Archive

Archive for August, 2010

เอชทีซี เอาใจลูกค้า ขนเพลงแกรมมี่ให้ดาวน์โหลดฟรี ผ่านบริการ MyHTC

August 7th, 2010 No comments

เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด จับมือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเพลงของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ฟรี 3 เดือน นับจากวันลงทะเบียน ผ่านบริการ กว่าหมื่น เพลงจาก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง GMemberMe Application ผ่าน หมวด Entertainment แล้วมาสนุกกับการดาวน์โหลดเพลงผ่านแอพพลิเคชัน ได้แล้ววันนี้ แค่เพียงคุณมีมือถือเอชทีซีแอนดรอยด์

บริการ MyHTC คือบริการใหม่ล่าสุด เอกสิทธิ์เฉพาะผู้ใช้เอชทีซีเท่านั้น สามารถเลือก 1) Chat & Share เราสามารถแช็ตกับเพื่อนแบบตัวต่อตัว หรือจะแช็ตแบบยกแก็ง 2) Library แหล่งรวมแอพพลิเคชั่นด้านการศึกษา หรือเพื่อเสริมความรู้ เช่น ดิกชันนารี อังกฤษ-ไทย-ไทย-อังกฤษ 3) Entertainment รวมเกมส์ต่างๆ ที่ฮิปๆ ไว้มากมาย พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดเพลงต่างๆ จากทางค่ายเพลงดัง โดยล่าสุด ได้เปิดให้บริการดาวน์โหลดจากค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้แล้ว ฟรี 4) News & Service รวมทุกการรับข่าวสารและบริการออนโมบาย เช่น การอัพเดทข่าวสั้น ข่าวฮอทไลน์ ได้ฟรี จาก ThaiShortNews โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายรายเดือน

ทั้งนี้ ผู้ใช้เอชทีซี แอนดรอยด์โฟนทุกรุ่น สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ http://myhtcsite.com/apk/ พร้อมอีเมล์เข้ามาขอ shop id ในการติดตั้งได้ที่ _care@.om และสำหรับผู้ใช้วินโดวส์ โฟน สามารถดาวน์โหลดและใช้บริการ MyHTC ได้ภายในเดือนสิงหาคม และแพลตฟอร์มบรูว์ ในเร็วๆ นี้

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.htcthailand.com หรือสอบถามได้ที่ HTC Call Center โทร. 02-640-3399

View :1327
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างกรอบนโยบาย ICT 2020

August 7th, 2010 No comments

นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ต่อร่างกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554 – 2563 ของประเทศไทย ( ) ว่า ปัจจุบันสถานภาพทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ที่ได้จากข้อมูลอ้างอิงของดัชนีหลักๆ ในระดับสากลที่นิยมใช้เป็นเครื่องวัดขีดความสามารถด้าน ICT ของประเทศนั้น แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีสถานภาพด้าน ICT ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย เช่น การจัดอันดับ The World Competitiveness Scoreboard ที่จัดทำโดย IMD ใน ปี 2010 ที่ประเมินคะแนนของแต่ละประเทศจากสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของภาครัฐ ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐานซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีด้วย พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 58 ประเทศ โดยอันดับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้า ขณะที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 1 จากเดิมที่ในปี 2009 อยู่ลำดับที่ 3 และมาเลเซียอันดับที่ 10 จากเดิมอันดับที่ 18

โดยในปี 2009 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีจุดอ่อนสำคัญในเรื่องโครงสร้างทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ซึ่งหากพิจารณาจากดัชนี Networked Readiness Index ที่ จัดทำในปี 2009 – 2010 อันเป็นตัวชี้วัดด้านความพร้อมใช้ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการพัฒนาและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศ ก็พบว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 47 จาก 133 ประเทศ ซึ่งเป็นอันดับเดียวกับปี 2008-2009 ขณะที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 2 ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ในอันดับที่ 4 เช่นเดียวกับมาเลเซียที่เลื่อนลำดับจากที่ 28 ในปี 2008-2009 มาเป็นอันดับที่ 27 ในปี 2009-2010 ส่วนด้านอุตสาหกรรม ICT ซึ่งพิจารณาจากดัชนี IT industry competitiveness ที่จัดทำโดย EIU ใน ปี 2009 พบว่า ไทยอยู่ในอันดับที่ 49 จาก 66 ประเทศที่มีการจัดอันดับ ขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 9 และ 42 ตามลำดับ ดัชนีตัวชี้วัดดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงสถานภาพการใช้ ICT ของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขปรับปรุงอีกมากพอสมควร

นอกจากนี้ในส่วนของประเทศไทย ยังพบว่าผลการสำรวจการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของไทยยังไม่เต็มศักยภาพเท่าที่ควร ซึ่งผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่ายังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยี ICT ที่ ยังไม่ทั่วถึงในภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในต่างจังหวัด ในภาคการศึกษา ที่ยังนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการเรียนการสอนน้อย รวมทั้งในภาคการเกษตร ที่แทบไม่มีการนำเอา ICT ไปใช้เพิ่มผลิตภาพผลิตผล ขณะที่ในภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กก็ยังมีการนำเอา ICT ไปใช้น้อย และในส่วนของอุตสาหกรรม ICT แม้ บางส่วนจะเริ่มมีการพัฒนาแต่ยังเป็นระยะเริ่มต้น ทั้งที่ ประเทศไทยมีความสามารถที่จะพัฒนาให้ได้ดีกว่านี้อีกมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการวิจัยพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ด้านการประยุกต์ใช้ ICT

“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ย้ำเตือนให้ตระหนักว่าการเร่งพัฒนา ICT ถือเป็นภารกิจจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกๆ ภาคส่วนไม่ว่ารัฐหรือเอกชนจะต้องร่วมมือกันพัฒนาขีดความสามารถด้าน ICT ของ ประเทศอย่างเร่งด่วน จริงจัง และต่อเนื่อง ซึ่งเป็นที่มาของการจัดทำกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ.2554-2563 หรือ ICT 2020 ฉบับนี้ ทั้งนี้ เป้าหมายของการพัฒนานั้นไม่ใช่เพียงเพื่อจะ ทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่อันดับที่ดีขึ้นทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านเท่า นั้น แต่ยังมีเป้าหมายหลักที่มุ่งเน้นเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้นของชาวไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยโดยมี ICT เป็นเครื่องมือ” นายวิบูลย์ทัต กล่าว

สำหรับ (ร่าง) กรอบนโยบาย ICT 2020 ฉบับนี้ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2553 โดยมีเนื้อหาหลักประกอบด้วยยุทธศาสตร์สำคัญที่ครอบคลุมบริบททางสังคมและ เศรษฐกิจของไทยในระยะอีก 10 ปีข้างหน้า รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับประเด็นใหม่ๆ ที่สอดรับกับกระแสและสภาวการณ์ของโลก เช่น ยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ ด้านอุตสาหกรรม ด้านสังคมการเมือง ด้านการศึกษา และด้านสุขภาพ รวมถึงการใช้จุดแข็งและโอกาสของประเทศไทยที่มีอยู่ให้ได้ผลดีมากที่สุดใน เชิงยุทธศาสตร์

อย่าง ไรก็ตาม (ร่าง) กรอบนโยบายนี้ ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ เนื่องจากต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาค ส่วนต่างๆ ด้วย ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ ขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อจะนำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะที่ได้มาปรับปรุงเพิ่มเติมในกรอบนโยบาย ICT 2020 แล้วจึงนำเสนอต่อคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อกรอบนโยบาย ICT 2020 เพื่อให้ทุกส่วนราชการได้ใช้เป็นกรอบแนวทางระยะยาวในการดำเนินการด้านการพัฒนา ICT ของประเทศต่อไป

“กระทรวงฯ หวังว่ายุทธศาสตร์และมาตรการในร่างกรอบนโยบายฉบับนี้ จะเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงมีความชัดเจน และสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เพื่อให้ส่งผลดีต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลกได้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการใช้กรอบนโยบายในปี พ.ศ.2563” นายวิบูลย์ทัต กล่าว

View :1886
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เร่งระดมความคิดเห็นร่างกรอบนโยบาย ICT 2020

August 7th, 2010 No comments

นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ “ร่างกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554 – 2563 ของประเทศไทย ( ) ” ณ ห้องจูปิเตอร์ 4 – 7 ชั้น 1 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สำหรับการประชุมฯ ครั้งนี้ จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ แล้วจึงนำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะที่ได้มาปรับปรุงเพิ่มเติมในกรอบนโยบาย ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ (กทสช.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อกรอบนโยบาย เพื่อให้ทุกส่วนราชการได้ใช้เป็นกรอบแนวทางระยะยาวในการดำเนินการด้านการพัฒนา ICT ของประเทศต่อไป

View :1614
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที ใช้ Social Network ส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

August 6th, 2010 No comments

นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีที ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ( ) ซึ่ง เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินการผลักดันให้ภาครัฐนำเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารมาใช้เป็นเครื่องมือในการยกระดับความสามารถ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การให้บริการประชาชน และภาคธุรกิจเอกชน โดยที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ดำเนินงานทั้งในส่วนของการพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของภาครัฐ การจัดทำมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ การพัฒนาระบบบริการและช่องทางการอำนวยความสะดวกในการให้บริการผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ทั้งในรูปแบบของระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์( e-Services) และเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ( Portal) ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

“ใน การพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะสะท้อนถึงความสำเร็จของการดำเนินการ ก็คือ การที่ประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และใช้บริการดังกล่าวในชีวิตประจำวัน ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น โดยดำเนินการจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ และส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และมีประชาชนหันมาใช้บริการดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งกิจกรรมหนึ่งที่กระทรวงฯ ได้ดำเนินการภายใต้โครงการฯ นี้ ก็คือ การเปิดให้บริการ Thailand e-Government Fan Page บน เพื่อ เป็นทางเลือกใหม่ของประชาชนในการติดตามข้อมูล ข่าวสาร สารประโยชน์ และกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งใช้เป็นช่องทางสำหรับประชาชนในการสื่อสารข้อมูล ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริการ e-Government ของประเทศไทย ประชาชนที่สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิก Thailand e-Government Fan Page โดยคลิก “Like” หรือ “ ถูกใจ ” ในหน้า Thailand e-Government Fan Page บน ที่ http://www..com/egovthai ได้” นายสือ กล่าว

นอก จากนี้กระทรวงฯ ยังได้ดำเนินการออกแบบโลโก้และการ์ตูนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงความเป็นตัวแทน การให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย รวมทั้งเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ได้ และกระทรวงฯ ยังได้จัดกิจกรรมการประกวดตั้งชื่อการ์ตูนสัญลักษณ์ดังกล่าว โดยให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทาง Thailand e-Government Fan Page บน Facebook เพื่อลุ้นรับรางวัลเป็นโน้ตบุ๊ค SONY VAIO W SERIES ด้วย ซึ่งชื่อการ์ตูนที่มีผู้ส่งเข้าประกวดนั้น กระทรวงฯ จะมีการคัดเลือกให้เหลือเพียง 5 ชื่อ แล้วเปิดให้ประชาชนเข้ามาโหวตในช่วงเดือนกันยายน 2553 เพื่อให้ได้ชื่อที่ประชาชน ชื่นชอบมากที่สุดมาใช้เป็นชื่อของการ์ตูนสัญลักษณ์ดังกล่าวต่อไป
“กระทรวงฯ หวังว่ากิจกรรมส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้จัดทำ ขึ้นนี้ จะทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ได้เข้ามาใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ที่สนใจกิจกรรมดังกล่าวสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Thailand e-Government Fan Page บน Facebook ที่ http://www.facebook.com/egovthai ” นายสือ กล่าว

View :1716

ก.ไอซีที ระดมความคิดเห็นพัฒนาเส้นทางอาชีพของผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยระบบเครือข่าย-คอมพิวเตอร์

August 6th, 2010 No comments

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา “ รับ ฟังข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเส้นทางอาชีพด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารของมาตรฐานวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัย ของระบบเครือข่ายและคอมพิวเตอร์ ” ว่า กระทรวงไอซีที มีบทบาทหน้าที่ในการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรด้าน ICT ของไทยให้มีความรู้ความสามารถ มีความเข้มแข็ง และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงได้จัดทำโครงการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร ICT ไทยขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรด้าน ICT ของประเทศไทยให้มีความรู้ความเข้าใจตามมาตรฐานวิชาชีพด้าน ICT รวมทั้งเผยแพร่กรอบมาตรฐานวิชาชีพของผู้เชี่ยวชาญด้าน ICT ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการสอบวัดระดับมาตรฐานความรู้ด้าน ICT ให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มบุคลากรด้าน ICT และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้าน ICT ตลอดจนกระตุ้นให้รู้ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการสอบเพิ่มความรู้ความสามารถ เช่น มีผลต่อการปรับเลื่อนเงินเดือน การพิจารณาเข้าทำงาน หรือการรับทุนไปศึกษาอบรมในต่างประเทศ เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังสนับสนุนให้บุคลากรด้าน ICT เล็ง เห็นถึงความสำคัญทางด้านภาษาอังกฤษและพัฒนาศักยภาพในด้านภาษาให้มีความเป็น เลิศ มีความทัดเทียมกับนานาประเทศ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

“สำหรับการดำเนินโครงการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร ICT ไทยนี้ กระทรวงฯ ได้จัดทำข้อสอบเพื่อวัดระดับความรู้สำหรับมาตรฐานวิชาชีพด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายและคอมพิวเตอร์ ( Network and Computer Security Specialist: NCS) และมาตรฐานวิชาชีพด้านผู้จัดการโครงการไอที รวมทั้งได้จัดฝึกอบรมเพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถและศักยภาพด้าน ICT และภาษาอังกฤษให้แก่บุคลากรด้าน ICT ในหลักสูตรต่างๆ ได้แก่ หลักสูตรมาตรฐานผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายและคอมพิวเตอร์ ( Network and Computer Security Specialist: NCS) ระดับที่ 1 – 3 หลักสูตรผู้เชี่ยวชาญด้านผู้จัดการโครงการไอที ( IT Project Manager : ITPM) ( ระดับที่ 1) หลักสูตรผู้เชี่ยวชาญด้านผู้จัดการโครงการระดับเชี่ยวชาญ ( IT Project Manager Specialist : ITPMS) ( ระดับที่ 2) และหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับบุคลากรด้าน ICT ระดับต้น กลาง และสูง อีกด้วย” นายธานีรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว กระทรวงฯ ยังได้จัดทำแนวทางการพัฒนาเส้นทางอาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ICT Career Path) ของมาตรฐานวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายและคอมพิวเตอร์ โดยได้จัดการประชุมกลุ่ม ( Focus Group) จำนวน 4 ครั้ง เพื่อระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ICT และ ฝ่ายจัดการทรัพยากรมนุษย์ ทั้งจากภาครัฐ เอกชน สมาคมทางด้านไอที รวมถึงสถาบันการศึกษา ซึ่งข้อมูลจากการประชุมกลุ่มย่อยนี้ได้นำไปวิเคราะห์เพื่อให้ทราบถึง สถานการณ์ ปัญหา อุปสรรคของบุคลากร และผู้ประกอบการ ICT ไทย รวมทั้งแนวทางการแก้ไข ก่อนนำมาจัดทำเป็นแนวทางการพัฒนาเส้นทางอาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

“และ เพื่อให้การจัดทำเส้นทางอาชีพดังกล่าวมีความชัดเจนสมบูรณ์ กระทรวงฯ จึงได้จัดการประชุมสัมมนาฯ ครั้งนี้ขึ้น เพื่อนำเสนอ (ร่าง) เส้นทางอาชีพฯ ที่ได้มาจากการวิเคราะห์ในการประชุมกลุ่มย่อยดังกล่าวให้กลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรด้าน ICT ทั้ง หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา สมาคมชมรม และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับรู้อย่างกว้างขวาง รวมถึงเปิดรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ อันเป็นการส่งเสริมเผยแพร่ให้บุคลากรด้าน ICT ทุกภาคส่วนได้ทราบถึงแนวทางการพัฒนาเส้นทางอาชีพฯ ของไทยในปัจจุบันและอนาคต ต่อไป ” นายธานีรัตน์ กล่าว

View :1649
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเกี่ยวกับการทำงานระหว่างผู้ให้บริการ CA ในภูมิภาคอาเซียน

August 6th, 2010 No comments

นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการทำงานระหว่างผู้ให้บริการ CA ในภูมิภาคอาเซียน ว่า กระทรวงไอซีที ในฐานะ ของประเทศไทย และเป็นภาคีหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้รับคัดเลือกให้เป็นประเทศเจ้าภาพในการดำเนินโครงการ CA-CA Interoperability Project ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจาก ASEAN ICT Fund เพื่อสร้างแนวทางในการทำ Interoperability ให้กับผู้ให้บริการในภูมิภาคอาเซียน โดยได้ดำเนินการทดสอบ Interoperability ร่วมกับผู้ให้บริการ CA ของประเทศสิงคโปร์ โดยผลการทดสอบพบว่าสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้เป็นอย่างดี จึงได้พัฒนาแนวทางการทำ CA Interoperability เป็น ที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการผลักดันให้เกิดการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศที่มีความมั่นคง ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ

ดังนั้น ประเทศไทย จึงได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม TELSOM ครั้งที่ 10 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 9 (9 th TELMIN) ให้ดำเนินโครงการต่อเนื่องในระยะที่ 2 ในวงเงิน 45 , 000 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการทำงานระหว่างผู้ให้บริการ CA ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานระหว่างผู้ให้บริการ CA ในภูมิภาคอาเซียน และเป็นการขยายความร่วมมือด้านการทำ CA Interoperability ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้

“การ ประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งนี้ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการ ทำงานระหว่างผู้ให้บริการ CA ในภูมิภาคอาเซียนแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจเกี่ยวกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ ( Public Key Infrastructure: PKI) ของประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้มีการยอมรับร่วมกันสำหรับการจัดทำ CA-CA Interoperability Framework ระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งผู้ให้บริการ CA สำหรับประเทศในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย” นายสือ กล่าว

สำหรับเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ ( PKI) เป็น เทคโนโลยีที่ช่วยในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ สามารถนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนของบุคคลผู้ทำธุรกรรมนั้น รวมไปถึงการรักษาความลับของข้อมูล ความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล และการห้ามปฏิเสธการกระทำเมื่อมีธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้การติดต่อสื่อสาร การทำธุรกรรมในโลกอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันนี้มีความสะดวก รวดเร็ว และน่าเชื่อถือ โดยจะมีผู้ให้บริการออกใบรับรอง ( Certification Authority: CA) เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อยืนยันตัวตนของบุคคลหรือสิ่งที่มีอยู่จริงว่ามีตัวตนจริงในโลกอิเล็กทรอนิกส์

โดยปัจจุบันประเทศในภูมิภาคอาเซียนหลายประเทศได้มีการจัดตั้งผู้ให้บริการ CA ขึ้น แต่ยังคงประสบปัญหาการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ ( Interoperability) เนื่องมาจากผู้ให้บริการในแต่ละประเทศมีรูปแบบการดำเนินงานที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถทำ Interoperability ระหว่าง กันได้ ส่งผลให้ภาระตกอยู่กับผู้ใช้บริการ เนื่องจากเมื่อมีการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศเกิดขึ้น ผู้ใช้บริการจะต้องให้การยอมรับใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการจากประเทศ อื่นๆ เอง โดยใบรับรองดังกล่าวอาจไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในระดับภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ขณะเดียวกันก็ทำให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนไม่อาจเติบโต และแพร่หลายได้เท่าที่ควร

View :1389

“AIS – Samsung” ขยายโปรโมชั่นต่อเอาใจลูกค้า ฟรี ! แพ็คเกจ ดา ต้า พร้อมผ่อน 0 % 6 เดือน

August 6th, 2010 No comments

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด เอไอเอส เปิดเผยว่า “ ขณะนี้ซัมซุง กาแล็คซี เอส ถือว่าเป็นสินค้าขายดีอันดับหนึ่งของเอไอเอส ด้วยกระแสตอบรับที่แรงเกินคาด เห็นได้ชัดเจนจากยอดจองและยอดขายสินค้าตามงานไอทีแฟร์ต่างๆ มีลูกค้ามาเข้าคิวซื้อเครื่องเป็นจำนวนมาก จนทำให้ยอดขายทะลุ เป้ าที่วางไว้ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนคอสมาร์ทโฟน เอไอเอสจึงได้ร่วมกับ ซัมซุง ขยายเวลาโปรโมชั่นต่อไปอีก ด้วยข้อเสนอสุดคุ้ม ! ซื้อ “ ซัมซุง กาแล็คซี เอส ” จากเอไอเอส ในราคา 21 , 400 บาท (ไม่รวม VAT ) รับฟรี ! แพ็คเกจใช้งาน GPRS 500 MB นาน 12 เดือน (มูลค่า 6 , 000 บาท) พร้อมรับสิทธิผ่อน 0 % 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคมศกนี้ เพื่อให้ลูกค้าเอไอเอสและซัมซุงที่เป็นสาวกแอนดรอยด์ ได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานสมาร์ทโฟน ที่เต็มไปด้วยแอพลิเคชั่นสุดล้ำที่ไม่ซ้ำแบบใคร ” นายฐิติพงศ์กล่าว

นายวิชัย พรพระตั้ง ผู้อำนวยการธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ หลังจากที่ซัมซุงแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมล้ำหน้ากับ ‘ ซัมซุง กาแล็คซี เอส ( )’ ซัมซุงได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้ทั่วโลก เนื่องจากในขณะนี้กระแสแอนดรอยด์เป็นกระแสที่ร้อนแรงที่สุดในกลุ่มสมาร์ทโฟน ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปเพียงหนึ่งเดือนมีที่ผ่านมามียอดขายทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านเครื่อง และ ยอดขายในประเทศไทยกว่า 10 ,000 เครื่อง หรือเฉลี่ยวันละ 333 เครื่อง ซึ่งทำให้ซัมซุงต้องเพิ่มกำลังการผลิต กาแล็คซี่ เอส มากขึ้นเพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่มีจำนวนมาก พร้อมกับการขยายเวลาโปรโมชั่นร่วมกับเอไอเอส เพื่อตอบรับกระแสความฮอตของ กาแล็คซี่ เอส Best in Class Android แห่งยุค ซึ่งถือได้ว่ากระแสของกาแล็คซี่ เอสนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าซัมซุง กาแล็คซี่ เอส คือสมาร์ทโฟนหนึ่งเดียวที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยในขณะนี้ ด้วยดีไซน์ที่ลงตัวปราดเปรียวพร้อมแอพพลิเคชั่นหลากหลายที่รองรับทุก ไลฟ์สไตล์คนเมืองตามแนวคิด Smartphone for Smart Life โทรศัพท์มือถือเพื่อการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดอย่างแท้จริง ”นายวิชัย กล่าวสรุป

“ ซัมซุง กาแล็คซี เอส ” จากเอไอเอส วางจำหน่ายแล้วที่ , Serenade Club และร้านเทเลวิซ , ซัมซุงช้อปทุกสาขาทั่วประเทศ , ร้านทีจีโฟน เจมาร์ท สาขาที่เข้าร่วมรายการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ AIS Call Center โทร 1175 หรือ www.ais.co.th

View :1549

บราเดอร์ จัดโปรโมชั่นหลากสี แจกฟรี Sony VAIO และ MP3 ตอบแทน ผู้ซื้อวัสดุการพิมพ์แท้

August 6th, 2010 No comments

บราเดอร์จัดโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อซื้อวัสดุการพิมพ์แท้บราเดอร์วันนี้ มีสิทธิ์ลุ้นรับโชคดีๆ หลากสีสัน มากมายกว่า 100 รางวัล อาทิ คอมพิวเตอร์โซนี่ VAIO เครื่องเล่น MP 3 เครื่องพิมพ์ฉลาก P-Touch เพียงส่งชิ้นส่วนกล่องวัสดุการพิมพ์แท้ แนบใบเสร็จ ส่งมาที่ตู้ปณ.117 ปณศ. นนทบุรี วันนี้- 30 กันยายน 2553 เท่านั้น

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ Brother Contact Center: 02- 02-665-7777 หรือ www.brother.co.th

View :1658

กรมทรัพย์สินทางปัญญาชวนคนรุ่นใหม่ไอเดียเก๋ ร่วมประกวดผลงานสร้างสรรค์

August 6th, 2010 No comments

เฟ้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์ ชิงเงินรางวัลกว่าสามแสนบาท

กรุงเทพฯ, 5 สิงหาคม 2553: ชวนคนรุ่นใหม่ไอเดียเจ๋ง ส่งผลงานสร้างสรรค์ เข้าร่วมประกวดในงาน Creative IP Fair & CLEA 2010 เวทีประชันไอเดียสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยผ่านไอเดียการออกแบบร่วมสมัย

นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ในขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์(นายอลงกรณ์ พลบุตร) จึงได้มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาจัดทำโครงการ Young Creative Award โดยร่วมกับเครือข่ายการ์ตูนไทยสร้างสรรค์สังคม จัดการประกวดออกแบบผลงานสร้างสรรค์ (Young Creative Award) ในงาน Creative IP Fair & CLEA 2010 เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้คนไทยเป็นนักสร้างสรรค์ นักประดิษฐ์ และเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้มีเวทีแสดงความสามารถ รวมถึงกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการสร้างสรรค์ การคุ้มครอง และการใช้ประโยชน์จากการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบและครบวงจร

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวฯ แบ่งการประกวดเป็น 4 ประเภท คือ การออกแบบลวดลายกราฟฟิกลงบนคาแรคเตอร์ CE การออกแบบคาแรคเตอร์อัตลักษณ์ของกีฬามวยไทย การออกแบบสินค้าจากภาพลักษณ์ของผีตาโขน และการออกแบบสินค้าโดยใช้ภาพลักษณ์คาแรคเตอร์ “หนูแจ๋ว” โดย การประกวดออกแบบลาดลายกราฟฟิกลงบนคาแรคเตอร์ CE จะเน้นการนำเสนอภายใต้แนวคิด Love & Friendship โดยผู้ที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายจะได้ร่วมงานเป็นทีมกับนักออกแบบมืออาชีพชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อร่วมออกแบบลวดลายกราฟิกลงบนผลงาน ในการแข่งขันรอบสุดท้าย

สำหรับการออกแบบคาแรคเตอร์อัตลักษณ์ของกีฬามวยไทย ผู้เข้าร่วมประกวดนำเสนอผลงานออกแบบคาแรคเตอร์โดยมีแรงบันดาลใจจากกีฬามวยไทย ผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คนจะต้องออกแบบผลงาน 2 ชิ้น ได้แก่ ออกแบบและจัดทำรูปแบบของคาแรคเตอร์ในท่าทางต่างๆ (Style Guide) และนำภาพลักษณ์ที่ออกแบบไปประกอบการออกแบบลงบนสินค้า (products guide) ตามกลุ่มสินค้าจากหัวข้อที่รับจากคณะกรรมการ ในส่วนของการออกแบบสินค้าจากภาพลักษณ์ของผีตาโขน ผู้เข้าประกวดส่งภาพร่างสินค้าต้นแบบที่มีแรงบันดาลใจมาจากภาพลักษณ์ของผีตาโขน ผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คนจะต้องออกแบบและจัดทำสินค้าตามที่นำเสนอไว้ในรอบแรกโดยไม่จำกัดเทคนิคจำนวน 2 ชิ้น โดยผู้ชนะเลิศรางวัลที่1 จะ ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล รางวัลที่ 2 ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล รางวัลที่ 3 ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล และรางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและโล่รางวัล

ในส่วนของการออกแบบสินค้าโดยใช้ภาพลักษณ์คาแรคเตอร์ “หนูแจ๋ว” จากการ์ตูนชุด Creative Kids ผู้เข้าประกวดส่งผลงานออกแบบสินค้า ชิ้นงานของแถม และบรรจุภัณฑ์ โดยผู้เข้าประกวดสามารถเลือกออกแบบสินค้าจากกลุ่มสินค้าดังนี้ สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมของเล่น สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมของขวัญ ของชำร่วย และของตกแต่งบ้าน สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือน และสินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน โดยผู้ชนะเลิศรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 30,000 บาท รางวัลที่ 3 เงินรางวัล 20,000 บาท และรางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท

ผู้เข้าประกวดสามารถส่งผลงานสร้างสรรค์ไม่จำกัดจำนวนชิ้นได้ที่ CLEAASIA@hotmail.com ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 22 สิงหาคม 2553 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-676 2676 และ 02-676-2999 หรือ www.ipthailand.go.th

View :1637

ดีแทคแนะนำ แพ็กเกจใหม่ “one” มอบความง่ายสบายให้ลูกค้า

August 6th, 2010 No comments

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ และ ดร.เกษชญง สกาวรัตนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ร่วมกันแนะนำแพ็กเกจใหม่ “one” คิดค่าโทรในเครือข่ายและนอกเครือข่ายในอัตราค่าบริการเท่ากันนาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการเริ่มต้น 200 บาท รับสิทธิ์โทรฟรี 200 นาที ต่อรอบบิล เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางการทำตลาดธุรกิจโพสต์เพดให้มุ่งสู่แนวทาง “Simplicity” เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ feel goood ที่พร้อมมอบความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้า.

ดีแทคปรับทิศทางการตลาดซิมรายเดือนใหม่สร้างความเข้าใจง่าย
เปิดตัวแพ็กเกจ one ค่าโทรอัตราเดียวทุกเครือข่าย

5 สิงหาคม 2553 – ดีแทค แนะนำ แพ็กเกจใหม่ “one” คิดค่าโทรในเครือข่าย และนอกเครือข่ายในอัตราค่าบริการเท่ากันนาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการเริ่มต้น 200 บาท รับสิทธิ์โทรฟรี 200 นาที ต่อรอบบิลเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางการทำตลาดธุรกิจโพสต์เพดให้มุ่งสู่แนวทาง “Simplicity” เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ feel goood ที่พร้อมมอบความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้า

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ ดีแทค กล่าวว่า การออกแพ็กเกจ one เป็นการนำร่องแนวการทำธุรกิจโพสต์เพดรูปแบบใหม่ของดีแทค ที่จะหันมามุ่งเน้น “Simplicity” หรือความเรียบง่ายในการใช้บริการให้แก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเราพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการแพ็กเกจที่เข้าใจง่าย มีราคา และคุณภาพบริการที่เหมาะสม แต่ที่ผ่านมาจำนวนแพ็กเกจที่มีอยู่ในตลาดมีเป็นจำนวนมาก ทำให้ลูกค้าสับสน เราจึงปรับแผนการทำตลาดใหม่เปิดตัวแพ็กเกจ one คิดค่าโทรในอัตราเดียวทุกเครือข่าย ไม่จำกัดช่วงเวลา ซึ่งลูกค้าที่ต้องการใช้งานโทรปกติทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ในราคาที่คุ้มค่า สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้งานมากขึ้น สามารถเลือกแพ็กเสริมได้ตามความต้องการใช้งาน

แพ็กเกจ one มีอัตราการใช้บริการที่ง่ายต่อความเข้าใจโดยคิดในอัตราเดียวทั้งในเครือข่าย ( On-Net) และนอกเครือข่าย ( Off-Net) ในราคานาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการเริ่มต้น 200 บาท รับสิทธิโทรฟรี 200 นาที ต่อรอบบิล ส่วนค่าโทรส่วนเกินจากสิทธิ์โทรฟรีคิดนาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง เช่นกัน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้อแพ็กเสริมโทรในเครือข่ายเพิ่มเติมได้ตามการใช้งาน เพียงเดือนละ 100 บาท/แพ็ก ดังนี้

1) day time โทรถูกกลางวัน ตั้งแต่ 05.00 น. – 17.00 น. คิดค่าโทรนาทีละ 25 สตางค์

2) night time โทรฟรีกลางคืน ตั้งแต่ 22.00 น. – 10.00 น.

3) all day โทรถูก 24 ชั่วโมง คิดค่าโทรนาทีละ 50 สตางค์

4) special number โทรถูก 1 เบอร์คนพิเศษ คิดค่าโทรนาทีละ 20 สตางค์ ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยลูกค้าปัจจุบันสามารถเปลี่ยนแพ็กเกจได้ฟรีที่ *1888 กด 1 หรือผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2553 .

View :1439
Categories: Press/Release Tags: ,