุนร่วมเปิดพื้นที่ให้บริการ ICT Free WiFi by TRUE ครอบคลุมมากถึง 50,000 จุดทั่วประเทศ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังช่วยยกระดับการศึกษาและส่งเสริมให้นักเรียน สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ด้วยตนเองแม้อยู่นอกห้องเรียน อันเป็นการส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของทรัพยากรบุคคลในประเทศ และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนด้วย”

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรู ชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ที่รัฐบาลโดยกระทรวงไอซีที ได้ให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีสื่อสาร โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สาย ในโครงการ ICT Free WiFi อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มโอกาสการเข้าถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ต่างจังหวัด จะสามารถเรียนรู้ได้ทัดเทียมคนในเมืองใหญ่ กลุ่มทรู ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการ WiFi ที่มีโครงข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศ จึงยินดีและมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือกับกระทรวงไอซีที อำนวยความสะดวกให้ชาวจังหวัดนครราชสีมาสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านเครือข่าย WiFi by TrueMove H ได้ทุกเวลา ทุกที่ที่มีสัญลักษณ์ ICT Free WiFi by TrueMove H ในอำเภอเมือง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมั่นใจว่าจะร่วมสร้างประโยชน์ เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับเยาวชน รวมทั้งมอบคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในทุกๆ ด้านอย่างแน่นอน

ดร. วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะเจ้าบ้าน ขอขอบคุณกระทรวงไอซีที และกลุ่มทรู ที่เลือกจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดลำดับต้นๆ ในการเปิดให้บริการ ICT Free WiFi by TRUE ช่วยให้เด็กนักเรียนที่ได้รับแท็บเล็ตจากโครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย ได้รับประโยชน์สูงสุด เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ผ่านเครือข่ายคุณภาพ ทุกจุดที่มีบริการ นอกจากนี้ยังเอื้อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอีกด้วย เพราะจังหวัดนครราชสีมามียุทธศาสตร์ที่ตั้งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน การมีบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงให้บริการ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และประชาชนในจังหวัดได้เป็นอย่างมาก”

ด้วยความพร้อมของกลุ่มทรูทั้งทางด้านการให้บริการ และศักยภาพของโครงข่ายที่มีคุณภาพ และครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ จึงสามารถให้บริการ ICT Free WiFi by TRUE โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านฮอตสปอต WiFi by TrueMove H จำนวน 50,000 จุดทั่วประเทศ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 2 Mbps ยิ่งไปกว่านั้น ทรูมูฟ เอช ได้สร้าง SSID ชื่อ ICT Free WiFi by TRUE เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สนใจเข้าใช้บริการได้ทันที โดยสามารถลงทะเบียนรับ Username และ Password เมื่อเลือกโครงข่าย ICT WiFi by TRUE เพื่อใช้งานได้วันละ 30 นาที รวม 15 ชั่วโมงต่อเดือน และสามารถลงทะเบียนใหม่เพื่อต่ออายุการใช้งานได้ทุกๆ 3 เดือน และใช้งานได้ทุกที่ที่มีสัญลักษณ์

View :1833

กสทช.ประวิทย์ย้ำเหตุผล ทำไมบริษัทต้องลดราคาค่าบริการอย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์

November 29th, 2012 No comments

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ชี้ชัดผู้ให้บริการซึ่งได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2.1 GHz เพื่อให้บริการ 3 G ควรลดค่าบริการให้ถูกลงกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ประกอบการมีต้นทุนประกอบการลดลงจากสาเหตุอย่างน้อย 5 ประการ

สำหรับเหตุผลประการแรกคือ การให้บริการ ครั้งนี้ได้เปลี่ยนจากระบบสัมปทานเป็นระบบใบอนุญาตแล้ว ทำให้บริษัทไม่ต้องส่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับหน่วยงานของรัฐ เช่น กสท. และทีโอที อีกต่อไป เพียงแต่จ่ายแค่ค่าธรรมเนียมรายปีประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จากเดิมที่ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ในระบบสัมปทาน 20-30 เปอร์เซ็นต์ อีกประการคือค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือค่าไอซี ซึ่งที่ผ่านมา ให้บริษัทกำหนดราคากันเอง และมีการกำหนดไว้ที่ 1 บาท แต่มีการคิดค่าโทรภายในเครือข่ายเพียง 25 สตางค์ ดังนั้นสำหรับการให้บริการ ค่าเชื่อมต่อโครงข่ายจึงควรลดลงเหลือเพียง 50 สตางค์ ซึ่งหมายถึงจะทำให้ต้นทุนลดลงอีกร้อยละ 50
“ค่าไอซีลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐก็ไม่ต้องจ่ายอีก 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อต้นทุนลดลงเห็นๆ ค่าบริการก็ต้องลดลงด้วย ซึ่งผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์ แต่ถ้าต้นทุนลดแล้วค่าบริการไม่ลด บริษัทก็ได้กำไรเต็มๆ ดังนั้นค่าบริการจึงควรลดลงทันทีไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์“ กสทช.ประวิทย์ กล่าว

