Archive

Archive for January, 2011

เฟดเอ็กซ์ พลิกประสบการณ์บริการขนส่งด่วน เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ สำหรับไอโฟน-บีบีและเว็บไซด์บนมือถือ

January 19th, 2011 No comments

เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (หรือเฟดเอ็กซ์) หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งด่วนรายใหญ่ที่สุดของโลกในเครือของเฟดเอ็กซ์ คอร์ป (หรือมีชื่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กว่า FDX) ประกาศเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับการใช้งานบนเครื่องโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ พร้อมทั้งเปิด Website ซึ่งเป็นเว็บไซด์ใหม่บนมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลการขนส่งสินค้าและพัสดุ สอบถามอัตราค่าขนส่งและเวลาแวะเปลี่ยนเครื่อง กำหนดเวลารับสินค้าและพัสดุ และค้นหาสำนักงานที่ตั้ง
ของเฟดเอ็กซ์ได้ทุกที่ทุกเวลา

การใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งาน
พุ่งสูงขึ้นถึง 347 ล้านคนภายในปี 25581 ดังนั้น เฟกเอ็กซ์จึงเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับเครื่องสมาร์ทโฟนไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ พร้อมด้วยเว็บไซด์ FedEx Mobile ใหม่ เพื่อให้ลูกค้าซึ่งต้องออกไปทำงานนอกสถานที่มากขึ้นสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับบริการขนส่งสินค้าของเฟดเอ็กซ์ผ่านเครื่องสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วและทันที นอกจากนี้ ลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ที่รองรับเทคโนโลยีเว็บสามารถเข้าใช้เว็บไซด์ FedEx Mobile ใหม่ เพื่อติดตามสถานภาพการขนส่งสินค้าและพัสดุของตน และใช้โซลูชั่น My FedEx Tracking ติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้าและพัสดุ สอบถามอัตราค่าบริการ กำหนดเวลารับสินค้าและพัสดุ2 และค้นหาสถานที่ตั้งของสำนักงานเฟดเอ็กซ์ใกล้บ้าน

มร. เดวิด แอล คันนิ่งแฮม จูเนียร์ ประธาน บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “เฟดเอ็กซ์มีปณิธานมุ่งส่งเสริมลูกค้าทั่วภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของเฟดเอ็กซ์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งหนใดหรือใช้อุปกรณ์สื่อสารชนิดใดก็ตาม การติดตั้งโซลูชั่นการสื่อสารเคลื่อนที่ใหม่ล่าสุดดังกล่าวขับเคลื่อนเฟดเอ็กซ์ให้ก้าวรุดหน้าอีกขั้นเพื่อพิชิตเป้าหมายดังกล่าวซึ่งอยู่ใกล้เข้ามามากขึ้น และสร้างประสบการณ์การให้บริการขนส่งที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้า”

แอพพลิเคชั่น FedEx Mobile ใหม่ สำหรับการใช้งานบนเครื่องไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ เปิดให้บริการ
ดาวน์โหลดฟรีที่ fedex.com (http://www.fedex.com/xx/mobile /index.html) xx= รหัสประเทศ และเว็บไซด์ FedEx Mobile ใหม่เปิดให้บริการที่ http://m.fedex.com

1 ผลการวิจัยเรื่อง Asia Pacific Equity Research Wireless Telecommunication Services โดยธนาคาร Credit Suisse 2 กุมภาพันธ์ 2553
2 เปิดให้บริการในประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเก๊า มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน

View :1850
Categories: Press/Release Tags:

ทรูไลฟ์พลัส เขย่าวงการ ต่อยอดความคุ้มค่า เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ “ทรูไลฟ์ ฟรีวิว 215 ช่อง”

January 19th, 2011 No comments

ให้ดูเยอะ โทรให้คุ้ม ได้เป็นคู่ ดู + โทร กับโปรเลือกได้ตามใจ
เต็มอิ่มทั้งดูรายการคุณภาพ 215 ช่อง และ โทรทรูมูฟ 399 บาท

พิเศษ สมัครวันนี้ – 28 กุมภาพันธ์นี้ รับส่วนลดค่าติดตั้ง พร้อมโบนัสโทรฟรีเพิ่ม 120 นาที

ทรูไลฟ์พลัส ศูนย์รวมคอนเวอร์เจนซ์เต็มรูปแบบ ผสมผสานบริการหลักของกลุ่มทรู เติมเต็มความสุขทุกไลฟ์สไตล์ กระหน่ำวงการอีกครั้งด้วยคอนเวอร์เจนซ์แพ็กเกจคุ้มสุดๆ แบบไม่เคยมีมาก่อน เปิดตัวแพ็กเกจ ดู + โทร ใหม่ล่าสุด “” เพียงเดือนละ 399 บาท จุใจทั้งโทรทรูมูฟ 399 บาท และ ได้ดูรายการคุณภาพมากถึง 215 ช่อง เต็มอิ่มกับสารพัดความรู้ความบันเทิงหลากหลาย ทั้งรายการจากในประเทศและต่างประเทศ ภาพยนตร์ ซีรี่ส์ดัง เพลง กีฬา สารคดี และวาไรตี้ ส่งตรงจากทั่วทุกมุมโลกถึงหน้าจอทีวี พร้อมสนุกกับ 10 ช่องรายการใหม่ล่าสุดต้อนรับปีกระต่าย

นายอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูไลฟ์พลัส ตอกย้ำความแข็งแกร่งยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู ให้ลูกค้าเข้าถึงสาระความรู้ ความบันเทิงได้มากขึ้น เชื่อมต่อถึงกันได้ทุกที่ทุกเวลา และคุ้มค่ายิ่งขึ้น เขย่าตลาดด้วยคอนเวอร์เจนซ์แพ็กเกจใหม่สุดคุ้ม “ทรูไลฟ์ ฟรีวิว 215 ช่อง” ค่าบริการรายเดือนเพียง 399 บาท ใช้เป็นค่าโทรทรูมูฟได้ 399 บาท และดูช่องรายการคุณภาพจากทรูวิชั่นส์และช่องรายการฟรีทูแอร์อื่นๆ แบบจุใจถึง 215 ช่อง ทั้งรายการจากในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ การ์ตูน ซีรี่ส์ กีฬา สารคดี และวาไรตี้ พร้อมช่องรายการใหม่ๆ ที่คัดสรรพิเศษสำหรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เพิ่มความสนุกรับปีกระต่ายกับ 10 ช่องรายการใหม่ ได้แก่ Fox Thailand ช่องรายการซีรี่ส์และบันเทิงอันดับหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมสูงในสหรัฐอเมริกา, Speed สถานีโทรทัศน์แห่งโลกยานยนต์ตลอด 24 ชั่วโมง ครั้งแรกในประเทศไทย, Animax สุดยอดการ์ตูนแอนิเมชั่นจากญี่ปุ่น, Super บันเทิง สถานีข่าวบันเทิง 24 ชั่วโมง, สยามกีฬา, Home&Food, Travel, Golf Channel, TAN Network และช่อง MCOT1”

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าทรูไลฟ์ฟรีวิว เตรียมเปิดรับความบันเทิงจากคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟหลากหลายที่หาชมที่อื่นไม่ได้ อาทิ การแข่งขันฟุตบอล “สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก” ที่ทรูวิชั่นส์ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดต่อเนื่องถึง 3 ปีคือ ฤดูกาล 2554 – 2556 และติดตามรายการอื่นๆ ที่คัดสรรมาให้ชมกันอย่างจุใจต่อเนื่องตลอดปี

“แพ็กเกจใหม่จากทรูไลฟ์พลัส นำเสนอแนวคิดคอนเวอร์เจนซ์แพ็กเกจของกลุ่มทรู ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพื่อมอบความคุ้มค่าสูงสุด ให้ดูเยอะ โทรให้คุ้ม ได้เป็นคู่ ดู+โทรกับโปรเลือกได้ตามใจ ยิ่งลูกค้าใช้สินค้าและบริการของกลุ่มทรูมากเท่าใด ก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้นเท่านั้น เลือกแพ็กเกจทรูไลฟ์ ฟรีวิวตามไลฟ์สไตล์ได้ 3 แบบ

มั่นใจว่า แพ็กเกจสุดคุ้ม ผนวกกับช่องรายการคุณภาพจากทรูวิชั่นส์ จะตรงใจและมอบประสบการณ์ชีวิตมีแต่บวกให้ลูกค้าสัมผัสได้อย่างแท้จริง” นายอริยะ กล่าวสรุป

ลูกค้าที่สนใจแพ็กเกจ “ทรูไลฟ์ ฟรีวิว” สามารถสมัครใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ทรูช็อปทุกสาขา พร้อมรับส่วนลดค่าติดตั้ง และโบนัสโทรฟรีเพิ่มอีก 120 นาที สำหรับทุกแพ็กเกจ เมื่อสมัครภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truelifeplus.com

View :1213

เอปสัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโปรเจคเตอร์ เผยเทรนด์ใหม่โปรเจคเตอร์สุดบาง และน้ำหนักเบา

January 19th, 2011 No comments

เอปสันผู้นำด้านภาพดิจิตอล โซลูชั่นการพิมพ์ระดับโลก และผู้นำด้านยอดขายโปรเจคเตอร์อันดับ 1 ของโลก 9 ปีซ้อน ส่งโปรเจคเตอร์กลุ่มอัลตร้า พอร์ทเทเบิล ซึ่งมีจุดเด่นที่ความบางและเบา ดีไซน์ทันสมัย แต่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด มีด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ EB-1750, , และ EB-1775W ด้วยน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม ตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด สูงเพียง 44 มิลลิเมตรเท่านั้น ง่ายต่อการพกพา มีความสว่างอยู่ที่ 3,000 ลูเมนส์ สามารถฉายภาพได้แม้ในห้องที่มีแสงสว่างจ้า โปรเจคเตอร์ในกลุ่มนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการพกพาเพื่อใช้งานนอกสถานที่โดยเฉพาะ มีฟังก์ชั่นที่ช่วยสนับสนุนงานพรีเซนต์นอกสถานที่ อาทิ การเชื่อมต่อแบบไร้สาย ฟังก์ชั่น Quick Startup เปิดเครื่องพร้อมใช้งานได้เร็วทันใจ และ Instant Off เก็บเครื่องได้ทันทีหลังปิดเครื่อง ฟังก์ชั่น Automatic Keystone Correction และฟังก์ชั่น Screen Fit ปรับภาพให้พอดีกับสกรีนด้วยปุ่มเดียว ราคาเครื่องรุ่นอัลตร้า พอร์ทเทเบิล อยู่ระหว่าง 49,900 – 64,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ เอปสัน ฮอตไลน์ โทรศัพท์ 02-685-9899 หรือ www.epson.co.th

View :1351

เอชพีพลิกเกมธุรกิจด้วยเครื่องพิมพ์ HP Designjet T series

January 19th, 2011 No comments

เครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300 eMFP  และ HP Designjet T7100 series ปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการออกแบบขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างเหนือชั้น

เอชพีเปิดตัว เครื่องพิมพ์หน้ากว้างรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ePrint สนับสนุนการทำงานสำหรับวงการสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) รวมทั้งองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ เพื่อให้สามารถเข้าใช้งานผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา และรองรับการทำงานร่วมกันได้มากที่สุด ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการเติบโตในกลุ่มเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง
 
นางสาวมาร์กาเร็ต ออง รองประธานกลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพีประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เอชพีในฐานะผู้นำด้านการพิมพ์มองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตของเนื้อหาบนเว็ป  (digital content) บนระบบคลาวด์เพิ่มขึ้น 33% ในปี 2555  จากผลการศึกษาสำรวจของเอชพีพบว่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนจำนวนร้อยละ 85 มีความต้องการพิมพ์เนื้อหาหรือข้อมูลต่างๆ ทั้งจากสมาร์ทโฟนและจากเว็บ นอกจากนี้ เอชพีมองว่าเทคโนโลยีคลาวด์  คอมพิวติ้ง ยังมีบทบาทสำคัญยิ่งในแง่ของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการให้บริการและการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะการสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่เพื่อใช้งานบนคลาวด์ ซึ่งย่อมจะก่อให้เกิดโอกาสแก่ธุรกิจอีกมหาศาล ซึ่งเป็นที่มาในการเปิดตัวเทคโนโลยี ePrint ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าในทุกๆ เซ็กเม้นต์
 
ล่าสุด เอชพีได้พลิกโฉมวงการอุตสาหกรรมงานพิมพ์ด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม โดยการนำเครื่องพิมพ์ HP Designjet T series ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ePrint นำเสนอทางเลือกใหม่ในการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและเหนือชั้นสู่อุตสาหกรรมนี้ ปัจจุบัน เอชพีถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง โดยในเซ็กเม้นต์ของงานพิมพ์ด้านเทคนิคที่รองรับงานด้านสถาปัตยกรรม (CAD/ GIS) วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) มีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 81 ของตลาดงานพิมพ์เทคนิคในประเทศไทย
 
มร.ฌอน ซี ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กราฟฟิกอาร์ต กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า จากการที่แพล็ตฟอร์มของนวัตกรรม HP ePrint ได้ขยายความครอบคลุมมาสู่แวดวงสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และการก่อสร้าง (AEC) และองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ จึงช่วยให้เหล่ามืออาชีพในธุรกิจเหล่านี้สามารถทุ่มเทกับการสร้างสรรค์และดำเนินการ  ตามความคิดของตัวเองได้อย่างเต็มที่  แทนที่จะมัวเสียเวลากับการจัดการกระบวนการพิมพ์ต่างๆ ที่อืดอาดและยุ่งยาก นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ เราจะนำเสนอเครื่องพิมพ์ HP Designjet Z6200 Photo Printer ที่นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์สมรรถนะสูงอย่างแท้จริง ที่พร้อมมอบความเร็วในการพิมพ์สูง และประสิทธิภาพการทำงานสำหรับทุกแอพพลิเคชั่น รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพดีที่สุด
 
HP Designjet T series ทำงานผ่านระบบออนไลน์ ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ ลดความซับซ้อนของกระบวนการด้านการพิมพ์ และขยายสมรรถนะการทำงานให้สูงสุด
เครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300/ HP Designjet T7100 และนวัตกรรม HP ePrint & Share ต่างได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) และองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ สามารถทำงานร่วมกันได้จากสถานที่ต่างๆ กัน จึงช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถลดความซับซ้อนของขั้นตอนการพิมพ์ทั้งหมดได้และเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้มากที่สุด
 
เครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300 eMFP  รองรับการทำงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สร้างสรรค์มาเป็นพิเศษสำหรับองค์กรธุรกิจในแวดวงสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง (AEC) และองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องพิมพ์รุ่นนี้ เหล่ามืออาชีพด้านการออกแบบและองค์กรระดับเอ็นเตอรไพรซ์จะสามารถสแกน และอัพโหลดเอกสารเข้าสู่ระบบออนไลน์ และสั่งพิมพ์งานเขียนได้อย่างง่ายดายได้ทุกที่ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นที่ในประชุมทีมที่ดำเนินโครงการที่สำนักงานหลักไปจนถึงการทบทวนงานกับลูกค้าหรือแม้แต่สถานที่ที่ห่างไกลออกไปจากที่ทำงาน
 
ครั้งแรกกับนวัตกรรม HP ePrint & Share  ช่วยลดขั้นตอนด้านการพิมพ์ทั้งหมดในการเขียนแบบเทคนิคไปกับแพล็ตฟอร์มนวัตกรรม HP ePrint & Share ที่ทำงานร่วมกับเครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300 eMFP แพล็ตฟอร์มนวัตกรรม HP ePrint & Share ที่พร้อมใช้งานได้ผ่านทาง  HP ePrintCenter ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบออนไลน์สำหรับลูกค้าผู้ใช้งานในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านการพิมพ์ตามความต้องการ จะช่วยให้มืออาชีพด้านสถาปัตยกรรม สารสนเทศภูมิศาสตร์ และนักวางแผนพัฒนาพื้นที่เมือง สามารถกำหนดตำแหน่งและเข้าใช้งานแผนงานต่างๆ ที่มี ปรับแก้จัดหน้าสิ่งพิมพ์  พรีวิวหน้าที่จะพิมพ์ และสร้างไฟล์ ที่สามารถนำมาพิมพ์ได้จากหน้าจอเพียงหน้าจอเดียว นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถอัพโหลดไฟล์ต่างๆ ในการคลิกเพียงครั้งเดียวขณะที่กำลังพิมพ์งานอยู่ เพื่อให้สามารถแบ่งปันงานออกแบบกับเพื่อนร่วมทีมโครงการเดียวกันที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย
 
เครื่องพิมพ์ HP Designjet T7100 มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สูงพร้อมลดค่าใช้จ่ายได้อย่างเห็นได้ชัด โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อการทำงานของฝ่ายทำสำเนากลาง central reprographic departments (CRD) ขององค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์และโรงพิมพ์ เครื่องพิมพ์รุ่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในด้านการพิมพ์ให้กับลูกค้าที่ต้องการพิมพ์ในแบบขาวดำและแบบสี ตั้งแต่งานเขียนแบบ CAD แบบธรรมดา ไปจนถึงงานพรีเซนเทชั่นคุณภาพสูง ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่สามารถแข่งขันได้ ถือเป็นทางเลือกในบรรดาอุปกรณ์ที่สามารถพิมพ์ได้เฉพาะแบบขาวดำหรือแบบสี รวมทั้งเทคโนโลยี LED ที่อาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูง เครื่องพิมพ์ HP Designjet T7100 มีจำหน่ายทั้งในแบบขาวดำและแบบสี
 
นอกจากนี้ เอชพีได้แนะนำเครื่องพิมพ์สำหรับการพิมพ์ภาพที่ทำงานได้รวดเร็วที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรม คือ HP Designjet Z6200 Photo Printer ที่ได้รับ  การออกแบบมาสำหรับการใช้งานของห้องภาพ ร้านพิมพ์ภาพ ระบบดิจิตอล ตัวแทนโฆษณา บริษัทด้านการออกแบบ ผู้ให้บริการเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และบริการพิมพ์ภาพ
 
HP Designjet Z6200 Photo Printer series ให้งานพิมพ์คุณภาพสูง (photo-quality) ด้วยความละเอียดถึง 2,400 dpi รวมทั้งความสามารถสำหรับการใช้งานภายในที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวาดเส้น ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS)  แผนที่ งานภาพไปจนถึงการพิมพ์ป้ายโฆษณา นอกจากนี้ยังมีความเร็วมากกว่าเครื่องพิมพ์ HP Designjet Z6100 Printer  ซึ่งเป็นก่อนหน้านี้สูงสุดถึงร้อยละ 50 ด้วยความเร็วสูงสุด 1,500 ตารางฟุตต่อชั่วโมง
 
พร้อมกันนี้ เอชพียังได้ประกาศเปิดตัวโซลูชั่นซอฟต์แวร์ที่ได้รับการเสริมประสิทธิภาพตัวใหม่ที่เข้ามาสร้างนิยามใหม่ให้กับความสะดวกสบายไปกับแอ็คเซสเซอรี่ HP Instant Printing Pro โดยแอ็คเซสซอรี่นี้ ผู้ใช้งานจะสามารถ  พรีวิว แก้ไข และพิมพ์ไฟล์งานได้ โดยไม่ต้องเปิดแอพพลิชั่นหรือปรับแต่งการตั้งค่าไดรฟ์เวอร์เลย
 
“ในฐานะเทรนด์ เซ็ตเตอร์ เอชพีสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในทุกๆ กลุ่มของลูกค้าเรา สำหรับการเปิดตัวเครื่องพิมพ์ HP Designjet T series ในครั้งนี้ ถือเป็นการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมงานพิมพ์สำหรับตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้างโดยเฉพาะในส่วนของงานสถาปัตย์ งานวิศกรรม และออกแบบ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้สะดวกในรูปแบบ Mobility ผ่านเทคโนโลยี ePrint ของเรา ซึ่งเอชพีคาดหวังการเติบโตเพิ่มขึ้นของเครื่องพิมพ์ในเซ็กเม้นต์นี้ และเชื่อว่าเราจะคงเป็นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดต่อไป” นางสาวมาร์กาเร็ต กล่าวปิดท้าย 
 
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ HP Contact Center โทรศัพท์ 0-2353-9000 ต่อ 1

View :1605

เอชทีซีรุกหนักตั้งแต่ต้นปี เน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ชื่นชอบ พร้อมขยายช่องทางการขาย แต่งตั้งซินเน็คตัวแทนจำหน่ายรายที่สอง

January 19th, 2011 No comments

เอชทีซี ผู้นำในการออกแบบสมาร์ทโฟน เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2554 เพื่อสร้างการเติบโต โดยเน้นใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1) เร่งสร้างประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้งาน 2) ขยายช่องทางจัดจำหน่ายและบริการหลังการขาย และ 3) ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างๆ  
นายเควิน โฮห์ กรรมการผู้จัดการ เอชทีซี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอชทีซี ในปี 2554 เน้นย้ำใน 3 เรื่อง คือ
1)       เร่งสร้างประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้งาน: โดยเอชทีซี ยังคงสานต่อในการพัฒนายูสเซอร์อินเทอร์เฟซ Sense ที่เป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ในการพัฒนาโปรดักส์ให้มีความน่าใช้งานมากขึ้น
2)       ขยายช่องทางจัดจำหน่ายและบริการหลังการขาย: เอชทีซีแต่งตั้งบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้เป็นดิสทริบิวเตอร์รายที่สองในการขยายตลาดให้ครอบคลุมจังหวัดต่างๆ มากขึ้น โดยที่ผ่านมาเอชทีซี จัดจำหน่ายผ่านบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นดิสทริบิวเตอร์รายเดียว พร้อมเน้นเรื่องคุณภาพของการบริการหลังการขายด้วยบริการ HTC Delivery และการอบรมการใช้งานที่มีมาโดยตลอด
3)       ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างๆ: ด้วยการนำเสนอบริการรูปแบบใหม่และกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก
 
นายเควิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความร่วมมือกับซินเน็ค ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญอีกครั้งหนึ่งของเอชทีซี ในการขยายตลาดให้ครอบคลุมต่อความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ซินเน็คเป็นพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องช่องทางจัดจำหน่ายมาเป็นเวลานาน และเข้าใจต่อตลาดในประเทศ เอชทีซีคาดหวังว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยสร้างการเติบโตให้เอชทีซี และที่สำคัญคือ ให้ผู้ใช้ทั่วไปมีโอกาสทดลองใช้งานเอชทีซีได้ง่ายและสะดวกขึ้น ตามจุดหน้าร้านต่างๆ”
 
นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา เอชทีซี (ไทยแลนด์) ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของรายได้ และอัตราการรับรู้แบรนด์เอชทีซี โดยจากการสำรวจการรับรู้แบรนด์ (brand awareness) ของเอชทีซีในตลาดโลก อัตราการรับรู้แบรนด์เอชทีซีเติบโตขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในประเทศไทย จากการสำรวจ อัตราการรับรู้ของแบรนด์เอชทีซีในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็น 54 เปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจคนในช่วงอายุ 16-54 ปี และปีนี้ เอชทีซี สานต่อในการสร้างแบรนด์เอชทีซีให้เป็นแบรนด์ที่ผู้คนชื่นชอบ
นายณัฐวัชร์ กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การสร้างการเติบโตในประเทศไทย จะเน้นใน 5 เรื่องหลัก ประกอบด้วย
1)       สร้างเอชทีซีแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ชื่นชอบ (Brand Preference): ปีนี้จะเป็นปีที่เอชทีซี มุ่งเน้นในการสร้างแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ผู้คนชื่นชอบ จากการพัฒนานวัตกรรมและบริการต่างๆ
2)       เพิ่มการสร้างประสบการณ์การใช้งานสู่ผู้ใช้โดยตรง : ให้ความมั่นใจกับผู้ซื้อก่อนตัดสินใจซื้อ ด้วยผู้ขายที่เชี่ยวชาญและมีความรู้จริง และเพิ่มเครื่องทดลองใช้ตามหน้าร้านต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งานมือถือเอชทีซี ณ จุดขาย ได้มากยิ่งขึ้น
3)       เน้นจำหน่ายเฉพาะรุ่นที่เป็นไฮไลต์ในแต่ละโปรดักส์ไลน์: ในแต่ละเซ็คเม้นท์ เอชทีซี วางแผนเปิดตัวจำนวนรุ่นน้อยลง เพื่อให้ระยะเวลาการโปรโมทของโปรดักส์ไลน์ในตลาดแต่ละรุ่นนานขึ้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างการสื่อสารการตลาดในแต่ละรุ่นให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
4)       ปรับขบวนการทำงานให้ดีขึ้น : เอชทีซี มุ่งเน้นในการพัฒนา ปรับปรุง ขบวนการ และขั้นตอนในการดำเนิงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพขึ้น
5)       เพิ่มบุคลากร : เอชทีซี วางแผนเพิ่มบุคลากร เพื่อตอบรับกับตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
 
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ซินเน็คฯ มีศักยภาพและความพร้อมในการขยายตลาดกลุ่มสมาร์ทโฟนเป็นอย่างดี เนื่องด้วยกลุ่มบริษัทในเครือซินเน็คมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจตลาดมือถือและสมาร์ทโฟน โดยซินเน็คในประเทศภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคมีสัดส่วนการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง เช่น ซินเน็คประเทศไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญดังกล่าวจะทำให้ซินเน็คประเทศไทยสามารถขยายธุรกิจด้านสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว
 นอกจากนี้ซินเน็ค ประเทศไทย จะร่วมมือกับเอชทีซีในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเข้าไปในช่องทางร้านขายอุปกรณ์ไอที ซึ่งซินเน็คฯ มีลูกค้าอยู่กว่า 5,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงการขายผ่านร้านค้าปลีกสินค้าไอที Cnex Shop ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ทำให้ เอชทีซีที่จัดจำหน่ายโดยซินเน็คฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น และประการสำคัญ บริษัทฯ มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ทำให้สินค้าที่จัดจำหน่ายโดยซินเน็คสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้า เอชทีซีได้รับการตอบรับจากลูกค้าตามเป้าหมายที่วางไว้
“เรามั่นใจว่าการเป็นผู้แทนจำหน่ายเอชทีซีอย่างเป็นทางการ จะผลักดันให้สินค้ากลุ่มนี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้า และสามารถขยายส่วนแบ่งทางการตลาดให้เพิ่มขึ้นได้ จากปัจจัยหลักความต้องการสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนที่กำลังได้รับความนิยมจากลูกค้า เรายังได้เตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการทำตลาดสมาร์ทโฟนซึ่งพร้อมด้วยประสบการณ์และความสามารถในการรุกตลาดสมาร์ทโฟนได้ทันทีอีกกว่า 30 คน และด้วยจำนวน 23 สาขาที่กระจายอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ   ผนวกกับความแข็งแกร่งด้านการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีของซินเน็ค จะสามารถสนับสนุนให้การขยายตลาดสมาร์ทโฟนนั้นทำได้รวดเร็วขึ้น  โดยในปีแรกของการทำตลาดคาดว่าสินค้ากลุ่ม เอชทีซีจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท” นายสุพันธุ์กล่าว

View :1359
Categories: Press/Release Tags: ,

ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ชาวลพบุรีดวงเฮงรับปีใหม่ “ อุ่นใจได้แต้ม ” มอบทอง 1 ล้านบาท

January 18th, 2011 No comments

เอไอเอส นำโดย นางวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ ปิดร้านทองย่านเยาวราชให้นาย วี รศักดิ์ เคียนทอง ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ อาชีพข้าราชการครูชาวลพบุรี ผู้โชคดีจากแคมเปญ “ เอไอเอส อุ่นใจได้แต้ม ช้อปทอง 1 ล้านปี 2 ” ได้ช้อปทองตามใจชอบมูลค่าถึง 1 ล้านบาท โดยลูกค้าเอไอเอสสามารถร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีในแคมเปญนี้ได้ง่ายๆ เพียงกดสมัครฟรีที่ *544 # แล้วโทรออก

View :1671
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคแต่งตั้ง จอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่

January 18th, 2011 No comments

คณะกรรมการบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ประกาศแต่งตั้งนายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ แทนนายทอเร่ จอห์นเซ่น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป
 
“คณะกรรมการบริษัทฯ มีความยินดีอย่างยิ่งในการแต่งตั้งนายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของดีแทค นายจอนมีความรู้และประสบการณ์การทำงานจากหลายประเทศในเอเชียซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อดีแทค เรามั่นใจว่าด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสม นายจอนจะสามารถพัฒนาดีแทคให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นต่อไป” นาย ซิคเว่ เบรคเก้ รองประธานบริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ เอเชีย กล่าว
 
ปัจจุบัน นายจอนดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เทเลนอร์ ปากีสถาน หนึ่งในผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำในประเทศปากีสถานซึ่งมีฐานลูกค้ากว่า 25 ล้านคน
 
นายจอนมีประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกว่า 20 ปี ทั้งกับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ก่อนร่วมงานกับเทเลนอร์ ปากีสถาน นายจอนดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท Maxis Telecommunications ในประเทศมาเลเซีย และเคยเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัทดิจิ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เทเลนอร์ กรุ๊ป ในมาเลเซีย
 
ปัจจุบันนายจอน อายุ 44 ปี สมรส และมีทายาท 2 คน นายจอนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยมอนทานา ประเทศสหรัฐอเมริกา
 
“ความสำเร็จของดีแทคตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นและทุ่มเท ดีแทคสามารถนำพลังเหล่านี้มาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภค อีกทั้งยังมีความตั้งใจในการให้บริการและมีการพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ผมหวังว่า ด้วยการสนับสนุนจากทีมงาน เราจะสามารถผลักดันให้ดีแทคประสบความสำเร็จต่อไป” นายจอน กล่าว
 
นายจอนจะเข้าดำรงตำแหน่งแทนนายทอเร่ จอห์นเซ่น ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของบริษัท กรามีนโฟน บริษัทในเครือเทเลนอร์ที่เป็นผู้นำตลาดในประเทศบังคลาเทศ
 
“คณะกรรมการบริษัท ฯ ขอขอบคุณนายทอเร่สำหรับความทุ่มเทที่มีให้ดีแทค ภายใต้การบริหารของนายทอเร่ ดีแทคสามารถคงความเป็นผู้ให้บริการชั้นนำที่มีฐานลูกค้ากว่า 20 ล้านรายและมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายทอเร่จะประสบความสำเร็จในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทกรามีนโฟนต่อไป” นาย ซิคเว่ กล่าว
 
“ผมพอใจกับความสำเร็จของดีแทคตลอดช่วงเวลาที่ผมทำงานที่นี่ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีความท้าทายเรื่องกฏระเบียบต่าง ๆ  เราสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง อีกทั้งสร้างผลประกอบการที่ดีผ่านขบวนการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกยินดีในการได้ร่วมงานกับกรามีนโฟน ผมก็เสียใจที่ต้องจากดีแทคไป แต่ผมมั่นใจว่า ด้วยการเป็นบริษัทที่มีพนักงานที่มุ่นมั่นและมีความสามารถ อีกทั้งมีวัฒนธรรมที่สร้างแรงบันดาลใจและความตั้งใจในการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า ดีแทคอยู่ในฐานะที่พร้อมสำหรับการเติบโตต่อไปในอนาคต” นายทอเร่ กล่าว

View :1260

ก.ไอซีที จับมือ ๔ กระทรวงพัฒนามาตรฐานการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพ

January 18th, 2011 No comments

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาและผลักดันมาตรฐานการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพ ระหว่าง ๕ กระทรวง ว่า รัฐบาลมีนโยบายในการปรับปรุงระบบบริการด้านสาธารณสุข โดยลงทุนพัฒนาระบบบริการสุขภาพของภาครัฐในทุกระดับให้ได้มาตรฐาน พัฒนาระบบเครือข่ายการส่งต่อในทุกระดับให้มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงกันทั้งใน ภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้ระบบหลักประกันสุขภาพมีคุณภาพอย่างเพียงพอทั่วถึง รวมทั้งมีการลงทุนผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพด้านการแพทย์ ตลอดจนการกระจายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างสอดคล้องกับความต้องการ ของพื้นที่ พร้อมกันนี้ยังมีการลงทุนพัฒนาและเชื่อมโยงระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศด้าน สุขภาพให้ทันสมัย มีมาตรฐานสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างคุ้มค่า

ดัง นั้น การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการผลักดันมาตรฐานการแลกเปลี่ยนและ เชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพระหว่าง ๕ กระทรวงในครั้งนี้ จึงเป็นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันสร้าง คุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน อันจะส่งผลต่อการเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึง บริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์มีความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่าการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการพัฒนาและผลักดันมาตรฐานข้อมูลทางการแพทย์รวมทั้งข้อมูลบริการ สุขภาพของประเทศ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพข้อมูลและการนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในการดูแล รวมถึงให้บริการสุขภาพของประชาชนอย่างถูกต้อง ปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากล และตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ ปี ๒๕๕๓-๒๕๖๒ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ตลอดจนสอดคล้องกับแนวทางการบูรณาการข้อมูลภาครัฐตามนโยบายรัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ และตอบสนองต่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพของภูมิภาคอย่าง ยั่งยืน

สำหรับ ความร่วมมือในการพัฒนาและผลักดันมาตรฐานการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูล ด้านสุขภาพครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโรง พยาบาล ซึ่งในปัจจุบันระบบข้อมูลด้านสุขภาพนั้นเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นด้วยซอฟต์แวร์ ที่หลากหลาย ทำให้มีผลต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลและเป็นอุปสรรคต่อ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ดังนั้น จึงได้มีการจัดทำข้อตกลงดังกล่าวขึ้น เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงความสำคัญในการจัดทำ และส่งเสริมสนับสนุนการใช้มาตรฐานข้อมูลดังกล่าวในด้านนโยบาย

ส่วน ขอบเขตการดำเนินงานของกระทรวงไอซีที ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือฯ นี้ คือ ๑.ร่วมกำหนดนโยบาย การดำเนินการและแผนปฏิบัติการในการกำหนดและผลักดันมาตรฐานการแลกเปลี่ยน ข้อมูลด้านสุขภาพ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้รับ บริการ ๒.ร่วมพัฒนา ส่งเสริม กำหนด และดูแลมาตรฐานการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพ ๓.ร่วมวางแผนบูรณาการจัดทำมาตรฐาน การจัดเก็บ การเชื่อมโยง และการใช้ประโยชน์ข้อมูลทางการแพทย์และข้อมูลบริการสุขภาพ ร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด

๔.สนับ สนุนการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติงานและส่งเสริมการพัฒนาระบบ ระเบียบ กลไก และโครงสร้างพื้นฐานในการกำหนดมาตรฐานและการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลด้าน สุขภาพระหว่างส่วนราชการและภาคส่วนต่างๆ ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ๕.สนับสนุนการศึกษา วิจัย การเผยแพร่ และการประยุกต์ใช้มาตรฐานดังกล่าว เป็นต้น โดยในการดำเนินงานร่วมกันนั้น ทั้ง ๕ กระทรวงจะตั้งคณะทำงานหรือจัดทำโครงการภายใต้บันทึกข้อตกลงฯ ซึ่งจะจัดทำรูปแบบความตกลงของแต่ละโครงการย่อยเป็นกรณีๆ ไป

โดย ในเบื้องต้นมีโครงการที่คาดว่าจะดำเนินการหลังจากการลงนามความร่วมมือฯ จำนวน ๓ โครงการ คือ ๑.จัดทำมาตรฐานข้อมูลในการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลในเครือข่าย ๒.ระบบ Emergency Management การเตรียมความพร้อมในการจัดการอุบัติเหตุหรือภัยพิบัติต่างๆ ทางด้านสาธารณสุข ๓.ระบบ Tele Consultant หรือระบบการปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพทางไกล

View :1271

ทรูไอดีซี จับมือ จัดโครงการ “ทรู คลาวด์ วินเนอร์”

January 18th, 2011 No comments

เฟ้นหานักพัฒนาซอฟท์แวร์บนคลาวด์ คอมพิวติ้ง รายแรกในไทย

สานต่อความร่วมมือกับ ซอฟต์แวร์พาร์ค เพื่อส่งเสริมการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนระบบคลาวด์ คอมพิวติ้งให้หลากหลายมากขึ้น จัดโครงการ “” เฟ้นหานักพัฒนาซอฟท์แวร์บนคลาวด์ คอมพิวติ้งรายแรกในไทย ชิงรางวัล iPad เชิญชวนผู้สนใจร่วมพัฒนาซอฟต์แวร์บนบริการ ทรู คลาวด์ โดยทรูไอดีซีสนับสนุนบริการเซิร์ฟเวอร์เสมือนบนระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง พร้อมบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง และบริการระบบรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง ฟรีตลอดระยะเวลาของโครงการ ทั้งนี้ ผู้ที่ส่งผลงานก่อนจะได้รับการพิจารณาก่อนตามลำดับ และซอฟท์แวร์ที่สามารถใช้งานได้จริงและตรงตามเกณฑ์การพิจารณาเป็นอันดับแรก จะได้รับคัดเลือกเพื่อมอบรางวัลต่อไป

ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ “ทรู คลาวด์ วินเนอร์”และส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2554 ดูรายละเอียดเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาเพิ่มเติมได้ที่ www.trueidc.co.th

View :1485

ไอดีซี ชี้ ปี 2554 เป็นปีที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องกำหนดจุดยืนของตนเองในอุตสาหกรรมไอทีซีในภูมิภาค APEJ

January 17th, 2011 No comments

ผู้ให้บริการฯ ต้องยกระดับตนเองในการเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ

การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อต้องการแย่งส่วนแบ่งตลาดนั้นได้เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ไอดีซีเชื่อว่าการแปลงสภาพของตนเองจะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการแข่งขันที่ดุเดือดในขณะนี้ และในปี 2554 นี้จะเป็นปีแห่ง “การทดสอบความสามารถ” ของผู้ให้บริการโทรคมนาคมต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคนี้ เมื่อผู้ประกอบการทั้งหลายต้องเร่งปรับเปลี่ยนและใช้โอกาสทางธุรกิจที่ปรากฏขึ้นใน 10 อันดับการคาดการณ์ที่สำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไอดีซี นำไปผนวกกับจุดแข็งของตนเอง
“โอกาสในปี 2554 จะช่วยให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมรักษาส่วนแบ่งตลาดของตนเองได้อย่างปลอดภัยและกําหนดให้เป็นสิ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์ของไอซีที” กล่าวโดยนายเอเดรียน โฮ หัวหน้ากลุ่มวิจัย โทรคมนาคม, เมเนจเซอร์วิส และ อุปกรณ์เครือข่ายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “เรื่องต่าง ๆ ที่มีการเอ่ยถึงกันมากในยุคนี้ไม่ว่าจะเป็น โมบิลิตี้ โซเชียลเน็ตเวิรค์ และ คลาวด์ ที่กำลังเริ่มให้บริการกันบ้างแล้วนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงจะเป็นการเปลี่ยนสภาพของอุตสาหกรรมไอซีที ทั้งในทศวรรษข้างหน้าเท่านั้นแต่มันยังส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่และการทำงานของพวกเราอีกด้วย”
เอเดรียนเสริมว่า “ในท้ายที่สุดแล้ว ผู้ให้บริการโทรคมนาคมก็ต้องผันตนเองเข้าสู่ตลาดไอที เมื่อพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงในเรื่องของการรวมตัวอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมไอซีที” เอเดรียน ยังกล่าวอีกว่า “ผู้ให้บริการโทรคมนาคมบางรายในอดีตอาจจะมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีนักกับการให้บริการด้านไอที แต่เรายังเชื่อว่าการปรับ เปลี่ยนวิธีการใหม่ๆ จะทำให้มีความสมเหตุสมผล สามารถวัดประสิทธิภาพได้และมีโอกาสที่จะทำให้ผู้นำทั้งหลายในตลาดไอทีปัจจุบันหวั่นไหวได้”
ตลาดบริการโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 283 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2554 หรือ มีอัตราการเติบโตร้อยละ 7.5 บริการการสื่อสารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์พื้นฐานจะยังคงเป็นบริการที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม การใช้จ่ายด้านอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับองค์กรคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 13.1 มีมูลค่าราว 15.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2554 ปัจจัยที่เป็นแรงหนุนให้ตลาดเติบโตมาจาก การขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในระบบเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ การย้ายระบบการติดต่อสื่อสารไปเป็นไอพีทั้งหมด และ การขยายการลงทุนระบบเครือข่ายในส่วนของสำนักงานสาขา
“ด้วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจ บรรษัทข้ามชาติสัญชาติเอเชียต่าง ๆ กำลังจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง และสิ่งนี้จะเป็นโอกาสอันพิเศษสุดและในขณะเดียวกันก็เป็นงานที่ท้าทายสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั้งหลาย เราเชื่อว่าการติดต่อสื่อสารภายในภูมิภาคเอเชียจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญสำหรับการเติบโตของบริการ IP VPN และบริการไอซีทีด้านอื่น ๆ” เอเดรียนให้ความคิดเห็น เขายังได้ให้ข้อควรระวัง “ไม่ใช่ว่าผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุกรายจะมีความต่อเนื่องทางความคิด และ มีจุดแข็งพอที่จะให้เกิดการเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งต้องอาศัยความ สามารถในการทำงานที่เฉพาะด้าน รวมถึงความแตกต่างกันของพื้นที่ในแต่ละภูมิภาคนี้ เพื่อเป็นแรงขับทำให้ได้รับประโยชน์จากโอกาสในการเติบโตดังกล่าว”
การคาดการณ์ 10 อันดับแนวโน้มที่สำคัญประจำปีของธุรกิจโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียโดย ไอดีซี นั้นได้จัดทำขึ้นจากงานวิจัยล่าสุดของไอดีซีและการระดมสมองของนักวิเคราะห์ที่ประจำอยู่ในแต่ละประเทศและในภูมิภาค สิ่งเหล่านี้จะแสดงถึงแนวโน้มที่สำคัญ ที่จะส่งผลกระทบทางการเงินที่สำคัญหรือผลกระทบต่อตลาดในระยะยาวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น

10 อันดับแนวโน้มที่สำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคไม่รวมญี่ปุ่นประจำปี 2554 มีดังต่อไปนี้
(1) แอพพลิเคชั่น Socialytic จะเปลี่ยนตลาดแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมกัน
ไอดีซี คาดว่า ในปี 2554 จะเป็นปีที่มีแนวโน้มของการรวมสื่อสังคมออนไลน์กับการวิเคราะห์ธุรกิจ จะมาบรรจบซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้กับบรรดาแอพพลิเคชั่นหลัก ๆ สำหรับองค์กรที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ กำลังเริ่มที่จะฝังตัวเรื่องของ unified communications และ social media ไว้ในการทำงานในปัจจุบัน แต่ ไอดีซีคาดว่าแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจทุกประเภท กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในระบบโครงการสร้างการทำงานโดยรวมเอาซอฟท์แวร์ด้าน social/collaboration และงานด้านการวิเคราะห์ เข้าไปเป็นหน่วยหนึ่งในแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจที่ใช้งานมาดั้งเดิมในปี 2554 นี้และปีถัด ๆ ไป แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ขององค์กรกำลังจะกลายเป็นทั้ง”สื่อสังคม” และ “การวิเคราะห์” ตามสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งไอดีซีกำลังหมายถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ ๆ สำหรับองค์กรธุรกิจที่เรียกว่า “socialytic” แอพพลิเคชั่น

(2) Mobilution – แนวคิดโมบิลิตี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดไอที
ในเรื่องของการทำให้องค์กรเป็นโมบิลิตี้นั้นเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงมาหลายปีแล้ว แต่ในความจริงมันก็ยังคงเป็นเรื่องที่เราทึกทักเอาเท่านั้น การที่เราสามารถที่จะเข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่สำคัญขององค์กรได้เมื่อเราจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายหรือไม่ได้อยู่ที่สำนักงาน นอกจากนี้เรายังทึกทักเอาเองว่าได้เข้าถึงในเรื่องแนวคิดของการเป็นโมบิลิตี้แล้วแต่ในความจริงมันเกิดขึ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยที่การเชื่อมต่อเข้าระบบเครือข่ายของสำนักงานส่วนมากแล้ว ยังถูกจำกัดอยู่แค่ในเรื่องการเช็คอีเมลล์ผ่านมือถือ หรือ โซลูชั่นที่สามารถใช้ได้ทั้งเครือข่ายมือถือหรือโทรศัพท์บ้าน และ แอพพลิเคชั่นพื้น ๆ ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟน แต่ในวันนี้ ไอดีซี กำลังเห็น สิ่งที่เราจะเรียกได้ว่า “มหาพายุ” ที่เกิดจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีหลายประเภทที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นการปฏิวัติในเรื่องของโมบิลิตี้ และท้ายที่สุดแล้ว มันจะทำให้ “ทุกสิ่งทุกอย่าง” กลายเป็นโมบายในที่สุด และไอดีซีเชื่อว่า ในปี 2554 นี้จะเป็นปีที่เป็นตัวเร่งสำหรับเรื่องดังกล่าวนี้

(3) การสิ้นสุดของ ไอพี โฟน อย่างที่เรารู้กัน
วีดีโอยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจถูกพูดถึงอยู่เสมอ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ เทคโนโลยี ที่ยังมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น สิ่งนี้ได้เริ่มเปิดให้บริการ เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ว่า สิ่งนี้จะมีการปฏิวัติรูปแบบสื่อสารด้วยการทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลงเป็นมาก และความสะดวกสบายของวิดีโอก็ได้มีความก้าวหน้าไปมาก ในฐานะที่เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน เช่น การเปิดตัว Telepresence โดยที่ วีดีโอนั้นได้เปลี่ยแปลงรูปแบบการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจทั้งภายในและภายนอกระหว่างลูกค้าและผู้ค้า การใช้งานที่เพิ่มขึ้นบวกกับความนิยมของวิดีโอและอุปกรณ์สมาร์ทโฟนต่าง ๆ ในยุคของ mobilution จะนำไปสู่การสิ้นสุดของ ไอพี โฟน (IP Phone)

(4) การเติบโตของบรรษัทข้ามชาติสัญชาติเอเชีย
บางทีหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องของตลาดซึ่งไม่เพียงแต่เฉพาะในปี 2554 เท่านั้นแต่ยังเลยไปถึงอีกทศวรรษข้างหน้า ก็คือการเติบโตของบรรษัทข้ามชาติสัญชาติเอเชีย หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าเป็น ศตวรรษแห่งเอเชีย การจัดอันดับในโลกใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือตัวเรา และยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อิทธิพลของบรรษัทข้ามชาติสัญชาติเอเชีย ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดไอซีที ทั้งเรื่องของวิธีการทำงานและการปฏิบัติตัวของผู้นำตลาด “การปรับตัวหรือการล้มหาย” บางทีจะเป็นโจทย์ที่สำคัญสำหรับบรรดาผู้ค้าไอซีทีรายหลัก ๆ ทีกำลังเข้ามาแข่งขันในศตวรรษแห่งเอเชีย

(5) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะกลับมารุกตลาดไอทีอีกครั้ง
T-System เป็นบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่เคยเปิดให้บริการทางด้านไอทีในยุกแรกๆ ซึ่งจัดอยู่ในเรื่องของไอทีเอ้าท์ซอร์สซิ่ง และในอีกหลายปีต่อมา ก็พบว่ามีผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายต่าง ๆ เริ่มเดินตามแนวทางนี้ เช่น Telstra, Telecom New Zealand, Singtel ในภูมิภาคนี้ และ BT และ Orange Business Services ในระดับโลก ซึ่งชื่อที่กล่าวมานั้นยังเป็นเพียงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงผลักดันมาจากการชะลอตัวหรือการติดลบจำนวนมากของรายได้ จากการให้บริการโทรคมนาคมที่ทำให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจำเป็นต้องมองหาพื้นที่ใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจของตนเอง การเข้ามาเล่นในตลาดไอทีนั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันไม่สิ้นสุดเมื่อบรรดานักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมจำนวนมากได้ส่งสัญญาณเตือนว่า ผู้ให้บริการบริการโทรคมนาคมจะไม่สามารถยกระดับของพวกเขาได้ดีพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อไอทีได้ทั่วโลก ผลงานกว่าทศวรรษที่ผ่านมานั้นยังคงค่อนข้างชี้ชัดลำบาก อย่างดีที่สุดเท่าที่พบก็คือผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลายรายกำลังขาดทุนและถอนตัวจากงานที่ต้องใช้โปรไฟล์สูงซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารโครงการไอซีทีเอ้าท์ซอร์สซิ่งขนาดใหญ่ที่ไม่ดี ในภูมิภาคนี้ ตัวอย่างเช่น Telstra ได้ขายแผนกที่ให้บริการด้านไอทีไปแล้วคือ KAZ ซึ่งเป็นบริษัทที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่ปีเท่านั้น แต่ด้วยวิวัฒนาการของคลาวด์ โมบิลิตี้และเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมาย นั้นกำลังจะหมายความว่า ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะกลับมารุกตลาดนี้อีกครั้งในปี 2554

(6) เวอร์ชวลเดสก์ท็อปจะเป็นตัวปูทางให้กับ Workplace-as-a-Service
บริการเวอร์ชวลเดสก์ท็อปได้แสดงถึงความมีศักยภาพอย่างมากในเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของเดสก์ท็อป แต่การเชื่อมต่อและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานกันเป็นจำนวนมากนั้นจะยังคงเป็นเรื่องท้าทายหลักอยู่เสมอและอาจจะเปรียบได้เหมือนกับ “กำลังเดินลุยไฟ” ซึ่งอาจจะโดนไฟไหม้ได้ถ้าหากบริหารจัดการไม่ดี สิ่งหนึ่งที่ทุกคนยอมรับและเห็นด้วย สำหรับเวอร์ชวลเดส์ก์ท็อปคือเรื่องของความซับซ้อนของมัน ด้วยความนิยมของ iPads ในโลกของ B2B และการมีผลิตภัณฑ์ทางเลือกเช่น แท็บเล็ท สามารถใช้งานได้ตามที่คาดหวังและอุปกรณ์มือถือประเภทอื่น ๆ การทำเวอร์ชวลไลเซชั่นสำหรับอุปกรณ์ปลายทางเหล่านี้คาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นการทดสอบเชิงทฏษฏีและความต้องการของตลาดในปี 2554 ด้วย

(7) พลังจากดาต้าเซ็นเตอร์จะเด่นชัดในโลกของผู้ที่สามารถให้บริการคลาวด์
จากบางส่วนของการคาดการณ์ของไอดีซี ได้ระบุว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งความสับสนสำหรับคลาวด์คอมพิวติ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ให้บริการในภูมิภาคนี้ ขณะที่ไอดีซีได้เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้เกือบร้อยละ 90 ของผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาคนี้ กำลังจะให้เปิดให้บริการคลาวด์หรืออย่างน้อยได้ให้ความสนใจที่เปิดให้บริการคลาวด์และ คาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนอย่างมากสำหรับแนวโน้มนี้ในปี 2554 และปีถัดไป ไอดีซี คาดว่าผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาคนี้ยังคงทุ่มเงินอีกหลายพันล้านในการสร้างและพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเอง เพื่อรับรองการเปิดให้บริการคลาวด์ ไอดีซี ยังคาดว่าจะมีกิจกรรมทางการตลาดที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น เมื่อผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มที่จะสร้างความแตกต่างในบริการคลาวด์โดยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมเป็นเจ้าของเองทั้งหมด

(8) การหาพันธมิตรของผู้ค้าไอทีจะลดปัญหาในการเข้าตลาด SMB ที่มีขนาดใหญ่
บริษัทด้านไอทีต่าง ๆ กำลังมองหาแนวทางการเป็นพันธมิตรธุรกิจกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด SMB ซึ่งยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของจำนวนรวมของผู้ที่จะใช้บริการตลาด SMB ได้ถูกเรียกว่า เป็นตลาด Long tail (ตลาดที่มีกำลังซื้อน้อยแต่ก็ยังมีอัตราซื้ออย่างต่อเนื่อง) และจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายมากที่ว่าทำไมบริษัทไอทีต่าง ๆ ต้องการส่วนแบ่งในตลาดนี้ให้ได้มากที่สุด มันเป็นตลาดที่ท้าทายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหากพิจารณาจากตัวเลขที่เกี่ยวข้องเช่น – การพิจารณาตัวเลขของจำนวนประเทศในภูมิภาคนี้ และยังรวมไปถึงความยากลำบากในการติดต่อกับลูกค้าแต่ละรายในแต่ละแห่ง

(9) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มที่จะลงมือทำคลาวด์คอมพิวติ้งแล้ว
นอกจากเรื่องเดิม ๆ ที่พูดถึงว่าผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตกำลังเปิดให้บริการคลาวด์ให้กับผู้ใช้งานที่เป็นบุคคลทั่วไปหรือองค์กรธุรกิจ แต่กลับมีกลุ่มธุรกิจย่อยที่กำลังเกิดใหม่และน่าจับตามองซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการไอที โดยผู้จัดหาอุปกรณ์เครือข่าย (NEP) ที่กำลังขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้กับผู้ให้บริการโทรคมนาคม ได้ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีของตนเองหรือการให้บริการเหล่านี้ไปสู่การให้บริการคลาวด์ที่ทำเงินได้ โดยรูปแบบการให้บริการคลาวด์ที่จะนำเสนอในลักษณะที่ไม่ใช่เป็นแบบ “ผู้ให้บริการหนึ่งรายต่อลูกค้าหลายราย” ซึ่งมักจะเป็นเรื่องคาใจอยู่เสมอ เมื่อผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ให้บริการคลาวด์จะต้องไปแชร์เซิฟเวอร์เดียวกันกับคู่แข่งของเขา เพื่อขจัดปัญหาเช่นนั้น NEP กำลังมองหาแนวทางในการนำเสนอบริการเหล่านี้ในลักษณะ hosted private cloud ซึ่งจะมีการจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานตามความต้องการของผู้ให้บริการโทรคมนาคมแต่ละราย ด้วยทิศทางในอนาคตที่จะมุ่งไปสู่การมีโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์ที่เสมือนจะแยกกันอย่างชัดเจนจะทำให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั้งหลายจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นในเรื่องของแนวคิดการใช้งานร่วมกัน

(10) ไฟเบอร์ออปติคยุคใหม่ 100G จะเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดรับส่งข้อมูลที่ปริมาณสูง
ในเดือนมีนาคม 2550, การศึกษากลุ่มที่ 15 (SG 15) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ได้อนุมัติให้ขยายมาตรฐานของ G.709 OTN เพิ่มมากกว่า 43 Gb/s ที่ใช้ในปัจจุบัน (เรียกว่า”40G”) และสเปคใหม่นี้จะเรียกว่า OTU-4 ข้อกำหนดสำหรับการส่งสัญญาณ OTN ใหม่ได้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2552 ที่ผ่านมาและอัตราการรับส่ง OTU 4 ผ่านสายได้ถูกกำหนดไว้ที่ 112 GB/s ซึ่งสามารถนำมาใช้สำหรับการเชื่อมต่อ 100 Gps อีเทอร์เน็ตได้ ไอทียู ยังได้กำหนดกรอบและอัตราการรับส่งผ่านสายเสร็จสมบูรณ์สำหรับเครือข่ายรับส่งข้อมูลระยะไกลหรือไกลมาก (DWDM) ขนาด 100G ไอทียูยังได้ตัดสินใจแล้วที่จะใช้วิธี Dual Polarization Quadrature Phase Shift-Keying (DPQPSK) Modulation และเป็นจุดเชื่อมโยงกันกับการใช้เครือข่ายรับส่งระยะทางไกลขนาด 100G ได้ โดยผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายเช่น Ciena, Alcatel – Lucent และ Infinera ได้เริ่มที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในเชิงพาณิชย์แล้วสำหรับตัวรับส่งข้องมูลระยะทางไกลแบบ DWDM 100G ซึ่งคาดว่าจะมีการวางจำหน่ายกันอย่างเป็นทางการในปี 2554 นี้

เกี่ยวกับเรื่อง 10 อันดับแนวโน้มที่สำคัญของไอดีซีเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น ในแต่ละภูมิภาคจะมีนักวิเคราะห์ทำหน้าที่ในการเผยแพร่แนวโน้มในเรื่องเฉพาะด้านต่าง ๆ อัพเดทอยู่เสมอ ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวปไซด์ http://www..com.sg/predictions2011.

View :1445
Categories: Press/Release Tags: