Archive

Archive for July, 2011

ไมโครซอฟท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ล่าสุด Express Mouse และ Wireless Desktop 2000

July 28th, 2011 No comments

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่ผสานแฟชั่นกับเทคโนโลยีบลูแทร็คล่าสุดตอบสนองไลฟ์สไตล์และเวิร์คสไตล์สำหรับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปและผู้ใช้งานทางธุรกิจ โดยเม้าส์รุ่น และชุดคีย์บอร์ดรุ่น สามารถมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าทั้งเพื่อการทำงานและการใช้งานส่วนตัว เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลาย โดยเม้าส์รุ่น มีให้เลือกหลากสีสันนำสมัยเพื่อให้เหมาะกับสไตล์ส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคน ส่วนชุดคีย์บอร์ดรุ่น Wireless Desktop 2000 มาพร้อมกับเทคโนโลยีป้องกันข้อมูล เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทางธุรกิจ รวมถึงผู้ใช้ทั่วไปในยุคนี้

นายชัชวาล จิตติกุลดิลก ผู้จัดการแผนก Retail Sales and Marketing (RSM) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากที่ไมโครซอฟท์เปิดตัวเทคโนโลยีบลูแทร็คและนำเสนอเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ไมโครซอฟท์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่ล้ำสมัยทั้งในด้านเทคโนโลยี สมรรถนะการทำงาน และดีไซน์อย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ ไมโครซอฟท์ภูมิใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ล่าสุด Express Mouse และ Wireless Desktop 2000 ที่ไม่เพียงมาพร้อมกับความสุดยอดด้านดีไซน์และเทคโนโลยี แต่ยังเหมาะกับสรีระร่างกายและเสริมประสิทธิภาพการทำงาน มีคุณสมบัติที่รองรับหลักสรีระศาสตร์โดยได้ถูกออกแบบเพื่อป้องกันอาการตึงในส่วนต่างๆ ของร่างกายอันเกิดจากการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน”

เม้าส์รุ่น Express Mouse

เทคโนโลยีล้ำสมัยของ Express Mouse มาพร้อมกับประสิทธิภาพในการควบคุมใช้งาน การเลื่อนขึ้น-ลง และการตอบสนองในรูปแบบของเม้าส์แบบมีสาย โดยผู้ใช้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาแบตเตอรี่หมด แสงสีฟ้าอ่อนในเทคโนโลยีบลูแทร็คมีประสิทธิภาพมากกว่าแสงเลเซอร์ในเมาส์เลเซอร์อื่นๆ ถึง 4 เท่า ซึ่งประสิทธิภาพดังกล่าวช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลาก คลิก และเลื่อนเม้าส์บนพื้นผิวใดก็ได้ เทคโนโลยีบลูแทร็ครองรับการใช้งานที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่และใช้งานคอมพิวเตอร์ในสถานที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ดีไซน์ของเม้าส์รุ่นนี้ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วและเหมาะกับสรีระศาสตร์ จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในแต่ละวัน ด้วยรูปทรงที่กะทัดรัด สายเม้าส์ถูกออกแบบมาในตำแหน่งที่เหมาะกับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ และปุ่มแบบกำหนดเองได้ 3 ปุ่ม เพิ่มความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพในการทำงาน และสไตล์ที่ทันสมัย

สำหรับสีของ Wireless Mouse ได้รับอิทธิพลจากเวทีแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าแฟชั่นจากดีไซน์เนอร์ชื่อดังในปีนี้ ได้แก่สี Flint Grey (เทา), Hibiscus Red (แดง), Dahlia Pink (ชมพู), Ultramarine Blue (น้ำเงิน) และ Coast Blue (ฟ้า) ที่ช่วยแต่งเติมบุคลิคที่ร่าเริงและกระตือรือร้นของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี

ชุดคีย์บอร์ด รุ่น Wireless Desktop 2000

ชุดผลิตภัณฑ์ Wireless Desktop ประกอบไปด้วยคีย์บอร์ดรูปทรงเพรียวบาง ทันสมัย และเม้าส์สีดำคู่ใจ สีที่มีความทันสมัยตลอดเวลาและช่วยเพิ่มความลงตัวด้านดีไซน์ให้กับ Wireless Desktop 2000 ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) 128 บิต ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลจากการถูกรบกวนและถูกแฮค โดยไมโครซอฟท์ ถือเป็นบริษัทไอทีรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้งานว่า ข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี และด้วยความสามารถด้านความปลอดภัยสูง เทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) ได้ถูกนำไปใช้ในระบบการถอดรหัสของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันแฮคเกอร์จากการแฮคข้อมูล โดยนอกจากจะช่วยปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเม้าส์และคีย์บอร์ด ด้วยฟีเจอร์พิเศษการเข้ารหัส 128 บิตแล้ว AES ยังมีที่พักฝ่ามือช่วยลดแรงกระแทก

นายชัชวาล จิตติกุลดิลก ผู้จัดการแผนก Retail Sales and Marketing (RSM) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปว่า “Wireless Desktop 2000 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความพิเศษด้านดีไซน์ ระบบรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาชุดคีย์บอร์ดประสิทธิภาพสูง นอกเหนือจากดีไซน์ล้ำสมัยซึ่งบ่งบอกความมีรสนิยมของผู้ใช้แล้ว ยังประกอบไปด้วยเทคโนโลยีป้องกันข้อมูล Advanced Encryption Standard (AES) 128 บิต และเทคโนโลยีบลูแทร็คที่สามารถใช้งานเม้าส์ได้บนทุกพื้นผิว”

ราคาและการวางจำหน่าย

เม้าส์ รุ่น Express Mouse และชุดคีย์บอร์ด รุ่น Wireless Desktop 2000 มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านไอทีชั้นนำ ในราคา 490 และ 1,350 บาท ตามลำดับ (ราคารวม VAT แล้ว) ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ พร้อมรับประกัน 3 ปี ข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆของไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ สามารถศึกษาได้ที่ http://www.microsoft.com/hardware

View :2065

เด็กไทยพิชิตชัย 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง คอมพิวเตอร์โอลิมปิกโลก

