Archive

Author Archive

ดีแทคเดินหน้าทดสอบ 4จี ความเร็วสูงสุด 150 Mbps บนเครือข่ายใหม่ พร้อมอัพเกรดได้ทันที

October 8th, 2012 No comments

ดีแทค เริ่มดำเนินการทดสอบเทคโนโลยี 4จี บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ในเขตกรุงเทพ ฯ มั่นใจในความพร้อมของเครือข่ายใหม่ที่รองรับการอัพเกรดสู่เทคโนโลยีล่าสุดได้อย่างรวดเร็ว โดยผลการทดลองสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ขณะที่แผนการเปลี่ยนเครือข่ายใหม่ทั้งระบบทั่วประเทศเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สามารถรองรับการอัพเกรดสู่เทคโนโลยีใหม่ได้ทันที เพื่อเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่พร้อมเปิดให้บริการ 4จี ได้รวดเร็วที่สุด

นายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “เราได้เริ่มการทดสอบเครือข่ายการสื่อสารเทคโนโลยี 4จี บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ในเขตกรุงเทพฯ บริเวณสยามสแควร์และอาคารจัตุรัสจามจุรี หลังได้รับความเห็นชอบจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 โดยผลการทดสอบที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจมาก”

“ขณะเดียวกัน แผนการปรับปรุงยกระดับเครือข่ายทั่วประเทศภายใต้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2555 นี้ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้เป็นการยกระดับระบบเครือข่ายการสื่อสารครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคตได้ทันทีเมื่อทุกอย่างพร้อม ไม่ว่าจะเป็น 4จี หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จะตามมา โดยสามารถทำการอัพเกรดเครือข่ายทั่วประเทศเป็น 4 จี ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปลี่ยนการ์ด 4จี ในตู้สัญญาณ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ดีแทคเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความพร้อมในการเปิดให้บริการ 4จี ได้รวดเร็วที่สุด”

การทดลองเครือข่าย 4จี ของดีแทค บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ บนช่องสัญญาณที่ดีแทคมีอยู่ในปัจจุบัน ใช้เทคโนโลยี Frequency Division Duplex ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในเชิงพาณิชย์จริง และมีอุปกรณ์รองรับมากที่สุด การทดสอบในครั้งนี้สามารถทำสถิติใหม่ในประเทศไทย ด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที

ทั้งนี้ ดีแทคเป็นเครือข่ายที่มีเสาสัญญาณใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยจำนวนสถานีฐานมากที่สุดถึง 15,700 สถานีฐาน โดยหลังการดำเนินการยกระดับเครือข่ายเสร็จสิ้นภายในปี 2555 สถานีฐานทั่วประเทศทั้งหมดจะมีความพร้อมในการรองรับและอัพเกรดสู่เทคโนโลยีใหม่ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น 4จี รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต

View :1307
Categories: Press/Release Tags: ,

ทีดีอาร์ไอชี้ การประมูล 3G ควรเดินหน้า แต่ถาม กสทช. ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร หากการประมูลทำให้ประชาชนเสียประโยชน์เป็นหมื่นล้าน

October 8th, 2012 No comments

ต่อการที่มีผู้ฟ้องร้องศาลปกครองสั่งให้ กสทช. ระงับการประมูล 3G นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) มีความเห็นดังนี้

“ผมเห็นว่า ไม่น่าจะมีเหตุผลที่เพียงพอในการฟ้องร้องให้ระงับการประมูล 3G ออกไปอีก เพราะประเด็นต่างๆ ที่มีการหยิบยกขึ้นมา สามารถใช้เครื่องมือในการกำกับดูแลต่างๆ ของ กสทช. ที่มีอยู่ เช่น การกำกับดูแลค่าบริการ และการกำหนดมาตรฐานคุณภาพบริการ ในการคุ้มครองผู้บริโภคได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ การชะลอการประมูล 3G ออกไปจะทำให้ประเทศไทยมีบริการ 3G ใช้ล่าช้ากว่าประเทศอื่นต่อไปอีก”

“จริงอยู่ การกำหนดหลักเกณฑ์ ของ กสทช. ครั้งนี้ เป็นการเอื้อให้ผู้ให้บริการทั้งสามราย สามารถเสนอราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเงื่อนไขของการประมูลแทบจะไม่ทำให้เกิดการแข่งขันเลย เหมือนจัดคน 3 คนมาเล่นเก้าอี้ดนตรี 3 ตัว ทั้งนี้ หากผลการประมูลได้ราคาใกล้เคียงกับราคาประมูลตั้งต้น รัฐและประชาชนในฐานะผู้เสียภาษี ก็จะเสียหายประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เมื่อคิดจากราคาประเมินของ กสทช. เอง ส่วนประชาชนในฐานะผู้บริโภคนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากราคาค่าประมูลอยู่แล้ว เพราะค่าประมูลเป็นส่วนที่ไปหักมาจากกำไรของผู้ประกอบการ ต่อให้ผู้ประกอบการได้คลื่นความถี่ไปฟรี ก็ยังจะคิดค่าบริการจากผู้บริโภคในอัตราที่ทำกำไรสูงสุดนั่นเอง”

“วิธีเดียวที่จะทำให้การประมูลได้ราคาสูงกว่าที่เป็นอยู่ก็คือ กสทช. ต้องไปอ้อนวอนขอร้องผู้เข้าประมูลให้ประมูลสูงขึ้นบ้าง เพื่อไม่ให้ผลการประมูลออกมาน่าเกลียด จนประจานตัวเองมากเกินไป”

“เป็นเรื่องแปลกมาก ที่ผู้ประกอบการต่างพูดว่าพร้อมจะจ่ายค่าประมูลคลื่นความถี่สูงกว่า ที่กสทช. กำหนด เช่น มีรายหนึ่งบอกว่าพร้อมจะจ่าย 1.5 – 2.0 หมื่นล้านบาท แต่ กสทช. กลับไม่ต้องการให้มีการแข่งขันในการประมูล ดูเหมือนจงใจเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการ”

“โดยสรุป ผมเห็นว่า การประมูลควรจะเดินหน้าต่อไป แต่ผมขอถามว่า กสทช. จะรับผิดชอบอย่างไร หากผลการประมูลออกมาอย่างที่คาด คือทำให้รัฐเสียประโยชน์เป็นหมื่นล้านบาท?”

View :1320

สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประเดิมจับมือกรมบังคับคดี หวังปูฐานจับระบบไอทีกระบวนการยุติธรรมเข้าคลาวด์และ GIN

October 4th, 2012 No comments

ประเดิมใช้ 4 บริการ เชื่อมโยงทั้งในและนอก ประชาชนเกิดประโยชน์อื้อ

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี หรือ กบค. เปิดเผยว่า ขณะนี้กบค.ได้นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและบริการประชาชนเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบงานการบังคับคดีแพ่ง ซึ่งเป็นระบบการปฏิบัติงานในระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทุกภาค ที่สำคัญได้วางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของระบบการบริหารทั้งหมด โดยต้องลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของงบดำเนินงาน การตรวจสอบและระบบรักษาความปลอดภัยของระบบ การเตรียมความพร้อมในส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่จะต้องใช้งานเพื่อรองรับการปฏิบัติงานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมให้ระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Service ที่เป็น Portal กลางของภาครัฐสามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง จึงร่วมกันทำงานกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสรอ. จนนำมาสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อใช้งานบริการระบบคลาวด์ภาครัฐ หรือ Government Cloud Computing ระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Government Information Network : GIN) ระบบ Government Monitoring และระบบ e-Portal

หลังจากทำบันทึกข้อตกลงกับสรอ.แล้ว ทางกบค.จะเริ่มนำระบบทั้งหมดมาใช้ทันที โดยเบื้องต้นจะเน้นที่ 3 ระบบก่อนคือ 1. ระบบ Government Cloud Computing เพื่อเป็นการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไอทีทั้งหมดของกบค.อีกชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าใช้ข้อมูลที่น่าสงสัย ซึ่งสรอ. มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบแบบ 24/7 หรือตลอดเวลาไม่มีหยุดพัก โดยจะตรวจสอบการใช้งาน หรือ Log File และการใช้งานระบบเครือข่าย เป็นการช่วยเพิ่มความมั่นคงและปลอดภัยในระบบไอทีของกบค. 2. ระบบ e-Portal ในเบื้องต้นจะใช้เชื่อมต่อระบบตรวจสอบบุคคลล้มละลาย ซึ่ง กบค. มีบริการในส่วนนี้อยู่แล้ว และเป็นที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย ส่วนระยะถัดไประบบจะเข้ามาตรวจสอบสถานะคดีแพ่ง ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าใช้หรือ Authorize ของบุคคลให้สามารถตรวจสอบได้เฉพาะข้อมูลที่บุคคลนั้นเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เป็นต้น

ส่วนระบบที่ 3 คือ ระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ หรือ GIN ในระยะนี้ กบค.ตั้งเป้าหมายหลักในการนำระบบนี้มาใช้คือ ลดค่าใช้จ่ายระบบเครือข่าย ซึ่งเดิมกบค.ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก สำหรับเป้าหมายต่อไปนั้น กบค.จะใช้งานระบบแบบเต็มรูป จะมีการตรวจสอบ Concurrent และ Traffic การใช้งานว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยการใช้บริการของ GIN สามารถเพิ่มแบนด์วิธได้ตามการใช้งานจริง จึงมีความยืดหยุ่นและเหมาะสม รวมถึงประหยัดงบประมาณภาครัฐด้วย
ระบบของสรอ.ที่กบค.จะนำใช้งานในอนาคต ได้แก่ ระบบคลาวด์ภาครัฐ เนื่องจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์และระบบปฏิบัติการที่สรอ. มีในขณะนี้ยังไม่สนับสนุนกับระบบของ กบค. ซึ่งใช้อยู่ในขณะนี้ ดังนั้นจำเป็นต้องประสานงานระหว่างสองหน่วยงานต่อไปอีกช่วงระยะหนึ่งเพื่อทดสอบการใช้งาน ทั้งนี้ระบบคลาวด์ภาครัฐที่กบค. ต้องการใช้ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายทำหน้าที่ฐานข้อมูล มีระบบปฏิบัติการแบบ Solaris 9 ขึ้นไป หรือแบบ HP-UX ซึ่งมีระบบฐานข้อมูลแบบ Oracle Enterprise 10g ขึ้นไป เพื่อใช้งานระบบงานบังคับคดีแพ่งที่พัฒนาโดยภาษา Java และระบบ Business Intelligent หรือ BI ในการวิเคราะห์วางแผนการปฏิบัติงาน

ปัจจุบันกบค. มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงหรือ MOU เชื่อมโยงกับหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในส่วนของภาครัฐที่กบค. ต้องตรวจสอบข้อมูล เช่น ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับกรมการปกครอง ข้อมูลกับกรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นต้น การเข้ามาใช้ระบบ GIN จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการเช่าระบบเครือข่าย Lease Line ลงได้ และในส่วนของการส่งข้อมูลที่จะต้องประสานงาน เช่น สตม. กรมที่ดิน หน่วยงานอื่นสามารถเชื่อมโยงระบบของ กบค. ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จายในการเช่าระบบเครือข่าย รวมถึงเป็นการประหยัดพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์ระบบเครือข่าย และการดำเนินการอื่น ๆ ด้วย

“จำนวนสาขากบค. รวมทั้งหมด 108 สาขาทั่วประเทศ และมีสถานรักษาทรัพย์และโกดังเก็บสำนวนอีก 2 แห่ง รวม 110 แห่ง ซึ่งหากใช้งานระบบเครือข่าย GIN แบบเต็มรูปแบบจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท” ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ กล่าว

