Archive

Archive for September, 2011

เซ็ทเทรด ย้ำมั่นใจระบบซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต พร้อมพัฒนาต่อเนื่อง

September 20th, 2011 No comments

ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการ บริษัท ดอท คอม จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ลงทุนได้ให้ความสนใจลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดอนุพันธ์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2554 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 24.5 % และ 32.5% ตามลำดับ จากปริมาณการซื้อขายรวมทั้งหมด โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เซ็ทเทรดฯ ได้พัฒนาระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อให้บริการแก่บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดอนุพันธ์ และได้พัฒนาเพื่อรองรับ function และการซื้อขายตราสารใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้ง Silver Futures, ETF และยังเตรียมการสำหรับ Oil Futures และตราสารใหม่ ๆ ในอนาคต

จากการพัฒนาเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าในหลาย ๆ ด้าน ทำให้เกิดการติดขัดของระบบบ้างตามที่ปรากฏเป็นข่าว อย่างไรก็ตาม เซ็ทเทรดฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ประสานงานกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิก ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการระบบ (Vendor) อย่างใกล้ชิด ซึ่งปัญหาก็ได้รับการแก้ไขแล้ว โดยจัดให้มีทีมงานเฉพาะ เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ เซ็ทเทรดฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์เทรดดิ้งแพลตฟอร์มชั้นนำของภูมิภาค เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของบริษัทสมาชิกอย่างต่อเนื่อง

“เพื่อเพิ่มสเถียรภาพแก่ระบบในอนาคต บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม ได้จัดทำแผนงานในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้รองรับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังจัดทำแผนงานเพื่อขยายระบบและรองรับสินค้าใหม่ เช่น Thai DR และ Options รวมทั้ง ตราสารอื่น ๆ ในอนาคต ที่สำคัญ คือการเตรียมแผนงานในระยะยาว เพื่อรองรับการต่อเชื่อมกับระบบซื้อขายใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีหน้า” ดร. ภากร กล่าว

บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม ก่อตั้งในปี 2543 โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้บริการระบบซื้อขายหลักทรัพย์ทางอินเทอร์เน็ตให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดอนุพันธ์ ทั้งนี้ การจัดตั้งเซ็ทเทรด เป็นการอำนวยความสะดวกแก่บริษัทหลักทรัพย์ที่ไม่ต้องการพัฒนาระบบซื้อขายเอง และต้องการให้มีจำนวนผู้ให้บริการระบบซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นทางเลือกมากขึ้น ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ทางอินเทอร์เน็ตของเซ็ทเทรด ครอบคลุมหลายช่องทาง รวมทั้ง มือถือ และอุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่น Tablet ปัจจุบันเซ็ทเทรด ดอท คอม ให้บริการระบบซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ตแก่บริษัทหลักทรัพย์ 34 ราย จาก 45 ราย

View :1544

สนข.รุกคืบพัฒนาระบบรายงานสภาพจราจรแบบ Real Time หลังจากประสบความสำเร็จเปิดเว็บไซต์ บริการข้อมูลรายงานจราจรผ่าน www.itsotp.net และทางระบบมือถือ m.itsotp.net

September 19th, 2011 No comments

ล่าสุดเพิ่มข้อมูลจากเครือข่ายกว่า10 หน่วยงาน เพื่อให้บริการข้อมูลทั้งด้านที่จอดรถ รายงานสภาพอากาศ เที่ยวบิน แบบเรียลไทม์ ช่วยเป็นตัวเลือกก่อนตัดสินใจเดินทางแก่ประชาชน พัฒนาขึ้นสู่ สังคมออนไลน์ Face book และ Smart Phone ถือเป็นรายเดียวที่ให้บริการข้อมูลครบสมบูรณ์

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่สนข.ได้เปิดให้บริการข้อมูลรายงานการจราจรแบบเรีลไทม์ ผ่าน www.itsotp.net และทางระบบมือถือ m.itsotp.net เมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากประชาชนกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี มีผู้เข้าใช้บริการทางเว็บไซต์กว่า 10,000 คนต่อเดือนและทางมือถืออีกว่า10,000 คนต่อเดือน และทางหน่วยงานได้มีการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการเชื่อมต่อข้อมูลซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลจราจรจากหน่วยงานอื่นๆที่นอกเหนือจากหน่วยงานสนข.เอง อาทิ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กองบังคับการกองตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)เป็นต้น

“เราได้มีการพัฒนาข้อมูลเพิ่มเติม ที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจก่อนการเดินทาง ล่าสุด ได้เพิ่มระบบรายงานที่จอดรถสาธารณะแบบReal Time ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินเฉลิมพระเกียรติ บีทีเอส และแอร์พอร์ตเวลลิงค์ กว่า 10 แห่ง ที่จอดรถสาธารณะ รฟม.กว่า100 แห่ง และที่จอดรถในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุม ซึ่งข้อมูลนี้จะรายงานจำนวนที่จอดรถว่าง อัตราค่าบริการ แผนที่ตั้งของที่จอดรถ นับว่าอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่

มีระบบรายงานข้อมูลไฟล์การบินที่สนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แบบ Real Time สำหรับท่าอากาศยานในประเทศ 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ,เชียงใหม่,ภูเก็ต,หาดใหญ่ และแม่ฟ้าหลวงเชียงราย

นอกจากนี้ยังมีระบบรายงานสภาพอากาศที่ได้เชื่อมต่อกับกรมอุตินิยมวิทยา ซึ่งช่วยให้ผู้เดินทางสามารถตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองต่างๆทั้งในและต่างประเทศซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดและข้อมูลอนาคตได้อีกด้วย และปัจจุบันสนข.อยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมต่อข้อมูลเพิ่มเติมจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และศูนย์ควบคุมอาชญากรรมและสั่งการจราจรของตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี จัดทำระบบนำร่องการบริหารจัดการข้อมูลให้การบริการรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งระบบข้อมูลระบบขนส่งสาธารณะแบบ บูรณาการ ทั้งระบบอีกด้วย

นางสร้อยทิพย์กล่าวต่ออีกว่า ทางสนข.ได้เพิ่มช่องทางการให้ข้อมูลการจราจรผ่านเครือข่ายออนไลน์ Facebook โดยค้นหา “Thai Trafinfo Page ” จากนั้นกด Like หน้าดังกล่าว หรือสามารถ twitter ด้วยการสมัครFollwer ของ “ ThaiTrafinfo ” ติดตามข้อมูลการจราจรล่าสุด และรวมแชร์ข้อมูลให้กับเครือข่ายให้กับเพื่อนในสังคมออนไลน์ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ได้จัดทำระบบรายงานสภาพการจราจร ผ่านทางระบบมือถือแบบ Smart Phone ได้แก่โทรศัพท์ ไอโฟน และ สมาร์ทโฟน ต่างๆที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android และสามารถดาวโหลด แอพพลิเคชั่นชื่อ “ Thai Trafinfo ” ได้ทาง App Store ของ ไอโฟน และ Market ของระบบ Android นับเพิ่มความสะดวกให้กับคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี

ระบบแนะนำข้อมูลการจราจรและการเดินทาง

ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กระทรวงคมนาคม ได้ทำการพัฒนาระบบรายงานสภาพการจราจรแบบ Real Time เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสารสภาพจราจรแก่ประชาชนผู้เดินทางสำหรับใช้วางแผนการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัดในลักษณะของเส้นสีบนแผนที่โครงข่ายถนนซึ่งจำแนกตามระดับการติดขัดของการจราจร และภาพการจราจรจากกล้อง CCTV มาอย่างต่อเนื่องซึ่งแหล่งที่มาของข้อมูลสภาพจราจรนี้มีทั้งส่วนที่เป็นของสนข.เองและสนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ได้แก่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด(มหาชน) เป็นต้น โดยผู้เดินทางสามารถตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทางได้ทั้งทางเว็บไซต์ http://www.itsotp.net และทางระบบโทรศัพท์มือถือที่ m.itsotp.net ล่าสุด สนข.ได้ทำการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น มีการบูรณาการข้อมูลที่เกี่ยวข้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาวิธีการติดตามข้อมูลสภาพจราจรให้มีช่องทางหลากหลายเพิ่มขึ้น ได้แก่

 ระบบรายงานสภาพจราจรผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ Facebook โดยผู้เดินทางที่ใช้งาน Facebook สามารถติดตามข้อมูลได้โดยทำการค้นหา “Thai Trafinfo Page” จากนั้นกด “ ถูกใจ หรือ Like” Page ดังกล่าว เสร็จแล้วก็จะสามารถติดตามข้อมูลสภาพจราจรล่าสุดได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องตลอดเวลา นอกจากนี้ ผู้เดินทางสามารถร่วมแชร์ข้อมูลสภาพจราจรให้เพื่อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้รับทราบโดยการพิมพ์ข้อความรายงานสภาพจราจรบน Wall ของ Thai Trafinfo Page ได้อีกด้วย

 ระบบรายงานสภาพการจราจรผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ twitter โดยการสมัครเป็น Follower ของ “ThaiTrafinfo” ก็จะสามารถติดตามข้อมูลสภาพจราจรล่าสุดและร่วมแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน

 ระบบรายงานสภาพจราจรผ่านทางระบบโทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone ได้แก่ โทรศัพท์ และ Smart Phone ต่างๆที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android โดยสามารถ download แอพพลิเคชั่นชื่อ “Thai Trafinfo” ได้ทาง App Store ของ และ Market ของระบบ Android

 ระบบรายงานที่จอดรถสาธารณะตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล รถไฟฟ้าบีทีเอส และแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น โดยผู้เดินทางสามารถตรวจสอบข้อมูลที่จอดรถสาธารณะบริเวณสถานีรถไฟฟ้าและบริเวณใกล้เคียง อาทิเช่น จำนวนที่จอดรถทั้งหมด จำนวนที่จอดรถว่างในขณะนั้น (ข้อมูลในส่วนนี้มีเฉพาะที่จอดรถตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลซึ่งสนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) แบบ Real Time โดยจัดทำเป็นโครงการนำร่องในที่จอดรถ 2 แห่ง ได้แก่ อาคารจอดรถลาดพร้าวและศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) อัตราค่าบริการจอดรถ แผนที่ที่ตั้งของที่จอดรถ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลที่จอดรถสาธารณะประเภทอื่นๆ ในเขตกทม.และปริมณฑลด้วย อาทิเช่น ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุม เป็นต้น

 ระบบรายงานข้อมูลไฟลท์การบินที่สนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยผู้ใช้งานสามารถที่จะตรวจสอบข้อมูลสถานะการบริการของไฟลท์การบินต่างๆ แบบ Real Time สำหรับท่าอากาศยานภายในประเทศจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

 ระบบรายงานสภาพอากาศที่สนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากกรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งจะช่วยให้ผู้เดินทางสามารถตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยข้อมูลสภาพอากาศที่รายงานจะประกอบด้วยข้อมูลสภาพอากาศล่าสุด และข้อมูลการพยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้า

นอกจากนี้ ปัจจุบัน สนข.อยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมต่อข้อมูลเพิ่มเติมจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และศูนย์ควบคุมอาชญากรรมและสั่งการจราจรของตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี การจัดทำระบบนำร่องการบริหารจัดการข้อมูลการให้บริการรถไฟของการรถไฟแห่งประเทสไทย (รฟท.) รวมทั้งการพัฒนาระบบแนะนำการเดินทางทั้งที่เป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและระบบขนส่งสาธารณะแบบบูรณาการซึ่งครอบคลุมทั้งระบบรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าและเรือโดยสารประจำทางด้วย

View :2758
Categories: Press/Release, Technology Tags:

กทท. จัดเสวนาเตรียมความพร้อมใช้ระบบ e-Gate เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ

September 19th, 2011 No comments

การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดเสวนาการผ่านเข้า-ออกประตูตรวจสอบอัตโนมัติ () สำหรับผู้ประกอบการ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และพนักงาน กทท. รวมกว่า 250 คน ในวันที่ 20 กันยายน 2554 นี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติงานร่วมกัน รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือฯ เปิดเผยว่า กทท.จะจัดเสวนาการผ่านเข้า-ออกประตูตรวจสอบอัตโนมัติ (e-Gate) สำหรับผู้ประกอบการหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและพนักงาน กทท. รวมกว่า 250 คน ในวันที่ 20 กันยายน 2554 นี้ ณ ห้องประชุมชั้น 19 อาคารที่ทำการ กทท.เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้องกับระบบ e-Gate และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมี ผศ.ดร.สมนึก คีรีโต ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและ อ.สุรชัย กรีวัชรินทร์ ผู้จัดการโครงการสถาบันฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ นักบริหาร 15 ประจำผู้อำนวยการ กทท. และเจ้าหน้าที่ระดับสูง กทท. ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาฯ

สำหรับการพัฒนาและติดตั้งระบบควบคุมการผ่านเข้า-ออก (e-Gate) ที่ ทกท. ตามโครงการพัฒนาสู่การบริการในระบบท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ () นั้น ขณะนี้ระบบฯ ดังกล่าวผ่านการทดสอบความพร้อมในการปฏิบัติงานและได้ทดลองระบบฯ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ควบคู่กับการเปิดลงทะเบียนทำบัตรอนุญาตบุคคลและยานพาหนะผ่านเข้า-ออก ทกท. สำหรับผู้ใช้บริการ โดยมีกำหนดเปิดใช้งานระบบ e-Gate เต็มรูปแบบทุกช่องทางในวันที่ 1 ตุลาคม 2554 นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ หรือ ISPS Code (International Ship and Port Facilities Security Code)

ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินการติดตั้งระบบ e-Gate ดังกล่าวที่ประตูด่านตรวจสอบจำนวน 3 ประตู และประตูด่านควบคุมภายในเขตรั้วศุลกากร ทกท. จำนวน 4 ประตู โดยเป็นการทำงานระบบอัตโนมัติด้วยการใช้เทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) ในการอ่านหมายเลขตู้สินค้าและ RFID (Radio Frequency Identification) ในการตรวจสอบสิทธิบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออก ทกท. ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถตรวจสอบหมายเลข สภาพความชำรุดเสียหายของตู้สินค้า รวมทั้งรายละเอียดต่างๆ ของยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออกตามบัตร RFID ได้ทันที ซึ่งเจ้าของสินค้าจะต้องแจ้งข้อมูลทั้งหมดล่วงหน้า และมีการบันทึกลงบัตร RFID โดยกระบวนการตรวจสอบโดยผ่านบัตร RFID ดังกล่าว จะใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที/คัน ซึ่งจะสามารถลดขั้นตอนด้านเอกสาร เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบข้อมูล การจราจรมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพด้านการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการ

View :1634

ไอดีซีเปิดตัวแอพพลิเคชันใหม่ ให้ผู้ใช้ไอโฟนและไอแพด เกาะติดเทรนด์เทคโนโลยีได้ทุกที่ทุกเวลา

September 19th, 2011 No comments

ไอดีซีเปิดโอกาสให้ซีไอโอและผู้บริหารที่ทำงานเกี่ยวข้องกับไอทีได้อัพเดตข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งเกาะติดเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแวดวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย/แปซิฟิกก่อนใคร ผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานได้บนไอโฟนและไอแพด

คือแอพพลิเคชั่นฟรีที่พัฒนาโดยไอดีซี ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานไอโฟนและไอแพดได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับตลาดไอซีที พร้อมทั้งได้รับข้อคิดเห็นจากเหล่านักวิเคราะห์ของไอดีซีได้แบบทุกที่ทุกเวลา โดยไอดีซีจะนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการวิจัยตลาดในแง่มุมต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกได้นำไปใช้ประกอบการตัดสินใจจัดซื้อสินค้าและบริการด้านไอซีทีต่อไป

นายเจสัน โกรัท รองประธานฝ่าย Integrated Marketing Programs ของไอดีซีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวถึงแอพพลิเคชั่นตัวใหม่นี้ว่า “ซีไอโอและผู้บริหารหลายท่านได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้นำหน้ากระแสที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในอุตสาหกรรมไอซีที วัตถุประสงค์หลักของแอพพลิเคชั่น Info On The Go ของไอดีซีคือการช่วยให้เหล่าผู้บริหารที่มีงานล้นมือทั้งหลายได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในแวดวงเทคโนโลยีที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านเทคโนโลยีทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของพวกเขาได้”

คุณสมบัติเด่นของแอพพลิเคชั่น Info On The Go คือการนำเสนอ:
• ข้อคิดเห็นจากนักวิเคราะห์ การวิเคราะห์ล่าสุดทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เพื่อช่วยให้คุณได้ตรวจสอบและเกาะติดเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายๆ อุตสาหกรรม
• ข้อมูลอัพเดตและสถิติของการใช้จ่ายด้านไอซีทีล่าสุด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการลงทุนด้านไอซีที
• ข้อมูลเฉพาะเทคโนโลยีและเฉพาะอุตสาหกรรมกว่า 20 หมวดหมู่เช่น คลาวด์ สิ่งคำคัญสำหรับซีไอโอ ดาต้าเซ็นเตอร์ เวอร์ชวลไลเซชั่น แอพพลิเคชั่นบนมือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ท โซเชียลมีเดีย กลยุทธ์การสรรหา การบริการด้านการเงิน ข้อมูลภาครัฐและสาธาณสุข ภาคการผลิตและภาคค้าปลีก
• Who’s Who: แนะนำนักวิเคราะห์ของไอดีซีที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ประจำอยู่ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
• อัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับการการสัมมนา เวิร์คช็อป การประชุมโต๊ะกลม และ การบรรยายสรุปโดยนักวิเคราะห์ของไอดีซี ที่จัดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โดยแอพพลิเคชั่น Info On The Go ของไอดีซีนั้นเปิดให้ผู้ใช้ไอโฟนและไอแพดได้ดาวน์โหลดจาก App Store

ไอดีซีจะทำการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Info On The Go อย่างเป็นทางการในงานสัมมนา ’s Asia/Pacific Mobile Everything Conference ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 กันยายน 2554 ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสัมมนาครั้งนี้ได้ที่ http://www.ap..asia/events/view/?event_id=172&loc_id=172

View :1864

สวทช/ก.วิทย์ ฯร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา/ก.พาณิชย์ ร่วมมือกันในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ ด้วยการคุ้มครองผลงานวิจัย

September 19th, 2011 No comments

ร่วมกับ (สวทช.)จัดพิธีลงนาม “บันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนางานด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม” โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์) เป็นประธานและสักขีพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

โดย ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสวทช. กล่าวว่า “ผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งมีมากมาย และล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่สำคัญของประเทศ ผลงานวิจัยเหล่านี้เป็นผลงานที่สามารถได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในประเภทต่างๆ อาทิ สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ แบบผังภูมิวงจรรวม เป็นต้น นอกเหนือจากที่ สวทช.ได้ดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนคุ้มครองผลงานของตนแล้ว ยังให้บริการแก่ประชาชนในการยื่นขอจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาด้วย และทางด้านกรมทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะที่เป็นหน่วยงานให้บริการจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ สวทช. ที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับการคุ้มครองผลงานวิจัย การส่งเสริมการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ตามนโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการยกระดับขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของไทย ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ 11”

ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวเสริมอีกว่า“นอกจากนี้ เพื่อให้บันทึกความตกลงนี้มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการแนบท้ายบันทึกความตกลง โดยในปี2555จะมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาระบบการตรวจสอบสิทธิบัตรให้มีประสิทธิภาพโดยการจัดทำคู่มือและการจัดการอบรมในเรื่องการตรวจสอบการประดิษฐ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี( หรือ TLO) ทั้งภายใต้สังกัด สวทช. และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั่วประเทศ จัดให้มีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมด้านการออกแบบ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้คำปรึกษาแก่นักวิจัยในประเด็นการพิจาณาความใหม่และขั้นการประดิษฐ์ของสิทธิบัตร รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติงาน “

View :1560

ดีแทคมอบ 1 ถุง 1 น้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

September 19th, 2011 No comments

19 กันยายน 2554 – นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริหารมอบถุงน้ำใจจากโครงการ 1 ถุง 1 น้ำใจแก่พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัดของประเทศไทย ผ่านทางกระทรวงกลาโหม โดยถุงน้ำใจทั้งหมดมูลค่า 2,000,000 บาท มาจากการรวบรวมพลังน้ำใจครั้งยิ่งใหญ่จากพี่น้องชาวดีแทคและองค์กร ทั้งนี้ โครงการนี้พี่น้องชาวดีแทคยังช่วยกันแพ็กสิ่งของคนละ 1 ถุง ในการแพ็คสิ่งของที่จำเป็นลงถุงยังชีพ ให้ได้ครบ 2,500 ถุง พร้อมลงชื่อในการ์ดให้กำลังใจ เพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย

View :1776

JoomlaDay Bangkok 2011

September 18th, 2011 No comments

กลับมาอีกครั้ง กับวันรวมพลคนใช้จูมล่าในประเทศไทย ครั้งที่ห้า พบกับบรรดานักพัฒนาจูมล่าจากทั่วโลก ที่จะมาร่วมแนะนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และแนวทางการประยุกต์และพัฒนาเว็บไซต์ด้วยจูมล่าในแขนงงานต่างๆ

จูมล่า (Joomla!) เป็นโปรแกรมโอเพนซอร์สที่ใช้ในการสร้างและจัดการเนื้อหาในเว็บไซต์ ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี พร้อมทั้งยังมีส่วนเสริม (extensions) อีกกว่า 8,000 ตัวให้เลือกใช้ ปัจจุบัน จูมล่ามียอดดาวน์โหลดไปใช้งานแล้วกว่า 25 ล้านครั้ง รวมทั้งเว็บไซต์ขององค์กรใหญ่ๆ เช่น อีเบย์ ซิตี้แบงค์ เทสโก้โลตัส โฮมโปร ฯลฯ และองค์กรสำคัญในไทยอีกหลายสิบองค์กร

สมาคมศึกษาและพัฒนาโอเพนซอร์ส ร่วมกับ JoomlArt.com และ JoomlaCorner.com ขอเรียนเชิญนักพัฒนา และผู้ที่สนใจ เข้าร่วมงาน “วันรวมพลคนใช้จูมล่าในประเทศไทย JoomlaDay Bangkok 2011″ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5
ในปีนี้ ทุกท่านจะได้พบกับวิทยากรนักพัฒนาในทีมจูมล่าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่มารวมตัวกันในโอกาสพิเศษนี้ เพื่อให้คำแนะนำการใช้งานจูมล่าในแง่มุมต่างๆ อาทิ การแนะนำจูมล่า เวอร์ชัน 1.7 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งแนวทางการพัฒนาในเวอร์ชันต่อๆ ไป, การพัฒนาจูมล่า กับงาน e-Commerce, HTML5, SEO และ Cloud Hosting, การขยายเว็บไซต์เพื่อรองรับการเติบโต (Scalability), รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับจูมล่า และการพัฒนาเว็บไซต์
การจัดงานจะเป็นรูปแบบของการสัมมนา ทั้งการสัมมนารวมในห้องใหญ่ และการแบ่งย้องห้องสัมมนาออกเป็น 2 ห้อง เพื่อที่ผู้ร่วมสัมมนาจะได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น กับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิกว่าสิบท่าน อาทิ
1. Mr. Mark Dexter – Production Leadership Team, Bug Squad Coordinator, Joomla.org จาก Washington
2. คุณอัครวุฒิ ตำราเรียง – Board member Open Source Matters, Joomla.org
3. Mr. Mitch Pirtle – Co-Founder of Joomla! และผู้พัฒนา MongoDB จาก New York
4. Mr. Johan Janssens – CEO of Timble และ Co-Founder of Joomla! จาก Belgium
5. Mr. Peter Martin – Community Leadership Team, Joomla.org จาก Netherlands
6. Mr. Emmanuel Danan – FLEXIcontent Lead developer จาก France
7. คุณกิตติวัฒน์ มโนสุทธิ – CEO Pacific Net Venture ผู้เชี่ยวชาญ Cloud Hosting
8. คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์ – กรรมการผู้จัดการ mInteraction ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด
9. คุณปภาดา อมรนุรัตน์กุล – กรรมการบริษัท RedRank จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO
พร้อมทั้งวิทยากรจาก HTC ประเทศไทย และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ อีกหลายท่าน

ค่าใช้จ่ายในการร่วมงาน JoomlaDay Bangkok 2011 ท่านละ 950 บาท หรือหากชำระภายในวันที่ 15 ตุลาคม จะเหลือเพียง 890 บาท ซึ่งนอกจากสิทธิ์ในการเข้าร่วมสัมมนา ท่านจะได้รับ เสื้อยืดสกรีนโลโก้จูมล่าลายลิขสิทธิ์แท้ 1 ตัว, อาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ 1 มื้อ และกาแฟพร้อมอาหารว่างช่วงพักเบรค 2 มื้อ พร้อมทั้งสิทธิ์ในการร่วมลุ้นของรางวัลมากมายภายในงาน อาทิ คูปองสำหรับบอกรับเป็นสมาชิก extensions จาก redCOMPONENT.com 1 ปี มูลค่า €69 จำนวน 25 รางวัล, สมาชิกเทมเพลตจาก JoomlArt.com ประเภท Standard 1 ปี มูลค่า $70 จำนวน 10 รางวัล และประเภท Developer มูลค่า $499 จำนวน 1 รางวัล เป็นต้น

งานรวมพลคนใช้จูมล่าในประเทศไทย JoomlaDay Bangkok 2011 จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม 2554 เวลา 8:30 – 16:30 น. ณ ห้องราชเทวีแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมเอเซีย กรุงเทพฯ (สถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี) นักพัฒนา ตลอดจนผู้ที่สนใจทุกท่าน สามารถลงทะเบียนหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.joomladay.in.th หรือโทร. 0 2717 1120-1

View :1294

กรมส่งเสริมการส่งออกได้ฤกษ์เปิดตัว www.thaitrade.com นำสินค้าไทยบุกตลาดโลก

September 16th, 2011 No comments

เปิดตัว อย่างเป็นทางการ หวังเป็นช่องทางการค้าขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ แบบ B2B ช่วยผู้ประกอบการชาวไทยสร้างรายได้เพิ่ม คาดหวังยอดสั่งซื้อจาก 43 ประเทศทั่วโลก ปีละไม่ต่ำกว่า 600,000 ล้านบาท

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ได้เล็งเห็นความสำคัญและศักยภาพของ E-Commerce จึง ได้จัดให้มีโครงการดีๆ อย่าง thaitrade.com ขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางการส่งเสริมการส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสกระจายสินค้าไปสู่ผู้ซื้อทั่วโลก ซึ่งเว็บไซต์นี้ จะเป็นช่องทางการค้ารูปแบบใหม่ที่จะช่วยสร้างโอกาส และศักยภาพทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทยได้เป็นอย่างดี และมีความมั่นใจว่า thaitrade.com ภายใต้การดูแลของกรมส่งเสริมการส่งออก จะมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในระดับสากล เนื่องจากเป็นหนึ่งในหน่วยงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศชั้นนำของเอเชีย นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการส่งออกยังมีการคัดกรองคุณภาพมาตรฐานผู้ค้าออนไลน์ที่จะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อต่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยได้เชิญทูตานุทูต หน่วยงานส่งเสริมการค้าของประเทศต่างๆ ที่ประจำในประเทศไทย บริษัทชั้นนำของไทย ผู้ประกอบการชาวไทย ผู้แทนจากหน่วยงานและสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมการค้า หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่มีส่วนในการผลักดันการค้าการส่งออกของไทย เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้นับพันคน

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีมูลค่าการซื้อขายสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ ในรูปแบบ B2B ไม่ต่ำกว่าปีละ 190,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ ของตลาดอีคอมเมิร์ซรวมทั่วประเทศ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้ประกอบการต่างทำเว็บไซต์ของตนเอง ไม่มีแหล่งรวบรวมสินค้าในรูปแบบรวมศูนย์ ที่มีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานรับรองให้กับผู้ซื้อที่อยู่ต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก มีภารกิจหลักในการผลักดันสินค้าไทยไปสู่ตลาดโลก จึงเป็นที่มาของการจัดทำเว็บไซต์ www.thaitrade.com เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าจากผู้ประกอบการชาวไทย ออกไปสู่สายตาของชาวโลก ในรูปแบบของธุรกิจกับธุรกิจ ( B2B ) ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาเป็นสมาชิกแล้วจำนวนหลายพันราย

“ การเปิดตัวเว็บไซต์ www.thaitrade.com อย่างเป็นทางการในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการชาวไทย ที่มีความสนใจอยากนำสินค้าของตนเองเปิดตลาดผ่านระบบอีคอมเมิร์ซของกรมฯ ไปสู่ตลาดโลก โดยมีทีมงานมืออาชีพคอยดูแล และเป็นผู้ดำเนินการบริหารเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านไอทีระดับสูง เพราะระบบถูกสร้างมาเพื่อให้ใช้งานง่ายอยู่แล้ว กรมส่งเสริมการส่งออก ในฐานะผู้จัดแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ มายาวนานกว่า 20 ปี มีเครือข่ายกับผู้ประกอบการไทย และผู้ซื้อจากทั่วโลก จึงได้นำจุดเด่นด้านออฟไลน์ มาเสริมกับด้านออนไลน์ และดำเนินการคู่ขนานกันไป ด้วยกิจกรรมการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ผ่านจุดแข็งของกรมฯ คือ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ65 แห่ง ใน 43 ประเทศทั่วโลก เพื่อประชาสัมพันธ์ และคัดสรรผู้ซื้อที่มีศักยภาพในประเทศที่ดูแล และประสานให้ผู้ซื้อที่ต้องการซื้อสินค้าไทยในเว็บไซต์ thaitrade.com อย่างสม่ำเสมอ ” นางนันทวัลย์กล่าว

นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีแผนที่จะนำ www.thaitrade.com ไปเป็นพันธมิตรกับองค์กรธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำการค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ไปรษณีย์ไทย และองค์กรที่เคยมีความร่วมมือต่อกันแล้วได้แก่ E-bay (B2C) ของสหรัฐฯ HKTDC (B2B) ของฮ่องกง Rakuten (B2C) ของญี่ปุ่น บางองค์กรที่ต้องการเป็นพันธมิตรและได้มีการประชุมหารือกันไปบ้างแล้ว เช่น Pantavanij.com ( B2B ) ของไทย Alibaba.com (B2B) ของจีน ซึ่งจุดเด่นของพันธมิตรส่วนใหญ่คือจะมีฐานข้อมูลผู้ซื้อแบบออนไลน์ที่มีคุณภาพจำนวนมหาศาล ในขณะที่ www.thaitrade.com มีจุดเด่นคือ ฐานข้อมูลผู้ส่งออกที่มีคุณภาพ ศักยภาพ และผ่านการคัดกรองจากกรมฯ มาแล้วเป็นอย่างดี

ทังนี้ ผู้ประกอบการผู้สนใจ สามารถสมัครเข้ามาใช้บริการได้ฟรี ได้ที่หน้าเว็บไซต์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ DEP Call Center 1169 โทรศัพท์ 02–685-1169 โทรสาร 02 530 9791 หรือ e-mail : ecommerce@depthai.go.th , ecommerce.dep@gmail.com www.facebook.com/ThaitradeDotCom

View :1711

ก.ไอซีที ยกระดับการพัฒนา TH e-GIF เพื่อก้าวสู่ SMART e-Government Thailand

September 16th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา “ยกระดับการพัฒนา เพื่อก้าวสู่ ” ว่า กระทรวงฯ ได้ดำเนินโครงการพัฒนากรอบแนวทางการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (Thailand e-Government Interoperability Framework: ) เพื่อพัฒนาบริการภาครัฐและบูรณาการระบบข้อมูลภาครัฐ ให้มีประสิทธิภาพในการบริหารราชการเพิ่มขึ้น และยกระดับความสามารถในการให้บริการแก่ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการพัฒนากรอบแนวทางในการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานตลอดมา จนปัจจุบันได้พัฒนามาถึงเวอร์ชั่น 2.0 ซึ่งกรอบแนวทางดังกล่าวได้เสนอแนะวิธีการพัฒนาระบบบูรณาการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ไว้ 10 ขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การเตรียมการเบื้องต้น การกำหนดวิสัยทัศน์ การจัดทำสถาปัตยกรรมในด้านต่างๆ ไปจนถึงการกำกับดูแล และปรับปรุงมาตรฐาน ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะมีบุคลากรในแต่ละระดับที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันไปตามลักษณะการปฏิบัติงาน

“ในการดำเนินงานปีงบประมาณ 2553 ได้มีการสำรวจสถานภาพการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อกำหนดแผนการดำเนินงาน (Road Map) ในการจัดทำมาตรฐานการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งพบว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการผลักดันให้เกิดมาตรฐานข้อมูลร่วมเฉพาะกลุ่มธุรกรรม (Domain Specific Core Set) สำหรับกลุ่มผู้ใช้ข้อมูลร่วมกันในแต่ละด้าน เพื่อมุ่งสู่การสร้างมาตรฐานข้อมูลกลางของประเทศ (Universal Core Set) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ใช้ข้อมูลด้านการเกษตร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนั้น รัฐบาลและกระทรวงฯ ยังมีนโยบายที่ต้องการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรทั่วประเทศ ดังนั้น ในการดำเนินงานปีงบประมาณ 2554 กระทรวงฯ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมประมง กรมปศุสัตว์ รวมไปถึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร และร่วมกันพัฒนามาตรฐานข้อมูลและกระบวนการเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อการบริหารจัดการการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ หรือ “Agriculture Disaster Relief Information System (Aggie DRIS)” ซึ่งการพัฒนาระบบดังกล่าวจะเป็นการ บูรณาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ และบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ และส่วนที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์การเกษตร ตามวิธีการที่ได้เสนอแนะไว้ในกรอบแนวทางการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ” นางจีราวรรณ กล่าว

และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้รับทราบผลการดำเนินงาน และมีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาระบบเชื่อมโยงแบบบูรณาการ ตามกรอบแนวทางการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติมากขึ้น รวมทั้งให้สามารถนำเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานตนเองได้ กระทรวงฯ จึงได้จัดการสัมมนาครั้งนี้ขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้เห็นถึงประโยชน์รวมถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จของการจัดทำมาตรฐานข้อมูลและกระบวนการเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ จากกรณีศึกษาของระบบมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อการบริหารจัดการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (Aggie DRIS) ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างเป็นรูปธรรม

“ในงานสัมมนาดังกล่าว จะมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “ข้อเสนอด้านกลไกความร่วมมือเพื่อผลักดันการจัดทำมาตรฐาน และพัฒนาระบบเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมของประเทศ” รวมทั้ง “ระบบทะเบียนกลางเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ และบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ” ให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนผู้สนใจ จำนวนประมาณ 300 คนได้รับทราบ ซึ่งกลไกดังกล่าวจะเป็นข้อเสนอสำคัญในการผลักดันความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐในวงกว้างมากขึ้น รวมทั้งเพื่อพัฒนามาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ และส่งเสริมการพัฒนาระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับที่ก้าวหน้าขึ้นของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้าน SMART e-Government Thailand ด้วย” นางจีราวรรณ กล่าว

นอกจากนี้ในการดำเนินงานปี 2554 กระทรวงฯ ยังจะทำมีการผลักดัน และสนับสนุนการจัดตั้งคณะกรรมการมาตรฐานการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานด้านมาตรฐานการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ตลอดจนแก้ไขปัญหา และอุปสรรค พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันของหน่วยงานภาครัฐที่จะทำให้เกิดการบูรณาการข้อมูลในระดับประเทศต่อไป

View :1429

ควอลคอมม์ผนึกไมโครซอฟท์นำเครื่องพีซีต้นแบบแห่งยุคอนาคตที่สนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ใหม่และชิปเซ็ทตระกูลสแนปดราก้อนของควอลคอมม์จัดสาธิตในงานประชุมนักพัฒนา BUILD ของไมโครซอฟท์

September 16th, 2011 No comments

ควอลคอมมม์ผนึกไมโครซอฟท์นำเทคโนโลยีชิปเซ็ทสแนปดราก้อนรุ่นใหม่ของควอลคอมม์ที่ใช้ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่มาใช้ในเครื่องพีซีรุ่นแรกที่สนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ส่งผลให้ควอลคอมม์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปเซ็ทในปัจจุบันที่มีสมรรถนะในการผลิตชิปเซ็ทที่สามารถรองรับทั้งสมาร์ทโฟนและเครื่องพีซี ทั้งนี้ ไมโครซอฟต์ได้จัดแสดงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องพีซีเครื่องแรกที่รันด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 และใช้หน่วยประมวลผลสแนปดราก้อนรวมทั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อ Gobi ของควอลคอมม์ภายในงานประชุมนักพัฒนา BUILD ของไมโครซอฟท์เมื่อเร็วๆนี้ ก่อนประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป

สำหรับวิดีโอคลิปเกี่ยวกับเทคโนโลยีชิปเซ็ทสแนปดราก้อนรุ่นใหม่ของควอลคอมม์ที่ใช้ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่และสนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สามารถดูได้ที่
watch?v=8Qu7iESwL8E&feature=channel_video_title

View :1806