July 28th, 2011 No comments


สุดยอดเยาวชนหัวกะทิ 78 ชาติประชันสมองเต็มศักยภาพ เด็กไทยคว้าอันดับที่ 14 ของโลก

รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร ประธานกรรมการ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประธานในพิธีปิดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 23 เปิดเผยว่าการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในปีนี้ ณ โรงแรมรอยัล คลีฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา ระหว่างวันที่ 22 – 29 กรกฎาคม 2554 เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นความสนใจของนักเรียนในการเรียนรู้วิทยาการคอมพิวเตอร์ และส่งเสริมพัฒนาการจัดการเรียนการสอนตลอดจนการจัดหลักสูตรของประเทศให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมายของการจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกในครั้งนี้

ประธานกรรมการสสวท.ได้แสดงความยินดีกับนักเรียนผู้เข้าแข่งขันทุกคนรวมทั้งขอให้มีความมุ่งมั่นพยายามฝึกฝนต่อไป โดยตลอดระยะการจัดงาน 1 สัปดาห์เชื่อว่าเยาวชนผู้ร่วมงานทุกคนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็นทั้งด้านการเขียนโปรแกรมและวิธีการในการจัดการเรียนรู้ ก่อเกิดความประทับใจในประเทศไทย

ด้านรศ.ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 23 กล่าวว่า การจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยภาพรวมตลอดการจัดงานประกอบด้วยการสอบแข่งขันแก้ปัญหาโจทย์ การประชุม นิทรรศการ ที่พัก อาหาร ทัศนศึกษา ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานด้วยดี

การจัดงานแข่งขันครั้งนี้มีประเทศเข้าร่วมแข่งทั้งหมด 78 ประเทศ ประเทศเข้าสังเกตการณ์ 2 ประเทศ หัวหน้าทีมและรองหัวหน้าทีมรวม 151 คน นักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 306 คน visitors 68 คน มีผู้ส่งผลงานเพื่อนำเสนอในการประชุม 14 เรื่อง นิทรรศการผลงานชนะเลิศการประกวดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 30 ผลงาน

ผลการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศครั้งที่ 23 นี้ Mr.GENNADY KOROTKEVICH ผู้แทนเยาวชนจากประเทศเบลารุสทำคะแนนการสอบรวมกัน 2 วันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกคือได้คะแนนเต็ม 600 คะแนน อันดับสองคือผู้แทนเยาวชนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนทำได้ 599 คะแนน อันดับสามคือผู้แทนเยาวชนจากประเทศรัสเซียและบราซิลทำได้ 598 คะแนน

สำหรับทีมผู้แทนประเทศไทยสามารถคว้าชัยชนะ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง โดยนายพศิน มนูรังษี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ได้รับเหรียญทอง ทำคะแนนได้ 524 คะแนน สูงเป็นอันดับที่ 14 โลก นายสรวิทย์ สุริยกาญจน์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เหรียญทองทำได้ 483 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 24 ของโลก สำหรับนายวิชชากร กมลพรวิจิตร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. ได้รับเหรียญเงิน และนายลภนชัย จิรชูพันธ์ ได้รับเหรียญทองแดง

ทั้งนี้ประเทศที่ทำคะแนนสอบได้เป็นอันดับที่ 14 ของโลกมีจำนวนสามประเทศคือ ประเทศไทย ญี่ปุ่น และโครเอเชีย นายพศิน มนูรังษี ผู้แทนประเทศไทยซึ่งปีที่แล้วได้รับเหรียญทองจากการแข่งขั (IOI 2010) จากแคนาดา และปีนี้พิชิตเหรียญทองอีกครั้งตามคาดหมายยอมรับว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ทำคะแนนได้สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก ด้วยคะแนน 524 คะแนนซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตั้งใจทำข้อสอบอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยและเพื่อชื่อเสียงของประเทศ คิดว่าการที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะกระตุ้นบรรยากาศการเรียนรู้ ส่วนการสอนคอมพิวเตอร์ให้น่าสนใจนั้นถ้าลองทำในรูปแบบโปรแกรมการทำงานของหุ่นยนต์เด็กๆก็จะสนใจมากขึ้น อนาคตตั้งใจศึกษาต่อด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานพัฒนาด้านการศึกษาหรืองานวิจัยทางด้านนี้ต่อไป

นายสรวิทย์ สุริยกาญจน์ เผยว่าดีใจที่ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันครั้งนี้เพราะถือเป็นครั้งแรกของตนที่ได้เข้าร่วมคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ส่วนในปีหน้าก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้เป็นผู้แทนไปแข่งที่ประเทศอิตาลี พร้อมกันนี้ก็เห็นว่าวิทยาการคอมพิวเตอร์สำคัญต่อชีวิตและมีบทบาทสูงในสังคมปัจจุบัน การมีความรู้ด้านนี้ช่วยให้ทันเหตุการณ์ รู้เท่าทัน และป้องกันตนเองจากผู้ไม่ประสงค์ดีได้ อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ไปช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ด้วย อนาคตตั้งใจทำงานที่ได้ใช้ความรู้วิทยาการคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาประเทศไทย

ขณะที่นายวิชชากร กมลพรวิจิตร กล่าวว่าดีใจที่ได้เหรียญเงินจากการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกปีนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมเข้าแข่งขัน ที่ผ่านมามีการเตรียมตัวและฝึกฝนการแก้โจทย์คอมพิวเตอร์มาเป็นอย่างดี โดยปีหน้าก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เมื่อตอนเป็นเด็กสนใจการเขียนโปรแกรม จึงชอบสะสมหนังสือด้านนี้และทดลองเขียนโปรแกรมเล่นๆ พัฒนาและใส่ใจศึกษามาโดยตลอด คิดว่าการแข่งขันโอลิมปิกช่วยกระตุ้นให้เด็กๆ ที่สนใจและมีความสามารถได้รับโอกาสแสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ

ด้านนายลภนชัย จิรชูพันธ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและทำข้อสอบอย่างเต็มความสามารถ อนาคตตั้งใจทำตามความฝันโดยจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาจนจบปริญญาเอก สำหรับผมโครงการโอลิมปิกเป็นโครงการที่ดีเพราะส่งเสริมเด็กไทยให้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง เป็นโครงการที่ให้โอกาสแก่เด็กที่มีความสามารถพิเศษในวิชาต่างๆ ได้แสดงความสามารถของตนออกมาอย่างเต็มที่ สำหรับอนาคตอยากเป็นนักวิจัยหรือเป็นโปรแกรมเมอร์ควบคู่กับเป็นอาจารย์ ถ่ายทอดความรู้ให้คนรุ่นใหม่เพราะปัจจุบันบ้านเรายังขาดนักวิจัยในด้านนี้อยู่มากครับ

View :2086

เมืองไทยประกันภัย ล้ำหน้าขายประกันภัยเดินทางผ่านเว็บไซต์

July 28th, 2011 No comments

เมืองไทยประกันภัยเปิดตัว แล้ววันนี้! เริ่มต้นกับเบี้ยประกันเพียง 455 บาท คุ้มครองตลอดการเดินทาง ด้วยวงเงินความคุ้มครองสูงสุดถึง 2,000,000 บาท และสามารถซื้อประกันภัยการเดินทางผ่านทางเว็บไซต์ได้แล้ว เพียงคลิก www.muangthaiinsurance.com

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้เปิดตัว Enjoy Travel Online ช่องการการจำหน่ายแบบประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทางผ่านเว็บไซต์ www.muangthaiinsurance.com ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับสะดวก รวดเร็ว ในการทำประกันภัยการเดินทาง เพียงแค่คลิก 5 ขั้นตอนง่ายๆ พร้อมเลือกรับความคุ้มครองด้วยวงเงินสูงสุดถึง 2,000,000 บาท Enjoy Travel ให้ความคุ้มครองการเดินทางไปยังต่างประเทศทั่วโลก อุ่นใจกับความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างการเดินทาง ลูกค้าสามารถทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 1 – 70 ปี โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ มีให้เลือกทำประกันทั้งแบบรายเที่ยว และรายปี ซึ่งให้ความคุ้มครองสูงสุด 90 วัน ต่อการเดินทางในแต่ละเที่ยว อีกทั้งยังสามารถเลือกรับความคุ้มครองได้ในวงเงิน 1,000,000 บาท และ 2,000,000 บาท ประกันภัย Enjoy Travel ให้ความคุ้มครองครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเกิดอุบัติเหตุส่วนบุคคล เช่น การเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูญเสียมือ เท้า สายตา และรับค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย การโดนบอกเลิกการเดินทาง รวมถึงการลดจำนวนวันเดินทาง การถูกจี้โดยสลัดอากาศ หรือความล่าช้า เสียหาย และสูญหายของกระเป๋าเดินทาง ทั้งยังให้ความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก พร้อมให้บริการความช่วยเหลือในการเดินทาง การเคลื่อนย้ายเพื่อการรักษาพยาบาลฉุกเฉินเพื่อส่งกลับประเทศไทย มีการบริการข้อมูลแนะนำการเดินทาง และรับข้อมูลความคุ้มครองได้ทางเว็บไซต์

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหนที่ใดทั่วโลก ก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะมีประกันภัยการเดินทาง Enjoy Travel เป็นเพื่อนดูแลคุณตลอดการเดินทาง และในอนาคตข้างหน้านี้ บริษัทฯ ได้มีการวางแผนจัดทำประกันภัยออนไลน์อื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันภัยที่หลากหลายได้ทางเว็บไซต์ www.muangthaiinsurance.com หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1484

View :1990

กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดตัว thaitrade.com

July 28th, 2011 No comments

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดี เปิดเผยถึง ความคืบหน้าของโครงการตลาดกลางซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเว็บไซต์ หรือ Thailand B2B E-Marketplace ว่า ได้เปิดตัวในระบบออนไลน์มาตั้งแต่วันที่ 5 กค.ที่ผ่านมา สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นภายในเดือนสิงหาคมศกนี้

“ปัจจุบันในเว็บไซต์ไทยเทรดดอทคอมมีจำนวนร้านค้าออนไลน์ที่ได้รับการคัดสรรแล้วว่า มีคุณภาพมาตรฐานการส่งออกเป็นสมาชิกจำนวนกว่า 1,000 ร้านค้า ประกอบด้วยสินค้ามากกว่า 4,500 รายการ โดยแยกเป็นหมวดหมู่ตามประเภทของสินค้ารวม 25 หมวด (Categories) ครอบคลุมทุกประเภท อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ในครัว สินค้าความงาม อาหาร เครื่องดื่ม และบริการต่างๆ ฯลฯ

โดยหลังจากเปิดใช้เว็บไซต์ thaitrade.com แบบเต็มรูปแบบประมาณสองสัปดาห์ (นับตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2554) มีผู้ซื้อจากประเทศต่างๆ เข้ามาเลือกดูเลือกชมสินค้าแล้วกว่า 13,000 ราย โดยลงทะเบียนเข้าเป็นสมาชิกผู้ชื้อแล้วกว่า 500 ราย นอกจากนั้น ยังมีรายงานจากผู้ประกอบการบางรายแล้วว่า ได้รับ Order สั่งซื้อสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศแล้ว ซึ่งเป็นสินค้าประเภทอัญมณีและเครื่องประดับ”

นอกจากนี้อธิบดียังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้มียอดผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกไทย สมัครเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 1,500 ร้านค้าแล้ว โดยกรมฯ กำลังเร่งพิจารณาคุณสมบัติ พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกับสมาคมต่างๆ อาทิ สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับในการคัดสรรผู้ส่งออกที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการ ฯ รวมทั้งอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับทำธุรกิจออนไลน์ไปด้วยพร้อมกัน ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีจะมีผู้ประกอบการไทยเข้ามาเป็นผู้ส่งออกผ่านระบบออนไลน์ของเว็บไซต์ thaitrade.com มากกว่าเป้าที่กำหนด 3,000 ร้านค้าแน่นอน

ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกไทยที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ DEP Call Center 1169 โทร 02 685 1169 โทรสาร 02 530 9791 หรือ e-mail : ecommerce@depthai.go.th , ecommerce.dep@gmail.com www.facebook.com/ThaitradeDotCom

View :1789

เกมเอ็ดเปิดตัวแอพเสียงรอรอสายบนเฟซบุ๊คและมือถือแอนดรอยแห่งเดียวในไทย

July 28th, 2011 No comments

เกมเอ็ดพัฒนาแอพพิเคชั่น “” สำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์กและผ่านโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยภายใต้ชื่อเฟซบุ๊คแอพพิเคชั่น ไทยอาร์บีที ทดลองดาวน์โหลดเพลงได้ฟรีที่ www.facebook.com/thairbt และ สำหรับผู้ดาวน์โหลดเสียงเพลงรอสายลุ้นรับ บัตรชมคอนเสิร์ตเบิร์ดอาสาสนุก และลุ้นรับบัตรคอนเสริต์พร้อมที่พักงาน”มันไก่มาก” ที่กำลังจะจัดขึ้น

นาย ปพน ชัยอนันต์วณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทเกมส์เอ็ดซอฟต์แวร์เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้พัฒนานวัตกรรมบนเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊คได้การเปิดตัวแอพพลิเคชั่น เสียงเพลงรอสายภายใต้ชื่อไทยอาร์บีที่ (www.facebook.com/thairbt) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้เฟซบุ๊คได้เข้ามาโหลดเสียงเพลงรอสาย พร้อมกับติดตามชาร์ตเพลง เอ็มวี พร้อมเนื้อหาและ คอร์ดเพลง ก่อนที่จะดาวน์โหลดสามารถฟังเพลงเหล่านั้นว่าชอบหรือไม่ สามารถส่งเสียงเพลงรอสายให้กับเพื่อนในเครือข่ายได้

“บริการดังกล่าวเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่บนสังคมเครือข่ายออนไลน์ในการมอบเสียงเพลงรอสาย และเป็นบริการที่เราต้องการให้ทุกคนได้เข้ามาฟังเพลงใหม่ๆ พร้อมเอ็มวี ที่ชื่นชอบกันฟรีๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาดาวน์โหลดก็ตาม ล่าสุดมีแฟนคลับเข้ามากดไลท์ผ่านเฟซบุ๊คกว่า 2 หมื่นราย” นายปพน กล่าว

นอกจากนี้นายปพน กล่าวต่อไปว่า ไทยอาร์บีที ยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอย โดยเข้าไปที่https://market.android.com/ แล้วพิมพ์คำว่า Thairbt สามารถเปิดเพลงพร้อมกับแนะนำเพื่อนในเครือข่ายผ่านได้ทั้ง เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์

สำหรับผู้สนใจสร้างประสบการณ์ใหม่เสียงเพลงรอสายสามารถทดลองดาวน์โหลดได้ฟรี พร้อมในช่วงนี้ผู้เข้ามาตั้งเสียงเพลงรอสายเพลงใดก็ได้ลุ้นรางวัลบัตรคอนเสิร์ต เบิร์ดอาสาสนุก รอบวันที่ 21 สิงหาคม รางวัลละ 2 ที่นั่ง จำนวน 10 รางวัล และลุ้นรับบัตรคอนเสิร์ตพร้อมที่พักงาน”มันไก่มาก” อีกด้วย

View :1609

เด็กอัจฉริยะคว้าคะแนนเต็มคอมพิวเตอร์โอลิมปิก 2011 สูงสุดอันดับ 1 ของโลก

July 28th, 2011 No comments


Gennady Korotkevich หลังออกจากห้องสอบในวันที่ ๒๖ ก.ค. ๕๔ Gennady Korotkevich ขณะกำลังสอบแข่งขันวันที่สอง วันที่ ๒๖ ก.ค.๕๔

Gennady Korotkevich ผู้แทนเยาวชนจากประเทศเบราลุส ทำคะแนนจากการสอบรวมกัน ๒ วันสูงสุดเป็นอันดับ ๑ ของโลก คือ ได้คะแนนเต็ม ๖๐๐ คะแนนในการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศครั้งที่ ๒๓ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานดำเนินการต่าง ๆ ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา

การแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซึ่งมีผู้แทนเยาวชนจาก ๗๘ ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยและจะมีพิธีปิดในวันที่ ๒๘ กรกฎาคมนี้โดยนายชินวรณ์ บุญเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน

—-

นาทีระทึกใจของเยาวชนในสนามชิงชัยคอมพิวเตอร์โอลิมปิกวันสุดท้าย

เยาวชนคนเก่งจากนานาประเทศตั้งใจทำข้อสอบเก็บคะแนนวันสุดท้ายอย่างเต็มที่ ในการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศครั้งที่ ๒๓ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานดำเนินการร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา

ทั้งนี้ หลังจากสอบ ผลปรากฎว่า นายพศิน มนูรังษี ทำคะแนนจากการสอบรวมกัน 2 วันสูงเป็น อันดับที่ 14 ของโลกคือ 524 คะแนน นายสรวิทย์ สุริยกาญจน์ ได้คะแนน 483 คะแนนคิดเป็นอันดับที่ 24 นายวิชชากร กมลพรวิจิตร ได้ 381 คะแนน และนายลภนชัย จิรชูพันธ์ ได้ 288 คะแนน

การแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซึ่งมีผู้แทนเยาวชนจาก ๗๘ ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยและจะมีพิธีปิดในวันที่ ๒๘ กรกฎาคมนี้โดยนายชินวรณ์ บุญเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน

—-

ผู้เข้าแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกที่อายุน้อยสุด


เอ็ดเวิร์ด กริกอร์ยาน (Eduad Grigoryan) อายุ ๑๓ ปี ผู้แทนจากประเทศอาร์เมเนีย เป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีอายุน้อยที่สุดในการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศครั้งที่ ๒๓ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานดำเนินการร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา

การแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซึ่งมีผู้แทนเยาวชนจาก ๗๘ ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยและจะมีพิธีปิดในวันที่ ๒๘ กรกฎาคมนี้โดยนายชินวรณ์ บุญเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน

View :2409

เดลล์เปิดโซลูชั่นเซ็นเตอร์ในสิงคโปร์ ต่อยอดนวัตกรรมและสร้างการเติบโตในเอเชียแปซิฟิค

July 28th, 2011 No comments

เดลล์ประกาศเปิด (DSC) ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์แห่งแรกในเอเชียใต้ โดยมีมร.พอล-เฮนรี เฟอร์แรนด์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดของ เดลล์ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานของเดลล์เอเชียแปซิฟิค พร้อมด้วยพลเรือตรีรอนนี เทย์ ประธานฝ่ายบริหารของอินโฟคอมม์เดเวลอปเมนต์ออธอริตี้ของสิงคโปร์ (IDA – Infocomm Development Authority of Singapore) ได้ร่วมเปิดตัวโซลูชั่นเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ทั้งนี้ศูนย์ดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในโซลูชั่นเซ็นเตอร์ 12 แห่งที่เดลล์วางแผนเปิดตัวทั่วโลกในปีนี้ และการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีของศูนย์แห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางไอดีเอและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนด้านเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (

มร.พอล-เฮนรี กล่าวว่า “การเปิดตัวในวันนี้เป็นการยืนยันถึงการเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นเรื่องบริการและโซลูชั่นอย่างแท้จริง และเราพร้อมให้คำมั่นในการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรภายใต้ระบบเปิด มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ทางธุรกิจอย่างสูงสุด”

สิงคโปร์ถือเป็นฐานสำคัญในภูมิภาคทั้งในด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นของเดลล์ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 พอล-เฮนรี กล่าวเสริมว่า “ด้วยระบบนิเวศน์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ ความมั่นคงทางด้านการเมือง และโครงสร้างด้านเทคโนโลยีชั้นสูงในประเทศ ช่วยให้เราสามารถนำเสนอประโยชน์ของคลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing) และโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีต่างๆ ให้แก่ลูกค้าของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น”

มร.โหยว คีต ชวน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ของอีดีบี กล่าวว่า “เรายินดีอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของเดลล์ในการสร้างเดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ในเอเชียใต้ที่สิงคโปร์ ซึ่งการเปิดตัวดังกล่าวเป็นการย้ำถึงภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ ระบบนิเวศน์ด้านไอทีชั้นเยี่ยมของเราที่แผ่ขยายครอบคลุมทั้งในเรื่องการเงิน สุขภาพ การศึกษา และรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมร่วมผลักดันความต้องการในด้านการออกแบบ พัฒนา และการทำตลาดโซลูชั่นเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร ระบบจัดเก็บข้อมูล และระบบเครือข่ายของเดลล์ได้อย่างดี”

เดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ในสิงคโปร์

เดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ในประเทศสิงคโปร์ถือเป็นแหล่งความรู้สำคัญเกี่ยวกับโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ของเดลล์ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญทั้งหมด โดยดูแลด้วยทีมผู้ชำนาญการในประเทศ และพร้อมช่วยเหลือลูกค้าในการวางงบประมาณด้านเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถจัดการกับโครงสร้างระบบไอทีได้ด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่า และผลักดันการนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจ


โซลูชั่นเซ็นเตอร์แห่งนี้ประกอบไปด้วยห้องปฏิบัติการระดับโลกและระบบเครือข่ายระดับโลกที่มีความปลอดภัย ซึ่งถูกวางโครงสร้างมาอย่างเป็นระบบ และมุ่งเน้นในการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุนเกี่ยวกับระบบไอทีโดยเฉพาะ เช่น:

· ให้ข้อมูลและสาธิตโซลูชั่นต่างๆ เพื่อให้ความรู้แก่ลูกค้า

· ช่วยเหลือในการออกแบบสถาปัตยกรรมระบบเพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

· เป็นศูนย์ทดสอบและยืนยันวิธีการในการทำงานว่าสามารถใช้ได้จริง

· ให้การสนับสนุนโซลูชั่นทั่วไปและแบบเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม

เดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ที่สิงคโปร์ พร้อมนำเสนอโซลูชั่นหลากหลายที่ครบวงจร อันประกอบไปด้วย:

· โซลูชั่นระบบประมวลผลยุคหน้า (Next Generation Computing Solutions) อย่างเช่น vStart และ Virtual Integrated System (VIS) เพื่อช่วยให้การติดตั้งระบบทำได้เร็วขึ้น และลดความซับซ้อนของเวอร์ชวลไลเซชั่น

· ระบบจัดการข้อมูลแบบอัจฉริยะ (Intelligent Data Management) ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีด้านระบบสตอเรจและการจัดลำดับชั้นความสำคัญของข้อมูล เพื่อปรับปรุงระบบจัดเก็บข้อมูลและสนองตอบต่อกฎเกณฑ์ด้านคอมไพลเอนซ์ ทั้งยังช่วยลดอุปสรรคด้านการออกแบบ ติดตั้ง และการจัดการระหว่างใช้งาน

· ระบบประมวลผลสำหรับผู้ใช้ (End-User Computing) ซึ่งรวมถึงโซลูชั่นด้านเดสก์ทอปเวอร์ชวลไลเซชั่นและโซลูชั่นด้านการจัดการต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและรองรับการดูแลอุปกรณ์ประมวลผลฝั่งผู้ใช้ได้อย่างปลอดภัย

· โซลูชั่นระดับองค์กร (Enterprise Solutions) นำเสนอความล้ำหน้าของ KACE, Compellent และ EqualLogic จากเดลล์

· โซลูชั่นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม (Vertical Solutions) เช่น Dell Connected Classroom สำหรับภาคการศึกษา และโซลูชั่นสำหรับธุรกิจค้าปลีก

สำหรับโซลูชั่นเซ็นเตอร์ในสิงคโปร์ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก เพื่อนำเสนอโซลูชั่นและบริการทางด้านเทคโนโลยีของเดลล์ ซึ่งได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยเสริมนวัตกรรมและขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าในโลกยุคเวอร์ชวล

