Archive

Archive for the ‘Software’ Category

ธุรกิจแห่เข้าร่วมสัมมนาบริหารจัดการซอฟต์แวร์

August 31st, 2011 No comments

การจัดสัมมนาเรื่องการบริการจัดการสินทรัพย์ประเภทซอฟต์แวร์ครั้งแรกของปีนี้ ภายใต้หัวข้อ “ทางออกสำหรับการบริหารสินทรัพย์ซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประสิทธิผลทางธุรกิจ” ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจอย่างล้นหลาม

งานสัมมนาวันนี้ จัดขึ้น ด้วยการสนับสนุนของ ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ความรู้ความเข้าใจด้านทรัพย์สินไอที การจัดการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแก่ผู้บริหารองค์กร อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายหรือการหยุดชะงักทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นได้

“ไม่ว่าจากมุมมองด้านธุรกิจหรือด้านกฎหมาย การบริหารจัดการซอฟต์แวร์นั้นสำคัญมาก” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นางปัจฉิมา ธนสันติ “เพื่อประโยชน์ของบริษัทเอง เจ้าของกิจการและผู้บริหารองค์กรธุรกิจ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้ทั้งหมดมีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ตลอดจนทำความเข้าใจว่าการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง สามารถช่วยเพิ่มโอกาสและมูลค่าของธุรกิจได้”

งานสัมมนาครั้งนี้จัดโดยกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ (บีเอสเอ) โดยความร่วมมือของ กระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.)

“ในวาระที่ประเทศไทยกำลังส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านไอทีและพยายามผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม การคุ้มครองและเคารพในสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญายิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น” นางปัจฉิมา กล่าว “ประเทศคู่ค้าคาดหวังให้เราปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์ เช่นเดียวกับที่เราคาดหวังให้นานาชาติเคารพในสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของเรา เป็นเรื่องของการเคารพซึ่งกันและกัน”

เนื้อหาของงานสัมมนา ได้รับการคัดเลือกให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย คือผู้บริหารระดับสูง ภายในงานมีการนำเสนอข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและด้านไอทีเรื่องการตรวจสอบซอฟต์แวร์ การบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ และการปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ตลอดจนแนวทางแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดสำหรับธุรกิจไทย

“ซอฟต์แวร์เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน” นางสาว วารุณี รัชตพัฒนากุล โฆษกของกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ ประจำประเทศไทย กล่าว “หากพิจารณาว่าเราใช้ซอฟท์แวร์บ่อยขนาดไหน ซอฟท์แวร์ช่วยเราทำงานได้มากและประหยัดเวลามากเพียงใด เราก็จะพบว่าจริงๆแล้ว ซอฟต์แวร์เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ สมควรได้รับค่าตอบแทนจากการที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น”

หลายปีที่ผ่านมา บก. ปอศ. ได้ดำเนินการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันเห็นได้จากที่อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนพีซีในประเทศไทยลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองจากฮ่องกงเท่านั้น ในปีนี้ทางกรมฯ ได้เร่งดำเนินงานด้านการสืบสวนกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ โดยตั้งเป้าว่าจะได้ครองอันดับหนึ่งในฐานะประเทศที่ลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ลงได้มากที่สุดในภูมิภาคนี้

“เราต้องการแสดงให้นานาประเทศเห็นว่าไทยเป็นประเทศที่น่านับถือ ในแง่ที่ว่าเราเคารพสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาและมีความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตนวัตกรรมชั้นเยี่ยม” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ โฆษกของบก. ปอศ. กล่าว

View :1801

MFEC มั่นใจครึ่งปีหลังทำผลงานโตต่อ หลัง Q2/54โชว์กำไรพุ่งเกือบ 200%

August 18th, 2011 No comments

” แม่ทัพใหญ่ มั่นใจผลประกอบการครึ่งปีหลังมีแนวโน้มโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก หลังอุตสาหกรรมไอทีขยายตัวคึกคัก หนุนปริมาณงานไหลเข้าตลาดเพิ่มขึ้น เชื่อสิ้นปีปั๊มรายได้ทะลุ 3,500 ลบ.หายห่วง ส่วนผลงานโค้ง 2 ปีนี้โชว์กำไรยอดเยี่ยมพุ่ง 199% จาก 20 ลบ.ในปีก่อน เป็น 61 ลบ. เป็นผลจากรายได้ที่โตถึง 103% จาก 532 ลบ.ในปีก่อนมา เป็น 1,077 ลบ. แถมหนุนผลงานครึ่งปีแรกสดใสกำไรทะลุ 82 ลบ. เพิ่มขึ้น 40ลบ. หรือ 96% จากงวดเดียวกันปีก่อน

ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา พัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังว่ายังขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตามทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมไอที โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมไอทีอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าจะมีงานใหม่ๆ ไหลเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และคาดว่ารับรู้รายได้ปีนี้ 70 – 80% ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมประมูลงานใหม่ๆ ต่อเนื่องกระจายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเบื้องต้นเตรียมประมูลงานรัฐวิสาหกิจ มูลค่าอีกประมาณ 800 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้เตรียมพัฒนาระบบ ต่างๆ เพื่อสร้าง Content ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นรองรับตลาดไอทีที่ขยายตัว ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่บริษัทฯ จะรับงานในภาครัฐบาลเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯ รับงานภาครัฐบาลสัดส่วน 30% และรับงานภาคเอกชนสัดส่วน 70% ซึ่งการรับงานได้อย่างคล่องตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากการรวมตัวกับบริษัทไอทีชั้นนำในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ MFEC GROUP แข็งแกร่งมากขึ้น และมั่นใจว่าในปีนี้จะผลักดันรายได้ทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 3,500 ล้านบาทได้สำเร็จ

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2554 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 545 ล้านบาท หรือร้อยละ103จากงวดไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ที่มีรายได้ 532 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.22 บาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือร้อยละ 199 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.08 บาท

ในขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2554 (มกราคม – มิถุนายน 2554) บริษัทฯ มีรายได้ 1,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 563 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.57 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,263 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.29 บาท เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท หรือร้อยละ 96 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.17 บาท สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการส่งมอบงานได้ดีขึ้น ทำให้รับรู้รายได้เต็มที่ทั้งจากงานปัจจุบัน และงานที่ชะลอการส่งมอบมาจากช่วงไตรมาส1 ที่ผ่านมา

“ผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของบริษัทฯ ถือว่าน่าพอใจ ซึ่งตามปกติผลประกอบการครึ่งปีแรก คิดเป็น 40% ของรายได้รวม ขณะที่ 60% จะรอรับรู้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่วางไว้ 3.5 พันล้านบาทยังไม่ได้ปรับเปลี่ยน และคาดว่าทำได้ตามที่วางไว้ จากความแข็งแกร่งของ MFEC GROUP ที่ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นและรองรับงานได้กว้างขวางขึ้น” นายศิริวัฒน์ กล่าว

*************************
ข้อมูลบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)

บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษา พัฒนา และวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าวิสาหกิจ (Enterprise) ขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีพนักงานรวมบริษัทในเครือ 4 บริษัททั้งสิ้นกว่า 1,000 คน ในจำนวนนี้ ร้อยละ 80 เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างสูง มีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 200 บริษัท และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ควบรวมกิจการกับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอที กลายเป็น MFEC GROUP ซึ่ง 3 บริษัทไอทีชั้นนำดังกล่าวประกอบด้วย

บริษัท บิสซิเนส แอพพลิเคชั่น จำกัด หรือ BAC เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายของ IBM COGNOS ซอฟท์แวร์ด้าน Business intelligence (BI) รายเดียวในประเทศไทย

บริษัท โมทีฟ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาและบริการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์โดยเป็นบริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติไทยผู้วิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเอง เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท Motif เอง ที่ใช้ในระบบงานโอเปอเรชั่นของสถาบันการเงินการธนาคาร งานกฎหมาย การบริหารองค์กรภาครัฐ มีวิศวกรทางด้านซอฟแวร์กว่า 100 คน และมีลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่กว่า 20 แห่ง

บริษัท ซอฟต์สแควร์ กรุ๊ป ให้บริการด้านการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ มีบุคลากรประมาณ 400 คน ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทในเครือ 8 บริษัท ถือเป็นบริษัทซอฟท์แวร์เฮาส์คนไทยที่มีอายุงานยาวนานและมีการเติบโตยั่งยืนต่อเนื่องที่สุด ปัจจุบันกลุ่มบริษัท ซอฟต์สแควร์ ได้รับความไว้วางใจในการจัดหาและติดตั้งระบบงานคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้กับองค์กรชั้นนำ ทั้งภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมการผลิตกว่า300 ราย ทั้งในและต่างประเทศ

View :1645

สุดยอดโปรแกรมเมอร์แชมป์ภูมิภาค ACM-ICPC 2011

August 10th, 2011 No comments

การแข่งขันการเขียนโปรแกรมระดับอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลกรด้านซอฟต์แวร์ทั่วโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ถือว่าเป็นการแข่งขันที่มีความเก่าแก่ที่สุด มีชื่อเสียงที่สุด และใหญ่ที่สุด โดยปี2011นี้ ประเทศไทยจัดแข่งขันทั้งสิ้น 3 รอบ ได้แก่ รอบภูมิภาค Thailand Local Contest 2011 ซึ่งจัดแข่งขัน 4 ภาค รอบประเทศไทย Thailand National Programming Contest 2011 เพื่อหาสุดยอดโปรแกรมเมอร์มือระดับอุดมศึกษาของไทย เข้าชิงชัยเป็นแชมป์โปรแกรมเมอร์เอเชีย ปลายปีนี้
สำหรับ รอบภูมิภาค หรือ ACM-ICPC Thailand Local Contest 2011 ได้จัดแข่งขันเสร็จสิ้นลงแล้ว ได้ทีมผู้ชนะ 24 ทีม จาก 4 ภูมิภาคซึ่งจะรวมกับผู้แข่งขันในรอบ Online Contest เพื่อให้ได้ผู้ผ่านการคัดเลือก 70-100 คน เข้าแข่งขันในรอบ ACM-ICPC Thailand National Programming Contest 2011 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 3-4 กันยายน 2554 เพื่อหาสุดยอดโปรแกรมเมอร์ของไทย เข้าร่วมแข่งขัน “ACM-ICPC Asia Phuket Regional 2011”ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต 3-4 พฤศจิกายน 2554 ต่อไป
สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ชนะของภูมิภาคต่างๆได้ที่ www..or.th

View :1706
Categories: Press/Release, Software Tags:

สสว. จับมือ ส.ซอฟต์แวร์ นำ SMEs ไทยโกอินเตอร์

August 2nd, 2011 No comments

สสว. จับมือสมาคมฯ ซอฟต์แวร์ไทย นำผู้ประกอบการ SMEs ด้านซอฟแวร์ไทย ขยายตลาดสู่สาธารณรัฐสิงคโปร์ เชื่อว่างานนี้ช่วยสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้ธุรกิจซอฟต์แวร์ไทยก้าวไปสู่ระดับโลก

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จัดโครงการ “สนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านการตลาด (Capacity Building Program) สาขาอุตสาหกรรมซอฟแวร์สู่สาธารณรัฐสิงคโปร์” โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ด้านธุรกิจซอฟต์แวร์สื่อสารโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์สำหรับระบบบัญชีและการเงิน ซอฟต์แวร์สำหรับ หรือตามคำสั่งซื้อ ด้วยการสร้างโอกาสทางการตลาด การผลิต การค้า การบริการ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ ด้านการค้าและการลงทุน ไปจนถึงการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ () ในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ดำเนินกิจกรรมในการขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยการนำผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์ในด้านต่างๆ จากสมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟแวร์ไทย จำนวน 20 ราย เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจภายในงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านไอที “Communic Asia 2011 และ Enterprise IT 2011” ซึ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 21 – 24 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงสินค้า Marina Bay Sands สาธารณรัฐสิงคโปร์

ทั้งนี้จากการศึกษาความได้เปรียบในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ พบว่า สิงคโปร์มีความแข็งแกร่งในเรื่องของการจัดการโครงการ เช่น การใช้งานแอพพลิเคชั่น ICT ในภาคธุรกิจและภาครัฐ นอกจากนั้นในเรื่องของโครงการด้านกฎหมาย และการเมืองที่มีเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนดำเนินธุรกิจ แต่จุดสำคัญที่สิงคโปร์มีความต้องการเพื่อสนับสนุนธุรกิจซอฟต์แวร์ในประเทศ คือ การพัฒนาในการให้ความรู้เชิงลึกด้านเทคนิค รวมไปถึงการวิจัย พัฒนานวัตกรรมใหม่ และในปัจจุบันสิงคโปร์ยังประสบปัญหาเรื่องโครงสร้างราคาที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านแทบทั้งหมด

จึงเป็นโอกาสอันดีของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ที่กำลังพัฒนาและมีศักยภาพด้านการผลิตซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน จะเข้าไปตอบรับความต้องการของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในสิงคโปร์ เพื่อเป็นการขยายตลาดและสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์สู่สาธารณรัฐสิงคโปร์ และในวันที่ 3 สิงหาคม 2554 นี้ เวลา 12.00-16.30 น. ณ .โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดา ทางโครงการฯ จะจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้ในการดำเนินการเจรจาธุรกิจในงานแสดงสินค้า ด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในสาธารณรัฐสิงค์โปร์ งาน “Communic Asia 2011 และ Enterprise IT 2011” เพื่อเป็นประโยชน์และให้ข้อมูลด้านการค้า การลงทุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ แก่ผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่สนใจตลาดสิงคโปร์

ปฎิทินกิจกรรม

สสว. ร่วมกับ ส.ซอฟต์แวร์ จัดสัมมนา “ Business Made Easy”

ร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จัดสัมมนาเรื่อง “Software Business Made Easy” ในวันพุธที่ 3 สิงหาคม 2554 เวลา 12.00 – 16.30 น. ณ ห้องมรกต ชั้น 3 โรงแรม ดิเอมมอรัล ถนนรัชดา กรุงเทพฯ

โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ด้านธุรกิจซอฟต์แวร์สื่อสารโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์สำหรับระบบบัญชีและการเงิน ซอฟต์แวร์สำหรับ หรือตามคำสั่งซื้อ ด้วยการสร้างโอกาสทางการตลาด การผลิต การค้า การบริการ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ ด้านการค้าและการลงทุน ไปจนถึงการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ (SMEs Cluster) ในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณปาริฉัตร โทรศัพท์ 02 583 2017

View :1586

ทริดี้ เปิดวิสัยทัศน์ระดมความคิด มองทิศทาง แนวโน้มอนาคตของโทรคมนาคม วิทยุโทรทัศน์ กับนักวิชาการภาคการศึกษากว่า 30 มหาวิทยาลัย

July 5th, 2011 No comments

สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรือ ทริดี้ จัดประชุมระดมความคิด ครั้งที่ 2 หาทิศทางและแนวโน้มในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการแพร่ภาพ การกระจายเสียง โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ข้อคิดเห็น และเป็นแนวทางในการจัดทำแผนการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการแพร่ภาพ การกระจายเสียง โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของประเทศในอนาคต โดยการเปิดเวทีระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ในครั้งนี้ ทริดี้เชื่อว่าจะได้ทราบถึงทิศทางและแนวโน้ม  การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการแพร่ภาพ การกระจายเสียง  โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีอื่นๆ  ที่เกี่ยวข้อง    รวมถึงรับทราบถึงศักยภาพของนักวิจัยไทยในด้านดังกล่าว

โดยการระดมความคิดเห็นในครั้งนี้ถือเป็นการรวมกลุ่มจากภาคการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 30 มหาวิทยาลัย ที่ต้องการหาทางออก ปฏิรูปสื่อในประเทศ ให้เกิดการกระจายในระดับมหภาคอย่างเสรีและมีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน พร้อมสู่ภาคประชาชนอย่างแท้จริง

ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรือ ทริดี้ กล่าวว่า การประชุมระดมความคิดเรื่อง “Road map for Broadcasting and Telecommunications Research & Development ครั้งที่ 2” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ทริดี้และสำนักงาน กสทช. มุ่งตรงที่จะได้ทราบถึงทิศทางและแนวโน้มการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการแพร่ภาพ การกระจายเสียง เทคโนโลยีโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง  ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม   ตลอดจนประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ  เพื่อเป็นแผนการสนับสนุนและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และการส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพร่ภาพกระจายเสียง โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องของ  และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสำนักงาน กสทช.  ตามขอบเขตในภารกิจและการส่งเสริมและสนับสนุนตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553    โดยกิจกรรมในครั้งนี้  ได้รับความร่วมมือจากผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่มีการเรียนการสอนในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น   ซึ่งตอกย้ำถึงความร่วมมืออระหว่าง ทริดี้  สำนักงาน กสทช.  กับสถาบันการศึกษาและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  ในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาที่ผ่านมา  และยังมุ่งต่อยอดนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องต่อไปในอนาคตด้วย

ดร.สุพจน์ กล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้ ยังเผยภารกิจในการดำเนินงานของทริดี้ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม  และการพัฒนาบุคลากรที่ผ่านมา รวมไปถึงทิศทางและแนวโน้มในอนาคต  พร้อมแผนการสนับสนุนและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา  การส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพร่ภาพกระจายเสียง โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง   รวมถึงแผนการพัฒนาบุคลากร   และทราบถึงความพร้อมของสถาบันการศึกษาภายใต้ขอบเขต พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ฯ พ.ศ.2553 เพื่อเป็นการรองรับการแข่งขัน AEC ที่จะมีขึ้นในปี 2015 ซึ่งในครั้งนี้จะมีนักวิจัย รวมถึงผลงานวิจัยในเทคโนโลยีในด้านที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น และสามารถต่อยอดนวัตกรรมเทคโนโลยีการแพร่ภาพ การกระจายเสียง โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในอนาคตได้ สามารถช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นอีกด้วย

“ในการระดมความคิดเห็นในครั้งนี้ ทริดี้เชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้เกิดแผนและแนวทางการพัฒนาการวิจัยและพัฒนา  การส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพร่ภาพกระจายเสียง โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง   รวมถึงแผนการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพของประเทศ   และในอนาคตเชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคม วิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์จะเติบโตไปอีกมาก  ซึ่งประเทศที่มีการพัฒนาแล้วจะให้ความสำคัญอย่างจริงจังในส่วนของงานวิจัย บุคลากร และการมองหาทิศทางของผลิตภัณฑ์ ตลาดทั้งในและต่างประเทศ  ดังนั้นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเริ่มพัฒนาคือภาคการศึกษาที่จะสามารถช่วยให้เกิดบุคลากรคุณภาพ เกิดการใช้ในประเทศ ตลอดจนการส่งออกในต่างประเทศในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว”  ดร.สุพจน์ กล่าวสรุป

มุมมองของภาคการศึกษา “ความคิดเห็นของกลุ่มนักวิชาการในระดับมหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งนี้ มองถึงความสำคัญของการปฎิรูปในอนาคตที่ชัดเจนและจริงจัง สู่ภาคประชาชนอย่าง “รู้ทันสื่อ” โดยโครงของสื่อในอนาคต กลุ่มนักวิชาการมองว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมในอนาคตหากเกิดการแข่งขันที่เสรีมากขึ้น และหากจะเกิดการพัฒนาในประเทศต้องมองถึงการวางโครงสร้างที่แข็งแรง ตลอดจนการร่วมมือกันอย่างมีศักยภาพทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษาเอง โดยทั้งหมดต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดการพัฒนา และยังมองถึงส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภคจากสื่ออีกด้วย ซึ่งในอนาคตหากไม่มีแบบแผนที่ชัดเจนจะเกิดการก่อกวนหรือสร้างปัญหาจากสื่อได้

งานวิจัยถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญหากที่ผ่านมามีแต่การวางโครงการนำเสนอวิจัย แต่ไม่มีการนำโครงการต่าง ๆ ไปปฏิบัติงานหรือต่อยอด ซึ่งที่ผ่านมาเพิ่งมี ทริดี้ที่สนับสนุนให้นำงานวิจัยไปดำเนินงานต่อยอด แต่ในอนาคตหากเกิดการดำเนินงานในด้านโทรคมนาคม วิทยุโทรทัศน์ที่เสรีมากขึ้น ต้องช่วยกันในหลายภาคส่วนให้นำผลงานต่าง ๆ ไปต่อยอดให้เกิดการใช้งานจริง ซึ่งหากสามารถนำโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ไปปฏิงานได้จริง ไม่เพียงแต่ผลงานจะสะท้อนถึงทิศทางในอนาคต แต่จะเกิดการลดต้นทุนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เกิดการจ้างงาน และภาครัฐเองต้องมองหาตลาดให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ (ภาคการศึกษา-สนับสนุน วิจัยผลงาน พัฒนาผลงาน, ภาครัฐ-สนับสนุนเงินทุน หาช่องทางตลาด ตลอดจนผลักดันให้เกิดมูงค่าในเชิงพาณิชย์ สร้างมาตรฐานของผลงานที่พัฒนาขึ้นมา, ภาคเอกชน-สนับสนุนการใช้ผลงาน อุปกรณ์ และผลักดันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ) หากมองในตลาดปัจจุบันอุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคม วิทยุโทรทัศน์ต้องเริ่มที่ พัฒนาความรู้ผลงาน ต่อยอด ใช้เอง และส่งขายตามลำดับ กอปรกับความร่วมมือจากนักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มวิศวะโทรคมนาคม นักวิจัย และลงพื้นที่พัฒนาให้ความรู้ในระดับท้องถิ่น และก้าวสู่การพัฒนาในระดับประเทศในอนาคต

หมายเหตุ :     มาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2553 มีบทบัญญัติ ดังนี้ “ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นในสำนักงาน กสทช. เรียกว่า “กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ” โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

(1)    ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม อย่างทั่วถึง ตลอดจนส่งเสริมชุมชนและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชนตามมาตรา 51

(2)    ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรสื่อสาร การวิจัยและพัฒนาด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อ เทคโนโลยีด้านการใช้คลื่นความถี่ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

(3)    ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนการดำเนินการขององค์กร ซึ่งทำหน้าที่จัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบวิชาชีพหรือวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์

(4)    สนับสนุน ส่งเสริม และคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม

(5)    สนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย และสร้างสรรค์ โดยจัดสรรเงินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์”

View :2132

การ์ทเนอร์จัดอันดับ “ แซส ” อยู่ในกลุ่มผู้นำแพลตฟอร์มระบบธุรกิจอัจฉริยะ

June 28th, 2011 No comments

บริษัท แซส ผู้นำตลาดซอฟต์แวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ เชิงธุรกิจ เปิดเผยว่า บริษัท การ์ทเนอร์ อิงค์ ได้จัดอันดับให้เป็นบริษัท แซส อยู่ในกลุ่มผู้นำ ด้านแพลตฟอร์มระบบธุรกิจอัจฉริยะหรือบีไอ ( Business Intelligence Platforms) ในรายงานแมจิก ควอดแรนท์ ( Magic Quadrant ) ฉบับล่าสุด 1

แซส ได้รับการอันดับให้อยู่ในกลุ่มผู้ค้าที่บริษัท การ์ทเนอร์ ระบุว่า “มีความแข็งแกร่งอย่างมากในด้านแพลตฟอร์มระบบธุรกิจอัจฉริยะ ( BI ) ที่มีความสามารถอย่างครอบคลุม อีกทั้งยังสามารถนำเสนอการปรับใช้โซลูชั่นที่สนับสนุนกลยุทธ์ BI ได้ทั้งองค์กร โดยผู้นำที่ติดอันดับจะต้องสามารถสื่อข้อเสนอทางธุรกิจได้โดนใจผู้ซื้อ และยังต้องประสบความสำเร็จและสามารถให้บริการลูกค้าได้ในระดับโลก”
” นอกจากรายงานของการ์ทเนอร์แล้ว บรรดาลูกค้าของแซส ยังจะเป็นผู้ตรวจสอบกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และวิสัยทัศน์ของเราตลอดเวลาอีกด้วย” นาย จิม เดวิส รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (ซีเอ็มโอ) บริษัท แซส กล่าว และว่า “ซอฟต์แวร์ของเราพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของการวิเคราะห์ที่ดีเยี่ยมและได้รับการปรับใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรม ฐานลูกค้าของเราครอบคลุมถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากในการผูกอนาคตขององค์กรไว้กับเทคโนโลยี ® ”

บริษัท แซส ยังคงเดินหน้าสร้างและนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพให้กับ ลูกค้า ทั่วโลก โดยล่าสุดบริษัทได้นำเสนอประสิทธิภาพจาก SAS BI ให้กับผู้ใช้ Microsoft Outlook ซึ่งเป็นโปรแกรมอีเมลทางธุรกิจที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก โดยลูกค้าจะได้รับความสะดวกอย่างที่สุดเมื่อใช้ แอพพลิเคชั่น Microsoft Office รวมถึง Outlook ด้วย กล่าวคือ สามารถเรียกใช้รายงานและดึงข้อมูลสำหรับการตัดสินใจที่สำคัญได้โดยไม่ต้องออกจากการใช้งานแอพพลิเคชั่นดังกล่าว

ด้วยขีดความสามารถที่มีอยู่ใน SAS Business Analytics Framework  ทำให้ SAS Business Intelligence  สามารถช่วยองค์กรตอบคำถามที่ซับซ้อนและผลักดันให้ประสบความสำเร็จสูงสุดได้ เทคโนโลยีที่ครอบคลุมนี้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ทุกระดับ ได้แก่ ผู้บริหารระดับซี      ( C-level executives) ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจแถวหน้า และนักวิเคราะห์ที่มีทักษะสูงไปจนถึงผู้ใช้ปกติทั่วไป

SAS Business Analytics Framework ประกอบด้วย BI, การผสานรวมข้อมูล, การวิเคราะห์ขั้นสูง และโซลูชั่นธุรกิจทั่วไปและเฉพาะอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างมุมมองสำหรับการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีหลักที่เข้ามาเสริมความสามารถ เช่น SAS Enterprise BI Server ทำให้บริษัท แซส สามารถนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นแบบครบวงจรได้อย่างครอบคลุม

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า

“ ที่ผ่านมาแพลตฟอร์มระบบธุรกิจอัจฉริยะของแซสได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากองค์กรชั้นนำมากมายในหลากหลายอุตสาหกรรม และในปีนี้เรา ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเทคโนโลยีของแซสเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพการการจัดอันดับของการ์ทเนอร์ ”

View :1654

แอลจี จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง เสริมศักยภาพการเรียนรู้เยาวชนไทย พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรม

June 24th, 2011 No comments

ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (สองจากซ้าย) และ ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้จัดการ ฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร (ซ้าย) บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด , รศ. ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ คณบดี (สองจากขวา) และ ผศ. ดร. คมสัน มาลีสี  รองคณบดี (ขวา) คณะวิศวกรรมศาสตร์

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ( ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ประกาศความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของนักศึกษาในโครงการ “Empowering Tomorrow’s Leaders” ผนวกกำลังความเป็นหนึ่งทางด้านนวัตกรรมระดับโลกจากแอลจี และความเป็นหนึ่งทางด้านวิชาการ ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ลาดกระบังฯ ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาการค้นคว้าวิจัย สร้างศูนย์นวัตกรรมส่งเสริมการพัฒนาการเรียนรู้ พร้อมสนับสนุนสื่อการเรียนการสอนอันทันสมัย รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า สี่ล้าน บาท

คุณธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ด้วยวิสัยทัศน์ของแอลจีที่มุ่งเน้นการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระดับโลก แอลจีภูมิใจที่ได้ร่วมส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในโครงการ Empowering Tomorrow’s Leaders ซึ่งเราเชื่อว่าความเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมระดับโลกของแอลจี ผนวกกับความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ของสถาบันฯ ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษาไทยให้พร้อมสำหรับการทำงานทางด้านวิศวกรรม และเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม และการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศไทยในอนาคต ”

รศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า “ คณะวิศวกรรมศาสตร์เล็งเห็นว่าการร่วมมือกับผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลกอย่างแอลจีจะช่วยส่งเสริมศักยภาพของนักศึกษา อันจะนำไปสู่การพัฒนาภาวะความเป็นผู้นำในอนาคตได้ ซึ่งในความร่วมมือนี้ แอลจีจะให้การสนับสนุนในด้านทางด้านนวัตกรรม การมอบทุนการศึกษาเพื่อการค้นคว้าและวิจัย การจัดสร้าง หอประชุม Auditorium พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย พร้อมศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้  Innovation Center แห่งแรกของประเทศ ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของ นักศึกษาได้อย่างเต็มที่ ”

โครงการ Empowering Tomorrow’s Leaders ประกอบด้วย

·           ทุนการศึกษา LG Life’s Good สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่มีผลการเรียนเป็นเลิศ จำนวน 4 ทุนต่อปี รวมมูลค่า 800 ,000 บาท (โดยไม่มีข้อผูกมัด)

·           ตกแต่งหอประชุม LG Auditorium พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อันทันสมัย เพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักศึกษา

·           ศูนย์ นวัตกรรม การเรียนรู้ LG Innovation Center เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีสำหรับนิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไป

รศ.ดร. สุชัชวีร์ กล่าวว่า “ โครงการดังกล่าวไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์เท่านั้น ในระยะยาว นิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไปยังสามารถเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีในศูนย์นวัตกรรมได้อีกด้วย จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของทั้งสถาบันฯ และแอลจี ในการมีส่วนร่วมกับชุมชน และตอบแทนสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม ”

“ โครงการ Empowering Tomorrow’s Leaders ช่วยให้นักศึกษาได้มีโอกาสสัมผัสกับนวัตกรรม และเทคโนโลยีของแอลจีที่พัฒนาสู่การใช้งานจริง เราเชื่อว่าในอนาคตนักศึกษาเหล่านี้จะก้าวไปเป็นผู้นำ และประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ สู่สังคม โครงการนี้ จึงเป็นจุดริเริ่มทางความคิด ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคตอย่างไม่สิ้นสุด ” คุณธันยเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

View :1653

ซิป้า ย้ำเร่งหาแหล่งเงินทุน และสนับสนุนความสามารถของเด็กไทย เพื่อพัฒนาวงการซอฟต์แวร์

June 22nd, 2011 No comments

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จัดงานพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนในบรรยากาศเป็นกันเองในงาน “จิบน้ำชายามบ่ายกับ ดร.ศุภชัย ครั้งที่ 2” เมื่อวันอังคารที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ โรงแรม เรอเนซองส์ ราชประสงค์ โดยมี ดร.ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ ประธานกรรมการบริหารซิป้า เป็นผู้ให้รายละเอียดโครงการและตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน

สำหรับโครงการแรก ดร.ศุภชัยฯ ได้กล่าวถึงโครงการ “ สินเชื่อเพื่อกิจการซอฟต์แวร์ไทย” ว่า “ซิป้าได้เล็งเห็นถึงปัญหาของการพัฒนาวงการซอฟต์แวร์ไทยว่ามีอยู่หลายปัจจัย และหนึ่งในนั้นคือปัญหาเรื่องแหล่งเงินทุน ซิป้าจึงได้ร่วมมือกับ Bank จัดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการซอฟต์แวร์หรือดิจิทัลคอนเทนท์ให้สามารถขอกู้เงินได้ง่ายขึ้น โดย

ซิป้าจะเป็นผู้กลั่นกรองความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค และการตลาดในขั้นต้นเพื่อทำให้ธนาคารมีความมั่นใจและปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น” โดยมี นายยิ่งยง อธิศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารเงิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม () ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า “โครงการนี้เป็นการปล่อยสินเชื่อรายย่อยวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาทโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการค้ำประกัน มีระยะเวลา (Term Loan) สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ในอัตราดอกเบี้ยที่ MLR+1 หรือ MLR ต่อปีเมื่อผู้ขอกู้ผ่านการอบรมในโครงการต่างๆของซิป้า” สำหรับโครงการนี้ซิป้าชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้ขยายธุรกิจของตนเองให้เติบโตขึ้น

โครงการที่สอง ดร.ศุภชัยฯ ได้กล่าวถึงการแข่งขัน “” (Association Computing Machinery – International Collegiate Programming Contest) ซึ่งเป็นการแข่งขันเขียนโปรแกรมที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุด โดยมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 88 ประเทศ ซึ่งการแข่งขั้นนี้จะจัดแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ Local Contest, Regional Contest และ World Contest ซึ่งในระดับ World Contest นี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขัน นายวีระกิจ โล่ทองเพชร ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ บริษัท IBM ประเทศไทย จำกัด ผู้ร่วมสนับสนุน กล่าวเพิ่มเติมว่า รูปแบบการแข่งขันจะเป็นแบบ “Battle of the Brains” ซึ่งใน 1 ทีมจะประกอบไปด้วยผู้เข้าแข่งขันจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน 3 คน เขียนโปรแกรมเพื่อแก้ไขโจทย์ปัญหาภายในเวลา 5 ชั่วโมงโดยใช้ Computer 1 เครื่อง ทีมที่แก้โจทย์ปัญหาได้เยอะที่สุดจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน

สุดท้าย ดร.ศุภชัยฯ ยังพูดถึงโครงการอื่นๆที่เน้นการเตรียมความพร้อมให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นใหม่เพื่อก้าวสู่วงซอฟต์แวร์ เช่น โครงการ e-Learning และ โครงการ Open House Young Talent ส่วนรายละเอียดของทั้ง 2 โครงการนั้นสามารถติดตามได้ในงาน จิบน้ำชายามบ่าย ในครั้งต่อไป

View :1652

โครงการ SME สินเชื่อเพื่อกิจการซอฟต์แวร์ไทย

June 8th, 2011 No comments

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ผู้ประกอบการและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ไม่สามารถปรับปรุงหรือต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการได้เรื่องหนึ่ง คือการขาดแหล่งเงินทุน เช่นเดียวกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยากจัดซื้อซอฟต์แวร์ งานดิจิทัลคอนเทนท์ หรือระบบไอทีไปใช้เสริมธุรกิจ แต่ก็ประสบปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันการเงินไม่เข้าใจในธุรกิจซอฟต์แวร์ และการจัดซื้อซอฟต์แวร์ไปใช้ไม่เหมือนกับการซื้อบ้านหรือซื้อรถไปใช้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะผ่านการอนุมัติสินเชื่อ

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ และ Bank เข้าใจถึงปัญหานี้จึงมี โครงการ สินเชื่อเพื่อกิจการซอฟต์แวร์ไทย (รวมถึงธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์) เพื่อช่วยเหลือ ด้านแหล่งเงินทุนหมุนเวียนปลดล็อคข้อจำกัด ในการขอสินเชื่อเพียงแค่ผู้ขอกู้ผ่านหลักเกณฑ์ขั้นต้นที่กำหนดเท่านั้นก็มีสิทธิ์ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ

ใครๆ ก็กู้ได้ ใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์

สำหรับผู้ประกอบการซอฟต์แวร์หรือดิจิทัลคอนเทนท์ ที่สนใจขอกู้เพื่อนำเงินไปใช้ในการพัฒนา ปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน นำไปจ้างงานหรือใช้หมุนเวียนในกิจการก็สามารถขอกู้ได้เพียงจัดเตรียมแผนงานโครงการเข้ามาให้ SIPA พิจารณา หรือกรณีเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ดำเนินกิจการอื่นๆ ทั่วไปหากต้องการจัดซื้อซอฟต์แวร์ไปใช้เสริมประสิทธิภาพธุรกิจเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน หรือต้องการนำเงินไปจ้างผลิตงานด้านซอฟต์แวร์ ไอที ดิจิทัลคอนเทนท์ เช่น ออกแบบเว็บไซต์เพื่อการทำ e-commerce จ้างออกแบบ catalogue สินค้า ฯลฯ ก็สามารถกู้ได้ในโครงการนี้เพียงมี คุณสมบัติดังนี้
 
เป็นบุคคลธรรมดา อายุ 20-65 ปีเมื่อรวมระยะเวลากู้และมีเงินลงทุนในกิจการส่วนหนึ่ง หรือหากเป็นนิติบุคคล ต้องเป็นกิจการในประเทศไทย มีคนไทยถือหุ้นเกิน 50% และไม่มีสถานะตามที่กฎหมายระบุห้ามต่างๆ
 
ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ต้องยื่นเอกสารทางด้านเทคนิคและการตลาด นำเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาโครงการกลั่นกรองตามที่ SIPA และ กำหนด
 
ผู้ซื้อซอฟต์แวร์หรือผู้ต้องการจัดจ้างบริการซอฟต์แวร์และดิจิทัลคอนเทนท์ที่เป็นองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก สามารถเสนอโครงการขอกู้โดยผ่านการคัดเลือกจาก SME Bank ได้โดยตรง
 
ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่

http://www.sipa.or.th/index.php?option=com_news&task=detail&id=416&&Itemid=54

View :1507
Categories: Press/Release, Software Tags: , ,

ที่สุดของแอพพลิเคชั่นเพื่อการช็อปปิ้งของสาวทำงานยุคใหม่

June 3rd, 2011 No comments

ข่าวดีสำหรับสาวๆ ขาช้อปทั้งหลาย วันนี้ แบล็กเบอร์รี่ขอนำเสนอกลุ่มแอพพลิเคชั่นใหม่สุดเจ๋งจากโปรแกรม ที่จะให้ช่วยขาช้อปสามารถวางแผนการช้อปปิ้งได้อย่างทันใจและง่ายดาย โดยแอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะเป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวของสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิดงบประมาณสำหรับการช้อปปิ้ง คำนวณส่วนลด และจัดทำรายการช้อปปิ้งที่คุณต้องการ

แอพพลิเคชั่น Mobile Checkbook (ราคา 157.39 บาท)

หากสาวๆ ท่านใดกลัวเผลอใจช้อปปิ้งจนกระเป๋าแบน แอพพลิเคชั่น Mobile Checkbook เวอร์ชั่น 4.0 ใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย ที่จะช่วยคุณบริหารจัดการเงินได้อย่างง่ายดาย โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าว ยังช่วยให้สาวๆ สามารถติดตามดูรายรับรายจ่ายของบัญชีตนเองได้อีกด้วย

ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที

http://appworld..com/webstore/content/674?lang=en

แอพพลิเคชั่น Discount Calculator (ดาวน์โหลดฟรี)

 

แอพพลิเคชั่น Discount Calculator จะช่วยให้ขาช้อปตัวจริงสามารถสนุกกับการช้อปปิ้งในช่วงฤดูกาลลดราคาได้อย่างเต็มที่ โดยแอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยคำนวนราคาของสินค้าหลังจากที่มีการลดราคาแล้ว ทำให้ทราบว่าคุณประหยัดเงินไปเท่าไหร่ นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังทำการเก็บข้อมูลการคำณวนครั้งล่าสุดเอาไว้เพื่อให้สาวๆ สามารถย้อนกลับไปดูใหม่ได้

ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที

http://appworld.blackberry.com/webstore/content/22964?lang=en164762

แอพพลิเคชั่น ShopCreel – Shopping and Grocery List (ราคา 157.39 บาท)

แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายการช้อปปิ้งสินค้า (Shopping lists) บนแบล็คเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเช็ครายการสินค้าที่ได้ซื้อไปแล้วออกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามราคาสินค้าต่างๆ ที่มีประวัติการซื้อไปแล้ว การคำนวนภาษี และการค้นหาว่าสินค้าตัวนี้มีวางจำหน่ายที่ไหนบ้าง ขาช้อปทั้งหลายลืมไปได้เลยกับการจดรายการช้อปปิ้งสินค้าอันยืดยาวบนกระดาษ แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้การช้อปปิ้งสำหรับทุกคนง่ายดายยิ่งขึ้น

ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที

http://appworld.blackberry.com/webstore/content/17329?lang=en

View :1472