Archive

Author Archive

เดลล์เผยโฉมแท็บเล็ตและพีซีรุ่นใหม่ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์

December 18th, 2012 No comments


· แท็บเล็ต Latitude ใหม่ พร้อมด้วยอัลตร้าบุ๊คแบบพลิกหน้าจอได้ XPS 12 ให้คุณสร้างและใช้คอนเทนต์ อย่างง่ายดาย พร้อมแล้วสำหรับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 8

· XPS อุปกรณ์เชื่อมระหว่างการทำงานและโลกแห่งความบันเทิง

· แท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่นำหน้าทั้งด้านความปลอดภัยและการจัดการ

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 18 ธันวาคม 2555 – เดลล์พลิกโฉมวงการคอมพิวเตอร์ด้วยกลุ่มสินค้าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สำหรับธุรกิจและผู้บริโภคที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบปฏิบัติการล่าสุดที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อใช้งาน วินโดว์ส 8 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด เดลล์ ออกแบบสินค้าชั้นเยี่ยมที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ในการใช้ และทำให้การทำงานระบบสัมผัสเข้าถึงผู้บริโภคมากกว่าที่เคย วันนี้ เดลล์ขอเสนอ แท็บเล็ตรุ่น Latitude 10 และโน้ตบุ๊คแบบคอนเวอร์ททิเบิลรุ่น XPS 12

สินค้าใหม่เหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องพกพาอุปกรณ์หลายชนิดอีกต่อไป ทั้งยังทำให้ประหยัดเวลาและช่วยให้ทำงานได้มากขึ้น ผลงานการออกแบบที่สวยงามและทนทานนี้มาพร้อมกับความสามารถด้านการจัดการและระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ เป็นการเสริมศักยภาพให้ผู้ใช้ให้ก้าวเดินไปในโลกแห่งการเชื่อมต่อได้ตลอดเวลา

นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท จำกัด และผู้จัดการทั่วไป ภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า “การผสมผสานกันระหว่างฮาร์ดแวร์ของเดลล์และซอฟต์แวร์ของ Microsoft เอื้อให้ลูกค้าสามารถสร้างและบริโภคคอนเทนต์ในรูปแบบใหม่ได้อย่างตื่นตาตื่นใจ เรากำลังเผยโฉมผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในไลน์ของ คอนซูเมอร์ที่ปรับปรุงมาอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการใช้งานแบบหน้าระบบสัมผัสได้อย่างเต็มที่ สินค้าใหม่ที่มีรูปลักษณ์ทันสมัยเหล่านี้จะมีระบบสัมผัสที่เรียบง่ายและตอบสนองดีเยี่ยม รวมถึงให้ความสามารถด้านการจัดการ และระบบรักษาความปลอดภัยที่เพียบพร้อม ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคและกลุ่มผู้บริหาร และมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ สามารถเข้าถึงข้อมูลและแอพพลิเคชันได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ”

XPS 12 อัลตร้าบุ๊คแบบพลิกหน้าจอได้…ที่รวมแท็บเล็ตและแล็ปท็อปไว้ในเครื่องเดียว

XPS 12 คืออุปกรณ์สองชิ้นในหนึ่งเดียวที่เปี่ยมด้วยพลัง และฟีเจอร์ที่ทำให้ตัวเครื่องกลายมาเป็นแท็บเล็ต ที่มีพลังในการสัมผัส พร้อมด้วยฟีเจอร์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย บานพับของจอระบบสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ คือนวัตกรรมที่มาพร้อมกับ ความเรียบหรู ที่ช่วยให้ตัวเครื่องแล็ปท็อปปรับเปลี่ยนเป็นแทบเล็ตได้อย่างง่ายดาย เพียงการกลับด้านเท่านั้น เมื่ออยู่ในระบบแทบเล็ตโหมดหน้าจอจะทำหน้าที่รวมไปถึงคีย์บอร์ด สามารถปกป้องตัวเครื่อง ทั้งจากความสกปรก และรอยเลอะต่างๆ ตัวจอที่สว่างคมชัดด้วยความละเอียดสูงสุดมอบปริมาณความหนาแน่น ของพิกเซลที่สูงกว่ามาตรฐาน จอความละเอียดสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์เพื่อประสบการณ์การอ่าน และการมองเห็นเป็นพิเศษ เสนอขายในราคาเริ่มต้นที่ 49,990 บาท

แท็บเล็ตใหม่จากเดลล์: สร้างสรรค์เพื่อการทำงานและความบันเทิงอย่างสมบูรณ์แบบ

แท็บเล็ต Latitude 10 ขนาด 10 นิ้ว เหมาะกับสภาพการใช้งานและตอบไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันอย่างลงตัว ทั้งยังมีคุณสมบัติเด่น ด้านมัลติมีเดียที่หลากหลาย สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ และแอพลิเคชั่นของ Windows ในปัจจุบันได้อย่างราบรื่น เหมือนกับสินค้าในไลน์แล็ปท๊อปเพื่อธุรกิจของเดลล์ตัวอื่นๆ Latitude 10 สามารถติดตั้งกับชุดควบคุมบริหารระบบที่มีอยู่แล้ว ได้อย่างง่ายดาย สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และยังมีระบบการป้องกันเสริมที่แข็งแกร่งด้วย เช่น Dell Data Protection | Encryption สำหรับการเข้ารหัสปกป้องข้อมูลจากฮาร์ดไดรฟ์ไปยังพอร์ต USB

ด้วยความที่แท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ลักษณะพกพาที่อาจจะสามารถตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นหรือสูญหายได้ แท็บเล็ตรุ่นใหม่นี้จะมี คุณสมบัติการตรวจสอบลายนิ้วมือและเครื่องอ่านสมาร์ตการ์ดสำหรับการตรวจสอบผู้ใช้ 2 ขั้นตอนให้เลือกใช้ด้วย โดยจะมี การผลิตออกมาในช่วงต้นปี 2556 แบตเตอรี่ของ Latitude 10 สามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 18 ชั่วโมง และมีฐานตั้ง และปากกาสไตลัสเป็นอุปกรณ์เสริม สามารถตอบสนองการทำงานและการใช้งานที่บ้านอย่างลงตัว เสนอขายในราคาเริ่มต้นที่ 24,990 บาท

อัลตร้าบุ๊คเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร

Latitude 6430u อัลตร้าบุ๊คสำหรับธุรกิจรุ่นแรกของเดลล์ คือความลงตัวระหว่างประสิทธิภาพการใช้สอยและความงาม นอกจากจะมีรูปทรงที่บาง สวยงาม และเคลื่อนย้ายสะดวกแล้ว ยังมีระบบความปลอดภัย การจัดการ และความทนทาน ที่จำเป็นสำหรับองค์กรต่างๆ Latitude 6430u เป็นโน้ตบุ๊คที่สามารถจัดการได้อย่างงายดาย และมีความคงทนที่สุดด้วย เพราะได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD 810G ของสหรัฐอเมริกามามากว่าสินค้าตัวอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน รุ่นนี้ยังเป็นรุ่นแรกที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วยเทคโนโลยี WiGig ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สื่อสารกันอย่างไร้สายในระดับความเร็วหลายกิกกะบิตเพื่อใช้งานประเภทข้อมูล วิดีโอ และเสียงได้อย่างรวดเร็ว แบตเตอรี่ของ Latitude 6430u ใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง สามารถทำงานได้ตลอดทั้งวันเหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องเดินทางตลอดเวลา ทั้งนี้ราคาเสนอขายขึ้นอยู่กับสเปคที่ลูกค้าต้องการ

กล่าวได้ว่า เดลล์ยังให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ต่อความต้องการของลูกค้าที่ต้องการการผสมผสานอย่างสร้างสรรค์ระหว่าง สไตล์และศักยภาพ ที่ต้องรองรับการทำงานที่มีคล่องตัวแต่ก็มีการควบคุมที่ดี สินค้าใหม่ในไลน์ XPS, Latitude ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 จะเป็นที่ต้องการของทั้งผู้บริโภคและแผนกไอทีอย่างแน่นอน โซลูชั่นของเดลล์ถูกออกแบบมา ให้รองรับขั้นตอนการทำงานด้านความปลอดภัยและการจัดการซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อธุรกิจ และเป็นหัวใจ สำคัญของ BYOD (แนวโน้มทางเทคโนโลยีที่พนักงานนำอุปกรณ์พกพาของตัวเองมาที่ที่ทำงาน)”