กสทช.ประวิทย์กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังมีแนวทางเพิ่มเติมที่จะทำให้ผู้ให้บริการสามารถลดต้นทุนลงได้อีกและทำให้บริการได้ดีหรือดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้ กสทช.กำหนดให้มีการจัดทำประกาศเพิ่มเติมอีก 3 ฉบับ คือ 1. การกำหนดให้ผู้ชนะการประมูลต้องกันโครงข่ายไว้ร้อยละ 10 เพื่อเป็นผู้ขายส่งบริการให้รายย่อย โดยพื้นที่โครงข่ายร้อยละ 10 นี้ผู้ชนะการประมูลไม่ต้องทำการตลาดเอง แต่สนับสนุนให้เกิดรายย่อยและให้รายย่อยเป็นผู้ทำการตลาดให้ 2. การสนับสนุนให้มีการใช้บริการข้ามเครือข่ายภายในประเทศ หรือโรมมิ่ง ( Roaming) ภายในประเทศ เช่น ในพื้นที่ห่างไกล หากเครือข่ายที่ใช้บริการไม่มีสัญญาณ แต่มีสัญญาณของเครือข่ายอื่นก็สามารถโรมมิ่งกันได้ เพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานได้ครอบคลุมทุกพื้นที่

“กรณีเจ้าที่ 1 ไม่มีสัญญาณ แต่เจ้าที่ 2 มีสัญญาณ เราก็สามารถโรมมิ่งและจ่ายค่าบริการผ่านเจ้าแรกได้ เป็นการลดต้นทุนการให้บริการ ไม่ต้องรอให้ต้องขยายบริการให้เต็มพื้นที่กันทุกเครือข่าย ซึ่งมาตรการนี้ระบบ 2G เมืองไทยยังไม่เคยมี มีกรณีที่โรมมิ่งระหว่างคลื่น 900 ของเอไอเอส กับคลื่น 1800 ของดีพีซี แต่ก็เป็นการโรมมิ่งเจ้าเดียวกัน ในขณะที่ระบบ 3G ที่วางแผนไว้นั้น ทั้ง 3 เจ้าโรมมิ่งกันได้หมด เช่น พื้นที่นี้ยังไม่ได้ตั้งเสาก็ไปขอโรมมิ่งกับเจ้าที่มีโครงข่ายแล้ว ก็จะทำให้เข้าถึงบริการได้เท่าเทียมกัน” กสทช.ประวิทย์กล่าว

ส่วนแนวทางที่ 3 ซึ่งจะทำให้เป็นการลดต้นทุนของบริษัทคือ การใช้โครงข่ายร่วมกัน หรือ Infrastructure Sharing จากการที่ปัจจุบันในพื้นที่เดียวกันจะพบเสาสัญญาณของผู้ให้บริการทั้ง 3 ราย เพราะที่ผ่านมาต่างคนต่างลงทุน แต่ในระบบ 3G ทุกบริษัทสามารถใช้เสาส่งสัญญาณร่วมกันได้ มาตรการนี้ได้ประโยชน์ทั้งลดต้นทุนของผู้ประกอบการและลดปัญหาความไม่พอใจของประชาชนกับเสาสัญญาณ

“การตั้งเสาเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ หลายกรณีมีการก่อสร้างโครงเหล็กปล่อยคลื่นอยู่ข้างบ้าน ประชาชนก็เกิดข้อสงสัย อีกอย่างเสาพวกนี้มีสายล่อฟ้าอยู่ ชาวบ้านก็จะบอกว่า ฟ้ามันผ่าบ่อยขึ้น เดือดร้อน หากมีการแชร์เสาสัญญาณ ปัญหาก็จะน้อยลง รวมถึงยังลดต้นทุนได้ ขณะนี้ทั้ง 3 บริษัทต้องเช่าพื้นที่เอกชนเพื่อตั้งเสา หากเป็นการแชร์ใช้ร่วมกันจาก 3 เสาเหลือเสาเดียว จาก 5-6 ล้านบาทก็เหลือ 1-2 ล้านบาท และตัวส่งสัญญาณก็ใช้ร่วมกันได้ ยกตัวอย่างไฟเบอร์ออฟติก ของเอไอเอสก็เดินทั่วทุกภาค ดีแทคก็เดินทั่วทุกภาค ของทรูมูฟก็เดินทั่วทุกภาค เช่นกรณีดีแทควันดีคืนดีไฟเบอร์ออฟติกขาด หรือมีเส้นสำรองก็ขาดอีก แต่ถ้ามีการแชร์ใช้ ก็ไม่ต้องลงทุนไฟเบอร์ออฟติกใหม่ เป็นหลักการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ซึ่งในต่างประเทศจะใช้โครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงเหล็กและสายส่งร่วมกัน” กสทช.ประวิทย์กล่าว

กสทช.ประวิทย์กล่าวสรุปว่า กติกาเหล่านี้เป็นการชี้ทิศว่า นโยบาย กสทช. ต้องการให้ต้นทุนประกอบการลดลง ซึ่งถ้าไม่เอาเปรียบผู้บริโภค เมื่อต้นทุนลดแล้ว ค่าบริการก็ต้องลดลงด้วย ทั้งนี้ ทั้งมาตรการสนับสนุนรายย่อย การทำให้เกิดโรมมิ่ง และการแชร์โครงข่าย ได้มีการยกร่างประกาศและรับฟังความคิดเห็นสาธารณะไปแล้ว น่าจะออกเป็นประกาศที่มีผลบังคับใช้ได้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่ได้สรุปตัวร่างสุดท้ายมาเสนอบอร์ด ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเร่งติดตามต่อไป

View :1488
Categories: 3G Tags:

กลุ่มทรู ร่วมกับ CAT ทดสอบ LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ในสภาพแวดล้อมจริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ผลการทดสอบประสบความสำเร็จ ราบรื่น ใช้งานได้ดี

November 21st, 2012 No comments


กรุงเทพฯ 20 พฤศจิกายน 2555 – นำโดย นายขจร เจียรวนนท์ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการบริหารด้านกิจการองค์กร นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการบริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ และนายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ พร้อมคณะผู้บริหารจาก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม โดย นายสมเกียรติ สำราญบำรุง (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษาสื่อสารไร้สาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายความเร็วสูง โดยดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีสำหรับอนาคต LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz แสดงศักยภาพการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงในพื้นที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่ใช้ได้จริงของเทคโนโลยี LTE 4G ในสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ห่างไกล

ผลการทดสอบประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถใช้ได้จริง รวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่าย ทั้ง และ 4G สามารถทำได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การทดสอบ LTE 4G ของกลุ่มทรูในครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่ใช้ได้จริง ในสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ห่างไกล โดยผลการทดสอบประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้ความเร็วที่เหมาะสมกับช่วงคลื่นที่ทำการทดสอบ ทำให้เห็นถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว การสตรีมมิ่งวิดีโอในรูปแบบ HD ทำได้อย่างราบรื่น รวมถึงประสิทธิภาพและการใช้งานข้ามเทคโนโลยีระหว่าง 4G และ 3G (roaming) สามารถเชื่อมต่อได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุด เรามั่นใจว่าหากประเทศไทยอนุญาตให้นำเทคโนโลยี LTE 4G มาใช้ในอนาคต ทรูก็พร้อมที่จะให้บริการได้ในทันที”

นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการบริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรู ขอขอบคุณ และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ที่อนุญาตให้ทรูมูฟดำเนินการทดลอง LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่จะช่วยทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารของประเทศไทย ซึ่งผู้บริหารจาก CAT ยังได้เข้าร่วมการทดสอบกับทรูในครั้งนี้ด้วย ผลการทดสอบได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี รวมถึงได้พิสูจน์แล้วว่ากลุ่มทรูมีความพร้อมในการเข้าร่วมกับกสทช.และ CAT ในการนำเทคโนโลยีไร้สายความเร็วสูงมาให้คนไทยได้ใช้บริการและช่วยในการพัฒนาประเทศ”

View :1773
Categories: 3G, Technology, Telecom Tags: ,