Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ดีแทคเปิดตัวแอพพลิเคชั่นบน dtac iPhone โหลดง่าย ๆ ผ่าน App Store

August 10th, 2010 No comments

ดีแทคเปิดตัวหลากหลายแอพพลิเคชั่นบน สำหรับลูกค้าดีแทคโดยเฉพาะ มอบความสะดวกสบายในการใช้บริการสิทธิพิเศษมากมาย เติมเต็มทุกความต้องการของชีวิตสมัยใหม่ ทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือ เกาะติดข่าวสารประจำวัน ธุรกรรมการเงิน เดินทางท่องเที่ยว ตลอดจนสื่อบันเทิงครบวงจรทั้งดูหนัง ฟังเพลง

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์ของดีแทค เปิดเผยว่า “ดีแทคขอแนะนำแอพลิเคชั่นบน dtac iPhone ซึ่งพร้อมดาวน์โหลดได้ง่าย ๆ ผ่าน เพื่อมอบความสะดวกสบาย สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากพันธมิตรที่เราคัดสรรมาเป็นอย่างดี เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า dtac iPhone เช่น ใครชอบดูหนังก็มี SF Cinema ตอบโจทย์ ใครชอบฟังเพลงก็มี 333 Happy Vampire ให้โหลดเพลงได้ไม่อั้น ใครอยากทำธุรกรรมทางการเงินสะดวกๆ ก็มี KBank ใครเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ ก็สามารถจองตั๋วผ่านนกแอร์ได้ หรือใครที่อยากอัพเดทข่าวสารไวๆ ก็มีแอพไทยรัฐตอบสนองตรงจุดนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ในการใช้สมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าดีแทค”

โดยลูกค้าดีแทค สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้ฟรี จาก App Store ประกอบด้วย

dtac Application – แอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าดีแทคในระบบจดทะเบียนและเติมเงิน สามารถเช็กยอดค่าโทร ตรวจสอบโปรโมชั่นที่ใช้ในปัจจุบัน และยอดการใช้งานบริการเสริมทั้ง SMS MMS หรือ dtac internet ได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น

K-Mobile Banking PLUS – แอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย สามารถทำรายการธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น K-Mobile Banking PLUS ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามยอด โอนเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการ และเติมเงินโทรศัพท์มือถือ
ลูกค้าดีแทค 500 คนแรกต่อเดือนที่เปิดใช้บริการเป็นครั้งแรก และทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน K-Mobile Banking PLUS ในเดือนที่สมัคร รับฟรี Starbucks Card มูลค่า 100 บาท ตั้งแต่ 15 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2553

Nok Air – มอบความสะดวกรวดเร็วให้แก่ลูกค้าสายการบินนกแอร์ในการจองบัตรโดยสาร การตรวจสอบตารางการบิน ตลอดจนการเช็กอิน
ลูกค้าดีแทคที่จองตั๋วเครื่องบินผ่านแอพพลิเคชั่น รับฟรี เสื้อยืดมูลค่า 250 บาท (มีจำนวนจำกัด) ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2553

333 Happy Vampires – ฟังและดาวน์โหลดเพลงจากศิลปินค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ได้ไม่จำกัด พร้อมสร้างรายการเพลงได้ตามที่ต้องการ ลูกค้าดีแทคสมัครง่ายๆ เพียงกด *333 แล้วโทรออก

Thairath – ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ ทั้งข่าวพาดหัว ข่าวกีฬา ข่าวบันเทิง และข่าวสังคม-สตรีจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ บนหน้าจอ iPhone ลูกค้าดีแทคที่รับบริการ SMS ข่าวไทยรัฐ รับสิทธิ์อ่านข่าวผ่านแอพพลิเคชั่น 5 หน้ายอดนิยมจากไทยรัฐได้ฟรีก่อนใคร

SF Showtimes in Hand – จองบัตรภาพยนตร์จาก SF Cinema City ได้ง่ายๆ ไม่เสียเวลา ลูกค้าดีแทคที่จองบัตรภาพยนตร์ 2 ที่นั่ง รับฟรีทันที บัตรชมภาพยนตร์ประเภท Gold Pass จำนวน 1 ที่นั่ง มูลค่า 160 บาท สำหรับใช้ในครั้งต่อไป วันนี้ – 31 ตุลาคม 2553
สอบถามรายละเอียดหรือเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ dtac call center 1678 หรือไปที่เว็บไซต์ www.dtac.co.th/iphone

View :1955
Categories: Press/Release Tags: ,

เอปสันเปิดตัวพรินเตอร์ซีรี่ส์ ME โซลูชั่นครบเครื่องเรื่องความคุ้ม ประเดิมสองรุ่นจับกลุ่มโฮมยูส

