Archive

Archive for August, 2011

RIM เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด5 รุ่น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7

August 4th, 2011 No comments

ริม จับมือพันธมิตรคู่ค้ากว่า 225 รายทั่วโลก เพื่อเปิดตัวแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด

รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – ) ประกาศแผนการที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุด 5 รุ่น ซึ่งมาพร้อมการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 (BlackBerry® 7) ทั้งนี้ ริม พร้อมด้วยพันธมิตรผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก วางแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ (BlackBerry® Bold™) 2 รุ่น และสมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช (BlackBerry® Torch™) 3 รุ่น ซึ่งจะทำงานด้วยสุดยอดระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด แบล็กเบอร์รี่ 7

การเปิดตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์มือถือในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเปิดตัวในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของริม ทั้งนี้ พันธมิตรผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จัดจำหน่ายกว่า 225 รายทั่วโลกได้เริ่มต้น และบางส่วนได้เสร็จสิ้นการเข้าร่วมโปรแกรมอบรมรับรองเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มือถือทั้ง 5 รุ่นดังกล่าวแล้วกว่า 500 โปรแกรม

ผลิตภัณฑ์ 5 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นี้ เกิดจากการผสมผสานความล้ำหน้าทางแพลตฟอร์มด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของริม ซึ่งจะนำเสนอทางเลือกด้านรูปลักษณ์ที่มีความหลากหลายให้แก่ผู้ใช้ พร้อมยังนำเสนอที่สุดแห่งการติดต่อสื่อสาร มัลติมีเดีย และประสิทธิผลการทำงานไปพร้อมๆ กัน

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 รุ่นใหม่ล่าสุด เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความบางเฉียบที่สุดของริม โดยทั้งสองรุ่น จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดขนาดใหญ่และสุดยอดหน้าจอระบบสัมผัสที่รวมไว้ในเครื่องเดียวกัน ด้านแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งใช้รูปลักษณ์อันโดดเด่นของแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 เป็นการผสมผสานกันระหว่างหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ เข้ากับคีย์บอร์ดแบบสไลด์ที่มีความสะดวกต่อการใช้งาน และสำหรับแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 จะนำเสนอรูปโฉมใหม่ล่าสุด ด้วยรูปแบบหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด ถือเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

มร. ไมค์ ลาซาริดิส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “การเปิดตัวในครั้งนี้นับว่าเป็นการเปิดตัวแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนในระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา โซลูชั่นแบล็กเบอร์รี่ นำเสนอประสบการณ์ด้านระบบการสื่อสารบนมือถือชั้นนำ ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และเราคิดว่าลูกค้าของเราจะตื่นเต้นไปกับประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น การท่องเว็บแบบไร้ช่องโหว่ และลูกเล่นของระบบมัลติมีเดียที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะถูกนำเสนอผ่านสุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ และแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช”

“แบล็กเบอร์รี่ 7”

ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นำเสนอระบบเว็บเบราว์เซอร์ของแบล็กเบอร์รี่รุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยการตอบสนองที่ฉับไว มอบประสบการณ์การท่องเว็บที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น หนึ่งในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ทั้งยังผสานรวมการทำงานของเบราว์เซอร์ตระกูล WebKit อันล้ำหน้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเต็มที่ เข้ากับการยกระดับวัสดุฮาร์ดแวร์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ไว้บนสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 นำเสนอการแสดงผลภาพได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 (BlackBerry® 6) ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และเร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 5 (BlackBerry® 5) ถึง 100 เปอร์เซ็นต์* ทั้งนี้ ความสามารถที่ถูกพัฒนาไว้ในระบบเว็บเบราว์เซอร์ของแบล็กเบอร์รี่รุ่นล่าสุดนี้ ยังจะช่วยปรับระบบการซูมและขยายภาพ เพื่อการท่องเว็บไซต์แบบไร้ช่องโหว่มากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับความสามารถของ HTML5 เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมส์และเล่นวิดีโอที่ยอดเยี่ยมที่สุด

กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากริม ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี BlackBerry Liquid GraphicsTM โดยสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจะมีการผสานรวมโปรเซสเซอร์สำหรับควบคุมประสิทธิภาพการแสดงผลด้านกราฟิกอันยอดเยี่ยมโดยเฉพาะ เข้ากับซีพียูที่ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด และการแสดงผลภาพด้วยความละเอียดสูงสุดจนน่าทึ่ง เพื่อตอบสนองการใช้งานหน้าจอระบบสัมผัสอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสุดยอดกราฟิกที่มีความรวดเร็วและไร้ข้อบกพร่อง

นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังคงสานต่อการนำเสนอประสบการณ์ด้านระบบการสื่อสารบนมือถือชั้นนำของโลก ด้วยการผสานกันของโทรศัพท์ อีเมล์ ข้อความ และโซเชี่ยลแอพพลิเคชั่นที่มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานไม่ขาดการติดต่อและใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิผลได้ตลอดวัน ทั้งนี้ การพัฒนาล่าสุด ประกอบด้วย โปรแกรม BBM™ (BlackBerry® Messenger) เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งขยายประสบการณ์การสื่อสารแบบเรียลไทม์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BBM ไปยังแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย แอพพลิเคชั่น Social Feeds เวอร์ชั่นอัพเดท (2.0) ได้ถูกขยายออกให้รวบรวมการอัพเดทจากมีเดีย Podcasts รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้จัดให้อยู่ในหมวด favorites นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่น Facebook® for BlackBerry smartphones (2.0) ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Facebook chat และการเชื่อมต่อเข้ากับโปรแกรม BBM ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มเพื่อนบน Facebook ในรูปแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นที่เป็น pre-loaded และความสามารถด้านการทำงานอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อการใช้งานที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น และการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด แอพพลิเคชั่น Documents To Go เวอร์ชั่นพรีเมี่ยม ยังได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ซึ่งสามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งนำเสนอฟีเจอร์แก้ไขเอกสารชั้นยอด รวมทั้งฟีเจอร์สำหรับการเปิดดูเอกสาร PDF แบบต้นฉบับ ทั้งยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่น BlackBerry® Protect ซึ่งเป็น pre-loaded** ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถวางใจได้ว่าสามารถทำการสำรองข้อมูลส่วนตัว และเก็บรักษาไว้ได้อย่างปลอดภัย แอพพลิเคชั่น BlackBerry® Balance ก็ได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่ทั้งในเชิงการทำงานและการใช้งานส่วนตัว โดยไม่ต้องกังวลกับความต้องการของเจ้าหน้าที่แผนกไอทีขององค์กร เพื่อระบบการรักษาความปลอดภัยอันล้ำหน้าและการควบคุมนโยบายไอที ยิ่งไปว่านั้น ความสามารถของระบบ Universal Search ยอดฮิต ก็ได้ถูกพัฒนาด้วยความสามารถในการรองรับการค้นหาด้วยการใช้เสียง โดยผู้ใช้งานเพียงพูดคำที่ต้องการค้นหา ทั้งการค้นหาข้อมูลภายในตัวเครื่องและเว็บไซต์

แพลตฟอร์มใหม่

กลุ่มผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากริม ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นบนแพลตฟอร์มเปี่ยมประสิทธิภาพใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนความล้ำสมัยด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 โดยสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นยังมาพร้อมคุณสมบัติที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ทั้งโปรเซสเซอร์ 1.2 GHz, ความสามารถในการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และกราฟิกความละเอียดสูงแบบ 24 bit รวมไปถึงระบบเซ็นเซอร์ล้ำสมัยที่ช่วยเสริมประสบการณ์ที่มีความสมจริงมากยิ่งขึ้นของแอพพลิเคชั่นที่ผสานเข้ากับ BBM 6 อาทิ Wikitude ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอที่สุดแห่งการติดต่อสื่อสาร มัลติมีเดีย และประสิทธิผลการทำงานสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลกโดยเฉพาะ

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส และคีย์บอร์ด

Bold9900


สมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 นับเป็นแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนที่มีขนาดบางที่สุด (เพียง 10.5 มิลลิเมตร) และยังเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกที่นำเสนอการผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างคีย์บอร์ดประสิทธิภาพสูง และหน้อจอระบบสัมผัส ภายใต้การดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ โดยสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 และ 9930 รุ่นใหม่ล่าสุด ยังเป็นแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนสองรุ่นแรกที่มาพร้อมการรองรับ NFC (Near Field Communications) เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานใหม่ๆ และน่าสนใจมากมาย ประกอบด้วย ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม หรือการอ่านแท็ก SmartPoster ง่ายๆ ด้วยการแตะไปบนสมาร์ทโฟน และด้วยภายใต้รูปลักษณ์การดีไซน์อย่างงดงาม คีย์บอร์ดที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหน้าจอระบบสัมผัสแสดงผลชั้นยอด สมาร์ทโฟนในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9900 ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม ทั้งตัวเครื่องทำจากสแตนเลสสตีลขัดลาย และฝาหลังตัวเครื่องน้ำหนักเบา ทว่าแข็งแรง ทนทาน สร้างความประทับใจให้แก่ทุกสัมผัส

แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส และคีย์บอร์ดแบบสไลด์

Torch9810


แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 รุ่นล่าสุดนี้ สร้างสรรค์ขึ้นจากรูปลักษณ์อันโดดเด่นของแบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 มาพร้อมการตอบสนองฉับไว และลื่นไหลมากยิ่งขึ้น จากคุณสมบัติพิเศษของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เปี่ยมประสิทธิภาพ รวมไปถึงระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ที่ช่วยเสริมสมรรถนะการใช้งานด้านมัลติมีเดียเหนือระดับ โดดเด่นด้วยหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูง ขนาดใหญ่สบายตาขนาด 3.2 นิ้ว รวมถึงคีย์บอร์ดแบบสไลด์ตามแบบฉบับแบล็กเบอร์รี่ เพื่อใช้งานพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9810 คือ สมาร์ทโฟนที่สามารถตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างแท้จริง

แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส

Torch9860


แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 สมาร์ทโฟน มอบประสบการณ์การใช้งานอย่างลื่นไหล และตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจผ่านระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ภายใต้รูปโฉมใหม่ เพื่อรองรับระบบสัมผัสทั้งหมดโดยเฉพาะ ทั้งนี้ หน้าจอขนาด 3.7 นิ้ว ถือเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน โดยสมาร์ทโฟนระบบสัมผัส แบล็กเบอร์รี่ ทอร์ช 9850 และ 9860 ได้รับการตั้งค่ามาอย่างลงตัว เพื่อรองรับการแสดงผลหน้าเว็บ รูปภาพ วิดีโอ และรองรับประสบการณ์การเล่นเกมได้อย่างไร้ที่ติ รวมไปถึงการนำเสนอประสบการณ์ในการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งได้รับความพึงพอใจจากผู้ใช้งานแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนหลายล้านคนทั่วโลก

กลุ่มผลิตภัณฑ์แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด จะเริ่มวางจำหน่ายผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยรายละเอียดวันการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจากผู้ให้บริการแต่ละรายนั้น จะประกาศให้ทราบทั่วกันร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าของริม

View :1814

อสมท.จัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon 2011

August 3rd, 2011 No comments

ร่วมเชียร์เด็กไทย ชิงชัยกับ 17 ประเทศ 28 สค.นี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี
หลังจากจัดแข่งขันหุ่นยนต์ ABU ชิงชนะเลิศประเทศไทย ประจำปี 2554 เพื่อคัดเลือกทีมตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest กับประเทศต่างๆ ซึ่ง จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ประเทศไทยได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์เป็นกำลังใจให้กับ สองทีมตัวแทนตัวประเทศไทย ได้แก่ “ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แชมป์ประเทศไทย และ “ทีมซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร รองแชมป์ประเทศไทย เพื่อคว้าแชมป์ในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ครั้งที่ 10 ในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี พร้อมชมถ่ายทอดสด ตั้งแต่เวลา14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์

นายพรชัย ปิยะเกศิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานโทรทัศน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี หนึ่งในสมาชิกสหภาพวิทยุและโทรทัศน์แห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Broadcasting Union – ABU) และเป็นตัวแทนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ในการหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Asia-Pacific Robot Contest หรือ ABU Robocon และส่งทีมตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

“การแข่งขันหุ่นยนต์ ถือเป็นวิทยาการขั้นสูงของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ สอดคล้องกับบทบาทของอสมท ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านการสื่อสารที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารอยู่ตลอดเวลา กิจกรรมการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Robocon จึงเป็นกิจกรรมหลักของบริษัท ในการขับเคลื่อนโครงการซีเอสอาร์ ตอกย้ำภาพลักษณ์ “สังคมอุดมปัญญา” ของ อสมท ให้เด่นชัดมากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมภาพลักษณ์องค์กร ด้านการส่งเสริมนวัตกรรม สร้างภาพลักษณ์องค์กรทันสมัยได้อีกทาง”

สำหรับการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 หรือ ABU Robocon 2011 ในโอกาสครบรอบปีที่ 10 ของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน จึงได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงาม บางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ซึ่งเป็นหัวใจของเกมการแข่งขันนี้

โดยปีนี้มีทีมเยาวชนตัวแทนจาก 18 ประเทศ ได้แก่ บรูไน จีน อียิปต์ ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล รัสเซีย ศรีลังกา ตุรกี เวียดนามและไทย สำหรับประเทศลาว และรัสเซีย เพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้เป็นครั้งแรก เตรียมเดินทางมาเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งแต่ละประเทศสามารถส่งทีมตัวแทนได้ประเทศละ 1 ทีม ส่วนประเทศเจ้าภาพ ส่งได้ 2 ทีม รวมทั้งหมด 19 ทีม แต่ละทีมจะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกันเท่านั้น ทีมเยาวชนตัวแทนประเทศไทย มี 2 ทีม ได้แก่ ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 3 ประกอบด้วย นายน้ำเพชร สุขเกษม ,นายสุปรีชา เหมยเป็ง,นายจักรพงศ์ เพ็งแจ่มแจ้ง และดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และ “ทีมซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร รองแชมป์ประเทศไทย ประกอบด้วย นายประเสริฐ สะมะถะเขตการณ์ ,นายนคร คุยศรี ,นายวุฒิชัย ทิศกระโทก และ อ.บัณฑิต ออกแมน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ประธานคณะทำงานฝ่ายจัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia – Pacific Robot Contest 2011 กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ทีมตัวแทนประเทศไทยทั้ง 2 ทีมได้จัดสร้างหุ่นยนต์ สำหรับการแข่งขันขึ้นใหม่ทีมละ 3 ตัวโดยได้รับการสนับสนุนจาก อสมท ทีมละ 500,000 บาท พร้อมส่งมอบให้กับคณะกรรมการจัดการแข่งขันพร้อมกับทุกประเทศแล้วเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการฝึกซ้อมในโค้งสุดท้ายเพื่อชิงแชมป์ระดับนานาชาติในการแข่งขันที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้

นอกจากนี้ทั้ง 2 ทีมยังได้เปิดเผยด้วยว่า ในการจัดสร้างหุ่นยนต์เพื่อใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ ยังได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ดังกล่าวด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชรได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้เกิดการพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความสามารถได้ไม่แพ้กับหุ่นยนต์ของประเทศคู่แข่งที่สำคัญอย่างจีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องสถิติการทำเวลา ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เปิดเผยว่า สามารถทำสถิติได้เร็วที่สุด 45 -50 วินาทีในหนึ่งเกมส์การแข่งขัน

“เพื่อเป็นกำลังให้กับตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ทั้งสองทีม อสมท ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์ทีมไทยให้สามารถคว้าแชมป์นานาชาติในครั้งนี้ภายในงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี พร้อมชมการถ่ายทอดสดได้ตั้งแต่เวลา 14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ติดตามรายละเอียดการแข่งขันได้ทาง www. aburobocon2011.com” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวในที่สุด
————————————————————

การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ หรือ ABU Asia-Pacific Robot Contest (ABU Robocon) เริ่มเมื่อปีพ.ศ. 2543(ค.ศ.2000) โดยประเทศสมาชิก ABU (The Asia-Pacific Broadcasting Union) มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ที่ประดิษฐ์โดย นักศึกษาของภูมิภาค ในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา เป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อพัฒนาการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความคิดสร้างสรรค์ และ การพัฒนาทักษะในการประดิษฐ์นวัตกรรมของเยาวชนให้มีความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจได้อย่างทัดเทียมกัน ควบคู่ไปกับการเชื่อมความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน

การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเป็นประจำทุกปี คือ ประเทศไทย (2546/2003) เกาหลี (2547/2004) จีน (2548/2005) มาเลเซีย (2549/2006) เวียดนาม (2550/2007) อินเดีย (2551/2008) ญี่ปุ่น (2552/2009) และอียิปต์ (2553/2010)

ปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) เป็นปีที่ครบรอบทศวรรษของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีกครั้ง ซึ่งในปีนี้ได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงามบางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล นั่นคือหัวใจของเกมการแข่งขันนี้ โดยจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี

สำหรับทีมที่เข้าแข่งขันนั้น แต่ละประเทศ ส่งตัวแทนได้ ประเทศละ 1 ทีม ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ส่งได้ 2ทีม โดยแต่ละทีม จะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกัน เท่านั้น ทีมเข้าแข่งขันแต่ละทีมสร้างหุ่นยนต์ทั้งหมดไม่เกิน 3 ตัว ประกอบด้วย หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) และ หุ่นยนต์อัตโนมัติ 1 หรือ 2 ตัว (Automatic Robots) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) ต้องทำภารกิจแรกให้สำเร็จด้วยการหยิบกระถางธูป จำนวน 3 กระถาง นำไปวางไว้บนเสา ก่อนการทำภารกิจอื่นๆ หลังจากนั้นหุ่นยนต์บังคับด้วยมือ นำฐานต้นเทียน ไปวาง ณ จุดตกแต่ง (Decoration Point) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือนำธูปเตรียมไปใช้ในการประกอบกระทง

หุ่นยนต์อัตโนมัติ นำกลีบกระทง และดอกไม้ ทำการประกอบกระทง ภายหลังจากที่ ทำภารกิจนี้เสร็จ หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ จึงจะสามารถนำ ไปเสียบลงไปในกระทง หลังจากนั้น หุ่นยนต์อัตโนมัติ ยกกระทงที่ประกอบเสร็จ นำไปปล่อยลงใน ในฝั่งของตนเอง โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ

ท้ายสุด หุ่นยนต์อัตโนมัติ เพียง 1 ตัว จะนำเปลวเทียน ไปปล่อยเพื่อสวมลงบนต้นเทียนบนกระทง ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ (River Surface) โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ และกระทง ที่ประกอบเสร็จแล้ว ทีมใดที่สามารถปล่อยเปลวเทียน ลงบนต้นเทียน ได้สำเร็จก่อน ทีมนั้นเป็น ฝ่ายชนะ”การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ สีแดง และ สีน้ำเงิน การแข่งขันจะใช้เวลาทั้งหมด 3 นาที

View :1735

อพวช. เปิดฉากมหกรรมวิทย์ 54 จุดประกายความคิดผ่านสื่อมัลติมีเดีย

August 3rd, 2011 No comments

เตรียมพบกับปรากฏการณ์ตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์อีกครั้งในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ปี 2554 ที่นำทัพนิทรรศการเสมือนจริงในรูปแบบ 4 มิติ มาช่วยจุดประกายความคิดด้วยวิทยาศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ โดยในปีนี้มหกรรมวิทย์ฯ จะได้ร่วมเฉลิมฉลองปีเคมีสากล และปีป่าไม้สากล ไปพร้อมกับเทคโนโลยีมัลติมีเดียที่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ให้กับเยาวชน

(อพวช.) ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน เตรียมพร้อมเนรมิตพื้นที่กว่า 42,000 ตารางเมตร ของศูนย์ประชุมและนิทรรศการไบเทค บางนา ให้เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ที่สามารถรองรับผู้เข้าชมงานจากทั่วประเทศ เนื่องจากในแต่ละปีมีเยาวชนให้ความสนใจเดินทางเข้าชมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องขยายการจัดงานให้ยาวถึง 16 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-21 สิงหาคมนี้

ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการ อพวช. บอกว่า งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวติด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์” โดยยังคงนำเสนอเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ผ่านนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งต่างจากนิทรรศการทั่วไป

การจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองปีเคมีสากล และปีป่าไม้สากล โดยผู้จัดงานได้นำเทคโนโลยีมัลติมีเดีย รูปแบบใหม่ เขามาสร้างประสบการณ์เรียนรู้ให้กับเยาวชนผ่านสื่ออินเตอร์แอคทีฟ นิทรรศการและภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติ และ 4 มิติ ที่จะช่วยให้การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ

นิทรรศการหลักภายในงานมหากรรมวิทยาศาสตร์แห่งชาติปีนี้ ยังคงเน้นไปที่นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ที่นำเสนอพระวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” ที่ทรงวางรากฐานการพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทย และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” ที่ทรงพระราชทานหลักคิดสู่ปฏิบัติ พัฒนาประเทศบนวิถีพอเพียง รวมถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็ดพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและพระบรมศานุวงศ์

ตลอดจนนิทรรศการที่เชื่อว่าจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ในส่วนของนิทรรศการหลัก กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ซึ่งกำลังได้รับความสนใจ ซึ่งนิทรรศการครั้งนี้ได้จำลอง “ภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์” เพื่อให้เยาวชนได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง ร่วมสำรวจขั้วโลก และไขความลับบรรยากาศโลกในช่วงร้อยล้านปีที่ผ่านมา พร้อมปิดฉากด้วยภาพยนตร์ 4 มิติ ที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม

การทดลองมหัศจรรย์แห่งเคมี และเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกเป็นอีกนิทรรศการที่น่าสนใจ ไม่แพ้นิทรรศการเรียนรู้คุณค่าของน้ำแห่งชีวิต ผ่านม่านน้ำขนาดใหญ่ และมัลติเธียเตอร์ ก่อนจะปิดท้ายที่กับนิทรรศการเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ และคนพิการ ภายในบ้านแห่งความเท่าเทียม ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความประทับใจ และจุดประกายการเรียนรู้ให้กับเยาวชนได้ไม่แพ้นิทรรศการในครั้งที่ผ่านๆ มา

นอกจากนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับความร่วมมือจาก 100 หน่วงงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมจัดแสดงความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในงาน อาทิ การแสดงหุ่นขี้ผึ้งอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จาก มาดามทรูโซ ห้องเรียนทดลองวิทย์จากประเทศญี่ปุ่น บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยจากเยอรมนี เป็นต้น

ผู้อำนวยการ อพวช. กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน ไม่ต่ำกว่า 1,200,000 ล้านคน ใน 16 วัน ซึ่งปัจจุบันมียอดจองขอเข้าชมงานเป็นหมู่คณะแล้วไม่ต่ำกว่า 500,000 คน งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติในปีนี้ เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. ของวันที่ 6-21 สิงหาคมนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นวันที่ 9 สิงหาคม) วันเปิดงานอย่างเป็นทางการโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเสด็จเป็นประธานในพิธี

View :1925

เนชั่น จับมืออินเทล ชวนคอไอทีสนทนาเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต….NForum: NForum: Beyond Speed & Connected World: What’s Next?

August 3rd, 2011 No comments

เสาร์นี้ บ่ายโมงครึ่งเป็นต้นไป เนชั่น จับมืออินเทล ชวนคอไอทีสนทนาเรื่องเทคโนโลยีในอนาคต….

• เทรนด์ของเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบรับกับความต้องการใ​นการทำงานและไลฟสไตล์ของคนใ​นปัจจุบัน
• การพัฒนาของเทคโนโลยีและพีซ​ีในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาและทิศทางในอนาค​ต
• เทคโนโลยีล้ำสมัยของอินเทลท​ี่มีในปัจจุบัน
• แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีในอ​นาคต

ผู้ร่วมเสวนา ได้แก่….

คุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ร่วมงานกับอินเทลมาตั้งแต่ต้นปี 2539 ในตำแหน่งผู้จัดการ-อินเทลอาคิเทคเจอร์ ประจำสำนักงานประเทศไทย โดยรับผิดชอบการเผยแพร่กลยุทธ์และเทคโนโลยีของอินเทล ตลอดจนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพัฒนาของวงการอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์แก่ผู้ใช้ ทั้งในกลุ่มองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปโดยตรง ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการในปัจจุบัน

คุณพาที สารสิน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด
(ปริญญาตรี บริหารธุรกิจและวิทยาการคอมพิวเตอร์ จาก Clark University มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
ปริญญาโท สื่อสารมวลชน (ภาพยนตร์และวิดีทัศน์) จาก มหาวิทยาลัยอเมริกัน วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา)

คุณสมเถา สุจริตกุล
ใช้นามปากกาว่า SP ในการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่มีกลิ่นอายเป็นเอเซีย ผลงานของสมเถาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ และได้รับรางวัลเกียรติคุณมากมายในต่างประเทศ ผลงานที่สำคัญได้แก่ “มาริสาราตี” Jasmine Nights, Aquilard กับ Absent Thee From Felicity Awhile (ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล John W.Campbell และรางวัล Hugo), Starship&Haiku (ได้รับรางวัล Locus Award), เรื่องสั้น The Dust (ได้รับรางวัล Edmund Hamilton Memorial Award ในปี 2525), เรื่องสั้นชุด Inquestor เรื่องศูนย์การค้าในอวกาศ Mallworld, ชุด Aquiiad, นวนิยายเรื่อง Starship&Haiku, รวมเรื่องสั้นชุด Fire From The Wine-Dark Sea, นวนิยายเรื่อง The Darkling Wind (ติดอันดับ Locus Bestseller)

คุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ค้าส่งอุปกรณ์ไอทีรายใหญ่ของไทย

ผู้ดำเนินรายการในงานนี้ก็ได้แก่ …..

1. วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง (@worawisut)
ผู้อยู่เบื้องหลัง ‘Marketing Hub’ คอลัมน์นิสต์ประจำ Bangkokbiznews.com และผู้ก่อตั้งเว็บ Appreview.in.th (@appreview)

2. ภิรดี พิทยาธิคุณ (@NuPink)
ทีมกองบรรณาธิการของเว็บ Thumbsup.in.th (@thumbsupTH)

ผู้สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการเสวนาที่น่าสนใจครั้งนี้ได้ที่นี่

https://spreadsheets.google.com/spreadsheet/viewform?formkey=dDM3cmV0WTRmeEQxVHhRMGNrajdiVlE6MA

View :1880

เอ็นซี ทรู เผยโฉมตัวแทน Point Blank ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน Point Blank Tri Nation 2011

August 2nd, 2011 No comments

เอ็นซีทรู โดย นายสุดเขต เลี้ยงประยูร (แถวบนคนที่ 4 จากขวา) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ Game/Marketing บริษัท เอ็นซี ทรู จำกัด แสดงความยินดีกับทีม MiTh GlamoRous Crazy และ GZ Neolution eSports ทีมชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการแข่งขัน เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขัน Point Blank Tri Nation 2011 อย่างเป็นทางการ โดยร่วมแข่งขันกับตัวแทนจากประเทศ อินโดนีเชีย และรัสเซีย เมื่อเร็วๆ นี้

View :1933

ก.ไอซีที ระดมความคิดเห็นภาคเอกชนพัฒนาระบบข้อมูลกลางด้านอุตสาหกรรมและตลาด ICT ไทย

August 2nd, 2011 No comments

นายวรพัฒน์ ทิวถนอม รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาระบบข้อมูลกลางด้านอุตสาหกรรมและตลาด ICT ของประเทศไทย ว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญต่อทุกระบบและภาคส่วนของประเทศ ทั้งระบบการเงิน การศึกษา การค้า และการติดต่อสื่อสาร ทั้งนี้ เพราะการพัฒนาและการเสริมสร้างศักยภาพของทุกภาคส่วนจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศแทบทั้งสิ้น ซึ่งในการพัฒนานั้นจำเป็นต้องมีการศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงทุกๆ ด้านของโครงสร้างของอุตสาหกรรมนั้นๆ

สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทยก็เช่นกัน จำเป็นจะต้องมีการจัดทำโครงสร้างอุตสาหกรรมฯ ทั้งระบบ ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาระบบข้อมูลกลางด้านอุตสาหกรรมและตลาด ICT ของประเทศไทย ( : ) ที่ประกอบด้วยการจัดทำนโยบายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ และการจัดทำศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลด้านอุตสาหกรรมและการตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยได้ประสานและจัดทำกรอบความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย

“กระทรวงฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดทำโครงสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย จึงได้ดำเนินโครงการฯ นี้ขึ้น เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม ICT ของไทยให้สามารถก้าวหน้าพัฒนาเข้าสู่ระดับสากล แต่ในการดำเนินการพัฒนาระบบจำเป็นต้องได้รับแนวคิด ข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการ เพื่อที่จะนำมาพัฒนาระบบให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งานข้อมูล รวมทั้งเพื่อจัดทำเป็นนโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จะช่วยสนับสนุนระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง” นายวรพัฒน์ กล่าว

ปัจจุบันโครงการฯ นี้ อยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบระบบต้นแบบ ดังนั้น สำนักส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการฯ ได้เห็นควรที่จะต้องดำเนินการจัดการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมและศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลด้านอุตสาหกรรมและการตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงระดมข้อคิดเห็นต่างๆ จากผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อนำความต้องการจากภาคเอกชน มาวิเคราะห์และใช้ในการพัฒนาระบบข้อมูลกลางด้านอุตสาหกรรมและการตลาด ICT ของประเทศไทย

“งานสัมมนาเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการฯ ครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ภาคเอกชนในภารกิจและนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของภาครัฐ รวมทั้งเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อวางแผนและนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อประชาสัมพันธ์ศูนย์กลางแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลอุตสาหกรรมและตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นอกจากนี้ยังเป็นการระดมข้อคิดเห็นจากภาคเอกชน เพื่อจะนำมาเป็นแนวทางในการปรับปรุง พัฒนาระบบข้อมูลกลางด้านอุตสาหกรรมและการตลาด ICT ของประเทศไทย อีกด้วย ซึ่งกระทรวงฯ ได้จัดงานสัมมนาดังกล่าวขึ้น 2 ครั้งโดยเลือกจัดในภูมิภาคที่มีผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรม ICT อยู่จำนวนมาก คือ ภาคเหนือ จัดที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดที่จังหวัดนครราชสีมา และได้เชิญผู้ประกอบการฯ จากทั้ง 2 จังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงรวมทั้งสิ้น 100 คนเข้าร่วมงาน” นายวรพัฒน์

View :1359

ดีแทคจัดแคมเปญสมาร์ทโฟนราคาพิเศษให้กับนักศึกษา

August 2nd, 2011 No comments

ดีแทคจัดแคมเปญ “just for u” จำหน่ายสมาร์ทโฟนพร้อมแพ็กเกจในราคาพิเศษให้กับนิสิตนักศึกษา ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคสาขา จามจุรีสแควร์ จัดแคมเปญตั้งแต่วันนี้ – 3 สิงหาคม 2554 สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคสาขาพาราไดซ์ พาร์คจัดแคมเปญระหว่างวันที่ 4 -7 สิงหาคม 2554เพื่อส่งเสริมการขายแบบ customized กับกลุ่มลูกค้าเยาวชนที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมากถึงกว่า 20% ของลูกค้าทั้งหมด โดยนักศึกษาที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟน พร้อมแพ็กเกจราคาพิเศษนี้ สามารถแสดงบัตรประจำตัวนักศึกษาที่เคาน์เตอร์จัดรายการบริเวณสำนักงานบริการลูกค้าดีแทคที่ร่วมรายการเท่านั้น และรับส่วนลดค่าเครื่องพร้อมบัตรกำนัลส่วนลดค่าโทรมูลค่า 300 บาท สงวนสิทธิ์ในการซื้อ 1 คนต่อ 1 เครื่อง

สมาร์ทโฟนที่ร่วมรายการประกอบด้วย iPhone 4 16GB และ 32GB, BlackBerry Torch 9800, Bold 9780, Samsung Galaxy S II, Samsung Cooper 850, HTC Desire S และ Wildfire S

นิสิตนักศึกษาที่สนใจ สามารถสอบถามเติมได้ที่ 1678 call center

View :1628

สสว. จับมือ ส.ซอฟต์แวร์ นำ SMEs ไทยโกอินเตอร์

August 2nd, 2011 No comments

สสว. จับมือสมาคมฯ ซอฟต์แวร์ไทย นำผู้ประกอบการ SMEs ด้านซอฟแวร์ไทย ขยายตลาดสู่สาธารณรัฐสิงคโปร์ เชื่อว่างานนี้ช่วยสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้ธุรกิจซอฟต์แวร์ไทยก้าวไปสู่ระดับโลก

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จัดโครงการ “สนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านการตลาด (Capacity Building Program) สาขาอุตสาหกรรมซอฟแวร์สู่สาธารณรัฐสิงคโปร์” โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ด้านธุรกิจซอฟต์แวร์สื่อสารโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์สำหรับระบบบัญชีและการเงิน ซอฟต์แวร์สำหรับ หรือตามคำสั่งซื้อ ด้วยการสร้างโอกาสทางการตลาด การผลิต การค้า การบริการ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ ด้านการค้าและการลงทุน ไปจนถึงการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ () ในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ดำเนินกิจกรรมในการขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยการนำผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์ในด้านต่างๆ จากสมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟแวร์ไทย จำนวน 20 ราย เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจภายในงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านไอที “Communic Asia 2011 และ Enterprise IT 2011” ซึ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 21 – 24 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงสินค้า Marina Bay Sands สาธารณรัฐสิงคโปร์

ทั้งนี้จากการศึกษาความได้เปรียบในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ พบว่า สิงคโปร์มีความแข็งแกร่งในเรื่องของการจัดการโครงการ เช่น การใช้งานแอพพลิเคชั่น ICT ในภาคธุรกิจและภาครัฐ นอกจากนั้นในเรื่องของโครงการด้านกฎหมาย และการเมืองที่มีเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนดำเนินธุรกิจ แต่จุดสำคัญที่สิงคโปร์มีความต้องการเพื่อสนับสนุนธุรกิจซอฟต์แวร์ในประเทศ คือ การพัฒนาในการให้ความรู้เชิงลึกด้านเทคนิค รวมไปถึงการวิจัย พัฒนานวัตกรรมใหม่ และในปัจจุบันสิงคโปร์ยังประสบปัญหาเรื่องโครงสร้างราคาที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านแทบทั้งหมด

จึงเป็นโอกาสอันดีของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ที่กำลังพัฒนาและมีศักยภาพด้านการผลิตซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน จะเข้าไปตอบรับความต้องการของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในสิงคโปร์ เพื่อเป็นการขยายตลาดและสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์สู่สาธารณรัฐสิงคโปร์ และในวันที่ 3 สิงหาคม 2554 นี้ เวลา 12.00-16.30 น. ณ .โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดา ทางโครงการฯ จะจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้ในการดำเนินการเจรจาธุรกิจในงานแสดงสินค้า ด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในสาธารณรัฐสิงค์โปร์ งาน “Communic Asia 2011 และ Enterprise IT 2011” เพื่อเป็นประโยชน์และให้ข้อมูลด้านการค้า การลงทุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ แก่ผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่สนใจตลาดสิงคโปร์

ปฎิทินกิจกรรม

สสว. ร่วมกับ ส.ซอฟต์แวร์ จัดสัมมนา “Software Business Made Easy”

ร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จัดสัมมนาเรื่อง “Software Business Made Easy” ในวันพุธที่ 3 สิงหาคม 2554 เวลา 12.00 – 16.30 น. ณ ห้องมรกต ชั้น 3 โรงแรม ดิเอมมอรัล ถนนรัชดา กรุงเทพฯ

โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ด้านธุรกิจซอฟต์แวร์สื่อสารโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์สำหรับระบบบัญชีและการเงิน ซอฟต์แวร์สำหรับ หรือตามคำสั่งซื้อ ด้วยการสร้างโอกาสทางการตลาด การผลิต การค้า การบริการ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ ด้านการค้าและการลงทุน ไปจนถึงการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ (SMEs Cluster) ในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณปาริฉัตร โทรศัพท์ 02 583 2017

View :1586

ฟูจิตสึปูพรมขยาย 100 สาขาทั้งกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด

August 2nd, 2011 No comments

ฟูจิตสึเปิดแผนรุกขยายตลาดครึ่งปีหลัง สร้างแบรนด์ “” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่สร้างโอกาสขายสินค้าด้วยการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายปูพรม 100 ร้านค้า เน้นขายสินค้าฟูจิตสึทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เผยเตรียมเปิดโน้ตบุ๊กใหม่อีก 5-6 รุ่น รวมถึงนำแท็บเลตรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด พร้อมรุกตลาดองค์กร เชื่อมั่นเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดเข้าเป้าสิ้นปีนี้แน่นอน

กรุงเทพฯ: 1 สิงหาคม 2554 – นายวรวุฒิ โกศลกิจวงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟูจิตสึ พีซี เอเชีย แปซิฟิก จำกัด เปิดเผยว่าทางบริษัทฯมีแผนการขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเน้นการให้แบรนด์ฟูจิตสึมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมในทุกๆ พื้นที่หรืออย่างน้อยประมาณ 100 ร้านค้าที่จะเน้นขายผลิตภัณฑ์ของฟูจิตสึ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงครึ่งปีแรกทางบริษัทฯได้เน้นการขยายสาขาในกรุงเทพฯ ส่วนในครึ่งปีหลังจะเน้นการขยายสาขาไปที่ตลาดต่างจังหวัด

สำหรับรูปแบบการขยายสาขาของฟูจิตสึ จะมี 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1.รูปแบบ Fujitsu Shop และ 2.รูปแบบ Kios วางตามหน้าร้านพาร์ตเนอร์ ทั้งนี้รูปแบบของ Fujitsu Shop จะมีการวางสินค้าฟูจิตสึครบทุกรุ่น รวมทั้งเน้นงานด้านบริการให้กับลูกค้าด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ศูนย์ไอทีต่างๆ จะต้องมี Fujitsu Shop 1 ร้าน เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องต่างๆ ให้กับพาร์ตเนอร์และกลุ่มผู้บริโภค ส่วนรูปแบบ Kios จะเป็นการวางสินค้าทั่วไปตามหน้าร้านพาร์ตเนอร์ เน้นเรื่องการขายเป็นหลัก

“จุดเด่นของ Fujitsu Shop คือมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นสำหรับผู้บริโภคเลือกซื้อตามไลฟ์สไตล์โดยถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังการซื้อสูง ส่วนรูปแบบ Kios จะมีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของร้านพาร์ตเนอร์ ซึ่งเน้นการขายกับผู้บริโภคทั่วไป “ นายวรวุฒิกล่าว

นายวรวุฒิ กล่าวถึงแผนการลงทุนในการขยายสาขาว่าจะเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างฟูจิตสึกับพาร์ตเนอร์ โดยตั้งเป้าหมายไว้อย่างน้อย 100 ร้านค้า แบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพฯ 66 ร้านค้า และ ต่างจังหวัด 34 ร้านค้า ในการขยายสาขาครั้งนี้จะช่วยให้ฟูจิตสึมีช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ฟูจิตสึเป็นตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ฟูจิตสึมากขึ้น

สำหรับการทำตลาดโน้ตบุ๊กในช่วงครึ่งปีหลัง นายวรวุฒิ กล่าวว่าทางบริษัทฯ วางกลยุทธ์เน้นทำตลาดต่างจังหวัดและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และองค์กรต่างๆ (B2B) มากยิ่งขึ้น ส่วนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คาดว่าจะมีการเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ประมาณ 5-6 รุ่น และจะมีการเปิดตัวแท็บเลตรุ่นใหม่สู่ตลาดเมืองไทยด้วย หลังจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือการขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้นในกรุงเทพฯ ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบช่วงครึ่งปี 2553 ที่ผ่านมา

“เป้าหมายของฟูจิตสึคือการเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดจาก 1% เป็น 2% และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย เราจึงเน้นกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ อาทิเช่น โปรโมชั่น ออกบูธ การอบรมพนักงานงานขาย การตกแต่งร้าน” นายวรวุฒิกล่าว

นายวรวุฒิ กล่าวในท้ายที่สุดถึงภาพรวมการแข่งขันในตลาดโน้ตบุ๊กช่วงครึ่งปีหลังว่าตลาดโน้ตบุ๊กยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทิศทางที่ดีของการเมืองและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้วที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดของแท็บเลต คาดว่าจะมีการเติบโตสูงอีกหลายเท่าตัว ทางฟูจิตสึได้เล็งเห็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายในกลุ่มตลาดแท็บเลตที่อยู่ในกลุ่ม mid to high หรือกลุ่ม premium นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังฟูจิตสึยังคงเน้นตลาดกลุ่มธุรกิจและองค์กร (business) ที่เน้นเรื่องของการป้องกั้นข้อมูล (security) และได้เตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเน้นพาร์ตเนอร์ที่ทำธุรกิจร่วมกันเติบโตมากขึ้น

ฟูจิตสึยึดมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูงให้แก่ผู้บริโภคด้วยการปฏิบัติตามกฎของ European Union’s Restriction of Hazardous Substances directive (RoHS) ที่ฟูจิตสึนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ทุกชนิด นอกจากนี้ฟูจิตสึยังได้ตั้งข้อปฏิบัติที่เกินกว่ามาตรฐานที่ RoHs กำหนดไว้ เพื่อประโยชน์ของลูกค้าของฟูจิตสึอย่างแท้จริง และเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ฟูจิตสึได้ปฏิบัติตามแนวคิดเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวอย่างเคร่งครัด โดยการผลิตเครื่องที่ประหยัดพลังงาน ฟูจิตสึยังได้เข้าร่วมขบวนการต่อสู้เพื่อรักษ์โลกโดยการเป็นสมาชิกของ Climate Servers อีกด้วย

View :1484

สมาร์ทโฟนแรงต่อเนื่อง…ครองตลาดคนกรุงกว่าร้อยละ 50 และยังมีแนวโน้มเพิ่มอีกในอนาคต

August 2nd, 2011 No comments

โดย

ปัจจุบัน โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คนในสังคมยุคใหม่ นอกเหนือจากการใช้ในการติดต่อสื่อสารแล้ว ขีดความสามารถของโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยกลจักรสำคัญในการผลักดันการเติบโตของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวม คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งกำลังอยู่ในกระแสความนิยม และได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเจริญเติบโตของธุรกิจโทรคมนาคมในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณลักษณะที่โดดเด่นในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ทันสมัย การมีแอพพลิเคชั่นให้เลือกใช้ที่หลากหลาย หรือแม้แต่สมรรถนะในการใช้งานด้านมัลติมีเดียที่สูงกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึง 17 มิถุนายน 2554 โดยมีจำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 629 ชุด เพื่อศึกษาความต้องการที่จะเปลี่ยนมาใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในอนาคต รวมไปถึงฟังก์ชั่น จำนวนเครื่อง และประเภทของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ผู้บริโภคถือครองและใช้งานเป็นประจำในปัจจุบัน

 ผลสำรวจเกี่ยวกับการใช้งานสมาร์ทโฟน

ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยในปี 2553 ตลาดสมาร์ทโฟนมีมูลค่า 24,894 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 29.7 ของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมทั้งหมด และในปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดสมาร์ทโฟนจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 32,789 ถึง 34,544 ล้านบาท ขยายตัวราวร้อยละ 31.7 ถึง 38.8 คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าของตลาดรวมอยู่ที่ร้อยละ 38.0

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่า ในปัจจุบัน ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯที่ครอบครองสมาร์ทโฟนมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50.4 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด สะท้อนถึงความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนกรุงที่อยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณาผลการสำรวจแยกตามอายุ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในช่วงอายุ 20 ถึง 24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) มีสัดส่วนใช้งานสมาร์ทโฟนมากที่สุดถึงร้อยละ 56 ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้งานประจำในกลุ่มช่วงอายุดังกล่าว อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 54 ปีขึ้นไปยังคงมีสัดส่วนการใช้สมาร์ทโฟนน้อยที่สุดคือร้อยละ 14

เมื่อสอบถามผู้ตอบแบบสอบถามที่ยังคงไม่มีสมาร์ทโฟนในครอบครอง เกี่ยวกับแผนที่จะใช้งานในอนาคต พบว่า โดยภาพรวม ผู้ตอบแบบสอบถามในทุกช่วงอายุมีสัดส่วนของผู้มีแผนที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตมากกว่าร้อยละ 50 สะท้อนถึงความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนกรุงที่ยังคงมีอยู่มาก แม้จะมีสัดส่วนของผู้ที่ครอบครองสมาร์ทโฟนอยู่แล้วในระดับค่อนข้างสูง

สำหรับกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่มีแผนจะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตนั้น เมื่อสอบถามถึงเหตุผลที่คิดเช่นนั้น (เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) พบว่า เหตุผลหลักคือ สมรรถนะที่สูงของสมาร์ทโฟนคิดเป็นร้อยละ 41 ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเหตุผลต่างๆแบ่งตามช่วงอายุ ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 54 ปีลงมา ยังคงให้ความสำคัญกับสมรรถนะของสมาร์ทโฟนเป็นหลักเช่นกัน อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุมากกว่า 54 ปี ให้ความสำคัญกับราคาของสมาร์ทโฟนที่ไม่แตกต่างจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วไปมากกว่าสมรรถนะของสมาร์ทโฟน นอกเหนือจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุมากกว่า 54 ปี ก็ให้ความสำคัญกับขนาดจอที่โหญ่ของสมาร์ทโฟน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุอื่น

 ผลสำรวจพฤติกรรมภาพรวมในการครอบครองโทรศัพท์เคลื่อนที่

 คนส่วนใหญ่ต้องการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับการถ่ายรูป ใช้งานมัลติมีเดีย และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
จากกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปของพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งมีความต้องการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่าการเป็นแค่เครื่องมือพูดคุยสื่อสารอย่างเช่นในอดีต ทำให้ผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องมีการแข่งขันกันพัฒนาฟังก์ชันการทำงานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค จากผลสำรวจพฤติกรรมการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มักถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับการถ่ายรูป ใช้งานมัลติมีเดีย (ดูวีดีโอ ฟังเพลง และเล่นเกม) และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (EDGE/WIFI/3G) ในสัดส่วนที่สูงราวร้อยละ 58 ขึ้นไป

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกตามอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในทุกช่วงอายุก็ยังคงถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นทั้ง 3 ดังกล่าว ในสัดส่วนที่สูงกว่าฟังก์ชั่นอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลักษณะอุปกรณ์พกพาที่มีอรรถประโยชน์หลากหลายแทนที่อุปกรณ์พกพาดั้งเดิมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิตอลซึ่งผู้บริโภคมักจะพกพาเมื่อไปท่องเที่ยวหรือบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆที่มีการวางแผนไว้แล้ว หรือแม้แต่อุปกรณ์ฟังเพลงพกพา หรือเครื่องเล่นเกมอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ยังสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเป็นอุปกรณ์ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หรือบริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต และยังแสดงถึงความพร้อมของผู้บริโภคในด้านอุปกรณ์สื่อสารที่รองรับบริการ 3G ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554

นอกเหนือจากนี้ เมื่อพิจารณาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวมของกลุ่มผู้ใช้ในช่วงอายุต่างๆ อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ในช่วงอายุ 15 ถึง 29 ปี นิยมโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่สูงกว่าผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุอื่นๆ แม้ว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ จากผลสำรวจเห็นได้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ราวร้อยละ 37 ถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นครบทั้งหมด

สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 44 ปี ก็มีความนิยมในโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานสูงเช่นเดียวกับกลุ่มคนรุ่นใหม่แต่อยู่ในสัดส่วนที่รองลงมา นอกเหนือจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุดังกล่าวถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบจอสัมผัส ในสัดส่วนที่สูงกว่าคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ค่อนข้างมาก สะท้อนถึงความไม่ค่อยนิยมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อการแชท ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสัดส่วนการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีฟังก์ชั่นทั้ง 2 ไม่แตกต่างกันมากนัก

สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปี จะให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นที่ง่ายและไม่ซับซ้อน โดยจะสังเกตได้ว่า ผู้บริโภคกลุ่มนี้ถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบจอสัมผัส ในสัดส่วนที่มากกว่าฟังก์ชั่นการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความสามารถในการลงแอพพลิเคชั่น

ปัจจุบัน โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีศักยภาพสามารถตอบโจทย์ครอบคลุมความต้องการฟังก์ชั่นการทำงานของผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุมากที่สุด คือ สมาร์ทโฟน จากสมรรถนะที่สูง ใช้งานง่าย และสามารถใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ผ่านทางโมบายล์แอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟน ซึ่งมีส่วนผลักดันให้ตลาดสมาร์ทโฟน ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนการถือครองและความต้องการสมาร์ทโฟนจากผลสำรวจดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

 ผู้บริโภคราวร้อยละ 26 นิยมใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่องเป็นประจำ

ปัจจุบัน จำนวนคนไทยที่ถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่มีทั้งสิ้น 38.2 ล้านคน ในขณะที่จำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ถูกใช้งานในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 70.6 ล้านเลขหมาย อาจกล่าวได้ว่าคนไทยโดยเฉลี่ยถือครองเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ราว 1.8 เลขหมายต่อคน แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคบางส่วนถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่อง จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในเขตกรุงเทพฯมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นประจำเพียง 1 เครื่องอยู่ราวร้อยละ 74 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด มีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องอยู่เป็นประจำราวร้อยละ 24 และมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 เครื่องอยู่เป็นประจำราวร้อยละ 2 ทั้งนี้ ปัจจัยที่อาจมีส่วนผลักดันให้ผู้บริโภคมีการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่อง มีดังนี้

1. ความหลากหลายของโปรโมชั่นระหว่างผู้ให้บริการ จากความหลากหลายของโปรโมชั่นที่ผู้ให้บริการแต่ละค่ายพยายามพัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นโทรในช่วงกลางคืนไม่อั้นโดยจ่ายเพียงราคาเดียว สำหรับคนที่ชอบโทรคุยกับเพื่อนๆในช่วงกลางคืน หรือแม้แต่โปรโมชั่นเติมเงินเท่าไรก็อยู่ได้นาน 1 ปี สำหรับคนที่มักจะรับสายเพียงอย่างเดียว ประกอบกับช่วงออกโปรโมชั่นใหม่ ผู้ให้บริการแต่ละค่ายมักจะแจกซิมของโปรโมชั่นนั้นให้ผู้บริโภคฟรี หรือแม้แต่แถมเงินส่วนหนึ่งในซิมที่แจกฟรีนั้นด้วย ด้วยเหตุผลต่างๆดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มสมัครใช้บริการมากกว่า 1 ค่าย เพื่อสามารถได้รับโปรโมชั่นที่คุ้มค่ากับตนเองมากที่สุด

2. การแบ่งการใช้งานระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว โดยโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องหนึ่งไว้ใช้รับสายของที่ทำงาน หรือธุรกิจที่ตนประกอบอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ทางบริษัทหรือองค์กรมอบให้ และอีกเครื่องหนึ่งไว้รับสายของครอบครัวหรือเพื่อน ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสมระหว่างความเป็นส่วนตัว และเรื่องที่เกี่ยวกับงาน จากผลการสำรวจ พบว่า พนักงานบริษัทมีสัดส่วนการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นประจำมากกว่า 1 เครื่องมากที่สุด เมื่อเทียบกับผู้ตอบแบบสอบถามในอาชีพอื่น โดยมีสัดส่วนราวร้อยละ 29 ของผู้ตอบแบบสอบถามในอาชีพพนักงานบริษัท รองลงมาคือ ผู้ประกอบอาชีพค้าขายหรือกิจการส่วนตัวมีสัดส่วนร้อยละ 26

3. ความหลากหลายของโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากความพยายามของผู้พัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ต้องการสร้างความแตกต่างของสินค้า และตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่หลายเครื่อง เนื่องจากความชอบในสีสันและการออกแบบของตัวเครื่อง หรือการมีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นต่างจากเครื่องอื่น เช่น โทรศัพท์บางเครื่องมีคีย์บอร์ดซึ่งเหมาะสำหรับการแชท ในขณะที่โทรศัพท์บางเครื่องมีจุดแข็งในเรื่องของแอพพลิเคชั่นที่มีให้ใช้อย่างหลากหลาย เป็นต้น

ถึงแม้ว่า ผู้ผลิตบางรายได้มีการพัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สามารถใช้งานได้ 2 ซิมออกมา แต่ด้วยลักษณะการออกแบบและฟังก์ชั่นที่ไม่หลากหลาย เมื่อเทียบกับโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบซิมเดียวที่มีอยู่ในตลาด ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนยังคงนิยมใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เครื่อง

นอกเหนือจากนี้ ในอดีตที่ผู้บริโภคไม่สามารถเปลี่ยนค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้หมายเลขเดิมได้ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายกว่า 1 เครื่อง อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันได้มีการเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมาย ซึ่งผู้บริโภคสามารถย้ายไปใช้บริการของค่ายอื่นได้โดยยังคงใช้เลขหมายเดิม แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดการใช้บริการบางอย่าง ซึ่งอาจจำกัดปริมาณการใช้บริการคงสิทธิเลขหมายของผู้บริโภคให้มีไม่มากนัก เช่น การให้บริการที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นต้น

บทสรุป
กระแสพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มีความต้องการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีอรรถประโยชน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ง่ายและใช้งานสะดวก หรือแม้แต่การรองรับการใช้งานมัลติมีเดีย เช่น ชมวีดีโอ ฟังเพลง เป็นต้น ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ๆที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน ซึ่งกำลังอยู่ในกระแสความนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน

จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ปัจจุบัน ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯมีการถือครองสมาร์ทโฟนในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50.4 โดยผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่งเริ่มทำงานในช่วงอายุ 20 ถึง 24 ปี มีสัดส่วนการใช้งานสมาร์ทโฟนมากที่สุดถึงร้อยละ 56 ถึงแม้ว่าสัดส่วนการถือครองสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ผู้ตอบแบบสอบถามในทุกช่วงอายุที่ยังคงไม่มีสมาร์ทโฟนในครอบครองก็มีแผนที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตมากกว่าร้อยละ 50 โดยผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มผู้เริ่มทำงาน และกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 30 ถึง 34 ปี มีสัดส่วนของผู้มีแผนจะใช้งานสมาร์ทโฟนในอนาคตสูงที่สุดคือร้อยละ 83 และทั้งสองกลุ่มให้ความสำคัญกับสมรรถนะของสมาร์ทโฟนเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องการใช้งานในอนาคต

จากผลสำรวจดังกล่าว นับได้ว่าความต้องการสมาร์ทโฟนในตลาดยังคงมีอยู่มาก และยังคงมีช่องว่างทางการตลาดให้เติบโตต่อไปได้อีก ทั้งจากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟน และกลุ่มผู้ที่ใช้งานอยู่แล้ว แต่ต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2554 ตลาดสมาร์ทโฟนจะขยายตัวร้อยละ 31.7 ถึง 38.8 โดยมีมูลค่าตลาดราว 32,789 ถึง 34,544 ล้านบาท

นอกเหนือจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มีการถือครองโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับฟังก์ชั่นการถ่ายรูป ใช้งานมัลติมีเดีย และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (EDGE/WIFI/3G) ในสัดส่วนที่สูงราวร้อยละ 58 ขึ้นไป สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลักษณะอุปกรณ์พกพาสารพัดประโยชน์แทนที่อุปกรณ์พกพาที่มีฟังก์ชั่นเฉพาะอย่าง เช่น กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเกมพกพา เป็นต้น และยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้บริโภคในด้านอุปกรณ์สื่อสารที่รองรับการให้บริการ 3G ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554

——————————————
Disclaimer
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงข้อมูลได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

View :2076