มร.ไซมอน พิฟ ผู้ช่วยรองประธาน ฝ่ายงานวิจัยด้านโครงสร้างระดับองค์กร ของไอดีซี เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าการล้มหายตายจากหรือการควบรวมนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี และนั่นทำให้แนวคิดของการพึ่งพาผู้ค้ารายเดียวเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน” “ในขณะที่บริษัทกำลังมุ่งเข้าสู่สถาปัตยกรรมยุคหน้า ลูกค้าเองก็ต้องการความมั่นใจในการผสานระบบที่มีอยู่เดิมเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจใหม่ที่ตระหนักดีว่าโครงสร้างระบบที่ใช้งานจำเป็นต้องรองรับความหลากหลายได้อย่างดี เพราะเทคโนโลยีของวันนี้จะกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยในวันพรุ่งนี้ได้ไม่ยาก”

มร.รูพอล ชาห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจระดับภูมิภาค อินเทล เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “ความร่วมมืออันยาวนานระหว่างอินเทลและเดลล์ ได้สร้างรากฐานนวัตกรรมและพัฒนาการของระบบประมวลผลในหลายด้าน” ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่นเซ็นเตอร์ในเอเชียใต้ ในฐานะการเป็นพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยี และเราพร้อมที่จะร่วมนำเสนอโซลูชั่นและบริการที่ทันสมัยให้แก่ลูกค้าของเดลล์ในเอเชียสืบไป”

มร.ฮิเทช ปราจาพาติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายช่องทางธุรกิจและพัฒนาตลาด อีเมอร์สัน เน็ตเวิร์ก พาวเวอร์ เอเชีย กล่าวว่า “การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของโซลูชั่นเซ็นเตอร์จากเดลล์ในสิงคโปร์ ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเพิ่มโอกาสให้แก่ธุรกิจต่างๆ ในการปรับปรุงศักยภาพ บรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ และรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นได้ ซึ่งล้วนเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกันกับของ อีเมอร์สัน เน็ตเวิร์ก พาวเวอร์ ทั้งนี้ การร่วมมือกันระหว่างสองบริษัทอันยาวนาน เราได้ช่วยธุรกิจในการรับมือกับปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางด้านไอที และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติรวมไปถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสม ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่แสดงในเดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ถือเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของโซลูชั่นต่างๆ ที่พร้อมตอบโจทย์ทางธุรกิจ ไม่เฉพาะเพียงแค่ในสิงคโปร์ แต่รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียด้วย”

มร.อลิซอน คัว ซีอีโอของ เอเอ็มทีไอ ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า “เดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ถือเป็นศูนย์รวมขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงโซลูชั่นได้จริงก่อนตัดสินใจใช้งาน ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องลงทุนในด้านดังกล่าว และถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สำคัญอย่างยิ่ง การขยายตัวของเครือข่ายเดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ จะช่วยตอบโจทย์ด้านไอทีให้แก่ลูกค้าของเอเอ็มทีไอทั่วโลก ด้วยโซลูชั่นที่ครอบคลุม ทันสมัย และรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย”

มร.แช ยิว ชวน ผู้บริหารฝ่ายจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ ของ เนชันแนลเซอร์วิสรีสอร์ทแอนด์คันทรีคลับ (NSRCC) กล่าวว่า “เวิร์กชอปเกี่ยวกับเวอร์ชวลไลเซชั่นสำหรับธุรกิจขนาดกลาง ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับระบบเวอร์ชวลไลเซชั่น ที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเอ็นเอสอาร์ซีซี ทั้งนี้การได้สัมผัสกับโซลูชั่นดังกล่าวที่เดลล์โซลูชั่นเซ็นเตอร์ เปิดโอกาสให้ได้รู้จักกับฟังก์ชั่นหลักและประโยชน์ในด้านต่างๆ ที่จะได้รับหากมีการติดตั้งโซลูชั่นใหม่ หรือปรับปรุงโซลูชั่นเดิมที่มีอยู่ เรียกว่าเราได้ประโยชน์จากฟังก์ชั่นต่างๆ ของโซลูชั่นเซ็นเตอร์ระดับมืออาชีพ และเข้าใจในองค์ประกอบสำคัญๆ ทั้งหมด ต้องบอกว่าโซลูชั่นเซ็นเตอร์ในสิงคโปร์แห่งนี้ถูกออกแบบมาได้ดีอย่างยิ่ง”

View :1980

โนเกียเนรมิตโรงภาพยนตร์จัดปาร์ตี้ขนาดบิ๊ก The X7 Party

July 28th, 2011 No comments


โนเกียจัดปาร์ตี้แนวใหม่ ปิดโรงภาพยนตร์สกาล่า สยามสแควร์ ให้แฟนคลับ Nokia ออกโชว์ลวดลายความบันเทิงระดับบิ๊กคับจอ โดยมีสาวก Playhound และ Dudesweet ร่วมความมันส์กันอย่างคับคั่ง

นับเป็นครั้งแรกกับการเนรมิตโรงภาพยนตร์สุดคลาสสิกให้กลายเป็นพื้นที่ระเบิดความมันส์ ให้ได้ชิคไปกับปาร์ตี้บิ๊กๆ นอกจากความบันเทิงจากโนเกียแล้ว ยังมีแฟชั่นโชว์คอลลเลคชั่นล่าสุดจาก Playhound ที่มาในรูปแบบสุดล้ำ และภาพยนตร์สั้นจาก Dudesweet

Nokia X7 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Symbian Anna คับคั่งด้วยแอพและความบันเทิงจาก Ovi Store หน้าจอสัมผัสขนาดบิ๊ก 4 นิ้วเพื่อความบันเทิงระดับบิ๊ก วางจำหน่ายแล้วในราคา 13,900 บาท

View :1591
Categories: Press/Release Tags:

นโยบายการลงทุนของคนต่างด้าวในภาคธุรกิจโทรคมนาคม ใครควรเป็นผู้กำหนด?

