ITBiz | lekasina.com

บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำ โน้ตบุ๊กใหม่ รุ่น XPS L501X โน๊ตบุ๊กซีรีส์สไตล์หรู ดีไซน์เฉียบขาดกับคอนเซ็ปต์สตาร์เทรก (Star Trek) ฝาปิดแบบ Aluminum Cover หน้าจอ 15.6 HD WLED ความละเอียด 1366×768 พิกเซล พร้อมระบบปฏิบัติการ Genuine Windows® 7 Home Premium 64bit และคีย์บอร์ดแบบ Back-lit ทรงประสิทธิภาพด้วย NVIDIA® GeForce® GT 435M 2GB, 4GB DDR3 1333MHz memory, Hard Drive ขนาด 640 GB 7200RPM, Blu-ray BD-ROM/DVD+/-RW Combo รวมถึงระบบเสียงคุณภาพสูง ที่พร้อมจะนำเสนอสุดยอดประสบการณ์ด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง งานกราฟฟิกขั้นสูงหรือเล่นเกมสเปคโหดๆ มีจำหน่ายแล้วที่ เดลล์ คอนเซปต์ สโตร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ชั้นนำทั่วประเทศ

บริษัท เพเชียนท์ แคปปิตอล จำกัด เกาะกระแสโซเชียลคอมเมิร์ซฟีเวอร์ เปิดตัวเว็บไซต์ดีลลิเชียสดอทซีโอ ( www.dealicious.co ) เว็บที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยได้อย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ ออนไลน์ กรุ๊ป บายอิ้ง ” ( Online Group Buying ) ชูจุดเด่นอยู่ที่การเป็นดีลมาร์เก็ตเพลสออนไลน์แห่งใหม่ของคนไทย ที่รวบรวมดีลส่วนลดสุดพิเศษของสินค้าและบริการต่างๆไว้ด้วยกัน โดยลูกค้าจะได้รับส่วนลดสุดพิเศษตั้งแต่ 50-90% จากราคาปกติ ซึ่งคาดว่าในปี 2554 นี้จะมีฐานสมาชิกกว่า 300,000 ราย และจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ถึง 50 ล้านบาทอย่างแน่นอน

มร.เดฟ อัปปะนาห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพเชียนท์ แคปปิตอล จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์ดีลลิเชียสดอทซีโอ ( www.dealicious.co ) กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซในเมืองไทยกำลังมาแรงและเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากโซเชียลเน็ตเวิร์กได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนไทย การใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จาก จำนวนผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก อาทิ เฟซบุ๊ค( Facebook ) และ ทวิตเตอร์( Twitter ) ที่ปัจจุบันมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าของธุรกิจหลายรายต่างหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กกันเป็นอย่างมาก

ล่าสุด ทางบริษัทฯได้เปิดตัว เว็บไซต์ดีลลิเชียสดอทซีโอ ( www.de a licious.co ) เว็บที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยได้อย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ออนไลน์ กรุ๊ป บายอิ้ง” ( Online Group Buying ) โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นดีลมาร์เก็ตเพลสออนไลน์แห่งใหม่ของคนไทย ที่รวบรวมดีลส่วนลดสุดพิเศษของสินค้าและบริการต่างๆไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร , สปา , คลินิกเสริมความงาม , โรงแรม , รีสอร์ท , ร้านกาแฟ , ฟิตเนส , คาร์แคร์ เป็นต้น โดยลูกค้าจะได้รับส่วนลดสุดพิเศษตั้งแต่ 50-90% จากราคาปกติ ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการได้อย่างหลากหลาย คุ้มค่า สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าในปี 2554 นี้จะมีฐานสมาชิกกว่า 300,000 ราย และจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ถึง 50 ล้านบาท

สำหรับการใช้งานของ เว็บไซต์ดีลลิเชียสดอทซีโอ ( www.de a licious.co ) สามารถทำได้โดยการเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกจากนั้นก็สามารถเลือกซื้อดีลสินค้าและบริการต่างๆที่อยู่บนหน้าเว็บได้ทุกอย่าง โดยแต่ละดีลนั้นไม่จำกัดระยะเวลาและไม่จำกัดจำนวนคนซื้อ เมื่อลูกค้าทำการซื้อดีลบนหน้าเว็บแล้ว ระบบก็จะทำการส่งรหัสดีลที่ซื้อมาให้ในรูปแบบ SMS และ Email จากนั้นให้ลูกค้านำรหัสดังกล่าวไปชำระเงินผ่านช่องทางที่ลูกค้าได้แจ้งประสงค์ไว้ เมื่อชำระเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วระบบจะทำการจัดส่ง Voucher ให้กับลูกค้าทาง Email ทันที โดยในส่วนของช่องทางการชำระเงินนั้น ทางบริษัทได้เตรียมช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายไว้ให้กับลูกค้าผ่านทาง บัตรเครดิต , เคาน์เตอร์เซอร์วิส , Paypal , Paysbuy รวมถึงสามารถชำระเงินด้วยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคารต่างๆ อาทิ ธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารกสิกรไทย , ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารยูโอบี เป็นต้น พิเศษ !!! สำหรับคนที่ชวนเพื่อนให้มาร่วมซื้อดีลที่เว็บไซต์ดีลลิเชียสจะได้รับค่าแนะนำ 100 บาทอีกด้วย

นอกจากนี้ทางบริษัทเน้นทำการตลาดผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กอีกด้วย กล่าวคือ เรามีแผนที่จะพัฒนาเว็บไซต์ดีลลิเชียสดอทซีโอ ( www.de a licious.co ) ให้สามารถเชื่อมโยงกับโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ค( Facebook ) และ ทวิตเตอร์( Twitter ) เป็นต้น รวมถึงในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาให้ลูกค้าสามารถเข้ามาซื้อดีลของสินค้าและบริการต่างๆผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือได้ด้วยเช่นกัน ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ดีลลิเชียสดอทซีโอ ( www.de a licious.co ) ตลอด 24 ชั่วโมง

เอไอเอสตอกย้ำภาพผู้นำตลาดมือถือแบล็คเบอรี่ นำเทรนด์ใหม่ๆ ให้สาวกบีบี ได้ทั้ง Chat และ Share ภาพได้อย่างประทับใจมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดเปิดตัว แบล็คเบอรี่โบลด์รุ่นล่าสุดของเมืองไทยกับ “ เอไอเอส BlackBerry Bold 9780 ” ในราคา ราคา 17,900 บาท

เอไอเอส BlackBerry Bold 9780 สมาร์ทโฟนที่พัฒนาต่อเนื่องจากรุ่น BlackBerry Bold 9700 ที่ถือเป็นรุ่นยอดนิยม โดยยังคงรูปลักษณ์ที่ทันสมัย บางเบา และเอกลักษณ์การดีไซน์สไตล์ BlackBerry Bold ซึ่งตอบโจทย์ทั้ง Work style และ Lifestyle ได้อย่างลงตัว สำหรับการปรับโฉมครั้งนี้โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นเอาใจผู้ที่ชอบ Share ภาพในโลก Social Networking ด้วยกล้อง 5 ล้านพิคเซล พร้อมแฟลชโฟกัสอัตโนมัติต่อเนื่อง ระบบป้องกันภาพสั่นไหว ดิจิตอลซูม 2 เท่า และหน่วยความจำออน บอร์ด 512 MB พร้อมด้วยการ์ด Media 2 GB

สนใจสัมผัส เอไอเอส BlackBerry Bold 9780 ได้แล้ววันนี้ ที่เอไอเอส ช็อป ทั่วประเทศ, เซเรเนด คลับ ทุกแห่ง ใน ราคา 17,900 บาท (รวม Vat ) พร้อมรับฟรี ! ดา วน์โหลดการ์ด ให้คุณโหลด Top 10 Applications มูลค่า 450 บาท ได้ง่ายๆทันที(จำนวนจำกัด)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เอไอเอส คอลล์เซ็นเตอร์ 1175 หรือที่ www.ais.co.th /blackberry

โนเกียชวนผู้สนใจเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนร่วมเวิร์คช็อป การใช้สุดยอดสมาร์ทโฟนจาก
โนเกีย เรียนรู้เทคนิคโดนๆและทำความรู้จักกับแอพพลิเคชั่นสนุกๆจากผู้เชี่ยวชาญขั้นเทพ ในมหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ Thailand Mobile Expo 2011 ณ ห้อง Meeting Room 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ระหว่างวันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ 2554 พิเศษ ! สำหรับผู้เข้าร่วมเวิร์คช็อปทุกท่านรับของที่ระลึกเสื้อยืดโนเกียสุดเท่ห์ฟรี

ผู้สนใจสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โนเกียแคร์ไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 02 255 2111

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนา ในหัวข้อ “ เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เข้าถึงได้ กับ เทคโนโลยี Web 2.0 ” ว่า กระทรวงฯ ได้จัดทำกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเว็บไซต์ของหน่วยงานให้ทุกคนเข้าถึงได้ ตลอดจนการพัฒนาให้สามารถรองรับการใช้งานของกลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุ ด้วยการออกแบบเว็บไซต์ตามหลักการที่เป็นสากล ซึ่งเรียกว่า Universal Design ที่มีหลักการสำคัญ คือ ความเท่าเทียม ความยืดหยุ่น ความง่ายและเป็นธรรมชาติ สามารถเข้าใจและรับรู้ได้ง่าย เป็นต้น

ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้เพื่อลดช่องว่างทางการเข้าถึงองค์ความรู้ และจัดทำแนวทางการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ( Thai Web Content Accessibility Guidelines) ตลอดจนจัดทำความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อจัดทำเว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยกระทรวงฯ ได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ ผู้พิการทางสายตาและผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานภาครัฐไปแล้วจำนวน ๖ หน่วยงาน รวมทั้งจัดฝึกอบรมการพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ที่ทุกคน เข้าถึงได้ จำนวน ๗๕๖ คน

“ในปีนี้ กระทรวงฯ ได้วางเป้าหมายในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยการจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจในการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ จำนวน ๖ ครั้ง ภายใต้หัวข้อต่างๆ คือ (๑) เทคโนโลยี Web Accessibility เพื่อสังคมไทย กับ MICT ( ๒) ICT@Web 2.0: Accessible Social Networking ( ๓) e-Accessibility and ICT for equitable society ( ๔) ICT@Work : Employability of people with disability และการจัดฝึกอบรมการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ตามข้อกำหนดเบื้องต้นของ WCAG และ TWCAG ให้แก่บุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้สนใจทั่วไป จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ , ๔๔๐ คน” นายธานีรัตน์ กล่าว

สำหรับการสัมมนาในหัวข้อ “ เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เข้าถึงได้ กับ เทคโนโลยี Web 2.0 ” ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความเข้าใจในการพัฒนาและการจัดทำเว็บไซต์ให้ทุกคนเข้าถึงได้ รวมไปถึงได้รับความรู้ในเรื่องมาตรฐานการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ได้แก่ มาตรฐาน WCAG , TWCAG และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาตระหนักถึงการสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม เพื่อให้คนปกติและคนพิการอยู่ร่วมกันได้อีกด้วย

“กระทรวงฯ หวังว่าการสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีในการร่วมมือกันสร้างประโยชน์ และสร้างความสำคัญในการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้กระทรวงฯ ดำเนินการสร้างสรรค์งานเพื่อสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วย ICT ต่อไป” นายธานีรัตน์ กล่าว

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเรื่อง “ ระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ( e-Government Portal)” ว่า กระทรวงฯ ได้จัดงานสัมมนาฯ ครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ( e-Government Portal) ซึ่งเป็นศูนย์รวมบริการอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐสำหรับประชาชนที่สามารถค้นหาบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ณ จุดเดียว รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะและตอบข้อซักถามของการรับบริการภาครัฐต่างๆ ตลอดเพื่อรับฟังความคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดการใช้งานระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ( e-Government Portal) อย่างแพร่หลายมากขึ้น

“การสัมมนาฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นความพยายามที่จะให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปใช้บริหารจัดการหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้บริการแก่ประชาชนและภาคธุรกิจในรูปแบบของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Government แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ หรือ e-Government Portal ซึ่งเป็นศูนย์รวมบริการอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐสำหรับประชาชนที่สามารถค้นหาบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ณ จุดเดียว และยังเป็นการสร้างเครือข่ายจากตัวหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมการสัมมนาฯ ในครั้งนี้ โดยจะมีการรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และตอบข้อซักถามของการรับบริการภาครัฐต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการผลักดันการใช้งานระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น” นายธานีรัตน์ กล่าว

นอกจากนั้น กระทรวงฯ ยังได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงภาครัฐ หรือ GIN (Government Information Network) โดยเชื่อมต่อหน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 1004 หน่วยงาน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2554 นี้ และจะขยายโครงข่ายไปยังระดับอำเภอและตำบลต่อไป นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการพัฒนาระบบบริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับหน่วยงานภาครัฐมาตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบันไปแล้วเป็นจำนวน 24 หน่วยงาน โดยกระทรวงฯ ได้เปิดใช้ระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ เพื่อเป็นระบบกลางในการเชื่อมโยงกับระบบบริการ e-Services ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเข้าใช้บริการภาครัฐผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่มีความปลอดภัย มั่นคง เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพ

ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยฝ่ายพัฒนาธรรมาภิบาลเพื่อตลาดทุน ได้จัดทำแบบสำรวจข้อมูลความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทจดทะเบียน เพื่อนำข้อมูลมาประมวลผลประกอบการพิจารณาตัดสินรางวัลบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ( CSR Awards 2010) ล่าสุด ตลท. ได้เปิดเผยผลคะแนนจากการพิจารณารางวัล CSR Awards จำนวนทั้งสิ้น 152 บริษัท

ทั้งนี้ จากผลคะแนนแบบสำรวจฯ ในกลุ่มมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดสูงกว่า 10,000 ล้านบาท จำนวน 41 บริษัท ดีแทคสามารถคว้าคะแนนสูงถึง 98.04% สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ 87.65%

โดยดีแทคได้คะแนนภาพรวมของการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่ที่ 91% สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของหมวดซึ่งอยู่ที่ 81%
สำหรับผลคะแนนในแต่ละหมวดการพิจารณานั้น ดีแทคได้รับคะแนน 100% ในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านแรงงาน ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการดำเนินกิจกรรมอย่างเป็นธรรม ด้านความรับผิดชอบต่อสินค้า/การบริการและผู้บริโภค/ผู้ใช้บริการ ด้านการพัฒนาและการมีส่วนร่วมในชุมชน ด้านธรรมาภิบาล และด้านนวัตกรรมและการเผยแพร่นวัตกรรมจากการดำเนินความรับผิดชอบต่อสังคม

ตลอดปี 2553 กิจกรรมเพื่อสังคมของดีแทค ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และมีพัฒนาการสู่รูปแบบของเครือข่ายงานเสริมสร้างสังคมที่ยั่งยืน ขยายขอบเขตการทำงานครอบคลุมทั้งภายในประเทศและระดับสากล ภายใต้ชื่อโครงการทำดีทุกวันจากดีแทค ตามกลยุทธ์หลัก 3 แนวทางคือ ทำดีด้วยเทคโนโลยี ทำดีด้วยความรู้ และทำดีด้วยใจ ซึ่งมุ่งเน้นตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ควบคู่ไปกับนโยบายของเทเลนอร์ในการทำกิจกรรมที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มต่าง ๆ เสริมสร้างความปลอดภัยต่องานบริการโทรคมนาคมและทำธุรกิจด้วยความห่วงใย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาไปสู่ความสุขและความดีที่สมดุลยั่งยืน

กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นไปตามแนวนโยบายของนายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ และนายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค ที่กำหนดไว้เป็นเป้าหมายขององค์กรการนำเสนอนวัตกรรมทาง Corporate Responsibilities (CR) อย่างจริงจัง ส่งผลให้ดีแทคสามารถคว้ารางวัลยอดเยี่ยมบริษัทจดทะเบียนดีเด่นด้าน CSR จากการประกวดรางวัล SET Awards ประจำปี 2552 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในประเภทบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ โครงการทำดีทุกวันจากดีแทค ยังได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครั้งที่ 2 ประเภทองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ประจำปี 2552 – 2553 ของสำนักงาน กปร (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) อีกด้วย.

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานเปิด งานสัมมนา “ระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ” ณ ห้องเมจิก ๒ ชั้น ๒ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ การสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ( e-Government Portal) ซึ่งเป็นศูนย์รวมบริการอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐสำหรับประชาชน ที่สามารถค้นหาบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ณ จุดเดียว นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายจากผู้แทนหน่วยงานภารัฐต่างๆ ที่เข้าร่วมสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และตอบข้อซักถามของการรับบริการภาครัฐ ตลอดจนเพื่อรับฟังความคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดการใช้งานระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ( e-Government Portal) อย่างแพร่หลายมากขึ้น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน งานแถลงข่าว “เปิดพรมแดนความรู้ ลดช่องว่าง สร้างโอกาสทางดิจิทัล” ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดทำโครงการสารานุกรมภาษาไทยออนไลน์ที่จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ โดยมีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบมจ.กสท โทรคมนาคม ร่วมกันดำเนินการจัดทำสารานุกรมภาษาไทยออนไลน์เผยแพร่ทาง www.asiaonline.com ด้วยการแปลบทความภาษาอังกฤษจากสารานุกรมวิกิพีเดียจำนวน 3.5 ล้านบทความเป็นภาษาไทย โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Statistical Machine Translation ซึ่งเป็นผลงานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์และนักภาษาศาสตร์ชาวไทย และถือเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการแปลสารานุกรมวิกิพีเดียจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นด้วยคอมพิวเตอร์ จึงนับเป็นก้าวสำคัญในการลดช่องว่างทางดิจิทัล สร้างโอกาสการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ และเปิดพรมแดนความรู้ให้กับเด็กไทยทั่วประเทศ

นายธนภัทร เฉียน กรรมการผู้จัดการ พร้อมนายยอดเยี่ยม ปราโมทย์ภิภพ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท หัวเหลียน คอมพิวเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับ นายสมเดช แสงสุรศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่ง ชาติ หรือ เนคเทค เข้าเยี่ยมชมโรงงานพร้อมศึกษาแลกเปลี่ยนข้อมูลวิธีการทดสอบ พาวเวอร์ซัพพลาย ซึ่งเนคเทค กำลังจะพัฒนาวิธีการทดสอบให้เป็นมาตรฐาน อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาในวงการคอมพิวเตอร์ของประเทศไทยต่อไป ณ โรงงานนาสด้า ถ . ศรีนครินทร์ เมื่อเร็วๆนี้