Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

แอลจี ผนึก จีทีเอช เอาใจคอหนังวัยทีน ส่งมือถือ “LG LED Series” โชว์ความน่ารักสดใสใน “กวน มึน โฮ”

August 20th, 2010 No comments

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งมือถือ “” โชว์ความน่ารักสดใสใน “กวน มึน โฮ” ภาพยนตร์รักสไตล์กวนๆ เรื่องล่าสุดจากค่ายจีทีเอช พร้อมเปิดตัวกิจกรรมออนไลน์ในรูปแบบ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ (Interactive Trailer) ที่ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับภาพยนตร์ตัวอย่างได้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย

การนำเสนอมือถือ “LG LED Series” ในภาพยนตร์เรื่อง “กวน มึน โฮ” นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างแอลจีและจีทีเอช โดยจีทีเอชได้เล็งเห็นถึงจุดเด่นของมือถือ LG LED Series ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นน่ารักๆ และสีสันสดใสในสไตล์เคป๊อบ ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาของภาพยนตร์ ที่เป็นเรื่องราวการเดินทางของคนแปลกหน้าสองคนซึ่งบังเอิญมาพบกันที่ประเทศเกาหลี โดยมีคอนเซปต์หลักของเรื่องคือความเป็น ‘โฮแมนติก กวนมิดี้’ ที่มีทั้งรสชาติความสนุกสนาน และความซาบซึ้งกินใจ จึงได้ติดต่อมาทางแอลจีเพื่อนำมือถือรุ่นดังกล่าวไปใช้ประกอบในภาพยนตร์ ซึ่งจะช่วยให้เนื้อหาของเรื่องมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

สำหรับมือถือ LG LED Series ที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ LG GD580 Lollipop ซึ่งใช้เป็น มือถือของนางเอก และ LG GD350 Toffee ที่ใช้เป็นมือถือของพระเอก โดยนอกจากผู้ชมจะได้เห็นมือถือทั้ง 2 รุ่นปรากฎอยู่ในฉากที่มีการพูดคุยโทรศัพท์แล้ว ยังมีการนำเสนอฟีเจอร์เด่นๆ ของ LG Lollipop ในอีกหลายๆ ฉาก เช่น การใช้กล้องหน้าของมือถือทำ วีดีโอ คอล แบบ 3 จี และการใช้ฟังก์ชั่นสร้างสรรค์ภาพกราฟฟิคบนจอ LED เพื่อสื่อสารแทนคำพูด

นายสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือกับจีทีเอชในครั้งนี้ว่า “แอลจีเป็นผู้ผลิตมือถือที่ให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่ผู้ใช้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะมือถือฝาพับของแอลจีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทางจีทีเอชนึกถึงแอลจีเป็นอันดับแรก การนำเสนอ LG LED Series ในภาพยนตร์เรื่องกวน มึน โฮ จะช่วยให้ผู้บริโภคจะได้สัมผัสกับมือถือแอลจีในรูปแบบของภาพยนตร์ ซึ่งนับเป็นมูฟวี่มาร์เก็ตติ้งที่ยังไม่มีผู้ผลิตมือถือรายใดเคยทำมาก่อนในประเทศไทย”

สำหรับมือถือในกลุ่ม LG LED Series ประกอบด้วย LG GD350 Toffee, LG GD580 Lollipop และ LG KF350 Ice Cream โดยทั้ง 3 รุ่นมีจุดเด่นคือสีสันที่สดใส และจอ LED บริเวณฝาพับด้านหน้า รวมทั้งฟังก์ชั่นที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งชื่นชอบแฟชั่นและความสนุกสนาน โดยเฉพาะ LG GD350 Toffee นับเป็นมือถือรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมดีไซน์ฝาพับและลูกเล่นหน้าจอ LED ที่สามารถสร้างสรรค์ภาพเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ พร้อมหน้าจอขนาด 2 นิ้ว กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล และการรองรับหน่วยความจำภายนอก 2 กิกะบิต ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ซึ่งนับเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ LG GD580 Lollipop ที่ได้การตอบรับจากกลุ่มวัยรุ่นจนมียอดขายอย่างท้วมท้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ แอลจีได้เตรียมกิจกรรมสื่อสารการตลาดในรูปแบบของ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งผู้ชมจะได้รับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จักในระหว่างชมภาพยนตร์ตัวอย่าง ผ่านทางเว็บไซต์ของแอลจี โดยมีขั้นตอนการเข้าร่วมกิจกรรม ดังนี้
1. เข้าสู่เว็บไซต์ http://www.lg.com/th/lollipop/
2. กรอกรายละเอียดต่างๆ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ
3. เข้าสู่หน้าภาพยนตร์ตัวอย่าง โดยเมื่อถึงฉากที่พระเอกของเรื่องใช้มือถือ LG Lollipop โทรหา แฟนเก่า ผู้ชมจะได้รับสายเรียกเข้าจากบุคคลแปลกหน้า และเมื่อรับสายก็จะต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายกวนๆ ในแบบฉบับของภาพยนตร์กวน มึน โฮ พูดขึ้นว่า “ชื่ออะไรน่ะ ยินดีที่ไม่รู้จักครับ” (เฉพาะ 150 ท่านแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละวัน)

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกที่หน้า LG Facebook Fanpage โดยผู้เข้าชมสามารถนำภาพใบหน้าของตนไปใส่ไว้ในโปสเตอร์ภาพยนตร์ กวน มึน โฮ ซึ่งเข้ากับคอนเซปต์การโปรโมทของทางค่ายจีทีเอช และยังตั้งฉายาให้กับตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการตอบคำถาม 6 ข้อ จากนั้นระบบจะเลือกฉายากวนๆ ให้โดยอัตโนมัติ โปสเตอร์ดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้เป็นรูปภาพในโพรไฟล์ของเฟซบุค เพื่อแบ่งปันให้เพื่อนๆ มาร่วมขำกันได้อีกด้วย

