Archive

Archive for August, 2010

เอไอเอส อยู่เคียงข้างร้านค้าเอสเอ็มอี เปิดบริการใหม่ Mobile EDC Plus

August 26th, 2010 No comments

สะดวก คุ้มค่า ด้วยเครื่องรูดบัตรไร้สาย

เอไอเอส นำโดย นายยิบ ฮอน มัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กร และนายพีรเวท กิจบูรณะ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการตลาดเอสเอ็มอี ร่วมกับ GHL (Thailand) โดยนายอัลเบิร์ต มาห์ เลน คี กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป พัฒนาบริการ เครื่องรูดบัตรไร้สาย โซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีดำเนินธุรกิจได้อย่างคุ้มค่า เพิ่มความคล่องตัวให้สามารถรับชำระค่าสินค้า หรือออกงานต่างๆได้ในทุกที่ ทุกเวลาด้วยการเชื่อมต่อผ่านซิมการ์ดด้วยระบบ EDGE/GPRS โดยลูกค้าที่สนใจสามารถเช่าเครื่องรูดบัตรไร้สาย พร้อมแพคเกจ GPRS ได้ในราคาสบายๆ เริ่มต้น 1,200 บาท ต่อเดือน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอไอเอส คอลเซ็นเตอร์ 1149

View :1454
Categories: Press/Release Tags: , ,

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมจัดงาน Creative IP Fair & CLEA 2010

August 26th, 2010 No comments

ชวนพิสูจน์ ไอเดีย สร้างมูลค่าได้ เฟ้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์ในโครงการ Young Creative Award 3 – 5 ก.ย. นี้ ณ รอยัล พารากอนฮอลล์

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 3 – 5 กันยายน 2553 กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะจัดงาน & ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมพระปรีชาสามารถด้านทรัพย์สินทาง ปัญญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเป็นต้นแบบในการประดิษฐ์ ค้นค้น และสร้างสรรค์ให้แก่ประชาชน รวมทั้งสร้างโอกาสและช่องทางให้นักประดิษฐ์ ผู้สร้างสรรค์และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ได้พบปะเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อนำทรัพย์สินทางปัญญาไปพัฒนาหรือใช้ ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ รวมทั้งกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการสร้างสรรค์ การคุ้มครอง และการใช้ประโยชน์จากการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบและครบวงจร

ทั้งนี้ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการทรัพย์สินทางปัญญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , นิทรรศการทรัพย์สินทางปัญญาที่มีศักยภาพ , คลินิคให้คำปรึกษาและบริการรับคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา , การจำหน่ายสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาในราคาพิเศษ, การสัมมนาให้ความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการแสดงมินิคอนเสิร์ตของศิลปินจาก GMM Grammy, และ TRUE Fantasia รวมทั้งนิทรรศการ แสดงผลงานสร้างสรรค์ของเยาวชนและพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดออกแบบผลงานสร้างสรรค์ในโครงการ Young Creative Award

เชิญร่วมพิสูจน์ ไอเดีย สร้างมูลค่าได้ ในงาน Creative IP Fair & CLEA 2010 พร้อมลุ้นสุดยอดผลงานสร้างสรรค์ของเยาวชนจาก Young Creative Award ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน ศกนี้

View :1677

“ แฮปปี้ชวนร้อง อาร์เอสปั้นให้ ” โอกาสของคนมีฝัน เรียน ร้อง รู้ อย่างมืออาชีพ

August 26th, 2010 No comments

มาชิดา เตชะไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายมิวสิกแอนด์พาร์ตเนอร์แมเนจเมนต์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และ นายพอล มนัสถาวร ผู้อำนวยการสายงานดิจิตอลโมบาย บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนักร้องเสียงดีแห่งค่าย อาร์ เอส “ ขนมจีน ” กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ และ “ กราฟ ” ( แบล็ค วานิลลา) ร่วมกันแนะนำแคมเปญ “ แฮปปี้ชวนร้อง อาร์เอสปั้นให้ ” สำหรับลูกค้าแฮปปี้และดีแทคที่เป็นสมาชิกขบวนการเหมา * 339 ได้เข้ามาประกวดร้องเพลงได้ง่ายๆ แค่ฝากเสียงร้องไว้ที่ โทร * 339 กด 5 ค่าบริการนาทีละ 3 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม – 30 กันยายน เพื่อเปิดประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้า แฮปปี้ และ ดีแทค ที่ชนะ 5 ท่านได้สัมผัสกับการเป็นนักร้องมืออาชีพ กับการฝึกเรียนร้องเพลงกับครูสอนร้องเพลงของศิลปิน เช่น ฟิล์มรัฐภูมิ เคโอติก และ ศิลปินดัง ๆ อีกมากมาย พร้อมได้ออกซีดีพิเศษเป็นของตนเอง และนำเพลงขึ้นให้โหลดฟรีผ่าน * 339 ติดตามความเคลื่อนไหวของแคมเปญนี้ได้ที่ รายการ kamikaze club, 2 NITE LIVE และ Asian Countdown ประกาศผลผู้เข้ารอบ 10 คน เพื่อเข้าสู่การโหวตให้เหลือ 5 คนสุดท้าย วันที่ 19 ตุลาคม 2553 ทาง wap.supermao.com, www.pleng.com wap happy และ หรือโทร * 339 และร่วมโหวตหา 5 นักร้องตัวจริง ได้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน 2553 โหวตได้ทาง * 339 กด 5 ประกาศผลผู้ชนะ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2553 ทาง wap.supermao.com และ www.pleng.com .

View :1466
Categories: Press/Release Tags: ,

โนเกียจับมือดีแทค เปิดตัว Nokia E5

August 26th, 2010 No comments

ที่สุดแห่งเครือข่ายสังคมและการใช้งานข้อความ

โนเกียเปิดตัว รุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล Eseries ซึ่งออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว พร้อมจับมือดีแทคมอบแพคเกจสุดคุ้มให้ผู้ใช้งานได้เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้ทันทีทุกที่ทุกเวลา ด้วยบริการ internet ฟรีเดือนละ 100MB นาน 3 เดือนตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายนศกนี้

มร.ชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อุปกรณ์สื่อสารเพื่อการใช้งานข้อความรุ่นต่างๆ ของโนเกียได้รับความสำเร็จอย่างดียิ่ง บริการต่างๆ สำหรับการใช้งานอีเมล์ส่วนตัวและการทำงาน รวมทั้งการแชทได้รับความนิยมอย่างสูงบน QWERTY สมาร์ทโฟนของโนเกีย อาทิ Nokia E71, Nokia E72 และ Nokia E63 ผู้ใช้งานต่างต้องการประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายสังคมและการสื่อสารด้วยข้อความที่ดีที่สุดบนอุปกรณ์สื่อสารราคาย่อมเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความง่ายๆ การแชท อีเมล์ หรือส่งข้อความจาก Twitter ซึ่ง Nokia E5 เป็นอุปกรณ์สื่อสารที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานดังกล่าว”

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “การใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือ ผ่านเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพของดีแทคอินเตอร์เน็ต จะช่วยให้ลูกค้าสนุกกับการใช้งาน Nokia E5 ซึ่งตอบสนองการทำงานและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยในการจับมือร่วมกับโนเกียครั้งนี้ ดีแทคได้มอบสิทธิพิเศษ ให้กับลูกค้าได้ใช้งาน dtac internet ฟรีเดือนละ 100 MB นาน 3 เดือน ควบคู่ไปกับการใช้งานมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ด้วย”

Nokia E5 เป็นซิมเบี้ยนโฟนที่ตามรอยความสำเร็จของรุ่นพี่อย่าง Nokia E71, Nokia E72 และ Nokia E63 โดย Nokia E5 รวบรวมฟีเจอร์คุณภาพสูงด้านธุรกิจเข้าไว้กับเครือข่ายส่วนตัวและความสามารถด้านบันเทิง ซึ่งเหล่านักธุรกิจมักจะคาดหวังจากสมาร์ทโฟน

Nokia E5 มาพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY เต็มรูปแบบ ให้สามารถเข้าใช้งานอีเมล์แอคเคาน์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งชุมชนการแชท และเครือข่ายสังคมต่างๆ สามารถจัดการกับตารางงานอันยุ่งเหยิงได้ด้วยแอพพลิเคชั่นเพื่อการทำงานอันหลากหลายบน Ovi Store และสามารถเข้าใช้งานอีเมล์สำหรับองค์กรต่างๆได้มากกว่า 90% ผ่านทั้ง Mail for Exchange และ IBM Lotus Notes Traveler เพื่อการติดต่อสื่อสารได้จากทุกที่

Nokia E5 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 8,220 บาท และพิเศษสุดสำหรับลูกค้าดีแทคที่ซื้อ Nokia E5 ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2553 รับบริการ dtac internet ฟรี เดือนละ 100MB นาน 3 เดือน

View :1439
Categories: Press/Release Tags: ,

“ซันโย” ชูนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม แบตเตอรี่ “เอเนลูป” ชาร์จซ้ำถึง 1,500 ครั้ง

August 26th, 2010 No comments

บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด ขอแนะนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของแบตเตอรี่ ”เอเนลูป” ที่พัฒนาคุณสมบัติให้พิเศษยิ่งขึ้น สามารถชาร์จซ้ำได้ถึง 1,500 ครั้ง จากเดิมชาร์จซ้ำได้ 1,000 ครั้ง และใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องชาร์จก่อน (หลังซื้อ)

ทนทานกับทุกสภาวะอากาศ ใช้งานได้ดีแม้ในสภาพอากาศหนาวเย็น ระดับอุณหภูมิต่ำถึง -20 องศาเซลเซียส โดดเด่นด้วยคุณสมบัติการถ่ายภาพได้มากกว่าถ่านธรรมดาถึง 4.4 เท่า

ยิ่งไปกว่านั้น “เอเนลูป” คือ คำตอบที่ดีที่สุด เพื่อแก้ปัญหาถ่านชาร์จที่คายประจุเองเร็วเกินไป โดยสามารถคงความเสถียรของแรงดันไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานเสมอแม้ถูกเก็บ ไว้เป็นเวลานานถึง 3 ปี ส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

พบกับแบตเตอรี่ “เอเนลูป” ได้แล้ววันนี้ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปหรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด โทรศัพท์ 02-308-6900

View :1332
Categories: Press/Release Tags:

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เลือกโซลูชั่นการป้องกันการฟอกเงิน การจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน และเครดิต สกอริ่งจากแซส ซอฟท์แวร์

August 25th, 2010 No comments

เพิ่มขีดความสามารถการบริการและการบริหารความเสี่ยง ด้วยโซลูชั่นการป้องกันการฟอกเงิน การจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน และเครดิต สกอริ่งจากแซส ซอฟท์แวร์

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารผู้ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพิ่มศักยภาพการบริการและการบริหารความเสี่ยง เลือกโซลูชั่นของ เพื่อพัฒนาระบบป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้าย ( AML: Anti-Money Laundering) ระบบการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน ( ALM: Asset and Liability Management) พร้อมทั้งระบบเครดิต สกอริ่ง (Credit Scoring)

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การแข่งขันทางธุรกิจ และปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นตัวผลักดันที่สำคัญ ที่ทำให้องค์กรหรือหน่วยงานต้องมีการปรับตัวอย่างมาก ไม่ใช่เพียงเพื่อความ
อยู่รอดเท่านั้น แต่สิ่งที่ผู้บริหารทุกคนต้องการ คือ การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและมีภูมิคุ้มกันให้องค์กรมีความแข็งแรง โดยพบว่า องค์กรส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจะมีโครงสร้างพื้นฐานของระบบสารสนเทศที่มี ความยืดหยุ่น และสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยไปทั่วโลกนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2551 ที่ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างๆ ได้รับผลกระทบ ในด้านหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPL) การบริหารสภาพคล่องของธนาคาร และกฎระเบียบที่บังคับใช้ในการดำเนินธุรกิจธนาคาร เช่น กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทำให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้จัดทำโครงการเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการบริการ ภายใต้พันธกิจที่ต้องการเป็นธนาคารที่ ให้ บริการทางการเงินด้านที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร เพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยตามสมควรแก่อัตภาพ และสามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า รัฐบาล และสังคมภายใต้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งตอบสนองกับนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้อุตสาหกรรมภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวกลางที่จะผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ

โครงการบริหารความเสี่ยงของธนาคารอาคารสงเคราะห์ประกอบด้วย โซลูชั่นการป้องกันการฟอกเงิน ( AML: Anti-Money Laundering) เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมทางการเงินและรองรับกฎข้อบังคับต่างๆ ของสถาบันการเงิน โซลูชั่นด้านการจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน ( ALM: Asset and Liability Management) เพื่อให้การบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังรวมถึง โซลูชั่นด้านเครดิต สกอริ่ง (Credit Scoring) ที่จะช่วยให้ธนาคารสามารถวิเคราะห์สถานะของผู้กู้ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยธนาคารได้เลือกโซลูชั่นทั้งหมดดังกล่าวจากบริษัท แซส ซอฟท์แวร์ ( ไทยแลนด์) เพราะมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขยายได้ตามความต้องการด้านธุรกิจและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนทีมงานที่มีประสบการณ์ทั้งในและต่างประเทศ

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า โซลูชั่นการป้องกันการฟอกเงิน เป็นการติดตามการป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดไม่ว่าจะในด้านความปลอดภัย ความโปร่งใสในการดำเนินงาน และความน่าเชื่อถือของธนาคาร ที่ต้องดำเนินการตรวจสอบและติดตามบัญชีลูกค้าทั้งในส่วนของบัญชีเดิมที่มี ความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบัญชีใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธนาคารมีสินทรัพย์รวมกว่า 720 , 000 ล้านบาท โดยใน ปี 2552 ธนาคารมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นร่วม 170 , 000 บัญชี

ส่วนการนำระบบ การบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินของแซสมาใช้เป็นการบริหารจัดการ
ด้านเงินฝาก สินเชื่อ และรวมถึงการลงทุนต่างๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสมดุลกัน และยังส่งผลให้ธนาคารสามารถวัดและควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน ที่ธนาคารสามารถบริหารจัดการได้ ทั้งยังให้ผลตอบแทนอย่างเหมาะสมอีกด้วย นอกจากนี้ ระบบเครดิต สกอริ่ง จะเป็นระบบที่ประกอบการพิจารณาวิเคราะห์สถานะของผู้กู้แต่ะละราย ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยสามารถบ่งบอกระดับความเสี่ยงด้านเครดิต ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดวงเงินกู้ยืมและอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขของวงเงินที่ อนุมัติให้แก่ผู้กู้ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการรองรับมาตรฐานของ Basel II ได้อีกด้วย

“ แซสมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ให้ความไว้วางใจกับโซลูชั่นทั้งสามระบบของแซส โดยแซสมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยที่คอยให้บริการอย่างใกล้ชิด อีกทั้งพร้อมให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก ทั้งนี้แซสมีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นสถาบันที่ให้บริการทางการเงินกว่า 55 แห่ง ใช้โซลูชั่นป้องกันการฟอกเงินของแซส เช่น แบนโก เดอ โอโร ยูนิแบงก์ (ฟิลิปปินส์) , ธนาคารแห่งสหรัฐ (สหรัฐ) , ธนาคารควีนส์แลนด์ (ออสเตรเลีย) , บีบีแอนด์ที (สหรัฐ) , แบนโก เดอ ชิลี (ชิลี) , คอสทัล เฟเดอรัล เครดิต ยูเนียน (สหรัฐ) , ธนาคารคอมมอนเวลธ์แห่ง
ออสเตรเลีย (ออสเตรเลีย) , ธนาคารเพื่อการพัฒนาฟิลิปปินส์ ( ฟิลิปปินส์) , ธนาคาอีออน (มาเลเซีย) , เฟิรสต์ ซิติเซ็นส์ (สหรัฐ) , ธนาคารฮานา ( เกาหลี) , ธนาคารฮันติงตัน (สหรัฐ) , ธนาคารกุกมิน (เกาหลี) , ธนาคาร
ที่ดินแห่งฟิลิปปินส์ (ฟิลิปปินส์) , ธนาคารทหารผ่านศึกฟิลิปปินส์ ( ฟิลิปปินส์) , กลุ่มการเงินแซมบา
(ซาอุดิอารเบีย) , บริษัท ซัมซุง ซีเคียวริตีส์ ( เกาหลี) และธนาคารซอฟเวอเรน (สหรัฐ) เป็นต้น ”
นายทวีศักดิ์ กล่าว

View :1741

แคนนอนคว้า 3 รางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากสมาคมภาพและเสียงแห่งยุโรป (EISA)

August 25th, 2010 No comments

แคนนอนตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำด้านภาพดิจิตอล คว้า 3 รางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากสมาคมภาพและเสียงแห่งยุโรป ()

เมื่อเร็วๆ นี้ – แคนนอนผู้นำเทคโนโลยีภาพดิจิตอลและการพิมพ์ภาพระดับโลก คว้ารางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากองค์กร European Imaging and Sound Association หรือ EISA องค์กรตัวแทนของนิตยสารกล้อง ภาพและเสียงชั้นนำกว่า 50 บริษัทจากทั้งหมด 19 ประเทศทั่วยุโรป ล่าสุดประกาศให้แคนนอนรับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมดังนี้: กล้องดิจิตอลซิงเกิ้ลเลนส์ EOS 550D (หรือ Rebel T2i ในประเทศอเมริกาและ EOS Kiss X4 ในประเทศญี่ปุ่น) ชนะในประเภท “European Camera 2010-2011”, กล้องดิจิตอลซิงเกิ้ลเลนส์ EOS 7D ได้รับรางวัล “European Advanced SLR Camera 2010-2011 honors”และกล้องวิดีโอดิจิตอล LEGRIA HF M31 (VIXIA HF M31 และ iVIS HF M31) สามารถครองตำแหน่ง “European Family Camcorder 2010-2011”

View :1409
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เดินหน้าสร้างมิติใหม่ e-Commerce ไทยให้ก้าวสู่ตลาดโลก

August 25th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงงานสัมมนา “ : ก้าวสู่มิติใหม่ e-Commerce ไทยเข้าสู่ตลาดโลก ” ว่า กระทรวงฯ ได้จัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการและงานนิทรรศการในหัวข้อ Thailand e-Commerce Forum มาอย่างต่อเนื่อง และได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจาก “ พันธมิตร ” (Alliance) หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการลงทุนร่วมกันแก้ปัญหา แบ่งปันความรู้ และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการสานต่อกับพันธมิตรในด้าน e-Commerce มา อย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงฯ ในฐานะหน่วยงานภาครัฐได้เข้าไปมีบทบาทในการจัดทำนโยบายและมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค

“กระทรวงฯ ได้แสดงบทบาทในการเป็นแกนกลางความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับภาครัฐ โดย ทำหน้าที่เป็นแกนกลางของหน่วยงานภาครัฐในการจัดทำนโยบายเพื่อส่ง เสริมสนับสนุนงานด้านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งประสานงานกับกลุ่มผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในการสื่อสารและ ประชาสัมพันธ์ เพื่อเน้นการผลักดันนโยบายไปสู่ภาคปฏิบัติ และเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ร่วมกันกำหนดแนวทาง รวมทั้งมาตรฐานในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้มีการเติบโต ตลอดจนช่วยกันหาแนวทาง แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับภาครัฐ ทั้งนี้ เพื่อสร้างงานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่าให้ กับเศรษฐกิจไทยเพื่อก้าวไปสู่ตลาดโลก” นายจุติ กล่าว

นอก จากนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้มีเวทีพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ และถ่ายทอดประสบการณ์ระหว่างกัน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ สำนักธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงร่วมกับคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดนิทรรศการและประชุมวิชาการเพื่อเผยแพร่ประชา สัมพันธ์การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ชื่องาน Thailand e-Commerce Forum 2010 เพื่อให้บุคลากรจากภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปได้รับรู้ถึงความก้าวหน้า ผลงานและทิศทางของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนส่งเสริม ทางด้านวิชาการและให้คำแนะนำต่อกลุ่มผู้ประกอบการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

“โครงการฯ ดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้มีเวทีระดมความคิดเห็นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องในลักษณะ Public/ Private Partnership (PPP) โดย มีกระทรวงไอซีที ทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการดำเนินการ รวมทั้งเพื่อรับฟังข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย และทำให้การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยมีการเติบโตสามารถแข่งขันใน ระดับโลกได้ และได้วางนโยบายในการใช้ e-Commerce ขับ เคลื่อนธุรกิจให้ประเทศโดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างประเทศ ได้อย่างน้อย 1% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.08 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งเวทีวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนนโยบายที่จะก้าวไปสู่เป้าหมาย ดังกล่าว” นายจุติ กล่าว

สำหรับการสัมมนาเรื่อง “Thailand e-Commerce Forum 2010 : ก้าวสู่มิติใหม่ e-Commerce ไทยเข้าสู่ตลาดโลก ” ครั้งนี้ ประกอบด้วยหัวข้อที่เป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจทางด้าน e-Commerce ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายพิเศษโดย ดร. รอม หิรัญพฤกษ์ ในหัวข้อ “ การพัฒนา e-Commerce ไทยสู่สากล ” และ รับฟังบรรยายแนวโน้มใหม่จากบริษัทชั้นนำในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ และการเสวนาในหัวข้อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Social Media การค้าเสรีอาเซียน ภาษี และ การส่งเสริม e-Commerce ให้กับธุรกิจไทยจากคนในแวดวง e-Commerce นอกจากนั้นยังสามารถเยี่ยมชมบูธนิทรรศการ e-Commerce จากคนในวงการพร้อมรับความรู้มากมายภายในงานอีกด้วย

View :2345

กลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและสนับสนุนทางการเงิน เพื่อเดินหน้าธุรกิจ 3G

August 25th, 2010 No comments

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสานสัมพันธ์พันธมิตรธุรกิจ ลงนามแต่งตั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและสนับสนุนทางการเงินเพื่อเทคโนโลยี เตรียมความพร้อมด้านการเงินกลุ่มทรูให้แข็งแกร่ง รวมทั้งธนาคารจะร่วมมือกับสถาบันการเงินอื่นๆ ในการให้การสนับสนุนเงินทุนในครั้งนี้

ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกิด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เป็นความภาคภูมิใจของธนาคารที่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแบบครบวงจรกับกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ธนาคารเห็นว่าโครงการ 3G จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และเราเชื่อมั่นในศักยภาพกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น และกลุ่มผู้บริหารที่จะผลักดันโครงการ 3G ประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำของธุรกิจ โทรคมนาคมของประเทศ ที่ผ่านมาธนาคารได้ทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัททรูอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้และเข้าใจความต้องการและยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจของลูกค้า การได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อมั่นในศักยภาพของกันและกัน ธนาคารเชื่อมั่นว่าด้วยวิสัยทัศน์ ความพร้อมและศักยภาพเชิงธุรกิจของกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น เมื่อผสานกับโครงสร้างและแผนการเงินที่เหมาะสมจะเป็นอีกก้าวที่สำคัญทั้งของกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นและธนาคาร”

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ กลุ่มทรูรู้สึกยินดีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สถาบันการเงินชั้นนำของไทยที่ได้รับความเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับจาก องค์กร ทั่วโลก ให้ความไว้วางใจเป็นที่ปรึกษาการเงินในการระดมทุนในเทคโนโลยี 3G ของกลุ่มทรูบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมเอกชนไทย เพื่อเสริมศักยภาพด้านการเงินให้แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจและนำเทคโนโลยี 3G มาพัฒนาต่อยอด สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนชาวไทย พร้อมผลักดันสังคมไทยให้ก้าวสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ เพราะเทคโนโลยี 3G เป็นมากกว่ามือถือ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์การสื่อสารที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่มีส่วนสำคัญในการกระจายโอกาสให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศสามารถเข้าถึงความรู้ ข้อมูลข่าวสารได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตลอดจนมีส่วนช่วยพัฒนาธุรกิจการสื่อสาร โทรคมนาคมของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล พร้อมแข่งขันกับต่างชาติ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ”

View :1615
Categories: Press/Release Tags: , ,

"เคลียริ่งเฮ้าส์" ชี้แจง 1 ก.ย. โอเปอเรเตอร์พร้อมทดสอบระบบบริการคงสิทธิเลขหมาย (MNP) ระหว่างกัน

August 25th, 2010 No comments

คาดเปิดให้ลูกค้าใช้บริการภายในธันวาคมนี้ตามแผนที่วางไว้ พร้อมได้พันธมิตรแข็งแกร่ง “ไอบีเอ็ม-เทลคอร์เดีย” ร่วมผนึกกำลังวางระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีรองรับบริการ

กรุงเทพฯ – 24 สิงหาคม 2553 “เคลียริ่งเฮ้าส์” บริษัทร่วมทุนโดยผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 5 รายในไทย ประกาศความคืบหน้าในการให้บริการคงสิทธิเลขหมาย หรือนัมเบอร์พอร์ตทาบิลิตี้ (Mobile Number Portability – MNP) พร้อมเริ่มทดสอบระบบระหว่างเคลียริ่งเฮ้าส์และผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละรายในวันที่ 1 ก.ย. 53 นี้ และคาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่แรก โดยมี “ไอบีเอ็ม” ผู้นำด้านเทคโนโลยี และ “เทลคอร์เดีย” ผู้ให้บริการซอฟท์แวร์และบริการด้านโทรคมนาคม ร่วมผนึกกำลังบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที รองรับการให้บริการโทรศัพท์เบอร์เดียวใช้ได้ทุกระบบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ตอบโจทย์ผู้ใช้มือถือได้รับความสะดวกสูงสุด

นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์ จำกัด ( for Number Portability) หรือ “เคลียริ่งเฮ้าส์” ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการดูแลและบริหารด้านบริการคงสิทธิเลขหมาย หรือนัมเบอร์พอร์ตทาบิลิตี้ (Mobile Number Portability – MNP) ที่จัดตั้งจากความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่ายรวม 5 ราย อันได้แก่ เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ กสท โทรคมนาคม และ ทีโอที โดยเคลียริ่งเฮ้าส์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการบริหารจัดการบริการคงสิทธิเลขหมาย (MNP) แก่ลูกค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายที่ต้องการเปลี่ยนเครือข่ายโดยยังคงเลขหมายเดิมนั้น ดังนั้นเคลียริ่งเฮ้าส์จึงจำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งทางด้านการระบบไอที และความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดเพื่อให้บริการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มอบความไว้วางใจเลือก “ไอบีเอ็ม” และ “เทลคอร์เดีย” เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการวางระบบการบริการคงสิทธิเลขหมายทั้งหมด เนื่องจากมองว่าทั้งสองเป็นพันธมิตรที่มีความพร้อมสูงสุด โดยเทลคอร์เดียเป็นผู้ให้บริการจัดหาซอฟท์แวร์และบริการด้านโทรคมนาคมที่มีชื่อเสียงยาวนานในด้านการจัดการการคงสิทธิเลขหมาย รวมถึงการบริหารการสื่อสารอื่นๆ ส่วนไอบีเอ็มก็เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีที่มีความชำนาญในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีอย่างครบวงจร ด้วยบริการระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับความคืบหน้าของการให้บริการคงสิทธิเลขหมาย หรือนัมเบอร์พอร์ตทาบิลิตี้ (Mobile Number Portability – MNP) ล่าสุดคือ ขณะนี้ผู้ประกอบการเครือข่ายทุกรายได้วางระบบการให้บริการคงสิทธิเลขหมาย หรือ MNP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มการทดสอบระบบระหว่างกันตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ทั้งนี้ ระยะเวลาในการทดสอบระบบระหว่างกันจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่เจอ ถ้าปัญหาไม่มากก็อาจเสร็จเร็ว ถ้าปัญหามากก็ต้องแก้จนหมดปัญหาหรืออยู่ในระดับที่รับได้ ซึ่งเท่าที่ผ่านมาไม่เคยมีประเทศไหนที่ทดสอบแล้วไม่เจอปัญหา จากประสบการณ์ในต่างประเทศโดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 4 – 5 เดือนเพื่อทดสอบและแก้ปัญหา ทั้งนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามแผนการเดิมที่ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์หรือ เคลียริ่งเฮ้าส์ วางไว้ นั่นคือภายในสิ้นปี 2553 เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีสิทธิใช้เลขหมายเดิมแม้ว่าจะเปลี่ยนผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสูงสุด”

นายยศ กิมสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจบริการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มได้ร่วมมือกับเทลคอร์เดีย เพื่อบริหารและดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานและซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มให้กับบริษัทเคลียริ่งเฮ้าส์ ด้วยการรวมเอาความเชี่ยวชาญของทั้งสองผู้นำ คือไอบีเอ็มที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสำหรับระบบไอทีและโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร และเทล์คอร์เดียที่มีประสบการณ์ที่ยาวนานในการให้บริการการคงสิทธิเลขหมายในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งจะทำให้เคลียริ่งเฮ้าส์มีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอที ตลอดจนความพร้อมและความปลอดภัยของระบบไอทีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด”

ไอบีเอ็มคือผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลกที่ให้บริการแก่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและไอบีเอ็มได้ให้บริการครอบคลุมมากกว่า 90% ของผู้ประกอบการโทรคมนาคมและการสื่อสารทั่วโลกโดยบริการที่ไอบีเอ็มได้ดำเนินการให้แก่เคลียริ่งเฮ้าส์ คือบริการการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมด(Infrastructure Implementation Service) อย่างครบวงจรตั้งแต่การติดตั้งเซิร์ฟเวอร์, การบริการจัดการเซิร์ฟเวอร์ (Server Managed Services), การบริการกู้คืนโครงสร้างพื้นฐาน ( Infrastructure Recovery Service), และบริการสนับสนุนการทำงานไอทีในองค์กร ( Helpdesk Service) โดยมีซอฟต์แวร์ IBM Tivoli monitoring services ที่คอยตรวจสอบสถานะของโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมด บนซอฟต์แวร์แพล็ตฟอร์มการคงสิทธิเลขหมาย (MNP) ของเทล์คอร์เดีย

“ไอบีเอ็มมีความยินดีที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการระดับชาติในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยโซลูชันที่มีความฉลาดมากขึ้น (Smarter solutions) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีวิธีการใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ ช่วยบริหารต้นทุน ตลอดจนช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการตอบสนองความต้องการของตลาด ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับการให้บริการและประสบการ์ณที่ดีขึ้นแก่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือทุกคน” นายยศ กล่าว

มร. ทอม เคอร์ชอว์, Senior Vice President and General Manager, Interconnection Solutions จาก เทลคอร์เดีย ผู้ให้บริการซอฟท์แวร์และบริการด้านโทรคมนาคมชั้นนำของโลก กล่าวว่า “ปัจจุบันแนวโน้มของประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีการให้บริการการคงสิทธิเลขหมายสูงขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงของกฏเกณฑ์ข้อบังคับ ที่เปิดให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถแข่งขันกันอย่างเสรีมากขึ้นนั้น สำหรับประเทศไทย หลังจากที่มีการตั้งเคลียริ่งเฮ้าส์ ทางเคลียริ่งเฮ้าจึงมองหาผู้ให้บริการที่สามารถช่วยจัดการระบบการให้บริการการคงสิทธิเลขหมาย และจึงได้เลือกเทลคอร์เดียที่เป็นผู้นำทางด้านซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มการคงสิทธิเลขหมาย และไอบีเอ็มที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำด้านการให้บริการเทคโนโลยี เทลเคอร์เดียและไอบีเอ็มจึงเป็นพันธมิตรที่ร่วมกันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเคลียริ่งเฮ้าส์ได้

นอกจากนี้ เทลคอร์เดียยังมีความมั่นใจว่าในอนาคตเราจะสามารถให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากบริการคงสิทธิเลขหมาย ด้วยโครงการนวัตกรรมมากมายที่เทลคอร์เดียได้ดำเนินการมาทั่วโลกที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในเมืองไทยได้ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งด้วยความเชี่ยวชาญของทั้งเทลคอร์เดียและไอบีเอ็ม จึงทำให้ทั้งสองเป็นพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง และสามารถตอบสนองความต้องการของเคลียริ่งเฮ้าส์ได้ และสามารถช่วยให้เคลียริ่งเฮ้าส์ให้บริการการคงสิทธิเลขหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ”

View :1563