August 10th, 2010 No comments

9 สิงหาคม 2553 – เอปสันเปิดตัวพรินเตอร์ซีรี่ส์ ME โซลูชั่นการพิมพ์สุดประหยัด เพื่อลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าของหมึกแท้ ประเดิมสองรุ่นแรก ME32 และ ME320 สำหรับตลาดผู้ใช้งานส่วนตัว นักศึกษา และออฟฟิศขนาดเล็ก

มร.เออิจิ คาโตะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซีรี่ส์ ME หรือ Max Economy สื่อถึงความคุ้มค่าอย่างยิ่งที่ลูกค้าของเอปสันจะได้รับ เพราะพรินเตอร์ในซีรี่ส์ ME จะใช้ตลับหมึกรุ่นใหม่ทิ่พิมพ์ได้มากด้วยต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่ถูกลง อีกทั้งพรินเตอร์ของเอปสันใช้ตลับหมึกแยกสี ที่ทำให้ไม่สิ้นเปลืองหมึกในเวลาพิมพ์ ลูกค้าสามารถเปลี่ยนเฉพาะตลับสีที่หมด บวกกับตัวเครื่องที่ทนทาน ใช้งานได้นาน เพราะใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ ไมโครปิเอโซ ทำให้พรินเตอร์ซีรี่ส์ ME รวมความคุ้มค่าในการลงทุนทุกด้านไว้ให้ลูกค้า

“ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ผู้คนจะระมัดระวังการใช้จ่ายและการลงทุน เอปสันจึงได้พัฒนาพรินเตอร์ซีรี่ส์ ME ออกมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่าในการลงทุน รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าที่อยากได้พรินเตอร์ที่สามารถพิมพ์งานคุณภาพ ใช้หมึกแท้ และมีการรับประกันจากแบรนด์ผู้ผลิต แต่ราคาสุดประหยัด ซึ่งเครื่องซีรี่ส์ ME จะสามารถติดตั้งตลับหมึกรุ่น 141 ที่พิมพ์ได้มากขึ้น ในต้นทุนต่อแผ่นไม่ถึง 1 บาท (**เฉลี่ยพิมพ์เอกสารขาว-ดำต่อ 1 แผ่นตามมาตรฐาน ISO24711/24712) เมื่อรวมกับเครื่องพรินเตอร์ที่มีราคาที่เหมาะสม ลูกค้าก็จะได้ของดี ใช้ทน แถมช่วยประหยัดเงินอีก”

“การเปิดตัวซีรี่ส์ ME ยังเป็นการตอกย้ำถึงกลยุทธ์ EXCEED ของบริษัทฯ ทั้งในด้าน Educate Epson Value หรือการให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับคุณค่าของเอปสัน ซีรี่ส์ ME จะทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงความคุ้มค่าของการใช้หมึกแท้ และช่วยให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงจากการใช้หมึกเติมหรือหมึกเทียบเท่า ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับกลยุทธ์
X-perience ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ด้าน ได้แก่
1) ใช้กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับซีรี่ส์ ME
2) การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ ผ่านการจัดโรดโชว์และสัมมนาตามหัวเมืองหลักทั่วประเทศ
3) การสร้างเครือข่ายในการขายกับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย
4) จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กิจกรรมการแข่งขันสำหรับพนักงานขาย เพื่อสร้างแรงจูงใจ

กลยุทธ์ที่สำคัญอีกข้อ คือ Dynamic Product Line Up คือ การออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตรงตามความต้องการกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่องทั้งปี ซึ่งหลังจากเปิดตัว ME32 และ ME320 ในวันนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะออกพรินเตอร์ ME ในรุ่นต่าง ๆ ตามมาอีก โดยจะผลักดันให้ ME เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าของหมึกแท้ และกำลังมองหาโซลูชั่นของพรินเตอร์และหมึกในราคาสุดประหยัด” มร.คาโตะกล่าว

ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า พรินเตอร์ซีรี่ส์ ME รุ่น ME32 และ ME320 เป็นสองรุ่นแรกที่เปิดตัว นอกจากเป็นเครื่องที่ช่วยประหยัดต้นทุนการพิมพ์ ยังสามารถพิมพ์งานด้วยความเร็วสูงสุด 28 หน้าต่อนาที ให้ชิ้นงานคุณภาพสูงที่ความละเอียดสูงสุด 5,760×1,440 จุดต่อนิ้ว ใช้งานง่าย และหมึกที่ใช้ก็ยังเป็นหมึกดูราไบร์ท อัลตร้า (DURABrite Ultra Ink) ที่มีความคงทน เงางาม ทนต่อแสงและน้ำ ไม่ซีดจาง รุ่น ME32 เป็นซิงเกิลฟังก์ชั่น พรินเตอร์ ราคา 2,190 บาท และ ME320 เป็นมัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ ราคา 2,690 บาท เหมาะกับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ออฟฟิศขนาดเล็ก และโซโห ที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพจากหมึกแท้ ในราคาต้นทุนต่อแผ่นที่ต่ำ ซึ่งทั้งสองรุ่นจะขายตามไอทีมอลล์ชั้นนำทั่วประเทศ

“สำหรับในการทำโปรโมชั่น ทั้ง ME32 และ ME320 ก็จะจัดรวมอยู่ในแคมเปญ “เอปสันฉลองครบรอบ 20 ปี แจกทอง 20 สัปดาห์” ที่เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนด้วยเช่นกัน ลูกค้าที่ซื้อสินค้าเอปสันจะได้รับคูปองชิงโชค เพื่อส่งลุ้นโชคในทุกสัปดาห์ ชิงรางวัลทองคำและรางวัลอื่นอีกมากมาย มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท จากการจับรางวัลทางรายการ 07 โชว์ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.45 – 17.00 น. ไปจนถึงเดือนตุลาคม ศกนี้”

นายยรรยงกล่าวถึงภาพรวมของสินค้าพรินเตอร์ของเอปสันต่ออีกว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่แล้ว ซึ่งมียอดขายอิงค์เจ็ตพรินเตอร์รวมทุกรุ่นเติบโตขึ้น 41% โดยเฉพาะมัลติฟังก์ชั่น พรินเตอร์โตขึ้นถึง 60% สวนทางกับกระแสภาวะการหดตัวของตลาดไอทีในประเทศ ถึงแม้ในช่วงไตรมาสแรกของบริษัทฯ (เอปสัน ประเทศไทยเริ่มต้นปีงบประมาณในเดือนเมษายนของทุกปี) ปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศส่งผลกระทบต่อยอดขายพรินเตอร์ แต่ช่วงปลายไตรมาสแรกจนถึงต้นไตรมาสสอง ยอดขายเริ่มกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง

“บริษัทฯ เชื่อว่าจากการออกสินค้าใหม่ที่ตรงใจลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อย่างซีรี่ส์ ME ที่เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นความประหยัด บวกกับการให้บริการหลังการขายที่ดี ซึ่งเอปสันยังเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่สามารถซ่อมเครื่องและมอบคืนลูกค้าได้ภายใน 5 วันเท่านั้น (ผลสำรวจ Service Score Card ณ ร้านไอทีซีตี้ทั่วประเทศ) แม้ว่าตลาดพรินเตอร์อาจเติบโตเพียง 10% ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ แต่เอปสันเชื่อว่าพรินเตอร์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะตรงความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ โดยตั้งเป้ายอดขายพรินเตอร์ในปีนี้ว่าจะเติบโตกว่า 15%” นายยรรยงกล่าวทิ้งท้าย

View :1676
Categories: Press/Release Tags:

“BitDefender” เตือนภัย ผู้ใช้ Social Media ระวังถูกโจรกรรมข้อมูล

August 9th, 2010 No comments

จากงานวิจัย พบว่า 75% ของผู้ใช้งาน จะใช้ Usernames และ passwords เดียวกันกับ การเข้าใช้งาน Email Account

® ผู้สร้างอุตสาหกรรมซอฟแวร์ที่มีความเร็วที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในสายของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองในระดับสากล ตั้งแต่ปี 2001 ที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกำหนดมาตรฐานใหม่ๆในการป้องกันภัยคุกคาม ในเชิงรุกตลอดเวลา และได้ ปกป้อง ผู้ใช้นับ ล้านคน และองค์กรทั่วโลก มอบความสบายใจกับผู้ใช้ บนความปลอดภัยในโลกดิจิทัล ด้วยโซลูชั่นของ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปยังผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรกว่า 100 ประเทศ ซึ่งได้รับรางวัล ในการพัฒนา โปรแกรม Internet Security

ล่าสุดได้เตือนให้ระวังเกี่ยวกับการใช้งาน Social Networking โดย แจ้งว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ปลอดภัยในการใช้งานจากการทดสอบของ BitDefender ผู้ใช้งาน Social Networking จำนวนมาก ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ BitDefender ได้ทำการทดสอบผู้ใช้งานจำนวน มากกว่า 250000 E-mail Account พบว่า ทั้ง Usernames และ Passwords สามารถค้นหาได้งาน ทั้งทาง On-line, การ Post ข้อความ ตาม Blogs ต่างๆ, Torrent, และอื่นๆ

จากการสุ่มตัวอย่างจากข้อมูลที่ มี E-mail Address, Usernames และ Password พบว่า 87% สามารถเข้าใช้งาน E-mail Account ได้ นอกเหนือจากนี้ ยังพบว่า 75% ของผู้ใช้งาน ยังใช้ Usernames และ Passwords เดียวกับ การใช้งาน E-mail Account อีกด้วย

Sabina Datcu, BitDefender E-Threat Analyst และผู้จ้ดทำการวิจัย กล่าวว่า “การค้นพบข้อมูลสำคัญจำนวนมากจากการหาข้อมูลผ่าน Search Engine เป็นสิ่งที่น่าตกใจมาก ผลจากการทดสอบน่าจะทำให้ ผู้ใช้งานมีความระมัดระวังในการ ใช้ Passwords สำหรับ E-mail หรือ Social Network Account เหมือนกับการล๊อกประตูบ้าน”

การป้องกันภัยต่างๆเป็นสิ่งจำเป็น อย่างยิ่งโดยเริ่มจาก การโจรกรรมข้อมูล การใช้งาน E-mail Account หรือ Social Network ในการส่ง Spam และ Malware ต่างๆ หรือแม้กระทั้ง สิ่งที่สร้างปัญหาได้มากกว่านี้

Datcu ยังกล่าวอีกว่า “ถ้ามีคนเข้าไปใน Social Network เกมส์ของท่าน และขายของในเกมส์ที่ท่านสะสมมาจนหมด หรือมีการลงรูป อนาจาร โดยใช้ E-mail ของท่านเป็นผู้ส่ง หรือแม้กระทั่ง การนำ E-mail ไปใช้ในการติดต่อสำหรับการก่อการร้าย ดังนั้น การเลือก Usernames และ Passwords เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำโดยระมัดระวัง”

ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิจัยนี้ สามารถตรวจสอบได้จาก www.malwarecity.com ซึ่งเป็น Community สำหรับผู้ที่สนใจในการแก้ปัญหาไวรัส สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-982-3545 หรือ http://bitdefender.th.apnw.net

View :1877

ทรูไลฟ์พลัส โปรโมทแพ็กเกจใหม่ล่าสุด “ทรูไลฟ์ฟรีทูแอร์”

August 9th, 2010 No comments

ทรูไลฟ์พลัส เดินสายโปรโมทแบรนด์พร้อมแนะนำแพ็กเกจ เพียงเดือนละ 30 บาท ดูทีวีจุใจ 35 ช่องคุณภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง

“ทรูไลฟ์พลัส” ศูนย์รวมทุกความพิเศษของทุกบริการในกลุ่มทรู จัดกิจกรรมพิเศษ นำขบวนโดย ปอ- ทฤษฎี สหวงษ์ พรีเซนเตอร์ของแบรนด์

ทรูไลฟ์พลัส โปรโมทแพ็กเกจใหม่ล่าสุด “ทรูไลฟ์ฟรีทูแอร์” เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง ให้ดูทีวีคมชัด 35 ช่องคุณภาพ เพียง 30 บาทต่อเดือน สัมผัสสาระ ข่าวสาร และความบันเทิงเต็มอิ่มพิเศษ สำหรับลูกค้าทรูมูฟแบบรายเดือน คุ้มทั้งโทร ทั้งดู เพียงใช้บริการเดือนละ 149 บาท รับสิทธิพิเศษชมช่อง Panda เพิ่มฟรี และยังได้ดูช่องรายการพิเศษเพื่อความเพลิดเพลินในการรับชมเพิ่มขึ้นอีก 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 159 ชมภาพยนตร์นานาชาติ ไทย ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ช่อง 160 ที่นำซีรี่ส์ยอดนิยมมาจากทั่วเอเชียทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน และช่อง 161 ให้เชียร์กีฬาสุดโปรด โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ให้ชมการแข่งขันแบบสดๆ 18 คู่ต่อฤดูกาล และยังมีมวย เทนนิส และกีฬาอื่นๆ ให้ลุ้นติดขอบสนาม แค่เพียงใช้มือถือทรูมูฟส่ง SMS สั่งช่องเพิ่ม (ครั้งละ 3 บาท) รับชมรายการที่สั่งเพิ่มได้นานสุด 1 สัปดาห์ (ถึงวันอาทิตย์เที่ยงคืน)

View :1443

แคนนอน ปลุกกระแส พรินต์ออนดีมานด์ รุกออกผลิตภัณฑ์และบริการต่อยอดธุรกิจสิ่งพิมพ์

August 9th, 2010 No comments

และถ่ายภาพ ชี้ตลาดถึงจุดเปลี่ยน ต้องปรับตัวหลังเทคโนโลยีการพิมพ์เข้าสู่ยุดดิจิตอล

ตลาดเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลโต รับอานิสงค์เทคโนโลยีการพิมพ์เปลี่ยน พร้อมกระแส พรินต์ออนดีมานด์ () แรง จากนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายของภาครัฐและเอกชน แคนนอน สบช่องชิงความได้เปรียบโชว์เทคโนโลยีการพิมพ์ล่าสุด เร่งออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ พร้อมเน้นกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก หวังต่อยอดธุรกิจสิ่งพิมพ์และถ่ายภาพ

ร.อ.สุนทร ปัณฑรมงคล ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานบิสซิเนสอิมเมจจิ้ง โซลูชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์)จำกัด เปิดเผยถึงการเติบโตของตลาดเครื่องพิมพ์ดิจิตอลที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลถือว่ามีอัตราการเติบโตสูง เริ่มจากปี 2550 แคนนอน ได้ติดตั้งเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลคุณภาพสูงให้กับลูกค้าที่ประกอบการธุรกิจการพิมพ์และภาพถ่ายทั่วประเทศ โดยมีสัดส่วน 70% อยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และ อีก 30% ในต่างจังหวัด ซึ่งตลาดต่างจังหวัดถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ แคนนอน ได้ดำเนินการเปิดศูนย์ให้บริการเครื่องพิมพ์ดิจิตอลไว้รองรับกลุ่มลูกค้าในแต่ละภูมิภาค อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต และภาคตะวันออก เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลในต่างจังหวัด

สำหรับเป้าหมายในปี 2553 นั้น แคนนอน ได้ตั้งเป้าหมายทางการตลาดไว้สูงถึง 82 ล้านบาท โดยคาดว่าการขยายตัวของตลาดเครื่องพิมพ์ดิจิตอลจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 36% จากแรงสนับสนุนของเทคโนโลยีการพิมพ์ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การพิมพ์แบบดิจิตอลอย่างเต็มตัว ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจการพิมพ์และภาพถ่าย ต้องเร่งปรับเปลี่ยนและเพิ่มอุปกรณ์การพิมพ์ให้เป็นระบบดิจิตอล เพื่อรองรับงานพิมพ์สมัยใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวก ใช้ระยะเวลาการผลิตน้อย และประหยัดค่าใช้จ่ายในขบวนการพิมพ์ได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในองค์กรภาครัฐและเอกชนที่มีนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดมากขึ้น

นอกจากนั้น เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลยังสามารถตอบสนองต่อตลาด พรินต์ออนดีมานด์ (Print On Demand) ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากการดำเนินกลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (One to One Marketing) ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญอย่างมากในปัจจุบัน แต่มีความซับซ้อนด้านข้อมูล ทำให้การพิมพ์ระบบเดิมไม่สามารถตอบสนองได้ โดยตลาด พรินต์ออนดีมานด์ สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มพิมพ์เพื่อส่งมอบเฉพาะบุคคล (Personalized & one to one market) เช่น แผ่นพับ ใบปลิว ในการส่งเสริมการขายเฉพาะบุคคล (Trans Promo & One to one mailing ) โฟโต้บุ๊ค (Photo Book) สมุดภาพเฉพาะบุคคล กลุ่มพิมพ์จำนวนน้อย (Short Run & On Demand) เช่น นามบัตร บัตรอวยพร ใบปลิว แค๊ตตาล็อก หนังสือ กลุ่มพิมพ์ด้วยข้อมูลแปรเปลี่ยน (Transactional & Variable Data) เช่น ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน แผ่นพิมพ์ข้อมูลลูกค้าหรือสมาชิกของสถาบันการเงิน ศูนย์บัตรเครดิต บริษัทประกัน สาธารณูปโภค โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ กลุ่มพิมพ์บรรจุภัณฑ์และฉลาก (Packaging & Label) การพิมพ์บรรจุภัณฑ์และฉลากจำนวนน้อยหรือผลิตพิเศษเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นกลยุทธ์

การตลาดสมัยใหม่ เช่น ฉลากและบรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง สุรา ไวน์ อาหารเสริม และสินค้าพรีเมี่ยม โดยกลุ่มที่มี
อัตราการเติบโตและการแข่งขันที่รุนแรงสุด คือ กลุ่มพิมพ์เพื่อส่งมอบเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มภาพถ่าย เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ที่ทุกค่ายเน้น ประกอบกับความนิยมในงานพิมพ์แบบ โฟโต้บุ๊ค สมุดภาพเฉพาะบุคคล ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการสื่อสิ่งพิมพ์และผู้ประกอบการการถ่ายภาพ จำเป็นต้องมีเครื่องพิมพ์ดิจิตอลมารองรับตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับในแผนการตลาดของเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลนั้น ได้มีการวางแผนและกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกมากขึ้น ทั้งด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันให้กับคู่ค้า โดยล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ดิจิตอล รุ่น imageRUNNER ADVANCE C9065 PRO/ C9075 PRO ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการจัดการสีและมีคุณภาพงานพิมพ์ที่คมชัด ลดต้นทุนและบริหารจัดการระบบการพิมพ์ได้อย่างสะดวก ประหยัดพลังงาน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งมีการสร้างโชว์รูมเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล เพื่อเป็นต้นแบบของธุรกิจการพิมพ์และการถ่ายภาพรูปแบบใหม่

นอกจากนั้น แคนนอน ยังมีการในการพัฒนาธุรกิจและสนับสนุนการทำตลาดร่วมกับลูกค้า รวมถึงการทำสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ โดยล่าสุด แคนนอน ได้ร่วมกับ พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท สิบคน จำกัด ผู้พัฒนาซอฟแวร์โฟโต้บุ๊ค อิมเมจแก๊งค์ (Image Gang) จัดกิจกรรม โรดโชว์ (Road Show) เพื่อประชาสัมพันธ์ไปยังอาคารสำนักงานและมหาวิทยาลัยทั่วกรุงเทพ พร้อมสนับสนุนกิจกรรม U-League เพื่อประชาสัมพันธ์และผลักดันให้ โฟโตบุ๊ค เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างกระแสให้ โฟโต้บุ๊ก กลายเป็นหนึ่งในของขวัญ ของที่ระลึกรูปแบบใหม่ สำหรับคนพิเศษในโอกาสพิเศษต่างๆ อีกด้วย

View :1467
Categories: Press/Release Tags: ,

ฮัทช์จับมือ 4 พันธมิตรคอนเทนท์ ให้ลูกค้าดาวน์โหลดบริการ VDO และ Full Song ฟรี! ตลอดเดือนสิงหาคม

August 9th, 2010 No comments

ฮัทช์จับมือ 4 พันธมิตรคอนเทนท์บนโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ แกรมมี่ ชินนี่ ไอเอ็นเอ็น และ ทรีสตูดิโอ มอบข้อเสนอพิเศษสุดให้ลูกค้าฮัทช์ได้สนุกกับการดาวน์โหลดบริการ VDO และ ฟรีตลอดเดือนสิงหาคม 2553 นี้

ลูกค้าสามารถเข้าไปดาวน์โหลดบริการเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ต่างๆจาก แกรมมี่ วีดีโอ แพ็ค, แกรมมี่ ฟูลซอง ดาวน์โหลด, คลิปกรี๊ด, ซุบซิบดารา วีดีโอ, ดูดวงกับอาจารย์ต้อม, คลิปผี, เซ็กซี่ บุฟเฟ่ห์ วีดีโอ, เซ็กซี่ แอด โฟน วีดีโอ ได้ไม่อั้น โดยไม่เสียค่าบริการคอนเท้นต์แต่อย่างใด โดยลูกค้าจ่ายเพียงค่าบริการส่งผ่านข้อมูลแค่นาทีละ 1 บาทเท่านั้น และเมื่อใช้บริการครบ 1 เดือนลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะสมัครใช้บริการต่อหรือไม่ ถ้าใช้ต่อจะเสียค่าบริการรายเดือนเพียงบริการละ 39 บาทจากราคาปกติ 59 บาท ข้อเสนอสุดพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าฮัทช์เท่านั้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ VDO และ Full Song ดาวน์โหลด ได้ที่ Contact 1128 หรือเข้าที่เว็บไซต์ www..co.th/VAS

View :1362
Categories: Press/Release Tags: ,

i-Kool Real3G จับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมให้บริการจุดเติมเงินมือถือ i-Kool Real 3G

August 9th, 2010 No comments

คุณสุรช ล่ำซำ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้เช่าใช้โครงข่ายและทำตลาดในระบบมือถือ 3G บนเครือข่ายทีโอทีภายใต้แบรนด์ และคุณวีรเดช อัครผลพานิช ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคาน์เตอร์ เซอร์วิส จำกัด จับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมให้บริการจุดเติมเงินมือถือ i-Kool Real 3G เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการสามารถเติมเงินมือถือ ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

View :1291
Categories: Press/Release Tags:

เอชทีซี เอาใจลูกค้า ขนเพลงแกรมมี่ให้ดาวน์โหลดฟรี ผ่านบริการ MyHTC

August 7th, 2010 No comments

เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด จับมือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเพลงของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ฟรี 3 เดือน นับจากวันลงทะเบียน ผ่านบริการ กว่าหมื่น เพลงจาก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง GMemberMe Application ผ่าน หมวด Entertainment แล้วมาสนุกกับการดาวน์โหลดเพลงผ่านแอพพลิเคชัน ได้แล้ววันนี้ แค่เพียงคุณมีมือถือเอชทีซีแอนดรอยด์

บริการ MyHTC คือบริการใหม่ล่าสุด เอกสิทธิ์เฉพาะผู้ใช้เอชทีซีเท่านั้น สามารถเลือก 1) Chat & Share เราสามารถแช็ตกับเพื่อนแบบตัวต่อตัว หรือจะแช็ตแบบยกแก็ง 2) Library แหล่งรวมแอพพลิเคชั่นด้านการศึกษา หรือเพื่อเสริมความรู้ เช่น ดิกชันนารี อังกฤษ-ไทย-ไทย-อังกฤษ 3) Entertainment รวมเกมส์ต่างๆ ที่ฮิปๆ ไว้มากมาย พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดเพลงต่างๆ จากทางค่ายเพลงดัง โดยล่าสุด ได้เปิดให้บริการดาวน์โหลดจากค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้แล้ว ฟรี 4) News & Service รวมทุกการรับข่าวสารและบริการออนโมบาย เช่น การอัพเดทข่าวสั้น ข่าวฮอทไลน์ ได้ฟรี จาก ThaiShortNews โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายรายเดือน

ทั้งนี้ ผู้ใช้เอชทีซี แอนดรอยด์โฟนทุกรุ่น สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ http://myhtcsite.com/apk/ พร้อมอีเมล์เข้ามาขอ shop id ในการติดตั้งได้ที่ _care@.om และสำหรับผู้ใช้วินโดวส์ โฟน สามารถดาวน์โหลดและใช้บริการ MyHTC ได้ภายในเดือนสิงหาคม และแพลตฟอร์มบรูว์ ในเร็วๆ นี้

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.htcthailand.com หรือสอบถามได้ที่ HTC Call Center โทร. 02-640-3399

View :1328
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างกรอบนโยบาย ICT 2020

August 7th, 2010 No comments

นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ต่อร่างกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554 – 2563 ของประเทศไทย ( ) ว่า ปัจจุบันสถานภาพทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ที่ได้จากข้อมูลอ้างอิงของดัชนีหลักๆ ในระดับสากลที่นิยมใช้เป็นเครื่องวัดขีดความสามารถด้าน ICT ของประเทศนั้น แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีสถานภาพด้าน ICT ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย เช่น การจัดอันดับ The World Competitiveness Scoreboard ที่จัดทำโดย IMD ใน ปี 2010 ที่ประเมินคะแนนของแต่ละประเทศจากสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของภาครัฐ ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐานซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีด้วย พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 58 ประเทศ โดยอันดับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้า ขณะที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 1 จากเดิมที่ในปี 2009 อยู่ลำดับที่ 3 และมาเลเซียอันดับที่ 10 จากเดิมอันดับที่ 18

โดยในปี 2009 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีจุดอ่อนสำคัญในเรื่องโครงสร้างทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ซึ่งหากพิจารณาจากดัชนี Networked Readiness Index ที่ จัดทำในปี 2009 – 2010 อันเป็นตัวชี้วัดด้านความพร้อมใช้ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการพัฒนาและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศ ก็พบว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 47 จาก 133 ประเทศ ซึ่งเป็นอันดับเดียวกับปี 2008-2009 ขณะที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 2 ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ในอันดับที่ 4 เช่นเดียวกับมาเลเซียที่เลื่อนลำดับจากที่ 28 ในปี 2008-2009 มาเป็นอันดับที่ 27 ในปี 2009-2010 ส่วนด้านอุตสาหกรรม ICT ซึ่งพิจารณาจากดัชนี IT industry competitiveness ที่จัดทำโดย EIU ใน ปี 2009 พบว่า ไทยอยู่ในอันดับที่ 49 จาก 66 ประเทศที่มีการจัดอันดับ ขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 9 และ 42 ตามลำดับ ดัชนีตัวชี้วัดดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงสถานภาพการใช้ ICT ของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขปรับปรุงอีกมากพอสมควร

นอกจากนี้ในส่วนของประเทศไทย ยังพบว่าผลการสำรวจการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของไทยยังไม่เต็มศักยภาพเท่าที่ควร ซึ่งผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่ายังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยี ICT ที่ ยังไม่ทั่วถึงในภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในต่างจังหวัด ในภาคการศึกษา ที่ยังนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการเรียนการสอนน้อย รวมทั้งในภาคการเกษตร ที่แทบไม่มีการนำเอา ICT ไปใช้เพิ่มผลิตภาพผลิตผล ขณะที่ในภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กก็ยังมีการนำเอา ICT ไปใช้น้อย และในส่วนของอุตสาหกรรม ICT แม้ บางส่วนจะเริ่มมีการพัฒนาแต่ยังเป็นระยะเริ่มต้น ทั้งที่ ประเทศไทยมีความสามารถที่จะพัฒนาให้ได้ดีกว่านี้อีกมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการวิจัยพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ด้านการประยุกต์ใช้ ICT

“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ย้ำเตือนให้ตระหนักว่าการเร่งพัฒนา ICT ถือเป็นภารกิจจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกๆ ภาคส่วนไม่ว่ารัฐหรือเอกชนจะต้องร่วมมือกันพัฒนาขีดความสามารถด้าน ICT ของ ประเทศอย่างเร่งด่วน จริงจัง และต่อเนื่อง ซึ่งเป็นที่มาของการจัดทำกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ.2554-2563 หรือ ICT 2020 ฉบับนี้ ทั้งนี้ เป้าหมายของการพัฒนานั้นไม่ใช่เพียงเพื่อจะ ทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่อันดับที่ดีขึ้นทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านเท่า นั้น แต่ยังมีเป้าหมายหลักที่มุ่งเน้นเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้นของชาวไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยโดยมี ICT เป็นเครื่องมือ” นายวิบูลย์ทัต กล่าว

สำหรับ (ร่าง) กรอบนโยบาย ICT 2020 ฉบับนี้ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2553 โดยมีเนื้อหาหลักประกอบด้วยยุทธศาสตร์สำคัญที่ครอบคลุมบริบททางสังคมและ เศรษฐกิจของไทยในระยะอีก 10 ปีข้างหน้า รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับประเด็นใหม่ๆ ที่สอดรับกับกระแสและสภาวการณ์ของโลก เช่น ยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ ด้านอุตสาหกรรม ด้านสังคมการเมือง ด้านการศึกษา และด้านสุขภาพ รวมถึงการใช้จุดแข็งและโอกาสของประเทศไทยที่มีอยู่ให้ได้ผลดีมากที่สุดใน เชิงยุทธศาสตร์

อย่าง ไรก็ตาม (ร่าง) กรอบนโยบายนี้ ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ เนื่องจากต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาค ส่วนต่างๆ ด้วย ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ ขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อจะนำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะที่ได้มาปรับปรุงเพิ่มเติมในกรอบนโยบาย ICT 2020 แล้วจึงนำเสนอต่อคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อกรอบนโยบาย ICT 2020 เพื่อให้ทุกส่วนราชการได้ใช้เป็นกรอบแนวทางระยะยาวในการดำเนินการด้านการพัฒนา ICT ของประเทศต่อไป

“กระทรวงฯ หวังว่ายุทธศาสตร์และมาตรการในร่างกรอบนโยบายฉบับนี้ จะเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงมีความชัดเจน และสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เพื่อให้ส่งผลดีต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลกได้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการใช้กรอบนโยบายในปี พ.ศ.2563” นายวิบูลย์ทัต กล่าว

View :1888
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เร่งระดมความคิดเห็นร่างกรอบนโยบาย ICT 2020

August 7th, 2010 No comments

นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ “ร่างกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554 – 2563 ของประเทศไทย ( ) ” ณ ห้องจูปิเตอร์ 4 – 7 ชั้น 1 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สำหรับการประชุมฯ ครั้งนี้ จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ แล้วจึงนำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะที่ได้มาปรับปรุงเพิ่มเติมในกรอบนโยบาย ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ (กทสช.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อกรอบนโยบาย เพื่อให้ทุกส่วนราชการได้ใช้เป็นกรอบแนวทางระยะยาวในการดำเนินการด้านการพัฒนา ICT ของประเทศต่อไป

View :1615
Categories: Press/Release Tags: