Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

RFID Tag ทางเลือกใหม่ของประชาชนในการชำระภาษีรถประจำปี

July 27th, 2010 No comments

ก้าวใหม่ของกรมการขนส่งทางบกกับโครงการพัฒนาเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่ เริ่มเปิดทดลองใช้
ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 วันที่ 11 สิงหาคมนี้

โดยกำหนดเปิดให้บริการในสำนักงานขนส่งทั่ว กทม. และปริมณฑล ภายในสิ้นเดือนกันยายน และทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้

นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดี กล่าวว่า โครงการ “พัฒนาเครื่องหมายการเสียภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ Radio Frequency Identification : ซึ่งจะเริ่มทดลองเปิดให้บริการ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 กรมการขนส่งทางบก จตุจักร ในวันที่ 11 สิงหาคม 2553 และเริ่มให้บริการ ณ สำนักงานขนส่งทุกเขตใน กทม. และปริมณฑล ภายในสิ้นเดือนกันยายน ก่อนให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้

นายชัยรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีความก้าวหน้า มีการนำไอทีรูปแบบใหม่ไปปรับใช้
ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศที่ไม่หยุดยั้ง เทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในเวลานี้ และเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ ตลอดจนการพัฒนาระบบการขนส่งในภาพรวมของประเทศ กรมการขนส่งทางบกจึงได้พัฒนาโครงการพัฒนาเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่ RFID Tag เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะทั่วไป ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้มีโอกาสเลือกใช้บริการ และได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ (ภาคสมัครใจ) ในการติดเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่

สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นบริการชำระภาษีประจำปีรูปแบบใหม่ภาคสมัครใจ โดยการชำระภาษีรถประจำปี รูปแบบเดิมจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีตามปกติเท่านั้นส่วนการชำระภาษีระบบ RFID จะชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกเพียง 120 บาท จากอัตราปกติ โดยจะได้รับเครื่องหมาย 2 ส่วน ประกอบด้วย SMART TAG คือ เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่ ที่มีส่วนประกอบของ RFID Chip สำหรับติดที่กระจกหน้าของยานพาหนะ หรือจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน

และส่วนที่ 2 คือ SMART PASS ซึ่งก็คือ RFID ที่ติดตั้งบริเวณไฟหน้ายานพาหนะ เพื่อให้การจัดเก็บข้อมูลครบถ้วนที่สุด
โดยเทคโนโลยีระบบ RFID จะมี Transceiver ซึ่งเป็นเครื่องอ่าน (Reader) ที่ได้เชื่อมต่อด้วยระบบคลื่นวิทยุ มีทั้งการรับ-ส่งสัญญาณวิทยุ การแปลงสัญญาณวิทยุเป็นข้อมูลและทำการส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อถอดรหัสเครื่องหมายการเสียภาษีรถประจำปี Decoding ที่ติดอยู่บริเวณกระจกยานพาหนะ และในอนาคตเมื่อมีการพัฒนาเต็มรูปแบบจะสามารถนำข้อมูลไปอ้างอิงใช้เชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การทำงานมีความสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำมากยิ่งขึ้น

กรมการขนส่งทางบกเปิดช่องทางเลือกให้กับประชาชนที่นิยมความล้ำสมัย ได้มีโอกาสทดลองใช้บริการการเสียภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ RFID Tag หรืออาจจะเลือกใช้การเสียภาษีรถรูปแบบเดิมก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจ ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสทดลองใช้ในวันที่ 11 สิงหาคม 2553 และจะทยอยเปิดให้บริการ ณ สำนักงานขนส่งทุกเขตพื้นที่ใน กทม. และปริมณฑลภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดยคาดว่าจะให้บริการได้ทั่วประเทศภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวทิ้งท้าย

View :2305

อัพสปีดเน็ตต่างประเทศ 350 เมก พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม 2 ต่อ

July 27th, 2010 No comments

บริษัท อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ () ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและโซลูชั่นแบบครบวงจร ได้เพิ่มศักยภาพในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายช่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตต่างประเทศ (International Bandwidth) จาก 300 Mbps. เป็น 350 Mbps. พร้อมด้วยช่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตภายในประเทศ (Domestic Bandwidth) ขนาด 20 Gbps. เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในทุกระดับองค์กร

พร้อมกันนี้ ISSPยังได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยไม่ต้องการลงทุนระบบเครือข่ายเอง ด้วยบริการรับฝากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Co-location) ตั้งอยู่ที่ศูนย์ข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อาคาร กสท บางรัก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเตอร์เน็ตทั้งภายในประเทศ (National Internet Gateway) และ ระหว่างประเทศ (International Internet Gateway) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มั่นใจได้ในประสิทธิภาพ พร้อมด้วยการจัดการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบตลอด 24 ชั่วโมง พิเศษ!!! สำหรับลูกค้าที่สมัครบริการ Co-Location ตั้งแต่ Quarter Rack ขึ้นไป รับฟรี 2 ต่อ! ต่อที่ 1 ฟรี Gigabit Port 1 เส้น ต่อที่ 2 Upload Inter Bandwidth เพิ่มขึ้น 3 เท่า หมดเขต 31 สิงหาคม 2553

View :1548

โนเกียประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2553 ยอดขายสุทธิ 10,000 ล้านยูโร (42,300 ล้านบาท)

July 23rd, 2010 No comments

เพิ่มขึ้น 1% ยอดจำหน่ายเครื่องคอนเวอร์เจนซ์ เพิ่มขึ้น 42%

กรุงเทพฯ 23 กรกฎาคม 2553: โนเกียผู้นำด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของโลกแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 2553 ยอดขายสุทธิ 10,000 ล้านยูโร หรือราว 42,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2552 และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาส1 ปี 2553 โดยมียอดขายอุปกรณ์สื่อสารคอนเวอร์เจนซ์ (สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่) เพิ่มขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2552

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 โนเกียมียอดจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ทั้งหมด 111.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 2 ปี 2552 โดยโนเกียคาดว่ายอดขายอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ของทั้งอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2553 เมื่อเทียบกับปี 2552 (ยึดความหมายของตลาดอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ของโนเกียที่ปรับปรุงขึ้นใหม่เมื่อต้นปี 2553)

มร. ออลลิ-เพกกา คัลลัสวูโอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โนเกีย กล่าวว่า “แม้ว่าจะมีความท้าทายในตลาดอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการของโนเกียไตรมาส 2 ได้ส่งสัญญาณที่ดีต่ออนาคตข้างหน้า อันเป็นผลพวงจากการเติบโตของตลาดโทรศัพท์มือถือที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการของโนเกียไตรมาส 2 ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นผลมาจากโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ของเราในราคาที่หาซื้อได้ง่าย”

ในส่วนของอุปกรณ์สื่อสารคอนเวอร์เจนซ์ (สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่) โนเกียมียอดขายอยู่ที่ 24 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2552 และเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2553

มร. ออลลิ-เพกกา กล่าวต่อว่า “สำหรับสมาร์ทโฟน เรายังคงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่องเราเชื่อว่า โนเกีย N8 ซึ่งเป็นอุปกรณ์สื่อสารรุ่นแรกบนซิมเบียน 3 จะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่เคยมีมา และหลังจากนั้น เราจะมีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบียน 3 ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีความหลากหลายและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้โนเกียพร้อมที่จะต่อสู้ในตลาดไฮเอนด์”

โนเกียคาดว่า ยอดขายอุปกรณ์สื่อสารคอนเวอร์เจนซ์ของทั้งอุตสาหกรรมในไตรมาส 2 ปี 2553 อยู่ที่ 59 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับ 41 ล้านเครื่องในไตรมาส 2 ปี 2552 และ52.6 ล้านเครื่องในไตรมาส 1 ปี 2553 โดยโนเกียคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์สื่อสารคอนเวอร์เจนซ์อยู่ที่ 41%

* อัตราแลกเปลี่ยน 42.3 บาท ต่อ 1 ยูโร ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2553

View :1696
Categories: Press/Release Tags:

ทรูมูฟ รุกตลาด ปรับราคาแบล็กเบอร์รี่ อัดแคมเปญพิเศษ ผ่อนนานสูงสุด 18 เดือน

July 23rd, 2010 No comments

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9700 เริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,143 บาท และ
แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 8520 เริ่มต้นเพียงเดือนละ 686 บาท

พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้ม ครบเครื่องทั้ง BBM (แชต), Facebook, Push Mail และท่องเน็ต

กรุงเทพฯ 23 กรกฎาคม 2553 – ทรูมูฟ เพิ่มความคุ้มค่าให้ลูกค้าเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ง่ายยิ่งขึ้น ประกาศปรับราคาเครื่อง 2 รุ่นยอดนิยม ได้แก่ แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9700 เพียง 17,500 บาท และแบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 8520 เพียง 10,500 บาท (ไม่รวม VAT) พร้อมโปรโมชั่นพิเศษผ่อนจ่ายผ่านบัตร First Choice นาน 18 เดือน เพียงเดือนละ 1,143 บาท สำหรับ

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9700 และ เดือนละ 686 บาท สำหรับแบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 8520 หรือผ่อน 0% นาน 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตซิตี้แบงค์ และ KTC เมื่อซื้อพร้อมซิมทรูมูฟ สัมผัสประสบการณ์สื่อสารไร้ขีดจำกัดกับแบล็กเบอร์รี่แพ็กเกจสุดคุ้มจากทรูมูฟที่มีให้เลือกทั้งแบบรายเดือนและแบบเติมเงินตามรูปแบบการใช้งาน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 350 บาท หรือ 3 วัน 60 บาท จุใจทั้งแชตผ่าน BBM เชื่อมต่อ Facebook บริการ Push Mail และท่องเน็ตผ่านเครือข่ายคุณภาพของทรูมูฟ ทั้ง 3G*, Wi-Fi ที่ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 17,000 จุดทั่วประเทศ และ EDGE

พบกับแบล็กเบอร์รี่จากทรูมูฟในราคาเบาๆ พร้อมแบล็กเบอร์รี่แพ็กเกจสุดคุ้มได้แล้ววันนี้ที่ร้านทรูช็อป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ทรูมูฟ แคร์ โทร 1331 หรือ www..com/blackberry

View :1565

Facebook Marketing Statistics, Demographics, Reports, and News – CheckFacebook

July 23rd, 2010 No comments
Categories: Press/Release Tags:

อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัม กลับมาอีกครั้ง 13-15 ก.ย. ที่ซานฟรานซิสโก

July 23rd, 2010 No comments

พอล โอเทลลินี ซีอีโออินเทล เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ในวันเปิดงาน

ซานฟรานซิสโก 23 กรกฏาคม 2553 – งานสัมมนาด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของ อินเทล คอร์ปอเรชั่น จะกลับมาจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 13-15 กันยายน ศกนี้ ในโอกาสครบรอบปีที่ 13 ของการจัดงาน อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัม (ไอดีเอฟ) อินเทลจะแสดงวิสัยทัศน์โดยเน้นไปที่ทิศทางเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่างๆ ของอินเทลที่จะเปิดตัวในปีหน้าเป็นต้นไป ทั้งในกลุ่มของเอ็นเตอร์ไพรซ์ โมบิลิตี้ เอ็มเบ็ดเด็ดและการสื่อสาร ซอฟต์แวร์ การผลิต และการวิจัย

ผู้บริหารหลายท่านจากอินเทล ต่างเตรียมตัวเพื่อเปิดเผยถึงกลยุทธ์หลักๆ ในหัวขัอที่ล้วนแต่น่าสนใจทั้งสิ้นตลอดทั้งสามวันของการจัดงาน ซึ่งจะมีขึ้นที่มอสโคน เซ็นเตอร์ เวสต์ (Moscone Center West) โดยในวันแรก พอล โอเทลลินี ซีอีโอและประธานบริษัทอินเทล จะขึ้นกล่าวเปิดงานบนเวทีโดยการนำเสนอถึงมุมมองที่มีต่อ “Computing Continumm” ในปัจจุบันซึ่งมีอินเทลเป็นผู้ผลักดัน ตามด้วย เดวิด เพิร์ลมัตเตอร์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของอินเทล ที่จะมาเจาะลึกถึงเรื่องที่พอล โอเทลลินิ ได้กล่าวไปตอนต้น

สำหรับการบรรยายในวันที่สอง ซึ่งจะเน้นไปที่การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ อินเทล™ อะตอม™ โปรเซสเซอร์ จะมีสองผู้บริหารจากอินเทลมาร่วมบรรยาย ประกอบด้วย ดั๊ก เดวิส รองประธานและผู้จัดการทั่วไป อินเทล เอ็มเบ็ดเด็ด แอนด์ คอมมูนิเคชั่น กรุ๊ป และ เรอเน่ เจมส์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป อินเทล ซอฟต์แวร์แอนด์ โซลูชั่น กรุ๊ป

ส่วนการบรรยายในวันที่สาม (15 กันยายน) ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายของงาน จัสติน แรทเนอร์ รองประธานและผู้อำนวยการ อินเทล แล็บ ซึ่งเป็นประธานบริษัทด้านเทคโนโลยี และพนักงานอาวุโสของอินเทลด้วย จะขึ้นกล่าวบรรยายโดยเน้นแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอนาคตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ภายในงานไอดีเอฟครั้งนี้ ยังประกอบด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม ซึ่งมีการแสดงและสาธิตนวัตกรรมล่าสุดจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของวงการ หัวข้อการบรรยายน่ารู้ในช่วง Insight กับประเด็นต่างๆ ก็มีการนำกลับมาจัดในงานนี้ด้วยเช่นกัน โดยมี โทมัส เพียซซา อดีตพนักงานอินเทล และ โอเฟอร์ คาห์น หัวหน้าวิศวกรอาวุโสของอินเทล มาร่วมสนทนาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมอินเทลที่ใช้ชื่อรหัสว่า “แซนดี้ บริดจ์” ในช่วง Technology Insight ของแรก (13 กันยายน) ซี่งรวมถึง ช่วง Industry Insight ในวันแรก ซึ่งจะมี ไดแอน ไบรอัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลของอินเทล มาร่วมสนทนากับวิทยากรท่านอื่นๆ เกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายที่โลกไอทีกำลังเผชิญอยู่ ส่วนในช่วง Technology Insight ของวันที่สองนั้น จะมีการสนทนาซึ่งเน้นในเรื่องของซอฟต์แวร์

ตลอดสามวันของการจัดงาน จะมีการบรรยายกลุ่มย่อยหลากหลายหัวข้อให้ผู้ร่วมงานเลือกเข้าฟังตามความสนใจ เช่น “แซนดี้ บริดจ์” คลาวด์ คอมพิวติ้ง อีโค-เทคโนโลยี อินเทล อะตอม และ อินเทล™ คอร์™ โปรเซสเซอร์ รุ่นต่างๆ, ไอทีสำหรับทางการแพทย์ และเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Embedded solutions, ® Solid-State Drive Technology, PCI Express, SuperSpeed USB*, Unified Extensible Firmware Interface* และ visual computing

ในช่วงบรรยายกลุ่มย่อยหัวข้อ “Intel Fellows: Live and Uncensored” ผู้ชมจะสามารถตั้งคำถามอะไรก็ได้ กับผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านเทคโนโลยีของอินเทล โดยจะเป็นการตอบคำถามโดยไม่ปิดบัง

มาร์ก เออร์สัน ผู้จัดการที่ดูแลการจัดงาน ไอดีเอฟ ทั่วโลก กล่าวว่า “ผมเชื่อว่า คุณจะต้องการเข้าร่วมงานไอดีเอฟแน่ๆ เพราะงานไอดีเอฟคือจุดเริ่มต้นของอนาคต และเป็นงานที่เปิดโอกาสให้คุณได้ร่วมงานกับเพื่อนฝูงที่อยู่ในวงการเดียวกัน ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล่าสุด รวมถึงได้แลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอนาคตทั้งสิ้น งานประชุมไอดีเอฟในแต่ละวันจะอัดแน่นไปด้วยข้อมูลด้านเทคโนโลยีที่สำคัญและแง่มุมความรู้ใหม่ๆ ที่จะได้รับจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง”

ผู้สนับสนุนระดับโกลด์ของงานไอดีเอฟ ประกอบด้วย ซิสโก ซิสเต็มส์ ซิตริกซิสเต็มส์ อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น ไอบีเอ็ม ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชัน แรมบัส ซัมซุง ซูเปอร์ไมโคร และ วิน ริเวอร์ ส่วนผู้สนับสนุนระดับซิลเวอร์ ประกอบด้วย ดีทีเอส อิงก์ ไฮนิกซ์ เซมิคอนดักเตอร์ อิงก์ เลอโนโว กรุ๊ป ลิมิเต็ด ไซแมนเทค และ วีเอ็ม แวร์

ผู้สนใจร่วมงานไอดีเอฟ สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าชมงานได้ที่ www.intel.com/

View :1576

อีเบย์ อิงค์ เผยผลประกอบการไตรมาสสองโตต่อเนื่องและแข็งแกร่ง

July 23rd, 2010 No comments

ซาน โฮเซ่ แคลิฟอร์เนีย – 23 กรกฎาคม 2553 — — (หรือมีชื่อในตลาดหลักทรัพย์แนสแดคว่า ) เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2553 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 โดยในไตรมาสสองของปีนี้ มีรายได้เท่ากับ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เมื่อคำนวณโดยไม่นับรวมสไกพ์ เมื่อคำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (GAAP) สำหรับไตรมาส 2/2553 มีรายได้สุทธิ 412.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.31 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นปรับลด ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/2553 มีรายได้สุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (non-GAAP) คิดเป็น 530.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.40 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นปรับลด เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อคำนวนโดยไม่นับรวมสไกพ์

สำหรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอีเบย์ อิงค์ในไตรมาส 2/2553 เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเติบโตอย่างโดดเด่นของธุรกิจเพย์พาล ซึ่งมียอดการเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นถึงล้านบัญชีต่อเดือนในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งยังมีส่วนแบ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงมากกว่าร้อยละ 40 ต่อปีติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 นอกจากนี้ การดำเนินงานตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาของอีเบย์ยังคงมีการเติบโตที่รุดหน้าติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในภูมิภาคยุโรป ขณะที่ผลการดำเนินงานในเอเชียคาดว่าจะมีการเติบโตที่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา ความสำเร็จดังกล่าวทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงปณิธานของอีเบย์ที่มุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้ามีความไว้วางใจในการเลือกซื้อขายสินค้าที่มีให้เลือกหลากหลายประเภทบนอีเบย์ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

มร. จอห์น โดนาโฮ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีเบย์ อิงค์ กล่าวว่า “อีเบย์มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2553 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่โดดเด่นและหลากหลายของธุรกิจอีเบย์ทั่วโลก โดยมีเพย์พาลเป็นธุรกิจที่นับวันจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั่วโลก นอกจากนี้ อีเบย์ยังมีการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมในภูมิภาคยุโรป และมีการเติบโตที่รุดหน้าในตลาดสหรัฐอเมริกา อีเบย์มุ่งเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่คุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ภายใต้นโยบายของบริษัทที่มุ่งสร้างสรรค์ผลประกอบการทางการเงินและงบดุลที่เปี่ยมเสถียรภาพ และขยายการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขัน สร้างความสำเร็จทางธุรกิจ และมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า”

เมื่อคำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (GAAP) สำหรับไตรมาส 2/2553 อีเบย์ อิงค์ มีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21.9 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/2553 อีเบย์ อิงค์ มีรายได้ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (non-GAAP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.1 จากร้อยละ 28.7 ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีเพย์พาลเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

อีเบย์ อิงค์ คาดว่า เพย์พาลจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งตลอดปีนี้ โดยคาดว่าจะมีรายได้สุทธิทั้งปีประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.06 ถึง 0.08 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นปรับลด สำหรับธุรกิจมาร์เก็ตเพลซ คาดว่า จะยังคงมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในภูมิภาคยุโรป แต่มีการเติบโตแบบชะลอตัวในสหรัฐอเมริกา

View :1434

เลอโนโว ผสานคุณสมบัติอัจฉริยะและรูปลักษณ์สวยหรู เผยโฉมผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากตระกูล Think เพื่อนคู่กายใหม่สำหรับธุรกิจ SMB

July 23rd, 2010 No comments


เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นแรก
โดดเด่นด้วยดีไซน์และประสิทธิภาพทรงพลัง ในราคาสุดเร้าใจ

เลอโนโว ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อป ThinkCentre เปิดตัว ‘ThinkCentre A70z’ เดสก์ท็อปพีซี ออล-อิน-วัน รุ่นแรกสู่ตลาดประเทศไทย เน้นตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) นำเสนออีกหนึ่งทางเลือกที่เหนือชั้นยิ่งกว่าเดสก์ท็อปตั้งโต๊ะแบบเดิมๆ สนนในราคาสุดเร้าใจที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ThinkCentre A70z มาพร้อมกับขุมพลังหน่วยประมวลผล Core2Duo และ Enhanced Experience ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเลอโนโวเพื่อเสริมการทำงานของระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งช่วยให้การบูตเครื่องใหม่หรือปิดเครื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้วยการออกแบบที่เน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ThinkCentre A70z สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังใช้เวลาในการติดตั้งเครื่องน้อยกว่าและช่วยประหยัดพลังงาน โดยกินไฟน้อยกว่าเดสก์ท็อปแบบธรรมดาทั่วไป ในขณะเดียวกัน เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นนี้ยังได้เพิ่มดีไซน์การออกแบบให้มีรูปลักษณ์สวยเด่นและสัมผัสที่โฉบเฉี่ยวลงตัวกับการใช้งานในออฟฟิศสมัยใหม่สไตล์โมเดิร์น

คุณขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้าน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย กล่าวว่า “ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ต้องการพีซีที่มีดีไซน์การออกแบบแบบมืออาชีพ ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและมีความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังต้องประหยัดพลังงาน ประหยัดพื้นที่ สามารถติดตั้งได้แม้ในพื้นที่น้อยๆ และบำรุงรักษาง่าย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือราคาต้องไม่มากเกินงบประมาณที่จำกัด ผลิตภัณฑ์ใหม่จากตระกูล Think ไม่เพียงมีคุณสมบัติที่โดดเด่นก้าวล้ำเหนือความต้องการของธุรกิจ SMB ดังกล่าว แต่ยังนำเสนอการผสานรวมเทคโนโลยีทันสมัยและประสิทธิภาพทรงพลัง ในราคาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ThinkCentre A70z เป็นเลิศด้านการประหยัดพื้นที่ เวลา และค่าใช้จ่าย

ThinkCentre A70z มาพร้อมกับหน้าจอ LCD ที่มีอัตราส่วนการแสดงภาพ 16:10 กว้าง 19 นิ้ว ตัดกรอบสีดำขลับหนา 2.4 นิ้ว ลงตัวกับทุกบรรยากาศการใช้งานในออฟฟิศ เป็นเดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน ที่สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปแบบธรรมดาทั่วไป ทั้งยังสามารถติดตั้งเครื่องบนผนัง ตั้งบนฐานตั้ง หรือสามารถปรับระดับเอนพิงกับขาตั้งได้เช่นเดียวกับกรอบรูปตั้งโต๊ะ นอกจากนี้ ThinkCentre A70z ใช้สายเคเบิ้ลจ่ายไฟเพียงเส้นเดียว จึงช่วยขจัดปัญหาสายไฟรกรุงรัง พร้อมด้ามจับที่ด้านหลังหน้าจอเพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้าย

ThinkCentre A70z เป็นเดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน ที่สามารถตอบโจทย์ด้านการประหยัดพื้นที่ และมีประสิทธิภาพการทำงานทรงพลัง อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ ครบครัน ดังนี้

· สามารถเลือกหน่วยประมวลผลได้ ไม่ว่าจะเป็น Intel Core™ 2 Duo และ Celeron® Dual Core เพื่อการส่งมอบประสิทธิภาพได้อย่างตรงใจ

· เล่นเกมได้สะใจกับ DirectX 10 และแอพพลิเคชั่นสามมิติ 3D ระดับไฮเอนด์

· โปรแกรมเขียน/เล่นแผ่นดีวีดี, พอร์ต USB มากถึง 6 พอร์ต, ลำโพงคู่ หรือเลือกการเชื่อมต่อผ่าน WiFi

· เพื่อการสนทนาที่สมจริงสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกเพิ่มเว็บแคมความคมชัดสูงและแอพพลิเคชั่น Skype แบบติดตั้งภายในตัวเครื่อง สำหรับใช้บริการ VoIP การโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

· หน่วยความจำขนาดความจุมากถึง 500GB สำหรับเก็บรูปภาพ เพลง และไฟล์งานต่างๆ ได้อย่างจุใจ

เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นนี้สามารถช่วยประหยัดเวลาทำงานได้อย่างแท้จริง ด้วยขั้นตอนการติดตั้งเครื่องได้อย่างง่ายดาย บูตเปิดเครื่องได้รวดเร็วภายใน 35 วินาที ร่นระยะเวลาในการปิดเครื่องได้เร็วยิ่งขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ พร้อมฮาร์ดไดร์ฟที่สามารถเข้าถึงและดูแลรักษาง่ายดาย เพราะเลอโนโวตระหนักดีว่าสำหรับธุรกิจนั้น เวลามีค่ายิ่งนักหรือที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง”

ThinkCentre A70z มาพร้อมกับเทคโนโลยี ThinkVantage Technologies (TVTs) ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน ด้วยระบบการจัดการพลังงาน (Power Manager) ช่วยให้องค์กรประหยัดการใช้พลังงานโดยสามารถควบคุมพลังงานจากระบบทางไกลและสามารถตั้งค่าระบบได้พร้อมกัน อีกทั้งเดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นนี้ยังได้รับการจัดอันดับมาตรฐานการประหยัดพลังงาน Energy Star 5.0 และสามารถประหยัดการใช้พลังงานมากขึ้นด้วยระบบ Power Manager ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 65 เหรียญสหรัฐต่อปี เมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปและจอภาพรุ่นก่อนหน้าของเลอโนโว นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ ThinkCentre A70z จะใช้ถุงกันกระแทกรีไซเคิล บรรจุภายในกล่องเดียว (ทดแทนแบบเดิมที่บรรจุแยก 2 กล่อง) สามารถช่วยลดการใช้วัสดุซึ่งเทียบเท่ากับถ้วยกระดาษจำนวน 250 ใบและถุงพลาสติกจำนวน 139 ใบ

นิ้ว ประสิทธิภาพไร้ขีดจำกัด กับหน้าจอใหญ่ยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ เลอโนโวยังเปิดตัว ‘ThinkPad Edge 14 นิ้ว’ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ThinkPad Edge ที่ถูกออกแบบเฉพาะเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB)

ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องดำเนินกิจการอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งการเลือกใช้พีซีเทคโนโลยียังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ขององค์กรนั้นๆ เลอโนโวจึงได้ออกแบบโน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ให้มีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่โดดเด่นสะุดุดตา อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพทรงพลัง น่าเชื่อถือ และผนวกรวมหลากหลายเทคโนโลยีล่าสุด ดังนี้

· ขุมพลังประสิทธิภาพยอดเยี่ยม โดยสามารถเลือกหน่วยประมวลผล AMD Turion and Athlon Neo Dual Core Processors หรือ Intel® Core™ i5 processor and Intel® Core™ i3 processor

· ยกระดับการใช้งานที่เหนือกว่าด้วยโปรแกรม Lenovo Enhance Experience เพื่อเสริมการทำงานของระบบปฏิบัติการ Windows 7

· แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 8 ชั่วโมง

· รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็น WiFi, บลูทูธ, 3G และ WiMAX

· รองรับการสื่อสาร VoIP ผ่าน Skype พร้อมลำโพงที่ให้เสียงคมชัด, กล้องความละเอียดสูงทีสามารถใช้ได้แม้ในที่ที่มีแสงน้อย รวมถึงปุ่มปิดเสียงไมโครโฟนและกล้อง

· มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: โน้ตบุ๊คได้รับการจัดอันดับระดับ “Gold” จาก Electronic Product Environment Assessment Tool (EPEAT) และผ่านการรับรองมาตรฐาน Energy Star 5.0 ไม่เพียงเท่านั้น บรรจุภัณฑ์ของโน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge ยังไม่ใช้โฟมเป็นส่วนประกอบ แต่หากเลือกใช้วัสดุหลากหลายชนิดซึ่งมาจากวัสดุที่ผ่านการรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ อาทิเช่น เทอโมพลาสติก, อ้อย หรือข้าวฟ่าง

โน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge 14 นิ้ว สะท้อนรูปลักษณ์ใหม่ที่ล้ำสมัยและสวยโดดเด่นสะอาดตา ในขณะที่ยังคงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถืออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโน้ตบุ๊ค ThinkPad ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดป้องกันการซึมของน้ำและคุณสมบัติพิเศษของ ThinkVantage Technologies ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการดูแลรักษาอย่างระบบการป้องกันการกระแทก (Active Protection System) พร้อมระบบกู้และเรียกคืนไฟล์ (Rescue and Recovery)

· คีย์บอร์ดทันสมัยสมบูรณ์แบบ – แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดมีรูปลักษณ์น่าดึงดูดและสะอาดตา มาพร้อมปุ่มกดสีดำมาตรฐานและตัดปุ่มตัวเลขเพื่อช่วยให้มีรูปทรงดีไซน์ที่โมเดิร์นทันสมัย ปุ่มฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ได้รับการถูกออกแบบใหม่เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าโปรแกรมมัลติมีเดียและฟังก์ชั่นต่างๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ ThinkPad Edge 14 นิ้ว จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดเรืองแสงที่สามารถมองเห็นได้แม้ในที่แสงน้อย ทั้งยังช่วยเพิ่มสัมผัสที่หรูหรายิ่งขึ้น

· ทัชแพ็ดที่กว้างมากขึ้น – ด้วยทัชแพ็ดแบบมัลติทัชขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเพื่อกด, ขยาย และเลื่อนดูได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

· เพิ่มความมีชีวิตชีวาด้วยหลากหลายสีสันที่เป็นตัวคุณ – โน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge มีหลากสีสันให้เลือกใช้ ลงตัวสำหรับการใช้งานในทุกองค์กรธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสีดำมิดไนท์มันวาว, สีดำสนิท หรือสีแดงเพลิงสำหรับผู้ที่ต้องการความโดดเด่นสะดุดตา สวยสง่ายิ่งขึ้นด้วยสีเงินตัดขอบรอบตัวเครื่อง

คุณขจรเกียรติ กล่าวเสริมว่า “ThinkPad Edge 14 นิ้ว รวมประสิทธิภาพการใช้งานระดับสูงเข้ากับสไตล์การออกแบบที่สวยหรู ทั้งยังคงคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งทนทานและความน่าเชื่อถือของ ThinkPad ได้อย่างลงตัว ThinkPad Edge 14 นิ้ว จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่ง สามารถตอบโจทย์สารพันความต้องการของกลุ่มธุรกิจ SMB ได้เป็นอย่างดี”

บริการและสนับสนุนทางเทคนิคอย่างต่อเนื่องครบวงจร

เลอโนโวมอบโซลูชั่นการบริการสนับสนุนและช่วยเหลือแบบครบวงจรแก่ผู้ใช้ ThinkPad Edge ทั้งสำหรับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทั้งยังช่วยเสริมการป้องกันและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น บริการต่างๆ มีดังนี้

· ThinkPad Protection ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่อง ในกรณีที่โน้ตบุ๊คเกิดอุบัติเหตุหรือน้ำหกใส่เครื่อง

· Priority Support ให้บริการสนับสนุนทางเทคนิคทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

· Hard Disk Drive Retention การคืนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟในกรณีที่เกิดการชำรุดหรือเสียหาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บไว้กับตัวเองอย่างปลอดภัย

ราคาและการวางจำหน่าย

เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน ThinkCentre A70z และ ThinkPad Edge 14 นิ้ว มีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายเลอโนโวทั่วประเทศ และที่ www.lenovo.com/smb/th

View :1431

โค้งสุดท้ายของการประกวดนวัตกรรมโทรคมนาคมปี 53 ชิงเงินรางวัลกว่า 1.4 ล้านบาท

July 23rd, 2010 No comments

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาโทรคมนาคม กล่าวว่า การประกวดนวัตกรรมครั้งนี้ ถือเป็นปีที่สองในการดำเนินโครงการ ซึ่งเปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไปและทุกหน่วยงานที่ต้องการร่วมมือในการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยเติบโตในอนาคต และหากนับถอยหลังจากนี้ เหลือเวลาอีกเพียงไม่นานกับผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประกวดนวัตกรรมโทรคมนาคมในปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นแนวทางที่ ทริดี้ตั้งใจเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุปกรณ์โทรคมนาคมเพื่อการแข่งขันกับต่างประเทศซึ่งมีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทในแต่ละปี

ดังนั้นในปีนี้นอกจากจำนวนประเภทการประกวดที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 4 ประเภทแล้ว จำนวนเงินรางวัลก็มากขึ้นเป็น 1 ล้าน 4 แสนบาทอีกด้วย นับเป็นโอกาสดีอีกครั้งที่วงการโทรคมนาคมไทยจะมีกิจกรรมดี ๆ ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ที่จะช่วยต่อยอดผลักดันผลงานให้ประจักษ์ถึงคุณภาพ และศักยภาพของคนไทยอย่างจริงจัง

ผลงานที่ชนะการประกวด หรือที่เข้ารอบไม่เพียงแต่จะได้รางวัลเท่านั้น ทริดี้ยังให้การสนับสนุนต่อยอด เป็นตัวกลางประสานงานให้เกิดมูลค่าเชิงธุรกิจ และยังมุ่งสู่ตลาดเชิงพานิชย์ทั้งในและต่างประเทศ อันจะส่งผลต่อการลดการนำเข้า เกิดการใช้สินค้าของคนไทยมากขึ้น

ดังนั้น ดร.สุพจน์ ฝากทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน และนักวิจัยในสาขาต่าง ๆ ส่งผลงานเข้าประกวดเพื่อเกิดการพัฒนา กระตุ้นให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมก้าวหน้าแบบยั่งยืน กำหนดปิดรับผลงานในวันที่ 31 กรกฏาคม 2553 นี้

View :1463

หนึ่งคลิ๊กของคุณมีความหมายดาวน์โหลด Internet Explorer 8 Web Slice ภายใต้โครงการ Turn Off The Heat, Turn On The Heart

July 23rd, 2010 No comments


วิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถช่วยสนับสนุนสภากาชาดไทย

ทุกวันนี้มีผู้มีจิตศรัทธาแสดงความจำนงบริจาคโลหิตเป็นจำนวนมาก แต่ข่าวสารการขอรับบริจาคก็ยังเข้าไม่ถึงกลุ่มคนในวงกว้าง สำหรับตัวเลขในปัจจุบันศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ต้องจัดหาโลหิตให้ได้วันละ 1,500 ยูนิต เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 42,000 ยูนิต จึงจะเพียงพอแจกจ่ายเพื่อช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้รับบริจาคโลหิตเพียงพอ หรือได้กรุ๊ปเลือดที่ตรงความต้องการ ทำให้หลายชีวิตได้รับผลกระทบร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยบุคคลเหล่านี้อาจเป็นญาติพี่น้อง หรือบุคคลอันเป็นที่รักของเราเอง ซึ่งปัจจัยหนึ่งคือเนื่องมาจากข้อมูลการขอรับบริจาคยังสื่อสารไม่ถึงผู้มีจิตอาสาที่ต้องการช่วยเหลือ

ด้วยตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่พุ่งทะยานสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 98 ปัจจุบันมีคนใช้อินเทอร์เน็ตในไทยกว่า 20 ล้านคน สภากาชาดไทยตระหนักในปัญหาและได้เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีว่าจะมีส่วนช่วยเชื่อมหน่วยงานรับบริจาคของสภากาชาดไทยที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศกับผู้มีจิตอาสาได้ทันท่วงที สื่อสารผ่านช่องทาง Web Slice บน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่มีกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง อย่างบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ เอ็มเอสเอ็น (ประเทศไทย) ริเริ่มโครงการ , ขึ้น โดยมี Web Slice บน Internet Explorer 8 เป็นเครื่องมือช่วยเผยแพร่เว็บไซต์ หน่วยงานสภากาชาดไทย และข้อมูลสุขภาพที่มีประโยชน์ ให้เข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ทที่กำลังมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นตลอดเวลา

View :1475