นายณัฐวัชร์ ศิริวงศ์ศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากความสำเร็จของแคมเปญออนไลน์ LG Lollipop Love Story ซึ่งนับเป็นแคมเปญเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Silver PR Lions จากเมืองคานส์ แอลจีได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สู่ผู้บริโภคอีกครั้ง ด้วยการนำเสนอ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะถูกใจกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแปลกใหม่ และจะช่วยเพิ่มความรับรู้ รวมทั้งเชื่อมโยงให้เกิดความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม LG LED Series ได้อย่างแน่นอน”

###
เกี่ยวกับ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ในประเทศไทย
บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์ แอลจี โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นสู่ความเป็นแบรนด์ชั้นนำของเมืองไทยที่จะเติมเต็มชีวิตของผู้บริโภคชาวไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก โดยในประเทศไทยนั้น ประกอบไปด้วย 5 หน่วยธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ความบันเทิงภายในบ้าน ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ธุรกิจเครื่องปรับอากาศ และโซลูชั่นทางธุรกิจ นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยีและคุณภาพที่วางใจได้แล้ว แอลจียังมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบที่น่าสนใจและหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับสโลแกน “Life’s Good”

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอลจี ประเทศไทย ได้ที่ www.lg.com/th

View :1486
Categories: Press/Release Tags:

เอชทีซี เปิดตัว HTC Wildfire

August 20th, 2010 No comments

เกาะติดกับเพื่อนมากขึ้นให้สมกับความเป็นคนรักเพื่อนด้วย
แบ่งปันแอพพลิเคชัน เรียกดูรายการอัพเดตใหม่ๆ
และสัมผัสกับสุดยอดแพลตฟอร์มเพื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างแท้จริงจากเอชทีซี

กรุงเทพฯ – 19 สิงหาคม 2553 – เอชทีซี คอร์ปอเรชัน ผู้ออกแบบสมาร์ทโฟนระดับโลก เปิดตัว HTC WildfireTM สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตระกูลแอนดรอยด์ที่มาพร้อมกับ HTC Sense ซึ่งผสานรวมโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กส์ยอดนิยมให้คุณได้ใกล้ชิดกับเพื่อนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ HTC Wildfire ถือเป็นพัฒนาการต่อเนื่องมาจาก HTC Desire ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้ และถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้กลุ่มวัยรุ่นได้สัมผัสกับประสบการณ์ในแบบ HTC Sense ได้ง่ายยิ่งขึ้น

“โลกของโซเชียลเน็ตเวิร์กทุกวันนี้กลายเป็นศูนย์รวมแห่งมิตรภาพของผู้คนทั่วโลกมากกว่า 500 ล้านคน* ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้คนวัยหนุ่มสาวที่แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตระหว่างกันในหมู่เพื่อนผ่านเฟซบุ๊ค” แจ็ค ถง รองประธานของ เอชทีซี เอเชียแปซิฟิค กล่าว และเสริมว่า “HTC Wildfire ช่วยนำประสบการณ์แบบ HTC Sense มาสู่ผู้ใช้กลุ่มนี้เป็นครั้งแรก ให้ความสะดวกในการสื่อสารทุกรูปแบบผ่านบริการหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เอสเอ็มเอส อีเมล์ หรือการส่งรูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ติดตามการสนทนาในทุกรูปแบบในกลุ่มเพื่อนได้อย่างใกล้ชิด”

HTC Wildfire ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับคนสำคัญของคุณได้ผ่าน HTC Sense ที่ออกแบบมาโดยยึดประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยมีแอพพลิเคชัน FriendStream ที่ให้คุณสามารถอัพเดทกับเพื่อนๆในโซเชียลเน็ตเวิร์กส์ยอดนิยม ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และฟลิคเกอร์ ได้พร้อมกันภายในคลิกเดียว ทุกการอัพเดทของเพื่อนจะรวมอยู่ในหน้าเดียวเพื่อให้คุณเกาะติดกับเพื่อนได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ HTC Wildfire ยังช่วยให้คุณติดตามข้อความและรูปภาพจากโพสต์หรือคอมเมนต์ของเพื่อนคนสนิทได้จากทุกสถานที่ด้วย

ที่สำคัญรายละเอียดของเพื่อนแต่ละคนที่ถูกเก็บบันทึกเอาไว้ในสมุดโทรศัพท์บน HTC Wildfire ยังสามารถแสดงการสนทนาที่ผ่านมาระหว่างกันได้อย่างครบถ้วน เช่น การพูดคุยโทรศัพท์ครั้งล่าสุด ข้อความหรืออีเมล์ที่ส่งหากัน รวมไปถึงรายการอัพเดตต่างๆ บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก และเมื่อมีสายเรียกเข้าจากเพื่อนคนสนิท ฟังก์ชัน HTC Caller ID ก็พร้อมแสดงรูปภาพจากหน้าโปรไฟล์บนเฟซบุ๊ค และรายละเอียดการอัพเดตครั้งล่าสุด หรือแม้แต่การแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงวันเกิดของบุคคลที่โทรเข้ามา

และด้วยวิดเจ็ต (widget) ตัวใหม่สำหรับแชร์แอพพลิเคชัน ทำให้ HTC Wildfire ช่วยให้คุณสามารถแนะนำแอพพลิเคชันให้แก่เพื่อนๆ ได้ทั้งทางอีเมล์ ข้อความสั้น หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กส์ โดยเพื่อนของคุณจะได้รับลิงก์ที่เชื่อมตรงไปยังแอพพลิเคชันบนแอนดรอยด์มาร์เก็ต และสามารถดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งบนโทรศัพท์ได้ด้วยการคลิ้กเพียงครั้งเดียว

แจ็ค ถง ยังกล่าวต่อด้วยว่า “เราเข้าใจอย่างดีว่าผู้ใช้ต้องการแนวทางในการเลือกสรรแอพพลิเคชันที่มีจำนวนกว่าแสนรายการบนแอนดรอยด์มาร์เก็ต จากการสำรวจของเราพบว่า ผู้ใช้ทั่วไปนั้นนั้นไม่เพียงแค่ต้องการเข้าถึงแอพพลิเคชันยอดนิยมหรือแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่ใช้งานกันในหมู่เพื่อนเท่านั้น แต่ยังต้องการวิธีการที่ง่ายกว่าในการค้นหาและดาวน์โหลดแอพพลิเคชันต่างๆ ด้วย และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่คุณสามารถแนะนำแอพพลิเคชันใหม่ล่าสุดที่น่าใช้งานให้แก่เพื่อนหรือกลุ่มเพื่อนสนิทด้วย HTC Wildfire และจะได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกสรรแอพพลิเคชันจำนวนมากที่พร้อมถูกส่งต่อให้เพื่อนของคุณได้อย่างง่ายดาย”

ด้วยเทคโนโลยีบนสมาร์ทโฟนชั้นเยี่ยมของเอชทีซี ทำให้การเรียกดูหรือแบ่งปันรูปภาพบนฟลิคเกอร์ และการท่องเว็บบนอินเทอร์เน็ต เป็นไปได้อย่างสะดวกบนหน้าจอสัมผัสแบบคาพาซิทีฟขนาด 3.2 นิ้ว พร้อมด้วยกล้องดิจิตอลระดับ 5 ล้านพิกเซลและแฟลชแบบแอลอีดีในตัว ที่ช่วยให้การบันทึกภาพวินาทีสำคัญเป็นไปได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งยังมีช่องสำหรับต่อสายออดิโอ 3.5 มม. และสล็อตสำหรับใส่เอสดีการ์ด เพื่อให้คุณไม่พลาดเพลงโปรดในทุกเวลาที่ต้องการ

โตโน่แบรนด์แอมบาสเดอร์ HTC คนแรก เจาะกลุ่มคนรักเพื่อนอย่าง HTC Wildfire โดยเฉพาะ
พร้อมกันนี้เอชทีซี พร้อมประกาศเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกในไทย โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หนุ่มมาดร็อค จากเวทีเดอะสตาร์ 6 ที่กำลังร้อนเเรงอยู่ในขณะนี้ โดยเอชทีซีเลือกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์สำหรับรุ่น HTC Wildfire ซึ่งโตโน่จะเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มองโลกในแง่ดี ชอบที่จะแบ่งปันความสนุกสนานให้กับเพื่อนตามสไตล์คนรักเพื่อน และที่สำคัญคือมีไลฟ์สไตล์เกาะติดสังคมออนไลน์ พร้อมอัพเดทชีวิตของคนใกล้ชิดเพียงนิ้วสัมผัส

หมายเหตุ: * ที่มา: www.facebook.com/press/info.php?statistics โปรดติดต่อสอบถามหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

ราคาและกำหนดการจำหน่าย
HTC Wildfire รุ่นใหม่ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ สนนราคาที่ 11,500 บาท * (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
* ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์มือถือแต่ละราย

View :1524
Categories: Press/Release Tags:

เอไอเอส จับมือ จีทีเอช เอาใจแฟนหนังเปิดช่อง “GTH Portal” เสิร์ฟความบันเทิงถึงมือถือ

August 20th, 2010 No comments

เอไอเอส โดยนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม ร่วมกับ ค่ายหนังดัง จีทีเอช โดยนายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด เอาใจลูกค้าเอไอเอสคอหนังจีทีเอช เปิดช่อง “” (จีทีเอช พอร์ทัล) เสิร์ฟความบันเทิงถึงมือแฟนคลับ ให้อัพเดทข่าวสารของค่ายหนัง และดาวน์โหลดคอนเทนต์ของหนังยอดฮิตและหนังเข้าใหม่ฟรี! ล่าสุดกับเรื่อง “กวน มึน โฮ” ทั้งภาพวอลเปเปอร์, เพลง, อ่านเรื่องย่อ, ดูตัวอย่างหนัง, เช็ครอบหนัง, จองและซื้อตั๋วหนังผ่าน mPAY ได้เลย พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลุ้นชิงของที่ระลึกจากภาพยนตร์เรื่องโปรดที่หาที่ไหนไม่ได้ โดยลูกค้าเข้าไปร่วมสนุกกับ “จีทีเอช พอร์ทัล” ได้ง่ายๆ เพียงกด *900*484# แล้วโทรออก (ฟรี) รอรับลิงค์เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่หน้าจีทีเอช พอร์ทัล ได้โดยตรง

View :1433
Categories: Press/Release Tags:

แอลจี เปิดตัวจอมอนิเตอร์ LG E60 Series

August 20th, 2010 No comments

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ใหม่ ผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์หลากรุ่นที่มาพร้อมดีไซน์หรูล้ำสมัย ผสานที่สุดแห่งเทคโนโลยีหลอดภาพแอลอีดี เพื่อนำคุณสู่มิติใหม่แห่งความบันเทิง ด้วยภาพคมชัดสีสันสวยสมจริงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

แอลจีตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์แอลอีดี ด้วยการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ LG E60 Series ที่ฉีกกฎการดีไซน์แบบเดิมๆ ด้วยจอไร้ขอบขนาดบางเฉียบซึ่งโดดเด่นในทุกมุมมอง และเข้ากับทุกสไตล์การตกแต่งทั้งภายในบ้านและที่ทำงาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระดับพรีเมี่ยม

LG E60 Series มาพร้อมนวัตกรรมแห่งการออกแบบ ด้วยจอบางเฉียบเพียง 12.9 มิลลิเมตร พร้อมดีไซน์ ไร้ขอบสะท้อนความเพรียวบางล้ำสมัย นอกจากนี้ยังเติมเต็มความหรูหราด้วยขาตั้งคริสตัลโปร่งใสแวววาว ในรูปทรงโฉบเฉี่ยวอย่างมีสไตล์ ซึ่งติดตั้งไฟสีฟ้าไว้ภายในและสามารถเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน LG E60 Series จึงเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาจอมอนิเตอร์แอลอีดี เพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับทุกห้องได้อย่างลงตัว

นอกเหนือจากดีไซน์อันโดดเด่นแล้ว LG E60 Series ยังมาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน ซึ่งตอกย้ำความเป็นผลิตภัณฑ์ในระดับพรีเมี่ยม ให้รายละเอียดภาพที่คมชัดและสีสันสวยสดใสยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยีหลอดภาพแอลอีดี ที่ให้อัตราความเข้มของแสงแบบ Mega Contrast Ratio จึงสามารถรับชมภาพในระดับ Full HD ได้อย่างสมจริงในทุกมุมมอง นอกจากนี้ยังใช้งานได้ง่ายด้วยฟังก์ชั่น EZ Control OSD ที่มีระบบปรับสัดส่วน

ภาพอัตโนมัติสำหรับการชมภาพยนตร์ และเพิ่มลูกเล่นการปรับแต่งภาพถ่ายได้อย่างหลากหลาย พร้อมอัตราตอบสนองที่รวดเร็วเพียง 5 วินาที จึงช่วยลดการเกิดเงาเบลอหลังภาพ ที่สำคัญยังรองรับพอร์ตการเชื่อมต่ออย่างครบครัน เพื่อความสะดวกในการรับชมคอนเทนท์ทั้ง VGA และ DVI-D โดยในรุ่น E2260V และ E2360V ยังรองรับ HDMI อีกด้วย

LG E60 Series ยังพัฒนาขึ้นภายใต้ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมของแอลจี จึงมาพร้อมฟีเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้พลังงานที่ลดลงถึง 45% เมื่อเทียบกับจอแอลซีดี และการลดใช้ส่วนประกอบที่เป็นสารพิษ อาทิ ฮาโลเจน และตะกั่ว เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ใช้

LG E60 Series พร้อมตอบโจทย์การใช้งานด้วยเทคโนโลยีแอลอีดี และที่สุดแห่งฟังก์ชั่นและดีไซน์ วางจำหน่ายแล้วในขนาด 20, 21.5 และ 23 นิ้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 4,490 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลแอลจี โทร. 02-878-5757 หรือ www.lg.com/th

View :1895
Categories: Press/Release Tags:

เตือนการใช้วอยเมลบ๊อค วางสายช้าจะถูกคิดค่าบริการ

August 16th, 2010 No comments

เตือน ผู้บริโภคใช้ แจงแต่ละเครือข่ายหน่วงเวลาให้ 6 วินาทีตัดสินใจ ดังนั้นหากไม่ฝากข้อความให้รีบวางสายมิฉะนั้นจะถูกคิดค่าบริการ

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ในบริการเสริมต่างๆของโทรศัพท์มือถือ จะมีการให้บริการรับฝากข้อความเสียง หรือ voice mail box รวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้บริโภคจำนวนหนึ่งก็หันมาใช้บริการเพื่อไม่ให้พลาดการติดต่อในกรณีที่ผู้โทรเข้าแล้วโทรไม่ติด เนื่องจาก คู่สายปิดเครื่องหรืออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ เลขหมายปลายทางไม่ว่างรับสาย หรือถูกตัดสายทิ้ง บริการเสริมประเภทนี้ผู้ให้บริการแต่ละรายมีเงื่อนไขการให้บริการที่แตกต่างกันไป ผู้บริโภคควรทำความเข้าใจ หรือศึกษาให้ชัดเจน

ผอ.สบท.กล่าวว่า ค่าบริการที่เกิดขึ้นในการฝากข้อความเสียงเกิดได้ทั้งจากผู้โทรเข้าและผู้รับสาย ในกรณีไม่สามารถติดต่อได้ เครื่องของผู้รับจะตัดเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความ ซึ่งจากการตรวจสอบ สำหรับโทรศัพท์มือถือ จะมีการหน่วงเวลาให้ผู้โทรเข้าประมาณ 6 วินาที เพื่อให้วางสายก่อนหากไม่ต้องการฝากข้อความ หากเลยจากนั้นจะถูกคิดค่าบริการ โดยของบริษัทดีแทคเป็นเช่นนั้นอยู่ ส่วนของบริษัท ทรูมูฟ จะเริ่มในวันที่ 14 กรกฏาคมที่ผ่านมาจะหน่วงเวลาให้ผู้ใช้บริการ 6 วินาที แต่มีบริการของบริษัทเอไอเอส ที่จะคิดค่าบริการหลังจบประโยคว่า กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ

“โดยปกติถ้าโทรไม่ติด เครื่องจะตัดเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความ แล้วจะมีประโยคว่า ท่านกำลังเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความของ 08xxxxx กรุณาฝากข้อความของท่านหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณ …….. ซึ่งหากผู้โทรเข้าไม่ต้องการฝากข้อความจะต้องวางสายไปภายใน 5-6 วินาที มิฉะนั้นจะถูกคิดเงินทันทีตามโปรโมชั่นที่ผู้โทรเข้าใช้บริการอยู่ “ ผอ.สบท.กล่าว

สำหรับผู้รับสาย จะถูกคิดค่าบริการเมื่อต้องการฟังเสียงข้อความที่ฝากไว้โดยโทรไปตรวจสอบที่ กล่องรับฝากข้อความเสียงของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการตามโปรโมชั่นที่ใช้บริการอยู่ มีเพียงของ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ที่คิดแตกต่างคือ สำหรับลูกค้าระบบเติมเงินจะคิดค่าบริการนาทีละ 4 บาท โดยคิดค่าบริการเป็นวินาที ส่วนลูกค้าระบบรายเดือนจะคิดค่าบริการนาทีละ 3 บาทโดยคิดค่าบริการเป็นวินาทีเช่นกัน

View :1568

ก.ไอซีทีเสนอคณะรัฐมนตรีขอมติหน่วยงานไทยร่วมสนับสนุนการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหาร ITU

August 16th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยว่า ได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้กระทรวงต่างๆ ของไทยได้พิจารณาหยิบยกประเด็นการสมัครรับเลือกตั้งของประเทศไทย ในตำแหน่งสมาชิกสภาบริหาร (Council) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ( International Telecommunication Union หรือ ) เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่างๆ ในโอกาสที่มีผู้แทนระดับสูงหรือเอกอัครราชทูตจากประเทศสมาชิก เข้าพบผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานไทย หรือในโอกาสที่ผู้บริหารระดับสูงของไทยเดินทางไปราชการต่างประเทศ และมีโอกาสพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศสมาชิก

“เนื่องจากการเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของ ITU ในครั้งนี้ มีการแข่งขันสูงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มามาก ซึ่งเห็นได้จากจำนวนประเทศที่ลงสมัครในครั้งนี้มีมากขึ้น และประเทศต่างๆ ได้ใช้รูปแบบการหาเสียงและแลกเสียงข้ามสาขา และกระจายไปในองค์การระหว่างประเทศต่างๆ โดยในส่วนของภูมิภาคเอเชียและออสตราเลเซีย ซึ่งมีจำนวนที่นั่ง 12 ที่นั่ง ขณะที่มีประเทศที่ลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวนถึง 17 ประเทศ กระทรวงฯ จึงเห็นสมควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขอให้ทุกหน่วยงานของประเทศไทยร่วมสนับ สนุน” นายจุติ กล่าว

การเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของ ITU กำหนดจะมีขึ้นในระหว่างการประชุมใหญ่ผู้มีอำนาจเต็ม ( ITU Plenipotentiary Conference) ค.ศ. 2010 หรือ PP- 10 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ เมืองฮัวดาลาฮารา ( Guadalajara) ประเทศเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 4-22 ตุลาคม 2553 ทั้งนี้ ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ให้ประเทศไทยโดยกระทรวงไอซีทีสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหาร ของ ITU วาระ ค.ศ. 2010 – 2014 และได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของ ITU ในการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งของประเทศไทย กระทรวงไอซีทีและกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกันดำเนินการขอเสียง/แลกเสียง ของไทยกับประเทศสมาชิก ITU ในหลายๆ ช่องทาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิก ITU ประจำประเทศไทยเพื่อขอรับการสนับสนุน และยังได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สถานเอกอัครราชทูตของไทยประจำประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพ ITU เพื่อพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการขอเสียงการสมัครรับเลือกตั้งของไทยอีก ด้วย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีก็ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีด้านโทรคมนาคม/ ICT ของประเทศสมาชิก ITU เพื่อขอเสียง/แลกเสียงด้วย

ขณะเดียวกัน กระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ ITU และเตรียมท่าทีของไทยเพื่อแสดงบทบาทของประเทศไทยในเวทีการประชุมระหว่างประเทศต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยได้แต่งตั้ง “ คณะกรรมการเตรียมการสำหรับการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ.2010 ” ซึ่งมีปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธานกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ร่วมเป็นกรรมการ รวมทั้งได้อนุมัติให้ดำเนิน “โครงการการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งซ้ำเป็นสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทร คมนาคมระหว่างประเทศ ปี ค.ศ. 2010” โดยจัดทำเอกสารแผ่นพับหาเสียง รวมถึงของที่ระลึกสำหรับหัวหน้าคณะผู้แทน รองหัวหน้าคณะผู้แทน และผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม PP- 10

ITU เป็นทบวงการชำนัญพิเศษภายใต้สหประชาชาติ ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกจำนวน 191 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และมีสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สำหรับสภาบริหาร ITU ประกอบด้วยประเทศสมาชิกจำนวน 46 ประเทศ ประเทศละ 1 ที่นั่ง ซึ่งมีการแบ่งสัดส่วนในการคัดเลือกออกเป็น 5 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกา 8 ที่นั่ง ยุโรปตะวันตก 8 ที่นั่ง ยุโรปตะวันออก 5 ที่นั่ง แอฟริกา 13 ที่นั่ง และเอเชียและออสตราเลเซีย 12 ที่นั่ง มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี โดยมีหน้าที่พิจารณากำหนดนโยบายและวางแผนงานด้านโทรคมนาคม รวมถึงการบริหารงานของ ITU ให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของกิจการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ รวมทั้งประสานงานในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของ ITU , ควบคุมดูแลและบริหารการเงิน รวมถึงทรัพยากรบุคคล ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้แก่ประเทศสมาชิกในการบังคับใช้ข้อกำหนดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในธรรมนูญ อนุสัญญา และระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของ ITU ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารครั้งแรกในการประชุมใหญ่ผู้แทน ผู้มีอำนาจเต็ม พ.ศ. 2516 และได้รับการเลือกตั้งซ้ำเป็นสมาชิกสภาบริหารอีก 7 สมัยติดต่อกัน ทำให้ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ ตลอดจนการบริหารและแก้ไขปัญหาสำคัญของ ITU มาโดยลำดับ อันเป็นเกียรติแก่ประเทศไทยที่ประเทศสมาชิกอื่นๆ ให้การยอมรับ การปฏิบัติเช่นนี้ได้เอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยในการวางแผนงานการ พัฒนาและการปรับปรุงกิจการโทรคมนาคมของไทยให้ก้าวหน้าและทันสมัยจนอยู่ใน ระดับมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

View :1430

ดีแทคปรับราคาแบล็คเบอรี่ใหม่พิเศษต่ำสุดๆ เอาใจลูกค้าสมาร์ทโฟน

August 16th, 2010 No comments

ดีแทคปรับราคาใหม่ต่ำสุดเพื่อจำหน่ายแบล็คเบอรี่ทั้ง 2 รุ่น โดย Curve 8520 ราคาเพียง 8,900 บาท ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจ) และ Bold 9700 ราคาเพียง 15,900 บาท ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจ) พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน และฟรีบริการ Internet UNLIMIT นาน 4 เดือนจากปกติเดือนละ 650 บาท รวมมูลค่ากว่า 2,600 บาท เริ่ม 12 สิงหาคม – 30 กันยายนนี้เท่านั้น วางจำหน่ายที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคทุกสาขา (ยกเว้น สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสาขาอาคารเบญจจินดา) ดีแทค เซ็นเตอร์ (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ) บูธส่งเสริมการขาย ร้าน TGFone และ Jay Mart ทุกสาขา ร้าน i-mobile , Blisstel และ IEC เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการและสามารถตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมและช่องทางการสมัครได้ที่โทร 1678 call center.

View :1595
Categories: Press/Release Tags: ,

SMT- สตาร์ส ไมโครฯ เติบโตเกินคาด ไตรมาส2 ทำกำไรเพิ่ม 94%

August 11th, 2010 No comments

ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับไฮเอ็นด์ของไทย
ยังรักษาสถิติการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ประกาศกำไรปกติไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 94% หลังคว้าลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น 2 ราย และออร์เดอร์สินค้าหลักล้นทะลักยาวถึงสิ้นปี

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง SMT หรือ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจรรายเดียวของประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปีนี้ เปิดเผยว่า SMT มีกำไรกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2553 เป็นเงิน 129.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาส 2 ปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 95.74 ล้านบาท (และเพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาส 1 ปี 2553 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 102.25 ล้านบาท) ในขณะที่รายได้รวมในไตรมาสนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 48% เป็น 3,590 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,420.15 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552

“บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 94% ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นกว่า 44% จากไตรมาส 1 ปีนี้ ทำให้สำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้ SMT มีกำไรปกติเพิ่มขึ้น 117.5% เป็น 204.40 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 101% เป็น 231.40 ล้านบาทตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว และมีอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ในช่วง 6 เดือนแรกถึง 0.62 บาท เพิ่มขึ้นประมาณ 50% กว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.41 บาทต่อหุ้น ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างสูงและต่อเนื่องของบริษัท และช่วยให้บริษัท มีโครงสร้างการเงินที่แข็งแกร่งกว่าเดิม โดยมีอัตราผลตอบแทนในส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ในไตรมาส 2 ที่คาดว่าสูงที่สุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คือ 28.10% (เพิ่มขึ้นจาก 15.72%ในปี 2552) และมีอัตราส่วนหนี้สินที่เสียดอกเบี้ย

ต่อทุน (Net Gearing Ratio) ลดลงเหลือเพียง 0.68 เท่าจากเดิม 1.1 เท่าและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ลดลงเหลือเพียง 1.43 เท่า จากเดิม 2.84 เท่า และมีวงเงินกู้ระยะสั้นที่ยังไม่ได้เรียกใช้กว่า 1,500 ล้านบาท

“ในไตรมาส 2 นี้ นอกจาก SMT ได้เร่งเพิ่มปริมาณการผลิตสินค้ากลุ่ม Blue Ocean หรือ สินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และมีคู่แข่งในตลาดโลกน้อย อาทิ ทัชสกรีน สำหรับสมาร์ทโฟน และเซ็นเซอร์อัจฉริยะวัดระดับลมยางรถยนต์’ TPMS แล้ว บริษัทยังได้เริ่มผลิต โมดุลสำหรับ เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ขนาดพกพาที่ใช้เลเซอร์เทคโนโลยี แห่งเดียวของโลก ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่บริษัทพัฒนาการผลิตร่วมกับลูกค้ามากว่า 2 ปีและกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดโลกทำให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ในงวด 6 เดือนแรกนี้ของบริษัท เพิ่มขึ้นประมาณ 101% จากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากการที่บริษัทใช้กลยุทธ์ 3 Highs คือ 1. High-Tech 2. High-Growth 3.High Profits ที่มุ่งเน้นสินค้าระดับไฮเท็ค ที่มีกำไรสูงและเติบโตเร็ว”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 2 บริษัทคือ ลูกค้า MMAและ IC ที่ให้ SMT เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ป้อนให้ลูกค้าปลายทางในกลุ่ม สมาร์ทโฟน และในกลุ่มสินค้าชื่อดังอาทิ LED TV, PDA, iPad, iPod, iPhone โดยบริษัทได้เริ่มผลิตสินค้าให้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และในขณะนี้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกกำลังอยู่ในช่วงการเติบโตรอบใหม่ ซึ่งปกติจะขยายตัวติดต่อกัน 4-5 ปี บริษัทฯจึงคาดว่าจะส่งผลสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี

“SMT จึงได้ประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายผลประกอบการสำหรับปี 2553 นี้อีกครั้งเป็นเติบโต 80% จากเดิมที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วเป็นเติบโตกว่า 60% จากการเติบโต 40% ในไตรมาส 2 เนื่องจากทั้งรายได้รวมและกำไรสุทธิมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าและต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่มคือ 1. ชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (MMA หรือ Microelectronics Module Assembly) และ 2. ไอซีชิพหรือแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC หรือ Integrated Circuit) โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม บลูโอเชียน ที่มีผลิตภัณฑ์หลักที่เติบโตสูงสุดได้แก่ 1. ระบบทัช สกรีนสำหรับสมาร์ทโฟน 2. ‘เซ็นเซอร์อัจฉริยะวัดระดับลมยาง’ TPMS หรือ Tire Pressure Monitoring System Sensors

3. โมดุลสำหรับ เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ขนาดพกพาที่ใช้เลเซอร์เทคโนโลยี (Laser Projector Modules) ซึ่ง SMT จะได้รับประโยชน์โดยตรงเพราะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับ Prime Source (หรือผู้ผลิตชิ้นส่วนรายหลักของอุตสาหกรรมโลก) ให้กับทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์โดยลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นแบรนด์ผู้นำอันดับ 1 ของโลก และแบรนด์ระดับโลกอื่นๆอีกหลายแบรนด์ที่มียอดขายเติบโตอย่างสูงและต่อเนื่องทั่วโลก ไม่จำกัดเพียงสหรัฐอเมริกา หรือยุโรป โดยเฉพาะในเอเซียมีการเติบโตสูงมากเช่นกัน”

สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ได้ขยายกำลังการผลิตทั้ง สายงานไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (MMA) และวงจรไฟฟ้ารวม (IC) เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้เป็น 100,000,000 ชิ้นต่อปีและ 1,200,000,000 ชิ้นต่อปีตามลำดับ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30% และ 70% จากปีที่แล้ว ด้วยงบลงทุนทั้งหมดกว่า 400 ล้านบาทในปีนี้ โดยใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงาน โดยขณะนี้บริษัทกำลังมุ่งผลิตทั้งชิ้นส่วน IC หรือแผงวงจรไฟฟ้ารวมและ ระบบทัชสกรีนของสมาร์ทโฟน สำหรับลูกค้าหลักแบรนด์อันดับต้นๆ ของโลก ที่มีปริมาณออเดอร์เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ และสำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟนระดับโลกรายใหม่แบรนด์ญี่ปุ่น-ยุโรป ซึ่งในตลาดโลกขณะนี้มีความต้องการสมาร์ทโฟนทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างสูงและต่อเนื่อง โดยคาดว่ายอดขายสมาร์ทโฟนจะเพิ่มเป็น 500 ล้านเครื่องภายในปี 2555* โดย SMT ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตระดับ Prime Source ของโลกจะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ เนื่องจากบริษัทฯ มีเทคโนโลยีของตนเองที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากการพัฒนามากว่า 4 ปี

อนึ่งบริษัท บมจ. สตาร์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) หรือ SMT ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 2 กลุ่มคือ 1. ธุรกิจผลิตไอซีชิพหรือแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC หรือ Integrated Circuit) และ 2. การผลิต-ประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (MMA หรือ Microelectronics Module Assembly) โดยมีฐานการผลิตทั้ง 2 กลุ่มอยู่ภายในอาคารเดียวกัน และเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีมาตลอดสามารถเพิ่มยอดกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี ยังเป็นบริษัทแรกที่ได้รับผลประโยชน์พิเศษจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์และจาก BOI ให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีรายได้ตลอด 8 ปีโดยไม่มีการกำหนดเพดานผลกำไรสุทธิสะสมทำให้บริษัทฯคาดว่าจะเพิ่มปริมาณกำไรสุทธิจากโครงการนี้กว่า 500 ล้านบาทตามระยะเวลาสิทธิประโยชน์ที่เหลือ
* Smart Phone Research by the Gartner Group, 2010

View :1556

ซีเอส ล็อกซอินโฟ มีกำไรครึ่งปีแรก – 182 ล้านบาท

August 11th, 2010 No comments

หรือคิดเป็น 0.31 บาทต่อหุ้น

บริษัท มีกำไรสุทธิรวมสำหรับไตรมาสที่ 2/2553 จำนวน 96 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรรวมครึ่งปีแรกเท่ากับ 182 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.31 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 45 ล้านบาทหรือร้อยละ 33 จากครึ่งปีก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตและธุรกิจการให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์และบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Voice & Mobile Content Business) ประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของงบการเงินเฉพาะกิจการ บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 161 ล้านบาท หรือ 0.27 บาท/หุ้น ดังนั้น ในวันที่ 10 สิงหาคม 2553 คณะกรรมการบริษัทฯจึงมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลปี 2553 จำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 93 ของผลการดำเนินงานจากงบการเงินเฉพาะกิจการในครึ่งปี 2553สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ต มีกำไรเพิ่มขึ้น 15 ล้านบาทหรือร้อยละ 31 จากครึ่งปีก่อนเนื่องจากการเติบโตของรายได้ในกลุ่มบริการภาคธุรกิจเอกชน (Leased Line) บริการอินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (IDC) และบริการด้าน IT Solutions ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับกลุ่มสินค้าธุรกิจการให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์และการบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Voice Info Services & Mobile Content Services) มีกำไรเพิ่มขึ้น 48 ล้านบาทจากครึ่งปีก่อน เนื่องจากการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพและการเพิ่มบริการในรูปแบบใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ทำให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น

สำหรับธุรกิจโฆษณาสมุดหน้าเหลือง มีกำไรลดลง 19 ล้านบาทจากปีก่อน เนื่องจากการลดลงของยอดโฆษณาสมุดหน้าเหลืองฉบับกรุงเทพ ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจในปีก่อน ดังนั้นเพื่อชดเชยยอดขายโฆษณาที่ลดลง บริษัทจึงมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นตลาด Consumer และ Vertical Directories ตามลักษณะการใช้งานและพื้นที่บริการ ตลอดจนส่งเสริมการให้บริการสมุดหน้าเหลืองแบบออนไลน์ทั้งทางอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถืออย่างต่อเนื่อง

View :1449

“มารู้จักโครงการ SMART RFID กันเถอะ”

August 11th, 2010 No comments

คือ Radio Frequency Identification: RFID Tag หรือในชื่อย่อๆว่า

เมื่อผู้ขับขี่ยานพาหนะสมัครใจเข้าร่วมโครงการ SMART RFID ผู้ขับขี่จะได้รับเครื่องหมาย 2 ส่วนประกอบด้วย
1. SMART TAG หมายถึง เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่ ที่มีส่วนประกอบของ RFID
Chip สำหรับติดที่กระจกหน้าของยานพาหนะ หรือจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน

วิธีการติดตั้ง SMART TAG ทำได้ต่อเมื่อผู้ขับขี่ยานพาหนะสมัครเข้าร่วมโครงการ SMART RFID เพียงชำระเงินเพิ่มอีก 120 บาท ผู้ขับขี่จะได้รับทั้ง SMART TAG และ SMART PASS เพื่อนำมาติดที่ยานพาหนะ โดย SMART TAG สามารถนำไปติดตั้งที่กระจกหน้ารถได้ตามปกติ

2. SMART PASS ซึ่งก็คือ RFID ที่ติดตั้งบริเวณไฟหน้ายานพาหนะ เพื่อให้การจัดเก็บข้อมูลครบถ้วนที่สุด

วิธีการติดตั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทะเบียนยานพาหนะอิเล็กทรอนิกส์(SMART PASS) ประกอบด้วย
1. ติดตั้งจุดแรก ให้ติด SMART PASS บริเวณโคมไฟหน้ารถยนต์ด้านขวามือของรถ หรือโคมไฟหน้าจักรยานยนต์
2. เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณที่จะติดตั้ง
3. ฉีกแผ่นวงกลม SMART PASS ตามรอยปรุ และลอกกระดาษติดแถบสติกเกอร์ด้านหลังแผ่นออก
4. ทาบแผ่นวงกลมในบริเวณกึ่งกลางโคมไฟหน้า โดยให้แถบ SMART PASS อยู่ในตำแหน่งตามแนวนอนจากนั้น กดแถบ SMART PASS เข้ากับโคมไฟให้แน่น
5. ลอกแผ่นวงกลมออก แสดงถึงการติดตั้งเรียบร้อย
6. กรอกข้อมูลลงในแผ่นวงกลม แล้วนำไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ เพื่อร่วมรายการชิงโชค ลุ้นรางวัล 1,000,000 บาททุกเดือน พร้อมทั้งจะมีการจับรางวัลกว่า 100,000 บาททุกสัปดาห์ โดยจะเริ่มจับรางวัลครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2553

ทั้งนี้เมื่อผู้ขับขี่ยานพาหนะได้ทำการติดตั้งเครื่องหมาย 2 ส่วน ซึ่งประกอบด้วย SMART TAG และ SMART PASS เป็นที่เรียบร้อย ระบบจะเข้าสู่การทำงานโดยอัตโนมัติ โดยรถที่วิ่งผ่านจุดที่ติดตั้งเครื่องอ่าน ข้อมูลที่อ่านได้จะถูกบันทึกเก็บไว้ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถขอตรวจสอบข้อมูลของยานพาหนะที่ผ่านจุดติดตั้งเครื่องอ่านข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว

ระบบเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) เป็นระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันที่เห็นได้ชัดเจนคือการนำระบบRFIDมาแทนที่ระบบบาร์โค้ด ในลักษณะของการใช้คลื่นความถี่วิทยุมาช่วยในการอ่านรหัส โดยไม่ต้องมีการสัมผัส ในขณะที่สินค้ายังเคลื่อนไหวพร้อมกันในหลายๆ ชิ้น เช่นเดียวกัน เมื่อนำเทคโนโลยี RFID มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี รูปแบบใหม่โครงการ SMART RFID เทคโนโลยี RFID จะสามารถอ่านข้อมูลจากเครื่องหมาย (SMART PASS) และ SMART TAG ได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับข้อดีของการจัดทำโครงการพัฒนาเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่
Radio Frequency Identification: RFID Tag ประกอบด้วย
• หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสะดวกต่อการกำกับดูแลด้านการจราจรได้อย่างมีระบบ
• หน่วยงานด้านความมั่นคงสามารถตรวจสอบการใช้ยานพาหนะในกรณีเกิดอาชญากรรมได้
• ตรวจสอบขั้นตอนการขนส่งสินค้าได้อย่างแม่นยำ
• นิติบุคคลประเภทธุรกิจเช่าซื้อรถ สามารถบริหารจัดการการเช่าซื้อ และเช่ารถได้ง่ายขึ้น
• นิติบุคคลประเภทธุรกิจประกันภัยได้รับความสะดวกในระบบที่เกี่ยวข้องกับ E-Insurance
• เพิ่มความปลอดภัยสาธารณะให้กับผู้ใช้รถ ใช้ถนน
• ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะได้รับความสะดวกในการตรวจเช็คการขาดต่อภาษีประจำปี
• ผู้ขับขี่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากการซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากร้านค้า หรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีสัญลักษณ์ SMART PASS

View :1871