Archive

Archive for the ‘Telecom’ Category

แฮปปี้จัดแคมเปญแฮปปี้เฮลุ้นโชคสนับสนุนช่องทางเติมเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการผลิตกระดาษ ช่วยลดโลกร้อน

March 6th, 2013 No comments

มอบซัมซุง กาแล็กซี่ แกรนด์ ตอบแทนลูกค้าทุกวัน

4 มีนาคม 2556 – แฮปปี้จัดแคมเปญ แฮปปี้เฮลุ้นโชค มอบรางวัลซัมซุง กาแล็กซี่ แกรนด์ มูลค่า 11,900 บาททุกวันตลอดเดือนมีนาคม ตอบแทนลูกค้าเติมเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการส่งเสริมการลดการผิตกระดาษและลดโลกร้อน พร้อมกับโปรโมตช่องทางเติมเงินใหม่ ๆ ที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () กล่าวว่า ปัจจุบันแฮปปี้มีช่องทางเติมเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ความสะดวกแก่ลูกค้าหลายช่องทาง ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีสัดส่วนถึง 72% ของการเติมเงินทั่วประเทศ หรือเติบโตจากปี 2555 ถึง 11% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาดีแทคก็ได้เปิดช่องทางใหม่ล่าสุดผ่านบริการ iRefill บนเว็บไซต์ของดีแทค ซึ่งใช้งานง่ายและสามารถเติมเงินได้ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 50 บาท ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้น เดือนมีนาคมนี้จึงจัดแคมเปญพิเศษเพื่อตอบแทนลูกค้าพร้อมทั้งโปรโมตช่องทางเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยจัดมอบรางวัลสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นใหม่ให้กับลูกค้าที่เติมเงินผ่านช่องทางนี้ทุกวันวันละ 1 รางวัลตลอดทั้งเดือน คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นเดียวกับแคมเปญอื่น ๆ ที่เคยจัดมา

“ดีแทคให้ความสำคัญกับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และพัฒนาเป็นช่องทางหลักของการเติมเงินเพื่อมีส่วนร่วมลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตกระดาษ และลดโลกร้อน โดยเราปรับแผนการผลิตบัตรเติมเงินใหม่ทุกระยะเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณการใช้งาน ขณะเดียวกันก็โปรโมตให้ลูกค้าได้ทดลองใช้บริการเติมเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีให้เลือกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะดวกกว่า รวดเร็วกว่า พร้อมทั้งมีความปลอดภัยสูงด้วย” ปกรณ์ สรุป

ลูกค้าแฮปปี้ที่เติมเงินทุก 50 บาทผ่านทางคนขายแฮปปี้ออนไลน์ทั่วประเทศและ E-Channels เช่น บริการผ่านธนาคาร และเคาน์เตอร์บริการ รวมทั้ง iRefill บนเว็บไซต์ดีแทค ตั้งแต่วันที่ 1-31มีนาคม 2556 สามารถมีสิทธิ์เข้าร่วมรับรางวัลได้โดยไม่ต้องสมัคร การเติมเงินเพียง 50 บาท 1 ครั้งถือเป็น 1 สิทธิ์ โดยสิทธิ์จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนเงินที่เติมต่อครั้ง เช่น ลูกค้าที่เติมเงิน 200 บาทต่อครั้งจะได้รับ 4 สิทธิ์ บริษัทฯ จะจับฉลากมอบรางวัล Samsung Galaxy GRAND มูลค่า 11,900 บาททุกวัน รวม 31 รางวัลแก่ผู้โชคดีรวมมูลค่า368,900 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและการประกาศผลรางวัลได้ที่ www..co.th

View :1452

กลุ่มทรู รายงานผลการดำเนินงานปี 2555 รายได้จากการให้บริการโดยรวมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

March 4th, 2013 No comments


กรุงเทพฯ 1 มีนาคม 2556 – บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2555 รายได้จากการให้บริการโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นมาก จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทั้งสามธุรกิจหลัก โดยบริการ 3G+ ของทรูมูฟ เอช และการขยายบริการอัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต ไปสู่ต่างจังหวัด ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโฆษณา และธุรกิจ มิวสิค เอนเตอร์เทนเมนท์ เป็นปัจจัยที่สร้างความเติบโตให้แก่ทรูวิชั่นส์

ในปี 2555 กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็น 61.9 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของทรูมูฟ เอช จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริการที่ไม่ใช่เสียง และความสำเร็จในการเปิดจำหน่าย iPhone 5 และสมาร์ทโฟนอื่นๆ พร้อมแพ็คเกจในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการขายของกลุ่มทรูโมบายล์เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 197.7 จากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้ของกลุ่มทรูออนไลน์เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของบริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไป รวมทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้นของทรูวิชั่นส์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของค่าการขายโฆษณา และการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ในปี 2555
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ลดลงเล็กน้อย (ร้อยละ 2.1) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 16.7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายในการขยายบริการ 3G+ และค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ทรูมูฟ เอช ที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2555 กลุ่มทรูรายงานผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (NIOGO) ไม่รวมภาษีเงินได้รอตัดบัญชี เป็น 5.4 พันล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 7.4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ โดยเฉพาะการด้อยค่าของสินทรัพย์โครงข่าย 2G ของทรูมูฟ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “ในปี 2555 ธุรกิจของกลุ่มทรูมีความคืบหน้าในหลายๆ ด้าน ทั้งการสร้างแบรนด์ทรูมูฟ เอช ให้เป็นผู้นำในการให้บริการ 3จี ด้วยคุณภาพโครงข่ายที่ครอบคลุมทั่วถึง และการให้บริการที่ดีเยี่ยม รวมทั้งการชนะประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ IMT ย่าน 2.1 GHz ที่จะเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการ 3จี ของทรูมูฟ เอช ซึ่งจะทำให้ลูกค้าทรูมูฟ เอช ได้ใช้บริการ 3จี ที่มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นทั้งเรื่องความเร็วและความครอบคลุมในการใช้งาน นอกจากนี้ความสำเร็จของทรูออนไลน์ในการขยายบริการบรอดแบนด์ไปสู่ต่างจังหวัดส่งผลให้มีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิถึงกว่า 2.3 แสนรายในปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยเน้นขยายบริการบนเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ออกสู่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากจะได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องแล้วยังสามารถให้บริการแบบ Triple-play เต็มรูปแบบซึ่งเป็นการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง บริการเคเบิลทีวีและบริการด้านเสียง ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อบนโครงข่ายเดียวกันเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้า และสร้างความแตกต่างให้กับบริการของกลุ่มทรู รวมทั้งเพิ่มโอกาสให้ได้ใช้บริการของกลุ่มทรูมากกว่า 1 บริการอีกด้วย

ในส่วนของทรูวิชั่นส์ ได้มีการเปลี่ยนระบบออกอากาศใหม่ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งสามารถขจัดการลักลอบใช้สัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้นำเสนอประสบการณ์การรับชมที่ดียิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มจำนวนช่องรายการในระบบ HD ส่งผลให้ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา รายได้ค่าสมาชิกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ในธุรกิจทีวี ยังช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการเข้าถึงรายการคุณภาพของทรูวิชั่นส์ได้อีกด้วย ซึ่งความสำเร็จจากพัฒนาการต่างๆ เหล่านี้นอกจากจะส่งผลให้รายได้จากการให้บริการเติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว ผู้ใช้บริการของกลุ่มทรูตั้งแต่ 2 บริการขึ้นไปยังเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2.7 ล้านรายอีกด้วย ซึ่งในไตรมาส 4 ปี 2555 กลุ่มทรูได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์หรือการผสมผสานสินค้าและบริการในกลุ่มทรูเข้าด้วยกัน โดยการนำเสนอสิทธิพิเศษด้วยการเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้าตามจำนวนการใช้งานสินค้าและบริการของกลุ่มทรู เพื่อให้ง่ายและตรงตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น”

“สำหรับปี 2556 ทรูยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ โดยมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการ 3จี และเตรียมเปิดให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ เอช ซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวและการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดของทั้งคลื่นความถี่ 2.1 GHz และ 850 MHz ของ อีกทั้งบริษัทมีแผนเตรียมขยายโครงข่ายทรูออนไลน์ให้ครอบคลุม 61 จังหวัดทั่วไทยภายในสิ้นปี 2556 ในขณะที่ทรูวิชั่นส์ยังคงมุ่งสร้างพันธมิตรท้องถิ่นทั่วไทย และคงความเป็นผู้นำคอนเทนต์คุณภาพระดับโลก”

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ผลประกอบการของกลุ่มทรูปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2555 เนื่องจากรายได้ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการลงทุนในธุรกิจหลักที่มีการเติบโตสูง ถึงแม้ว่าในปี 2555 ระดับหนี้สินและค่าใช้จ่ายของกลุ่มทรูจะเพิ่มขึ้นทั้งจากการลงทุนขยายโครงข่ายและการทำตลาดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า แต่สิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและสร้างความเติบโตอย่างมั่นคงให้กับองค์กร โดยในปี 2556 กลุ่มทรูจะมุ่งเน้นการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดเพื่อเพิ่มผลกำไรให้แก่บริษัทในระยะยาว”

View :1528
Categories: Technology, Telecom Tags:

กสทช. เร่งสางปัญหาดาวเทียมไอพีสตาร์ของไทยคม ตั้งทีมตรวจข้อกฎหมาย หาแนวทางออกใบอนุญาตใน 30 วัน

February 28th, 2013 No comments

สำนักงาน ตั้งคณะทำงานศึกษาการประกอบกิจการดาวเทียมสื่อสารไอพีสตาร์ ของบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) กำหนดหาคำตอบแนวทางการอนุญาตประกอบกิจการใน 30 วัน สังคายนาปัญหาการเป็นดาวเทียมนอกสัญญาสัมปทาน

รายงานข่าวจากสำนักงาน กสทช. แจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เลขาธิการ กสทช. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเกี่ยวกับกรณี (IP STAR) ของบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีสถานะของการประกอบกิจการที่ชัดเจน โดยจะพิจารณาทั้งในส่วนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่จะต้องดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการ เนื่องจากตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 กำหนดไว้ชัดเจนว่า กิจการโทรคมนาคมนั้นรวมถึงกิจการซึ่งให้บริการดาวเทียมสื่อสารด้วย ทำให้การให้บริการดาวเทียมสื่อสารในปัจจุบันอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ซึ่งจะต้องมีการขออนุญาตประกอบกิจการ

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า การดำเนินการดังกล่าวของสำนักงาน กสทช. เกิดขึ้นภายหลังจากที่นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ได้ทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. และประธาน กสทช. แจ้งถึงกรณีปัญหาของเรื่องนี้ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเคยมีคำพิพากษาชี้ว่า ดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมที่อยู่นอกสัญญาสัมปทาน โดยไม่เป็นดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3 และไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อการสื่อสารภายในประเทศตามวัตถุประสงค์ของสัญญาสัมปทาน ดังนั้นจึงเห็นควรมีการเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยมีประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาก็คือ การให้บริการในปัจจุบันของไอพีสตาร์ที่ใช้วงโคจรของประเทศไทยถือเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมายหรือไม่ และ กสทช. จะพิจารณาออกใบอนุญาตให้บริษัทได้หรือไม่

ทั้งนี้ ตามหนังสือของ กสทช. ประวิทย์ ระบุว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินกรณีดังกล่าวในคดีที่อัยการสูงสุดกล่าวหาพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และพวก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 แต่ปรากฏว่าดาวเทียมไอพีสตาร์ยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน โดยใช้วงโคจรที่ 119.5 องศาตะวันออก และไม่เคยมีการยื่นขออนุญาตเข้ามาแต่อย่างใด

กรณีนี้จึงเป็นอีกกรณีสำคัญที่จะต้องจับตาดูกันต่อไปว่า กสทช. จะตัดสินใจในแนวทางใดเพื่อแก้ปัญหาการให้บริการของไอพีสตาร์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการพิจารณาในราวปลายเดือนมีนาคม เนื่องจากตามคำสั่งของเลขาธิการ กสทช. กำหนดระยะเวลาปฏิบัติงานของคณะทำงานไว้ 30 วัน

View :1327

ดีแทคแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศของสำนักงาน กสทช.

January 31st, 2013 No comments

: ความคืบหน้าการปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

กรุงเทพฯ — 30 มกราคม 2556 – ดีแทคแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศของสำนักงาน ใน 3 เรื่องสำคัญ ดังนี้

1. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ.2555

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2556 บริษัทฯ ได้มีหนังสือชี้แจงถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีเนื้อหาระบุว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่ชัดเจนในการปฏิบัติตามกฏหมาย และกฏระเบียบต่างๆ ของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภค โดยไม่มีการละเลยหรือเพิกเฉยแต่อย่างใด ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พยายามปฎิบัติตามประกาศ สำนักงาน กสทช.เรื่องอัตราขั้นสูงดังกล่าวอย่างที่สุด โดยนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้นำเสนอรายการส่งเสริมการขายใหม่ (package) หลายรายการ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการในประกาศฯ ของสำนักงาน กสทช. และเพื่อเป็นการนำเสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภค อาทิ ซิม 2499 – วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 ซิม 15-16 ใหม่ – วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 ซิม ปาท่องโก๋ – วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555
ในส่วนของรายการส่งเสริมการขายจำนวน 33 รายการ ตามที่สำนักงาน กสทช.ได้แจ้งมานั้น บริษัทฯ ได้พิจารณาแล้ว และยินดีที่จะให้ความร่วมมือเพิ่มเติม ด้วยการการเปลี่ยนแปลงให้มีอัตราค่าบริการไม่เกินกว่าที่สำนักงาน กสทช.กำหนด จำนวน 11 รายการ อีกจำนวน 5 รายการ ซึ่งได้วางจำหน่าย และเปิดให้บริการมาเป็นเวลานานมากแล้ว บริษัทฯ จะยุติรายการต่างๆ ดังกล่าว ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 17 รายการ นั้น บริษัทฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าทั้ง 17 รายการดังกล่าว หากทำการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ หรือเงื่อนไขในการให้บริการ หรือยุติรายการต่างๆ ดังกล่าวในทันที ก็จะมีผลกระทบต่อการใช้บริการของลูกค้าของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรายการต่างๆ ดังกล่าว เป็นการนำเสนอบริการในลักษณะ Bundle ทั้งในระบบเสียง การรับส่งข้อความ (sms) การรับส่งข้อมูล (data) และการใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอัตราค่าบริการในระบบเสียงต่อนาทีไม่เกินกว่าที่สำนักงาน กสทช.กำหนดอยู่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ บริษัทฯ จึงขอให้ กสทช. พิจารณาผ่อนปรนให้บริษัทฯ สามารถให้บริการตามรูปแบบและอัตราค่าบริการเดิมตามข้อตกลงที่มีอยู่เดิมกับลูกค้า ไปจนกว่ารายการส่งเสริมการขายนั้นๆ จะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้บริการที่ใช้บริการจากทั้ง 17 รายการดังกล่าว มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายการส่งเสริมการขาย ผู้ใช้บริการนั้นๆ ก็จะสามารถทำการเปลี่ยนรายการได้ด้วยตนเองผ่านทาง IVR *1003 ศูนย์รวมโปรโมชั่น หรือสามารถแจ้งความประสงค์ไปยังหมายเลข 1678 เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงรายการได้

2. เรื่องการปฎิบัติตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรและบริหารเลขหมายโทรคมนาคม พ.ศ.2551 (“ประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรและบริหารเลขหมายโทรคมนาคม”) หรือ การลงทะเบียนหมายเลข ในรูปแบบเติมเงิน (prepaid)

บริษัทฯ สนับสนุนและยินดีปฎิบัติตามแนวทางที่สำนักงาน กสทช.ได้กำหนด โดยบริษัทฯ ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ Prepaid ในส่วนข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 13 หลัก เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เมื่อลูกค้าซื้อซิมการ์ด Prepaid บริษัทฯ ได้ดำเนินการลงทะเบียนและจัดเก็บข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ Prepaid เพียงเลขบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 13 หลักทันที ผ่านช่องทาง Center และที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้จัดทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ค้าส่งและและกระจายสินค้า คู่ค้า และผู้ค้าปลีกผ่านผู้กระจายสินค้ารายใหญ่
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ พบว่า มีอุปสรรคอย่างยิ่งในการดำเนินการ เนื่องจากผู้ใช้บริการบางส่วนเท่านั้นที่ยินยอมให้บริษัทจัดเก็บสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใช้บริการ ส่งผลให้การดำเนินการของบริษัทในส่วนนี้ไม่สามารถดำเนินการได้สมบูรณ์ครบถ้วน

ในเรื่องนี้ บริษัทฯ ใคร่ขอให้สำนักงาน กสทช. ทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภค ได้ทราบอย่างทั่วถึง เกี่ยวกับประกาศของสำนักงาน กสทช. ในเรื่องนี้ เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของประกาศ และเพื่อผู้บริโภคจะได้นำบัตรประชาชนติดตัวมาด้วย สำหรับการจดทะเบียน ซื้อซิมการ์ด แบบ prepaid

3. เรื่องการปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 (“ประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม”) หรือ การไม่ให้มีวันหมดอายุสำหรับ หมายเลขโทรศัพท์ ประเภทบัตรเติมเงิน

บริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงาน กสทช.ว่าบริษัทฯ มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะปฎิบัติตามกฎหมายและทั้งยินดีให้ความร่วมมือทุกประการที่พึงกระทำได้ บริษัทฯ จะให้ความร่วมมือกับสำนักงาน กสทช.โดยการจัดให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลักษณะที่เรียกเก็บค่าบริการเป็นการล่วงหน้า (prepaid) หรือแบบเติมเงินตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2556 เป็นต้นไปจะได้รับระยะเวลาใช้งานจำนวน 30 วันต่อการเติมเงินทุกมูลค่า

ล่าสุด วันที่ 30 มกราคม 2556 บริษัทฯ ได้มีหนังสือที่นำเสนอเงื่อนไขการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ประเภทพรีเพด โดยมีเนื้อหาสำคัญว่า บริษัทฯ จะจัดให้ผู้ใช้บริการได้รับระยะเวลาใช้งานจำนวนไม่น้อยกว่า 30 วัน ต่อการเติมเงินทุกมูลค่า จนกว่า กทค.จะได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในข้อเสนอและเงื่อนไขของบริษัทฯ และในการเติมเงินเข้าสู่ระบบทุกครั้ง บริษัทฯ จะนับระยะเวลาการใช้งานที่ผู้ใช้บริการได้รับ รวมกับระยะเวลาที่เหลืออยู่ รวมระยะเวลาสูงสุดได้ 365 วัน สำหรับเงื่อนไขอื่นๆ ในการรักษาหมายเลขโทรศัพท์ นั้น บริษัทฯ จะได้ปรึกษาหารือกับสำนักงาน กสทช. ต่อไป

ทั้งนี้ การปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว อาจะทำให้บริษัทฯ และผู้ประกอบการอื่นๆ ต้องประสบปัญหาขาดแคลนเลขหมายที่จะนำมาให้บริการ เนื่องจากในภาพรวมของภาคธุรกิจโทรคมนาคม มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ใช้บริการไม่ได้ใช้บริการใดๆ ประมาณวันละ 100,000 เลขหมาย หรือ ประมาณปีละ 36.5 ล้านหมายเลข ดังนั้น ในหนังสือชี้แจง บริษัทฯ จึงได้ขอให้ กสทช. ได้พิจารณาจัดสรรเลขหมายเพิ่มเติมให้แก่บริษัทฯ และผู้ประกอบการรายอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษด้วย

View :1490

ดีแทคมุ่งสร้างโครงข่าย 3G ระดับคุณภาพบนคลื่น 2.1 GHz

December 20th, 2012 No comments

20 ธันวาคม 2555 – ดีแทคเล็งปี 2556 สานต่อกลยุทธ์ลูกค้าคือศูนย์กลาง หรือ customer centricity บนปรัชญาการทำธุรกิจ และให้ความสำคัญกับการลงทุนทั้งโครงข่าย 2G และ 3G อีกทั้งตอกย้ำในส่วนสร้างสรรค์นวัตกรรมโปรดักต์และเซอร์วิส เพื่อให้ลูกค้าดีแทคได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน

ดีแทคได้รายงานถึงการอัพเกรดยกระดับโครงข่ายทั่วประเทศทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย โดยสัญญาณใหม่ (new network) ได้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างโครงข่ายที่สำคัญที่พร้อมจะอัพเกรดสู่เทคโนโลยีการสื่อสารแห่งอนาคตในรูปแบบอื่นๆ ได้ทันที โดยคุณภาพของสัญญาณใหม่ที่ดีแทคลงทุนได้ครอบคลุมทั่วพื้นที่โดยเป็น 2G กว่า 10,000 สถานีฐาน และเป็น 3G อีกกว่า 5,000 สถานีฐานทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ผลจากการไดร์ฟเทสต์ (drive test) แบบอิสระเพื่อออกตรวจวัดคุณภาพและมาตรฐานโครงข่ายทั้ง 2G และ 3G บนเส้นทางทั่วกรุงเทพได้แสดงชัดว่าคะแนนในความแรงและเสถียรของสัญญาณของดีแทคนำมาเป็นส่วนใหญ่ทั้งการโทรและใช้งานดาต้าบน 2G และ 3G ทำให้ดีแทคมั่นใจสู่การให้บริการ 3G บนคลื่น 2.1 GHz ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวว่าเรามั่นใจในปี 2556 จะเป็นปีที่น่าติดตามอย่างยิ่งสำหรับชาวดีแทคและลูกค้าดีแทคทุกคน เราจะสานต่อทุกทางในการที่จะนำการใช้งานในการสื่อสารที่ดีที่สุด มาสู่ประสบการณ์ลูกค้าของเราทั้งนวัตกรรมโปรดักต์และเซอร์วิส โดยการให้บริการ 3G บนคลื่น 2.1 GHz นั้นจะมีอะไรที่หลากหลายในการให้บริการและเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ อีกมากมายเพื่อลูกค้า อีกทั้งยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทยอีกด้วย นี่คือที่มาที่เราจะต้องทำโครงข่ายคุณภาพที่ดีที่สุดในการเปิดให้บริการ 3G บนคลื่น 2.1 GHz

นอกจากในการอัพเกรดยกระดับโครงข่ายแล้ว ดีแทคยังได้ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร สร้างจุดแข็งให้กับคอลล์เซ็นเตอร์ วางระบบบริหารการจัดการซัพพลายเชนของการกระจายโปรดักต์ต่างๆ ที่นำมาจำหน่าย และปรับปรุงดีแทคฮอลล์ สู่ศูนย์บริการดีแทคแนวคิดใหม่ รวมทั้งดีแทคเซ็นเตอร์และดีแทคเอ็กซ์เพรส ทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นที่ใส่ใจสำหรับลูกค้าคือศูนย์กลางที่ดีแทคได้ทำทุกอย่างมาทั้งหมดเพื่อลูกค้า

“ดีแทคพร้อมแล้วที่เป็นองค์กรสำหรับอนาคต โดยในปี 2556 ลูกค้าดีแทคจะได้สัมผัสถึงคุณภาพสัญญาณโครงข่าย การครอบคลุมการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ และยังมีนวัตกรรมโปรดักต์และเซอร์วิส ที่จะได้รับความคุ้มค่าที่มากกว่าการคาดหวังและเหนือกว่าราคา แน่นอน นี่ก็คือสิ่งที่เรามุ่งมั่นบนปรัชญา ลูกค้าคือศูนย์กลาง หรือ customer centricity รวมทั้งนี่คือ “One ” ที่กล่าวมา” นายจอนกล่าวในที่สุด

View :1297
Categories: Telecom Tags:

ทรู ประกาศทิศทางธุรกิจ ปี 2556 พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงิน เดินหน้ารักษาความเป็นผู้นำ 3G ชูจุดเด่นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ

December 18th, 2012 No comments

กลุ่มทรู ชี้ทิศทางธุรกิจปี 2556 รุกเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงิน พร้อมเติบโตรับการแข่งขันเสรี ประกาศเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ รักษาตำแหน่งผู้นำ 3G เน้นสร้างสรรค์สินค้าและบริการเพื่อลูกค้าเป็นสำคัญ เตรียมลงทุนขยายธุรกิจในกลุ่มโดยรวม 26,500 ล้านบาท ขยายโครงข่ายทรูออนไลน์ครอบคลุม 61 จังหวัดทั่วไทย เพิ่มลูกค้าใหม่อีก 3.3 แสนราย ตั้งเป้าเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ภายในไตรมาส 2 ปี 2556 ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ เอช เน้นเสริมภาพผู้นำบริการ 3G ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยมากขึ้น คาดเพิ่มลูกค้าโมบายล์อีกกว่า 6 ล้านราย พร้อมสร้างทรูวิชั่นส์ผู้นำบริการคอนเทนต์ระดับโลก สยายปีกสู่พันธมิตรท้องถิ่นทั่วไทย โดยจะเพิ่มฐานสมาชิกมากกว่า 2.5 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ นำทุกเทคโนโลยีในกลุ่มร่วมพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ผ่านโครงการทรูปลูกปัญญาอย่างต่อเนื่อง

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปี 2556 ทรูยังคงเดินหน้ารักษาความเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ เพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจหลัก ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มทรูโมบายล์ และทรูวิชั่นส์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ยกระดับบริการ พร้อมเพิ่มความคุ้มค่ายิ่งขึ้นให้ฐานลูกค้ารวมของกลุ่มทรู โดยตั้งงบประมาณลงทุนขยายธุรกิจทรูออนไลน์ 10,000 ล้านบาท กลุ่มทรูโมบายล์ 15,000 ล้านบาท และสำหรับทรูวิชั่นส์ 1,500 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในกลุ่มให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยปีนี้ 2555 ธุรกิจทรูออนไลน์ ได้ยกระดับอุตสาหกรรมบรอดแบนด์ในไทย ทั้งเทคโนโลยีใหม่ ความเร็วที่ปรับสูงขึ้นเป็นมาตรฐานใหม่ และกลยุทธ์การตลาด ซึ่งที่ผ่านมา นอกจากปรับมาตรฐานความเร็วการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจาก 7 เป็น 10 Mbps แล้ว ทรูออนไลน์ยังขยายโครงข่ายครอบคลุม 53 จังหวัดด้วยเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ซึ่งทำให้กลุ่มทรูเป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่สามารถใช้กลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์แบบ Triple Play เต็มรูปแบบในการทำตลาดที่เพิ่มความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้าด้วยบริการผสมผสานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เคเบิ้ลทีวี และโทรศัพท์พื้นฐาน และในปี 2556 ทรูออนไลน์ จะรักษาความเป็นผู้นำตลาดบรอดแบนด์ ขยายบริการครอบคลุม 61 จังหวัดทั่วไทย เพิ่มฐานลูกค้าใหม่อีกกว่า 3.3 แสนราย

กลุ่มทรูโมบายล์ ในปีนี้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากเมื่อกลางปีนี้เปิดให้บริการ 3G+ บนคลื่นความถี่ 850 MHz ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ เอช ซึ่งสามารถให้บริการครอบคลุมครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานโมบายล์บรอดแบนด์ เพื่อเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ และบันเทิง ได้อย่างรวดเร็วและทันใจ สามารถเพิ่มฐานลูกค้าทรูโมบายล์โดยรวมมากกว่า 20 ล้านราย ซึ่งเป็นผลจากการขยายโครงข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากที่สุด รวมทั้งการสรรหาและนำอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน 3G ในราคาที่เหมาะสม ทั้งเพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และขยายโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 3G ได้ง่ายขึ้น

ในปี 2556 กลุ่มธุรกิจทรูโมบายล์ พร้อมเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ภายในไตรมาส 2
ภายใต้แบรนด์ ทรูมูฟ เอช เพื่อเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำบริการ 3G ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยมากที่สุด รองรับแนวโน้มการใช้งานดาต้าที่คาดว่าจะมีรายได้จากดาต้าจะเติบโตขึ้นประมาณ 70% จากปีที่ผ่านมา และคาดว่าในปีหน้าจะมีลูกค้าโมบายล์เพิ่มขึ้นอีกกว่า 6 ล้านราย ซึ่งจะเพิ่มฐานลูกค้าโมบายล์รวมเป็น 26 ล้านราย

ธุรกิจทรูวิชั่นส์ ในปี 2555 ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนระบบออกอากาศใหม่ให้กับสมาชิกทั่วประเทศ โดยนำเทคโนโลยี MPEG-4 ซึ่งเป็นระบบที่ปลอดภัยและป้องกันการลักลอบสัญญาณ รวมทั้งรองรับการรับสัญญาณคุณภาพแบบ HD (High Definition) ซึ่งตอนนี้สามารถให้บริการ HD ถึง 17 ช่องรายการ นอกจากนี้ ยังได้สรรหารายการคุณภาพระดับโลก พร้อมขยายฐานลูกค้า โดยร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ในธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก โดยในปี 2556 ทรูวิชั่นส์จะรักษาความเป็นผู้นำบริการคอนเทนต์ระดับโลก ขยายความร่วมมือสู่พันธมิตรท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มฐานผู้ชมเป็นมากกว่า 2.5 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ

ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มทรู ยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านการศึกษา ภายใต้โครงการเปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้ สู่โรงเรียนทั่วประเทศ ในโครงการทรูปลูกปัญญา โดยนำศักยภาพทางเทคโนโลยีการสื่อสารครบวงจร เพื่อเปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้สู่โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2550 โดยปัจจุบัน มีโรงเรียน 4,000 แห่ง ครูกว่า 70,000 คน นักเรียนกว่า 1.5 ล้านคน ได้เข้าถึงสื่อดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะทางวิชาการ ทั้งนี้ โครงการ 3G+ เพื่อโรงเรียนและชุมชน ภายใต้โครงการทรูปลูกปัญญา ยังช่วยให้โรงเรียนกว่า 900 แห่ง จาก 4,000 แห่งข้างต้น และสาธารณสุขชุมชนในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ที่ระบบอินเทอร์เน็ตแบบมีสายยังเข้าไม่ถึงหรือมีอินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ แต่เป็นพื้นที่ที่เครือข่ายทรูมูฟ เอช 3G+ มีสัญญาณครอบคลุม มีโอกาสเข้าถึงแหล่งความรู้ ข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง และทัดเทียมกับโรงเรียนในเมืองใหญ่

“ด้วยจุดเด่นด้านยุทธศาสตร์ผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ ผนวกกับความมุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำ 3G รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ ทำให้มั่นใจว่า ปี 2556 นี้ กลุ่มทรูจะขยายธุรกิจได้ก้าวไกลและมั่นคง สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงิน พร้อมเติบโตรับการแข่งขันเสรีได้ในที่สุด” นายศุภชัยกล่าวสรุป

View :1375
Categories: Technology, Telecom Tags:

CAT e-auction ครองตลาดประมูลอิเล็กทรอนิกส์ 40 %

December 18th, 2012 No comments

พร้อมเผยผลสำรวจกรมบัญชีกลางนำลิ่วความพึงพอใจ แถมช่วยเซฟงบประมาณรัฐแล้วกว่า 2.5 หมื่นล้าน แผนปี 2556เตรียมเกาะกระแสเศรษฐกิจไทยโตต่อ โดยชูจุดเก่ง e-auctionออนไลน์พร้อมเพิ่มห้องประมูลรองรับ เล็งบุกตลาดหน่วยงานภูมิภาคหวังดันส่วนแบ่งตลาดขึ้น 50%

(14 ธันวาคม 2555 ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ )
ดร.อโณทัย คล้ามไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ากสท ได้เริ่มเปิดบริการ จากนโยบายรัฐบาลที่ให้หน่วยงานรัฐใช้ระบบ e-auction ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 7ปี โดยภาพรวมตั้งแต่ปี 2551-2555 กสท ได้ให้บริการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ CAT e-auctionแล้วมากกว่า 50,000 โครงการ สามารถช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณกว่า 25,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริการ CAT e-auctionของ กสท ได้รับการยอมรับอย่างสูงในตลาดกลุ่มองค์กรภาครัฐและกลุ่มผู้ค้า และยังได้รับการประเมินความพึงพอใจในอันดับสูงสุดจากการสำรวจของกรมบัญชีกลางที่ได้ประเมินผลการดำเนินงานผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ปี 2553โดยการให้บริการตลาดกลางด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ CAT e-auctionได้รับการประเมินว่ามีจำนวนครั้งการประมูล มูลค่าการประมูล และรายได้ค่าบริการการประมูลสูงสุด รวมทั้งผู้ค้าเห็นว่ามีระดับความโปร่งใสและเป็นกลางสูงสุด ฯลฯ
“จุดแข็งของบริการส่วนหนึ่งคือเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่มากกว่านั้นคือกระบวนการดำเนินงานและระบบ ของCAT e-auction ที่ให้ความสะดวกความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และยุติธรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำ e-auction เรามีเจ้าหน้าที่ให้การแนะนำดูแลโดยตลอดทุกขั้นตอนจึงช่วยให้การประมูลทุกโครงการดำเนินได้อย่างราบรื่น ถูกต้องและปลอดภัย เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในบริการ”
ดร.อโณทัย กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันบริการ CAT e-auction ของ กสท มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 40% ซึ่งเกือบทั้งหมดของลูกค้าคือหน่วยงานภาครัฐในส่วนกลาง สำหรับปีหน้า CAT e-auction ได้ตั้งเป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดต่อไป โดยกลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะเน้นทำประชาสัมพันธ์มากขึ้นตลอดจนพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีแผนการขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มภูมิภาคมากขึ้น ด้วยการจัดกิจกรรมลงพื้นที่ในกลุ่มข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อย่างต่อเนื่อง

“ในการขยายตลาดจะมุ่งเน้นให้ข้อมูลแก่ อบจ. อบต.ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความโปร่งใสของระบบซึ่งสามารถช่วยให้กระบวนการประมูลเสร็จสิ้นเร็วขึ้นได้ นอกจากนี้ CAT e-auction ซึ่งมีจำนวนห้องประมูล 1,600 ห้องทั่วประเทศครอบคลุมทุกจังหวัด และในระดับอำเภอใหญ่ๆ ทั่วประเทศยังสามารถจัดประมูลทางไกลออนไลน์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของ กสท ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมายังสถานที่ประมูลสามารถร่วมประมูลได้จากทั่วประเทศ โดยการที่ กสท เป็นเจ้าของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถดูแลความปลอดภัยของข้อมูล อีกทั้งเชื่อถือได้ในความโปร่งใสของกระบวนการดำเนินงาน”

ด้านซอฟท์แวร์ของ CAT e-auction ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลาง โดยล่าสุด CAT e-auctionได้อัพเกรดซอฟต์แวร์ใหม่ ให้สอดคล้องกับระเบียบใหม่ของกรมบัญชีกลางเรื่องหลักเกณฑ์การเสนอลดราคาขั้นต่ำ (Minimum Bid) ที่กำหนดให้การเคาะราคาในแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ0.2ของการประกวดราคาสูงสุด ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม 2555ที่ผ่านมา รวมถึงก่อนหน้านี้ได้มีการปรับปรุงจากแบบ Static Pricing ที่มีการจำกัดเวลามาเป็น Dynamic Pricing ที่ผู้เข้าประมูลจะเสนอตัวเลขได้เรื่อยๆโดยไม่จำกัดเวลา ส่งผลให้ได้ราคาที่ประหยัดงบประมาณมากขึ้น

ดร.อโณทัย กล่าวว่า กสท มีรายได้รวมจากกลุ่มธุรกิจ e-Business ในปีนี้กว่า 300 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากบริการ CAT e-auction ประมาณ150 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากบริการประชุมออนไลน์(CAT conference) บริการตามสอบข้อมูลสินค้าเกษตร (CAT e-smart farm) บริการ IPTV (CAT e- entertainment) และบริการนิทรรศการออนไลน์ (CAT e-exhibition) ในปีหน้าตั้งเป้ารายได้กลุ่ม e-Businessเติบโตขึ้น10-20 % โดยเน้นที่บริการ CAT e-auction ซึ่งหวังจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 40%เป็น 50 % ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าเป็นไปได้แน่นอน เพราะCAT e-auction มีรายได้โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 100-150 ล้านบาท ที่ผ่านมาปี 2554 เหตุการณ์น้ำท่วมทำให้รายได้ตกไป ขณะที่ปี 2555 กลับขึ้นมาสูงขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2556

“ปีหน้าเชื่อว่าประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ จึงหมายถึงโครงการประมูลอีกจำนวนมาก ซึ่ง กสท มีความพร้อมรองรับด้วยห้องประมูลทั้งส่วนกลางและภูมิภาค โดยในส่วนกลางนอกจากห้องประมูลที่ กสท หลักสี่แล้ว ได้วางแผนปรับปรุงและเพิ่มห้องประมูลในพื้นที่ชั้น 3 ของ CAT Tower บางรักที่ขณะนี้ใช้งานอยู่ประมาณกว่า 30 ห้องซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า นอกจากนั้นจะเป็นห้องประมูลที่ตั้งอยู่ในสำนักงานสาขาทั่วประเทศเพื่อให้บริการ CAT e-auction ในส่วนภูมิภาคอย่างทั่วถึง”

ดร.อโณทัย กล่าวเพิ่มเติมว่าห้องประมูล CAT e-auction จะต้องมีการปรับปรุงให้สามารถใช้ประโยชน์สูงสุด และดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา ซึ่งรวมถึงการเช่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากบริษัทเพื่อให้เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่มีระบบทันสมัยมีการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยในส่วนนี้จะใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ทั้งนี้ความพร้อมของบริการ CAT e-auctionถือเป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ด้านการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมของ กสท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจและประชาชน เตรียมความพร้อมและรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนซึ่งในอนาคตอันใกล้จะเห็นการขยายตัวการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น

View :1579

ดีแทคแต่งตั้งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด คนใหม่

December 4th, 2012 No comments

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ประกาศแต่งตั้งให้ นายซิกวาร์ท โวส เอริคเซน ดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด ของบริษัทฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นต้นไป

นายซิกวาร์ท โวส เอริคเซน มีประสบการณ์อย่างกว้างขวาง ในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคม นับตั้งแต่ร่วมงานกับกลุ่มเทเลนอร์ เมื่อปี 2544 นายซิกวาร์ท ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญต่างๆ ในหลายประเทศ อาทิ รัสเซีย นอร์เว ปากีสถาน และอินเดีย ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งที่ นายซิกวาร์ท ดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด ที่บริษัท เทเลนอร์ ประเทศฮังการี ซึ่งนายซิกวาร์ท ได้ดูแลแผนงานที่สำคัญ อาทิ การเปิดตัวบริการ Hipernet ซึ่งเป็นบริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่มีความเร็วสูงที่สุดในประเทศ รวมทั้งได้ดูแลความคิดริเริ่มใหม่อื่นๆ ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในสภาวะการแข่งขันของตลาดที่มีความท้าทายสูง

จากการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ในครั้งนี้ นายซิกวาร์ท กล่าวว่า “ผมมีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับดีแทคและทำงานร่วมกับทีมงานที่ทุ่มเทของบริษัทฯ ธุรกิจของดีแทคกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น ซึ่งจะสร้างโอกาสทางธุรกิจเป็นอย่างมากในการก้าวเข้าสู่ยุค 3G ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการมุ่งให้ความสำคัญต่อนโยบาย การยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จะสามารถทำให้ดีแทคมีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต”
นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า “ผมมีความยินดี ที่จะแจ้งให้ทราบว่า นายซิกวาร์ท จะเข้าร่วมงานกับดีแทค ผมมั่นใจว่า เขาจะสามารถใช้ความรู้ ประสบการณ์ และความเป็นผู้นำของเขา ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัท ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า การที่นายซิกวาร์ทมาร่วมทีมผู้บริหารระดับสูงของเราในครั้งนี้ จะช่วยให้ทีมของเรามีความหลากหลายและความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เป็นการเสริมสร้างการที่ทุกคนในทีมผู้บริหารระดับสูง ได้นำคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้นมาสู่บริษัทฯ อยู่แล้ว ผมขอเชิญให้ทุกท่านร่วมกับผมในการต้อนรับนายซิกวาร์ท และให้การสนับสนุนต่อเขาอย่างเต็มที่ ความร่วมมือร่วมใจกันจะทำให้พวกเราทุกคนประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ”

View :1247
Categories: Telecom Tags:

ทรูออนไลน์ เผยผลประกอบการไตรมาส 3 รายได้พุ่งกว่า 7 พันล้านบาท

November 27th, 2012 No comments

อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต นำลิ่ว สร้างรายได้สูงสุด ด้วยโครงข่ายครอบคลุมกว่า 40 จังหวัด ยอดลูกค้าทะลุ 1.5 ล้านราย
พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำ “Speed Boost” เพื่อประสบการณ์ใช้งานเหนือความคาดหมาย

27 พฤศจิกายน 2555: ผู้ให้บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอันดับ 1
ของไทย โชว์ตัวเลขผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ยอดเยี่ยม เป็นผลมาจากการขยายบริการ อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต อย่างต่อเนื่อง จนครอบคลุมพื้นที่กว่า 40 จังหวัด ยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์เพิ่มเป็น 1.5 ล้านราย ส่งผลให้รายได้เติบโตกว่า 7 พันล้านบาท มั่นใจภายในปีนี้จะสามารถเพิ่มลูกค้าได้ถึง 250,000 รายและขยายโครงข่ายได้ครบ 53 จังหวัดทั่วประเทศ ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำ “Speed Boost” เป็นครั้งแรกสำหรับอินเทอร์เน็ตผ่านสายเคเบิ้ล เพื่อประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ไม่มีใครให้ได้ในประเทศไทย

นายเจริญ ลิ่มกังวาฬมงคล ผู้อำนวยการบริหาร ธุรกิจทรูออนไลน์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต จากทรูออนไลน์ กับความเร็ว 10-200 Mbps. ยังคงเป็นบริการเด่นที่สร้างรายได้สูงสุดให้กลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มสูงถึง 1.5 ล้านรายในไตรมาส 3 ซึ่งส่งผลให้ รายได้รวมจากการให้บริการของกลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์เพิ่มสูงถึงกว่า 7 พันล้านบาท และในไตรมาส 4 นี้ ทรูออนไลน์ตั้งเป้าขยายโครงข่ายบริการให้ครอบคลุมถึง 53 จังหวัด ด้วยเทคโนโลยี DOCSIS และ DSL พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต จากทรูออนไลน์ โดยการคัดสรรแพ็กเกจที่เพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานมากขึ้น รวมถึงบริการเสริมใหม่ๆ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางการขายในต่างจังหวัด การทำการตลาดแบบ Localized Marketing อย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น โดยมั่นใจว่ากลยุทธ์การตลาดดังกล่าว จะช่วยผลักดันให้ทรูออนไลน์ สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ คือ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นสุทธิทั้งปี 250,000 ราย ภายในปีนี้อย่างแน่นอน และในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ อัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต จากทรูออนไลน์ยังได้เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำ “Speed Boost” เป็นครั้งแรกสำหรับอินเทอร์เน็ตผ่านสายเคเบิ้ล เพื่อประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ไม่มีใครให้ได้ในประเทศไทย ให้ผู้ใช้งานได้รับความเร็วเพิ่มทุกครั้งที่คลิก สามารถดาวน์โหลดเร็วขึ้น เล่นเกมส์ และดูวิดีโอสตรีมมิ่งได้รวดเร็วและไม่สะดุด

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริการบรอดแบนด์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประสบความสำเร็จของอัลตร้า ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต จากทรูออนไลน์ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการขยายโครงข่ายเข้าถึงประชาชน 3.4 ล้านครัวเรือนในกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการทำโปรโมชั่นให้เข้ากับตลาดต่างจังหวัดในแต่ละพื้นที่แบบ Localized Marketing และการให้ความสำคัญในการดูแลฐานลูกค้าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดตัวเพ็กเกจ “เซ็ตสุดคุ้ม 15-200 Mbps” ผ่านโครงข่ายเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ซึ่งเป็นบริการคอนเวอร์เจนซ์แบบ Triple Play เต็มรูปแบบ ที่ไม่มีผู้ประกอบการรายใดสามารถให้บริการในลักษณะเดียวกันได้ ที่ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่มีความคุ้มค่าพร้อมกันถึง 3 บริการ คือ อินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง โทรศัพท์บ้านยุคใหม่แบบไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน และรับชมรายการคุณภาพจากทรูวิชั่นส์ ด้วยโครงข่ายเดียวกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับบริการที่มีคุณภาพแล้ว ทำให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการของทรูออนไลน์อย่างไม่ลังเล

“ทรูออนไลน์จะยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการบรอดแบนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนทุกกลุ่ม ให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างทัดเทียมกัน และที่สำคัญคือเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ” นายเจริญ กล่าวสรุป

View :1526

กลุ่มทรู ร่วมกับ CAT ทดสอบ LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ในสภาพแวดล้อมจริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ผลการทดสอบประสบความสำเร็จ ราบรื่น ใช้งานได้ดี

November 21st, 2012 No comments


กรุงเทพฯ 20 พฤศจิกายน 2555 – กลุ่มทรู นำโดย นายขจร เจียรวนนท์ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการบริหารด้านกิจการองค์กร นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการบริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ และนายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ พร้อมคณะผู้บริหารจาก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม โดย นายสมเกียรติ สำราญบำรุง (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษาสื่อสารไร้สาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายความเร็วสูง โดยดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีสำหรับอนาคต LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz แสดงศักยภาพการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงในพื้นที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่ใช้ได้จริงของเทคโนโลยี LTE 4G ในสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ห่างไกล

ผลการทดสอบประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถใช้ได้จริง รวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่าย ทั้ง 3G และ 4G สามารถทำได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การทดสอบ LTE 4G ของกลุ่มทรูในครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่ใช้ได้จริง ในสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ห่างไกล โดยผลการทดสอบประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้ความเร็วที่เหมาะสมกับช่วงคลื่นที่ทำการทดสอบ ทำให้เห็นถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว การสตรีมมิ่งวิดีโอในรูปแบบ HD ทำได้อย่างราบรื่น รวมถึงประสิทธิภาพและการใช้งานข้ามเทคโนโลยีระหว่าง 4G และ 3G (roaming) สามารถเชื่อมต่อได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุด เรามั่นใจว่าหากประเทศไทยอนุญาตให้นำเทคโนโลยี LTE 4G มาใช้ในอนาคต ทรูก็พร้อมที่จะให้บริการได้ในทันที”

นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการบริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรู ขอขอบคุณ และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ที่อนุญาตให้ทรูมูฟดำเนินการทดลอง LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่จะช่วยทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารของประเทศไทย ซึ่งผู้บริหารจาก CAT ยังได้เข้าร่วมการทดสอบกับทรูในครั้งนี้ด้วย ผลการทดสอบได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี รวมถึงได้พิสูจน์แล้วว่ากลุ่มทรูมีความพร้อมในการเข้าร่วมกับกสทช.และ CAT ในการนำเทคโนโลยีไร้สายความเร็วสูงมาให้คนไทยได้ใช้บริการและช่วยในการพัฒนาประเทศ”

View :1772
Categories: 3G, Technology, Telecom Tags: ,