กรมทรัพย์สินทางปัญญาชวนคนรุ่นใหม่ไอเดียเก๋ ร่วมประกวดผลงานสร้างสรรค์

August 6th, 2010 No comments

เฟ้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์ ชิงเงินรางวัลกว่าสามแสนบาท

กรุงเทพฯ, 5 สิงหาคม 2553: ชวนคนรุ่นใหม่ไอเดียเจ๋ง ส่งผลงานสร้างสรรค์ เข้าร่วมประกวดในงาน Creative IP Fair & CLEA 2010 เวทีประชันไอเดียสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยผ่านไอเดียการออกแบบร่วมสมัย

นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ในขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์(นายอลงกรณ์ พลบุตร) จึงได้มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาจัดทำโครงการ Young Creative Award โดยร่วมกับเครือข่ายการ์ตูนไทยสร้างสรรค์สังคม จัดการประกวดออกแบบผลงานสร้างสรรค์ (Young Creative Award) ในงาน Creative IP Fair & CLEA 2010 เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้คนไทยเป็นนักสร้างสรรค์ นักประดิษฐ์ และเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้มีเวทีแสดงความสามารถ รวมถึงกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการสร้างสรรค์ การคุ้มครอง และการใช้ประโยชน์จากการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบและครบวงจร

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวฯ แบ่งการประกวดเป็น 4 ประเภท คือ การออกแบบลวดลายกราฟฟิกลงบนคาแรคเตอร์ CE การออกแบบคาแรคเตอร์อัตลักษณ์ของกีฬามวยไทย การออกแบบสินค้าจากภาพลักษณ์ของผีตาโขน และการออกแบบสินค้าโดยใช้ภาพลักษณ์คาแรคเตอร์ “หนูแจ๋ว” โดย การประกวดออกแบบลาดลายกราฟฟิกลงบนคาแรคเตอร์ CE จะเน้นการนำเสนอภายใต้แนวคิด Love & Friendship โดยผู้ที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายจะได้ร่วมงานเป็นทีมกับนักออกแบบมืออาชีพชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อร่วมออกแบบลวดลายกราฟิกลงบนผลงาน ในการแข่งขันรอบสุดท้าย

สำหรับการออกแบบคาแรคเตอร์อัตลักษณ์ของกีฬามวยไทย ผู้เข้าร่วมประกวดนำเสนอผลงานออกแบบคาแรคเตอร์โดยมีแรงบันดาลใจจากกีฬามวยไทย ผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คนจะต้องออกแบบผลงาน 2 ชิ้น ได้แก่ ออกแบบและจัดทำรูปแบบของคาแรคเตอร์ในท่าทางต่างๆ (Style Guide) และนำภาพลักษณ์ที่ออกแบบไปประกอบการออกแบบลงบนสินค้า (products guide) ตามกลุ่มสินค้าจากหัวข้อที่รับจากคณะกรรมการ ในส่วนของการออกแบบสินค้าจากภาพลักษณ์ของผีตาโขน ผู้เข้าประกวดส่งภาพร่างสินค้าต้นแบบที่มีแรงบันดาลใจมาจากภาพลักษณ์ของผีตาโขน ผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คนจะต้องออกแบบและจัดทำสินค้าตามที่นำเสนอไว้ในรอบแรกโดยไม่จำกัดเทคนิคจำนวน 2 ชิ้น โดยผู้ชนะเลิศรางวัลที่1 จะ ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล รางวัลที่ 2 ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล รางวัลที่ 3 ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล และรางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรและโล่รางวัล

ในส่วนของการออกแบบสินค้าโดยใช้ภาพลักษณ์คาแรคเตอร์ “หนูแจ๋ว” จากการ์ตูนชุด Creative Kids ผู้เข้าประกวดส่งผลงานออกแบบสินค้า ชิ้นงานของแถม และบรรจุภัณฑ์ โดยผู้เข้าประกวดสามารถเลือกออกแบบสินค้าจากกลุ่มสินค้าดังนี้ สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมของเล่น สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมของขวัญ ของชำร่วย และของตกแต่งบ้าน สินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือน และสินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน โดยผู้ชนะเลิศรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 30,000 บาท รางวัลที่ 3 เงินรางวัล 20,000 บาท และรางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท

ผู้เข้าประกวดสามารถส่งผลงานสร้างสรรค์ไม่จำกัดจำนวนชิ้นได้ที่ CLEAASIA@hotmail.com ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 22 สิงหาคม 2553 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-676 2676 และ 02-676-2999 หรือ www.ipthailand.go.th

View :1637

ดีแทคแนะนำ แพ็กเกจใหม่ “one” มอบความง่ายสบายให้ลูกค้า

August 6th, 2010 No comments

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ และ ดร.เกษชญง สกาวรัตนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ร่วมกันแนะนำแพ็กเกจใหม่ “one” คิดค่าโทรในเครือข่ายและนอกเครือข่ายในอัตราค่าบริการเท่ากันนาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการเริ่มต้น 200 บาท รับสิทธิ์โทรฟรี 200 นาที ต่อรอบบิล เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางการทำตลาดธุรกิจโพสต์เพดให้มุ่งสู่แนวทาง “Simplicity” เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ feel goood ที่พร้อมมอบความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้า.

