Archive

Archive for April, 2012

ฟอร์จูนทาวน์ปรับโฉมรีแบรนด์ ประเดิม “Mobile & Digital Camera Zone”

April 9th, 2012 No comments

ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ภายใต้การบริหารของ บริษัทซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เตรียมปรับโฉมใหม่ รีแบรนด์ภายใต้แนวคิด “IT Lifestyle Mall” ชู 3 โซนหลัก ไอทีมอลล์ ฟู้ดมอลล์ และไลฟ์สไตล์มอลล์

ฟอร์จูนทาวน์ปรับโฉมรีแบรนด์ ประเดิม “Mobile & Digital Camera Zone”


เตรียมรับการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC )ที่จะมีขึ้นในปี 2558 ก้าวสู่ศูนย์การค้าไอทีที่มีความหลากหลายและครบวงจร มุ่งสร้างความพึงพอใจ ตอบสนองสินค้าและบริการตามไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคดิจิตอล ประเดิมแปลงโฉมปรับโซนใหม่ “Mobile & Digital Camera” ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ มี.ค. ที่ผ่านมา บนพื้นที่กว่า 7,500 ตร.ม.

คาดปลายปีนี้ได้ยลโฉมเต็มรูปแบบ จากผลการสำรวจ ณ ปัจจุบันพบว่า กลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการเป็นกลุ่มใหม่ใหม่ผลจากการเปิดของห้างใหญ่ฝั่งตรงข้าม อัตราค่าใช้จ่ายต่อครั้ง (Average Spending per time) เพิ่มขึ้น ถึง 3,000 – 3,500 บาท/คน มองเห็นโอกาสในการเพิ่มความถี่ในการใช้บริการภายในศูนย์การค้ามากกว่าเดือนละ 1 ครั้ง รวมถึงมีแนวโน้มลูกค้าต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
 นายชัยวัฒน์ เอมวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน ตัวแทนผู้บริหารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ เผยว่า ด้วยกระแส VDO Marketing online ที่ผู้บริโภคนิยมแชร์ข้อมูลผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ค ดังนั้น การสรรหาสินค้าที่มีคุณภาพ อย่างอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ จึงเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันตลอด 24 ชั่วโมง ผนวกกับอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์จึงปรับพื้นที่ชั้น 2 ให้เป็นพื้นที่ของผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีสื่อสารและรักการถ่ายภาพ

โดยขยายธุรกิจตู้มือถือ ศูนย์จำหน่ายสินค้า Accessories Gadget mobile ดีไซน์ in trend มากมายทั้ง Tablet, iPhone, iPad, HTC, Samsung ฯลฯ อย่างร้าน Hip pro Shop นอกจากนี้ยังรวบรวมศูนย์จำหน่ายกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพไว้มากที่สุดกว่า15 ร้านค้าชั้นนำ อาทิ Pix-One, BiG Camera, EC Mall, Photo Hut, Digital 2 Home, Sunny Camera, CAPA, Pixpros House, World Camera ฯลฯ

สำหรับกิจกรรมล่าสุดในช่วงเดือนเมษายนนี้ ทางศูนย์ฯ หวังสร้างคอมมูนิตี้คนรักการถ่ายภาพผ่านกิจกรรม Camera’s my Life เพียงซื้อสินค้า 500 บาทขึ้นไป ใน Digital Camera Zone ชั้น 2 แล้วแสกนหรือถ่ายภาพใบเสร็จโพสลงในเฟชบุ้ค Fortunetown รับสิทธิ์..ลงทะเบียนอบรมการถ่ายภาพ ฟรี กับสุดยอดปรมาจารย์ด้านการถ่ายภาพ อ.สงคราม โพธิ์วิไล ในหัวข้อ การใช้งานกล้องดิจิตอลในโหมดต่างๆ พร้อมเรียนรู้การจัดองค์ประกอบภาพ และเทคนิคการถ่ายภาพสินค้า Pack Shot

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นเด่นโดนใจ อาทิ ชุดไฟแฟลชถ่ายภาพ EXCELLA ทุกรุ่น ลดอีก 10 % จากราคาขาย จากร้าน CAPA , Rollei MiniDigi 2 MP จอ LCD 0.9”จำลองกล้อง Rolleflex ที่ให้รูปภาพเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส น้ำหนัก 100 กรัม พิเศษเพียง 5,990 บาท จากร้าน Sunny Camera , กล้อง Canon 550D +18-55 ISII พิเศษเพียง 18,700 บาท กล้อง Nikon D5100-18-55VR พิเศษเพียง 24,500 บาท พร้อมของแถมครบครัน จากร้าน EC Mall ฯลฯ ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ แหล่งรวมสินค้าและอุปกรณ์ไอทีไว้อย่างครบครันกับแบรนด์ชั้นนำ การันตีคุณภาพจากกูรูตัวจริง มาร่วมพิสูจน์ได้แล้ววันนี้

From: http://www.cpthailand.com/Default.aspx?tabid=129&articleType=ArticleView&articleId=636

View :2439

นักพัฒนา Application ระดับโลก… ฝันที่เป็นจริงของคนยุคนี้

April 9th, 2012 No comments

เอไอเอส ทลายกำแพง นำคนกล้าคว้าโอกาสรุ่ง
App ขายของบนมือถือฝีมือคนไทย เตรียมฮิตหลังสงกรานต์

ตัวอย่าง items สินค้า ที่ต้องการซื้อขาย บน app shop spot


หนึ่งในอาชีพที่คนยุคนี้ใฝ่ฝันถึง คือการเป็นนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น หรือ App. บนมือถือประเภทสมาร์ทโฟน …เพราะหากทำ App. ได้โดนใจผู้บริโภค ผลตอบแทนมักจะยืนยาวมหาศาล …เมื่อ App. กำลังเป็นหนึ่งในอนาคตของโลก หลายประเทศจึงส่งเสริมให้เกิดนักพัฒนา App. ขึ้นในประเทศ เพราะมีส่วนสำคัญที่เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมโลก สร้าง Social network โฉมหน้าใหม่ ๆ จนอาจส่งผลให้เกิดธุรกิจและเศรษฐกิจแนวใหม่ขึ้นได้ด้วย

จากการสำรวจพบว่า Application ที่เป็นฝีมือคนไทยมีไม่ถึง 0.5% ของ app. จำนวนกว่า 500,000 app.ทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่เฉพาะในประเทศไทยน่าจะมีผู้ใช้ mobile data มากกว่า 30-40 ล้านรายแล้ว

“บ้านเราน่าจะมี Talent อยู่เยอะ แต่พวกเขาขาดเวที ขาดโค้ชที่จะมาช่วยแนะนำให้เขาสามารถเริ่มต้นได้จริง ในขณะที่ต่างประเทศ หรืออย่างในซิลิคอนวัลเล่ย์ เปิดโอกาสให้คนมีไอเดียได้มีพื้นที่ทดสอบไอเดียของตัวเอง ทำให้มีโอกาสเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้ แต่เมืองไทยโลกของโอกาสยังแคบมาก ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว เอไอเอส ได้ลองนำอีเว้นท์ระดับโลก Startup Weekend ที่เปิดโอกาสให้คนมีไอเดีย นักพัฒนา นักโปรแกรมเมอร์ และนักการตลาดได้มาพบกัน จนสุดท้ายเราก็ได้ทีมนักพัฒนาที่มีศักยภาพจำนวนมาก ซึ่งสมาชิกทีมส่วนใหญ่เพิ่งจับกลุ่มรวมตัวกันในงานนี้ …มาส่งเสริมให้เขาเริ่มต้นธุรกิจการสร้าง app. ออกไปเสนอให้กับนักลงทุนทั่วโลก” นายปรัธนาลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส เปิดเผย

Shop Spot เป็นหนึ่งในทีมรองชนะเลิศของ “ Startup Weekend Bangkok 2011” เป็นทีมคนหนุ่มรุ่นใหม่ ที่ประกอบด้วยสมาชิกรวม 7 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ซึ่งพวกเขามีโอกาสได้บินไปเปิดประสบการณ์ครั้งสำคัญเป็นเวลา 100 วัน เพื่อพบเจอกับผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา App. เจ้าของธุรกิจดัง ๆ และนักลงทุนจากทั่วโลก ในงาน Boot Camp ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นงานที่ JFDI ผู้จัดงานนำ 12 ทีมจากหลายประเทศในเอเชียมาพบกันและเปิดพื้นที่ให้แต่ละทีมได้พัฒนา app. ของตัวเองอย่างเต็มที่ท่ามกลางการป้อนความรู้ ไอเดีย และการเปิดโอกาสให้ได้พบปะกับกูรู นักธุรกิจ และนักลงทุนจากทั่วโลก เพื่อศึกษาเรียนรู้ไอเดียจากคนเหล่านี้แล้วนำไปพัฒนาสุดยอด app ขึ้นมา

เกือบ 24 ช.ม. ที่ทำงานเพื่อ app shop spot


“เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งที่สุด พวกเราได้เจอคนเก่ง ๆ ไม่ว่าจากที่ซิลิคอนวัลเล่ย์หรือที่อื่น ๆ จากทั่วโลก ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนไอเดีย มาช่วยโค้ชเราว่า app. ของเราควรเป็นแบบนี้หรือเปล่า มาแชร์ประสบการณ์ เท่ากับช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจที่เรากำลังจะเริ่มต้น ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ เพราะการทำ app. ตัวหนึ่งไม่ใช่แค่ทำโปรดักส์ให้ใช้งานได้เท่านั้น ต้องมี Business อยู่ข้างใน และสุดท้ายคือต้องทำเงินได้” นายนัฏฐ์สกล เกียรติสุรนนท์ หรือปอ หัวหน้าทีม Shop Spot วัย 27 ปี กล่าว

“application Shop Spot นี้เราคิดขึ้นจากการสังเกตพฤติกรรมคนยุคใหม่ที่ชอบซื้อขายของออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบ้านเรามีตลาดนัดขายของมือสองทั่วประเทศ พฤติกรรมแบบนี้มีอยู่แล้ว และเกิดขึ้นทุกวัน แต่การซื้อขายทางอินเตอร์เน็ททุกวันนี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก และขั้นตอนเยอะ ดังนั้นเราจึงคิดให้ app. Shop Spot มีความพิเศษตรงที่ทำให้การซื้อขายง่ายขึ้น ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็อนุมัติขายได้ ดูโลเคชั่นได้ว่าสินค้าอยู่ใกล้ไกลแค่ไหน และซื้อขายได้ทั้งสินค้ามือสองและมือใหม่ …. ความพิเศษที่เรากำลังผลักดันอีกอย่างเป็นเรื่องของ personal online window shopping สามารถดูของ follow tag เหมือนมีแคตตาล็อคของตัวเอง วันนี้อยากดูเสื้อผ้ายี่ห้อ A ก็สามารถ follow tag โดยคนขายเสื้อยี่ห้อ A ทั้งหมดก็จะฟรีท มาหาเราเองโดยไม่ซ้ำกันเลย หรือถ้าจะซื้อก็เลือกได้ว่าต้องการยี่ห้อไหน สินค้าก็จะมาเสนอถึงหน้าจอเราทันที ระยะแรกจะเน้นสินค้าแฟชั่นและ สินค้าประเภท gadget เป็นหลัก เหมือนห้างที่ซื้อขายเฉพาะเรื่องนี้ ซึ่งกลางเดือนเมษายนนี้จะเปิดให้คนไทยดาวน์โหลดเล่นฟรี สำหรับผู้ใช้มือถือไอโฟนทุกค่าย ผมก็หวังว่าผู้ใช้จะสนุก และช่วยให้เขาซื้อขายของได้ง่ายขึ้น”

Meeting at Home ทำงานกันทุกที่ ทุกเวลาเพื่อ app shop spot


“ตอนนี้พวกเราก็ยังอยู่กันที่ Boot camp ทำงานกันแทบ 24 ชั่วโมงเพื่อให้เสร็จทัน 100 วันตามกำหนด ในแต่ละวันเราได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ได้เจอผู้รู้มากมายที่มาช่วยแชร์ไอเดีย เป็นความประทับใจที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน และส่งเสริมให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะต้องทำออกมาให้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ว่า app. ของเราจะไม่โตแค่ในตลาดเมืองไทย แต่จะไปทั่วตลาดเอเชีย ตอนนี้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว หลังจากที่เราเปิดให้คนได้ลองใช้กันแล้ว ก็ต้องเตรียมตัว present ให้กับนักลงทุนทั่วโลกที่จะมาฟังพวกเรานำเสนอในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เราต้องตอบให้ได้ว่า คนไทยเล่นเท่าไหร่ คนสิงคโปร์เล่นเท่าไหร่ หรือหากมีคนดาวน์โหลด 1 หมื่นคน เล่นได้จริงเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วตอบโจทย์ว่าเขาขายจริงได้เท่าไหร่ คือเรามีเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่จะพิสูจน์ตัวเลขนี้ครับ เริ่มต้นที่ตลาดไทย”

ปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส


ด้านนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส กล่าวปิดท้ายว่า “เอไอเอส ตั้งใจที่จะสนับสนุนทีมนักพัฒนา application ให้ได้เกิดขึ้นเยอะ ๆ ในไทย เราจะได้มี app. ดี ๆ ให้ผู้บริโภค ดีใจที่การจัด AIS Startup weekend ช่วยให้คนหนุ่มกลุ่มนี้ได้มายืนอยู่จุดนี้ ตอนนี้พวกเขาใช้เวลาไปประมาณ 60 กว่าวันทำได้ขนาดนี้แล้ว แต่ถ้าเป็นชีวิตจริง ๆ นี่มันต้องใช้เวลาหลายปีนะในการเรียนรู้ขั้นตอน และการที่จะได้เจอคนที่มีความรู้ พบกูรูต่าง ๆ จากทั่วโลกก็ใช่ว่าจะเจอกันง่าย ๆ ตอนนี้โอกาสเปิดให้แล้ว ขึ้นอยู่กับพวกเขาทุกคนแล้วว่าจะทำได้สำเร็จไหม และสำหรับคนที่มีไอเดียอยู่แล้ว หรือมีของดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอเข้าประกวดไอเดีย สามารถเข้าตลาด mobile data ที่มันวิ่งอยู่บนอินเตอร์เน็ท เราสามารถสนับสนุนให้ไปถึงลูกค้าได้ และลูกค้าจะเป็นผู้ตัดสินว่าชอบหรือไม่ชอบเอง คุณไม่จำเป็นตั้งไปตั้งทุนบริษัทเป็นล้าน ๆ ใครมีไอเดีย เข้ามาคุยได้เลย อะไรที่คุยแล้วเข้าท่า สนับสนุนได้จะสนับสนุนทันที ไม่ต้องรองานประกวดไอเดีย ก็อยากเชิญชวนคนกล้าเข้ามาคุยกัน”

“ผมบอกได้เลยว่า Startup Weekend เป็นโครงการที่ดีมาก ๆ การทำ application 1 ตัวต้องการทักษะหลายด้าน ทั้งนักการตลาด นักดีไซน์ นักโปรแกรมเมอร์ บางครั้งเราต้องหาทีม หาคนมาทำร่วมกัน …ขอให้เริ่มต้นเลย ถ้ากล้าและมีไอเดีย ก็แชร์ไอเดียมาเลย อย่าปิดไอเดียตัวเอง กล้าแชร์จะได้พัฒนาให้เกิดขึ้นจริง พอมีไอเดียแล้วมันจะไปจุดประกายให้คนอื่น ๆ และเราก็จะได้สมาชิกเข้ามาสู่ทีม หากมีไอเดียแต่ไม่มีพื้นที่หรือโอกาสรองรับก็จบ…เข้ามากันเลยครับ มาเป็นรายแรก ๆ ที่ใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ สุดตัว สุดกำลังกัน” นายนัฏฐ์สกล เกียรติสุรนนท์ หรือปอ หัวหน้าทีม ทิ้งท้ายให้กับคนมีไอเดียที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ การเริ่มต้นอยู่…

แน่นอนว่า …คนไทยเตรียมตัวพบกับ app. Shop spot ฝีมือคนไทยที่มีแผนสร้างความฮิตไปทั่วเอเชีย…และทั่วโลกในอนาคตอันไม่ไกลนี้

View :3840

OPPO เปิดตัว OPPO Find 3 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ตัวแรง ลุยตลาดสมาร์ทโฟน หวังชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม 20%

April 8th, 2012 No comments

OPPO (ออปโป้) รุกตลาดสมาร์ทโฟนที่กำลังขยายตัวสูง ด้วยมูลค่าตลาดประมาณ 23,700 – 25,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.7 – 38.8% จากยอดจำหน่ายเครื่อง 1.8 – 1.9 ล้านเครื่องในปีนี้ ล่าสุด เปิดตัว OPPO Find 3 X9015 สมาร์ทโฟนดีไซน์สวยงามโดดเด่น มาพร้อมกับความแรงซีพียูแบบ Dual-Core Qualcomm MSM8260 1.5 GHz แรม 1GB ระบบปฏิบัติการ Android 2.3.6 Gingerbread ที่มาพร้อมกับ UI ของ OPPO จอแสดงผล WVGA กว้าง 4 นิ้ว รองรับเครือข่าย 3G กล้องถ่ายรูป 8 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องด้านหน้า 2 ล้านพิกเซล Dual LED Flash รองรับการใช้งานด้านมัลติมีเดียแบบครบครัน ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 20% ภายในสิ้นปีนี้


นายซู ยี่ แดน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอ พี พี โอ ไทย จำกัด หรือ OPPO (ออปโป้) เปิดเผยว่า ตลอด 2–3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ทำตลาดในประเทศไทยด้วยโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนที่เน้นดีไซน์โฉบเฉี่ยว รูปลักษณ์สวยงามสะดุดตา เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นที่ชื่นชอบแฟชั่นทันสมัย ผ่านการนำเสนอของพรีเซนเตอร์ระดับโลกอย่าง วง 2PM จากเกาหลี ซึ่งมีนิชคุณ หรเวชกุล เป็นพรีเซนเตอร์หลัก และได้รับการตอบรับดีมาก มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อต่อยอดความสำเร็จ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาโทรศัพท์รุ่นใหม่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนขึ้น คือ OPPO Find 3 X9015 เพื่อรุกตลาดสมาร์ทโฟนที่กำลังขยายตัวสูงและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากความต้องการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่นี้เราได้ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ดาราฮอลลีวูดชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ในไทย ซึ่งสร้างความฮือฮาและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย ทำให้เรามั่นใจว่าการเปิดตัวในประเทศไทยจะต้องได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างดีเช่นกัน

อนึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ว่าตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดด้วยมูลค่าประมาณ 23,700 – 25,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 31.7 – 38.8% จากยอดจำหน่ายเครื่อง 1.8 – 1.9 ล้านเครื่อง ขณะที่ผู้ผลิตต่างผลักดันสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง มูลค่าตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2554 มีมูลค่าประมาณ 68,700 – 75,500 ล้านบาท ขยายตัว 13.3 – 16.2% โดยคิดเป็นจำนวนเครื่องประมาณ 10.8 – 11.0 ล้านเครื่อง หรือเติบโต 10.9 – 13.1% สวนทางกับสินค้าประเภทอื่นที่ต้องเผชิญกับการปรับขึ้นราคา ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง หรือต้องใช้เวลานานเพื่อการตัดสินใจ

นายซู ยี่ แดน กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ ได้ตัดสินใจเปิดตัวสมาร์ทโฟนตัวแรงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยมีชื่อรุ่นว่า OPPO Find 3 X9015 สมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงามโดดเด่น มาพร้อมกับความแรงซีพียูแบบ Dual-Core Qualcomm MSM8260 1.5 GHz, แรม 1GB มากับระบบปฏิบัติการ Android 2.3.6 Gingerbread ที่มาพร้อมกับ UI ของ OPPO จอแสดงผล WVGA กว้าง 4 นิ้ว รองรับเครือข่าย 3G กล้องถ่ายรูป 8 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องด้านหน้า 2 ล้านพิกเซล Dual LED Flash และรองรับการใช้งานด้านมัลติมีเดียแบบครบครัน และหน่วยความจำในตัวเครื่อง 16GB รองรับการ์ดหน่วยความจำ micro SD สูงสุด 32 GB

เขากล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักศึกษามหาวิทยาลัย คนทำงาน รวมถึงผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย ใช้ชีวิตอินเทรนด์ เป็นผู้นำเทคโนโลยีที่นำกระแสแฟชั่นอยู่เสมอ เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของผู้ใช้ที่มีอิสระในการเลือกเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเหมาะสมกับตัวเอง

สำหรับจุดเด่นของ OPPO Find 3 X9015 มีดังนี้
- รูปลักษณ์ภายนอก ใช้วัสดุโลหะ (อลูมิเนียม) แข็งแรงทนทาน
- ความแรงของซีพียู Dual-Core 1.5 GHz QUALCOMM MSM8260 แรม 1 GB รองรับเกมส์ 3D ได้สบาย
- จอแสดงผล – หน้าจอ 4 นิ้ว IPS WVGA เปิดมุมมองกว้าง หน้าจอแสดงผลได้อย่างธรรมชาติและสมจริง จอด้านนอกใช้กระจก Gorilla แข็งแรงทนทาน พื้นผิวจอเคลือบด้วยเทคโนโลยี AF-Coating กันรอยนิ้วมือ
- การถ่ายรูป – กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อม Dual LED Flash ใช้เลนส์ของ Sony CMOS ถ่ายรูปเร็วทันใจด้วย Speed Shutter และโหมดอื่นๆ อาทิเช่น Sport mode, HDR, Smile Group, rewind ฯลฯ (rewind – ถ่ายรูปกลุ่ม) ถ่ายรูปตัวเองอย่างได้ใจด้วยกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- รองรับระบบ 3G
- รองรับระบบ WI-FI
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 16GB และเพิ่มได้อีก Micro SD 32GB
- รองรับการใช้งานมัลติมีเดีย วีดีโอนามสกุล rmvb, avi, mp4, 3gp, mkv, wmv และไฟล์เพลง flac, ape, wma, mp3, aac, ra, ogg, amr, wav, midi
- มีวิทยุ FM RDS คุณภาพเสียงบริสุทธิ์ยอดเยี่ยม เพิ่มคุณภาพเสียงด้วย Dolby Mobile ไม่ว่าเปิดเพลงผ่านหูฟังหรือลำโพงก็สุดยอด อินเตอร์เฟซเครื่องเล่นเพลงขั้นเทพ รองรับรูปแบบไฟล์เพลงได้หลากหลาย อาทิ flac, ape, wma, mp3, aac, ra, ogg, amr, wav, midi
- ระบบ GPS ในตัวเครื่อง
- ช่องเสียบชุดหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- การเชื่อมต่อ Bluetooth, micro USB 2.0
- ความถี่เครือข่าย WCDMA 850/900/2100MHz GSM: 850/900/1800/1900 MHz รองรับเครือข่ายของประเทศไทยได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะใช้ 2G หรือ 3G ไม่ต้องเปลี่ยนซิมหรือย้ายเครือข่าย

View :1907

‘เจ มาร์ท’ทุ่มงบ 60 ล้าน!! ยึดหัวหาด 3 มุมเมือง จัดงาน “แบงคอก โมบาย โชว์ 2012” ตั้งเป้ารายได้ 150 ล้านบาท

April 5th, 2012 No comments

5 เมษายน 2555: บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริมชั้นนำของเมืองไทย แถลงข่าวการจัดงาน “แบงคอก โมบาย โชว์ 2012 ” ทุ่มงบ 60 ล้านบาท จัดมหกรรมสุดยอดเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือจากแบรนด์ชั้นนำสุดยิ่งใหญ่ถึง 3 ครั้ง เจาะตลาด 3 มุมเมือง พร้อมตั้งเป้ามีรายได้รวมจากการจัดงาน 150 ล้านบาท จากการจัดงานทั้ง 3 ครั้ง มั่นใจสามารถดันยอดขายเจมาร์ทโตเพิ่มมากกว่า 30% จากปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 5,400 ล้านบาท

อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การจัดงาน ‘แบงคอก โมบาย โชว์ 2012’ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรแบรนด์ ชั้นนำกว่า 20 บริษัท นับเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของผู้ผลิตผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผู้ให้บริการเครือข่าย อุปกรณ์เสริม และสินค้าไอที ของบริษัทชั้นนำมากมาย เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น บวกกับกระแสตลาดสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตที่มีความต้องการสูง และเพื่อตอบรับกับกระแส 3G และ4G จึงมีการจัดงานขึ้นทั้งหมด 3 ครั้ง อย่างยิ่งใหญ่ ใน 3 มุมเมือง โดยครั้งแรก จะจัดขึ้นที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ พื้นที่ขนาด 1,400 ตร.ม. ระหว่างวันที่ 6-12 มิถุนายน 2555 ครั้งที่สอง จะจัดขึ้นที่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว พื้นที่ขนาด 1,000 ตร.ม. ในวันที่ 26 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2555 และ ครั้งที่สาม จะจัดขึ้นที่ ชั้น G ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางกะปิ พื้นที่ขนาด 1,000 ตร.ม. ระหว่างวันที่ 27 กันยายน – 3 ตุลาคม 2555 นอกจากนี้ภายในงานยังมีพันธมิตรที่เข้าร่วมได้เตรียมขนโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสุดเร้าใจ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในงานอีกด้วย

อย่างไรก็ตามในปีนี้ ได้เพิ่มความยิ่งใหญ่จากครั้งที่ผ่านมา โดย เจ มาร์ท เตรียมเปิดเวทีจัดกิจกรรมการประกวด 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.กิจกรรมเอาใจขาแดนซ์ กับการประกวด Cover Dance Contest 2.กิจกรรมการประกวด “มิส โมบาย ไทยแลนด์ 2012” และกิจกรรมการประกวด “มิสทีน โมบาย ไทยแลนด์ 2012” โดยทั้งสามงาน ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท” อดิศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

View :1693

บก. ปอศ. จับมือผู้บริหารพันธุ์ทิพย์ฯ เร่งปราบปรามซอฟต์แวร์เถื่อนตามห้าง

April 5th, 2012 No comments

5 เมษายน 2555 – ตำรวจเร่งตรวจสอบและปราบปรามการค้าซอฟต์แวร์เถื่อนตามศูนย์การค้าไอทีและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ประกาศจัดหนักในช่วงเดือนเมษาถึงมิถุนาปีนี้ตามนโยบายรัฐบาลที่มีการตั้งเป้าหมายให้ไทยหลุดโผ PWL ของสหรัฐฯ พร้อมจับมือผู้ประกอบการศูนย์การค้าช่วยประสานแจ้งเตือนและสอดส่องดูแลผู้เช่า ล่าสุดเปิดตัวหุ่นตำรวจไอที “จ่าเฉย” เพื่อช่วยกระตุ้นจิตสำนึกผู้ซื้อและผู้ขายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ได้ใช้ความพยายามมาโดยตลอดที่จะลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับการค้าปลีกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในศูนย์การค้าด้านไอที โดยได้เรียกประชุมเพื่อขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการศูนย์การค้าให้ช่วยสอดส่องดูแลและแจ้งเตือนผู้เช่าให้งดเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์สินค้า อาทิ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ภาพยนตร์ และเครื่องแต่งกาย โดยถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของพื้นที่ให้เช่า

พ.ต.อ. ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ บก. ปอศ. กล่าวว่า จากการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่า มีร้านค้าเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อยู่ประมาณ 1,200 แห่งทั่วประเทศ โดย 450-500 ร้านค้าตั้งอยู่ในกรุงเทพฯและจังหวัดใหญ่ๆ และมียอดขายคิดเป็นร้อยละ 80 ของยอดขายโดยรวมในแต่ละปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตำรวจจะจับตามองเป็นพิเศษในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนปีนี้

“การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากภาษีอากรในแต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาล และยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของต่างประเทศ อีกทั้งยังทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสทางการค้า โดยเฉพาะการที่ไทยยังอยู่ในข่ายประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษของสหรัฐอเมริกา ตำรวจจึงจำเป็นต้องเร่งปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว

บก. ปอศ. จึงได้ร่วมมือกับศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า สาขาประตูน้ำ ในการทำโครงการ “จ่าเฉย” เพื่อพิทักษ์ลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยจะทำการติดตั้งหุ่นจำลองตำรวจ “จ่าเฉย” ในจุดต่างๆ ของศูนย์การค้า เพื่อเป็นการย้ำเตือนจิตสำนึกไม่ให้ผู้ค้าทำการละเมิดลิขสิทธิ์และผู้บริโภคไม่ให้ซื้อสินค้าที่ผิดกฎหมายเหล่านั้น และยังเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของมาตรการที่ภาครัฐจะนำมาใช้ ทั้งในการป้องปรามและปราบปรามอาชญากรรมด้านทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย

พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะถูกนำมาเป็นแบบเครื่องเปล่าไม่มีโปรแกรมใดๆ ซึ่งมีผู้ค้าปลีกจำนวนน้อยมากที่จะมีการจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมการติดตั้งโปรแกรมที่ถูกต้อง ผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือกที่จะซื้อซอฟต์แวร์เถื่อนในราคา 300-500 บาท เพื่อติดตั้งและนำมาใช้งาน

“ผู้บริโภคมิได้ตระหนักว่า การกระทำดังกล่าวเสมือนการเป็นมิจฉาชีพที่ทำการขโมยทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งบางครั้งซอฟต์แวร์ที่นำไปใช้เป็นการผลิตจากฝีมือของคนไทยด้วยกันนั่นเอง ทั้งนี้ ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อนทราบดีว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษอย่างชัดเจนแต่กลับเพิกเฉยเสีย” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าวเพิ่มเติม

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีพ.ศ. 2558 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศสมาชิกจะต้องจัดการกับปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และในส่วนของ บก.ปอศ. เอง ก็จะมุ่งเน้นในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์

“ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มีราคาถูกกว่าก็จริง แต่สิ่งที่ผู้บริโภคอาจจะได้กลับมาจากการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายนั้น คือพวกมัลแวร์และไวรัสต่างๆ ที่มากับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เหล่านั้น ทางการใคร่ขอเตือนผู้ขายว่า เราจะมีแผนบุกเข้าตรวจค้นถี่ขึ้น และจากการที่ได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ได้รับรู้ทั่วกันแล้ว ผู้ที่กระทำความผิดจะได้รับการพิจารณาโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว

เมื่อปีที่ผ่านมา ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ปี พ.ศ. 2537 การละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการขาย การถือครองเพื่อขาย หรือการนำเสนอขายโปรแกรมเหล่านั้นมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 800,000 บาท และศาลอาจมีคำสั่งให้ปิดกิจการของผู้กระทำความผิดได้

ประเทศไทยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะแซงหน้าฮ่องกง ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในด้านการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ลงให้ได้มากที่สุด ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 80 ในปีพ.ศ. 2549 เหลือร้อยละ 73 ในปีพ.ศ. 2553

View :1370

ซิป้า ร่วมกับเลอโนโว อินเทล จัดประกวดผลงานซอฟต์แวร์โครงการ “Open House for Young Talents”

April 5th, 2012 No comments

ดร.ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ ประธานกรรมการบริหาร นายปริญญา กระจ่างมล รองผู้อำนวยการส่งเสริมอุตสาหกรรมและพัฒนาผู้ประกอบการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือซิป้า นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด และนายศุภลักษณ์ สัปตตั้งตระกูล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา บริษัท ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย จํากัด มอบทุนสนับสนุน ประกาศนียบัตร โล่ห์เกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 1,500,000 บาท ให้ผลงานดีเด่น Senior Project ของนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทยรวม 150 รางวัล พร้อมมอบคอมพิวเตอร์เลอโนโวออล-อิน-วัล C200 ให้กับผลงานยอดเยี่ยมแต่ละประเภทในการคัดสรรผลงานซอฟต์แวร์ โดยแบ่งป็น 4 หมวด ได้แก่ Digital Media, Mobile, Enterprise และ Embedded System เพื่อเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาไทยสามารถแสดงศักยภาพและพัฒนาความรู้ความสามารถนำอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ


จากซ้ายไปขวา
1. นายกีรดิษ สายพัทลุง นายอิทธิพัทธ์ ลาวัง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมประเภท Embedded System จากผลงาน “การประยุกต์ใช้โครงข่ายเซ็นเซอร์ไร้สายในการติดตามเด็กพลัดหลง”
2. นายณฐพล ผ่องแผ้ว นักศึกษาสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมประเภทซอฟต์แวร์ Enterprise จากผลงาน “ระบบบริหารจัดการอพาร์ทเม้นต์ (Apartment Management System)”
3. นายศุภลักษณ์ สัปตตั้งตระกูล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็คทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
4. นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด
5. นายเกียรติคุณ ชัยมูลนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับรางวัลผลงานผลงานยอดเยี่ยมประเภท Digital Media จากผลงาน “O2 Boy”
6. นายกมลวิชย์ สิริธนนนท์สกุล นายภานุวัชร ลาภาภิวัฒน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมประเภท Mobile จากผลงาน “ศึก 3 ยุค บุคพิทักษ์อนุรักษ์ธรรมชาติ”

ดร.ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า มอบเงินสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศไทย โดยแต่ละผลงานดีเด่นที่ได้รับการคัดเลือกมีมูลค่า 10,000 บาท


นายปริญญา กระจ่างมล รองผู้อำนวยการส่งเสริมอุตสาหกรรมและพัฒนาผู้ประกอบการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือซิป้า นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด มอบทุนสนับสนุน ประกาศนียบัตร โล่ห์เกียรติยศ พร้อมมอบคอมพิวเตอร์เลอโนโวออล-อิน-วัล C200 ให้กับนายกมลวิชย์ สิริธนนนท์สกุล นายภานุวัชร ลาภาภิวัฒน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมประเภท Mobile จากผลงาน “ศึก 3 ยุค บุคพิทักษ์อนุรักษ์ธรรมชาติ”

นายปริญญา กระจ่างมล รองผู้อำนวยการส่งเสริมอุตสาหกรรมและพัฒนาผู้ประกอบการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือซิป้า นายศุภลักษณ์ สัปตตั้งตระกูล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย ร่วมมอบทุนสนับสนุน ประกาศนียบัตร โล่ห์เกียรติยศ พร้อมมอบคอมพิวเตอร์เลอโนโวออล-อิน-วัล C200 ให้กับนายณฐพล ผ่องแผ้ว นักศึกษาสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมประเภทซอฟต์แวร์ Enterprise จากผลงาน “ระบบบริหารจัดการอพาร์ทเม้นต์ (Apartment Management System)”

View :1740

เว็ลธ์ เปิดตัว WealthMagik เว็บไซต์บริการการเงินส่วนบุคคล รับเทรนด์ใหม่ของโลกออนไลน์

April 5th, 2012 No comments

เผยนำซอฟต์แวร์หลักล้านเปิดให้ใช้ฟรี เชื่อมีคนเข้าใช้กว่าแสนในห้าปี ชูจุดเด่นเชื่อมต่อทุกสถาบันการเงินการลงทุน พร้อมระบบจำลองการลงทุน

คุณสมเกียรติ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม หรือ Wealth เปิดเผยว่า จากแนวโน้มใหม่ของคนไทยที่เริ่มทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้จัดทำเว็บแอพพลิเคชันที่มาช่วยบริหารจัดการด้านการเงินส่วนบุคคลสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ทำให้ Wealth ได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำซอฟต์แวร์บริหารการเงินของสถาบันการเงินสำคัญๆ หลายที่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาสร้างเป็นเว็บไซต์ www..com ขึ้น ซึ่งถือเป็นรายแรกที่เน้นเฉพาะคนไทย และมีบริการทางด้านการเงินอย่างครบครัน

กลุ่มเป้าหมายของ WealthMagik คือ กลุ่มนักลงทุนอายุตั้งแต่ 25-55 ปี ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการหาข้อมูลการลงทุน และลงทุนผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ต่อจากนั้นจะขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยคาดว่าจะมีสมาชิกเข้ามาใช้ระบบประมาณ 1 แสนรายภายใน 5 ปี
จุดเด่นของ WealthMagik คือ การที่ Wealth ได้นำประสบการณ์ ข้อมูลและโปรแกรมการวางแผนทางด้าน Private Wealth Management ของสถาบันการเงินและหน่วยลงทุนต่างๆ มาไว้อย่างครบถ้วนถูกต้อง โดยมีการจัดระบบให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งง่ายต่อการวางแผนและทำให้ผู้เข้ามาใช้งานสามารถเข้าใจภาพรวมและกำหนดทิศทางเรื่องการวางแผนการใช้เงินและการลงทุนได้ในคราวเดียวกัน ที่สำคัญคือผู้ใช้งานสามารถจำลองการลงทุนก่อนการตัดสินใจจริงได้

“WealthMagik เป็นสิ่งที่ Wealth ต้องการมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ประการแรกคือไม่มีการคิดค่าบริการ ประการที่สองคนไทยจะได้รู้เรื่องการบริหารการเงินและการลงทุนส่วนบุคคลได้ตามนโยบายของหน่วยงานภาครัฐ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ประการที่สามตอบสนองวัฒนธรรมองค์กรของ Wealth คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งเน้นการให้ความรู้กลับคืนสู่สังคม” คุณสมเกียรติกล่าว

รูปแบบการนำเสนอของ WealthMagik จะเน้นการใช้งานที่ง่าย โดยพัฒนาในรูปแบบของ Private Wealth Online ซึ่งเน้นขั้นตอนการลงทุนที่ถูกต้องแต่เข้าใจได้ง่าย ออกแบบให้ดูสบายตาเป็นกันเอง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยข้อมูลการลงทุนที่เป็นกลาง ด้วยระบบการทำงานเบื้องหลังจากซอฟต์แวร์ทางการเงินที่มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท โดยในช่วงแรกภายในเว็บไซด์จะมี 4 กลุ่มหลักของการใช้งานที่จะช่วยนักลงทุนในการตัดสินใจ คือ My IOS, My Plan, My Screener และ My SimPort

สำหรับ My IOS หรือ Investment Objective Setting ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแนวคิดว่านักลงทุนแต่ละคนสามารถรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน นักลงทุนบางคนอาจรับความเสี่ยงได้มากและสามารถลงทุนได้ภายใต้ความผันผวนของตลาด แต่บางคนยอมรับความเสี่ยงได้น้อย ต้องการผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ทาง Wealth จึงได้พัฒนาระบบ My IOS เพื่อประเมินระดับการยอมรับความเสี่ยง และแนะนำสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของผู้ใช้งาน

ส่วน My Plan นั้นทาง Wealth ได้วิเคราะห์แล้วว่าคนส่วนใหญ่ต้องการความมั่นคงในชีวิต การวางแผนทางการเงินจึงมีความจำเป็น My Plan จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับผู้ใช้งาน ที่ต้องการวางแผนการลงทุนด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น แผนการออมเงิน, การซื้อบ้าน, การศึกษาบุตร, เพื่อการเกษียณ รวมถึงแผนสำหรับลดหย่อนภาษี และหากแผนการลงทุนที่กำหนดไว้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ระบบ My Plan ก็จะแนะนำแผนอื่นๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบรรลุเป้าหมายได้

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้การวางแผนด้านการเงินของผู้ใช้งานง่ายก็คือ My Screener ผู้ใช้งานที่ต้องการหากองทุนที่ตรงใจ และสอดคล้องกับเงื่อนไขที่ผู้ใชงานเป็นผู้กำหนด My Screener จะเข้ามาดูแลในส่วนนี้ ด้วยการนำเสนอรูปแบบที่เน้นความง่าย และสะดวกในการค้นหา ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไข และจัดเรียงลำดับความต้องการได้เอง อีกทั้งยังเพิ่มอำนาจการตัดสินใจให้กับผู้ใช้งานโดยสามารถคัดกรองกองทุนที่น่าสนใจด้วยเงื่อนไขที่มากกว่าเดิม และสามารถเข้าไปดูข้อมูลโดยละเอียดของกองทุนนั้นๆ ได้ทันที

ส่วนสุดท้ายคือ My SimPort หรือ Simulation Portfolio ถือเป็นจุดสำคัญของการใช้งานในระบบนี้ ผู้ใช้งานที่เป็นผู้เริ่มต้นลงทุน หรือผู้มีแผนที่จะลงทุนในอนาคต ทางระบบนี้จะจำลองพอร์ตการลงทุนให้ทดลอง ซื้อ-ขาย ตามราคาซื้อขายจริงของตลาด เพื่อเป็นการทดสอบ หรือหาแนวทางการลงทุนที่เหมาะสม และสามารถนำมาวิเคราะห์หาประสิทธิภาพในการลงทุนของตัวนักลงทุนได้
แผนงานเร่งด่วนของ WealthMagik คือการเปิดตัวแอพพลิเคชันที่ใช้งานกับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต โดยระบบโปรแกรมจะมุ่งเน้นผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทางอิเล็กทรอนิกซ์ SSL ที่รับรองโดย VeriSign ซึ่งเป็นที่ยอมรับของธนาคารชั้นนำ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงเข้าไปสู่ธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้โดยทันที

ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือซอฟต์แวร์พาร์ค เปิดเผยว่า แนวโน้มด้านแอพพลิเคชันการเงินส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ต ถือเป็น life style แบบใหม่ของยุคนี้ เนื่องจากคนเริ่มมั่นใจระบบว่ามีความปลอดภัยสูง และระบบนี้ให้ความสะดวกสบายในการจัดการอย่างมาก อย่างไรก็ตามผู้ที่จะสร้างแอพพลิเคชันออนไลน์เช่นนี้ต้องมีประสบการณ์และต้องนำองค์ความรู้ที่จากเดิมเคยนำเสนอองค์กรใหญ่ๆ และสร้างรายได้จำนวนมหาศาลมาปรับระบบให้กับผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้อย่างไม่คิดมูลค่า การคิดในเชิงธุรกิจต้องเปิดใจกว้างก่อนแล้วรายได้จึงจะตามเข้ามา

ในส่วนของซอฟต์แวร์พาร์คนั้นเห็นว่าโอกาสที่ซอฟต์แวร์ไทยที่ได้รับการยอมรับจากวงการการเงินการลงทุนอยู่แล้วจะเข้าสู่ระดับ Mass หรือตลาดแนวกว้างนั้น มีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่มีศักยภาพ เช่น บริษัทเว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนามาตรฐานซอฟแวร์ CMMI ระดับ 5 และเป็นตลาดเปิดที่ต่างประเทศไม่สามารถเจาะเข้ามาได้ เนื่องจากตลาดการเงินของแต่ละประเทศก็มีระเบียบและข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเงิน การคลังหรือระบบภาษี ดังนั้นซอฟต์แวร์พาร์คจึงต้องการส่งเสริมอย่างยิ่งให้มีซอฟต์แวร์ของคนไทยเพื่อมารองรับกฎระเบียบและพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยโดยเฉพาะ

View :1614

ดี-ลิงค์ รุกทำตลาดคลาวด์ เปิดตัวกล้องไอพี คลาวด์แคม สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี

April 5th, 2012 No comments


ดี-ลิงค์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้นำด้านเทคโนโลยีอุปกรณ์เครือข่าย เปิดตัวคลาวด์แคม (CloudCam) กล้องไอพี ที่ทำงานผ่าน “มายดีลิงค์ คลาวด์ เซอร์วิส” โซลูชั่นบนเครือข่ายคลาวด์ของดี-ลิงค์ สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดเล็กและกลาง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจดูเหตุการณ์ต่างๆ จากจุดติดตั้ง ได้อย่างง่ายดาย ทุกที่ทุกเวลา คลาวด์แคมที่เปิดตัวครั้งนี้ ได้แก่ DCS-930L กล้องไอพีพื้นฐาน ดิจิตอลซูม 4 เท่า พร้อมไมโครโฟนในตัว ราคา 2,300 บาท DCS-932L กล้องไอพีที่เพิ่ม LED อินฟราเรด สามารถดูภาพในเวลากลางคืนได้ไกลถึง 5 เมตร ราคา 3,200 บาท DCS-942L กล้องไอพีแบบ LED อินฟราเรด สามารถทำการสนทนาโต้ตอบแบบ 2 ทิศทาง และมีเซ็นเซอร์ PIR (Passive Infrared Sensor) สำหรับตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ราคา 5,000 บาท DCS-1130L กล้องบันทึกวิดีโอลงในอุปกรณ์จัดเก็บบนเครือข่าย ประเภท NAS ได้โดยตรง ราคา 4,399 บาท และ DCS-5230L กล้องไอพีติดตั้ง LED อินฟราเรด รองรับการสนทนาแบบ 2 ทิศทาง เซ็นเซอร์ PIR และยังหมุนจับภาพได้รอบทิศ ราคา 9,950 บาท

View :1669
Categories: Press/Release Tags:

“คิงส์ตัน” เปิดตัว MobileLite G3 การ์ดรีดเดอร์เทคโนโลยี USB 3.0 อุปกรณ์พกพาเพื่อการถ่ายโอนข้อมูลได้ทุกเมื่อแม้ขณะเดินทาง

April 5th, 2012 No comments

5 เมษายน 2555 – คิงส์ตัน เทคโนโลยี ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก เปิดตัว MobileLite G3(Kingstonpart number: FCR-MLG3)การ์ดรีดเดอร์แบบพกพาเจนเนอเรชั่นที่สามในซีรีส์ MobileLite โดดเด่นด้วยฟีเจอร์Plug and Play ฟังก์ชั่นจ่ายไฟในตัวโดยไม่ต้องอาศัยแหล่งพลังงานภายนอกและรองรับ USB 3.0 ภายใต้ขนาดกะทัดรัดเพื่อความคล่องตัวในการพกพาสำหรับทั้งผู้ใช้ทั่วไปและระดับมืออาชีพ ให้ผู้ใช้ถ่ายโอนข้อมูลดิจิตอล ภาพถ่าย เกมส์ เพลงและไฟล์ทุกประเภทได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ


MobileLite G3 รองรับการ์ดหลากหลายฟอร์แมตทั้ง SD/SDHC/SDXC, microSD/SDHC/SDXC และ MSPD*ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บ ถ่ายโอนและอ่านข้อมูลต่างๆ จากแฟลชการ์ดหลากหลายรูปแบบทั้งสำหรับโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล แท็บเลต เน็ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่น MP3 และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ด้วยการ์ดรีดเดอร์เพียงตัวเดียว โดย MobileLite G3 ใช้งานได้กับทั้ง USB 3.0 และ USB 2.0รวมถึงมาตรฐาน SDA 3.01

MobileLiteG3 รับประกันสองปีพร้อมบริการสนับสนุนด้านเทคนิคฟรี! ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่www.kingston.com/th

คุณสมบัติและข้อมูลจำเพาะของMobileLite G3
· ใช้งานได้กับ USB 3.0 และมาตรฐาน SDA 3.01
· ฟังก์ชั่นหลากหลายเพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน
· รองรับการ์ดฟอร์แมต SD/SDHC/SDXC, microSD/SDHC/SDXC และ MSPD*
· ใช้งานได้กับ USB 2.0
· ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
· รับประกันสองปี
· ขนาด: 2.45 x 1.16 x 0.646นิ้ว (62.15 x 29.40 x 16.40มิลลิเมตร)
· อุณหภูมิในการใช้งาน: 32°F – 140°F (0°C – 60°C)
· อุณหภูมิในการจัดเก็บ: 4°F – 158°F (-20°C – 70°C)

View :2010

การประชุม 1st ASEAN CIO Forum 2012 ครั้งแรกในไทย

April 5th, 2012 No comments

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ร่วมกับ The Authority for Info-communications Technology Industry (AITI) ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และสมาคมซีไอโอ 16 (CIO16) แห่งประเทศไทย ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน การประชุมผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ CIO ของอาเซียนครั้งที่ 1 ประจำปี 2555 ในประเทศไทย (1st ) ระหว่างวันที่ 19 – 20 เมษายน 2555 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ภายในงานมีห้วข้อในการประชุมที่น่าสนใจมากมายอาทิ ระบบการประมวลผลแบบคลาวด์ และการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ การรวมระบบเครือข่าย ระบบมือถือ การสื่อสาร และผู้ให้บริการด้านเนื้อหา ระบบการรักษาความปลอดภัยสำหรับโลกไซเบอร์ การตรวจสอบพิสูจน์ทางไซเบอร์ และการสร้างมาตรฐานด้านธรรมาภิบาล ความเสี่ยง และการปฏิบัติตามระเบียบ (Governance, Risk and Compliance : GRC) สำหรับอาเซียน การเรียนรู้เพื่อปรับปรุงการใช้ ICT ช่วยจัดการวิกฤตการณ์จากสึนามิ น้ำท่วมใหญ่ในไทย และ หรือการใช้ไอซีที เพื่อความสมานฉันท์ของคนต่างเชื้อชาติภายในประเทศ เป็นต้น ตลอดจนนิทรรศการที่จัดแสดงเทคโนโลยีรวมทั้งโซลูชั่นใหม่ล่าสุด เพื่อใช้จัดการกับความท้าทายทางธุรกิจ ภัยคุกคาม และบริการต่างๆ ตามต้องการ (on demand)

พร้อมกันนี้ยังมีการอภิปรายแบบกลุ่มจากมุมมองของผู้รู้จริงในแต่ละประเทศ ที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมฯ ภายใต้จุดมุ่งหมายเพื่อการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในอาเซียน และเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มความเชี่ยวชาญ ความปราดเปรื่อง และความคล่องแคล่วของซีไอโอหรือสิ่งที่ CIO จะต้องเป็นให้ได้ภายในปี 2558
สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ http://www.aseancioforum.com/

View :1279