View :2045

CAT e-auction ครองตลาดประมูลอิเล็กทรอนิกส์ 40 %

December 18th, 2012 No comments

พร้อมเผยผลสำรวจกรมบัญชีกลางนำลิ่วความพึงพอใจ แถมช่วยเซฟงบประมาณรัฐแล้วกว่า 2.5 หมื่นล้าน แผนปี 2556เตรียมเกาะกระแสเศรษฐกิจไทยโตต่อ โดยชูจุดเก่ง e-auctionออนไลน์พร้อมเพิ่มห้องประมูลรองรับ เล็งบุกตลาดหน่วยงานภูมิภาคหวังดันส่วนแบ่งตลาดขึ้น 50%

(14 ธันวาคม 2555 ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ )
ดร.อโณทัย คล้ามไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ากสท ได้เริ่มเปิดบริการ จากนโยบายรัฐบาลที่ให้หน่วยงานรัฐใช้ระบบ e-auction ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 7ปี โดยภาพรวมตั้งแต่ปี 2551-2555 กสท ได้ให้บริการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ CAT e-auctionแล้วมากกว่า 50,000 โครงการ สามารถช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณกว่า 25,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริการ CAT e-auctionของ กสท ได้รับการยอมรับอย่างสูงในตลาดกลุ่มองค์กรภาครัฐและกลุ่มผู้ค้า และยังได้รับการประเมินความพึงพอใจในอันดับสูงสุดจากการสำรวจของกรมบัญชีกลางที่ได้ประเมินผลการดำเนินงานผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ปี 2553โดยการให้บริการตลาดกลางด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ CAT e-auctionได้รับการประเมินว่ามีจำนวนครั้งการประมูล มูลค่าการประมูล และรายได้ค่าบริการการประมูลสูงสุด รวมทั้งผู้ค้าเห็นว่ามีระดับความโปร่งใสและเป็นกลางสูงสุด ฯลฯ
“จุดแข็งของบริการส่วนหนึ่งคือเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่มากกว่านั้นคือกระบวนการดำเนินงานและระบบ ของCAT e-auction ที่ให้ความสะดวกความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และยุติธรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำ e-auction เรามีเจ้าหน้าที่ให้การแนะนำดูแลโดยตลอดทุกขั้นตอนจึงช่วยให้การประมูลทุกโครงการดำเนินได้อย่างราบรื่น ถูกต้องและปลอดภัย เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในบริการ”
ดร.อโณทัย กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันบริการ CAT e-auction ของ กสท มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 40% ซึ่งเกือบทั้งหมดของลูกค้าคือหน่วยงานภาครัฐในส่วนกลาง สำหรับปีหน้า CAT e-auction ได้ตั้งเป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดต่อไป โดยกลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะเน้นทำประชาสัมพันธ์มากขึ้นตลอดจนพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีแผนการขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มภูมิภาคมากขึ้น ด้วยการจัดกิจกรรมลงพื้นที่ในกลุ่มข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อย่างต่อเนื่อง

“ในการขยายตลาดจะมุ่งเน้นให้ข้อมูลแก่ อบจ. อบต.ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความโปร่งใสของระบบซึ่งสามารถช่วยให้กระบวนการประมูลเสร็จสิ้นเร็วขึ้นได้ นอกจากนี้ CAT e-auction ซึ่งมีจำนวนห้องประมูล 1,600 ห้องทั่วประเทศครอบคลุมทุกจังหวัด และในระดับอำเภอใหญ่ๆ ทั่วประเทศยังสามารถจัดประมูลทางไกลออนไลน์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของ กสท ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมายังสถานที่ประมูลสามารถร่วมประมูลได้จากทั่วประเทศ โดยการที่ กสท เป็นเจ้าของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถดูแลความปลอดภัยของข้อมูล อีกทั้งเชื่อถือได้ในความโปร่งใสของกระบวนการดำเนินงาน”

ด้านซอฟท์แวร์ของ CAT e-auction ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลาง โดยล่าสุด CAT e-auctionได้อัพเกรดซอฟต์แวร์ใหม่ ให้สอดคล้องกับระเบียบใหม่ของกรมบัญชีกลางเรื่องหลักเกณฑ์การเสนอลดราคาขั้นต่ำ (Minimum Bid) ที่กำหนดให้การเคาะราคาในแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ0.2ของการประกวดราคาสูงสุด ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม 2555ที่ผ่านมา รวมถึงก่อนหน้านี้ได้มีการปรับปรุงจากแบบ Static Pricing ที่มีการจำกัดเวลามาเป็น Dynamic Pricing ที่ผู้เข้าประมูลจะเสนอตัวเลขได้เรื่อยๆโดยไม่จำกัดเวลา ส่งผลให้ได้ราคาที่ประหยัดงบประมาณมากขึ้น

ดร.อโณทัย กล่าวว่า กสท มีรายได้รวมจากกลุ่มธุรกิจ e-Business ในปีนี้กว่า 300 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากบริการ CAT e-auction ประมาณ150 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากบริการประชุมออนไลน์(CAT conference) บริการตามสอบข้อมูลสินค้าเกษตร (CAT e-smart farm) บริการ IPTV (CAT e- entertainment) และบริการนิทรรศการออนไลน์ (CAT e-exhibition) ในปีหน้าตั้งเป้ารายได้กลุ่ม e-Businessเติบโตขึ้น10-20 % โดยเน้นที่บริการ CAT e-auction ซึ่งหวังจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 40%เป็น 50 % ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าเป็นไปได้แน่นอน เพราะCAT e-auction มีรายได้โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 100-150 ล้านบาท ที่ผ่านมาปี 2554 เหตุการณ์น้ำท่วมทำให้รายได้ตกไป ขณะที่ปี 2555 กลับขึ้นมาสูงขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2556

“ปีหน้าเชื่อว่าประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ จึงหมายถึงโครงการประมูลอีกจำนวนมาก ซึ่ง กสท มีความพร้อมรองรับด้วยห้องประมูลทั้งส่วนกลางและภูมิภาค โดยในส่วนกลางนอกจากห้องประมูลที่ กสท หลักสี่แล้ว ได้วางแผนปรับปรุงและเพิ่มห้องประมูลในพื้นที่ชั้น 3 ของ CAT Tower บางรักที่ขณะนี้ใช้งานอยู่ประมาณกว่า 30 ห้องซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า นอกจากนั้นจะเป็นห้องประมูลที่ตั้งอยู่ในสำนักงานสาขาทั่วประเทศเพื่อให้บริการ CAT e-auction ในส่วนภูมิภาคอย่างทั่วถึง”

ดร.อโณทัย กล่าวเพิ่มเติมว่าห้องประมูล CAT e-auction จะต้องมีการปรับปรุงให้สามารถใช้ประโยชน์สูงสุด และดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา ซึ่งรวมถึงการเช่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากบริษัทเพื่อให้เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่มีระบบทันสมัยมีการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยในส่วนนี้จะใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ทั้งนี้ความพร้อมของบริการ CAT e-auctionถือเป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ด้านการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมของ กสท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจและประชาชน เตรียมความพร้อมและรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนซึ่งในอนาคตอันใกล้จะเห็นการขยายตัวการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น

View :1578

ดีแทค เปิดตัวโรงเรียนต้นแบบ โครงการ dtac Free WiFi สนับสนุนนโยบาย Smart Thailand และส่งเสริมนโยบาย ฟรีแท็บเล็ต

December 18th, 2012 No comments


14 ธันวาคม 2555 – ดีแทคเปิดตัวโรงเรียนต้นแบบ โครงการ Free อันเป็นโครงการนำร่อง เพื่อสนับสนุนการศึกษา และตอบสนองโครงการ ICT Free และโครงการ One Tablet Per Child หรือ ฟรีแท็บเล็ตของรัฐบาล และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยได้คัดเลือกให้โรงเรียนวัดหนามแดง อำภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นโรงเรียนนำร่องดังกล่าว

การเปิดตัวโรงเรียนต้นแบบ โครงการ dtac Free Wifi ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานในพิธี โดยมี นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค เป็นผู้ให้การต้อนรับร่วมกับ นางเพียงเพ็ญ สุรารักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนามแดง

การให้บริการ dtac Free Wifi ในครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ของโรงเรียน โดยเฉพาะในบริเวณชั้นเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 ห้องเรียน ซึ่งมีนักเรียนในชั้นเรียนกว่า 140 คน โดยที่นักเรียนเหล่านั้น เป็นผู้ได้รับการสนับสนุนฟรีแท็บเล็ต ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสามารถที่จะใช้บริการ dtac Free Wifi ได้พร้อมๆ กัน เป็นจำนวนครั้งละกว่า 150 ผู้ใช้

พร้อมกันนี้ ทางดีแทค ยังได้ช่วยปรับปรุงสื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอนด้วยการติดตั้งเครื่องรับโทรทัศน์ LCD ซึ่งพร้อมที่จะรองรับสัญญาณ Wifi จากอุปกรณ์การเรียนการสอนอื่นๆ ในชั้นเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 ดังกล่าว เพื่อให้เป็นชั้นเรียนที่มีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้โดยผ่านอุปกรณ์การสื่อสารอย่างแท้จริง และสร้างความน่าสนใจ และความสนุกสนานในการเรียนให้กับเด็กในเวลาเดียวกัน

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศของภาครัฐในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการจัดหาเครื่องแท็บเล็ตให้กับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของบริษัทฯ ในการมุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อพัฒนาสังคม ส่งเสริมการศึกษา และปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้แก่เยาวชน เพื่อให้เด็กไทยก้าวทันโลกยุคแห่งการสื่อสาร ทั้งนี้ นอกจากเรื่องของการศึกษาแล้ว ดีแทคยังมีแผนที่จะขยายขอบข่ายไปในเรื่องการแพทย์ การสาธารณสุข เช่น การให้บริการ Free WiFi ในโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 2556”

ด้าน ฯพณฯ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้กล่าวถึงโครงการ dtac Free Wifi ว่า “จากโครงการ Smart Thailand ของกระทรวงไอซีที และนโยบายของภาครัฐในการใช้ ICT เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้อยู่บนพื้นฐานของความรู้และปัญญา ขยายโอกาสการเรียนรู้ของเยาวชนและส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการใช้ ICT อย่างสร้างสรรค์ เช่นโครงการ One Tablet Per Child นี้ เราหวังว่ากิจกรรมในวันนี้จะจุดประกายให้เกิดความร่วมมือแบบ public – private partnership หรือความเป็นพันธมิตรระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศสู่การเติบโตอย่างสมดุล และยั่งยืน”

View :1408
Categories: Internet Tags: ,

ซิป้าและเอทีซีไอหนุนนักพัฒนาซอฟท์แวร์ไทย คว้าชัย 4 รางวัลระดับเอเชียแปซิฟิก

December 18th, 2012 No comments

3 นักพัฒนาซอฟท์แวร์ตัวแทนประเทศไทย บ.อีคาร์ทสตูดิโอ บ.อรุณสวัสดิ์ดอทคอม ร.ร.เซนต์ฟรังส์ซิสเวียร์ คว้าชัย 2 รางวัลชนะเลิศ และ 2 รางวัลรองชนะเลิศ ในการประกวดซอฟท์แวร์ในระดับเอเชียแปซิฟิก

รางวัลชนะเลิศ คือ หมวด Financial Industry Application เป็นผลงานของ บริษัท อรุณสวัสดิ์ดอทคอม จำกัด


สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) และสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย(ATCI) เผยถึงการส่งตัวแทนประเทศไทยในการเข้าร่วมประกวดซอฟท์แวร์ระดับเอเชียแปซิฟิก ในงาน Asia Pacific ICT Awards 2012 เมื่อวันที่ 2 – 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ ประเทศบรูไน ว่า การประกวดในครั้งนี้ ทีมผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทย ได้รับรางวัลมากถึง 4 รางวัล โดยรางวัลที่ได้รับ ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ 2 รางวัล คือ หมวด Tools & Infrastructure เป็นผลงานของ บริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด ชื่อผลงานที่ชนะเลิศ คือ Location Based Information System (LBIS) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการข้อมูลบนระบบแผนที่ออนไลน์เพื่อช่วยสนับสนุนการวางแผนกลยุทธ์ และการตัดสินใจของผู้บริหารโดยสามารถวิเคราะห์ช้อมูล นำเสนอภาพรวมและดูรายละเอียดแต่ละจุดได้ถูกต้อง สามารถรองรับการทำงานระบบ Cloud ของ Microsoft ช่วยให้ขยายธุรกิจสู่ Global Network ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอีก 1 รางวัลชนะเลิศ คือ หมวด Financial Industry Application เป็นผลงานของ บริษัท อรุณสวัสดิ์ดอทคอม จำกัด ชื่อผลงานชนะเลิศ I lert u anywhere to claim เป็นระบบงานที่พัฒนามาตั้งแต่ปี 2003 เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในธุรกิจประกันภัย ปัจจุบันเป็น version 4.0 สามารถรองรับ Cloud Computing ได้

รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล ได้แก่ หมวด Secondary Student Projects ชื่อเป็นผลงานจาก โรงเรียนเซนต์ฟรังส์ซิสเวียร์ ชื่อผลงาน The Rescue เป็นเกมส์ที่ใช้ภาพกราฟฟิค และ Animation ที่สวยงาม สดใส และน่าสนใจ ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีการสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม เมตตากรุณา จิตอาสา ความอดทน และความพยายามในการแก้ปัญหา เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย และ หมวด e-Inclusion เป็นผลงานของ บริษัท อรุณสวัสดิ์ดอทคอม จำกัด ชื่อผลงานได้รับรางวัล I lert u 1st Thailand Mobile SOS ที่เป็น Social Mobile Locationสำหรับประชาชนทุกคน ใช้คุ้มกันและป้องกันการดูแลประชาชน เป็นระบบเตือนภัย และขอความช่วยเหลือ สามารถเชื่อมโยงกับ Facebook, Twitter และ Social Network ต่างๆ และสามารถเชื่อมโยงศูนย์การช่วยเหลือต่างๆ เข้ากับระบบ Mobile Application และเชื่อมโยงกับบริษัทประกันภัยและโรงพยาบาล

โดยก่อนหน้านี้ซิป้าและเอทีซีไอได้เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยแสดงความสามารถในเวทีแข่งขันระดับประเทศ Thailand ICT Awards 2012 หรือ TICTA 2012 เฟ้นหาและรวบรวมผลงานสุดยอดซอฟท์แวร์ที่เป็นประโยชน์และใช้งานได้จริง นำมาต่อยอดด้วยการสนับสนุนเข้าแข่งขันต่อในระดับเอเชียแปซิฟิกในงาน APICTA Awards 2012 ซึ่งเป็นเวทีที่ถือได้ว่าเป็นการการันตีศักยภาพนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย

รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล ได้แก่ หมวด Secondary Student Projects ชื่อเป็นผลงานจาก โรงเรียนเซนต์ฟรังส์ซิสเวียร์


การจัดเวทีประกวด TICTA 2012 เปรียบเสมือนเวทีระดับประเทศสำหรับกลุ่มนักคิด นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย เพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ ซึ่งเวทีแข่งขัน TICTA Award จะเป็นเวทีแรกที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยได้มีโอกาสในการแสดงผลงาน และภายหลังจากได้รับการคัดเลือกจากเวทีแข่งขันระดับประเทศแล้ว ซิป้าและเอทีซีไอได้มีการต่อยอด ส่งเสริมนักคิด นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยให้ก้าวต่อไป โดยการส่งเข้าประกวดในเวทีการแข่งขันระดับเอเซียแปซิฟิก APICTA Awards 2012 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รวบรวมผลงานสุดยอดซอฟต์แวร์จากประเทศสมาชิก มาร่วมประกวดระดับนานาชาติ และยังเป็นการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งครั้งนี้ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 – 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ ประเทศบรูไน

ซิป้าและเอทีซีไอเชื่อมั่นว่า หากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย ได้รับการสนับสนุนและผลักดันด้านต่างๆ จะเป็นส่วนสำคัญที่ประกาศศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ ให้ได้รับการยอมรับในเวทีสากล

View :2082

สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย (TISPA) คัดค้านการกระทำของกสทชประกาศเก็บค่าธรรมเนียมโทรคมเพิ่มอีก 2%

December 14th, 2012 No comments

(TISPA) คัดค้านการกระทำของกสทช. ที่น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฏหมายและส่งผลกระทบต่อประชาชน

สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย (TISPA) คัดค้านการกระทำของกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฏหมายและส่งผลกระทบต่อประชาชน สืบเนื่องจากการที่ กสทช. ประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) 3.75% ไปแล้ว และกำลังจะประกาศเก็บค่าธรรมเนียมโทรคมเพิ่มอีก 2% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ใช้บริการ หรือผู้บริโภคโดยทั่วไป และผู้ให้บริการในวงกว้าง

สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย จึงจำเป็นต้องประกาศจุดยืนคัดค้านการกระทำของ กสทช. เนื่องจากมีความเห็นว่า เป็นการกระทำที่น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฏหมายที่ต้องการให้ กสทช. เป็นหน่วยงานกำกับกิจการเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการ ประโยชน์ของสาธารณะเป็นสำคัญ และส่งเสริมการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม

อนึ่ง นอกจากเป้าหมายข้างต้นกฏหมายยังวางกรอบให้การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนั้น ให้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการกำกับดูแลของ กสทช. โดยหากจัดเก็บไม่พอเพียง สามารถขอการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐได้ สะท้อนว่า กฏหมายมีเจตนารมณ์ ให้ กสทช. จัดเก็บเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน

ด้วยวิธีการจัดเก็บแบบเดิม ในปี 2554 กสทช. มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายถึง ประมาณ 1,500 ล้านบาท และในปี 2555 จนถึงเดือนตุลาคม กสทช. มีรายได้สูงกว่ารายจ่าย ถึง 22,000 ล้านบาท หรือ หากนำเอารายได้ 2%ของบริการโทรศัพท์มือถือ 3G มาคิด ก็จะทำให้ กสทช. มีรายได้สูงกว่ารายจ่ายอย่างมาก จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเพราะ จะส่งผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากการเก็บค่าธรรมเนียมมีลักษณะ คล้ายกับภาษีมูลค่าเพิ่ม

อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมบริการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึงนั้น กสทช. ได้จัดทำแผนลงทุน 5 ปี ประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือลงทุนปีละ 4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงพอๆ กับงบประมาณประจำปีของกระทรวงบางกระทรวง โดยอาศัยการประกาศใช้แผนลงทุนที่สูงมาก กสทช. จึงได้ทำการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม USO ใหม่ 3.75% เพื่อให้พอเพียงต่อตัวเลขที่ตั้งไว้ ซึ่งก็น่าจะขัดกับกรอบเจตนารมณ์ของกฏหมายที่กำหนดให้ กสทช. เป็นหน่วยงานกำกับไม่ใช่หน่วยงานลงทุนด้านโทรคมนาคมของประเทศ หรือหน่วยงานจัดหารายได้แก่รัฐ

สมาคมฯ มีความเห็นว่า การกระทำของ กสทช. น่าจะขัดกับกฏหมายและหลักธรรมาภิบาลในการกำกับและในการเก็บค่าธรรมเนียมแบบเหมาเก็บจากรายได้ จะส่งผลเช่นเดียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ประชาชนผู้ใช้บริการ จะต้องรับภาระเพิ่ม สมาคมฯ จึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืน คัดค้านการกระทำดังกล่าว หาก กสทช. ยังคงเดินหน้าประกาศใช้กฏระเบียบในลักษณะเช่นนี้ต่อไป สมาคมฯ หรือ สมาชิกของสมาคมฯ อาจจำเป็นต้องใช้กระบวนการยุติธรรมในการ ต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่สังคม

แม้ว่า กสทช. จะมีกระบวนการดำเนินการผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นมาโดยตลอด แต่สมาชิกสมาคมฯ มีความเห็นตรงกันว่า ที่ผ่านมา กสทช. ไม่เคยนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุง แก้ไขประเด็นที่เป็นสาระสำคัญเลย ดังจะเห็นได้จากการเกิดปัญหาการร้องเรียนจำนวนมากของการประมูลสามจี และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่สมาคมฯ จำเป็นต้องออกแถลงการณ์คัดค้าน เพื่อให้สังคมได้ทราบถึงความเห็นและจุดยืนของสมาคมฯ เพื่อให้สังคมเป็นผู้ตรวจสอบและพิจารณาการกระทำของ กสทช. กันต่อไป

รายชื่อสมาชิกสมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย

1. บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท เคเอสซี คอมเมอร์เชียลอินเตอร์เน็ต จำกัด
3. บริษัท จัสมิน อินเตอร์เน็ต จำกัด
4. บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน)
5. บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด
6. บริษัท ที.ซี.ซี เทคโนโลยี จำกัด
7. บริษัท ทีทีแอนด์ที ซับสไครเบอร์ จำกัด
8. บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต จำกัด
9. บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
10. บริษัท บีบี บรอดแบนด์ จำกัด
11. บริษัท โปรอิมเมจ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด
12. บริษัท แพคเน็ท อินเตอร์เน็ต (ประเทศไทย) จำกัด
13. บริษัท มิลคอม ซิสเต็มซ์ จำกัด
14. บริษัท สามารถอินโฟเน็ต จำกัด
15. บริษัท อินเตอร์เน็ต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสโพรวายเดอร์ จำกัด
16. บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน)
17. บริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด
18. บริษัท เอเน็ต จำกัด

View :1457

เอไอเอสชวนชาวไทยร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ทั่วประเทศ

December 14th, 2012 No comments

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข โดยใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท จัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ “ Bangkok Countdown 2013” ในธีม “กอดรักให้อุ่นใจ Big Hug Big Fun” ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.55 – 1 ม.ค.56 ที่ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แลนด์มาร์คงานเคาท์ดาวน์ของคนกรุงเทพฯ เพื่อเป็นของขวัญให้กับลูกค้าและพี่น้องชาวไทย

ไฮไลท์ของงานจะเริ่มต้นขึ้นในคืนวันคริสมาสต์ โดยเอไอเอสเตรียมขนทัพศิลปินดาราชื่อดัง คิมเบอร์ลี่ เทียมศิริ , มีน – พีชญา วัฒนามนตรี , พอร์ช – ศรันย์ ศิริลักษณ์ , ฮั่น – เดอะ สตาร์ และแพทตี้ – อังศุมาลิน

สิรภัทรศักดิ์เมธา แปลงโฉมเป็นราชาและราชินีเมืองน้ำแข็ง มาร่วมมอบความสุข สนุกสนาน พร้อมแจก “ตุ๊กตาอุ่นใจ” ที่บู๊ธ “อุ่นใจ Ice Fantasy” ตื่นตาตื่นใจกับปราสาทน้ำแข็งขนาดใหญ่ พร้อมเทคนิค แสง สี เสียง สวยงามตระการตาท่ามกลางอากาศหนาวเย็น และร่วมสนุกกับเกมส์ชิงรางวัลมากมาย พิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอสรับฟรีขนมและเครื่องดื่มภายในงานตลอดช่วงเทศกาล พร้อมรับสิทธิสอยดาวเพื่อลุ้นรับของขวัญปีใหม่มากมายด้วย

และพิเศษสุดสำหรับคืนวันเคาท์ดาวน์ หัวใจแห่งความสุขที่คนไทยจะร่วมนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2013 ด้วยกัน เตรียมสนุกกับคอนเสิร์ตจากเหล่าศิลปินชื่อดังที่เอไอเอสพามาร่วมสร้างความบันเทิงตลอดงาน และต้อนรับวินาทีแรกของปี 2013 กับการแสดงพลุ และดอกไม้ไฟตระการตา ก่อนปิดท้ายด้วย “บอลลูนอุ่นใจไซส์ยักษ์” ที่จะมาโปรยของขวัญปีใหม่อุ่นใจสุดน่ารักให้ทุกคน ซึ่งนอกจากในกรุงเทพแล้ว เอไอเอสยังให้ลูกค้าและชาวไทยทุกคนประทับใจและสนุกสนานตลอดช่วงเวลาแห่งความสุขกับการนับถอยหลังก้าวสู่ปีใหม่พร้อมกันใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่, ประตูเมือง จ.ขอนแก่น, แหลมบาลีฮาย พัทยา จ.ชลบุรี, สนามชัย จ.ภูเก็ต และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
นอกจากความสนุกสนานดังกล่าวแล้ว ลูกค้าเอไอเอสยังสามารถร่วมสนุกบนเว็บไซต์ www.ais.co.th/newyear2556 เพื่อรับน้องอุ่นใจรุ่นพิเศษเป็นของขวัญปีใหม่ส่งตรงถึงบ้าน รวมทั้งสิ้น 2556 ตัว ตั้งแต่วันที่ 22-31 ธ.ค.2555 ด้วย

View :1370

ไอบีเอ็มจับมือองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เสริมการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยใน 6 จังหวัดนำร่องทั่วประเทศ

December 14th, 2012 No comments


จุดประกายนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ต่อยอดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 60 ปี จัดโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience IBM-NSMสร้างแรงบันดาลใจและแบ่งปันองค์ความรู้แก่ครูและนักเรียนไทย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 14 ธันวาคม 2555: ไอบีเอ็มเปิดเผยถึงโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience IBM-NSM เพื่อฉลองวาระครบรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยเป็นโครงการที่กลุ่มอาสาสมัครของบริษัทฯ ได้ร่วมกันพัฒนาขึ้น ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ในการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สัมผัสความตื่นเต้นของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์และกิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความสนใจของนักเรียน พร้อมทั้งเสริมสร้างแนวทางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ริเริ่มสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดต่างๆ ของไทย

โครงการดังกล่าวได้เริ่มเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยได้มีการจัดค่ายวิทยาศาสตร์เต็มวันอบรมให้ความรู้แก่คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนนำร่องใน 6 จังหวัด เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ซึ่งจำเป็นสำหรับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบตลอดชีวิตต่อไปในอนาคต

“ไอบีเอ็มเชื่อมั่นในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการสร้างบุคลากรแห่งอนาคต ในการประสานความร่วมมือกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติครั้งนี้ เรารู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนในการส่งเสริมการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างบุคลากรในอนาคต อันเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศของเราเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน” นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด

ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า “ มีพันธกิจในการส่งเสริมสังคมไทยให้ตระหนักในความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ความหลากหลายทางชีวภาพ และเทคโนโลยี โดยถ่ายทอดองค์ความรู้เหล่านี้ผ่านนิทรรศการสร้างสรรค์และกิจกรรมด้านการศึกษาต่างๆ ในแนวทางที่น่าสนใจและเข้าถึงได้ โครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience IBM-NSM อันเป็นความร่วมมือกับไอบีเอ็มในครั้งนี้ มีกิจกรรมภายใต้แนวคิดที่ดีเยี่ยมมากมาย สร้างการเรียนรู้ที่สนุกสนานและริเริ่มสร้างสรรค์ให้แก่ทั้งครูและนักเรียนในชั้นเรียน ทาง อพวช. หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับไอบีเอ็ม เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ร่วมกันต่อไปในอนาคต”

โครงการ TryScience

เนื่องจากครูมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการอบรมให้ความรู้แก่เด็กรุ่นใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีทรัพยากรที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ในด้านการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์แก่คณะครู โดยในช่วงแรกของกิจกรรมฯ ทีมงานของไอบีเอ็มและอพวช. ได้แนะนำเว็บไซต์ TryScience เพื่อให้คณาจารย์ได้ใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์จำนวนมาก จากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์หลายพันคน ภายใต้สาขาวิชาที่หลากหลายตั้งแต่โบราณคดีไปจนถึงสัตววิทยา รวมถึงส่วน TryScience Teachers ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของเว็บไซต์ TryScience ที่มากมายด้วยทรัพยากรและสื่อการสอนด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับให้ครูผู้สอนผนวกเข้ากับกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียน พร้อมไปกับการดึงดูดความสนใจจากนักเรียนได้ดียิ่งขึ้น โดยทางทีมงานและคณะครูยังได้ร่วมกันระดมความคิด เกี่ยวกับโครงการการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในอนาคตร่วมกับโรงเรียนต่างๆ ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือในอนาคต

ส่วนท้ายของกิจกรรมฯ เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สำรวจ ตรวจสอบ ค้นหา และทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยตนเอง ด้วยชุดกิจกรรมการทดลองในด้านต่างๆ โดยนักเรียนจะได้รับแรงบันดาลใจจากวิศวกรไอทีของไอบีเอ็ม และมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เบื้องต้นผ่านกิจกรรมการทดลองที่น่าสนใจ

นายทองสุข สว่างงาม ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 1 (บูรพาวิทยากร) กล่าวว่า “โครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience IBM-NSM มีประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนเป็นอย่างมาก นักเรียนทุกคนรู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และได้พบว่าวิทยาศาสตร์มีความเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของตนมากเพียงใด การฝึกอบรมในครั้งนี้ รวมถึงองค์ความรู้มากมายจากเว็บไซต์ TryScience ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนของเราได้สัมผัสและมีประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโรงเรียนในการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์”

นายจีระยศ กิจตรอง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า “ทางคณะครูพบว่าเนื้อหาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์จากเว็บไซต์ TryScience มีประโยชน์อย่างมากในทางปฏิบัติ และสามารถนำไปปรับใช้กับหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนได้ นอกจากนี้ นักเรียนยังรู้สึกประทับใจอย่างมากกับโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ เพราะช่วยให้เข้าใจแนวคิดพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ผ่านการทดลองที่จับต้องได้ ทั้งยังช่วยให้นักเรียนเห็นว่าการเรียนวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องง่าย”

โครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience IBM-NSM ภายใต้ความร่วมมือของไอบีเอ็มและอพวช. มีคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมกว่า 600 คนจาก 28 โรงเรียนในกรุงเทพฯ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่ โดยมีแผนที่จะจัดโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience เพิ่มเติมในปีหน้า

# # #

เกี่ยวกับเว็บไซต์ TryScience

www.TryScience.org เป็นเว็บไซต์อินเตอร์แอคทีฟระดับโลกที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เยาวชนเกิดความสนใจในวิทยาศาสตร์ TryScience เป็นผลงานการพัฒนาภายใต้ความร่วมมือระหว่าง New York Hall of Science ไอบีเอ็ม และหน่วยงานที่เป็นสมาชิกของสมาคมศูนย์วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี โดยนับเป็นแหล่งรวบรวมความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์หลายพันคน ในสาขาวิชาที่หลากหลายตั้งแต่โบราณคดีไปจนถึงสัตววิทยา
TryScience เปิดโอกาสให้ผู้คนในทุกๆ ที่สามารถเข้าถึงและสำรวจความรู้ทางวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก ในรูปแบบของนิทรรศการแบบอินเตอร์แอคทีฟ การผจญภัยมัลติมีเดีย และ “การทัศนศึกษา” ผ่านกล้องถ่ายทอดสด นอกจากนี้ TryScience ยังนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์เชิงปฏิบัติการที่เยาวชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู สามารถนำไปทดลองทำที่บ้านหรือที่โรงเรียนได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บไซต์ TryScience ได้ที่ http://www.tryscience.org/

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บไซต์ในหัวข้อ TryScience Teachers ได้ที่ http://www.tryscience.org/teachers/teacher.html

รายชื่อโรงเรียนนำร่องที่เข้าร่วมโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience IBM-NSM
1. โรงเรียนเทศบาล 3 บ้านบ่อ จังหวัดกาญจนบุรี
2. โรงเรียนอนุบาลวัดไชยชุมพลชนะสงคาม จังหวัดกาญจนบุรี
3. โรงเรียนบ้านหัวหิน จังหวัดกาญจนบุรี
4. โรงเรียนเขาดินวิทยาคาร จังหวัดกาญจนบุรี
5. โรงเรียนบ้านหนองหญ้าปล้อง จังหวัดกาญจนบุรี
6. โรงเรียนบ้านโป่งหวาย จังหวัดกาญจนบุรี
7. โรงเรียนเทศบาล 1 วัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี
8. โรงเรียนเมืองพัทยา 7 จังหวัดชลบุรี
9. โรงเรียนอนุบาลชลบุรี จังหวัดชลบุรี
10. โรงเรียนอนุบาลพนัสศึกษาลัย จังหวัดชลบุรี
11. โรงเรียนสาธิตพิบูลบำเพ็ญ จังหวัดชลบุรี
12. โรงเรียนวัดบ้านนา จังหวัดชลบุรี
13. โรงเรียนอนุบาลประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
14. โรงเรียนเทศบาลวัดธรรมิการาม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
15. โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองบัว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
16. โรงเรียนเทศบาลบ้านค่าย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
17. โรงเรียนอนุบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ (สละชีพ) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
18. โรงเรียนเทศบาล 1 บูรพาวิทยากร จังหวัดนครราชสีมา
19. โรงเรียนเทศบาล 2 วัดสมอราย จังหวัดนครราชสีมา
20. โรงเรียนเทศบาล 3 ยมราชสามัคคี จังหวัดนครราชสีมา
21. โรงเรียนเทศบาล 4 เพาะชำ จังหวัดนครราชสีมา
22. โรงเรียนเทศบาล 5 วัดป่าจิตตสามัคคี จังหวัดนครราชสีมา
23. โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน จังหวัดเชียงใหม่
24. โรงเรียนวัดเวฬุวัน จังหวัดเชียงใหม่
25. โรงเรียนบ้านแจ่งกู่เรือง จังหวัดเชียงใหม่
26. โรงเรียนชุมชนเทศบาลวัดศรีดอนไชย จังหวัดเชียงใหม่
27. โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม จังหวัดเชียงใหม่
28. โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่

หมายเหตุ: โครงการค่ายวิทยาศาสตร์ TryScience IBM-NSM ที่จังหวัดกรุงเทพฯ เป็นลักษณะ
เปิดกว้างให้คณะครูและนักเรียนจากหลายโรงเรียนสามารถเข้าร่วมได้

View :1429

เทรนด์ไมโครแนะนำเคล็ดลับชอปปิ้งผ่านมือถืออย่างปลอดภัยไร้กังวล

December 14th, 2012 No comments


ศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ บริษัท เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ “การชอปปิ้งผ่านมือถือ” กลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายอย่างยิ่งสำหรับการจับจ่ายซื้อสินค้าในปัจจุบัน คุณสามารถชอปปิ้งได้จากทุกที่ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ มีร้านค้าออนไลน์นับร้อยล้านที่มีสินค้าให้คุณเลือกซื้อ และทุกสิ่งที่คุณสั่งซื้อทางออนไลน์พร้อมส่งตรงถึงหน้าประตูบ้านของคุณ คุณไม่ต้องฝ่าฟันการจราจรออกไปหรือไม่ต้องต่อคิวชำระเงิน ไม่มีความยุ่งยากใดๆ มีแต่ความสะดวกสบายอย่างที่สุด

โดยจะเห็นได้ว่ามีผู้คนในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ กำลังติดนิสัยการชอปปิ้งผ่านมือถือ จากผลสำรวจของบริษัท ไอดีซี พบว่า 34% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ระบุว่าพวกเขาได้สั่งซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนที่มากกว่าปีที่แล้วสองเท่าตัว ขณะที่แบบสำรวจของบริษัท คอมสกอร์ (comScore) พบว่า 4 ใน 5 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในประเทศสหรัฐอเมริกาเลือกที่จะชอปปิ้งผ่านโทรศัพท์มือถือ และดูเหมือนว่าจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ข้อเท็จจริง: ที่ไหนมีเหยื่อ ที่นั่นย่อมมีอาชญากรไซเบอร์ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นการโจมตีผ่านทางระบบโทรศัพท์มือถือเพิ่มมากขึ้น สำหรับเหล่าวายร้ายแล้วนักชอปผ่านโทรศัพท์มือถือที่ไม่ระวังตัวมีโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อได้สูง และเพื่อช่วยปกป้องคุณให้ปลอดภัย ศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ บริษัท เทรนด์ไมโครจึงขอนำเสนอแนวทางง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถชอปปิ้งผ่านมือถือได้อย่างสะดวกสบายปราศจากความกังวล

ระมัดระวังการซื้อเพิ่มเติมในโปรแกรม (in-app purchase)

การซื้อเพิ่มเติมในโปรแกรมหมายถึงการซื้อบางสิ่งภายในโปรแกรมซึ่งไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการซื้อขายโดย เฉพาะ โปรแกรมร้านค้าปลีกและและเกมคือตัวอย่างของโปรแกรมที่มีฟังก์ชั่นการทำงานดังกล่าว โดยพื้นฐานแล้วฟังก์ชั่นเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถซื้อสิ่งต่างๆ ได้ขณะเรียกดูแค็ตตาล็อกหรือเล่นเกมด้วยการแตะหรือคลิกเพียงครั้งเดียว สิ่งที่คุณสามารถซื้อได้จะขึ้นอยู่ชนิดของโปรแกรมที่คุณกำลังใช้งานอยู่ เช่น โปรแกรมร้านค้าปลีกจะช่วยให้คุณสามารถซื้อผลิตภัณฑ์จริงหรือคูปองได้ ขณะที่เกมจะนำเสนอคะแนนหรือระดับเพิ่มเติม

การซื้อเพิ่มเติมในโปรแกรมเป็นสิ่งที่คุณควรให้ความระมัดระวัง เนื่องจากเป็นการง่ายมากที่คุณจะหลงลืมไปว่าได้ซื้อสิ่งใดไปแล้วบ้าง เนื่องจากเป็นรูปแบบการจับจ่ายที่สะดวกสบายอย่างมากจนทำให้คุณเผลอซื้อสินค้าไปเป็น จำนวนมาก โมเดลการซื้อเพิ่มเติมในโปรแกรมบางโมเดลได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นด้วยการสนับสนุนให้คุณทำการจับจ่ายอย่างเพลิดเพลินจนอาจถึงขั้นขาดสติได้หากขาดความระมัดระวัง

จงระวัง! การซื้อเพิ่มเติมในโปรแกรมอาจดูเหมือนว่าเป็นของเล่นที่มีราคาไม่แพงในครั้งแรกจนกว่าคุณจะได้รับใบเรียกเก็บเงินและต้องเสียเงินจำนวนมากไป ถ้าคุณเห็นว่าการซื้อเพิ่มเติมในโปรแกรมพิสูจน์มีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย ลองทำให้ขั้นตอนการซื้อยุ่งยากมากขึ้นด้วยการเอาหมายเลขบัตรเครดิตออกจากโปรไฟล์ของคุณหลังจากการซื้อในทุกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจได้ แล้วทำไมถึงไม่ลองทำดูล่ะ

จงระวังแอดแวร์มือถือ!

โฆษณามีอยู่ในทุกที่แม้แต่ในโทรศัพท์มือถือ ถึงแม้เราจะทราบดีว่า “แอดแวร์มือถือ” มีอันตรายน้อย แต่สิ่งนี้สามารถสร้างความรำคาญได้ไม่น้อยเช่นกัน มีโฆษณามากมายที่ไม่ยอมหยุดทำงานหลังจากที่คุณหยุดใช้งานโปรแกรมที่เชื่อมโยงกับโฆษณานั้นๆ ไว้ หรืออาจมีกรณีที่โฆษณาถูกสร้างให้ปรากฏเป็นการแจ้งเตือนด่วนที่เมื่อคุณคลิกก็จะนำคุณไปยังเว็บไซต์บางแห่งที่นำเสนอสิ่งต่างๆ มากมาย และที่เลวร้ายกว่านั้น แอดแวร์บางตัวสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวจากโทรศัพท์มือถือของคุณโดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากคุณหรือโดยที่คุณไม่รู้ตัวได้

แอดแวร์มือถือไม่ต่างจากแอดแวร์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ เนื่องจากสามารถใช้ทรัพยากรอันมีค่าของอุปกรณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หน่วยความจำและพลังงานแบตเตอรี่ อีกทั้งยังสามารถใช้คุณสมบัติการแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือของคุณไปในทางที่ไม่ถูกต้องด้วย ซึ่งนั่นทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับคุณในการแยกแยะระหว่างการแจ้งเตือนที่สำคัญและโฆษณาที่น่ารำคาญ

การแสดงโฆษณาในโปรแกรมอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณสามารถป้องกันแอดแวร์ไม่ให้เข้าสู่โทรศัพท์ มือถือของคุณได้อย่างง่ายดาย นั่นคือให้พิจารณาเลือกโปรแกรมที่จะดาวน์โหลดมาไว้ในเครื่อง เพราะในบางครั้งเวอร์ชันที่ต้องเสียเงินของโปรแกรมที่คุณต้องการนั้นคุ้มที่จะลงทุนมากกว่าการที่ได้รับโฆษณามาฟรีๆ

มุ่งตรงไปที่แหล่งรวบรวมดีลที่ดีที่สุด

คุณกำลังมองหาสิ่งที่สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิมใช่ไหม ตัวรวบรวมดีลอาจเป็นคำตอบที่ดี โดยตัวรวบรวมดีลจะค้นหาการขายที่กำลังมีอยู่ในทุกรูปแบบภายในเขตพื้นที่ที่คุณอยู่และชี้ตำแหน่งให้คุณทราบผ่านทางแผนที่ดิจิทัล นอกจากนี้ยังจะช่วยให้คุณได้รับคูปองที่คุณต้องการ และยังช่วยให้คุณสามารถใช้ดีลที่นำเสนอได้อย่างสะดวกด้วยการนำคุณไปยังเว็บไซต์ของผู้จำหน่ายโดยตรง

เมื่อต้องการเลือกใช้ตัวรวบรวมดีลให้พิจารณาที่อยู่ในกลุ่มโปรแกรมที่ได้รับการแนะนำ เนื่องจากอาจมีโปรแกรมปลอมแฝงมาได้ โดยโปรแกรมปลอมดังกล่าวจะมาพร้อมกับชุดคำสั่งที่เป็นอันตรายหลายอย่าง ตั้งแต่บริการพรีเมียมที่หลอกลวงไปจนถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ให้มุ่งไปที่แหล่งที่มานั่นคือเว็บไซต์ของนักพัฒนาโปรแกรมที่คุณกำลังพิจารณาอยู่โดยตรง โดยเว็บไซต์ของนักพัฒนาโปรแกรมดังกล่าวจะมีลิงก์ให้ดาวน์โหลดสำหรับอุปกรณ์ของคุณ (แต่ก็อาจไม่เสมอไป) สิ่งนี้จะช่วยป้องกันการดาวน์โหลดโปรแกรมปลอมไปโดยไม่ตั้งใจได้ในระดับหนึ่ง

เครือข่ายที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมปลอดภัยกว่า Wi-Fi ฟรี

แม้ว่าการชอปปิ้งผ่านมือถือขณะนั่งรอเพื่อนในร้านกาแฟอาจะเป็นการฆ่าเวลาได้ แต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ให้อดใจรอจนกว่าคุณจะกลับบ้านแทนจะดีกว่า เนื่องจากการชอปปิ้งผ่านมือถือขณะที่เชื่อมต่อฮอทสปอต Wi-Fi ที่มีความปลอดภัยไม่ดีพอก็อาจทำให้คุณเสี่ยงที่จะโดนโจมตีได้ในรูปแบบของการปล้นเซสชันใช้งาน (Session hijacking) ได้

การปล้นเซสชันใช้งานจะใช้โปรแกรมที่จะสำรวจหาเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัยเพื่อขโมยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ข้อมูลประจำตัวในการล็อกอินซึ่งเก็บไว้ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายนั้นเพื่อปล้นเซสชันที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ดังกล่าว วายร้ายจะใช้ข้อมูลที่ได้ไปซื้อสิ่งของหรือทำธุรกรรมในทุกครั้งที่คุณล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์ และเว็บไซต์เหล่านั้นจะไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นเนื่องจากเว็บไซต์จะเห็นเฉพาะคุณเท่านั้นที่เป็นผู้ที่ล็อกอินเข้าใช้งานอยู่

ถ้าคุณไม่ต้องการซื้อของขวัญต่อจากวายร้ายไปให้คนที่คุณรัก ก็อย่าล็อกอินด้วยบัญชีออนไลน์ใดๆ ที่มีความสำคัญเมื่อต้องเชื่อมต่อฮอทสปอต Wi-Fi สาธารณะ

รักษามือถือของคุณให้ปราศจากมัลแวร์

เมื่อคุณแน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณปราศจากมัลแวร์ คุณก็ควรที่จะแน่ใจด้วยว่าโทรศัพท์มือถือของคุณก็ปราศจากโปรแกรมที่เป็นอันตรายเช่นกัน เทรนด์ไมโครกำลังติดตามการขยายตัวของมัลแวร์มือถืออยู่และสิ่งที่เราพบก็คือจำนวนมัลแวร์ที่ก้าวกระโดดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน

จากรายงานล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2555 เทรนด์ไมโครพบโปรแกรมแอนดรอยด์ที่เป็นอันตรายและมีความเสี่ยงสูงเป็นจำนวนเกือบ 175,000 โปรแกรม โดยแต่ละโปรแกรมสามารถดำเนินการชุดคำสั่งที่เป็นอันตราย เช่น ขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ติดตามตำแหน่งที่อยู่ของคุณ หรือส่งข้อความโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ

อย่าตกเป็นเหยื่อ คุณสามารถดาวน์โหลดโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์มือถือที่จะช่วยปกป้องคุณจากโปรแกรมที่เป็นอันตรายได้ อาทิ โซลูชั่นเทรนด์ไมโคร โมบาย ซิเคียวริตี้ (Trend Micro™ Mobile Security) เนื่องจากโซลูชั่นนี้จะช่วยปกป้องอุปกรณ์มือถือของคุณจากมัลแวร์และภายคุกคามนานาชนิด อีกทั้งยังสามารถติดตามอุปกรณ์มือถือของคุณในกรณีที่เกิดการสูญหายหรือถูกขโมย และยังสามารถล้างเนื้อหาในเครื่องจากระยะไกลได้ด้วยหากจำเป็น สามารถคลิกไปดูบทความด้านความปลอดภัยได้ที่ http://blog.trendmicro.com/trendlabs-security-intelligence/

View :1389

ทรูมูฟ เอช เปิดบริการแจ้งเตือนการใช้งานดาต้าในต่างประเทศ ช่วยลูกค้าควบคุมค่าใช้จ่ายดาต้าโรมมิ่ง

December 13th, 2012 No comments


กรุงเทพฯ 13 ธันวาคม 2555 – ทรูมูฟ เอช แนะนำบริการใหม่สำหรับลูกค้านักเดินทาง “บริการแจ้งเตือนการใช้บริการดาต้าในต่างประเทศ” (Smart Alert) ช่วยแจ้งเตือนยอดการใช้บริการดาต้าขณะอยู่ต่างประเทศ ควบคุมค่าใช้จ่าย โดยระบบจะส่ง SMS แจ้งเตือน และระงับการใช้บริการดาต้าชั่วคราว เมื่อมียอดการใช้งานถึงระดับที่กำหนดไว้ โดยลูกค้าสามารถเชื่อมต่อใหม่ได้เองจากมือถือและแท็ปแล็ต หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้า โทร. 1331 ฟรี เพื่อให้พนักงานเชื่อมต่อสัญญาณให้อีกครั้ง พร้อมมีข้อความแนะนำเครือข่ายในประเทศที่มีโปรโมชั่น Flat Rate เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งาน

นางสาวดรุณี รักพงษ์ไพโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูมูฟ เอช มุ่งมั่นสร้างสรรค์บริการและความร่วมมือกับผู้ให้บริการชั้นนำทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการโรมมิ่งที่คุ้มค่า และตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด สำหรับ “บริการแจ้งเตือนการใช้งานในต่างประเทศ” ที่เปิดตัวในวันนี้ ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายจากการใช้งานดาต้าขณะที่อยู่ต่างประเทศ โดยระบบจะตั้งระดับยอดการใช้งานไว้ เมื่อลูกค้าใช้งานถึงแต่ละระดับที่กำหนด จะมี SMS แจ้งเตือน พร้อมกับลิงค์ไปยังหน้า Web Browser ซึ่งจะระบุรายละเอียดยอดค่าบริการให้ลูกค้าทราบ โดยระบบจะระงับการใช้งานดาต้าชั่วคราวให้ หากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะใช้งานดาต้าต่อ ก็สามารถปลดล็อคได้ด้วยตนเองทันที หรือหากใช้งานเกินระดับที่สามารถปลดล็อคด้วยตนเองได้ ลูกค้าสามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าได้ฟรี ที่หมายเลข +66 89 100 1331 เพื่อยืนยันความต้องการใช้งาน และให้พนักงานเชื่อมต่อสัญญาณให้อีกครั้ง ทั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าควบคุมค่าใช้จ่ายได้แล้วนั้น ระบบยังช่วยป้องกันไม่ให้ลูกค้าใช้งานผิดเครือข่ายในกรณีที่มีโปรโมชั่น Data Roaming Flat Rate โดยจะแสดงข้อความแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนมาเลือกใช้เครือข่ายที่มีโปรโมชั่น เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นอีกด้วย”

ลูกค้าที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้า โทร. 1331 และร้านทรูช้อป ทั่วประเทศ หรือ www.truemove-h.com

View :1351
Categories: 3G Tags: ,

เอไอเอส โชว์ศักยภาพรับยุค 3G เปิดตัว AIS Flagship Store ศูนย์รวมสุดยอดมิติใหม่งานบริการจากทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อชีวิตในแบบคุณ

December 13th, 2012 No comments

13 ธันวาคม 2555 : เอไอเอส เปิดตัว แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมรับความต้องการลูกค้าในยุค 3G รวมสุดยอดงานบริการที่นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เต็มรูปแบบ จากทีมพนักงาน Expert ที่เชี่ยวชาญทั้งงานบริการและเทคโนโลยีไร้สาย มุ่งอำนวยความสะดวกพร้อมมอบประสบการณ์จากมิติใหม่ของงานบริการ เพื่อชีวิตในแบบคุณ
นายมาร์ค ชอง ชินก๊อก หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ตลอดปี 2012 นับถึงไตรมาส 3 อุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีการเติบโตถึง 10% การเติบโตของอุตสาหกรรมมือถือมี Penetration ถึง 117% เช่นเดียวกับการเติบโตทางด้าน Data ที่ก้าวกระโดดถึง 83% รวมถึงการเติบโตของยอดขาย Smart Phone ซึ่งภาพรวมมีถึง 50% ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกถึง ความพร้อมและความต้องการของผู้บริโภคในการใช้งาน Wireless Communication ในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ที่ประเทศไทยได้เริ่มก้าวเข้าสู่อีกขั้นของเทคโนโลยีใหม่อย่าง 3G ซึ่งแน่นอนย่อมทำให้เกิดมิติที่หลากหลายของรูปแบบการใช้งานเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายอย่างชัดเจน”
“เอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการ นอกเหนือจากการมุ่งมั่นพัฒนาบริการคุณภาพอย่างลึกซึ้ง ลงรายละเอียดในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด Quality DNAs เพื่อให้สามารถส่งมอบบริการไปยังลูกค้าด้วยแนวคิด “ชีวิตในแบบคุณ” ตามที่ได้เคยประกาศความตั้งใจว่า เราพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการถึงระดับ Micro segment ให้ได้มากที่สุดแล้ว การพัฒนางานบริการเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย ซึ่งท้ายที่สุดจะนำมาซึ่งการครองใจลูกค้า ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เอไอเอสให้ความสำคัญอย่างยิ่งและทำอย่างจริงจัง โดยทุ่มเทงบมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสร้างสรรค์โปรแกรม CRM-CEM, Reward&Privileges และหัวใจสำคัญอย่าง การพัฒนา Touch Point ไม่ว่าจะเป็น Call Center , Telewiz และ Shop ที่ถือเป็นหัวใจหลักของการส่งมอบบริการในธุรกิจเทคโนโลยีไร้สาย ส่งผลให้ในปีนี้ Trend ของความพึงพอใจโดยรวม (Overall Customers Satisfaction) สูงถึง 80%”
ด้าน นางวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและงานบริการ กล่าวว่า “กว่า 20 ปีของการดำเนินงาน แนวคิดในการส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้ามีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ Transaction Base , Solutions Base จนถึงปัจจุบันที่เป็น Total Experience Base ที่เราได้เริ่มส่งมอบผ่าน AIS Shop ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั่วประเทศ 42 แห่ง และพาร์ทเนอร์อย่างร้าน เทเลวิซ ที่นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายแล้ว ยังร่วมส่งมอบงานบริการภายใต้มาตรฐานเอไอเอสให้แก่ลูกค้าด้วย โดยปัจจุบัน มีร้านเทเลวิซ 450 แห่ง และร้านเทเลวิซพลัส 40 แห่ง”
“สำหรับ AIS Flagship Store แห่งนี้ เราได้ทุ่มงบประมาณเป็นเงินถึง 35 ล้านบาท โดยถือเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจทั้งหมดในการส่งมอบบริการไปสู่ลูกค้าอย่างเป็นรูปธรรม แนวคิดของเราคือ ที่นี่จะเป็นศูนย์รวมต้นแบบการอำนวยความสะดวกแบบ Total Experience ที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้งานบริการเป็นไปอย่างเหนือระดับ และส่งมอบโดยบุคลากรคุณภาพที่ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ทั้งงานบริการ , Device และ Application Knowledge รวมไปถึงความรู้ด้าน IP Competency ซึ่งทั้งหมดจะทำให้สามารถสร้าง Extraordinary Life ให้คุณได้อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น Customer Journey ของลูกค้าทุกท่านที่ก้าวเข้ามาใน AIS Flagship Store ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม จะพร้อมถูกรับรองด้วยกระบวนการที่ออกแบบมาอย่างดีในแต่ละวัตถุประสงค์ของลูกค้าเสมอ ซึ่งรูปแบบและแนวคิดของ AIS Flagship Store นี้จะถูกถ่ายทอดไปยัง AIS Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงร้านเทเลวิซ ตามความเหมาะสมของพื้นที่และพฤติกรรมลูกค้าในแต่ละแห่งด้วยเช่นกัน”
“สิ่งที่เรามุ่งมั่นพัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าตามหลักของ Total Experience ผ่านช่องทางงานบริการ ประกอบด้วย
1. บุคลากรคุณภาพ ที่ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ทั้งหลักสูตรด้าน Customer Service , หลักสูตรด้าน IP Competency รวมถึงการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิต Device และ ผู้พัฒนา Application จัดฝึกอบรมตามมาตรฐานสากลของแต่ละผู้ผลิต เพื่อให้สามารถแนะนำ ช่วยเหลือลูกค้าในการเลือก Smart Device และ Application ได้อย่างถูกต้อง สอดคล้องกับความต้องการอย่างแท้จริง
2. เทคโนโลยีที่นำมายกระดับงานบริการ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และประสบการณ์พิเศษจากงานบริการ อาทิ

- ระบบคิวอัจฉริยะ หรือ AIS Smart Booking Appointment ที่สามารถทำการนัดหมายได้ล่วงหน้า
- โต๊ะข้อมูลอัจฉริยะ หรือ AIS Smart Table ที่นำเทคโนโลยี Multi Touch Screen เข้ามาประยุกต์ใช้ ในรูปแบบของโต๊ะข้อมูล ที่มีหน้าจอสัมผัสขนาดกว่า 1 เมตร พร้อมด้วยแพล็ตฟอร์ม PixelSense ที่เมื่อวาง Smart Device แต่ละรุ่นลงไป จะแสดงคุณสมบัติเปรียบเทียบทันที โดยเฉพาะการแสดงภาพความละเอียดจากกล้องของ Smart Device แต่ละรุ่น, การสัมผัส AIS Application ที่จำลองมาให้เห็นภาพได้เสมือนจริงเพียงปลายนิ้ว รวมไปถึงรายละเอียดโปรโมชั่นทั้งหมด
- ระบบโอนถ่ายข้อมูล หรือ Express Data Transfer ที่สามารถโอนย้ายข้อมูลจากมือถือเครื่องเดิมมายัง Smart Device เครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็วจากเดิม 30 นาที เหลือเพียงภายใน 5 นาที ด้วยความครบถ้วนสมบูรณ์ ถูกต้อง
- ตู้บริการอัจฉริยะ หรือ Service Kiosk ตู้บริการออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทุกเรื่องได้ด้วยตัวเอง อาทิ การเปลี่ยนโปรโมชั่น ตรวจสอบรายละเอียดการโทร เปลี่ยนที่อยู่ และอื่นๆ ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ Shop จะไม่ได้เปิดทำการก็ตาม
- ตู้ชำระอัจฉริยะ หรือ Payment Kiosk จุดให้บริการธุรกรรมทางการเงิน ที่ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการ GSM Advance, เติมเงิน One-2-Call! และชำระค่าสาธารณูปโภคอื่นๆได้สะดวกสบายเพียงปลายนิ้ว ทั้งรูปแบบเงินสดและบัตรเครดิต โดยพร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมงเช่นกัน
3. เทคโนโลยีที่นำมาส่งมอบความพิเศษและเพิ่มสีสัน เมื่อมาใช้บริการ อาทิ
- AIS Video wall ที่นำเทคโนโลยี Augmented Reality หรือ AR มาสร้างความสนุก และสีสันแบบ Interactive โดยเอไอเอส เป็น Operator ไทยรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาแสดงที่ AIS Flagship Store ด้วย Theme หลากหลายเหมาะกับเทศกาลต่างๆ
- AIS Digital Magazine ให้คุณเพลิดเพลินกับนิตยสารจาก AIS Book Store ในระหว่างเข้ามาใช้บริการ
- AIS Free เพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อได้ตลอดเวลา เมื่อมาใช้บริการใน AIS Shop ทุกครั้งรวมไปถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหว ข่าวสาร ของงานบริการต่างๆของเอไอเอส ที่จะอยู่ในรูปแบบของ Digital media ทั้งหมด
โดยการยกระดับงานบริการของ AIS Flagship Store , AIS Shop และ ร้านเทเลวิซทั่วประเทศ จะทำให้เราสามารถรองรับบริการลูกค้าได้เร็วกว่าเดิมถึง 30%” คุณวิลาสินี เน้น
ทั้งนี้ นายมาร์ค ได้กล่าวในตอนท้ายว่า “ผมเชื่อมั่นว่าจากนี้เป็นต้นไป เราจะได้เห็นภาพการแข่งขันด้าน Customer Service อย่างรุนแรง และจะเกิด New Chapter ของการทำงานด้านนี้ ซึ่งเอไอเอสถือได้ว่าเป็นผู้กำหนดมาตรฐานด้านนี้มาโดยตลอด ดังเช่นการเปิดตัว AIS Flagship Store ที่แสดงให้เห็นว่า เราเป็น Mobile Operator เพียงรายแรกและรายเดียวที่ให้ความสำคัญกับงานบริการคุณภาพ และมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาจนเกิด ต้นแบบ Masterpiece ที่พร้อมมอบบริการในยุคนี้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ความนิยมใช้งานดาต้าของคนไทยเพิ่มขึ้น จากการที่ประเทศไทยได้ก้าวไปอีกขั้นกับเทคโนโลยีอย่าง 3G ซึ่งเราพร้อมเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนให้เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายสามารถสร้างประโยชน์ทั้งแก่บุคคลและประเทศชาติอย่างเต็มกำลังแน่นอน”
AIS Flagship Store พร้อมให้ลูกค้าได้มาสัมผัสประสบการณ์แบบ Total Experience เต็มรูปแบบแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ ชั้น 4 ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th

View :1420