ดีแทคปรับทิศทางการตลาดซิมรายเดือนใหม่สร้างความเข้าใจง่าย
เปิดตัวแพ็กเกจ one ค่าโทรอัตราเดียวทุกเครือข่าย

5 สิงหาคม 2553 – ดีแทค แนะนำ แพ็กเกจใหม่ “one” คิดค่าโทรในเครือข่าย และนอกเครือข่ายในอัตราค่าบริการเท่ากันนาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการเริ่มต้น 200 บาท รับสิทธิ์โทรฟรี 200 นาที ต่อรอบบิลเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางการทำตลาดธุรกิจโพสต์เพดให้มุ่งสู่แนวทาง “Simplicity” เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ feel goood ที่พร้อมมอบความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้า

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ ดีแทค กล่าวว่า การออกแพ็กเกจ one เป็นการนำร่องแนวการทำธุรกิจโพสต์เพดรูปแบบใหม่ของดีแทค ที่จะหันมามุ่งเน้น “Simplicity” หรือความเรียบง่ายในการใช้บริการให้แก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเราพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการแพ็กเกจที่เข้าใจง่าย มีราคา และคุณภาพบริการที่เหมาะสม แต่ที่ผ่านมาจำนวนแพ็กเกจที่มีอยู่ในตลาดมีเป็นจำนวนมาก ทำให้ลูกค้าสับสน เราจึงปรับแผนการทำตลาดใหม่เปิดตัวแพ็กเกจ one คิดค่าโทรในอัตราเดียวทุกเครือข่าย ไม่จำกัดช่วงเวลา ซึ่งลูกค้าที่ต้องการใช้งานโทรปกติทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ในราคาที่คุ้มค่า สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้งานมากขึ้น สามารถเลือกแพ็กเสริมได้ตามความต้องการใช้งาน

แพ็กเกจ one มีอัตราการใช้บริการที่ง่ายต่อความเข้าใจโดยคิดในอัตราเดียวทั้งในเครือข่าย ( On-Net) และนอกเครือข่าย ( Off-Net) ในราคานาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการเริ่มต้น 200 บาท รับสิทธิโทรฟรี 200 นาที ต่อรอบบิล ส่วนค่าโทรส่วนเกินจากสิทธิ์โทรฟรีคิดนาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง เช่นกัน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้อแพ็กเสริมโทรในเครือข่ายเพิ่มเติมได้ตามการใช้งาน เพียงเดือนละ 100 บาท/แพ็ก ดังนี้

1) day time โทรถูกกลางวัน ตั้งแต่ 05.00 น. – 17.00 น. คิดค่าโทรนาทีละ 25 สตางค์

2) night time โทรฟรีกลางคืน ตั้งแต่ 22.00 น. – 10.00 น.

3) all day โทรถูก 24 ชั่วโมง คิดค่าโทรนาทีละ 50 สตางค์

4) special number โทรถูก 1 เบอร์คนพิเศษ คิดค่าโทรนาทีละ 20 สตางค์ ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยลูกค้าปัจจุบันสามารถเปลี่ยนแพ็กเกจได้ฟรีที่ *1888 กด 1 หรือผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2553 .

View :1440
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เดินหน้าเพิ่มศักยภาพผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนทั่วประเทศ

August 3rd, 2010 No comments

นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนภาคกลาง ภายใต้โครงการการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนอย่างยั่งยืน ว่า การจัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลศูนย์ฯ เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่กระทรวงฯ ให้ความสำคัญและดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน โดยจัดในรูปแบบที่หลากหลาย ตามความเหมาะสมของแต่ละชุมชน เช่น การประชุมร่วมกัน การสัมมนาและการฝึกอบรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อเน้นการสร้าง “ผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน” ให้มีความรู้ มีทักษะที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนของตนเอง ภายใต้โครงการการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนอย่างยั่งยืน

“ในปีนี้กระทรวงฯ ได้ร่วมกับศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารและการพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถิติจังหวัด จัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้แลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 กิจกรรมหลัก คือ การสัมมนา และการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อมอบนโยบายและแนวคิดใหม่ๆ ในการจัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลศูนย์ฯ เช่น การกระจายอำนาจในการบริหารจัดการศูนย์ฯ การทำงานร่วมกับแกนนำในแต่ละภูมิภาค การออกแบบวิธีการเรียนการสอน การอบรมที่เน้นการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตามความพร้อมและความต้องการของแต่ละชุมชนในรูปแบบของการอบรมเชิงบูรณาการด้วยระบบ Offline และ Online จำนวน 12 หลักสูตร รวมทั้งหลักสูตรพิเศษอื่นๆ ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง Global-Thai Telecentre Academy และ Thai Cyber University และ มสธ.

ส่วนการอบรมเชิงปฏิบัติการ กระทรวงฯ ได้จัดเตรียมหลักสูตรที่มีเนื้อหาเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ดูแลศูนย์ฯ ได้ฝึกปฏิบัติเพื่อเพิ่มทักษะทางด้านเทคนิคและการบริหารจัดการโดยสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจ ประกอบด้วย หลักสูตร Online จำนวน 6 หลักสูตร และหลักสูตร Offline จำนวน 12 หลักสูตร” นายสือ กล่าว

สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนในวันที่ 2-7 สิงหาคมนี้ เป็นการจัดเฉพาะในพื้นที่ ภาคกลาง โดยมีผู้เข้าร่วมที่เป็นผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนทั้งที่เป็นศูนย์ฯ เดิมที่มีการจัดตั้งแล้ว และศูนย์ใหม่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้ง ตลอดจนตัวแทนจากสำนักงานสถิติจังหวัดในภาคกลาง รวมทั้งสิ้น 350 คน ซึ่งนอกจากในภาคกลางแล้วกระทรวงฯ จะได้ดำเนินการจัดกิจกรรมในระดับภูมิภาคอีก 4 ครั้ง โดยครั้งต่อไปจะเป็นการจัดกิจกรรมในภาคเหนือ ช่วงระหว่างวันที่ 16-21 สิงหาคม ณ จังหวัดเชียงใหม่

View :1654

CS LOXINFO เปิดตัว โครงการ Smart Click ตอน Kid ทำเว็บ

August 3rd, 2010 No comments

เชิญชวนเด็กรุ่นใหม่วัยช่างคิด อบรมออกแบบเว็บไซต์ด้วยระบบบริหารจัดการเว็บไซต์สำเร็จรูป (Word Press) ฟรี! ในโครงการ Smart Click ตอน Kid ทำเว็บ

คุณสมบัติผู้สมัคร :
 เยาวชนที่กำลังศึกษาระดับมัธยมตอนต้นตั้งแต่ ม. 1 – ม.3
 สถานศึกษาอยู่ในในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

หลักสูตรการอบรม : หลักสูตร 3 วัน อบรมความรู้พื้นฐานขั้นตอนการติดตั้ง Word Press,
การติดตั้งโปรแกรมสำหรับ FTP, แนะนำการใช้เครื่องมือ Word Press, การเปลี่ยนธีม, การสร้าง Pages, การใส่ Widgets, การใส่ Plug-in ต่างๆ

ระยะเวลาการอบรม : เดือนตุลาคม แบ่งเป็น 2 รุ่น
รุ่นที่ 1 วันที่ 4-6 ตุลาคม 2553 จำนวน 20 คน
รุ่นที่ 2 วันที่ 11-13 ตุลาคม 2553 จำนวน 20 คน

สถานที่อบรม : ห้อง Training CS LOXINFO ชั้น 17 อาคารไซเบอร์เวิร์ลด ทาวเวอร์ เอ ถนนรัชดาภิเษก

ระยะเวลาเปิดรับสมัคร : ตั้งแต่วันนี้ – 24 กันยายน 53

ทีมวิทยากร : คุณจิรวัฒน์ เที่ยงธนพัฒน์
สิ่งที่เยาวชนจะได้รับ
 ประกาศนียบัตร
 พื้นที่ในการทำเว็บไซต์ 100 MB ระยะเวลา 1 ปี

วิธีการสมัคร : น้องๆ เยาวชนที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 กันยายน 2553 ดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่ www.csloxinfo.com และส่งใบสมัครได้ที่ e- Mail: mc@csloxinfo.net หรือทางโทรสาร 02-263-8032 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 กันยายน 53

สอบถามเพิ่มเติมติดต่อแผนกสื่อสารการตลาด โทร 02-263-8000 ต่อ 1422, 2029 อีเมล mc@csloxinfo.net

View :1903

ก.ไอซีที ชวนประชาชนร่วมกิจกรรม “โครงการถวายพระพรออนไลน์”

August 3rd, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้เริ่มจัดทำโครงการถวายพระพรออนไลน์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 แล้ว โดยสำนักงานปลัดกระทรวงฯ และ 6 หน่วยงานในสังกัดได้ร่วมกันจัดกิจกรรมถวายพระพรออนไลน์ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยโครงการถวายพระพรออนไลน์นี้ เป็นการร่วมกันเปิดช่องทางให้บริการถ่าย e-Postcard พร้อมลงนามถวายพระพรออนไลน์ในทุกสำนักงานสาขาของกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดทุกแห่งทั่วประเทศ รวมไปถึงส่วนราชการทุกระทรวง องค์กรของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรส่วนท้องถิ่น ภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาคเอกชน ด้วยนำหน้าเว็บไซต์ถวายพระพรออนไลน์ขึ้นบนหน้าแรกเว็บไซต์ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้บริการประชาชน พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนสามารถร่วมถวายพระพรโดยการส่งข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (SMS) ฟรีทุกระบบที่หมายเลข 4567890 อีกด้วย

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้กำหนดจัดกิจกรรมถวายพระพรออนไลน์ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 5 – 12 สิงหาคม 2553 ณ ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัด องค์กร และภาคเอกชนต่างๆ ได้แก่ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร บจ.ธนารักษพัฒนาสินทรัพย์ (ธพส.) สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์ สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย สมาคมอิเล็คโทรนิคบันเทิง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (ทรู)

“และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบ และเข้าร่วมกิจกรรม กระทรวงฯ จึงได้จัดพิธีเปิด ซุ้มถวายพระพรออนไลน์ขึ้นในวันที่ 5 สิงหาคม 2553 เวลา 10.00 -11.00 น. ณ ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี โดยมี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธาน รวมทั้งได้จัดพิธีถวายพระพรออนไลน์เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถขึ้น ในวันที่ 11 สิงหาคม 2553 เวลา 10.00 -11.00 น. ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เช่นกัน โดยจะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และครอบครัวให้เกียรติเป็นประธาน พร้อมทั้งนำประชาชนในงานร่วมถวายพระพร ซึ่งพิธีการดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสดด้วย” นายจุติ กล่าว
สำหรับรายละเอียดการจัดกิจกรรมฯ ในระหว่างวันที่ 5 -12 สิงหาคม 2553 นั้น นอกจากจะมีการถวายพานพุ่มต่อหน้าพระสาทิสลักษณ์ในวันจัดพิธีเปิดซุ้มฯ และวันจัดพิธีถวายพระพรออนไลน์แล้ว กระทรวงฯ ยังได้จัดให้มีการแสดงนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ พร้อมการแสดงสินค้าด้านการสื่อสารจากภาคเอกชนทั้ง เอไอเอส ดีแทค และทรู การแสดงนิทรรศการและการจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานต่างๆ และกิจกรรมบนเวที

“กระทรวงไอซีที จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกิจกรรมโครงการดังกล่าว ของกระทรวงฯ โดยการลงนามถวายพระพรบนเว็บไซต์ของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งขอเชิญประชาชน ผู้มาติดต่อราชการร่วมกิจกรรม ณ ซุ้มถวายพระพรที่จัดตั้งขึ้นตามหน่วยงาน สำนักงาน สาขาของกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดประมาณ 2,000 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนเชิญร่วมกิจกรรม ณ ศูนย์ราชการเฉลิม พระเกียรติฯ ด้วย ซึ่งกระทรวงฯ หวังว่า จะมีประชาชนให้ความสนใจร่วมลงนามถวายพระพรในเขตกรุงเทพมหานครจำนวนกว่า 2 ล้านคนขึ้นไป และครอบคลุมไปถึงประชาชนในต่างจังหวัดทุกพื้นที่ทุกจังหวัด ส่วนกิจกรรมคู่ขนานการส่งข้อความถวายพระพรผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น มีเป้าหมายจะเชิญชวนผู้ร่วมลงนามประมาณ 1,000,000 ข้อความ สำหรับข้อมูลภาพและข้อความที่มีผู้ร่วมถวายพระพรในโครงการฯ นี้ กระทรวงฯ จะรวบรวมมาจัดทำเป็นข้อความ “ทรงพระเจริญ” ทูลเกล้าถวายในภายหลังด้วย” นายจุติ กล่าว

View :1769

ซอฟต์แวร์พาร์ค จัดอบรมไอทีกับการบริหารจัดการธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่

August 3rd, 2010 No comments

ขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จะจัดงานสัมมนาเรื่อง “ไอทีกับการบริหารจัดการธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่” ในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2553 เวลา 13.00 – 16.30 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 3 อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี งานสัมมนาฟรีที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์เพื่อธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ พร้อมเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ประกอบการชั้นนำที่มีการนำไอทีมาใช้ในองค์กร ภายในงานจะได้พบกับโซลูชั่นในการบริหารจัดการธุรกิจ ระบบควบคุมต้นทุน ระบบควบคุมคุณภาพ ระบบการให้บริการลูกค้า และระบบจัดการเอกสาร ครบทุกความต้องการของธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในที่เดียว พลาดไม่ได้สำหรับผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สัมมาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนภายใน 23 สิงหาคมนี้เท่านั้น สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านไอทีสำหรับภาคอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์พาร์ค คุณณีรนารถ รัศมีวิศวะ โทร. 0 2583 9992 ต่อ 1446 หรือ neeranart@swpark.or.th

View :1646

เอชทีซี เปิดตัวเทคโนโลยีจอแสดงผลซุปเปอร์แอลซีดี

August 3rd, 2010 No comments

สู่สายผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีจอแสดงผลซุปเปอร์แอลซีดีแบบใหม่ จะนำมาใช้กับ Desire และ Nexus One เป็นรุ่นแรก

เอชทีซี คอร์ปอเรชัน ผู้นำระดับโลกในการออกแบบสมาร์ทโฟน ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีจอแสดงผลซุปเปอร์แอลซีดี (Super LCD – SLCD) เพื่อใช้กับสายผลิตภัณฑ์เอชทีซีในหลากหลายรุ่น เช่น HTC Desire และ Nexus One ในราวเดือนสิงหาคมนี้ จอแสดงผล SLCD แสดงสีสันที่ดูเป็นธรรมชาติ แสงสมจริง มุมมองกว้าง และปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปีเตอร์ โชว ซีอีโอ เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เอชทีซีมีประสบการณ์และรับรู้ความต้องการของผู้ใช้งานโทรศัพท์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับจอแสดงผลขนาด 3.7 นิ้ว จอแสดงผล SLCD ให้ผู้ใช้งานได้เปรียบเทียบประสบการณ์การแสดงภาพ ของจอแสดงผล 3.7 นิ้วในปัจจุบัน กับคุณสมบัติที่เพิ่มเติมเข้ามา รวมถึงการใช้แบตเตอรรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

SLCD เป็นเทคโนโลยี LCD ล่าสุดที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ LCD จากรุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึงการจัดการพลังงานได้ดีกว่าเดิมถึง 5 เท่า นอกจากนี้แล้ว SLCD ยังยกระดับประสบการณ์ในมุมมองการมองภาพที่กว้างขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ VSPEC จากโซนี่

View :1536
Categories: Press/Release Tags: ,

ซิป้าเตรียมจัดงานใหญ่ มหกรรมสื่อสร้างสรรค์แห่งเอเชียวันที่ 6 – 8 ส.ค. ที่ไซเบอร์เวิลด์ รัชดาฯ

August 3rd, 2010 No comments

นายลักษมณ์ เตชะวันชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) เปิดเผยว่า “สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า เตรียมจัดงาน “” หรือมหกรรมสร้างสรรค์แห่งเอเชีย เพื่อเป็นการบันทึกความสำเร็จตามโครงการ Digital Media Asia 2010 ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จัดทำขึ้นตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งได้มอบหมายให้สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ไทย และสมาคมอิเลคโทรนิคบันเทิง เป็นผู้ดำเนินงาน โดยจะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม นี้ ทั้งในส่วนของ ภาพยนตร์ เกม และแอนิเมชัน”

ภายในงานจะมีการเสวนาจากกูรูทางด้านภาพยนตร์ เกม และแอนิเมชัน ต่างๆ อาทิ เบื้องหลังและเทคนิคการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นฮอลลีวู้ด (Animation Toolset to create Hollywood Movie Box Office) ในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม จาก Mr. Graham Toms นักแอนิเมเตอร์ผู้ผ่านงานที่ดีสนีย์ และเป็นหนึ่งในทีมสร้างเวอร์ชวลซีน (3D Virtual Scene) ในภาพยนตร์อวตาล (Avatar) จะมาบรรยายพิเศษเรื่องการใช้เครื่องมือด้านซอฟต์แวร์ต่างๆที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์ระดับโลกของดีสนีย์และอวตาลของ James Cameron

พบกับหนังสือการ์ตูนหายาก เล่มเดียวในโลก และนิทรรศการการ์ตูนไทย จากอดีตถึงปัจจุบัน การจับคู่ทางธุรกิจครั้งแรกในประเทศ ระหว่างนักสร้างแอนิเมชั่น และเหล่าผู้สร้างสรรค์แคแรคเตอร์การ์ตูนและฮีโร่ต่างๆ รวมทั้งการออกร้านของบรรดาศิลปินอินดี้ ผู้สร้างสรรค์การ์ตูนแคแรคเตอร์และคอมิก ที่เป็นสายธารต้นน้ำของการเศรษฐกิจสร้างสรรค์งานด้านแอนิเมชัน และที่เป็นไฮต์ไลท์ คือ พบกับแชมป์อัจฉริยะต่อ Lego ของโลก Jumpei Mitsui (JunLEGO) ที่จะมาสาธิตการต่อเลโก้ระดับโลกในวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม รวมถึงการแสดงซุปเปอร์ฮีโร่ไทยโดยคุณฮาตะและเหล่าสมาชิกที่เป็นแฟนพันธ์แท้ฮีโร่ไทย รวมถึงมินิคอนเสิร์ต 10 ศตวรรษเพลงประกอบภาพยนตร์ไทย เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นในวันที่ 6-8 สิงหาคม 2553 นี้ ที่อาคารไซเบอร์เวิลด์ รัชดาฯ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 0-2938-4946-7

View :2112
Categories: Press/Release Tags: ,

ทีมนักศึกษาไทยคว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับผู้พิการในระดับนานาชาติ

August 3rd, 2010 No comments

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่พสกนิกรชาวไทย ทรงตระหนักถึงประโยชน์และความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศในการเสริมสร้างคุณภาพและศักยภาพของเด็กไทยที่อยู่ห่างไกลในชนบท ซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา รวมทั้งเด็กเจ็บป่วย ผู้พิการให้ได้มีโอกาสใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้และอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อผู้พิการอย่างต่อเนื่อง ทรงเห็นถึงความจำเป็นของคนพิการที่จะต้องใช้เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิศวกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกพิการ (International Convention on Rehabilitation Engineering & Assistive Technology :iCREATe) ซึ่งจัดโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ START center (Singapore Therapeutic, Assistive & Rehabilitative Technology Centre) ประเทศสิงคโปร์มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปีนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล และคณะผู้บริหารจาก สวทช. เฝ้ารอรับเสร็จฯ

สำหรับปี 2553 เนคเทคร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรอีก 3 แห่ง คือ Singapore Therapeutic, Assistive & Rehabilitative Technology (Start) Centre, Shanghai Jiao Tong University, and University Of Shanghai For Science And Technology ได้จัดงาน icreate 2010 ขึ้น ณ ศูนย์การประชุม Shanghai everbright นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 21-24 กรกฎาคม 2553 โดยมีหัวข้อการประชุมเป็นเรื่อง “การเดินทาง การจ้างงาน การศึกษา นันทนาการ และกีฬาสำหรับคนพิการ” ทั้งนี้มีกิจกรรมหลักของงานประชุมวิชาการ 3 กิจกรรมคือ

• การประชุมวิชาการ/การนำเสนอผลงาน (Seminars & Workshops) โดยมุ่งเน้นให้เป็นเวทีของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีขั้นสูงในด้านเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก และส่งเสริมให้เกิดโอกาสในการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรทางด้านวิชาการ ด้านการผลิต การจำหน่าย รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ อันได้แก่ นักวิจัย นักวิชาการ นักกายภาพบำบัด ผู้จำหน่าย ผู้ดูแลคนพิการ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้พิการ โดยจะมีกิจกรรมทั้งในส่วนของการนำเสนอบทความทางวิชาการ การอบรมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการแสดงปาฐากถา ในปี 2553 มีวิทยากรหลัก 4 ท่าน การนำเสนอผลงานจำนวน 71 เรื่อง และการอบรมเชิงปฏิบัติการ 12 เรื่อง
• การประกวดโครงงานนักศึกษา (Student Design Challenge: SDC) ได้มุ่งเน้นให้เป็นเวทีของการสร้างโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพในการนำเสนอแนวคิดในการแก้ไขปัญหา และสร้างผลงานที่เป็นสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการ โดยเวทีแห่งกิจกรรมนี้ จะทำให้ผู้เข้าประกวดมีโอกาสได้นำเสนอผลงานต่อภาคอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรจากหลากหลายวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นสะพานเชื่อมต่อให้เกิดการทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องต่อไป ในปีนี้มีนักศึกษาส่งโครงการเข้าร่วมประกวด 35 โครงงาน จาก 4 ประเทศคือ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศจีน ประเทศไทย และประเทศ ผลงานดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
• การจัดนิทรรศการ (Exhibition) เพื่อการจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ สินค้าและบริการจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันและหน่วยงานต่างๆ ในปีนี้มีหน่วยงานร่วมจัด 6 หน่วยงาน

เนคเทคได้ทำการคัดเลือกทีมตัวแทนประเทศไทย เพื่อไปร่วมแข่งขันการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับผู้พิการในระดับจำนวน 5 ทีมได้แก่
1. โครงการ The Design and Development of the Power added-on for Manual Wheelchair โดย นายบดินทร์ บูระวัตรเดชา นายสิทธิชัย ประสิทธิ์ผล นายวัศพล พงษ์สุวรรณ มีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ : ดร บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. โครงการ 9 ช่องมหัศจรรย์ (Incredible 9 Squares) โดย นางสาวชยพร ศุภวิไล นายณัฐพงศ์ สุระเสถียร มีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ดร.ชาคริต วัชโรภาส จากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์
3. โครงการโปรแกรมแปลภาษาไทยเป็นภาษามือสามมิติ โดย นายณัฐดนัย หอมคง นายนัทธ์นที มณีรัตน์ มี อาจารย์ที่ปรึกษาคือ ดร.นราธิป เที่ยงแท้ จาก ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
4. โครงการเครื่องเปิดหนังสืออัตโนมัติสำหรับผู้พิการทางแขน (An Automatic Page Flipping System for Disabled Readers) โดย นายบาศ ทรงศิลป์ นายประกายเพชร ศุภกาญจนกันติ นายเมธิชัย โอบอ้อม มีอาจารย์ที่ปรึกษา คือ ดร.อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติ จาก ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5. โครงการ Ptalk โปรแกรมอ่านภาษาไทยบนมือถือสำหรับคนตาบอด โดย นายปรีชากร ต่อเรืองวัฒนา นายปณิธาน บัลลังก์ปัทมา นางสาวธิติมา นุชพิทักษ์ มีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ดร.ชลวิช นัทธี จากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผลการประกวดโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับผู้พิการ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 53 ตัวแทนประเทศไทยคว้ารางวัลชนะเลิศ ได้เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้รับรางวัลอื่นๆ อีก รวม 3 รางวัล ซึ่งมีผลการการแข่งขัน ดังนี้

“โปรแกรมแปลภาษาไทยเป็นภาษามือสามมิติ” ได้รับรางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล 1400 เหรียญสหรัฐ โปรแกรมดังกล่าวพัฒนาโดย นายณัฐดนัย หอมคง และนายนัทธ์นที มณีรัตน์ อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.นราธิป เที่ยงแท้ จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาต่อยอดจาก “พจนานุกรมไทย-ภาษามือ 3 มิติ” ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยจากโครงการการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่ง ประเทศไทย ครั้งที่ 6 (NSC 2004) และได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากโปรแกรมเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ พิการ (B7-2) ของเนคเทค/สวทช.

รางวัล Best prototype คือ เครื่องเปิดหนังสืออัตโนมัติสำหรับผู้พิการทางแขน (An Automatic Page Flipping System for Disabled Readers) พัฒนาโดย นายบาศ ทรงศิลป์ นายประกายเพชร ศุภกาญจนกันติ นายเมธิชัย โอบอ้อม อาจารย์ที่ปรึกษา: ดร.อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติ จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัเชียงใหม่ ได้รับพระราชทานรางวัลจาก HRH Princess Salote Mafile’o Pilolevu Tuita of Tonga โครงการนี้ได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการผู้ตัดสินว่าที่ได้รางวัลนี้เพราะว่าพร้อมนำสู่สายการผลิตได้

รางวัล Best poster คือ ผลงาน 9 ช่องมหัศจรรย์ (Incredible 9 Squares) พัฒนาโดย นางสาวชยพร ศุภวิไล นายณัฐพงศ์ สุระเสถียร อาจารย์ที่ปรึกษา: ดร.ชาคริต วัชโรภาส จาก ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับพระราชทานรางวัลจาก HRH Princess Salote Mafile’o Pilolevu Tuita of Tonga

View :1705

เตรียมพบกับศูนย์บริการอีซีเอสแห่งใหม่สุดโมเดิร์น ณ อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่าชั้น 4

August 3rd, 2010 No comments

นายศุภเกียรติ ตันตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดศูนย์บริการที่สาขาพันธุ์ทิพย์เพิ่มอีก 1 แห่งที่ชั้น 4 ว่า “แวลลูฯ เปิดศูนย์บริการที่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่าชั้น 3 มาเป็นเวลาถึง 17 ปีแล้ว โดยให้บริการด้านงานรับประกัน (Warranty), งานเคลม และงานซ่อม อาทิ โน้ตบุ๊ค, พรินเตอร์ และสตอเรจในแต่ละแบรนด์ที่บริษัทจัดจำหน่ายอยู่ เช่น เลอโนโว เอชพี เอเซอร์ อัสซุส และเบนคิว รวมถึงให้บริการด้านงานเคลมสินค้าของทรีคอม, ซิสโก, บัฟฟาโล และดีลิงค์ เป็นต้น
ปัจจุบันศูนย์บริการที่ชั้น 3 ต้องรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการด้านงานซ่อมและงานเคลมในจำนวนที่มากขึ้นประมาณ 40-50% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากแวลลูฯ ได้รับความไว้วางใจจากซัพพลายเออร์แบรนด์ดังมากมายที่แต่งตั้งให้เราเป็น Exclusive Service Center ของสินค้านั้นๆ เช่น เลอโนโว บัฟฟาโล ดีลิงค์ ทำให้ลูกค้าจำนวนมากทั้งที่เป็นเอนด์ยูสเซอร์และดีลเลอร์ที่ต้องการใช้บริการงานซ่อมและเคลมหลั่งไหลมาที่เราเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่การให้บริการที่ชั้น 3 ไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตลอด 7 วัน คือ วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. -19.00น. ได้อย่างเต็มที่

นอกจากนั้นยังมีซัพพลายเออร์ อาทิ เอชพี ที่เล็งเห็นศักยภาพของบริษัทที่มีความพร้อมในด้านการสำรองอะไหล่ จึงได้มอบอำนาจด้านการบริการให้กับเรามากยิ่งขึ้น คือ จากแต่เดิมที่แวลลูฯ รับหน้าที่เป็นจุดรับเครื่องโน้ตบุ๊คเอชพีเพียงอย่างเดียว และไม่ได้ทำหน้าที่ซ่อมด้วย แต่ปัจจุบันนี้เอชพีได้แต่งตั้งให้เราทำหน้าที่เป็นศูนย์ซ่อมสินค้าของเขาด้วย จึงยิ่งทำให้มีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการงานซ่อมของเราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทจึงตัดสินใจเปิดศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งที่ชั้น 4 ของอาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า โดยจะเน้นให้บริการงานซ่อมสินค้าโน้ตบุ๊คของแบรนด์เลอโนโว ซึ่งแวลลูฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้บริการงานซ่อมโน้ตบุ๊คในกลุ่มคอนซูเมอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นชั้น 4 จึงจะเป็นศูนย์ซ่อมที่เน้นโน้ตบุ๊คของเลอโนโวโดยตรง ในขณะที่ชั้น 3 จะเน้นไปที่งานซ่อมสินค้าของแบรนด์เอชพี อัสซุส เบนคิว เอเซอร์ และงานบริการทั่วไป

และด้วยขนาดพื้นที่ของชั้น 4 ที่กว้างขวางขึ้นเมื่อเทียบกับศูนย์บริการที่ชั้น 3 บริษัทฯ จึงเปิดให้บริการด้านงานเคลมสินค้าของดีลิงค์และบัฟฟาโลเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกระจายปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ให้ศูนย์บริการที่พันธุ์ทิพย์ทั้ง 2 ชั้นของเรามีความคับคั่งและแออัดมากเกินไป ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเข้าใช้บริการของลูกค้าทั้ง 2 แบรนด์นี้เพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากแวลลูฯ ได้รับความไว้วางใจจากทั้งดีลิงค์และบัฟฟาโลให้เป็นผู้แทนการให้บริการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย”

สำหรับการออกแบบศูนย์บริการแห่งใหม่ที่พันธุ์ทิพย์ชั้น 4 นั้น นายศุภเกียรติกล่าวว่า “เราต้องการให้ศูนย์บริการแห่งใหม่นี้มีบรรยากาศที่ดูทันสมัย โอ่โถงและผ่อนคลายเสมือนนั่งอยู่ในห้องรับรองพิเศษ จึงได้ออกแบบให้มีการใช้กระจกแผ่นใหญ่เป็นวัสดุหลักของศูนย์บริการนี้ เพื่อให้พื้นที่ดูมีความโปร่งและโล่งขึ้น และด้วยขนาดของพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม จึงได้มีการจัดแบ่งสัดส่วนทั้งพื้นที่ใช้สอยของลูกค้าให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และพื้นที่การทำงานของพนักงานซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 7 ท่าน แบ่งเป็นช่าง 3 ท่าน พนักงานที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์อีก 3 ท่าน และพนักงานระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ ที่ทำหน้าที่ดูแลศูนย์บริการอีก 1 ท่าน ได้มีพื้นที่การทำงานที่เป็นสัดส่วนขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการเข้ามารับบริการยิ่งขึ้นอีกด้วย”

“ในด้านของทำเลที่เราเลือกนั้น ก็จัดได้ว่าศูนย์บริการที่ชั้น 4 นั้นอยู่ในทำเลที่ดีมาก คือ เมื่อลูกค้าขึ้นบันไดเลื่อนของห้างมาก็สามารถสังเกตเห็นศูนย์บริการของเราได้อย่างเด่นชัดทันที สำหรับขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการตกแต่งภายใน โดยเรามีกำหนดจะเปิดให้บริการงานซ่อมและงานเคลม ณ ศูนย์บริการอีซีเอสแห่งใหม่ อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ชั้น 4 ในต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จศูนย์บริการแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากศูนย์บริการสาขาสำนักงานใหญ่เลยทีเดียว” นายศุภเกียรติกล่าวทิ้งท้าย

View :1525