การเชื่อมโยงระบบของกบค. กับ สรอ. หลังจากลงบันทึกข้อตกลงแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์ในการเข้าถึงระบบแบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ระบบมีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ นอกจากนั้นยังทำให้กระบวนการบังคับคดีสามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน และสถานะการปฏิบัติงานว่าดำเนินการถึงขั้นตอนใด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการสำหรับการปฏิบัติงานด้านการบังคับคดีแพ่งได้ ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการบังคับคดีในสังคมได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่กบค. จะนำมาไว้บนบริการของสรอ. หลักๆ ได้แก่ระบบงานบังคับคดีแพ่ง ซึ่งเป็น Operation ของกบค. ส่วนระบบอื่นๆ ที่เป็นระบบการให้บริการประชาชน เช่น ระบบตรวจสอบข้อมูลบุคคลล้มละลาย กบค. ก็จะนำไปอยู่บนบริการของสรอ. เช่นกัน ในอนาคตกบค. จะนำระบบงานบังคับคดีล้มละลาย และระบบงานอื่นๆ ตามภารกิจหลักขึ้นบนบริการของสรอ. ทั้งหมด

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือสรอ. เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ MOU กับกรมบังคับคดี หรือกบค. ในครั้งนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์ของสรอ. ในการที่จะนำข้อมูลของกระบวนการยุติธรรมมาอยู่ในบริการของสรอ.ทั้งหมดในอนาคตอันใกล้ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานยุติธรรมทั้งหมดได้จัดทำโครงการศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม หรือ DXC อยู่แล้ว เมื่อกบค.เข้าสู่ระบบของสรอ.แล้วโอกาสที่อีก 14 หน่วยงานในโครงการ DXC จะเข้ามาด้วยก็มีความเป็นไปได้สูง

จากเป้าหมายของสรอ.ในโครงการ DXC นั้นจะประกอบไปด้วย 1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี ฐานข้อมูลประกาศสืบจับ, ฐานข้อมูลผู้กระทำผิดกฎหมาย, ฐานข้อมูลคดีรถหาย, ฐานข้อมูลคดีคนหาย 2. สำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีฐานข้อมูลสาระบบคดี 3. กรมราชทัณฑ์ ที่มี ฐานข้อมูลผู้ต้องขัง 4. กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่มี ฐานข้อมูลเยาวชนผู้กระทำผิด5. กรมคุมประพฤติ ที่มี ฐานข้อมูลผู้ถูกคุมประพฤติ, ฐานข้อมูลอาสาสมัครคุมประพฤติ

6. กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI 7. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ที่มี ฐานข้อมูลผู้ต้องหาคดียาเสพติด 8. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่มี ฐานข้อมูลคดี 9. กรมการปกครอง ที่มี ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร 10. กรมการขนส่งทางบก ที่มี ฐานข้อมูลทะเบียนรถยนต์, ฐานข้อมูลใบขับขี่รถยนต์

11. สำนักงานกิจการยุติธรรม 12. สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม 13. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) ที่มี ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ครัวเรือน), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ศบย.), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (หมายจับ ป.วิอาญา), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (เป้าหมาย), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ปปส.), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ใบขับขี่), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (ทะเบียนรถ), ฐานข้อมูลข้อมูลบุคคล (หนังสือเดินทาง)

14. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มี ฐานข้อมูลการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้, ฐานข้อมูลบุคคลสูญหาย, ฐานข้อมูลร้องเรียนความไม่เป็นธรรม ซึ่งมีหลายหน่วยงานเริ่มเข้ามาใช้บริการของสรอ.แล้ว และหากฐานข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงถึงกันบนบริการของสรอ. ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ทั้งทางด้านการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และความปลอดภัย

View :1367

เลอโนโวจัดเต็ม Sleek Notebook โดดเด่นทั้งดีไซน์บางเบา สีสันสดใส ราคาเบาๆ ถูกใจวัยทีน

October 4th, 2012 No comments


เลอโนโวเติมเต็มความต้องการผู้ใช้งาน เปิดตัว Sleek Notebook ทั้ง IdeaPad S300 และ IdeaPad S400 กับดีไซน์สีสันทันสมัย บางเบาพกพาสะดวก เต็มอิ่มกับประสิทธิภาพให้คุณเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาท พร้อมช่วงแนะนำรับฟรีเคสโน๊ตบุ้คลายเก๋ไก๋ สร้างสรรค์เอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวถึง 3 สไตส์

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดพีซีของโลก เรามุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่บนรากฐานความต้องการของลูกค้าเป็นปัจจัยพื้นฐาน และเชื่อว่าในปัจจุบันผู้ใช้งานไม่เพียงต้องการเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นครบครัน แต่คงให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งคำนึงถึงราคาของผลิตภัณฑ์เป็นหลักอีกด้วย ดังนั้น เลอโนโวจึงขอนำ Sleek Notebook ทั้ง IdeaPad S300 และ IdeaPad S400 ตอบโจทย์นักเรียน นักศึกษา ตามความต้องการอย่างครบครัน ทั้งดีไซน์เบาบาง พกพาสะดวก แถมราคาสุดประหยัด

ประมวลผลชาญฉลาด ประสิทธิภาพเหนือชั้น
IdeaPad S300 Sleek Notebook มาพร้อมหน่วยประมวลอินเทล เพนเทียม (Intel Pentium®) และ IdeaPad S400 Sleek Notebook มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core™ i3 และ i5 พร้อมฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากถึง 500 GB ให้คุณเพลินเพลิดได้ไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็น เก็บเพลง หนัง และไฟล์งานที่สำคัญต่างๆ นอกจากนี้ ตอบโจทย์คนชื่นชอบความเร็วแรงเหนือชั้น IdeaPad S400 Sleek Notebook มาพร้อมฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ความจุ 24 GB และหน่วยประมวลผล Intel Core™ i5

IdeaPad S Series Sleek Notebook รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 พร้อมอัพเกรดเป็น ได้เพื่อความสมบูรณ์แบบ อีกทั้ง ระบบทัชแพด ยังถูกออกแบบมารองรับ โดยเฉพาะ ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการเลื่อนหน้าจอและการซูมเข้าออกได้ดียิ่งขึ้น และคีย์บอร์ดแบบ AccuType ที่ช่วยให้พิมพ์ได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์นวัตกรรมใหม่ที่สะดวกต่อการใช้งานอย่างมากมาย อาทิ ฟังก์ชั่น Lenovo Quick Start “Instant on” ช่วยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที นอกจากนี้ ระบบรักษาความปลอดภัยการป้องกันข้อมูลอย่าง Lenovo OneKey™ Rescue System ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรองและกู้คืนระบบ การกู้คืนเอกสาร และการสแกนไวรัสอย่างสมบูรณ์แบบที่ง่ายดาย รวดเร็ว .

คู่หูมัลติมีเดียสดใส ปลดปล่อยอิสระเต็มพิกัด
IdeaPad S300 Sleek Notebook และ IdeaPad S400 Sleek Notebook ดีไซน์ความบางเฉียบที่ไม่ถึง 1 นิ้วและน้ำหนักน้อยกว่า 1.8 กิโลกรัม ถูกออกแบบด้วยพื้นผิวเมทาลิคสีสันสดใส มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดงเข้ม Crimson Red, สีเทาเงิน Silver Grey และสีชมพูพาสเทล Cotton-Candy Pink โดย IdeaPad S300 Sleek Notebook มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 13 นิ้ว และ IdeaPad S400 Sleek Notebook จอแสดงผลขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD ช่องต่อ HDMI เต็มอรรถรสความบันเทิงกับลำโพงสเตอริโอและระบบเสียง Dolby® Advanced Audio™ v2 นอกจากนี้เทคโนโลยี Lenovo Energy Management ทำให้สามารถรองรับการใช้งานมากกว่า 5 ชั่วโมง และถนอมการใช้งานแบตเตอรี่ให้มีอายุยาวนานยิ่งขึ้น

ราคาและการวางจำหน่าย 1

IdeaPad S300 Sleek Notebook วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 13,990 บาท (รวมภาษีแล้ว)
IdeaPad S400 Sleek Notebook วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 15,990 บาท (รวมภาษีแล้ว)
ร่วมสัมผัสครั้งแรกและเป็นเจ้าของได้ในงาน Thailand’s Mobile Expo 2012 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 4 – 7 ตุลาคม 2555 ณ บู๊ท CM1และ CM2 โซน C ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และตัวแทนผลิตภัณฑ์เลอโนโว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ เลอโนโว คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร. 1800-060-087 หรือ โทร. 02-689-6451

ติดตามข่าวสารล่าสุดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเลอโนโวได้ที่เว็บไซต์ Lenovo Thailand (http://www.lenovo.com/th/en/) หรือ สมัครได้ที่ Lenovo RSS Feeds (http://news.lenovo.com/) หรือติดตามผ่าน Facebook (http://www.facebook.com/lenovo.lover)

View :2284

งานแสตมป์โลก “THAILAND 2013” สืบสานงานศิลป์ สืบทอดเกียรติภูมิไทย

October 4th, 2012 No comments

ไอซีทีโดยไปรษณีย์ไทยจับมือวัฒนธรรมเชิดชูงานศิลป์ไทยในเวทีงานแสตมป์โลก มิติใหม่แห่งการเปิดโลกเรียนรู้งานศิลป์บนดวงแสตมป์ พร้อมเปิดตัวแสตมป์งานศิลป์พื้นบ้าน 4 ภาค และโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556

ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ประธานอำนวยการจัดงานแสดงตราไปรษณียากรโลก พ.ศ. 2556 (THAILAND 2013) ในพิธีแถลงข่าวการจัดงานดังกล่าวที่มีขึ้นในวันนี้ (3 ต.ค.) โดยมีนาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยบริษัทเอกชนชั้นนำด้านการสะสมแสตมป์เข้าร่วมงานกันพร้อมหน้า
ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงตราไปรษณียากรโลก หรือ THAILAND 2013 – World Stamp Exhibition ระหว่างวันที่ 2 – 14 สิงหาคม 2556 ณ รอยัลพารากอนฮออล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในโอกาสครบรอบ 130 ปี กิจการไปรษณีย์และแสตมป์ดวงแรกของไทย หลังจากเคยจัดงานแสตมป์โลกมาแล้วถึง 3 ครั้งในทุก ๆ 10 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2536 และ 2546 ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Youth Stamp Exhibition ในปี 2542

“ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งที่ 5 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงตราไปรษณียากรระดับโลก และก็เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เรายังคงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม-ราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์การจัดงาน และเสด็จฯเป็นองค์ประธานการเปิดงาน รวมทั้งทรงพระราชทานสิ่งสะสมส่วนพระองค์มาร่วมจัดแสดงด้วย” นางสาวอานุสรากล่าว
งานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการจัดการแสดงและประกวดตราไปรษณียากรตามข้อบังคับของสหพันธ์ตราไปรษณียากรระหว่างประเทศเพื่อยกระดับการสะสมตราไปรษณียากร โดยคาดว่าจะมีนักสะสมส่งผลงานมาจัดแสดงและเข้าประกวดกว่า 2,500 แผงการประกวด ยังเป็นการเชิดชูชิ้นงานศิลปะของไทย ตั้งแต่ช่างพื้นบ้าน ไปสู่ช่างหลวง และช่างร่วมสมัย เพื่อเผยแพร่ความงดงามของงานช่างศิลป์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก โดยไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมจัดโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556 เพื่อคัดเลือกชิ้นงานพื้นบ้าน 3 แขนง ได้แก่ งานปั้นดินเผา งานจักสาน และงานถักทอ ในแนวประเพณี และแบบประยุกต์ ซึ่งผลงานที่ชนะการประกวดทุกชิ้นจะนำมาจัดแสดงภายในงานด้วย

ทั่วพื้นที่การจัดงานจะถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนแห่งเมืองศิลป์มิวเซียมโลกที่สร้างความสุนทรีย์และความสุข ให้กับผู้เข้าชม รวมไปถึงพื้นที่สำหรับร้านค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 130 คูหา โดยขณะนี้เปิดให้จองคูหาได้แล้วในราคาพิเศษ

ด้าน นางสาวปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ว่า “กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มโครงการดี ๆ ที่มุ่งหวังจะจุดประกายให้สังคมไทยหันมาตื่นตัว และตระหนักในคุณค่าของงานช่างศิลป์ไทยในระดับท้องถิ่น ด้วยการจัดประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556 ขึ้น เพื่อร่วมกันค้นหาชิ้นงานอันโดดเด่นของช่างศิลป์พื้นบ้าน 3 แขนงหลัก อันได้แก่ งานจักสาน งานปั้นดินเผา และงานถักทอ ทั้งในแนวประเพณี และแนวประยุกต์ รวม 6 ประเภท โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆ มาก่อน สร้างขึ้นด้วยฝีมือตนเอง หรือกลุ่มของตนเอง และมีรูปแบบเฉพาะท้องถิ่นหรือแบบประยุกต์ตามความคิดสร้างสรรค์ของตนเองที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งการตัดสินได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงศิลปะพื้นบ้าน ได้แก่ ศาสตราจารย์วิบูลย์ ลี้สุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักสาน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เสริมศักดิ์ นาคบัว ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปั้นดินเผา และอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย มาเป็นหลักสำคัญในคณะกรรมการตัดสิน ผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ศกนี้ ไปจนถึงวันที่ 29 มีนาคมศกหน้า ประกาศผลตัดสินในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 จากนั้นผลงานที่ชนะการประกวดจะนำไปจัดแสดงในงานแสดงตราไปรษณียากรโลก พ.ศ. 2556 และมีโอกาสได้รับการพิจารณาเป็นต้นแบบภาพบนตราไปรษณียากรต่อไป”

สำหรับแสตมป์ที่ระลึกของการจัดงานชุดที่ 1 เป็นภาพศิลปหัตกรรมพื้นบ้าน 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ โคมและร่วมกระดาษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บั้งไฟและแคน-โหวด ภาคกลาง ตุ๊กตาชาววัง และเครื่องปั้นดินเผา ภาคใต้ เรือกอและจำลอง และกรงนก รวม 8 แบบ ราคาดวงละ 5 บาท หาซื้อได้แล้วที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1545 หรือ www.thailand2013.com

View :1353

“เอไอเอส” ผนึกกำลัง “ซัมซุง” และ “GTH” เอาใจคอหนัง เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ “AIS Galaxy Movie Store” จัดเต็มเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ ให้ดูหนังฟรี! ยกค่าย

October 4th, 2012 No comments

เอไอเอสเร่งเครื่องเต็มสูบ ขยายตลาดแอพพลิเคชั่นเพื่สาวกสมาร์ทดีไวซ์ ตั้งเป้าเป็นดิจิตอลออนไลน์สโตร์แห่งโลกบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ หลังประสบความสำเร็จกับบุ๊คสโตร์และมิวสิคสโตร์ พร้อมเดินหน้าสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ เอาใจคอหนัง ประเดิมจับมือ “ซัมซุง” และค่ายหนัง “” เปิดโมเดลเอ็กซ์คลูซีฟแอพพลิเคชั่น เป็นรายแรกของตลาดกับ “ Galaxy Movie Store” มอบความพิเศษให้กับลูกค้าเอไอเอสที่ซื้อซัมซุง กาแลคซี่ ได้ดูหนัง GTH ฟรี! ยกค่าย นานถึงสิ้นปี

นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส เปิดเผยว่า “ด้วยการขยายตัวของตลาดแอพพลิเคชั่นที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ซึ่ง ณ สิ้นปี 2555 คาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 5.3 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 50% จึงทำให้ความนิยมดาวน์โหลดแอพฯ มาใช้งานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ เอไอเอสมีแนวทางในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าเอไอเอส เพื่อให้การใช้งานสมาร์ทดีไวซ์จากเอไอเอสเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตให้มีสีสันครบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ยังคงเป็นไลฟ์สไตล์หลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจและนิยมเป็นอันดับต้น

ดังนั้น หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการสร้างแอพฯ ของเอไอเอส คือการสร้างหน้าร้านค้าออนไลน์ ให้บริการดาวน์โหลดดิจิตอลคอนเทนต์ประเภทต่างๆ เช่นที่ผ่านมากับ AIS Bookstore เพื่อเหล่านักอ่าน และ AIS Music Store สำหรับคอเพลง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากตลาดผู้บริโภค และเจ้าของธุรกิจคอนเทนต์ ล่าสุด เพื่อเป็นการเอาใจคอหนัง เอไอเอสจึงได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ ให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดหนังเรื่องโปรดมาดูบนสมาร์ทดีไวซ์ได้ โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ “ซัมซุง” และค่ายหนัง “GTH” ประเดิมเปิดโมเดลใหม่ เอ็กซ์คลูซีฟแอพพลิเคชั่น เป็นรายแรกของเมืองไทยกับ “AIS Galaxy Movie Store” มอบความพิเศษให้ลูกค้าเอไอเอสที่ซื้อเครื่องซัมซุง กาแลคซี่ จากเอไอเอส ได้ดูหนัง GTH ฟรี แบบยกค่าย กว่า 30 เรื่อง ด้วยความคมชัดระดับ HD อาทิ กวนมึนโฮ, ATM เออรักเออเร่อ, SuckSeed ห่วยขั้นเทพ ฯลฯ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2555

ซึ่งแคมเปญนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของทั้ง 3 บริษัท ภายใต้แนวคิด Quality DNAs เพื่อชีวิตในแบบคุณ ด้วยการผสานนวัตกรรมสุดล้ำจากฝั่งผู้ผลิตดีไวซ์, คอนเทนต์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่ผู้บริโภคชื่นชอบ และแอพพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงใจ บนที่สุดของเครือข่ายทรงประสิทธิภาพจาก เอไอเอส” นายปรัธนากล่าว

ส่วนนายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงในฐานะผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมที่มุ่งมั่นในการพัฒนาอุปกรณ์สื่อสารเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสะดวกสบายมากขึ้นของผู้บริโภค จับมือเอไอเอสหนึ่งในเครือข่ายที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดอีกครั้งเพื่อสนองความต้องการในด้านความบันเทิงของผู้บริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกบ้าน ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าจากซัมซุง ผู้บริโภคจะได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ในรูปแบบ On-the-Go ได้อย่างสมบูรณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะด้วยหน้าจอแบบ HD Super AMOLED ขนาด 4.8 นิ้วของ ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 3’ ขนาด 5.5 นิ้ว ของ ’ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 2’ จนถึงขนาด 10.1 นิ้ว ของ ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 10.1’ ให้ภาพที่สวยน่าทึ่งและถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างคมชัดสดใส บนสัดส่วนหน้าจอ 16:9 ทำให้การรับชมวีดีโอเป็นประสบการณ์ที่ได้อารมณ์ และน่าตื่นตาเหมือนกับการชมในโรงภาพยนตร์ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการชมวิดีโอความละเอียดสูงได้ในทุกๆ สถานที่ ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้ผู้ใช้สามารถชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งอ่านคอนเทนท์ที่เป็นตัวอักษรได้ง่ายขึ้น นอกจากหน้าจอขนาดใหญ่ จะให้ประสบการณ์อันน่าทึ่งในการดูคอนเทนท์ต่างๆ แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกัน อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยระบบการทำงานแบบ multitasking ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย”

ด้านนายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับฯ กล่าวว่า “ด้วยไลฟ์สไตล์และการใช้งานอุปกรณ์สื่อสารของคนในยุคนี้ที่เปลี่ยนไป คนทำหนังหรือในฐานะผู้ผลิต คอนเทนต์อย่างเราก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ปัจจุบันดิจิตอลคอนเทนต์บนสมาร์ทดีไวซ์อย่างสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตคงเป็นสื่อที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ในทุกวงการปฎิเสธถึงความแรงและความสะดวกสบายของมันไม่ได้ จะเห็นได้ว่าในทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญและปรับตัวให้เข้ากับดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ จากหนังสือแมกกาซีน มาสู่ e-book ส่วนอุตสาหกรรมเพลงก็ขยับจาก CD มาสู่ดิจิตอลดาวน์โหลด

ดังนั้น ในฐานะคนทำหนัง นี่คือก้าวสำคัญและเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ครั้งแรกของเมืองไทยในการเปิดตลาดภาพยนตร์สู่ธุรกิจดิจิตอลคอนเทนต์ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทาง GTH รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานกับพาร์ทเนอร์อย่าง AIS ซึ่งเป็นผู้นำด้านเครือข่ายสื่อสารไร้สายและเชี่ยวชาญด้านพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ซึ่งมีผู้ใช้บริการให้ความไว้วางใจมากที่สุด และ ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ GTH จึงมั่นใจว่าแอพพลิเคชั่น AIS Galaxy Movie Store นี้จะเป็นทางเลือกใหม่ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับชมภาพยนตร์ของ GTH ได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ชมในปัจจุบันและอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ GTH ได้เตรียมภาพยนตร์เรื่องโปรดให้แฟนๆ GTH ได้ดาวน์โหลดไปรับชมกันผ่านทางแอพฯ รวม 30 กว่าเรื่อง ไล่ตั้งแต่เรื่องแรกของค่ายอย่าง แฟนฉัน, เพื่อนสนิท จนถึงเรื่องยอดฮิตอย่าง กวน มึน โฮ, ATM เออรักเออเร่อ เรียกว่ายกกันมาทั้งค่าย มีให้เลือกทั้งความคมชัดระดับ HD และแบบมาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าเอไอเอสและซัมซุงได้ชมฟรี ถึงสิ้นปีเลยทีเดียว” นายวิสูตรกล่าว

ลูกค้าเอไอเอสที่ใช้เครื่อง Samsung Galaxy จากเอไอเอสทุกรุ่น สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AIS Galaxy Movie Store พร้อมดูหนัง GTH ฟรีแบบยกค่าย ได้ง่ายๆ ผ่านทาง 3 ช่องทาง ได้แก่ AIS App Store, Samsung Apps หรือ Play Store จากนั้นคลิกไอคอนเพื่อเปิดแอพพลิเคชั่น จะมีภาพยนตร์ค่าย GTH ให้เลือกชมมากมาย

View :1874
Categories: SmartPhone/Mobile phone Tags: , ,

โซนี่ไทย เผยโฉม BRAVIA LCD 4K TV ขนาด 84 นิ้วเครื่องแรก

October 4th, 2012 No comments

มอบประสบการณ์ความบันเทิงสุดคมชัดด้วยขนาดหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมคุณภาพเสียงทรงพลัง

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัว เครื่องแรกจากโซนี่ ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 84 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 3840×2160 พิกเซล ชูจุดเด่นอยู่ที่การนำเทคโนโลยี “4K X-Reality Pro” ที่ให้ความละเอียดของภาพด้วยคุณภาพระดับ Super Resolution ทำให้คุณได้สัมผัสถึงความคมชัดของภาพในระดับ 4K อีกทั้งยังผสมผสานกับความละเอียดของภาพที่สูงบนหน้าจอขนาดใหญ่ และยังมาพร้อมกับคุณภาพเสียงทรงพลัง ที่ให้ประสบการณ์ในการรับชมที่เสมือนจริงและเหนือกว่าทีวีทั่วไป

BRAVIA 4K LCD TV ยังมาพร้อมกับจอแสดงผลที่มีความละเอียดถึง 8.29 ล้านพิกเซล ซึ่งมากกว่าทีวีมาตรฐานทั่วไปถึง 4 เท่าด้วยกัน ประกอบกับมีเทคโนโลยี 4K X-Reality Pro ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะให้ภาพความละเอียดของภาพคมชัด โดยจอภาพรุ่นนี้มีความสามารถพิเศษในการผลิตภาพในรูปแบบต่างๆที่เล่นด้วยความละเอียดที่หลากหลาย อาทิ สัญญาณ HD Digital หรือ Blue-ray Disc ให้เป็นภาพที่สดใส ตื่นตาตื่นใจ ด้วยความละเอียดของภาพในระดับ 4K หมดกังวลกับภาพที่มี Noise รบกวน แต่จะได้รับชมภาพแบบสมจริง สวย สดใส ด้วยมุมมองที่กว้างถึง 60 องศา ทำให้การรับชมภาพชัดเจนแม้ว่านั่งห่างครึ่งหนึ่งของระยะจากจอที่กำหนด เมื่อเปรียบเทียบกับการรับชมจาก Full HD ทั่วไปที่แนะนำให้รับชมในระยะห่างจากจอถึง 3 เท่าด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างอรรถรสและความบันเทิงภายในบ้าน รวมถึงรองรับการใช้งานที่หลากหลาย จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถรับชมความบันเทิงได้เต็มอารมณ์กันเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น BRAVIA 4K LCD TV ยังได้นำเอาเทคโนโลยีประมวลผลของสัญญาณเสียงคุณภาพ รวมไปถึงระบบลำโพงคุณภาพทั้งซ้ายและขวาที่ถูกออกแบบมาได้อย่างเหมาะสมกลมกลืนและมีมากถึง 10 จุดด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ชมได้รับเสียงอันทรงพลังแบบ 3 มิติ ด้วยคุณภาพเสียงที่สมจริงผสมผสานเข้ากับหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูง จะทำให้คุณได้รับอรรถรสความบันเทิงแบบเสมือนจริงต่างจากที่คุณเคยได้รับจากทีวีทั่วไป ด้วยการออกแบบดีไซน์ที่หรูหราของหน้าจอความละเอียดสูงนี้เอง จะทำให้คุณสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ความบันเทิงที่เต็มอิ่มเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ส่วนตัวเลยก็ว่าได้ อีกทั้งคุณยังสามารถร่วมแบ่งปันความสุขหรรษาให้กับครอบครัว ด้วยการขยายภาพดิจิตอลความละเอียดสูงบนหน้าจอใหญ่ให้เท่ากับภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น การขยายภาพวิวทิวทัศน์ หรือแม้แต่การขยายภาพถ่ายของเด็กๆให้มีขนาดเท่ากับตัวจริง เพื่อให้รับชมกันได้ทั้งครอบครัวอีกด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถรองรับ PlayMemories Studio[1] ซึ่งเป็นโปรแกรมสุดพิเศษจาก Playstation®3 ที่จะช่วยผู้ใช้งานจัดระเบียบและดูภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูงได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายบน BRAVIA 4K LCD TV จาก Sony ที่จะก้าวล้ำหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ในการนำเสนอการรับชมภาพยนตร์ภายในบ้านรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้า

โซนี่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 4K โดยนอกเหนือจาก BRAVIA 4K LCD TV ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี 4K Digital cinema Projectors โดยนำมาใช้กับเครื่องฉายภาพยนตร์แบบดิจิตอล 4K ให้กับโรงภาพยนตร์ทั่วโลก ตลอดจนอุปกรณ์สำหรับการผลิต อาทิ กล้องรุ่นหลัก CineAlta “F65” ที่สามารถถ่ายทำภาพยนตร์ในระบบ 4K ได้ อีกทั้งยังเป็นผู้พัฒนา VPL-VW1000ES ซึ่งป็นโฮมโปรเจคเตอร์เพื่อสร้างความบันเทิงในครอบครัว โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั่วโลก

ผู้สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ความคุมชัดของ BRAVIA 4K LCD TV ในเบื้องต้น ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ สาขาสยามพารากอน ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม ศกนี้ เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่โทร. 02-715-6100 และ www.sony.co.th

View :1151
Categories: Press/Release Tags:

เอไอเอสจัดให้! ขนทัพสมาร์ทดีไวซ์และแอพพลิเคชั่นสุดล้ำ บุกงาน Thailand Mobile Expo 2012 Showcase

October 3rd, 2012 No comments


ปลุกกระแสสาวกหัวใจไอที ตื่นตากับโปรโมชั่นถึงใจ คุ้มเกินราคา!

เอไอเอสตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมสื่อสารไร้สาย พาเหรดขบวนสมาร์ทดีไวซ์ ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ครบทุก OS ทั้ง iOS, Android, BlackBerry ฯลฯ และสุดยอดแอพพลิเคชั่นล้ำๆ ที่เอ็กซ์คลูซีฟเพื่อลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น ซึ่งมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษแบบห้ามใจไม่ไหว ทั้งผ่อน 0% และผ่อนนาน 20 เดือน (เฉพาะรุ่นและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ) ก็เลือกได้ตามคุณ นอกจากนี้ ยังมีของแถมน่ารักสุดคูล ติดปลายนวมให้อีกมากมาย เรียกว่าจัดมาเอาใจเหล่าสาวกหัวใจไอทีให้ได้ช้อปกันสนุกมือ เฉพาะในงาน 2012 Showcase โดยมีไฮไลท์เด็ดๆ ดังนี้

- ชาวกาแลคซี่ตื่นตากับ Galaxy Note II นวัตกรรมรุ่นล่าสุดที่พ่วงมากับแอพพลิเคชั่นสุดว้าว อย่าง Galaxy Movie Store, Guide&Go, e-book จาก Book Store นอกจากนี้ ยังมีสมาร์ทโฟนในตระกูลกาแลคซี่ขนมาเอาใจสาวก Android กันอีกหลายรุ่น อาทิ Galaxy S III, Galaxy Note 10.1

- แก๊งค์บีบี ต้องไม่พลาดกับ Blackberry Torch 9860 ราคาพิเศษ อีกทั้งรุ่น Curve, Bold, Torch มีให้เลือกอีกเพียบ ซึ่งมาพร้อมแอพฯ LINE สุดฮิต เฉพาะลูกค้าเอไอเอส BlackBerry เท่านั้น พิเศษ! เมื่อซื้อเอไอเอส BlackBerry ทุกรุ่น รับสิทธิ์ใช้งานแพ็กเกจ Blackberry Unlimited 799 ฟรี 3 เดือน พร้อมรับฟรี Blackberry Thumb Drive ขนาด 16GB อีกด้วย

ส่วนสาวก iOS เตรียมเซอร์ไพรส์กับ iPhone4S ราคาพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีบริการตรวจสุขภาพซิมฟรี! อีกด้วย
ขอเชิญลูกค้าเอไอเอสและสาวไอทีแวะมาสัมผัสกับนวัตกรรมสุดล้ำและความคุ้มค่าอีกมากมายได้ที่ บูธ AIS PL2 ห้องเพลนนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ตั้งแต่วันที่ 4-7 ตุลาคม 2555 เวลา 10.00 – 20.00 น.

View :1581

ก.ไอซีที จับมือ ทรู เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต อีก 50,000 จุดทั่วประเทศ

October 3rd, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานงานแถลงข่าว ICT by TRUE ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ว่า โครงการ ICT by TRUE เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเป็นส่วนหนึ่งภายใต้นโยบายหลัก SMART THAILAND ที่มุ่งหวังให้ประชาชนทั่วประเทศ มีโอกาสใช้บริการอินเทอร์เน็ตกันอย่างทั่วถึง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งครั้งนี้กระทรวงไอซีที ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท ทรู ร่วมเปิดพื้นที่ให้บริการ ICT by TRUE ครอบคลุมมากถึง 50,000 จุดทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายได้อย่างสะดวก ผ่านทางเครือข่าย ICT by TRUE พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบอีกด้วย

“กระทรวงไอซีที ได้ดำเนินการโครงการ ICT free WIFI by TRUE มาตั้งแต่ปลายปี 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มอัตรา การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชากรไทย อันเป็นการเพิ่มศักยภาพของทรัพยากรบุคคลในประเทศ ยกระดับการศึกษา และ ส่งเสริมให้ประชาชนสามารถหาความรู้ได้ทุกที่ด้วยตนเองแม้อยู่นอกห้องเรียน อันเป็นการลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเป็น การสนับสนุนนโยบายการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ตลอดจนช่วยเพิ่มอันดับของประเทศไทยในการ จัดอันดับความพร้อมด้าน ICT ทั้งในภูมิภาคและระดับโลก ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี 2558 อย่างสมบูรณ์

การดำเนินโครงการ ICT free WIFI by TRUE นี้ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ต้องการช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตประจำวัน และประกอบอาชีพของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้วางเป้าหมายรวมของโครงการฯ เอาไว้ คือ ขยายจุดให้บริการ ICT free WIFI by TRUE รวมทั้งสิ้น มากกว่า 300,000 จุด ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ

สำหรับการใช้บริการ ICT free WIFI by TRUE นั้น ประชาชนสามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านสัญญาณ Wi-Fi ของทรู ในความเร็ว 2 Mbps โดยเลือกเครือข่าย ICT free WIFI by TRUE เพื่อลงทะเบียนรับ username และ password ขอใช้บริการดังกล่าว ได้นานครั้งละ 30 นาทีต่อวัน และลงทะเบียนใหม่เพื่อต่ออายุการใช้งานได้ทุกๆ 3 เดือน ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

“กระทรวงฯ หวังว่า ความร่วมมือในโครงการ ICT free WIFI by TRUE ที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัท ทรู ในครั้งนี้ จะช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้แก่ประชาชน และจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยเชื่อว่าเมื่อมีโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการสาธารณสุข ก็จะมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ฯ กล่าว

View :1335

Intel-based Tablets with Windows 8 – Delivering a Whole New Computing Experience

October 3rd, 2012 No comments

Acer ICONIA W510

Acer ICONIA W510


The Acer ICONIA W510 comes in a hybrid design that combines the portability of a multitouch tablet and the full productivity of a standard notebook. Powered by the Next Generation Intel® Atom ™ processor Z2760, the Iconia W510 includes a detachable keyboard dock that doubles as an extended battery, enabling up to 18 hours of use.

ASUS Vivo Tab TF810

ASUS Vivo Tab TF810


The ASUS Vivo Tab transforms your tablet experience to significantly boost productivity. Based on the Intel® Atom™ processor Z2760, file transfer between the Vivo Tab and your other Windows devices is seamless.

DELLLatitude 10

DELL Latitude 10


Built for business, the Latitude 10 tablet easily and securely snaps into your business environment while delivering all-day productivity with a swappable battery and optional docking solution.
The tablet is powered by the Intel® Atom™processor Z2760, which allows backward compatibility with Windows applicationsthat have already been deployed.

FUJITSU STYLISTIC Q702

FUJITSU STYLISTIC Q702


Powered by the Intel® Core™ i5 vPro™ processor, the Fujitsu STYLISTIC Q702 is the perfect choice for mobile professionals looking for high-performance computing that does not compromise on versatility.
With its attachable keyboard option, this lightweight hybrid tablet PC weighing at 0.85 kg enables easy content creation and consumption.

HPENVY x2

HPENVY x2


Flexible! Powered by the Intel® Atom™ processor Z2760, the HP ENVY x2 gives you the HP ENVY x2 delivers the power of a notebook and the freedom of a tablet in one stylish, lightweight device: A Windows® 8 notebook with a bright, vivid HD Touch display; and a tablet that slides off for those times when you want to carry even less.

Lenovo ThinkPad 2

Lenovo ThinkPad 2


The ThinkPad 2 enables extreme mobility. With up to 10 hours battery life, it keeps going for as long as you need it to. Use 3G and support to stay connected to colleagues, family and friend.

Besides the new, fun and immersive Apps, this Intel® Atom Z2760 based tablet will also run productivity ones, including Adobe® Photoshop®, Quicken®, TurboTax® and more.

Smart PC

SAMSUNG Smart PC


Designed for Windows 8 and powered by the new Intel® Atom™ Quad Core Z2760 Processor, the Samsung Smart PC, aka the Series 5 Slate, targets both consumer and enterprise audiences for a powerful PC experience.

ZTE V98

ZTE V98


ZTE’s V98 Windows 8 tablet is powered by the Z2760 Intel® Atom™ processor. It is designed for multi-tasking and an outstanding user experience. Weighing lesser than 700g, the V98 is only about 8.9mm in thickness.

Intel, Atom, Core and the Intel logo are trademarks of Intel Corporation in the United States and other countries.

*Other names and brands may be claimed as the property of others.

View :1382