July 28th, 2011 No comments

By

ในการประชุมของ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) รักษาการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งขาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศ กทช. ว่าด้วยการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว พ.ศ…. โดยให้มีการเพิ่มเติมข้อความในส่วนของการเกริ่นนำของร่างประกาศว่าเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ มิใช่เป็นการเร่งรัดดำเนินการในห้วงระยะเวลาปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้เขียนยิ่งมีข้อสงสัยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเร่งรัดของ รักษาการ กสทช. ชุดนี้ก่อนที่จะหมดวาระในเวลาเพียงอีกเดือนกว่าๆ หรือไม่

ร่างประกาศฉบับนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนดังเช่นของ กรณี พ.ร.บ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ (สืบเนื่องจากการที่บริษัท True Move ขอให้มีการตรวจสอบว่าบริษัท DTAC เป็นบริษัทต่างด้าวหรือไม่) หากแต่จะเป็น กฏ กติกาที่จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคธุรกิจโทรคมนาคมของไทย เนื่องจากประกาศดังกล่าวได้กำหนดนิยามของคนต่างด้าวจากอำนาจในการควบคุมบริษัท (corporate control) โดยพิจารณาจากปัจจัยที่หลากหลาย เช่น สิทธิในการออกเสียง แหล่งที่มาของเงินทุน การทำสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา สัญญาจัดซื้อจัดจ้าง สัญญาบริหาร การโอนราคา ฯลฯ ในการรับฟังความคิดเห็นนั้น (ซึ่งรายงานการรับฟังความคิดเห็นไม่ได้ลงในเว็บไซต์ ต้องขอ) ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดมากกว่า 1 รายได้ทักท้วงว่า นิยามของคำว่า ”อำนาจในการควบคุม” ในร่างประกาศฯ ดังกล่าวกว้างเกินไป ชี้วัดได้ยาก ทำให้เกิดปัญหาในการตีความ นอกจากนั้นแล้ว การประเมินว่าคนต่างด้าวมีอำนาจในการควบคุมเกิน “กึ่งหนึ่ง” ของอำนาจการควบคุมโดยรวมของกิจการนั้นยิ่งไม่เป็นรูปธรรม ทำให้เกิดความไม่แน่นอนแก่ผู้ประกอบธุรกิจ

ผู้เขียนมีความเห็นว่า กฎ กติการในการกำกับดูแลธุรกิจที่มีความคลุมเครือและให้อำนาจดุลยพินิจอย่างกว้างขวางแก่หน่วยงานที่มีอำนาจในการบังคับใช้ ซึ่งมีอยู่อย่างดาษดื่นในประเทศไทยนั้น เป็นปัจจัยที่ทำลายภาคธุรกิจของประเทศ เนื่องจากผู้ประกอบการเอกชนต้องเสียเวลาและเงินตราในการวิ่งเข้าหาผู้ที่มีอำนาจเพื่อให้มีการตีความที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองหรือเป็นโทษต่อคู่แข่งมากกว่าที่จะใช้เวลาในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในเชิงธุรกิจของตนเอง ทั้งนี้ ข้อ 3 ของร่างประกาศดังกล่าวระบุไว้ว่า “ … คณะกรรมการอาจพิจารณายกเว้นการบังคับใช้ประกาศนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน แก่การครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งซึ่งมีลักษณะสอดคล้องกับแนวปฏิบัติอันเป็นที่ยอมรับทั่วในทางธุรกิจ แต่ทั้งนี้ให้พิจารณาข้อเท็จจริงและเหมาะสมเป็นรายกรณีไป” กสท. ได้ท้วงติงว่าข้อความนี้ให้อำนาจแห่งดุลยพินิจแก่หน่วยงานกำกับดูแลโดยปราศจากหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน โปร่งใส แต่การชี้แจงของสำนักงาน กสทช. เพียงระบุว่า “ผู้ประกอบการที่ดำเนินการแนวทางปฏิบัติอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในทางธุรกิจ ซึ่งก็เป็นหลักที่ยอมรับได้อย่างเป็นสากลและมิได้เป็นการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด” ผู้เขียนอาจไม่ฉลาดพอ เพราะต้องยอมรับว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจว่าที่ สำนักงาน กสทช. กล่าวมาได้ตอบข้อข้องใจของ กสท. อย่างไร

ในลักษณะเดียวกัน DTAC ก็ได้หยิบยกประเด็นว่า หากการครอบงำอำนาจในการควบคุมบริษัทของคนต่างด้าวนั้นเป็นไปโดยถูกกฎหมาย (ไม่มีนอมินี) และเกิดจากความสมัครใจของผู้ถือหุ้นไทยที่อาจขาดประสบการณ์ด้านธุรกิจโทรคมนาคมจึงไว้วางใจให้ผู้ถือหุ้นต่างชาติเป็นผู้บริการจัดการก็ไม่น่าเป็นสิ่งที่เสียหาย ทั้งนี้ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ไม่ได้ห้ามต่างชาติมีอำนาจในการกำหนดนโยบายในบริษัทไทยแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม นิยามของคนต่างด้าวในกฎหมายดังกล่าวที่จงใจดูการถือหุ้นชั้นเดียวในการกำหนดสัญชาติของบริษัทนั้นสะท้อนชัดเจนว่ากฎหมายต้องการเปิดให้ต่างชาติสามารถเข้ามาเป็นผู้ควบคุมนิติบุคคลไทยได้โดยการถือหุ้นทางอ้อมเพียงแต่ในการถือหุ้นในแต่ละลำดับชั้นนั้น ผู้ถือหุ้นข้างมากต้องเป็นคนไทย ในประเด็นนี้ข้อวิเคราะห์ของสำนักงาน กสทช. ระบุว่า แม้บริษัทควรที่จะมีอิสระในการกำหนดโครงสร้างอำนาจในการบริหารจัดการบริษัทเอง แต่ในบางบริษัท “กรรมการมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้ถือหุ้นเป็นพิเศษจนไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทแต่เลือกที่จะกระทำการเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นแทน” ผู้เขียนไม่แน่ใจว่า สำนักงาน กสทช. มีหน้าที่หรืออำนาจที่จะมาตัดสินใจว่ากรรมการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทหรือไม่หรือ และ ผลประโยชน์ของบริษัทมิใช่ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นหรือ ? แต่ที่สำคัญกว่านั้น ผู้เขียนยังไม่เข้าใจว่า ประกาศฯ ดังกล่าวมีความจำเป็นหรือสำคัญอย่างไรต่อการพัฒนาธุรกิจโทรคมนาคมไทย

เมื่อปลายปีที่แล้ว คณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริตด้านเศรษฐกิจที่พิจารณาเรื่องการประมูลคลื่น 3G ได้ตั้งคำถามเดียวกันว่า กทช. มีแนวนโยบายและเหตุผลอย่างไรในการนำเสนอร่างประกาศซึ่งเป็นการจำกัดการลงทุนของต่างชาติ ในช่วงเวลาที่ กทช. ต้องการจะชักจูงให้มีบริษัทต่างชาติเข้าร่วมประมูลคลื่น 3 G จากการทำ Road show ในหลายประเทศ

อนึ่ง ข้อ 5 ของระเบียบคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยการประเมินผลกระทบจากการกำกับดูแล พ.ศ. 2549 กำหนดให้ กทช. ต้องดำเนินการจัดทำการประเมินผลกระทบจากการกำกับดูแล ในกรณีที่มีการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดใดๆ ที่เป็นการใช้อำนาจควบคุม หรือกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม โดยจะต้องประเมินผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด ผู้ประกอบการแต่ละราย ตลอดจนผลดีผลเสียต่อผู้บริโภคคนไทย ผู้เขียนได้พยายามติดต่อ สำนักงาน กสทช. เป็นเวลาเกือบ 2 วันเพื่อที่จะได้มาซึ่งรายงานดังกล่าวแต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากมีการโยนกันไปโยนกันมาระหว่างเจ้าหน้าที่หลายส่วนโดยอ้างว่า ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่อยู่ไปประชุม ทั้งๆ ที่ระเบียบข้อ 5 ดังกล่าวเขียนไว้ชัดเจนว่า การเสนอร่างประกาศฯ ต่อคณะกรรมการฯ ต้องแนบรายงานการประเมินผลกระทบไปด้วยทุกครั้ง เรื่องที่มีความสำคัญเช่นนี้มีบุคคลคนเดียวที่รับผิดชอบหรือรับรู้หรือ ? ในประเทศที่พัฒนาแล้ว รายงานดังกล่าวจะต้องปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแลโดยไม่ต้องร้องขอ (และไม่ได้) เช่นนี้

ผู้เขียนคิดว่า แม้ร่างประกาศฯ ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามระเบียบของ สำนักงาน กสทช. และตามกฎหมายแล้ว แต่ กสทช. ยังไม่สามารถชี้แจงประเด็นหรือปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาสาระสำคัญของประกาศฯ เพื่อคลายข้อกังวลต่างๆ ของผู้ประกอบการ นอกจากนี้แล้ว การที่สำนักงานไม่เปิดเผยรายงานการประเมินผลกระทบของร่างประกาศฯ ดังกล่าวต่อสภาพการแข่งขันในตลาดและต่อเศรษฐกิจไทยตามที่กำหนดในระเบียบของ สำนักงาน กสทช. เอง ทำให้เกิดคำถามว่า กระบวนการในการออกประกาศฯ ดังกล่าวถูกต้องครบถ้วนมากน้อยเพียงใด และสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดข้อครหาว่าเป็นการเร่งรัดเพื่อผลประโยชน์ของธุรกิจบางกลุ่มเท่านั้น

สุดท้าย ผู้เขียนมีความเห็นว่า การลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมเป็นประเด็นทางนโยบายที่มีความสำคัญระดับประเทศมิใช่เป็นประเด็นที่หน่วยงานกำกับดูแลรายสาขาจะเข้ามาใช้อำนาจแห่งดุลยพินิจโดยไร้หลักเกณฑ์ในการตัดสินใจที่ชัดเจน โปร่งใส และปราศจากข้อมูลและหลักฐานของผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในวงกว้างต่อทั้งประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศที่สาธารณชนสามารถเข้าถึงได้ แต่ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ได้เวลาหรือยังที่ธุรกิจและประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิในการรับรู้ที่มาที่ไปของกฎ ระเบียบต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพวกเขามากขึ้น ?

View :1435

“คิงส์ตัน” ประกาศวางจำหน่ายโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลไร้สาย Wi-Drive

July 28th, 2011 No comments

อุปกรณ์จัดเก็บแบบพกพาเพื่อการแบ่งปันข้อมูลบน iPad, iPhone และ iPod Touch

บริษัท คิงส์ตัน เทคโนโลยี ประเทศไทย ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก ประกาศวางจำหน่าย อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดไร้สายสำหรับ Apple iPad, iPhone และ iPod touch ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้* ผ่านทางผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของคิงส์ตัน

Wi-Drive มาพร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวและฟังก์ชั่นที่ให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลสำคัญได้ทุกๆ ที่ โดยไม่ต้องเข้าระบบออนไลน์และไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง และ Wi-Drive ยังใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชที่ทนทานกว่าฮาร์ดดิสก์แบบดั้งเดิม ช่วยให้สามารถถ่ายโอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังพกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 86.18 กรัม ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าชุดไพ่หนึ่งสำรับ

Wi-Drive มีสัญญาณ Wi-Fi ในตัว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับชมภาพยนตร์ ฟังเพลง เรียกดูภาพและเอกสารได้ด้วย Wi-Drive App ที่มีให้ดาวน์โหลดฟรีทาง App Store SM โดย Wi-Drive มีให้เลือกทั้งขนาดความจุ 16GB และ 32GB และยังให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนไฟล์จากอุปกรณ์ Apple ได้พร้อมกันถึงสามคนอีกด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมและชมวิดีโอสาธิตการใช้งานเพื่อเพิ่มศักยภาพความจุของ Apple iPad, iPhone และ iPod touch ได้ที่ www.kingston.com/flash/wi_drive.asp หรือ http://youtu.be/-r9-yW4SbFs

*วันวางจำหน่ายอาจแตกต่างไปในแต่ละประเทศ

View :1425
Categories: Press/Release Tags: