Archive

Archive for February, 2011

ไอดีซี ชี้ตลาดไอซีทีประเทศไทย ยังจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2554 ด้วยแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

February 4th, 2011 No comments

ที่กรุงเทพ 28 มกราคม 2554 – ไอดีซีคาดว่าทิศทางของตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม (ไอซีที) ของประเทศไทยในปี 2554 นั้นจะถูกกำหนดโดยความก้าวหน้าของโซเชียลมีเดีย การเติบโตที่มีอัตราสูงขึ้นของสมาร์ทโฟน และการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ต่อการให้บริการดาต้าทั้งในการสื่อสารแบบมีสายและไร้สาย

นายอรรถพล สาธิตคณิตกุลผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยและที่ปรึกษาประจำประเทศไทยของไอดีซีกล่าวว่า “เราเชื่อว่าการตื่นตัวของผู้บริโภคด้านโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคือปัจจัยหลักที่จะทำให้การใช้จ่ายด้านไอซีทีเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ส่วนในภาคธุรกิจนั้นกลุ่มที่มีแนว โน้มที่จะใช้จ่ายสูงที่สุดคือกลุ่มของสถาบันการเงิน การสื่อสาร รวมทั้งภาครัฐด้วย”

“เราคาดว่าบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยจะหันมาพัฒนาธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียมากขึ้น หลังจากที่เล็งเห็นแล้วว่ากระแสของแพลตฟอร์มตัวใหม่นี้ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง”

จากข้อมูลการวิจัยล่าสุด และ การวิเคราะห์ร่วมกันของนักวิเคราะห์ในประเทศไทย ไอดีซีสรุปได้ว่า แนวโน้มสำคัญ 10 ประการที่จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมของประเทศไทยในปี 2554 มีดังต่อไปนี้

1. การใช้จ่ายด้านไอทีจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2554

ไอดีซีคาดว่าการใช้จ่ายด้านไอทีที่ฟื้นตัวขึ้นมาจากปี 2553 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยภาพรวมของการใช้จ่ายซื้อสินค้าทั้งฮาร์ดแวร์ และ ซอฟท์แวร์ ตลอดจนการใช้จ่ายเพื่อซื้อบริการด้านไอทีต่างๆ เพิ่มนั้น มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 9.3% ซึ่งหมายความว่าตัวเลขการใช้จ่ายน่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 1.95 แสนล้านบาทได้

2. การใช้จ่ายด้านบริการโทรคมนาคมยังคงมีแนวโน้มที่ดี

ไอดีซีคาดว่า ตลาดการให้บริการด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย จะยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตเอาไว้ได้ โดยในปี 2554 นั้นการเติบโตน่าจะเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับตลาดโทรคมนาคมพื้นฐานและไร้สายที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 3% เช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นการให้บริการผ่านเครือข่ายไร้สายจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 66% ของตลาดการให้บริการด้านโทรคมนาคมทั้งหมด รายได้หลักของผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมยังคงมาจากการให้บริการด้านเสียง (Voice) ถึงแม้ว่าจะเติบโตเพียง 1% เท่านั้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งตรงกันข้ามกับการให้บริการด้านข้อมูล (Data) ที่จะขยายตัวขึ้น 16% ไอดีซีคาดว่าในปี 2554 เม็ดเงินจากการใช้จ่ายด้านการให้บริการมัลติมีเดียและบรอดแบนด์เคลื่อนที่จะรวมเป็น 70% ของตลาดการให้บริการด้านข้อมูล (Data) ผ่านเครือข่ายไร้สายทั้งหมดในประเทศไทย

3. คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก (มินิโน๊ตบุ๊ค) จะได้รับผลกระทบจากมีเดียแท็บเล็ต

ในปัจจุบันถึงแม้สินค้าประเภทมีเดียแท็บเล็ตจะยังคงมีจำหน่ายไม่แพร่หลายนัก แต่เพียงแค่กระแสของอุปกรณ์ตัวใหม่นี้ ก็ทำให้ผู้บริโภคเริ่มชะลอการตัดสินใจ ที่จะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมินิโน๊ตบุ๊ค ยิ่งไปกว่านั้นการที่บรรดาผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนตัดสินใจหันมาผลิตมีเดียแท็บเล็ตออกสู่ตลาด จะยิ่งส่งผลกระทบทางลบต่อตลาดมินิโน๊ตบุ๊คมากขึ้น ทั้งนี้เพราะอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคกลุ่มใกล้เคียงกันนั่นเอง โดยไอดีซีเชื่อว่า ตลาดมีเดียแท็บเล็ตจะเริ่มเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามในปัจจุบันถึงแม้ว่ามีเดียแท็บเล็ตจะตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในแง่ของการให้ “ประสบการณ์การใช้งาน” ที่เหนือกว่า แต่หากพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมแล้ว มีเดียแท็บเล็ตยังคงเป็นรองมินิโน๊ตบุ๊คอยู่ค่อนข้างมาก ดังนั้นโอกาสที่มีเดียแท็บเล็ตจะเข้ามาแทนที่มินิโน็ตบุ๊คอย่างสมบูรณ์นั้นยังคงไม่เกิดขึ้น

4. ผู้ให้บริการด้านไอทีจะเปลี่ยนแปลงมาใช้กลยุทธ์แบบแบ่งแยกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ชัดเจนขึ้น

ผู้ให้บริการด้านไอทีจะพยายามสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการบริการของตนมากขึ้นในปี 2554 โดยนอกจากจะขายสินค้าและโซลูชั่นแล้ว การให้บริการที่สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ จะได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้น ไอดีซีเชื่อว่า ผู้ให้บริการด้านไอทีจะพยายามศึกษาถึงลักษณะเฉพาะตัวขององค์กรในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมให้มากขึ้น เพื่อที่จะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบงานบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด กลยุทธ์เช่นนี้จะทำให้สินค้าที่ เดิมไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะกลุ่ม สามารถดึงดูดผู้บริโภคในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันได้มากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ การที่ผู้ผลิตจับมือกับผู้วางระบบ (System Integrator) หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเพื่อที่จะออกแบบโซลูชั่นเฉพาะ ที่เหมาะสมที่สุดให้กับแต่ละองค์กรนั่นเอง

5. การดำเนินธุรกิจบนคลาวด์แพลตฟอร์มกำลังจะเกิดขึ้นจริง

ไอดีซีเชื่อว่าการให้บริการคลาวด์ประเภท Infrastructure-as-a-Services หรือ IaaS จะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปี 2554 โดยบริการประเภทนี้จะถูกนำเสนอจากผู้ให้บริการด้านไอที (IT Services Providers -ITSP) หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ที่มีโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน ผู้ให้บริการในกลุ่มนี้จะมีการวางกลยุทธ์เพื่อสร้างเสริมประสิทธิภาพภายใต้กรอบแนวคิดของเทคโนโลยีคลาวน์ เพื่อทำให้การบริการสามารถสนองตอบความต้องการทางธุรกิจ บริการด้าน IaaS อาจจะเป็นไปได้ในหลายลักษณะ อาทิ การให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในลักษณะคลาวด์ การให้บริการเครื่องแม่ข่ายแบบยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของซีพียู ให้เหมาะสมกับแอพพลิเคชั่น หรือ ประเภทของงาน รวมถึงรูปแบบการให้บริการแอพพลิเคชั่น และ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน (Collaboration platforms) เป็นต้น

6. พัฒนาการของโซเชียลมีเดียจะทำให้เกิดการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านโซเชียลแพล็ทฟอร์มมากขึ้น
ถึงแม้ว่าองค์กร หรือ หน่วยงานทั้งภาครัฐ และ ภาคเอกชน ได้เริ่มใช้โซเชียลมีเดียเพื่อประโยชน์ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอสินค้า และ บริการเก็บข้อมูล ตลอดจนตรวจสอบพฤติกรรมการบริโภคผ่านโลกออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2553 แล้วก็ตาม ในปี 2554 นั้น ไอดีซีเชื่อว่าผู้ผลิตซอฟท์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจจะทำการผลิตเครื่องมือใหม่ๆ ที่เป็นโซลูชั่นในการทำเหมืองข้อความ (text mining) และ การวิเคราะห์ทางอารมณ์ (sentiment analysis) จากข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่มากมายในเว็บไซท์โซเชียล เน็ตเวิร์คต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทูป เว็บบอร์ดหรือแม้กระทั่งบล็อกก็ตาม โดยแสดงผลเป็นข้อมูลแบบ real-time เช่น เป็นแผนภาพ หรือตารางแสดงผลผ่านหน้าเว็บ ไอดีซีเชื่อว่าการที่องค์กรณ์ต่างๆ ปรับมาใช้ประโยชน์จากโซเชียล แพล็ทฟอร์มเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลจากโลกออนไลน์มากขึ้นตามไปด้วย

7. ระบบปฏิบัติการบนมือถือ – การออกแบบแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลาย ๆ แพลตฟอร์ม
การใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทโฟนนั้น ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คนแล้ว และล่าสุดนั้น อัตราการเติบโตของสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ในปี 2553 ตลาดสมาร์ทโฟนประเภทเน้นการใช้งานด้านข้อมูลเป็นหลัก (Data centric) มีอัตราการเติบโตเกือบถึง 100% จากปี 2552 และในปี 2554 ไอดีซี คาดว่า อุปกรณ์ประเภทนี้จะมียอดจำหน่ายมากกว่า 2 ล้านเครื่อง มีอัตราการเติบโต 30% จากปี 2553. ในปัจจุบัน ตลาดนี้มีระบบปฏิบัติการ ที่เป็นที่นิยมอยู่หลายยี่ห้อเช่น Symbian ของโนเกีย iOS ของแอปเปิ้ล Android ของกูเกิ้ล and BlackBerry ของรีเสิรช์ อิน โมชั่น เป็นต้น และ ไอดีซีคาดว่า จากการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้ระบบปฏิบัติการเหล่านี้ จะยังคงมีอัตราการเติบโตสูงในปี 2554 ไอดีซีเชื่อว่า ยังมีโอกาสอย่างมากสำหรับนักพัฒนาที่จะออกแบบแอพพลิเคชั่นใด ๆ ก็ได้บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ โดยแนวโน้มของการพัฒนาจะเน้นไปที่ data centric สมาร์ทโฟนเป็นหลัก สิ่งนี้กำลังแสดงให้เห็นว่า มันไม่มีความสำคัญเลยว่าแพลตฟอร์มจะเป็นแบบเปิดหรือแบบปิด แต่ แอพพลิเคชั่นนั้น เป็นสิ่งจำเป็น และ ยังมีความต้องการใช้งานเป็นอย่างมาก สำหรับอุปกรณ์ประเภท data centric นี้

8. การผสมผสานที่เกิดขึ้นจากโซลูชั่นด้านระบบพื้นฐานผลักดันให้เกิดการพัฒนาช่องทางการให้บริการ
โซลูชั่นที่รวมเอาระบบโครงสร้างพื้นฐาน (Systems Infrastructure) เข้ากับฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ด้านสตอเรจ พร้อมด้วยระบบปกป้องข้อมูลนั้น มักจะได้รับความนิยมในองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากโซลูชั่นประเภทนี้ ถูกมองว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ต้องลงทุน ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2554 เราจะได้เห็นกลยุทธ์ด้านสินค้าและราคาแบบใหม่ๆ ที่ผู้ผลิตระบบโครง สร้างพื้นฐาน สตอเรจ ระบบปกป้องข้อมูล และ ผู้ให้บริการนำเสนอเป็นโซลูชั่นออกมาสู่ตลาดมากขึ้น ตลาดซอฟท์แวร์ด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ที่เคยเติบโต 10.1% ในปี 2553 จะยังคงได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเติบโต 13.5% ในปีนี้ โดยแนวคิดเรื่องเวอร์ชวลไลเซชั่นจะได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่นจะยิ่งทำให้ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างทีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังมีส่วนช่วยให้การปรับเปลี่ยนแพล็ทฟอร์มระบบโครงสร้างพื้นฐานทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

9. ผู้บริโภคจะหันมาซื้อซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ถูกกฏหมายมากขึ้น
ไอดีซีคาดว่าผู้บริโภคจะเพิ่มปริมาณการซื้อซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ถูกกฏหมายมากขึ้น ถึงแม้ว่ายังคงมีซอฟท์แวร์ผิดกฏหมายอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมากก็ตาม ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องของผู้ผลิต โดยมีการสร้างสรรค์กลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสแบบถูกกฏหมายมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือการที่ผู้ผลิตอย่างแคสเปอร์สกี้ บิทดีเฟนเดอร์ และนอร์ตัน ล้วนแล้วแต่ใช้พื้นที่สื่อ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าประเภทนี้มากขึ้น รวมไปจนถึงลงทุนพัฒนาบริการหลังการขายด้วย ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2554 เม็ดเงินการใช้จ่ายเพื่อซื้อซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสจะเพิ่มขึ้นราว 13% ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าซอฟท์แวร์ด้านระบบปกป้องข้อมูลด้านอื่นๆ นั้นจะเพิ่มขึ้น 11.7%

10. ความต้องการด้านข้อมูล (Data) ของโทรศัพท์มือถือกระตุ้นผู้ให้บริการคิดบริการใหม่ๆ ได้ตรงกับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคมากขึ้น
ความต้องการใช้บริการด้านข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สายจะยังคงมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในปี 2554 นี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความแพร่หลายของสมาร์ทโฟนและโทรศัพท์มือถือแบบต่างๆ ทั้งในกลุ่มผู้บริโภคส่วนบุคคลและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ การแช็ทผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือ แม้กระทั่งการใช้โซเชียลเน็ทเวิร์ค สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ผลักดันให้ผู้ให้บริการต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของ data package โดยไอดีซีเชื่อว่าสัดส่วนของแพ็คเกจแบบคิดตามปริมาณการใช้งาน (volume-based) จะมีปริมาณมากขึ้นเมื่อเทียบกับแพ็คเกจแบบคิดตามระยะเวลาการใช้งาน (time-based) ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการการเชื่อมต่อแบบตลอดเวลาของผู้ใช้สมาร์ทโฟนนั่นเอง

View :1744

เอชทีซี ร่วมกับ ไมโครซอฟท์และดีแทค ส่ง “HTC 7 Mozart” วินโดวส์โฟน

February 3rd, 2011 No comments

ฉลองการตอบรับที่ดีของวินโดวส์โฟน 7 เพื่อ คนที่หลงใหลใน เสียงเพลงโดยเฉพาะ

เอชทีซีผสานนวัตกรรมและดีไซน์ที่โดดเด่น นำเสนอวินโดวส์โฟน 7 รุ่นใหม่อย่าง ที่ออกแบบ ระบบเสียง มา อย่างโปรเฟสชันแนล เพื่อคนรักเสียงเพลงโดยเฉพาะ

เอชทีซี คอร์ปอเรชัน ผู้นำด้านการออกแบบสมาร์ทโฟนระดับโลก และพาร์ทเนอร์หลัก
ที่มีสัมพันธ์ ที่ดีต่อกันมาอย่าง ยาวนานกับไมโครซอฟท์ เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ HTC 7 Mozart ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ
วินโดวส์โฟน 7 หลังจากที่ได้เปิดตัว HTC HD7 ในประเทศไทยร่วมกับทางดีแทคไปแล้วก่อนหน้านี้ เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและทางเลือกที่หลากหลายสำหรับสมาร์ทโฟนบ นแพลตฟอร์มใหม่อย่างวินโดวส์โฟน 7 จากไมโครซอฟท์ พร้อมด้วยดีไซน์และนวัตกรรมอันโดดเด่นซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางของเอ ชทีซี สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แต่ละรุ่นเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำและแอพพลิเคชัน เฉพาะที่มีอยู่บนเอชทีซีเท่านั้น โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านทาง
HTC Hub ที่ช่วยเสริมการทำงานของวินโดวส์โฟน 7 ฮับ (Hub) และไทล์ ( Tile) ได้เป็นอย่างดี และเพื่อต้อนรับการเปิดตัว HTC 7 Mozart ดีแทคได้มอบส่วนลดค่าโทรพิเศษมูลค่า 1,500 บาทให้กับลูกค้า 100 ท่านแรกที่ซื้อเครื่องในช่วงเปิดตัวด้วย

นาย ณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว ว่า ” HTC 7 Mozart ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้วินโดวส์โฟน 7 รุ่นที่สอง ซึ่งทางเอชทีซีประเทศไทยได้ร่วมกับดีแทคและไมโครซอฟท์นำเสนอสู่ตลาด หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากการเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทยไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทั้งนี้ HTC 7 Mozart ได้ถูกออกแบบ ระบบเสียง มา อย่างดีเยี่ยม เพื่อประสบการณ์การฟังในระดับโปรเฟสชันแนล เพื่อคน ที่ รัก และหลงใหลใน เสียงเพลงโดยเฉพาะ”

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “เรามีความมั่นใจว่า วินโดวส์โฟน 7 จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มลูกค้าสมาร์ทโฟนในเมืองไทย โดยดีแทคได้ร่วมมือกับเอชทีซี และไมโครซอฟท์เปิดตัว วินโดวส์โฟน 7 รุ่นแรกเมื่อปลายปี 2553 และได้รับการตอบรับที่ดี สำหรับ
HTC 7 Mozart ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวนี้ ดีแทคได้จัดแคมเปญพิเศษมอบส่วนลดค่าโทรมูลค่า 1,500 บาทประกอบด้วยคูปองส่วนลด 500 บาท 3 ใบ ให้กับลูกค้า 100 ท่านแรกที่ซื้อ HTC 7 Mozart ในช่วงเปิดตัว โดยลูกค้าสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดค่าโทรดีแทคหรือเติมเงินสำหรับแฮปปี้ได้ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ HTC HD 7 ซึ่งเป็น วินโดวส์โฟน 7 รุ่นแรกภายในงาน Thailand Mobile Expo 2011 ดีแทคยังได้มอบส่วนลดค่าโทร 2,500 บาท ( คูปองมูลค่า 500 บาท 5 ใบ) สำหรับ 100 ท่านแรกเช่นกัน พร้อมกันนั้นลูกค้าจะได้พบกับ HTC HD 7 ในราคาพิเศษ 19,500 บาทเมื่อสมัครแพ็กเกจดีแทคหรือแฮปปี้อินเทอร์เน็ต Unlimited 299 บาท พร้อมผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ”

คุณเพชรสิริ เหลืองไพโรจน์ ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์ออฟฟิศและวินโดวส์โฟน บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ไมโครซอฟท์ รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดตัวสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่ง คือ HTC 7 Mozart ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน 7 ให้กับผู้บริโภคชาวไทยในครั้งนี้ หลังจากได้รับการตอบรับอย่างดีจากการเปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของทั้งเอชทีซี ดีแทค และไมโครซอฟท์ ที่จะช่วยนำพาตลาดสมาร์ทโฟนของประเทศเข้าสู่มิติใหม่ โดยไมโครซอฟท์จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการผลักดันให้ผู้บริโภคชาวไทย ได้มีโอกาสและประสบการณ์ดีๆ ในการใช้งานวินโดวส์โฟน 7 ”

“ วินโดวส์โฟน 7 มีความโดดเด่นในด้านการใช้งานโซเชียลมีเดีย จึงพร้อมเชื่อมต่อผู้ใช้งานกับผู้คนและข้อมูลที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลาโดย ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านทางฮับต่างๆ ตามคอนเซ็ปต์ ‘glance and go’ ที่มอบประสบการณ์ Work & Play และช่วยรองรับการดำเนินชีวิตและการทำงานของคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มรูปแบบ ”

วินโดวส์โฟน 7

วินโดวส์โฟน 7 ได้ รับการ ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นด้วยขั้นตอนที่ง่ายกว่าผ่านอินเทอร์เฟสอันเป็นเอกลักษณ์อย่างฮับ (Hub) และไทล์ (Tile) โดยวินโดวส์โฟน 7 ฮับ ช่วยในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลล่าสุดและสำคัญที่สุดของผู้ใช้ที่ทำได้รวดเร็วและง่ายกว่า เช่น People, Pictures, Games, Music, VDO, และ Marketplace นอกจากนี้
วินโดวส์โฟน 7 ยังได้รวมเอาบริการชั้นนำจากไมโครซอฟท์เข้ามาผสานเอาไว้อย่างกลมกลืนด้วย ทั้ง Xbox Live, Windows Live, Bing และ Zune

ผลิตภัณฑ์จากเอชทีซีที่ใช้วินโดวส์โฟน 7

เอชทีซีได้ผสมผสานดีไซน์ล้ำสมัยและจินตนาการใหม่ๆ เอาไว้บนสมาร์ทโฟนที่ใช้วินโดวส์โฟน 7 ด้วยการเลือกวัสดุที่แตกต่างและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ขณะเดียวกันก็ยังมอบคุณสมบัติและความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีได้อย่างดี และ HTC Hub ชุด แอพพลิเคชันและโปรแกรม สำคัญๆ สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวัน มากมายแก่ผู้ใช้ ตั้งแต่เรื่องการแสดงสภาพอากาศ ราคาหุ้น ไปจนถึงการตกแต่งภาพถ่ายด้วยเอฟเฟ็กต์พิเศษก่อนที่จะแบ่งปันกับเพื่อนคน อื่นๆ บนโลกออนไลน์

HTC 7 Mozart

HTC 7 Mozart ถูกออกแบบมาด้วยอลูมิเนียมอะโนไดซ์สีดำด้านแบบชิ้นเดียว มอบความรู้สึกที่ดีกว่าเวลาสัมผัส และยกระดับการออกแบบในลักษณะยูนิบอดี้ของเอชทีซีให้ดียิ่งขึ้น ตัวเครื่องมีลักษณะบางแต่แข็งแรงทนทาน และให้คุณภาพเสียงชั้นเยี่ยมด้วยระบบเสียง Dolby Mobile และ SRS WOW HD ที่ให้ความเหนือกว่าในด้านการจำลองระบบเสียงรอบทิศ นอกจากนี้ยังรองรับ Microsoft Zune ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ HTC 7 Mozart เข้ากับพีซีเพื่อความสะดวกในการฟังเพลงหรือดูวิดีโอได้จากทุกสถานที่ที่ต้องการ

View :1369
Categories: Press/Release Tags:

เดลล์ รุกตลาด มีเดียแท็บเล็ต ส่ง “เดลล์ สตรีค” เขมือบแชร์ด้วยจุดขาย “มินิสุดคุ้ม”

February 3rd, 2011 No comments

หลังออกตัวแรงเกินคาดด้วยยอดจองทะลุเป้าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
-ล่าสุดเปิดตัว New Cherry Red หวังขยายฐานสู่กลุ่มคนที่ชอบดีไซด์และสีสัน
คาดปีแรก จะสามารถขยายฐานได้ครอบคลุมทั่วประเทศ

เดลล์โชว์สายตายักษ์ใหญ่ผู้นำตลาดไอทีโลกด้วยการพัฒนา “เดลล์ สตรีค…พ็อคเก็ต แท็บเล็ต” ขนาดกระทัดรัดเพียง 5 นิ้วออกสู่ตลาด รับกระแสนิยมของผู้บริโภคทั่วโลกที่หันมาเลือกใช้ แท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน เพิ่มสูงขึ้น มั่นใจตลาดมืองไทยยังสามารถขยายแชร์อีกมาก หลังทดสอบตลาดในช่วงปลายปีที่ผ่านมาด้วยยอดจองถล่มทลาย ผ่านตลาดดอทคอม ประกาศความพร้อมด้วยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมแนะนำ เดลล์ สตรีค New Red Cherry เจาะกลุ่มคนที่ชอบดีไซด์และสีสัน มากคุณภาพรับปีกระต่ายทอง เปิดตัวครั้งแรกในงาน Mobile Expo 2011 ระหว่างวันที่ 3-6 ก.พ. นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์ พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน ร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำ

นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยล่าสุดว่า นับเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ที่เดลล์ได้แนะนำ “เดลล์ สตรีค..พ็อคเก็ต แท็บเล็ต” ขนาดกระทัดรัดเพียง 5 นิ้ว สู่มือผู้บริโภค และด้วยจุดขายที่แข็งแกร่งในด้านผู้นำนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ระดับแนวหน้าของโลก ประกอบการนำ Consumer Insight มาพัฒนาให้เป็นรูปธรรม โดยนำ User Interface ลิขสิทธิ์ของเดลล์ ระบบ Dell Stage พร้อมระบบปฏบัติการ Android 2.2 เข้ามาเสริมเพื่อให้ “เดลล์ สตรีค” ก้าวล้ำหน้าไปกว่าที่แท็บเล็ตทั่วไปสามารถทำได้ จึงเป็น Talk of the Town ไปทั่วโลก และทำให้ทั่วโลกตั้งตารอการเปิดตัวของ “เดลล์ สตรีค” อย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับในประเทศไทย โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เดลล์ ได้ทำพรีออร์เดอร์โดยร่วมมือกับ ตลาดดอทคอม ท่ามกลางกระแสตอบรับที่เดลล์ที่ดีมาก และในปี 2554 เราพร้อมอย่างมากที่จะเข้ามาแบ่งส่วนบ่งทางการตลาดของตลาดมีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟนในปีนี้ โดยได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Mobile Expo 2011

“เดลล์ เชื่อว่าปี 2554 จะเป็นปีทองของ มีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน โดยล่าสุด ไอดีซี ได้ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา ตลาดมีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 45.1% โดยในปีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดย มีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน จะมีสัดส่วนทางการตลาดกว่า 50% ซึ่ง
มีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน จะไม่ได้เป็นแค่ของเล่นสำหรับผู้บริโภคอีกต่อไป แต่จะเป็นเครื่องมือในการทำงานขององค์กรทั่วโลกในอนาคตได้อีกด้วย โดยคาดว่ามีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน มากกว่า 25% ที่จำหน่ายในท้องตลาดจะถูกซื้อไปโดยลูกค้ากลุ่มองค์กรคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะเห็น มีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน เข้ามามีบทบาทมากขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้งานในออฟฟิศหรือในสถาบันการศึกษา เหมือนที่ประเทศสิงค์โปรได้มีการนำไปใช้ในการเรียนการสอนแล้ว เช่นเดียวกับ Forrester Research บริษัทวิจัยยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ที่รายงานว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันประมาณ 27 ล้านคนวางแผนที่จะซื้อ มีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน ภายในปี 2554 ซึ่งจะทำให้ยอดขายของ มีเดียแท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน มีมากถึง 43 ล้านเครื่องภายในสิ้นปีนี้” นายอโณทัย เวทยากร กล่าว

ทั้งนี้ เดลล์ สตรีค (DELL Streak) Pocket Tablet ภายใต้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 ที่สามารถพกพาได้สบายเพราะมีขนาดกระทัดรัดเพียง 5 นิ้ว นวัตกรรมล่าสุดจากเดลล์ โดดเด่นด้วยจอสัมผัสที่คมชัดและทนทานรอยขีดข่วน Gorilla Glass TFT-LCD สีความละเอียด 800 x 480 พิกเซล ครบครันด้วยระบบหมุนภาพอัตโนมัติ ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา และสามารถปรับแสงสว่างของไฟหน้าจออัตโนมัติ พร้อมระบบดาวเทียมค้นหาตำแหน่งรองรับแผนที่ Google Maps™ และเข็มทิศดิจิตอล กล้องถ่ายภาพ 2 ชุด หน้าหลัง กล้องดิจิตอลตัวหลักความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช ขนาดภาพสูงสุด 2592×1944 พิกเซล ปรับภาพอัตโนมัติเพื่อความคมชัดในทุกมุมมอง กล้องตัวที่สองใช้สำหรับ VDO Call แบบ VGA ความละเอียด 640 x 480 พิกเซล ราคา 21,990 บาท สามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ilovedell.com/dellstreak

ในช่วงเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ เดลล์ สตรีค นี้ เดลล์ ได้มอบโปรโมชั่นพิเศษสุดร่วมกับธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำ อาทิ Citibank, SCB, Krungsri และ First Choice ในการมอบสิทธิ์พิเศษผ่อน 0% นานสูงสุดถึง 24 เดือน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของ “เดลล์ สตรีค” ได้ง่ายๆ พร้อมของแถมลิขสิทธิ์แท้ อาทิ Jabra บลูธูท พร้อม Case มูลค่าประมาณ 4,000 บาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยความแรงของโปรโมชั่นในครั้งนี้ จะสามารถสร้างยอดขายภายในงานได้ประมาณ กว่า 2,000.เครื่อง” นายอโณทัย เวทยากร กล่าวสรุป

View :1244
Categories: Press/Release Tags:

แอลจี โชว์สุดยอดนวัตกรรมสมาร์ทโฟนระดับโลก ด้วยสมาร์ทโฟน Dual Core รุ่นแรกของโลกในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2011

February 3rd, 2011 No comments

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยโฉมนวัตกรรมระดับโลก กับสุดยอด สมาร์ทโฟน LG Optimus 2X รุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล Dual Core และ LG Optimus Black สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูงสุด และจอภาพสว่างที่สุดในโลก ให้ คนไทยได้สัมผัสก่อนใครในเอเชีย ในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2011

นายณัฐวัชร์ ศิริวงศ์ศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ( ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่ทางแอลจีได้นำสุดยอดนวัตกรรมสมาร์ทโฟน LG Optimus 2X และ LG Optimus Black มาให้ชมกันอย่างใกล้ชิดหลังจากการเปิดตัวในงาน CES 2011 ที่เพิ่งผ่านพ้นมา ซึ่งมือถือทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากจากกลุ่มผู้ใช้ทั่วโลก และเราเชื่อมั่นว่าทั้ง Optimus 2X และ Optimus Black จะ มี ส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของแอลจีในตลาดสมาร์ทโฟน และจะช่วยผลักดันเราไปสู่เป้าหมายในการขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดมือถือภายในปีนี้ได้อย่างแน่นอน ”

ทั้ง LG Optimus 2X และ LG Optimus Black แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแอลจีในการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำ เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค โดยมาพร้อมนวัตกรรมครั้งแรกของโลก ได้แก่

· LG Optimus 2X

- มือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้หน่วยประมวลผลแบบ Dual Core ซึ่ง ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วสูงสุดเหนือมือถือระดับไฮเอนด์ในปัจจุบัน ทั้งการท่องอินเทอร์เน็ต และการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมทั้งการเล่นเกมกราฟฟิค 3 มิติบนมือถือได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด

- เครื่องแรกของโลกที่บันทึกและรองรับการแสดงผลความละเอียดสูงระดับ Full HD ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงมอบขีดสุดการใช้งานด้านมัลติมีเดีย อาทิ การชมภาพถ่าย ภาพยนตร์ หรือเล่นเกม ผ่านโทรทัศน์ Full HD ได้อย่างเหนือชั้นผ่าน HDMI Port

· LG Optimus Black

- สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมจอภาพ NOVA Display ซึ่งแอลจีได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นจนได้จอภาพมือถือที่สว่างที่สุดในปัจจุบันถึง 700 nits จึงให้ความคมชัดสูงสุดแม้ใช้งานกลางแจ้ง แต่ประหยัดพลังงานเหนือกว่าถึง 30 % -50% เมื่อเทียบกับจอภาพในมือถือทั่วไป

- โดดเด่นด้วยดีไซน์บางเฉียบเพียง 9.2 มิลลิเมตร จึงนับเป็นหนึ่งในมือถือที่มีความบางและเบาที่สุดของวงการ พร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูงที่สุดในโลกถึง 2 ล้านพิกเซล จึงสามารถถ่ายภาพและทำวีดีโอคอลด้วยกล้องหน้าได้คมชัดสูงสุด

- มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ด้วยหน่วยประมวลผลความเร็วสูง 1GHz จึงให้การตอบสนองได้รวดเร็วดั่งใจ

สำหรับในประเทศไทย แอลจีมีแผนที่จะเปิดตัว LG Optimus 2X และ LG Optimus Black ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ผู้สนใจสามารถมาสัมผัสนวัตกรรมสมาร์ทโฟน LG Optimus 2X และ LG Optimus Black ก่อนใครได้ในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซโป 2011 ระหว่างวันที่ 3-6 กุมภาพันธ์นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์

นอกเหนือจาก LG Optimus 2X และ LG Optimsu Black แล้ว แอลจียังได้นำเสนอมือถือ 3 รุ่นใหม่ภายในงานดังกล่าว ได้แก่ LG T310i Wink STYLE, LG C310 Wink 2 SIMs และ LG C320 Wink SLIDE ซึ่ง มีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบตามความต้องการ โดยทุกรุ่นมาพร้อมสีสันสดใสในดีไซน์โดดเด่น พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโซเชียลเน็ตเวิร์คได้อย่างครบครัน ในราคาเครื่องละ 3 , 990 บาท (แถมฟรีการ์ดความจำ 2 GB สำหรับรุ่น 2 SIMs และ รุ่น SLIDE ) ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th หรือติดต่อศูนย์บริการแอลจี โทร 02-878-5757 หรือหมายเลข โทรฟรี 1-800-545454

View :1433
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที เสริมสร้างความรู้เทคโนโลยีใหม่ของระบบ 3G แก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ

February 3rd, 2011 No comments

นายวรพัฒน์ ทิวถนอม รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมและบรรยายทางวิชาการ Emerging ICT New Services ครั้งที่ 4 เรื่อง “LTE beyond Service” ว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมกับ Japan International Cooperation Agency หรือ JICA ดำเนินโครงการ Capacity Building of Thailand in National ICT Development ภาย ใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อให้คำปรึกษาด้านนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดังนั้น เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และเผยแพร่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรูป แบบใหม่ระหว่างกัน จึงได้มีการจัดการประชุมและบรรยายทางวิชาการ Emerging ICT New Service ขึ้น

“การประชุมและบรรยายทางวิชาการฯ ดังกล่าว ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 4 โดยครั้งนี้ได้จัดบรรยายในหัวข้อ LTE beyond 3G Service เพื่อนำเสนอความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีระบบ LTE ในการให้บริการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ แก่ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง หรือ CIO รวมทั้ง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านวิชาการ ด้านนโยบายและแผนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจากภาครัฐ รวมทั้งสถาบันการศึกษา และผู้ให้บริการระบบเครือข่ายสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้นำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำนโยบาย แผนงาน โครงการต่างๆ ตลอดจนเพื่อศึกษาแนวทางการให้บริการ LTE ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่สำหรับภาครัฐและในเชิงพาณิชย์สำหรับภาคเอกชนด้วย“ นายวรพัฒน์ กล่าว

สำหรับระบบ LTE หรือ Long Term Evolution นี้ คือ เทคโนโลยี ชนิดหนึ่งของระบบ 3.9G เป็น เทคโนโลยี ใหม่ของการสื่อสารไร้สายระหว่างโทรศัพท์เคลื่อนที่กับสถานีฐาน เพื่อใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 หรือ 3G ไปสู่ยุคต่อไป คือ ยุคที่ 4 หรือ 4G โดย LTE เป็นเทคโนโลยีและ Application ใหม่ ที่เปิดให้บริการในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคม 2553 ซึ่งได้มีการพัฒนาการให้บริการให้ มีความเร็วในการรับ – ส่งข้อมูลดาวน์โหลดและอัพโหลด ขนาด 100 Mbps จึงมีประสิทธิภาพมากกว่า 3G และมีความเสถียรเช่นเดียวกับ FTTH ( Fiber To The Home)

View :1389
Categories: Press/Release Tags: ,

สบท.หนุนผู้บริโภคอย่ายอมเลิกสัญญา 3BB

February 3rd, 2011 No comments

ชี้ยกเลิกสัญญาตามอำเภอใจผิดกฎหมาย หนุนผู้ใช้ริการ 3BB อย่ายอมเลิกสัญญา หากถูกระงับสัญญาณ ให้ยืนยันเป็นหน้าที่ผู้ให้บริการต้องรับผิดชอบให้บริการตามที่ได้สัญญาไว้
จากกรณีที่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่รู้จักกันในนาม 3BB ได้ยกเลิกการให้บริการลูกค้าโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า จนทำให้มีผู้ใช้บริการจำนวนมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัดร้องเรียนมายัง สบท. และเป็นกระทู้ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ล่าสุดขณะนี้มีผู้เดือดร้อนมากกว่า 20 จังหวัดครอบคลุมทุกภูมิภาคแล้วนั้น
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลอาจมีผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศอย่างน้อย 12,000 ราย อย่างไรก็ตามเนื่องจากตามมาตรา 20 พรบ.ประกอบกิจการโทรคมนาคมระบุว่า ผู้รับใบอนุญาตจะพักหรือหยุดการให้บริการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาต รวมถึงตามกฎหมายมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคมระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการยกเลิกการให้บริการตามสัญญา ถ้าผู้บริโภคไม่ใช่ฝ่ายผิด ดังนั้นสำหรับผู้บริโภคถูกยกเลิกบริการจาก 3BB มีสิทธิที่จะยืนยันการใช้บริการต่อไปและบริษัทฯก็ไม่สามารถยกเลิกการให้บริการได้
“มีกรณีที่ จ. สุราษฏร์ธานี ผู้ใช้บริการรวมตัวกันไม่ยอมยกเลิกบริการ บริษัทฯก็ต้องให้บริการต่อไป เพราะอยู่ผู้ให้บริการ จะมายกเลิกสัญญาไม่ได้ มันมีเงื่อนไขตามกฎหมาย ดังนั้นผู้บริโภคมีสิทธิยืนยันที่จะไม่ยกเลิก และหากบริษัทฯอ้างว่า หากไม่ยกเลิกจะเก็บค่าบริการไปเรื่อยๆ ก็ไม่ต้องกลัวครับ เพราะ ถ้าเกิดเหตุขัดข้องที่ไม่ได้มาจากผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการไม่ต้องจ่าย ดังนั้น ผู้บริโภคจึงมีสิทธิที่จะไม่ยกเลิก และถ้าถูกระงับสัญญาณปั๊บ ก็มีสิทธิไม่จ่าย จ่ายเฉพาะส่วนที่ใช้บริการจริงเท่านั้น เพราะเมื่อไหร่ที่ยินยอมยกเลิกสัญญา เท่ากับบริษัทฯพ้นหน้าที่ในการให้บริการเราทันทีเลย แต่ถ้าเรายืนยันเขามีหน้าที่ต้องเปิดบริการต่อ เพราะสัญญาเกิดมาก่อนแล้ว เป็นหน้าที่ที่ต้องเปิดให้บริการ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม จะเช่าโครงข่ายทีทีแอนด์ที หรือเจ้าอื่น หรือให้บริการผ่านดาวเทียม ผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่คุณภาพต้องได้ตามที่ตกลงกันไว้ ” ผอ.สบท. กล่าว
ท่ามกลางปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการจำนวนมากจากการถูก 3BB เลิกให้บริการ อย่างไรก็ตามขณะนี้ 3BB ยังคงมีการเผยแพร่สื่อโฆษณาเกี่ยวกับการให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ ทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ ต่อประเด็นนี้ นายประวิทย์กล่าวว่า บริษัทฯมีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับผู้บริโภคโดยไม่ปิดบังว่า พื้นที่ไหนเปิดให้บริการ พื้นที่ไหนจะยุติบริการ อย่าใช้กลยุทธ์เหมือนที่เคยทำมาในอดีตคือโฆษณาไปก่อน จากนั้นก็เก็บทั้งค่าติดตั้งและเก็บค่าบริการล่วงหน้า แต่พอพื้นที่ไหนไม่คุ้มก็ไม่ขยายโครงข่าย แล้วจึงเรียกลูกค้าไปรับเงินคืน เพราะถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด สบท. จะได้รวบรวมรายงานถึง เลขาธิการ กสทช. เพื่อพิจารณาให้มีคำสั่งทางปกครองต่อไปและในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ สบท.จะจัดให้มีเวทีสาธารณะ เรื่อง “ผู้ใช้ 3BB ถูกลอยแพ ใคร? แก้ปัญหา” เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

View :1429
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที เผยผล e-Auction ซื้อครุภัณฑ์ตั้งศูนย์ฯ ICT ชุมชนเพื่อพ่อหลวง 1,000 ศูนย์ทั่วประเทศ ประหยัดกว่า 102 ล้านบาท

February 3rd, 2011 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดจัดทำ “ โครงการจัดตั้งศูนย์ การเรียนรู้ ICT ชุมชนเพื่อพ่อหลวง ” เนื่อง ในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษามหาราชา และ 80 พรรษามหาราชินี เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สารของประชาชน ส่งเสริมให้มีการพัฒนาสังคมอย่างเท่าเทียม รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สารในด้านต่างๆ ของชุมชน ตลอดจนการเข้าถึงบริการภาครัฐ ( e-Service) และ การแลกเปลี่ยนความรู้แบ่งปันประสบการณ์ระหว่างชุมชนได้โดยทั่วกัน ประกอบกับเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่ได้พยายามผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่ สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ( Knowledge Based Society) เพื่อ ให้เป็นไปตามสังคมโลกที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างแพร่ หลาย จึงได้มอบหมายให้กระทรวงฯ ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีภารกิจในการผลักดันสังคมไทยเข้าสู่ยุคสังคมแห่ง ภูมิปัญญาและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นผู้ดำเนินโครงการ

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน นี้ กระทรวงฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ปีงบประมาณ 2550 จัดตั้งได้ 20 ศูนย์ ปีงบประมาณ 2551 จัดตั้งได้ 40 ศูนย์ ปีงบประมาณ 2552 จัดตั้งได้อีก 219 ศูนย์ และปีงบประมาณ 2553 จัดตั้งเพิ่มอีก 600 ศูนย์ ให้กระจายตัวออกไปในระดับอำเภอทั่วประเทศ

สำหรับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เพื่อพ่อหลวง จำนวน 1,000 ศูนย์ นี้จะจัดตั้งขึ้นในบริเวณชุมชนและศาสนสถาน โดยจะแบ่งพื้นที่การดำเนินงานออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ดำเนินการในพื้นที่เขตจังหวัดภาคเหนือทั้งหมดและภาคกลางบางส่วน จำนวน 320 ศูนย์ กลุ่มที่ 2 ดำเนินการในพื้นที่เขตจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด จำนวน 330 ศูนย์ และกลุ่มที่ 3 ดำเนินการในพื้นที่เขตจังหวัดภาคใต้ทั้งหมดและภาคกลางบางส่วน จำนวน 350 ศูนย์ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดกิจกรรมหลากหลาย อันเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเด็ก เยาวชน และประชาชนในชุมชน โดยให้สามารถแสวงหาความรู้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน นี้ กระทรวงฯ ต้องการขยายช่องทางการใช้ระบบบริการภาครัฐไปสู่ส่วนท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งทางด้านข้อมูลข่าวสารและ เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ และให้ประชาชน ในท้องถิ่นมีการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มมากขึ้น

โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT เพื่อพ่อหลวงนี้ เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีวงเงินงบประมาณในการดำเนินงานประมาณ 458 ล้านบาท ทางกระทรวงฯ จึงได้เปิดให้ภาคเอกชนเข้าร่วมประกวดราคาการจัดซื้อครุภัณฑ์และวัสดุสำนักงานในโครงการฯ ด้วยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ( e-Auction) ซึ่งมีบริษัทให้ความสนใจเข้าร่วมประกวดราคา 16 ราย แบ่งเป็นกลุ่มที่ 1 จำนวน 5 ราย กลุ่มที่ 2 จำนวน 5 ราย และกลุ่มที่ 3 จำนวน 6 ราย ส่วนบริษัทที่ชนะการประกวดราคาครั้งนี้ คือ บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเสนอราคาต่ำสุดเป็นจำนวนเงินรวม 3 กลุ่มประมาณ 356 ล้านบาท ทำให้กระทรวงฯ สามารถประหยัดงบประมาณได้กว่า 102 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้นำเสนอโครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเพื่อพ่อหลวง เป็นโครงการนำร่องในโครงการป้องกันการทุจริต ประพฤติมิชอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินงานอีกด้วย ” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1409
Categories: Press/Release Tags:

โซนี่ อีริคสัน ประกาศรุกตลาดสมาร์ทโฟนปี 54 พร้อมส่ง Sony Ericsson Xperia™ X8 และ Sony Ericsson LiveView TM ลงตลาดไตรมาสแรก

February 3rd, 2011 No comments

บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศรุกตลาดสมาร์ทโฟนปี 54 ด้วยการเปิดตัว S ony Ericsson Xperia™ X8 สมาร์ทโฟนน้องใหม่ล่าสุดในตระกูล Xperia ลงตลาด ที่ควงคู่มากับ LiveView TM หน้าจอแสดงผลขนาดจิ๋วที่มากับฟังก์ชั่นรีโมตควบคุมที่สะท้อนการใช้งานต่างๆบนโทรศัพท์มือถือ พร้อมเปิดให้จองก่อนใคร ! ในงาน Thailand Mobile Expo 2011 ตั้งแต่วันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ 2011 ณ บูธ โซนี่ อีริคสัน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์

นายอิทธิพล พันธุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนโตขึ้น ได้แก่ ความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือที่มากขึ้น ประกอบกับการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนไทย ส่งผลให้สมาร์ทโฟนในเมืองไทยมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นที่น่า จับตามองเป็นอย่างยิ่งในปีนี้

ล่าสุด โซนี่ อีริคสัน ได้ทำการเปิดตัว S ony Ericsson Xperia™ X8 สมาร์ทโฟนน้องใหม่ล่าสุดในตระกูล Xperia ที่ให้คุณสนุกไปกับความบันเทิงที่หลากหลายบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จากกูเกิล,เพลิดเพลินไปกับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฟรีกว่า 100,000 แอพพลิเคชั่นผ่านทาง “แอนดรอยด์ มาร์เก็ต” (Android Market) รองรับภาษาไทยและภาษาอื่นๆกว่า 50 ภาษา ที่ให้คุณอัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ได้อย่างทันท่วงทีผ่านโปรแกรม Timescape โดย S ony Ericsson Xperia™ X8 วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 7,190 บาท พร้อมการ์ดความจำ 4GB

นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังทำการเปิดตัว Sony Ericsson LiveView TM หน้าจอแสดงผลขนาดจิ๋วที่เป็นเสมือนหน้าต่างแสดงผลสำหรับโทรศัพท์มือถือ โดยใช้การเชื่อมต่อแบบบลูทูธ ทำให้คุณสามารถอ่านข้อความ , ดูสายเรียกเข้าและอัพเดทข่าวสารล่าสุดบน Facebook และ Twiiter ได้ทันที โดยที่คุณไม่ต้องนำมือถือออกมาจากกระเป๋าเลยแม้แต่น้อย โดย Sony Ericsson LiveView TM จะช่วยให้คุณสนุกไปกับเสียงเพลงได้ทุกเวลา อาทิ เลือกเพลง , ปรับ – ลดระดับเสียง , แจ้งเตือนปฏิทิน และแอพพลิเคชั่นของโทรศัพท์มือถืออีกมากมายผ่านทางหน้าจอแสดงผลขนาดจิ๋ว โดย Sony Ericsson LiveView TM วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 2,490 บาท

โดยผู้สนใจสามารถสั่งจอง S ony Ericsson Xperia™ X8 และ Sony Ericsson LiveView TM ได้แล้ววันนี้ในงาน Thailand Mobile Expo 2011 ตั้งแต่วันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ 2011 ณ บูธ โซนี่ อีริคสัน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ หรือ ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันทั่วประเทศ และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/sethailand

View :1493
Categories: Press/Release Tags:

โนเกียโชว์โฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในงาน Thailand Mobile Expo 2011 พร้อมแนะนำ 3 แอพใหม่ฝีมือนักพัฒนาไทย

February 3rd, 2011 No comments

โนเกียเผยโฉม และ Nokia C6-Touch สมาชิกใหม่ครอบครัวสมาร์ทโฟน อันทรงพลังบนระบบปฏิบัติการ Symbian เวอร์ชั่นใหม่ เมื่อผนวกรวมกับบริการ Ovi และแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ จากนักพัฒนาชาวไทย จึงเติมความครบครันของกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร พร้อมมอบ mobile solution อย่างครบเครื่อง

“โน เกียนำเสนอความครบครันของครอบครัวสมาร์ทโฟน” มร.ชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ครอบครัวโนเกียสมาร์ทโฟน ซึ่งประกอบด้วย Nokia E7 Nokia C6-Touch Nokia N8 และ Nokia C7

มอบความสมดุลย์ทั้งด้านนวัตกรรมและความชาญฉลาดด้วยหลากหลายฟีเจอร์ แต่คงไว้ซึ่งความคุ้นเคยที่ทำให้

คนนับล้านสามารถเลือกสมาร์ทโฟนโนเกียรุ่นใหม่แล้วรู้วิธีการใช้งานในทันที ผู้บริโภคยังได้รับ Ovi Maps ระบบแผนที่นำทางฟรีตลอดชีพ เข้าถึง Ovi Store ระบบรับส่งข้อความ เครือข่ายสังคมออนไลน์ และประสบการณ์อื่นๆ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน”

Nokia E7- สมาร์ทโฟนสุดฉลาดสำหรับนักธุรกิจ

สมาร์ทโฟนสำหรับธุรกิจ มาพร้อม Microsoft Exchange ActiveSync ทำให้ Nokia E7 รองรับการเข้าถึงอีเมล์บริษัท และแอพพลิเคชั่นส่วนตัวต่างๆ แบบ real-time ได้โดยตรงอย่างปลอดภัย ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้วมาพร้อมเทคโนโลยี Nokia ClearBlack ที่ช่วยลดแสงสะท้อนของหน้าจอทำให้ภาพชัดขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้ง พร้อมแป้นพิมพ์ QWERTY ผู้ใช้งานจะพบว่า Nokia E7 มาในรูปลักษณ์และขนาดที่เหมาะสมต่อการทำงานเอกสาร การดูตารางข้อมูล การอ่านและแก้ไขสไลด์ด้วยโปรแกร ม Quickoffice ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่อง และเพื่อความมั่นใจสำหรับลูกค้าองค์กร

เรามีโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยต่างๆ ให้เลือก Nokia E 7 จึงเป็นเสมือนสำนักงานเคลื่อนที่ ซึ่งจะวางจำหน่ายในประเทศไทยภายในครึ่งปีแรกของปี 2011

Nokia C6-Touch สมาร์ทโฟนขนาดเล็ก มีสไตล์

Nokia C6-Touch เป็นโทรศัพท์มือถือระบบสัมผัสเต็มรูปแบบขนาดกระทัดรัด แต่พรั่งพร้อมด้วยฟีเจอร์ทั้งด้านเครือข่ายสังคมออนไลน์และความบันเทิง ทำจากวัสดุ stainless steel และกระจก หน้าจอ AMOLED ขนาด 3.2 นิ้ว
พร้อมเทคโนโลยี Nokia ClearBlack ช่วยลดแสงสะท้อนเพื่อความชัดเจนในการมองเห็นเมื่ออยู่ภายนอกอาคาร

สามารถเชื่อมต่ออีเมล์ ดาวน์โหลดแอพและเกมส์ต่างๆ จาก Ovi Store Nokia C6-Touch จะวางจำหน่ายในประเทศไทยภายในครึ่งปีแรกของปี 2011

แอพใหม่สำหรับคนไทย

โนเกียแนะนำ 3 แอพพลิเคชั่นใหม่พัฒนาโดยนักพัฒนามากความสามารถชาวไทย ซึ่งจะเข้าสู่ตลาดโลกในไม่ช้าผ่านทาง

Ovi Store แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้รับการพัฒนาบน Qt ( คิวต์) เครื่องมือที่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนาทั่วโลกว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด

· ‘Everynews’ ช่วย ให้เจ้าของโทรศัพท์มือถือโนเกียสามารถรวบรวมข่าวและเห็นภาพข่าวภายในประเทศ จากแหล่งต่างๆ โดดเด่นด้านภาพและความง่ายในการใช้งาน พัฒนาโดยบริษัท จิมมี่ ซอฟต์แวร์ ผู้มีชื่อเสียง

· ‘Khan Kluay Three OW’ แอพเกมสนุกๆที่พัฒนาต่อยอดจากแอนิเมชั่นชื่อดังฝีมือคนไทย ให้ชาวโลกได้รู้จักช้างน้อยน่ารักนาม ’ ก้านกล้วย ’ จากการสร้างสรรค์ของกันตนา

· ‘FlightStatus’ ผู้ช่วยสำหรับนักเดินทางทั้งการเดินทางเพื่อธุรกิจและอื่นๆ แอพนี้เมื่อติดตั้งบนมือถือจะช่วยบอกเวลาของเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยกราฟฟิคที่สวยงามและดูง่าย พัฒนาโดย บริษัท หัวลำโพง จำกัด

ง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนา

Symbian เป็นแพลทฟอร์มสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ครอบครัวสมาร์ทโฟนใหม่ของเราทำงานบนระบบปฏิบัติการ Symbian เวอร์ชั่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้ทำงานเร็วขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น

และง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนาในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นเพื่อใช้งานบน Symbian

“เราทำให้มันง่ายขึ้นกว่าเดิม ขจัดอุปสรรคออกไป และทำให้นักพัฒนาสร้างกำไรได้มากขึ้นจากการพัฒนาแอพให้มือถือของเรา เราเชื่อว่าจะทำให้นักพัฒนาชาวไทยสนใจสร้างสรรค์แอพสำหรับคนไทยและสำหรับผู้ใช้งาน Ovi Store บน
มือถือโนเกียหลายล้านคนในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก นั่นหมายความว่า ตลาดจะกว้างมากขึ้นและรายได้จะเพิ่มมากขึ้น

การ เรียกเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการระบบเปิดโอกาสทางธุรกิจมหาศาลให้กับนักพัฒนา เพราะทำให้ขั้นตอนการซื้อแอพง่ายขึ้น นอกจากนี้ โนเกียยังสามารถทำงานใกล้ชิดกับนักพัฒนาในประเทศเพื่อโปรโมทแอพพลิเคชั่น เช่น การโปรโมทบนหน้าแนะนำแอพ ( recommended page ) บน Ovi Store หรือแนะนำแอพผ่านสื่อทางการตลาดของเรา” ชูมิท กล่าว

การเข้าถึงของ Ovi Store สร้างโอกาสมหาศาลให้กับนักพัฒนาด้วยฐานผู้ใช้ในมากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ผู้เผยแพร่มากกว่า 50 รายได้รับการดาวน์โหลดมากกว่า 1 ล้านครั้ง ทั้งนี้นักพัฒนาสามารถขายแอพให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Symbian ของโนเกียซึ่งมีจำนวนกว่า 175 ล้านเครื่อง นับเป็นฐานผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

View :291744

ทรูมูฟ นัดรวมพลสาวกไอโฟน ในงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2011

February 2nd, 2011 No comments

เป็นเจ้าของทรูมูฟไอโฟน 4 ได้ทันที ไม่ต้องจอง
พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มทั้งไอโฟน 4, แบล็กเบอร์รี่ และอื่นๆ อีกเพียบ!

ทรูมูฟ ตอกย้ำผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวที่มีสมาร์ทโฟนให้          บริการครบทุกระบบปฏิบัติการ ทั้งไอโฟนและแบล็กเบอร์รี่ มอบข้อเสนอสุดพิเศษในงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2011 สำหรับลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในงานนี้โดยเฉพาะ พร้อมโปรโมชั่นค่าโทรสุดคุ้มให้เลือกมากมาย ทั้งแบบรายเดือนและแบบเติมเงิน ที่บูธทรูมูฟ วันที่ 3 – 6 กุมภาพันธ์นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ข้อเสนอสุดพิเศษจากทรูมูฟ ในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2011” ได้แก่
ไอโฟน 4  ให้สาวกไอโฟนเป็นเจ้าของได้ทันทีแบบไม่ต้องจอง พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ
แบล็กเบอร์รี่ เป็นเจ้าของได้ทุกรุ่นทั้งโบลด์ 9780 ทอร์ช 9800 เคิร์ฟ 9300 มีให้เลือกครบทุกสี พร้อมแคมเปญผ่อนจ่าย 0% นานสูงสุด 10 เดือน พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 รับฟรี! ซองหนังรุ่นพิเศษสุดหรู

View :1435
Categories: Press/Release Tags: ,