Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ไอดีซีระบุ แม้สิ่งเดียวที่แน่นอนที่สุดในปี 2555 คือความไม่แน่นอน แต่การใช้จ่ายด้านไอซีทีจะยังคงเติบโตต่อไป

November 28th, 2011 No comments

บริษัทไอดีซีเผยว่าสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะเต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอนตลอดปี 2555 นั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไอดีซีได้นำมาประกอบการการคาดการณ์ 10 แนวโน้มสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ในปี 2555 ซึ่งถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะมีความผันผวนที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่องค์กรต่างๆ ก็ยังคงมั่นใจว่าจะยังคงเติบโตได้ในภูมิภาคนี้ เหล่าผู้บริหารน่าจะต้องประสบกับความยากลำบากในการตัดสินใจลงทุน โดยเรามีโอกาสที่จะเห็นองค์กรต่างๆ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไอซีทีในรูปแบบที่ใหม่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถรักษาอัตราการเติบโตเอาไว้ ข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดของเรื่องนี้นั้นจะอยู่ในรายงานฉบับใหม่ของไอดีซีที่มีชื่อว่า “ Asia/Pacific (excluding Japan) ICT 2012 Top 10 Predictions”

นายเคลาส์ มอเทนเซ็น หัวหน้าฝ่ายงานวิจัยด้านเทคโนโลยีเกิดใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2555 ที่เต็มไปด้วยความผันผวนนั้น สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอนนั่นเอง ถึงแม้ว่าประเทศในภูมิภาคนี้จะสามารถรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่องค์กรส่วนใหญ่ยังคงพยายามลดความสูญเสียจากการลงทุนด้านไอซีทีในปี 2555 อยู่ดี”

“แต่เมื่อนำเอาความระมัดระวังมารวมเข้ากับความทะเยอทะยาน องค์กรต่างๆ จึงต้องหาหนทางในการทำกำไรจากการเติบโตภายในภูมิภาค ในขณะเดียวกันก็จะต้องตอบสนองต่อความความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของทั้งบรรดาผู้บริโภคและเหล่าพนักงานที่มีความรู้และมีอิสระในการเลือกมากขึ้น และต้องทำการลงทุนอย่างชาญฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวหากมีวิกฤติระลอกอื่นเข้ามาซ้ำเติม”

ไอดีซีตระหนักดีถึงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2555 แต่ก็ไม่เชื่อว่าการใช้จ่ายด้านไอซีทีในเอเชียแปซิฟิกจะได้รับผลกระทบมากนัก โดยไอดีซีคาดว่าถึงแม้สภาพเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน องค์กรต่างๆ ในภาคธุรกิจจะยังคงเดินหน้าใช้จ่ายด้านไอซีทีอย่างค่อนข้างระมัดระวังต่อไป ซึ่งปริมาณการใช้จ่ายด้านไอซีทีของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นในปี 2555 นั้นมีแนวโน้มขึ้นสูงถึง 653 พันล้านเหรียญสหรัฐ นั่นหมายถึงการขยายตัวขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายด้านไอซีทีของปี 2553 แต่อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตจะไม่สูงเท่ากับอัตราการเติบโตเมื่อปี 2553 และไอดีซีคาดว่าอัตราการเติบโตจะลดลงในช่วง 4-5 ปีหลังจากนี้ แต่กระนั้นก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 9% อยู่ดี

ข้อมูลที่ได้จากการศึกษางานวิจัยล่าสุด ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากการระดมสมองของนักวิเคราะห์ประจำประเทศและประจำภูมิภาค ทำให้ไอดีซีสามารถคาดการณ์ถึงแนวโน้มสำคัญ 10 ประการที่จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดไอซีทีในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นได้ดังต่อไปนี้

1. เพื่อเกิดใหม่ในตลาดเกิดใหม่: รูปแบบการทำธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่สัญชาติเอเชียที่เกิดใหม่จะขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของการใช้จ่ายด้านไอซีทีในปี 2555
ไอดีซีพบว่ามีบริษัทขนาดใหญ่ในรูปแบบใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงสภาพตลาดในปัจจุบันเกิดขึ้น ซึ่งเราเรียกรวมว่าเป็น “บริษัทขนาดใหญ่สัญชาติเอเชียที่เกิดใหม่” บริษัทเหล่านี้มีความกระหายที่จะเติบโตและขยายขอบเขตของธุรกิจออกไปในพื้นที่ต่างๆ โดยมีดีเอ็นเอที่ต่างออกไปจากองค์กรที่มาจากตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างสิ้นเชิง และนั่นนำไปสู่คำถามที่ว่ารูปแบบการทำธุรกิจของบริษัทข้ามชาติแบบเดิมๆ นั้นยังคงเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดอยู่หรือไม่ ซีไอโอทั้งหลายในบริษัทเกิดใหม่เหล่านี้กำลังมองหาทางเลือกใหม่ๆ ที่จะยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตนเองและหาหนทางทำให้การลงทุนด้านไอทีของพวกเขาผลิดอกออกผลเร็วขึ้น ไอดีซีคาดว่าบริษัทขนาดใหญ่สัญชาติเอเชียที่เกิดใหม่นี่เองที่จะช่วยผลักดันให้เกิด “คลื่นลูกใหม่” ของการใช้จ่ายด้านไอซีที ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น โมบิลิตี้ คลาวด์ การวิเคราะห์เชิงธุรกิจและโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

2. คุณค่าของความมีหนึ่งเดียว: ธุรกิจในเอเชียจะเห็นคุณค่าของการมีสินค้าไอทีเพียงรูปแบบเดียว
ความซับซ้อนของตลาดในเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้เกิดการเห็นคุณค่าและเล็งเห็นถึงความจำเป็นของการมีสินค้า/บริการขายออกสู่ตลาดเพียง “รูปแบบเดียว” เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า การขายสินค้า/บริการเพียงชนิดเดียว สามารถสร้างรูปแบบการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนให้กับผู้ขายหรือผู้ให้บริการได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือบริษัทแอ๊ปเปิ้ลที่มุ่งเน้นไปที่ความเรียบง่าย คือมีโทรศัพท์มือถือวางจำหน่ายเพียงรูปแบบเดียวและมีมีเดียแท็บเล็ตวางจำหน่ายเพียงรูปแบบเดียว ในยุคก่อนที่แอ๊ปเปิ้ลจะโด่งดังขึ้นมา หลายคนเชื่อว่าการมีสินค้าออกวางจำหน่ายอย่างหลากหลายคือปัจจัยที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจโทรศัพท์มือถือได้ แต่ไอดีซีคาดการณ์ว่าบริษัททั้งหลายที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับไอซีทีจะเริ่มพิจารณาปรับใช้รูปแบบการทำธุรกิจแบบ “รูปแบบเดียว” เช่นนี้จากปี 2555 เป็นต้นไป

3. ทำให้ 2 + 2 = 1: การให้บริการคลาวด์ที่มีการจัดรวมการบริการเป็นกลุ่มจะนำไปสู่ “เอาท์ซอสซิ่ง 3.0”
ในปี 2554 ไอดีซีประมาณการว่าแอพพลิเคชั่นระดับองค์กรใหญ่ใหม่ๆ กว่า 80% จะถูกพัฒนาสำหรับ “พับบลิคคลาวด์” และภายในปี 2558 การใช้จ่ายที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นระดับองค์กรใหญ่นั้นจะมาจากคลาวด์ ประมาณ 20% ดังนั้นผู้ใช้บริการคลาวด์จะต้องบริหารจัดการปริมาณของบริการและเวนเดอร์ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนขึ้นในการบริหารจัดการซึ่งกลับกลายเป็นว่าการประยุกต์ใช้คลาวด์หาได้ทำให้การบริหารจัดการทำได้ง่ายขึ้นแต่อย่างใด เพื่อลบจุดอ่อนข้อนี้ ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป ผู้ให้บริการคลาวด์จะเริ่มจัดหาเครื่องมือบริหารจัดการที่สามารถรวมเอาการจัดการบริการคลาวด์ในรูปแบบต่างๆ เข้าด้วยกันได้ นั่นก็คือการให้บริการคลาวด์ที่มีการจัดรวมการบริการเป็นกลุ่มหรือ Cloud Orchestration นั่นเอง ผลก็คือ ตลาดจะยังคงไม่พูดถึงการใช้บริการคลาวด์มากนักในช่วงระหว่างปีนี้จนถึงปี 2558 หากแต่จะนึกถึงการบริการในรูปแบบนี้ว่าเป็นการพัฒนาขึ้นของการเอาท์ซอร์ส หรือที่เรียกว่าเอาท์ซอสซิ่ง 3.0 แทน

4. “หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ผู้วิจัยข้อมูล” จะทำให้ “Big Data” เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจมากขึ้น
ไอดีซีคาดว่าเอเชียแปซิฟิกจะเริ่มเข้าสู่ยุคของ Big Data ได้ในปี 2555 ซึ่งข้อมูลจากการปฏิสัมพันธ์โดยใช้โซเชียลมีเดีย ข้อมูลจากมาตรวัดที่วัดผลแบบเรียลไทม์ ข้อมูลแบบ geospatial และข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ในเรื่องของการจัดการกลยุทธ์การบริหารข้อมูลขึ้นมา เช่นเดียวกับทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ที่สุด จะได้มาจากเครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถทำงานในสภาวะที่ข้อมูลที่องค์กรต่างๆ สร้างขึ้นมีปริมาณ อัตราความเร็ว และความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นได้ เครื่องมือเหล่านี้ก็คือเครื่องมือการวิเคราะห์ Big Data นั่นเอง ไอดีซีเชื่อว่า จากการที่ตัวแปรและแบบจำลองสำหรับการวิเคราะห์ Big Data นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งใหม่ และต้องใช้ทักษะความสามารถระดับสูงในการวิเคราะห์ข้อมูล จะนำไปสู่การเกิดตำแหน่งงานใหม่ขึ้นในปี 2555 ซึ่งมีชื่อตำแหน่งว่า “Chief Data Scientist” หรือ “หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ผู้วิจัยข้อมูล” เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวางกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับ Big Data ได้นั่นเอง

5. Workload แบบใหม่บนคลาวด์จะเกิดขึ้น: นำโดยออโตเมชั่น
ไอดีซีคาดว่าในปี 2555 ความสามารถในการกำหนดประสิทธิภาพและทรัพยากรด้านไอทีจะกลายเป็นจุดสำคัญที่องค์กรใช้ในการสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่เศรษฐกิจมีความเปราะบางเช่นนี้ และไอดีซียังเชื่อว่า อันเนื่องมาจากการที่ workload ระลอกใหม่ๆ กำลังเคลื่อนเข้าสู่คลาวด์ ความสำคัญของการทำให้ขั้นตอนการทำงานด้านไอทีนั้นมีมาตรฐานเดียวกันและสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า “ออโตเมชั่น” จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัวและกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ซีไอโอให้ความสนใจในปี 2555 ที่จะถึงนี้ การลงทุนในเรื่องของการปรับเข้าสู่มาตรฐานและออโตเมชั่นจะทำให้องค์กรสามารถออกแบบ ปรับใช้ และดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงานหลัก รวมทั้งสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างไอทีและการปฏิบัติงานในภาคส่วนอื่นๆ ของธุรกิจได้ในที่สุด

6. ผู้รวบรวมไว้ซึ่งแอพพลิเคชั่น: ทีมเสาะหานวัตกรรมใหม่ที่ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมตั้งขึ้นเพื่อส่งคอนเทนต์ไปสู่บ้านคุณ
การเพิ่มปริมาณที่มากขึ้นอย่างมหาศาลของดิจิตอลคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นที่ใช้บนอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านเครือข่ายแบบทั้งมีสายและไร้สายนั้นนำมาซึ่งโอกาสครั้งใหม่สำหรับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม ซึ่งเป็นโอกาสที่จะรวบรวมเอาคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นเข้าด้วยกันเพื่อเสนอเป็นโซลูชั่นใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้ แต่การจะทำเช่นนี้ได้นั้น ต้องมีแผนกหรือทีมที่ดูแลในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการสรรหาแอพพลิเคชั่น ไปจนถึงกระบวนการนำมาผนวกเข้าด้วยกัน เพื่อที่จะสามารถเสนอแอพพลิเคชั่นที่ “ใช่” ให้แก่ธุรกิจหรือผู้บริโภคทั่วไปได้สำเร็จ ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2555 นี้ ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมที่มองการไกลจะสร้าง “ทีมเสาะหานวัตกรรมใหม่” ขึ้นมาเพื่อค้นหาแอพพลิเคชั่นและคอนเทนต์ที่เหมาะสม เพื่อนำเสนอให้กับผู้ใช้ในภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และ ฮอตสปอตต่างๆ

7. “การคาดเดาปัญหาล่วงหน้าได้” จะกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของแพลตฟอร์มเชิงกลยุทธ์
ระบบไอทีที่คาดเดาไม่ได้นั้น จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสมรรถนะในการทำธุรกิจขององค์กร และเพื่อที่จะเอาชนะปัญหานี้ หลายองค์กรได้ใช้เงินทุนในจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะสร้างระบบสำรองที่มีทั้งเซอร์ฟเวอร์ ซิสเต็ม ดาต้า และเน็ตเวิร์ค แต่ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2555 องค์กรที่มองการไกลจะมีแนวคิดที่ฉีกออกจากแนวคิดแบบเดิม องค์กรเหล่านี้จะใช้ประโยชน์จากระบบเสมือนเพื่อสร้างพื้นที่เผื่อไว้สำหรับความขัดข้องในแพลตฟอร์มไอทีของตนเอง แทนที่จะต้องพึ่งพาแต่ระบบสำรองเพียงอย่างเดียว ไอดีซีคาดว่าแนวคิดนี้จะเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในปี 2555 และจะกลายเป็นวิธีปฏิบัติที่ได้รับความนิยมเมื่อต้องการที่จะวางระบบสภาพแวดล้อมเสมือนแบบ x86 ที่มีขนาดใหญ่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

8. บริษัทต่างๆ จะกลับไปสู่การใช้ไอทีแบบมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ไอดีซีคาดว่า ในปี 2555 แนวโน้มของความไม่แน่นอนและความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจจะส่งผลให้ประเด็นเรื่อง “ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” กลับขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนที่บริษัทในเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญอีกครั้ง ทั้งการโฟกัสไปที่เทคโนโลยีที่ช่วยให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นไปที่ลูกค้า มัดใจลูกค้า ไปจนถึงเทคโนโลยีที่ช่วยให้เรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้ารายหลักๆ ได้มากขึ้น โดยในปี 2556 นั้น หากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น กระแสแนวคิดเรื่องของลูกค้าเป็นศูนย์กลางนี้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ไอดีซีเชื่อว่าวิธีการแบบมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าเช่นนี้จะเป็นส่วนสำคัญของการใช้ไอทีในบริษัทส่วนใหญ่ในปี 2558

9. การผสมผสานระหว่างอุปกรณ์พกพาและไอทีจะกรุยทางไปสู่ Workspace รูปแบบใหม่
ไอดีซีคาดการณ์ว่าองค์กรจะเริ่มสร้างสถาปัตยกรรมของ workspace ให้สอดคล้องกับโมบิลิตี้ คลาวด์ และดาต้าเซอร์วิส ในปี 2555 การอนุญาตให้พนักงานในองค์กร เริ่มนำอุปกรณ์ไอทีของตนเข้ามาใช้ในการทำงานประจำวันของพวกเขามากขึ้น หรือที่เรียกกันแพร่หลายว่า Consumerization นั้น จะสร้างความต้องการที่จะมีสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ๆ ขึ้น และไอดีซีเชื่อว่าในปี 2555 องค์กรจะเริ่มทดลองนำโซลูชั่นไร้สายมาปรับใช้ เมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชุดใหม่ วางระบบใหม่ หรือเพิ่มไซต์การทำงานใหม่เกิดขึ้น

10. กลายเป็น “ชนชั้นกลาง”: สมาร์ทโฟนที่มีราคาต่ำกว่า 3,000 บาทจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญ
สมาร์ทโฟนได้ทำให้วงการคอมพิวเตอร์เข้าสู่ยุคใหม่ โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2555 ยอดการจัดส่งเครื่องสมาร์ทโฟนนั้นมีแนวโน้มว่าจะแซงยอดการจัดส่งของพีซี และเป็นที่คาดการณ์ว่าสมาร์ทโฟนจะขึ้นนำพีซีอย่างถาวร ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2555 เราจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาต่ำกว่า 3,000 บาทออกจำหน่ายสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่ ไอดีซียังเชื่ออีกว่าผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่เหล่านี้จะมีอาการ “เสพติดแอพพลิเคชั่นบนมือถือ” แบบเดียวกับที่เราได้เห็นในตลาดที่พัฒนาแล้วมาก่อนเช่นเดียวกัน

View :1630

วอลล์สตรีท ส่งแอพฯ “อิงลิช เอนี่ไทม์” และ “เดอะ วิลเลจ” ช่วยเหลือนักเรียนผู้ประสบภัยให้ฝึกภาษาและทบทวนหลักสูตรผ่านระบบออนไลน์

November 28th, 2011 No comments

มร.มิเชล เลอ เคอเลค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันสอนภาษาอังกฤษวอลล์สตรีท ประเทศไทย นำทีมแนะนำ 2 ออนไลน์แอพพลิเคชั่น “English Anytime” และ “The Village” ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับนักเรียนวอลล์สตรีทที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย ให้ฝึกภาษาและทบทวนหลักสูตรผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งเป็นอีกช่องทางการในสื่อสารระหว่างนักเรียนวอลล์สตรีททั้ง 27 ประเทศทั่วโลก สำหรับนักเรียนที่สนใจใช้แอพพลิเคชั่น “The Village” สามารถใช้รหัสนักเรียนลงทะเบียนผ่าน www..in.th และสำหรับนักเรียนที่สนใจใช้ “English Anytime” สามารถติดต่อได้ที่ อีเมลล์ studentsupport@.in.th หรือทาง www..in.th หรือ โทร 02-660-3049

View :1241
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที แจงแนวทางดำเนินการเมื่อพบเว็บไซต์ไม่เหมาะสมทางสื่อออนไลน์

November 25th, 2011 No comments

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า การให้บริการเว็บไซต์ทั้งภายในและภายนอกประเทศได้มีการพัฒนารูปแบบไปอย่างรวดเร็วมาก โดยปัจจุบันจะมีลักษณะเป็นเครือข่ายสื่อสังคมที่เผยแพร่เนื้อหาในรูปแบบ ข้อมูล ข่าวสาร และคลิปวิดีโอมากขึ้น ซึ่งทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อสร้างการรับรู้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและสามารถแพร่ขยายไปทั่วโลก จึงทำให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีนำเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาเผยแพร่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

ดังนั้น กระทรวงไอซีที จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต่างๆ ประสานความร่วมมือในการระงับการเผยแพร่ไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ให้บริการได้ลบหน้า Facebook ที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้นออก และทำให้ การดำเนินการระงับการเผยแพร่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากใน 1 บัญชี (Account) ของ Facebook จะประกอบไปด้วยรูปต่างๆ ซึ่งอาจทำให้มีหน้าต่างๆ ได้มากถึงหลักร้อย URL และเมื่อรวมกับหน้าต่างๆ ที่ถูก Share หรือ Comment ก็จะทำให้จำนวน URL เพิ่มขึ้นไปอีก การระงับการเผยแพร่ใน 1 Account จึงทำให้มี URL ที่ไม่เหมาะสมหายไปประมาณ 100 -1,000 รายการ โดยในช่วงเดือนต.ค. – พ.ย.ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการระงับการเผยแพร่ไปแล้วกว่า 60,000 URL

ส่วนการกด Share หรือ Like หรือ Comment นั้น เป็นการกระทำที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยที่ผู้กระทำอาจไม่รู้ตัว เนื่องจากเป็นการเผยแพร่ข้อมูลต่อในทางอ้อม กระทรวงไอซีที จึงขอให้ประชาชนที่หวังดีและต้องการปกป้องสถาบันปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงฯ โดยหากพบเจอเว็บไซต์ไม่เหมาะสมขอให้แจ้งข้อมูลมาที่หมายเลข 1212 รวมทั้งหยุดการเข้าไปดูหน้าเว็บดังกล่าว และไม่บอกต่อ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบผู้กระทำความผิดได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับวิธีปฏิบัติเมื่อพบเจอเว็บไซต์ที่เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมนั้น สิ่งที่ควรกระทำ คือ ห้ามกด Share โดยเด็ดขาด เช่นใน Facebook การกด Share จะทำให้เนื้อหาในเว็บไซต์นั้นไปปรากฏบนหน้าหลักของเพื่อนๆ ที่อยู่ในรายการชื่อของเรา ทำให้เป็นการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่เหมาะสมนั้นโดยไม่รู้ตัว การ share เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงความไม่เหมาะสม และร่วมติเตียนผู้กระทำความผิดนั้น อาจจะทำให้การตรวจสอบเพื่อระงับการเผยแพร่นั้นทำได้ลำบาก เพราะฝ่ายตรวจสอบของผู้ให้บริการในต่างประเทศอาจเข้าใจไปว่า เนื้อหาที่เผยแพร่นั้นมีความน่าสนใจจึงมีการกด Share กันเป็นจำนวนมาก ทำให้การระงับการเผยแพร่ทำได้ยากขึ้น

นอกจากนั้นยัง ห้ามกด Like และห้าม Comment โดยเด็ดขาด เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้ข้อความที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้นไปปรากฏบนหน้า Wall หรือหน้าหลักของผู้กด Like และ Comment รวมทั้งจะเชื่อมต่อไปถึงหน้า Facebook ของกลุ่มเพื่อนอีกด้วย การที่ผู้ชม Facebook กด Like เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว หรือโต้ตอบ จะยิ่งสร้างความสนใจให้กลุ่มเพื่อนที่เห็น และอาจร่วมในกระบวนการโต้ตอบด้วย จึงเท่ากับเป็นการกระจายข้อมูลข่าวสารและเพิ่มกระแสความนิยมให้กับเว็บไซต์ที่เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมโดยไม่รู้ตัว

“ปัจจุบันพบว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปโต้ตอบกับพวกที่เผยแพร่เว็บไม่เหมาะสมในลักษณะหมิ่นสถาบัน โดยการกด Like , Comment หรือ Share นั้น อาจถูกนำชื่อ และรูปถ่ายไปสร้างหน้า Facebook ปลอมและเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ดังนั้น กระทรวงฯ จึงอยากขอให้ประชาชนทุกคนอย่ากด Like , Comment หรือ Share เพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อ แต่หากได้มีการกดไปแล้วขอให้ทำการลบ Share กด Unlike และลบ Comment ที่เคยทำเอาไว้ เพื่อลดการเผยแพร่ และเจ้าหน้าที่จะสามารถดำเนินการตรวจสอบผู้กระทำผิดได้ง่ายขึ้น

View :1293

เครือข่ายเอไอเอสพร้อมให้บริการในนิคมอุตสาหกรรมหลักแล้ว

November 25th, 2011 No comments


25 พฤศจิกายน 2554 : นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเอไอเอสในพื้นที่อุทกภัยนั้นถือได้ว่าเข้าสู่สภาวการณ์ปกติ มีเพียงพื้นที่ส่วนน้อยซึ่งน้ำยังคงท่วมขัง และการไฟฟ้างดจ่ายกระแสไฟ ซึ่งทำให้เอไอเอสยังไม่สามารถให้บริการได้ อย่างไรก็ตามหากบริเวณนั้นเป็นแหล่งชุมชนหรือพื้นที่สำคัญ ทีมวิศวกรจะใช้เครื่องปั่นไฟ เพื่อให้เครือข่ายสามารถให้บริการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในบริเวณดังกล่าว”

“สำหรับพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญอย่างนิคมอุตสาหกรรมหลักๆไม่ว่าจะเป็น นิคมไฮเทค, นิคม แฟ็คทอรี่ แลนด์, นิคมลำไทร, นิคมโรจนะ หรือนิคมบางปะอินนั้น ช่วงที่ผ่านมาทีมวิศวกรได้เร่งเข้าไปดำเนินการแก้ไข จนกระทั่งปัจจุบันเครือข่ายสื่อสารไร้สายในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวซึ่งกำลังเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง ได้พร้อมให้บริการแล้ว 100% ทั้งในส่วนภาพรวมการใช้งานในบริเวณนิคมฯ หรือส่วนของคอร์ปอเรต โซลูชั่นส์ ซึ่งลูกค้าองค์กรใช้บริการจากเอไอเอสก็พร้อมใช้งานได้แล้ว 100% เช่นกัน โดยที่ผ่านมาเราได้ประสานงานกับลูกค้าองค์กรซึ่งเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งการเตรียมอุปกรณ์สำรอง (Spare Parts) เพื่อให้สามารถเปลี่ยนได้ทันทีกรณีหากตรวจสอบพบว่าได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม โดยหากลูกค้ารายใดพร้อมเปิดให้บริการ ทีมงานจะเข้าไปสนับสนุนโซลูชั่นส์ทางการสื่อสารทันที”

นายวิเชียรกล่าวยืนยันตอนท้ายว่า “แม้สถานการณ์ภาพรวมอุทกภัยหลายพื้นที่จะเริ่มคลี่คลาย แต่ทีมวิศวกรเอไอเอสยังคงเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง พร้อมกับเข้าไปฟื้นฟูเครือข่ายในพื้นที่อุทกภัยตลอดเวลา เพื่อให้ลูกค้าตลอดจนภาคธุรกิจ ติดต่อสื่อสารและเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง”

View :1436

‘ifec’ เปิดสายด่วนแนะซ่อมบำรุงเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น มอบส่วนลดค่าอะไหล่ 20-30% ช่วยลูกค้าฟื้นฟูธุรกิจหลังน้ำลด

November 23rd, 2011 No comments

” ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น “” เปิดสายด่วน Hot Line 02-718-8000 กด 4 ส่งเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำตรวจเช็คสภาพเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น พร้อมมอบส่วนลดอะไหล่และวัสดุ 20-30% หวังช่วยเหลือลูกค้าฟื้นฟูธุรกิจหลังผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วม

นายดำริห์ เอมมาโนชญ์ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ ifec ผู้นำเข้าและทำตลาดเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น ‘โคนิก้า มินอลต้า’ รายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดสายด่วน 02-718-8000 กด 4 เพื่อให้แนะนำซ่อมแซม และบำรุงรักษาเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม พร้อมส่งทีมช่างบริการจากโคนิก้า มินอลต้า เข้าไปตรวจเช็คสภาพความเสียหายของเครื่องให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ หากตรวจพบว่า สภาพเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นมีความเสียหายมาก ทีมเจ้าหน้าที่ก็พร้อมให้บริการยกเครื่องเข้ามาทำการตรวจเช็คสภาพเครื่องฟรีโดยไม่คิดค่าบริการ และยังมอบส่วนลดค่าอะไหล่และวัสดุ 20-30% เพื่อช่วยเหลือลูกค้าโคนิก้า มินอลต้า ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมให้สามารถกลับมาฟื้นฟูธุรกิจได้อีกครั้ง เพื่อหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ลูกค้าจะสามารถใช้งานเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นได้ทันที

“เราเปิดเบอร์สายด่วน 02-718-8000 กด 4 เพื่อให้ลูกค้าสามารถโทรเข้ามาขอคำแนะนำดูแลเครื่องหลังน้ำลด หรือขอความช่วยเหลือในการซ่อมแซม หากกรณีเครื่องฯ ได้รับความเสียหายมาก เราจะลดค่าอะไหล่และวัสดุ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าในช่วงฟื้นฟูกิจการอีกด้วย” นายดำริห์ กล่าว

View :1352

“เอซุส” จับมือ 3 พันธมิตร วงการไอที ช่วยเหลือเจ้าของคอมที่ประสบภัยน้ำท่วม ทุกรุ่น ทุกค่าย บริการเช็ค-ซ่อมเครื่องฟรี

November 23rd, 2011 No comments

บริษัท จำกัด ร่วมมือกับ เว็บไซต์ , บริษัท จำกัด และ บริษัท จำกัด จัดกิจกรรมแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ โดยสามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและเน็ตบุ๊ก ทุกรุ่น ทุกค่าย ไม่จำกัดยี่ห้อ มารับบริการตรวจเช็ค ฟรี! โดยบางรายการหากสามารถซ่อมแซมได้จะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่ชื้นใหม่ เอซุสมอบส่วนลดค่าอะไหล่ให้ 30 % พบกัน ณ ร้านฮาร์ดแวร์เฮ้าส์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 26 – 28 พฤศจิกายน 2554 ระหว่างเวลา 09.00-20.00 น.

สำหรับในจังหวัดที่ประสบอุทกภัยอื่นๆ เช่น พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี และปทุมธานี โครงการมีแผนเดินทางลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อ ASUS Call Center: 02-401-1717 หรือ www.asus.co.th หรือจะเข้ามาพูดคุยกับเราที่ www.facebook.com/ASUSThailand

View :1391

Samsung Galaxy Y พร้อม iLike SIM จาก ทรูมูฟ 3G + Wi-Fi

November 22nd, 2011 No comments

ทรูมูฟจับมือซัมซุงเปิดตัว SamsungGalaxy Y พร้อมกับ iLike SIM และแพ็กเกจเสริมเอาใจลูกค้าทรูมูฟที่เป็นสาวก Facebook และWhatsAppเพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่นและผู้เริ่มลองใช้สมาร์ทโฟน Android โดยมาพร้อมกับโปรโมชั่นแรง สุดคุ้มกับการสนุกบนสังคมออนไลน์ ทั้งยังให้ลูกค้าทรูมูฟได้สัมผัสประสบการณ์แบบเต็ม ๆ กับระบบปฏิบัติการ Android 2.3 Gingerbread เวอร์ชั่นล่าสุดจาก Google ที่มาพร้อมกับ CPU ความเร็วถึง 832 MHz ด้วยราคาที่ถือได้ว่าเป็นAndroid ที่ถูกที่สุด ณ ขณะนี้ พร้อมให้ลูกค้าทรูมูฟได้ แชท โหลด โหวต เม้นท์ แบบไม่อั้น ผ่าน 3G,Wi-Fi, EDGE/GPRS เต็มรูปแบบ บนเครือข่ายทรูมูฟ 3G + Wi-Fi เริ่มต้นเพียงวันละ 5 บาท สมัครวันนี้!!! รับสิทธ์ใช้ฟรี Facebook และ WhatsApp นาน 14 วันทันที

เตรียมเป็นเจ้าของ SamsungGalaxy Y สมาร์ทโฟนตัวเล็ก สเป็คแรง จากทรูมูฟ ด้วยราคาสุดคุ้มเพียง 4,790 บาทพร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 6 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการก่อนใครได้ในวันที่ 22 พ.ย. 54 ที่ทรูช้อปชั้นนำ 10 สาขาทั่วกรุงเทพ (ดิจิตอลเกตเวย์, เซ็นทรัลลาดพร้าว แจ้งวัฒนะ ปิ่นเกล้า พระราม 2, เดอะมอลล์ท่าพระ งามวงศ์วาน บางกะปิ และซีคอนสแควร์) และสิ้นเดือน พ.ย. นี้ ที่ทรูช้อปทุกสาขาทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1331 ทรูช้อป หรือ www.truemove.com

View :2124

ริม ประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดการประชุม BlackBerry DevCon Asia

November 22nd, 2011 No comments

เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ บางพื้นที่ยังมีปริมาณน้ำท่วมสูงอยู่นั้น ทางบริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) ได้พิจารณาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดการประชุม ในปีนี้ ไปยังประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ กำหนดการจัดงานยังคงเป็นระหว่างวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2554 โดยงานจะจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุม Suntec Singapore International Convention & Exhibition Centre ในประเทศสิงคโปร์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของงานในสิงคโปร์ จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

การพิจารณาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดการประชุม BlackBerry เกิดขึ้นตามการแนะนำและแจ้งเตือนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของน้ำท่วมครั้งนี้ ซึ่งได้สร้างความเสียหายเป็นอย่างยิ่งต่อระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร

ริมขออภัย ไปยังผู้สนใจที่ทำการลงทะเบียนเข้าร่วมงานมาแล้ว ถึงความล่าช้าในการแจ้งข้อมูลในครั้งนี้ รวมทั้งขออภัยในความไม่สะดวกในการเดินทางเพื่อมาร่วมงาน ในกรณีผู้ที่ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงาน ณ ประเทศสิงคโปร์ได้ ริม ยินดีคืนเงินค่าธรรมเนียมลงทะเบียนเพื่อผ่านเข้างานให้ทั้งหมด

โดยหลังจากการประชุม DevCon Asia ที่จะจัดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2554 นี้ ริม ยังคงมุ่งมั่นที่จะกลับมาจัดประชุม DevCon Asia ในกรุงเทพฯ ในอนาคต

View :1309

ซอฟต์แวร์ไทยโชว์กึ๋น กวาดรางวัลเวทีระดับเอเชียแปซิฟิก APICTA ครั้งที่ 11 คว้า 3 รางวัลชนะเลิศ – 3 รางวัลชมเชย

November 22nd, 2011 No comments

นับเป็นครั้งที่ 11 สำหรับการจัดประกวดผลิตภัณฑ์ไอซีทีและซอฟต์แวร์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) Awards 2011 “เอเชีย แปซิฟิก ไอซีที อะไลแอนซ์ อวอร์ด 2011” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า และสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (เอทีซีไอ) โดยงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เกิดความร่วมมือกันทางธุรกิจ และสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงตลาดในอุตสาหกรรม และเป็นการวางมาตรฐานด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ รวมถึงการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ผลงานด้านไอซีทีและซอฟต์แวร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยปีนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน หวังกระตุ้นโชว์ศักยภาพของประเทศผลักดันให้ไอซีทีและซอฟต์แวร์ไทยเติบโตในตลาดโลก

Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) Awards 2011 มีผลงานซอฟต์แวร์ร่วมแข่งขันจากประเทศสมาชิก 11 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเก๊า ปากีสถาน สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย และเวียดนาม โดยการจัดงานครั้งนี้มีผลงานร่วมประกวดทั้งสิ้น 162 ผลงาน จาก 17 ประเภทการแข่งขัน โดยประเทศไทยคว้ารางวัลใหญ่ในเวทีระดับเอเชียมาได้ถึง 6 รางวัล แบ่งเป็นรางวัลชนะเลิศ 3 รางวัลได้แก่ประเภททูลส์แอนด์อินฟราสตรักเจอร์ การท่องเที่ยวและการโรงแรม ซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรม และประเภทรางวัลชมเชย 3 รางวัลได้แก่ ประเภทนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ประเภทนักเรียนระดับอุดมศึกษา และประเภทอุตสาหกรรมการเงิน โดยแบ่งผลงานชนะเลิศทั้ง 3 ผลงานดังนี้

นางนิพัตราภรณ์ เจียมโชติพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตก้า ซิสเต็ม จำกัด ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภททูลส์แอนด์อินฟราสตรักเจอร์ แอพพลิเคชั่น กล่าวว่า บริษัท ผู้ประกอบการด้านซอฟต์แวร์ หากถ้าไม่เข้าใจตลาดและมุ่งแต่การพัฒนาซอฟต์แวร์มีโอกาสไปไม่รอด ส่วนของเน็ตก้า โดยหนึ่งในวิธีการสร้างชื่อคือส่งผลงานเข้าประกวด ประกอบกับการพัฒนาที่ไม่ได้มองแค่ในประเทศไทยแต่ดูเทรนด์ของตลาดและคู่แข่งในต่างประเทศ

นายธรรมนูญ เวชวิทยาขลัง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอน ไซซิทส์ จำกัด เจ้าของผลงาน “กาลิเลโอ ไดเร็ค” แอพพลิเคชั่นสำหรับมอนิเตอร์ราคาตั๋วเครื่องบินทั่วโลก ผู้ชนะรางวัลชนะเลิศประเภทการท่องเที่ยวและการโรงแรม กล่าวว่า บริษัทใช้โมเดลธุรกิจแบบคิดค่าเช่าเป็นรายเดือน ใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนคู่แข่งให้เป็นคู่ค้า ปัจจุบันจากบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวที่มีบริการแบบออนไลน์ 350 ราย บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดราว 95% หรือประมาณ 300 ราย ขณะนี้มีบริษัทจากประเทศอินโดนีเซียและมาเก๊าเข้ามาติดต่อขอใช้บริการแล้ว

นายไผท ผดุงถิ่น เจ้าของผลงานบิลค์ดอทคอม (builk.com) จากบริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด ผู้ชนะเลิศสาขาซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรม ชี้ว่า แวดวงก่อสร้างถือเป็นเป็นหนึ่งวงการที่ไม่มีผู้พัฒนาต่อยอดด้านไอทีและซอฟต์แวร์ ดังนั้นโอกาสทางการตลาดจึงมีอยู่สูงมาก แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือวิธีการเข้าหาและชักจูงให้เขาเข้ามาใช้ให้ได้ โดยผลงานบิลค์ดอทคอม (builk.com) จะสามารถตอบโจทย์พัฒนาแวดวงก่อสร้างช่วยให้ง่ายในการปฏิบัติงาน ซึ่งมองว่าผลงานดังกล่าวจะสามารถพัฒนาวงการก่อสร้างได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งหากเกิดการซื้อขายในด้านซอฟต์แวร์จะสามารถสร้างรายได้จากทั้งในและต่างประเทศได้

ด้านนายอดิเรก ปฎิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (เอทีซีไอ) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เอทีซีไอได้ตระหนักถึงการค้าเสรีในภูมิภาค ปีนี้ซอฟต์แวร์ที่โดดเด่นมากที่สุดคือโมบาย แอพพลิเคชั่น เมื่อมองจากการประกวด 11 ครั้งที่ผ่านมาจะเห็นได้จาก ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตแค่มี 5-6 คน ก็สามารถทำกันได้ เชื่อว่าอีก 2-3 ปีหลังจากนี้จะได้เห็นซอฟต์แวร์ผลงานนักพัฒนาไทยขายในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสร้างเม็ดเงินรายได้สู่ประเทศเป็นจำนวนมาก หากในอนาคตมีการช่วยผลักดัน ส่งเสริม สนับสนุนที่ดีจากทุกฝ่ายในอนาคตประเทศไทยจะสามารถเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการส่งออกซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพระดับโลกอย่างแน่นอน

ทั้งนี้แนวโน้มของตลาดถูกกำหนดโดยการแข่งขันของภาคธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี หากเทียบกับประเทศอื่น ที่เป็นคู่แข่งสำคัญเช่น สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย ไทยไม่ขาดแคลนบุคลากร รู้วิธีการสร้างซอฟต์แวร์ที่ดี แต่ขาดการส่งเสริมจากภาครัฐและความเข้าใจในตลาด ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจเล็กที่ไม่มีโมเดลทางธุรกิจที่ชัดเจนด้วยแล้ว 1 – 2 ปีก็มักหายไป ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องให้ความในด้านไอซีทีและซอฟต์แวร์มากขึ้น

นายปริญญา กระจ่างมล รองผู้อำนวยการส่งเสริมอุตสาหกรรมและพัฒนาผู้ประกอบการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในระดับเวทีดังกล่าว ซิป้า ได้วางแผนในการเข้าไปช่วยส่งเสริมการสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถประยุกต์ใช้ และต่อยอดเพื่อนำซอฟต์แวร์ของผู้ประกอบการไทย ไปขยายตลาดในต่างประเทศ โดยจะนำผลงานที่เป็นรางวัลชนะเลิศและรอง ทั้งหมดเดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าและดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยคุณภาพที่ได้รับการการรันตีจากเวที Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) Awards 2011 จะสามารถเป็นเครื่องยืนยันในคุณภาพของผลงานและจะนำไปสู่มูลค่ามหาศาลของเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ

View :1496
Categories: Press/Release, Software Tags:

RIM ขอแจ้งเปลี่ยนสถานที่สำหรับจัดการประชุม DevCon Asia เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

November 21st, 2011 No comments

เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ บางพื้นที่ยังมีปริมาณน้ำท่วมสูงอยู่นั้น ทางบริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) ได้พิจารณาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสถานที่สำหรับจัดการประชุม BlackBerry ในปีนี้ ตามการแนะนำและแจ้งเตือนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของน้ำท่วมครั้งนี้ ซึ่งได้สร้างความเสียหายเป็นอย่างยิ่งต่อระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นสถานที่สำหรับการจัดการประชุมในเบื้องต้น ทั้งนี้ เรื่องความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานหรือกิจกรรมของแบล็กเบอร์รี่ทั้งหมด ถือเป็นสิ่งที่ริมคำนึงและให้ความสำคัญสูงสุด

ริม มีความมุ่งมั่นในการสานสัมพันธ์กับชุมชนนักพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย และในขณะนี้ เรากำลังพิจารณาเรื่องของสถานที่ รวมถึงกำหนดการใหม่สำหรับจัดการประชุมดังกล่าว โดยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง จะมีการแจ้งให้ทราบเร็วๆ นี้ เรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถจัดการประชุมปีนี้ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าจะกลับมาจัดประชุมในกรุงเทพฯ ได้ในอนาคต

ริมขออภัย ไปยังผู้สนใจที่ทำการลงทะเบียนเข้าร่วมงานมาแล้ว ถึงความล่าช้าในการแจ้งข้อมูลในครั้งนี้ รวมถึงความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเข้าใจถึงเหตุสุดวิสัยอันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่มิอาจคาดคิด ซึ่งส่งผลกระทบไปยังหลายๆ พื้นที่ในกรุงเทพฯ

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไปแล้ว จะยังคงสามารถเข้าร่วมงานได้ ทั้งนี้ สำหรับสถานที่และกำหนดการใหม่ของการจัดการประชุม Devcon Asia ที่แน่นอน จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ได้โดยตรงที่ devcon@.com

View :1486