Archive

Archive for the ‘3G’ Category

เอไอเอส 3G 2100 ออกนวัตกรรมแพ็กเกจรูปแบบใหม่ “iFAIR”

August 8th, 2013 No comments

รายแรกและรายเดียวที่ปรับค่าเน็ตเข้าแพ็กสุดคุ้มให้ลูกค้ารายเดือนแบบอัตโนมัติพร้อมใช้งานด้วยความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง

8 สิงหาคม 2556 : ตอกย้ำความเป็นตัวจริงอีกครั้ง ล่าสุดออกสุดยอดนวัตกรรมแพ็กเกจรูปแบบใหม่ เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ดูแลค่าเน็ต ให้ลูกค้ารายเดือน “Fair” ทุกการใช้งาน โดยจะเลือกแพ็กเน็ตที่คุ้มค่าที่สุดให้กับลูกค้าเองอัตโนมัติในแต่ละเดือนและให้เล่นเน็ตด้วยความเร็วสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “หลังจากเอไอเอสเริ่มเปิดให้บริการ 3G 2100 ตั้งแต่เดือน พ.ค.56 เป็นต้นมา นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเครือข่าย , ออก Application ที่หลากหลาย รวมทั้งนำเสนอเครื่อง Device 3G คุณภาพ ที่รองรับการใช้งาน 3G 2100 ให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างมั่นใจในราคาสุดคุ้มแล้ว การพัฒนาแพ็กเกจรูปแบบใหม่ๆเพื่อดูแลลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับเป็นอีก 1 ภารกิจหลักที่เอไอเอสมุ่งมั่นมาโดยตลอด

ล่าสุดจากการศึกษาพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของลูกค้ารายเดือน พบว่าถึงแม้จะมีแพ็กเกจสุดคุ้มให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย แต่ยังมีลูกค้ากลุ่มที่มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตไม่คงที่ในแต่ละเดือน และกลุ่มที่มีความกังวลเรื่องปัญหาเน็ตรั่วหรือ Bill Shock ที่เกิดจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตเกินจากแพ็กเกจที่สมัครไว้ เอไอเอส 3G รายเดือน จึงออกสุดยอดนวัตกรรมแพ็กเกจรูปแบบใหม่ “iFAIR” ขึ้น เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการใช้งานดังกล่าวและเพื่อให้ลูกค้าคลายกังวลตั้งแต่เริ่มต้นการใช้งาน โดย “iFair” มีจุดเด่นดังนี้

1.ปรับค่าเน็ตให้ลูกค้าเองอัตโนมัติ โดย iFAIR จะเลือกแพ็กที่คุ้มค่าที่สุดให้ลูกค้าในแต่ละเดือนเองอัตโนมัติ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตไม่คงที่ในแต่ละเดือน

2.ลูกค้าไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะแพ็กเกจ iFAIR มีอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 99 บาท / เดือน หลังจากนั้นจะปรับค่าเน็ตใช้จริงของลูกค้าในแต่ละเดือนให้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 799 บาท / เดือน เป็นการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความกังวลเรื่องปัญหาเน็ตรั่วหรือ Bill Shock จากการใช้งานอินเตอร์เน็ตเกินจากแพ็กเกจที่สมัครไว้ ยกตัวอย่างเช่น

กราฟแสดงให้เห็นถึง การใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ไม่คงที่ในแต่ละเดือน โดย iFAIR จะปรับค่าเน็ตใช้จริงของลูกค้าในแต่ละเดือนให้เข้าแพ็คสุดคุ้มแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ลูกค้าหมดกังวล เรื่อง Bill Shock

กราฟแสดงให้เห็นถึง การใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ไม่คงที่ในแต่ละเดือน โดย iFAIR จะปรับค่าเน็ตใช้จริงของลูกค้าในแต่ละเดือนให้เข้าแพ็คสุดคุ้มแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ลูกค้าหมดกังวล เรื่อง Bill Shock

3.ลูกค้าสามารถเล่นเน็ตด้วยความเร็วสูงสุดอย่างต่อเนื่องตลอดการใช้งาน โดย iFAIR เป็นแพ็กเน็ตรูปแบบใหม่รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ไม่ปรับลดความเร็วลง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดยลูกค้าเอไอเอส 3G รายเดือนที่มีแพ็กเกจหลักเน้นโทรอย่างเดียว สามารถสมัครแพ็กเกจ “iFAIR” ได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพียงกด *777*99# แล้วโทรออก

เอไอเอส 3G 2100 เชื่อมั่นว่า ลูกค้ารายเดือนจะได้รับการดูแลให้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้อย่างสบายใจไร้กังวล และได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นทุกการใช้งานได้อย่างแท้จริงจากแพ็กเกจ iFAIR และเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตในแบบคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายฐิติพงศ์ กล่าวสรุป

View :1441

เรียกร้อง กสทช.แก้กฎระเบียบที่สร้างปัญหาก่อนลามถึงดิจิตอลทีวี สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

August 6th, 2013 No comments

ดร.สมเกียรติ

ประชาชนและผู้ประกอบการจะประสบปัญหาในยุคทีวีดิจิตอลที่กำลังจะมาถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้ หาก กสทช.ไม่ยกเลิกหรือแก้ไขประกาศ 2 ฉบับ คือ must carry และ must have

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทแกรมมี่ได้รับลิขสิทธิ์ แล้วนำรายการส่วนหนึ่งมาถ่ายทอดทางฟรีทีวี แต่ไม่อนุญาตให้เคเบิ้ลทีวีนำไปถ่ายทอดต่อ จนทำให้เกิดปัญหา “จอดำ” นั้น กสทช.ได้แก้ปัญหาซึ่งยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นด้วยการออกกฎ 2 ข้อ คือ กฎที่เรียกกันผิด ๆ ว่า must carry ซึ่งกำหนดให้ฟรีทีวีต้องเปิดรายการของตนให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีเอาไปถ่ายทอดต่อ และกฎ must have ที่กำหนดให้กีฬาสำคัญๆ ที่กำหนดไว้ต้องถ่ายทอดผ่านเฉพาะฟรีทีวีเท่านั้น

กฎ must carry ในต่างประเทศจะกำหนดให้ผู้ให้บริการเคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมรายใหญ่ ต้องรับสัญญาณจากช่องฟรีทีวีที่กำหนดไปถ่ายทอดต่อ แต่กฎที่เรียกว่า must carry ของไทยกลับกำหนดฝ่ายเดียวให้ฟรีทีวีจะต้องยิงสัญญาณไปไว้ที่ทีวีดาวเทียม แต่ไม่ได้บังคับให้เคเบิ้ลทีวีต้องรับสัญญาณของรายการของทีวีธุรกิจไปถ่ายทอดต่อ กฎ must carry แบบไทยๆ จึงทำให้เกิดปัญหามากมายคือ นอกจากไม่สามารถแก้ปัญหาจอดับ-จอดำได้ เพราะขัดกับกฎหมายลิขสิทธิ์แล้ว ยังทำให้ฟรีทีวีมีต้นทุนสูง โดยในหลายกรณีก็เป็นการลงทุนที่ต้นทุนสูญเปล่า เพราะไม่ได้กำหนดให้เคเบิ้ลทีวีจะต้องนำสัญญาณไปถ่ายทอดต่อ ปัญหาความสูญเปล่าดังกล่าวจะเกิดขึ้นมากในอนาคตอันใกล้เมื่อเกิดทีวีดิจิตอลธุรกิจจำนวนถึง 24 ช่อง ในขณะที่ ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากกฎดังกล่าวคือผู้ให้บริการดาวเทียมของไทย ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่เพียงรายเดียว

ส่วนกฎ must have ที่กำหนดให้รายการกีฬาสำคัญ ๆ จะต้องถ่ายทอดทางฟรีทีวีเท่านั้น ก็จะทำให้เกิดปัญหาเช่นกัน เพราะกีฬาต่างๆ ทั้งซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิก มีรายการกีฬาที่แข่งขันกันจำนวนมาก จนฟรีทีวีไม่สามารถถ่ายทอดได้หมด การจำกัดให้ถ่ายทอดกีฬาดังกล่าวเฉพาะฟรีทีวีจะทำให้ประชาชนไม่ได้ดูกีฬาเหล่านั้น จากเดิมเคยสามารถดูได้ทางเคเบิ้ลทีวีหรือทีวีดาวเทียม นอกจากนี้ กฎดังกล่าวยังจะทำให้ทีวีช่องใหม่เกิดขึ้นไม่ได้ เช่น กรณีบริษัทอาร์เอสซึ่งได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก และเดิมต้องการที่จะถ่ายทอดทางทีวีดาวเทียมของตน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะขัดกับกฎของกสทช.ดังกล่าว จนอาร์เอสก็ต้องล้มเลิกแผนการเดิมของตนและมีปัญหาฟ้องร้องกับ กสทช.อยู่ขณะนี้

เท่าที่ศึกษาดูพบว่า ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีกฎระเบียบการถ่ายทอดรายการทีวีที่แปลกพิสดารเหมือนกับประเทศไทย เนื่องจาก หากประเทศใดมีกฎบังคับให้ฟรีทีวีต้องเปิดสัญญาณให้เอารายการของตนไปถ่ายทอดต่อแล้ว ก็จะต้องมีกฎ must carry บังคับให้เคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมมีหน้าที่ต้องนำเอาสัญญาณดังกล่าวไปถ่ายทอดต่อ นอกจากนี้ ไม่พบว่ามีประเทศใดในโลกที่บังคับให้ถ่ายทอดรายการกีฬาสำคัญ ๆ เฉพาะทางฟรีทีวีอย่างเดียวเท่านั้น อย่างมากจะกำหนดว่า ถ้ามีการถ่ายทอดรายการกีฬาสำคัญทางเคเบิ้ลหรือทีวีดาวเทียมแล้ว จะต้องยอมให้ถ่ายทอดทางฟรีทีวีด้วย

ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า กฎที่กสทช.ออกมาเป็นกฎที่ผิดพลาด ซึ่งจะทำให้ทั้งประชาชนในฐานะผู้ชมและผู้ประกอบการเสียประโยชน์ ข้อเสนอก็คือ ควรยกเลิกประกาศ must carry และ must have ทั้งสองฉบับ ทั้งนี้ ในระยะยาว ประกาศ must carry ไม่จำเป็นเพราะทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นจะถูก กำหนดให้ต้องขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่ไปกำหนดให้รายการของฟรีทีวีจะต้องไปออกเคเบิ้ลทีวีหรือทีวีดาวเทียมอีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปลี่ยนผ่าน หากจะมีกฎ must carry ก็สมควรยกร่างให้ถูกต้อง เหมือนในต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่.

View :1297
Categories: 3G Tags:

AIS เปิดตัวแคมเปญ AIS 3G Super Combo ผนึก 3 ความคุ้มค่า

July 29th, 2013 No comments

1
ทั้งมือถือ 3G คุณภาพดีราคาโดนใจ โปรโมชั่นสุดคุ้ม บนเครือข่ายตัวจริงมาตรฐานโลก

25 กรกฎาคม 2556 : ตัวจริงมาตรฐานโลก ตอกย้ำความเป็นตัวจริง เปิดตัวแคมเปญ AIS 3G Super Combo ผนึกรวม 3 ความคุ้มค่า ทั้งเครื่องดีราคาโดนใจ เริ่มต้นเพียง 1,290 บาท ที่มาพร้อมแพ็กเกจโปรโมชั่นสุดคุ้ม ลดค่าบริการ 50% นาน 10 เดือน สำหรับลูกค้ารายเดือน และมอบค่าโทรฟรีสูงสุด 4,000 บาท สำหรับลูกค้า เอไอเอส 3G วัน-ทู-คอล! รวมทั้งใช้งานบนเครือข่ายเอไอเอส 3G 2100 ที่มีคุณภาพสูงสุด

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “หลังจากเอไอเอสได้เปิดให้บริการ 3G 2100 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วใน 56 จังหวัด และจะครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัด ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยมีจำนวนลูกค้ามากกว่า 5 ล้านราย และเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานเอไอเอส 3G 2100 ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากการมีเครือข่ายคุณภาพ, Application ที่หลากหลาย ตอบสนองการใช้งานทุกรูปแบบ และการให้บริการที่ดีที่สุดแล้ว การมีเครื่อง Device ที่รองรับการใช้งาน 3G 2100 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะการเข้ามาของเทคโนโลยี 3G 2100 ทำให้คนไทยมีความต้องการใช้งานมือถือที่รองรับ 3G เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานData และ Application ต่างๆ เห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของตลาด Smartphone ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 37% โดยยังคงมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในประเทศไทยยังมีผู้ถือ Handset ที่เป็น 2G อยู่อีกเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสใช้งานเทคโนโลยี 3G 2100 ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยให้การใช้ชีวิตในแบบคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เอไอเอสจึงได้นำ 3G Handset เข้ามาทำตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งาน พร้อมทั้งออกแคมเปญ “AIS 3G Super Combo” ขึ้น ภายใต้กลยุทธ์การผนึกรวม 3 ความคุ้มค่าเอาไว้ในเซทเดียวกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของมือถือ 3G คุณภาพได้อย่างมั่นใจประกอบไปด้วย

1.) ร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีคุณภาพ ในการคัดเลือกเครื่องมือถือ 3G คุณภาพดี มีสเปคและราคาโดนใจ เพื่อให้มีสินค้าหลากหลาย ครบทุกความต้องการของผู้บริโภค สามารถตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบต่างๆ ของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 1,290 บาท
2.) มอบแพ็กเกจโปรโมชั่นสุดคุ้ม ทั้งการลดค่าบริการจากแพ็ก 3G iSmart ถึง 50% นาน 10 เดือน สำหรับลูกค้ารายเดือน และมอบค่าโทรฟรีสูงสุด 4,000 บาท สำหรับลูกค้าเอไอเอส 3G วัน-ทู-คอล!
3.) ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน ทั้งโทรและเล่นเน็ต บนเครือข่ายที่มีคุณภาพสูงสุดของเอไอเอส 3G 2100 ตัวจริงมาตรฐานโลก อีกทั้งยังสามารถใช้งานApplication หลากหลาย ที่มีไว้ให้พร้อมใช้ในเครื่องอีกด้วย ได้แก่ eService, AIS Photobox, AIS Live TV, AIS Privilege และ AIS mySticker

โดยในช่วงแรก ประเดิมแคมเปญ AIS 3G Super Combo ด้วย 3 เซทสุดคุ้ม กับเครื่องมือถือ 3G ที่เป็น Best in class เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเองถึง 3 รุ่น 3 สไตล์ จาก 3 พาร์ทเนอร์ที่มีคุณภาพ ได้แก่ ZTE, acer และ i-mobile ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

• AIS 3G Super Combo เซท 1 : ZTE รุ่น F286 ราคา 1,290 บ.

• AIS 3G Super Combo เซท 2 : acer รุ่น Liquid Z3 ราคา 2,590 บ.

• AIS 3G Super Combo เซท 3 : i-mobile รุ่น i-STYLE 7.3A ราคา 3,990 บ.

โดย “AIS 3G Super Combo” จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ที่เอไอเอส ช็อป, ร้าน เทเลวิซทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

เอไอเอสเชื่อมั่นว่า AIS 3G Super Combo จะสามารถตอบโจทย์การใช้งาน 3G 2100 ให้กับผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างแน่นอน และเอไอเอสจะยังคงเพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่องต่อไป” นายฐิติพงศ์กล่าวสรุป

View :1477
Categories: 3G Tags:

ดีแทค ไตรเน็ต พร้อมให้บริการ 3G คุณภาพสูงทั่วประเทศ เหนือกว่าบน 3 โครงข่ายอัจฉริยะ รุกต่อเนื่องเพิ่มแบนด์วิธที่กว้างกว่า

July 25th, 2013 No comments

Map

เปิดใช้งาน ให้ลูกค้าวันแรกราบรื่น และทยอยเริ่มต้นโอนย้ายตามประสงค์

25 กรกฏาคม 2556 – ไตรเน็ต รุกต่อเนื่องเพิ่มแบนด์วิธ 3G บนโครงข่าย 2100MHz เหนือชั้นอีกระดับ ใน 54 จังหวัดทั่วไทย ต่อยอดจากโครงข่าย 3G 850MHz ที่ดีแทคมีทั่วประเทศ พร้อมเริ่มให้บริการลูกค้าที่แจ้งความประสงค์โอนย้ายมาดีแทคไตรเน็ตเป็นวันแรกเมื่อ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ดำเนินการไปอย่างราบรื่นในกลุ่มแรก และจะทยอยโอนย้ายไปอย่างต่อเนื่องตามที่ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ไว้

นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่าในการโอนย้ายโครงข่ายให้กับลูกค้าที่ได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ล่วงหน้ามาแล้วนั้น เราพิจารณาจากคนที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ และมีอุปกรณ์รองรับในการใช้งาน TriNet โดยลูกค้าที่ได้รับการโอนย้ายจะได้รับ SMS แจ้งขั้นตอนการย้ายโครงข่าย เพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์

โดยส่วนแรก จะทำการโอนย้ายลูกค้าที่แจ้งความประสงค์ลงทะเบียนเข้ามา และไม่ติดเงื่อนไขบริการพิเศษไปโครงข่ายใหม่ TriNet ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมเป็นต้นไป หากลูกค้ามีความคิดเห็นจากการใช้งาน หรือมีคำแนะนำสามารถโทรแจ้งได้ที่ 1678

นายชัยยศ กล่าวต่อไปว่า “ทั้งนี้ จะมีลูกค้าอยู่ในกลุ่มเงื่อนไขบริการพิเศษต่างๆ อาทิ ลูกค้าที่ใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ, บริการ Multi SIM, Group Bill (Family), ผู้ที่ใช้แอร์การ์ดและแท็บเล็ต ลูกค้าที่ติดในเงื่อนไขเหล่านี้ จะได้รับแจ้งให้ติดต่อที่ ศูนย์บริการดีแทคทุกสาขา โดยหลังจากเปลี่ยนมาใช้ TriNet แล้ว ลูกค้าจะใช้โปรโมชั่นแบบเดิมเหมือนก่อนการโอนย้าย หรือจะเลือกเปลี่ยนไปใช้โปรโมชั่นใหม่ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ บริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกค้าเคยได้รับจะยังคงเดิม”

นายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ดีแทค และ ดีแทค ไตรเน็ต มีสถานีฐาน 3G รวมกันแล้วประมาณ 8,000 สถานีฐาน และจะยังคงขยายพัฒนาสถานีฐานต่อไป ซึ่งจะทำให้ในเดือนตุลาคม บริษัทฯ จะมีสถานีฐาน 3G ทั้งหมดประมาณกว่า 10,000 สถานีฐานทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าดีแทคอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับสถานีฐาน 2100 MHz ของ ดีแทค ไตรเน็ต ที่เพิ่มขึ้นมาขณะนี้เราเปิดให้บริการแล้ว 54 จังหวัด อาทิ กรุงเทพและปริมณฑล และตามภาคอื่นๆ ที่เป็นจังหวัดหลักๆ และยังรุกขยายไปจังหวัดอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วย TriNet 3 โครงข่ายอัจฉริยะ จะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอย่างต่อเนื่องบน 3G ได้โดยไม่สะดุด” นายประเทศ กล่าวในที่สุด

View :1665

ดีแทคนำร่องสู่ TriNet พนักงานกว่า 5 พันคนร่วมใจทดสอบระบบ ก่อนเปิดให้ลูกค้าใช้จริงกรกฎาคมนี้

June 29th, 2013 No comments

26 มิถุนายน 2556 – ดีแทคเริ่มแล้วก้าวแรกสู่วิสัยทัศน์ Internet For All ด้วยการนำพนักงานเข้าทดสอบโครงข่ายใหม่ มุ่งสู่โมบายล์อินเทอร์เน็ตเต็มที่ หล่อหลอมพนักงานทุกคนให้เป็น One Digital dtac ควบคู่กับการมุ่งใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า หลังจากนี้ในเดือนกรกฎาคมจะเปิดบริการจริงและให้ลูกค้าใช้บริการ ที่มีโครงข่ายบนสามคลื่นความถี่ที่มากที่สุดในประเทศ

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่าดีแทคได้เริ่มเปิดการใช้งาน TriNet ให้พนักงานกว่า 5 พันคนเข้าร่วมทดสอบการใช้งานทั้งวอยซ์และดาต้าบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์ต่างๆ โดยมีภารกิจในครั้งนี้ คือชาวดีแทคจะมุ่งมั่นร่วมทดสอบโครงข่ายและบริการที่จะเปิดให้กับลูกค้า โดยนำความคิดเห็นส่งกลับมาเพื่อรวบรวมปรับปรุงสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ก่อนการให้บริการจริงแก่ลูกค้าทั่วไปในเดือนกรกฎาคมนี้

“นี่คือก้าวที่สำคัญอีกก้าวของดีแทคที่จะเริ่มสู่วิสัยทัศน์ Internet For All อย่างแท้จริง โดยวิสัยทัศน์นี้ได้มาพร้อมกับจุดแข็ง TriNet ที่นำคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ คลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ และคลื่น 2100 เมกะเฮิร์ตซ์ เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีแบนด์วิธที่กว้างที่สุด เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น และรองรับกับไลฟ์สไตล์อุปกรณ์สื่อสารใหม่ๆ ที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตของลูกค้าได้เหมาะสม โดยระบบอัจฉริยะของ 3 โครงข่ายนี้พร้อมสลับคลื่นความถี่ให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ในทุกพื้นที่โดยอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะใช้บริการบนคลื่นความถี่ไหน ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมความพร้อม พนักงานทุกคนจะทดสอบและให้ความเห็นกลับมา เพื่อทำระบบให้ดีที่สุดอย่างเต็มที่ก่อนเปิดให้บริการจริง”

สำหรับลูกค้าดีแทคที่สนใจต้องการขอใช้บริการบนโครงข่ายใหม่ TriNet สามารถทำได้โดยกด *3000* เลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก # โทรออก จากนั้นระบบจะส่ง SMS แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการใช้งานบน TriNet 3 โครงข่ายอัจฉริยะอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกแพ็กเกจใหม่ “smartphone More Choice” เพื่อตอบสนองการใช้งาน TriNet สามโครงข่ายอัจฉริยะ ในปัจจุบัน ได้มีลูกค้าเข้ามาลงทะเบียนบนเครือข่ายใหม่แล้วกว่า 2 ล้านคน โดยกลุ่มลูกค้าที่ลงทะเบียนใช้โครงข่ายใหม่นี้ เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้สมาร์ทโฟนในสัดส่วนที่สูงมาก และคาดการณ์ว่าในปี 2556 นี้จะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนในประเทศจะเพิ่มขึ้นกว่า 20ล้านเครื่อง และโดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้ารายเดือนพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความต้องการแตกต่างกันจากการใช้งานทั้งการใช้งานเพื่อโทรปกติ และ การใช้งานดาต้า แพ็กเกจที่ลูกค้าสามารถเลือกได้จึงมีอยู่หลากหลายเพื่อตอบสนองตามความต้องการให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะใช้งานเพื่อโทรปกติ และ การใช้งานดาต้า เพื่อให้ได้ความคุ้มค่ามากกว่าอีกด้วย

View :1288
Categories: 3G Tags: ,

ทรู พร้อมรับ AEC เปิดแพ็กเกจพิเศษ ครอบคลุม 9 ประเทศในประชาคม

June 29th, 2013 No comments

โทรชัด ประหยัดจริง กด 006 เริ่มต้นเพียงนาทีละ 2.75 บาท ลดสูงสุด 70%
หรือโทรผ่านเน็ต ด้วยแพ็กเกจ เน็ตทอล์ค AEC

กรุงเทพฯ 27 มิถุนายน 2556 – กลุ่มทรู ผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจรรายเดียวของไทย พร้อมนำประเทศเข้าสู่ AEC ผ่านบริการโทรทางไกลต่างประเทศคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ในราคาสุดประหยัด ด้วยแพ็กเกจสุดคุ้ม “” อัตราเหมาจ่ายรายเดือนขั้นต่ำ 300 บาทต่อเดือน เริ่มต้นเพียงนาทีละ 2.75 บาท สำหรับลูกค้าโทรศัพท์พื้นฐาน ทรูมูฟ เอช และ ทรูมูฟ และแพ็กเกจ “เน็ตทอล์ค AEC” ให้ลูกค้าทั่วไปโทรผ่านเน็ต ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงนาทีละ 0.75 บาท ครอบคลุม 9 ประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และพม่า มีให้เลือกทั้งแบบรายเดือน และเติมเงิน เปิดใช้แพ็กเกจได้แล้ววันนี้ – 31 ธันวาคม 2556

นายมนตรี มนตรีมณี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด กล่าวว่า“แนวโน้มการใช้บริการโทรทางไกลต่างประเทศไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 9 ประเทศในประชาคมอาเซียนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากนักธุรกิจที่ต้องติดต่อสื่อสารเจรจาการค้า และกลุ่มแรงงานต่างชาติที่ต้องการโทรติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง กลุ่มทรู เป็นผู้ให้บริการรายแรกในไทยที่ออกแบบแพ็กเกจใหม่ล่าสุด สำหรับลูกค้าที่เน้นโทรไปยัง 9 ประเทศใน AEC โดยเฉพาะ ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจ เจ้าของกิจการ และบุคคลทั่วไปที่มีความจำเป็นในการติดต่อสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้านใน AEC ทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัวได้อย่างสะดวกและประหยัดยิ่งขึ้น มี 2 บริการให้เลือกใช้ตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยสำหรับกลุ่มลูกค้าทรู สามารถใช้รหัส “ทรู 006” ซึ่งเป็นบริการโทรทางไกลต่างประเทศคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ด้วยเทคโนโลยี Time Division Multiplexing (TDM) โทรทั่วโลกเสียงคมชัด ประหยัดจริงกับแพ็กเกจ ทรู 006 AEC ด้วยค่าบริการที่คุ้มสุดๆ เหมาจ่ายรายเดือนเริ่มต้นที่ 300 บาท ลดค่าโทรสูงสุดถึง 70% อาทิ ประเทศกัมพูชา จากราคาปกติ นาทีละ 9 บาท ลดเหลือเพียง 2.75 บาทเท่านั้น ราคาเดียวตลอด 24 ชั่วโมง และสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปสามารถใช้บริการ “NetTalk by True” บริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยี VoIP (Voice over Internet Protocol) กับแพ็กเกจ เน็ตทอล์ค AEC ซึ่งบริการนี้ นอกจากจะสามารถโทรปลายทางประเทศกลุ่ม AEC ราคาประหยัดแล้ว ลูกค้ายังสามารถใช้บริการนี้โทรกลับไทยในราคาเพียง 0.75 บาทต่อนาที ตอกย้ำความแรงของบริการโทรทางไกลต่างประเทศของทรูที่มีความโดดเด่นทั้งทางด้านคุณภาพเสียง และราคาที่ประหยัดจริงๆ”

Screen Shot 2556-06-29 at 5.46.28 PM
· ลูกค้าโทรศัพท์พื้นฐาน สมัครได้ที่ร้านทรูช้อป หรือ คอลล์ เซ็นเตอร์ 02-900-9000

· ลูกค้าทรูมูฟ เอช และทรูมูฟ แบบรายเดือน สมัครได้ง่ายๆ เพียงกด *939*3*5*1*4# กดโทรออก หรือ กด *9399 กดโทรออก

· ลูกค้าทรูมูฟ เอช และทรูมูฟ แบบเติมเงิน สมัครได้ง่ายๆ เพียงกด *606*006# กดโทรออก

แพ็กเกจ เน็ตทอล์ค AEC ให้ลูกค้าทั่วไปโทรทางไกลผ่านเน็ตไปยัง 9 ประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมอาเซียน ด้วยราคาพิเศษ อัตราเหมาจ่ายรายเดือนขั้นต่ำ 300 บาทต่อเดือน เริ่มต้นเพียงนาทีละ 0.75 บาท หรือใช้โทรกลับไทยได้ในราคานาทีละ 0.75 บาท และประหยัดยิ่งขึ้น NetTalk โทรหา NetTalk ด้วยกัน ฟรีนาน 1 ปี โดยลูกค้าสามารถสะสมระยะเวลาการใช้งานสูงสุดไม่เกิน 365 วัน นับแต่เติมเงินครั้งสุดท้าย ใช้งานสะดวกสามารถโทรด้วยแอพพลิเคชั่น NetTalk by True บนสมาร์ทโฟนทั้งระบบ iOS และแอนดรอยด์ที่ดาวน์โหลดฟรีได้แล้ววันนี้ที่ App Store หรือ Play หรือ โทรจากคอมพิวเตอร์ด้วย NetTalk Softphone

ลูกค้าที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ทรู คอลล์ เซ็นเตอร์ 02-900-9000 กด 006 ทรูมูฟแคร์ 1331 true online 1686 www.true006.com www.truenettalk.com และร้านทรูช้อป ทั่วประเทศ

View :1305

AIS 3G 2100 ผนึก Google เปิดตัว Free Zone ขยายการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตให้ลูกค้า

June 29th, 2013 No comments

7

27 มิถุนายน 2556 : ตอกย้ำ ตัวจริงผู้ให้บริการแห่งยุค 3G มุ่งขยายตลาดโมบายอินเตอร์เน็ตสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ (Emerging Market) ผนึกกำลัง ตัวจริงระดับโลก สร้างโอกาสในการเข้าถึงโลกอินเตอร์เน็ต ให้ลูกค้าเอไอเอสใช้บริการ Search, Gmail, + ฟรี! บน “AIS โดย ” โดยไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย เอไอเอส เปิดเผยว่า “ด้วยความมุ่งมั่นเร่งพัฒนาเครือข่าย AIS 3G 2100 ให้ครอบคลุมหัวเมืองทั้ง 77 จังหวัด ภายในเดือนสิงหาคม 2556 ที่จะถึงนี้ จะเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกค้าและประชาชนทั่วประเทศได้เข้าถึงโลกข้อมูลข่าวสารอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้อย่างสะดวก ทุกที่ทุกเวลา บนเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง ซึ่งถือเป็นเจตนารมย์หลักในการให้บริการ AIS 3G 2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก ทั้งนี้ นอกเหนือจากคุณภาพการให้บริการแบบครบทุกองค์ประกอบ ภายใต้แนวคิด QDNAs แล้ว กลยุทธ์ทางการตลาดที่เอไอเอสมุ่งแข่งขันในสนาม 3G คือ ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นตัวจริงในด้านต่างๆ ในลักษณะของ Partnership เพื่อร่วมกันส่งมอบบริการที่หลากหลายและดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา

ดังเช่นที่ เอไอเอสได้ผนึกกำลังกับตัวจริงระดับโลกอย่าง Google แบรนด์ชั้นนำที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ มอบประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานโมบายอินเตอร์เน็ตแห่งยุค 3G ให้ลูกค้าเอไอเอสใช้งาน Google Search, Gmail, Google+ ฟรี! บนบริการ “AIS Free Zone โดย Google” โดยไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ และแม้ว่าลูกค้าจะไม่มีแพ็กเกจเล่นเน็ต ก็สามารถใช้บริการได้เช่นกัน เพื่อเป็นการ Educate กลุ่มลูกค้าใหม่ได้เริ่มทดลองใช้งานเน็ตบนมือถือ

ซึ่งที่ผ่านมา เอไอเอส และ Google ทำงานร่วมกันมา ตั้งแต่ปี 2549 จากยุคบุกเบิกโมบายอินเตอร์เน็ตจนถึงวันนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผสานกำลังร่วมกันรุกตลาดโมบายอินเตอร์เน็ตแห่งยุค 3G ด้วยกันอีกครั้ง” นายฐิติพงศ์กล่าว

ด้านนางสาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าวถึงนโยบายของ Google ในการร่วมให้บริการครั้งนี้ว่า “Google มีความยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับ AIS ที่มีเครือข่าย 3G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไป ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักเรียนนักศึกษา ได้มีประสบการณ์ที่ดีในการเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือกับเทคโนโลยีจาก Google อัตราการเติบโตในการใช้งานของชาวไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เห็นบริการ Free Zone จาก Google ช่วยผู้ใช้ชาวไทยด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสร้างประสบการณ์ดีๆ กับการใช้อินเตอร์เน็ตบนโมบายล์ด้วย Google Search สื่อสารกับผู้คนด้วย Gmail และแบ่งปันเรื่องราวดีๆ บน Google+”

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้ดาต้า แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่ม Heavy User หรือผู้ที่ใช้งานเป็นประจำ มีจำนวนกว่า 8 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ใช้สมาร์ทดีไวซ์ และคุ้นเคยกับการใช้ดาต้าและแอพพลิเคชั่นต่างๆ อยู่แล้ว, กลุ่ม Lite User หรือผู้ที่ใช้งานบ้างเป็นบางครั้ง มีจำนวนกว่า 5 ล้านราย และกลุ่ม Non-Data User หรือผู้ที่ไม่เคยใช้งานดาต้า มีอยู่ราว 25 ล้านราย ในกลุ่มนี้ แบ่งเป็นกลุ่มที่มือถือรองรับการใช้เน็ต มีอยู่กว่า 10 ล้านราย และกลุ่มที่มือถือไม่รองรับการใช้เน็ตอีกกว่า 15 ล้านราย ดังนั้น กลุ่ม Non-Data User ที่มือถือรองรับ ตรงนี้ถือว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Market ที่เรามองเห็นโอกาสสำคัญในการเข้าไปทำตลาด

ซึ่งความร่วมมือระหว่างเอไอเอสและ Google ในครั้งนี้ จะช่วยเปิดโลกอินเตอร์เน็ตให้ลูกค้าที่ใช้มือถือธรรมดาที่รองรับการเข้าใช้เน็ต สามารถใช้งาน Google Search ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ทั้งรูปภาพ ข่าว สถานที่ฯลฯ, Gmail อ่าน เขียน และตอบกลับอีเมล์ได้ง่ายๆ และสนุกกับ Google+ อ่านโพสต์ คอมเมนต์ อัพโหลดรูป ในสังคมเครือข่ายได้ฟรี! บนบริการ “AIS Free Zone โดย Google” โดยไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ เมื่อผู้ใช้อยู่ในหน้าที่ขึ้นแถบแสดงผลว่าเป็น Free Zone แต่เมื่อต้องการคลิกเข้าไปสู่หน้าเพจที่ลึกขึ้น หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบ ระบบจะแจ้งเตือนขึ้นมาทันทีว่า หากคลิกหน้าถัดไป จะมีค่าใช้งานดาต้า หากลูกค้ามีแพ็กเกจดาต้าอยู่แล้วก็สามารถคลิกเข้าดูข้อมูลได้เลย แต่หากลูกค้าไม่มีแพ็กเกจ ระบบก็จะนำเสนอแพ็กเกจดาต้าที่เหมาะสมให้ลูกค้าสมัครใช้บริการต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นตลาดเน็ตบนมือถือครั้งใหญ่อย่างแน่นอน” นายปรัธนากล่าวสรุป

บริการ AIS Free Zone โดย Google รองรับบนมือถือทุกรุ่น ทุกระบบปฏิบัติการ ที่เข้าใช้เน็ตได้ โดยลูกค้าเอไอเอสสามารถใช้บริการได้ง่ายๆ เพียงกด *900*00# โทรออก แล้วรอรับลิงค์ SMS เพื่อดาวน์โหลดไอคอนไว้บนมือถือได้ฟรี ไม่เสียค่าเน็ตบนมือถือ

View :1546

เทเลนอร์คว้าใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมในพม่า

June 29th, 2013 No comments

(ออสโล นอร์เวย์ / ย่างกุ้ง 28 มิถุนายน 2556) – เทเลนอร์ประกาศความสำเร็จคว้าใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมในพม่า พร้อมเร่งสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัยเพื่อนำประโยชน์จากบริการสื่อสารสู่ประชาชนทั่วประเทศ ทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการเจรจากับรัฐบาลพม่าอันเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการออกใบอนุญาต
jon-fredrik-baksaas
นายจอน เฟรดริค บัคซอส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า “เรารู้สึกยินดีที่เป็นผู้ชนะใบอนุญาตโทรคมนาคมจากการประมูลที่มีการแข่งขันสูงมาก เราขอขอบคุณรัฐบาลพม่าที่ให้โอกาสเทเลนอร์ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหรรมโทรคมนาคมอันเป็นเป้าหมายที่สำคัญของประเทศ และขอขอบคุณสำหรับการจัดการประมูลที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพในครั้งนี้ พม่ามีความที่สำคัญอย่างมากต่อกลยุทธ์การขยายการเติบโตของเรา เรามีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้ความสามารถที่มีอยู่มาใช้อย่างมีความรับผิดชอบเพื่อนำบริการสื่อสารมาสู่ประชาชนของพม่า และพร้อมเข้าร่วมเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการออกใบอนุญาตต่อไป
Sigve Brekke, Executive Vice President and Head of the Telenor Asia operations.
นายซิคเว่ เบรคเก้ รองประธานบริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ เอเชีย กล่าวว่าเทเลนอร์มีความพร้อมที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในพม่าจากประสบการณ์การให้บริการสื่อสารมาแล้วในตลาดเอเชียถึง 5 ประเทศ ผลการประมูลในครั้งนี้ตอกย้ำความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกลยุทธ์เทเลนอร์ในการมอบบริการการสื่อสารที่ครอบคลุมในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลและประชาชนของพม่าในการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจของพม่าต่อไป

เทเลนอร์วางแผนที่จะสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมเคลื่อนที่ที่ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยี HSPA และ LTE-ready ซึ่งสอดคล้องกับระบบการให้บริการชั้นนำในปัจจุบันที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก และวางแผนที่จะสร้างเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศพม่าภายใน 5 ปี พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบทั้งบริการด้านเสียงและข้อมูลภายในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมและการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศพม่าต่อไป

เทเลนอร์ กำหนด 4 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในพม่า ดังนี้
- สร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ทันสมัยและครอบคลุม
- เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการสื่อสารของประชาชนด้วยการสร้างโครงข่ายอย่างรวดเร็ว และให้บริการในราคาที่เหมาะสม ผ่านเครือข่ายดิสทริบิวชั่นทั่วประเทศ
- ก้าวสู่ผู้นำโทรคมนาคมในประเทศพม่าด้วยการนำเสนอบริการที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
- มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดี ด้วยบริการที่มีคุณภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค

“กลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเทเลนอร์ในการช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับประโยชน์เต็มรูปแบบของบริการการสื่อสารไร้สายในชีวิตประจำวัน เรามุ่งมั่นที่นำเสนอบริการที่ได้มาตรฐานโลกและจะดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักบรรษัทภิบาลและความโปร่งใสในทุกขั้นตอน” นายซิคเว่ กล่าวเพิ่มเติม

หลังจากนี้ เทเลนอร์ กรุ๊ป จะเข้าสู่กระบวนการเจรจาขั้นสุดท้ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ เทเลนอร์จะแถลงต่อสื่อมวลชนและนักวิเคราะห์ทันทีหลังจากได้ข้อสุรปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

View :1419

NBTC Policy Watch ชี้ มาตรการขยายระยะเวลาคลื่น 1800 MHz ละเมิดกฎหมาย และเป็นการเยียวยาผู้ประกอบการมากกว่าผู้บริโภค

June 29th, 2013 No comments

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2556 โครงการติดตามนโยบายสื่อและโทรคมนาคม หรือ ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) ได้แถลงรายงานศึกษาในหัวข้อ “ขยายระยะเวลาคืนคลื่น 1800 MHz: เพื่อผู้บริโภคหรือเพื่อใคร?”

นายวรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง นักวิจัยประจำโครงการ และอาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า กรณีการหมดอายุสัมปทานของคลื่น 1800 MHz ซึ่งบริษัท ทรูมูฟ จำกัด (ทรูมูฟ) และบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด (ดีพีซี) ได้รับสัมปทานมาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (กสท) ในเดือนกันยายนนี้ หากพิจารณาจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะพบว่า คลื่นดังกล่าวจะต้องกลับคืนมาสู่มือสาธารณะในฐานะทรัพยากรสื่อสารของชาติ และนำไปจัดสรรใหม่โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ () ผ่านระบบใบอนุญาตด้วยวิธีการประมูลเท่านั้น ดังนั้น การที่ มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ เรื่องการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. ….. (ประกาศคุ้มครองผู้ใช้บริการฯ) ซึ่งมีใจความสำคัญที่การขยายระยะเวลาให้บริการบนคลื่นที่จะหมดอายุสัมปทานต่อไปเป็นการชั่วคราว โดยอ้างว่าเป็นการเยียวยาผู้บริโภคจากเหตุการณ์ “ซิมดับ” จึงไม่สามารถทำได้ตามฐานอำนาจทางกฎหมาย และถือเป็นการละเมิดเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานซึ่งขาดความโปร่งใสและสร้างกฎกติกาในการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียม ไปสู่ระบบใบอนุญาตซึ่งโปร่งใสและส่งเสริมการแข่งขันที่เท่าเทียมมากกว่า

นายวรพจน์ชี้ให้เห็นว่า อันที่จริงแล้ว กสทช. โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) รับรู้ถึงภารกิจในการจัดการให้การเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตของคลื่น 1800 MHz เป็นไปอย่างราบรื่นตามกรอบเวลา ตั้งแต่รับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2554 (มีเวลาเกือบ 2 ปี) หรืออย่างน้อยก็ตั้งแต่แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาในต้นเดือนเมษายน 2555 (มีเวลาเกือบ 18 เดือน) ดังนั้น กทค. จึงมีเวลาเตรียมตัวเพียงพอสำหรับ 1) การจัดตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน 2) ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบถึงวันสิ้นสุดอายุสัมปทาน 3) ขยายขีดความสามารถในการให้บริการคงสิทธิเลขหมาย (mobile number portability หรือการย้ายค่ายเบอร์เดิม) รวมถึงเพิ่มช่องทางในการขอใช้บริการย้ายค่ายเบอร์เดิม (เช่น ผ่านเอสเอ็มเอสหรือเว็บไซต์) และ 4) จัดประมูลให้ทันล่วงหน้าก่อนหมดสัญญาสัมปทานอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตรายใหม่สามารถให้บริการรองรับลูกค้าคงค้างได้อย่างต่อเนื่อง หรือไม่เกิดเหตุการณ์ “ซิมดับ” ทว่า กทค. กลับละเลยต่อหน้าที่โดยไม่ทำสิ่งที่กล่าวมาจนล่วงเลยสู่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ซึ่งทำให้ไม่สามารถจัดประมูลได้ทันจนนำไปสู่มาตรการขยายระยะเวลา

นายวรพจน์กล่าวต่อว่า ที่จริงแล้ว กทค. สามารถพิจารณาแนวทางอื่นๆ ที่ทั้ง “เยียวยาผู้บริโภค” และ “ไม่ละเมิดกฎหมาย” ไปพร้อมๆ กัน เช่น การนำคลื่น 1800 MHz ในช่วงคลื่นที่ยังว่างอยู่ ซึ่งดีแทคทำสัญญากับ กสท มาใช้รองรับลูกค้าคงค้างเป็นการชั่วคราว ทว่า กทค. กลับไม่เคยสำรวจความเป็นไปได้ของทางเลือกดังกล่าว นายวรพจน์ชี้ว่า การที่ กทค. ไม่สามารถดำเนินการจัดประมูลล่วงหน้าทั้งที่มีเวลาพอเพียง และการไม่พิจารณาความเป็นไปได้ของแนวทางที่อาจช่วยเยียวยาผู้บริโภคไปพร้อมๆ กับรักษาเจตนารมณ์ในกฎหมาย ย่อมทำให้อดตั้งข้อกังขาไม่ได้ว่า มาตรการขยายระยะเวลาคืนคลื่นดังกล่าวอาจไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การเยียวยาผู้บริโภค (เพราะผู้บริโภคไม่เสียหายอะไรตราบเท่าที่แนวทางที่ใช้สามารถทำให้ใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง) แต่เป็นการเยียวยาผู้ประกอบการรายเดิมจากการสูญเสียฐานลูกค้ามากกว่า โดยผู้ประกอบการรายเดิมอย่างทรูมูฟและดีพีซีสามารถยืดเวลารักษาฐานลูกค้าของตนบนคลื่น 1800 MHz ออกไปได้ (โดยเฉพาะทรูมูฟซึ่งมีผู้ใช้บริการมากกว่า 17 ล้านราย) อีกทั้งอาจได้ประโยชน์จากการไม่ต้องเสียค่าสัมปทานร้อยละ 30 ของรายได้ให้กับ กสท ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านบาท (เพราะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานไปแล้ว) รวมถึงอาจไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างๆ เกือบร้อยละ 6 ของรายได้ให้กับ กสทช. (เนื่องจากไม่ใช่เป็นการให้บริการในระบบใบอนุญาต)

นายวรพจน์กล่าวทิ้งท้ายว่า สังคมมีราคาต้องจ่ายจากมาตรการขยายระยะเวลาคืนคลื่น 1800 MHz นั่นคือ โอกาสในการสร้างมาตรฐานที่ดีสำหรับการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาต โอกาสในการสร้างการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมในกิจการโทรคมนาคม โอกาสที่ประเทศชาติเสียไปจากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร และโอกาสที่ผู้บริโภคเสียไปจากการได้ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ๆ อย่าง 4G ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ดังนั้น กทค. ไม่ควรใช้มาตรการขยายเวลาโดย “จับผู้บริโภคเป็นตัวประกัน” ทั้งที่เป็นความผิดพลาดในการดำเนินงานของตนเอง และ กทค. ต้องตอบคำถามกับสังคมให้ได้ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการเยียวยาผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการกันแน่

อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ www.nbtcpolicywatch.org

View :1325
Categories: 3G Tags:

กสทช. สุภิญญา ประวิทย์ ร่วมเสวนาเครือข่ายภาคใต้ หนุนภาคประชาชนมีส่วนร่วม

June 29th, 2013 No comments

ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ลงพื้นที่สงขลา ร่วมเสวนากับเครือข่ายประชาสังคมภาคใต้ ระบุ การจัดการเรื่องร้องเรียนยังอืด หน่วยงานกำกับดูแลจำกัดตัวเองทำงานอยู่แต่ในกรอบ ด้านวิทยุโทรทัศน์ หนุนภาคประชาสังคมร่วมออกแบบหน้าตาทีวีสาธารณะ เตือนอย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กสทช.เท่านั้น

ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา และนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้จัดเวทีเสวนาร่วมกับเครือข่ายประชาสังคมภาคใต้ โดยมีเครือข่ายภาคประชาชนหลากหลายด้าน เช่น ด้านคุ้มครองผู้บริโภคโทรคมนาคมและวิทยุโทรทัศน์ ด้านพลังงาน ด้านเกษตร สิ่งแวดล้อม รวมถึงสื่อท้องถิ่น ทั้งจากจังหวัดสงขลา ยะลา ชุมพร นครศรีธรรมราช กระบี่ สุราษฎร์ ปัตตานี สตูล เข้าร่วม

นายประวิทย์ กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนทางสังคม และจำเป็นต้องเป็นเครือข่ายที่มีความหลากหลายจากทุกภาคส่วน เป็นกลุ่มตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่ใช่กลุ่มจัดตั้ง ที่สำคัญคือเป็นกลุ่มที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงจากกลุ่มธุรกิจใดๆ แต่เป็นผู้ที่ทำงานเพื่อภาคประชาชน ทั้งนี้ในระหว่างการเสวนา ตัวแทนเครือข่ายด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้สอบถามถึงแนวทางการจัดการเรื่องร้องเรียนที่ควรจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายประวิทย์กล่าวว่า การจัดการเรื่องร้องเรียนที่เครือข่ายพบว่ายังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการนั้น ตามกฎหมายหมายได้ให้สิทธิผู้บริโภค ตรวจสอบ สำนักงาน กสทช. และกสทช.ได้ด้วย เช่น การแก้ไขเรื่องร้องเรียนต้องแล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน หรืออาจเสนอความเห็น สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นกับอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ได้ เช่น กรณีเรื่องร้องเรียนจำนวน ๓๐๐ กว่าเรื่องที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เข้าสู่ที่ประชุม กทค. ทั้งที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการฯ มานานแล้ว ซึ่งเครือข่ายผู้บริโภคสามารถเสนอความเห็นหรือแนวทางที่ควรจะเป็นร่วมกันได้

นอกจากนี้ยังพบว่า หน่วยงานกำกับดูแลของไทยจะมีประเด็นเรื่อง “งานนอกอำนาจ” ทำให้บางปัญหาที่คาบเกี่ยวหลายหน่วยงานนั้นเกิดพื้นที่สีเทาที่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปจัดการเพราะเกรงการก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ผู้อื่น ต่างจากในต่างประเทศที่แม้กฎหมายจะมีการทับซ้อนของอำนาจหน้าที่กันแต่ไม่เกิดปัญหาในการดำเนินงาน

“ไทยมีประเด็นเรื่องช่องว่างระหว่างอำนาจหน้าที่ เนื่องจากไม่กล้าทำนอกอำนาจตัวเอง ปัญหาที่เห็นได้ชัดเช่น ตู้เติมเงิน มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง แต่ต่างปฏิเสธว่าไม่ใช่หน้าที่โดยตรง สุดท้ายปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข” นายประวิทย์กล่าว

ด้านนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์กล่าวว่า เนื่องจากในปีนี้จะมีการจัดสรรคลื่นโทรทัศน์ใหม่ เพื่อเปลี่ยนจากระบบทีวีอนาลอคเป็นทีวีดิจิตอล ภาคประชาสังคมควรร่วมกันจับตาดูว่า ช่องความถี่ซึ่งจัดสรรเป็นสถานีโทรทัศน์มากขึ้นถึง ๔๘ ช่องนั้นในเชิงความเป็นเจ้าของหรือการถือครองนั้นจะมีการกระจายจากภาครัฐมาสู่ภาคประชาชนจริงหรือไม่ ทั้งนี้ใน ๔๘ ช่องซึ่งจะเป็นช่องทีวีสาธารณะจำนวน ๑๒ ช่องนั้น เครือข่ายภาคประชาสังคมควรเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นถึงรูปแบบของทีวีสาธารณะที่ควรจะเป็นนั้นควรมีหน้าตาอย่างไร เพราะทีวีสาธารณะไม่ได้หมายถึงช่องของหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น

“โอกาสมักมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่า หากต้องมีช่องทีวีใหม่ที่เป็นฟรีทีวี เราจะปล่อยให้ กสทช. ออกแบบ หรือภาคประชาชนจะเข้ามีส่วนร่วมด้วย จึงอยากให้เครือข่ายร่วมออกมาแสดงความคิดเห็น เพราะเมื่อเสียงของฝ่ายที่ต้องการปฏิรูปสื่อเงียบ ก็ทำให้เสียงที่คิดต่างจากเราดังกว่า“ นางสาวสุภิญญากล่าว

View :1228
Categories: 3G, Telecom Tags: