Archive

Archive for the ‘3G’ Category

เอไอเอสจัดให้! ขนทัพสมาร์ทดีไวซ์และแอพพลิเคชั่นสุดล้ำ บุกงาน Thailand Mobile Expo 2012 Showcase

October 3rd, 2012 No comments


ปลุกกระแสสาวกหัวใจไอที ตื่นตากับโปรโมชั่นถึงใจ คุ้มเกินราคา!

เอไอเอสตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมสื่อสารไร้สาย พาเหรดขบวนสมาร์ทดีไวซ์ ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ครบทุก OS ทั้ง iOS, Android, BlackBerry ฯลฯ และสุดยอดแอพพลิเคชั่นล้ำๆ ที่เอ็กซ์คลูซีฟเพื่อลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น ซึ่งมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษแบบห้ามใจไม่ไหว ทั้งผ่อน 0% และผ่อนนาน 20 เดือน (เฉพาะรุ่นและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ) ก็เลือกได้ตามคุณ นอกจากนี้ ยังมีของแถมน่ารักสุดคูล ติดปลายนวมให้อีกมากมาย เรียกว่าจัดมาเอาใจเหล่าสาวกหัวใจไอทีให้ได้ช้อปกันสนุกมือ เฉพาะในงาน 2012 Showcase โดยมีไฮไลท์เด็ดๆ ดังนี้

- ชาวกาแลคซี่ตื่นตากับ Samsung Galaxy Note II นวัตกรรมรุ่นล่าสุดที่พ่วงมากับแอพพลิเคชั่นสุดว้าว อย่าง Galaxy Movie Store, Guide&Go, e-book จาก Book Store นอกจากนี้ ยังมีสมาร์ทโฟนในตระกูลกาแลคซี่ขนมาเอาใจสาวก Android กันอีกหลายรุ่น อาทิ Samsung Galaxy S III,Samsung Galaxy Note 10.1

- แก๊งค์บีบี ต้องไม่พลาดกับ Blackberry Torch 9860 ราคาพิเศษ อีกทั้งรุ่น Curve, Bold, Torch มีให้เลือกอีกเพียบ ซึ่งมาพร้อมแอพฯ LINE สุดฮิต เฉพาะลูกค้าเอไอเอส BlackBerry เท่านั้น พิเศษ! เมื่อซื้อเอไอเอส BlackBerry ทุกรุ่น รับสิทธิ์ใช้งานแพ็กเกจ Blackberry Unlimited 799 ฟรี 3 เดือน พร้อมรับฟรี Blackberry Thumb Drive ขนาด 16GB อีกด้วย

ส่วนสาวก iOS เตรียมเซอร์ไพรส์กับ iPhone4S ราคาพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีบริการตรวจสุขภาพซิมฟรี! อีกด้วย
ขอเชิญลูกค้าเอไอเอสและสาวไอทีแวะมาสัมผัสกับนวัตกรรมสุดล้ำและความคุ้มค่าอีกมากมายได้ที่ บูธ AIS PL2 ห้องเพลนนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ตั้งแต่วันที่ 4-7 ตุลาคม 2555 เวลา 10.00 – 20.00 น.

View :1581

ดีแทคจัดแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตสุดคุ้ม มอบบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ส่วนลดค่าเครื่องกว่า 50% ในงาน Thailand Mobile Expo 2012

October 3rd, 2012 No comments


ดีแทคร่วมงาน 2012 จัดทัพของสมนาคุณสุดคุ้ม และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตราคาพิเศษต้อนรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดครั้งแรกในไทย Samsung Galaxy Note II และ Sony Xperia SL ลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟน จากบูทดีแทคภายในงานจะได้รับกระเป๋าสะพายดีไซน์เท่โดยโน้ต อุดม แต้พานิช และบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 1,000 บาทเพื่อแลกซื้อ accessory ของ Jabra และ Gear4 ที่บูท RTB พร้อมของสมนาคุณถูกใจลูกค้า ทั้งนี้ลูกค้ายังสามารถผ่อนชำระค่าเครื่อง 0% นาน 10 เดือน และรับเงินเครดิตคืนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมจัดโปรโมชั่นให้ส่วนลดสมาร์ทโฟนที่ร่วมรายการอย่างจุใจถึง 50%

ภายในงานสัมผัส Samsung Galaxy Note II และ Sony Xperia SL เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่บูทดีแทค พร้อมรับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตสุดคุ้มเล่นได้ไม่จำกัดเพียง 599 บาท/เดือน โทรฟรีทุกเครือข่าย 550 นาที บัตรกำนัล RTB มูลค่า 500 บาท และกระเป๋าสะพายโน้ต อุดม แต้พานิช

กองทัพสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 3G จากดีแทคยังจัดโปรโมชั่นเพื่อเอาใจลูกค้าอย่างเต็มที่ อาทิ
· The New iPad แถมฟรีซองใส่ iPad และ Stylus Pen บัตรกำนัล RTB มูลค่า 500 บาท เมื่อสมัครแพ็กเกจที่ร่วมรายการ พิเศษเฉพาะรุ่น 64 GB รับบัตรกำนัล RTB มูลค่า 1,000 บาท
· iPhone 4S และ Samsung Galaxy SIII รับฟรีบัตรกำนัล RTB มูลค่า 500 บาท

นอกจากนั้น ดีแทคยังจัดโปรโมชั่นพิเศษ มอบส่วนลดสมาร์ทโฟนยอดนิยมสูงสุด 50% และเมื่อสมัครแพ็กเกจของดีแทคในงานนี้ รับฟรี Voucher สตาร์บัคส์ทุกแพ็กเกจ และจัดเตรียมแอร์การ์ดราคาพิเศษเพียง 990 บาทไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการท่องอินเตอร์เน็ททุกหนแห่งอีกด้วย

ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูทของดีแทคในงาน Thailand Mobile Expo 2012 ระหว่างวันที่ 4-7 ตุลาคมนี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

View :1649

ดีแทค เนทเวอร์ค พร้อมสู่การประมูลใบอนุญาต 3จี 2.1 GHz และมุ่งมั่นสู่เครือข่ายดีที่สุด

October 2nd, 2012 No comments

บริษัท เนทเวอร์ค จำกัด ตัวแทนเข้าประมูลจากบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคเปิดเผยว่าพร้อมแล้วสำหรับการเข้าร่วมการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz () ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ () ในวันที่ 16 ตุลาคมที่จะถึงนี้ และคาดการณ์ที่จะมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย ที่ดีที่สุด

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท จำกัด กล่าวว่า “ดีแทค เนทเวอร์คพร้อมเต็มที่สำหรับการเข้าสู่การประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz (3G) และบริษัทกำลังเตรียมตัวสู่การเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 3G ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าดีแทคและคนไทย”

“เราขอชมเชย กสทช. ที่ดำเนินการจัดประมูลให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก เราเชื่อว่าการประมูลครั้งประวัติศาสตร์นี้จะเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการโทรคมนาคม และเป็นจุดบันทึกสำคัญของวงการโทรคมนาคมในประเทศ พร้อมทั้งเป็นการก้าวสู่ยุคเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแห่งการสื่อสารสำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย ต่อไปนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น และยังได้ใช้ประโยชน์มากมายจากการเปิดให้บริการคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz (3G) เหนือสิ่งอื่นใดการที่ได้ใช้ระบบใบอนุญาตที่ใช้กันในระดับสากลนอกเหนือจากระบบสัมปทานแบบเดิม ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการทุกรายได้เสมอภาคในการแข่งขันทางธุรกิจร่วมกัน และช่วยให้ผลประโยชน์กลับคืนสู่ผู้บริโภคและประเทศอย่างแท้จริง” นายจอน กล่าว

“อีกสิ่งที่สำคัญที่ชัดเจน คือความถี่ย่าน 3G ใหม่จะช่วยตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์ลูกค้าคือศูนย์กลาง (Customer Centricity) ภายใต้กลยุทธ์นี้เรามุ่งมั่นที่จะคิดค้นสินค้าและบริการที่ดีที่สุดภายใต้เทคโนโลยีเครือข่ายล้ำสมัย สู่ลูกค้าของเราตรงในแบบที่เค้าเป็นและใช่ในแบบที่เค้าต้องการใช้งานอย่างแท้จริง”

“นี่คือจุดเชื่อมต่อที่สำคัญทางธุรกิจของเรา โดยเราเชื่อว่าการให้บริการ 3G ที่คาดว่าจะมีขึ้นจะสามารถนำธุรกิจของเราและลูกค้าของเราสู่สิ่งใหม่ วันนี้ เรามั่นใจอย่างเต็มที่ในคุณภาพเครือข่าย สินค้า บริการ และพนักงาน เราพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่การเดินทางครั้งสำคัญที่ยิ่งใหญ่” นายจอน กล่าวในที่สุด

View :1359

การทำงานรูปแบบโมบาย มีศักยภาพเติบโตสูงในไทย

September 28th, 2012 No comments

52 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรในไทย ประยุกต์ใช้ หรือมีแผนที่จะนำการทำงานรูปแบบโมบายมาใช้ในปี 2020

องค์กรส่วนใหญ่ (84 เปอร์เซ็นต์) ในประเทศไทย ที่มีการนำ “โมบายเวิร์กสไตล์” หรือการทำงานในรูปแบบโมบายมาประยุกต์ใช้ เนื่องจากเห็นถึงประโยชน์หลักในแง่ของการเพิ่มความยืดหยุ่น และทำให้สถานที่ทำงานเกิดความคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า นอกเหนือจากองค์กรในไทยที่ได้นำการทำงานในรูปแบบโมบายมาประยุกต์ใช้แล้ว 44 เปอร์เซ็นต์ มองว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลง ส่วนอีก 48 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์ลดลง และ 32 เปอร์เซ็นต์ มองว่าค่าใช้จ่ายด้านการลาออกของพนักงานลดลง เหล่านี้คือผลการสำรวจเกี่ยวกับสถานที่ทำงานแห่งอนาคตที่ซิทริกซ์ได้เปิดเผยในวันนี้ โดยมาจากการสำรวจฝ่ายไอทีระดับอาวุโสที่มีอำนาจในการตัดสินใจ 1,900 คน ใน 19 ประเทศ

ในขณะที่องค์กรส่วนใหญ่ในประเทศไทย วางแผนว่าจะนำการทำงานรูปแบบโมบายมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยก็ยังจัดว่าตามหลังแนวโน้มโลกอยู่ในแง่ของการนำโมบายเวิร์กสไตล์มาประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน โดยจากที่สำรวจ มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรในไทย ที่มีการนำการทำงานรูปแบบโมบายมาใช้ เปรียบเทียบกับ (21 เปอร์เซ็นต์) ประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการนำการทำงานรูปแบบโมบายมาใช้ เพิ่มขึ้นสูงมาก และสำหรับทั่วโลกแล้ว 1 ใน 4 (24 เปอร์เซ็นต์) ขององค์กรได้มีการประยุกต์ใช้

จากข้อมูลไอดีซี[1] ความต้องการสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเติบโต 76 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2554 คิดเป็นมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมพนักงานรุ่นใหม่ที่เป็นผู้ใช้งานดิจิตอลอย่างแท้จริง ซึ่งต้องการนำสมาร์ทโฟนของตัวเองมาใช้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว โดยในประเทศไทย มีคำร้องของจากพนักงานจำนวนมาก (53 เปอร์เซ็นต์) ติดอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้องค์กรหันมาใช้การทำงานในรุปแบบโมบาย

Vanson Bourne ศูนย์วิจัยอิสระ ได้จัดทำสำรวจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 โดยรายงานเรื่องสถานที่ทำงานแห่งอนาคตของซิทริกซ์ แสดงให้เห็นว่า แนวโน้มที่พนักงานจะนั่งทำงานในออฟฟิศนั้นลดลง ซึ่งแนวโน้มของการที่พนักงานหันมาใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลากหลายรูปแบบในการเข้าถึงแอพพลิเคชัน ข้อมูล และบริการขององค์กร จากสถานที่ต่างๆ นอกเหนือออฟฟิศปกตินั้น เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มโลกที่เรียกว่าโมบายเวิร์กสไตล์

➢ จากการสำรวจ องค์กรเกือบครึ่งหนึ่ง (45 เปอร์เซ็นต์) ในประเทศไทย จะมีการนำการทำงานรูปแบบโมบายมาประยุกต์ใช้ในปี 2557 และองค์กร 7 เปอร์เซ็นต์ในประเทศไทย กำลังวางแผนที่จะนำความริเริ่มดังกล่าวมาใช้ในราวปี 2563 ทั้งนี้ เหตุผลต่างๆ ที่องค์กรธุรกิจในไทยเลือกที่จะประยุกต์ใช้โมบายเวิร์กสไตล์ คือ
o มีความยืดหยุ่น และเป็นสถานที่ทำงานที่คล่องตัวมากขึ้น (84 เปอร์เซ็นต์)
o ลดค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์ (48 เปอร์เซ็นต์)
o ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน (44 เปอร์เซ็นต์)
o ช่วยดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานกับองค์กร (40 เปอร์เซ็นต์)
o สร้างความต่อเนื่องในการทำธุรกิจ (40 เปอร์เซ็นต์)
➢ พนักงานในองค์กรจะได้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นที่มากขึ้น (72 เปอร์เซ็นต์) ลดเวลาเดินทาง (56 เปอร์เซ็นต์) สร้างสมดุลย์ชีวิตทำงานและส่วนตัว (48 เปอร์เซ็นต์) และเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้กับพนักงานแต่ละคน (44 เปอร์เซ็นต์)
➢ เหตุผลอันดับต้นๆ ในการไม่ประยุกต์ใช้โมบายเวิร์กสไตล์ในประเทศไทย คือ ขาดบุคลากรด้านไอที (70 เปอร์เซ็นต์)
➢ ความต้องการในการใช้งานโมบิลิตี้ที่เพิ่มขึ้น กำลังเป็นปัจจัยผลักดันองค์กรต่างๆ ให้มีการกำหนดใช้นโยบายในการนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้เพื่องาน (BYOD) (65 เปอร์เซ็นต์) โดยปกติพนักงานจะเป็นผู้เลือกซื้ออุปกรณ์เอง โดย 72 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรช่วยออกค่าใช้จ่ายบางส่วนหรือเต็มจำนวนให้กับพนักงาน
➢ ความท้าทายอันดับต้นๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้นโยบาย BYOD คือ บรรดาพนักงานต่างไม่เข้าใจถึงความเสี่ยงของการนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้งานในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศทางธุรกิจ (60 เปอร์เซ็นต์) และข้อมูลด้านความปลอดภัย (60 เปอร์เซ็นต์)

จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่อใช้ชีวิตกับสถานที่ทำงานแห่งอนาคต
จากรายงานสถานที่ทำงานแห่งอนาคตของซิทริกซ์ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มทั่วโลก หนึ่งในสามของพนักงาน (29 เปอร์เซ็นต์) จะไม่นั่งทำงานในออฟฟิศแบบเดิมๆ ทั้งนี้พนักงานจะเปลี่ยนมาทำงานตามสถานที่ที่ก้ำกึ่งว่าจะเป็นที่ทำงาน ได้อย่างหลากหลายแทน เช่น ที่บ้าน (64 เปอร์เซ็นต์) ที่ไซต์งาน (60 เปอร์เซ็นต์) และออฟฟิศลูกค้าหรือออฟฟิศของพาร์ตเนอร์ (50 เปอร์เซ็นต์) ผู้คนคาดหวังว่าจะสามารถเข้าถึงการใช้งานแอพพลิเคชั่น ดาต้าและการบริการ ในขณะที่ทำงานอยู่นอกออฟฟิศได้ เช่น ตามโรงแรม สนามบิน ร้านกาแฟ หรือในขณะที่รอเปลี่ยนเครื่อง จากเหตุการณ์ที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากน้ำท่วมในปี 2554 ดังนั้น จึงมีเหตุผลมากมายหลายหลากที่ทำให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทยต้องตระหนักถึงความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณประโยชน์ของการติดตั้งโมบายเวิร์กสไตล์

การมีทีมงานที่ทำงานในลักษณะโมบาย นับเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงลักษณะของสถานที่ทำงานแห่งอนาคต ซึ่งสามารถเข้าถึงทรัพยากรองค์กรได้จากหลากหลายสถานที่ ตัวอย่างเช่น ฝ่ายไอทีจำเป็นต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้จำหน่ายเพื่อเรียนรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถบริหารจัดการกับผู้คนต่างๆ รวมถึงข้อมูล และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ในเชิงรุก องค์กรต่างๆ ทั่วโลก ต่างต้องอาศัยเทคโนโลยีหลากหลายมาช่วยเสริมการบริหารจัดการกลยุทธ์ด้านโมบายเวิร์กสไตล์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้ เทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต่างมุ่งเน้นที่การจัดการระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและแอพพลิเคชั่น รวมถึง เดสก์ท็อปเวอร์ชวลไลเซชั่น และแอพพลิเคชั่นสโตร์ในเอ็นเทอร์ไพร์ซ บริการด้านการแบ่งปันไฟล์ผ่านระบบออนไลน์ การประชุม และการทำงานร่วมกันต่างๆ เพื่อศักยภาพในการทำงานจากจุดต่างๆ

สาสน์จากผู้บริหาร
มร ยาจ มาลิค รองประธาน ภาคพื้นอาเซียน ซิทริกซ์
“แรงกดดันจากทั่วโลก ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการบริโภคไอทีอย่างแพร่หลาย เป็นปัจจัยที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีของการจัดการและวิธีปฏิบัติทางธุรกิจ สถานที่ทำงานแห่งอนาคต ความต่อเนื่องในการทำธุรกิจ ผลิตผล ความยืดหยุ่น และความคล่องตัว ไม่ได้เป็นเพียงแค่เหตุผล ทว่ากลายเป็นสิ่งจำเป็นในการทำธุรกิจ และในประเทศไทยก็ไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นๆ แต่อย่างไรก็ดี การประยุกต์ใช้งานโมบายเวิร์กสไตล์ในไทยดำเนินไปอย่างช้าๆ นั่นอาจเป็นเหตุผลจากการขาดความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยี องค์กรเกือบครึ่งหนึ่ง (41 เปอร์เซ็นต์) ในประเทศไทย ไม่ทราบว่ามีเทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลและแอพพลิเคชั่นองค์กรจากระยะไกลและมีความปลอดภัยในระดับเดียวกับที่ใช้งานในออฟฟิศ องค์กรที่สามารถตระหนักและประยุกต์ใช้โมบายเวิร์กสไตล์จึงจะเป็นองค์กรที่อยู่รอดได้ ซึ่งการทำงานไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่ และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญของสถานที่ทำงานแห่งอนาคต และทำให้การใช้งานโมบายเวิร์กสไตล์เป็นสิ่งที่น่าสนใจ

วิธีการทำวิจัย
วิจัยเรื่องสถานที่ทำงานแห่งอนาคตของซิทริกซ์ จัดทำโดยสำนักวิจัยอิสระ Vanson Bourne ในเดือนสิงหาคม 2555 โดยสัมภาษณ์มืออาชีพอาวุโสด้านไอที 1,900 คนทั่วโลก ผลสำรวจมืออาชีพด้านไอที 100 คนจากทุกอุตสาหกรรมในประเทศต่างๆ 19 ประเทศ ครอบคลุม
- ยุโรป: ฝรั่งเศส เยอรมันนี รัสเซีย สวีเดน เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ
- อเมริกา: บราซิล แคนาดา สหรัฐอเมริกา
- เอเชีย แปซิฟิค: ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย

3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถาม มาจากองค์กรที่มีพนักงาน 1,000 คนหรือมากกว่า ในขณะที่ 1 ใน 3 ที่เหลือมาจากองค์กรที่มีพนักงานระหว่าง 500-999 คน

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
➢ เอกสารด้านเทคนิค: The Top 10 Reasons to Embrace Workshifting
➢ เอกสารด้านเทคนิค: Workshifting: How IT is Changing the Way Business is Done
➢ เอกสารด้านเทคนิค: Desktop Virtualization: The key to embracing the consumerization of IT
➢ เอกสารด้านเทคนิค: Best practices to make BYOD simple and secure

ซิทริกซ์บนโลกออนไลน์
➢ ทวิตเตอร์: @Citrix
➢ ซิทริกซ์บนเฟซบุ๊ค Facebook

View :1585

กสทช. เคาท์ดาวน์ประมูล 3G ความถี่ 2.1 GHz ยืนยันกระบวนการโปร่งใสเป็นธรรม

September 21st, 2012 No comments

ประกาศเริ่มนับถอยหลังประมูล คลื่นความถี่ 2.1 GHz อีกครั้งกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในประเทศ สู่การเป็น “เครือข่ายไทย เครือข่ายโลก” พร้อมเผยวิธีการประมูลและกระบวนการที่โปร่งใส สร้างความเชื่อมั่น ด้วยมาตรฐานสากล ดีเดย์ 16 ตุลาคม นี้

นายพิทยาพล จันทนะสาโร รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) เผยวันนี้การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz เพื่อเดินหน้าสู่การพัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เต็มรูปแบบ เป็นวาระแห่งชาติที่ได้รับเสียงตอบรับจากทุกฝ่าย 16 ตุลาคม 2555 คือ วันที่จะจัดการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ครั้งแรกของประเทศไทย

การพัฒนาเครือข่าย 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz จะทำให้สามารถใช้งานโทรคมนาคม ได้อย่างสมบูรณ์ครอบคลุมทุกรูปแบบ วันนี้เราทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศได้มาแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การสื่อสารยุค 3G สมบูรณ์แบบ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีกับประเทศในการรองรับนโยบายเปิดเสรีอาเซียน ที่กำลังจะมาถึง

ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการนำโครงข่าย 3G มาใช้เพื่อประโยชน์ทางด้านการศึกษา Tele-Education และการสาธารณสุข Tele-Health ในท้องถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล นอกจากนี้ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาความสับสนของประชาชนในการเลือกซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้รองรับกับเครือข่ายของ ผู้ให้บริการ 3G เมื่อบ้านเราใช้เทคโนโลยี 3G มาตรฐาน ก็จะสามารถรองรับเครื่องลูกข่ายที่รองรับ 3G ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดได้ และที่สำคัญยังเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการโทรคมนาคมของประเทศไทย จากเดิมในยุคผูกขาดด้วยระบบสัมปทานไปสู่ระบบการให้ใบอนุญาตเป็นครั้งแรก

นายพิทยาพล กล่าวว่า กสทช. ใช้วิธีจัดสรรคลื่นความถี่ด้วยการประมูล ซึ่งเป็นวิธีการตามที่พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 45 กำหนดไว้ สำหรับรูปแบบที่จะใช้ในการประมูล กทค. และ กสทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications – IMT) ย่าน 2.1 GHz สาระสำคัญของร่างประกาศประกอบด้วย จำนวนคลื่นความถี่ที่ผู้เข้าประมูลแต่ละรายสามารถถือครองได้ (Spectrum Cap)คือ 15 MHz และมีการแบ่งคลื่นความถี่ออกเป็น 9 สล็อต สล็อตละ 5 MHz โดยมีราคาประมูลตั้งต้นอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ต่อ 5 MHz

ในทุกขั้นตอน กสทช. ได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย โปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะนำเอาคลื่นย่าน 2.1 GHz มาให้บริการประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสใช้บริการที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มศักยภาพทางการสื่อสารให้กับประเทศไทย เพิ่มโอกาสในการลงทุนเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนทุกคน

รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า งานวันนี้จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ถึงความสำคัญและประโยชน์ของการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz รวมถึงเป็นการยืนยันว่าการดำเนินการจัดประมูลจะกระทำด้วยความสุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม ตลอดจนถือเป็นวันสำคัญที่ทุกฝ่ายในวงการโทรคมนาคม ทั้งหน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบการโทรคมนาคม สื่อมวลชน รวมถึงประชาชนผู้ใช้บริการ มาพร้อมใจรวมพลังเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย รวมกันสนับสนุนให้การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz เกิดขึ้น

ในส่วนของสำนักงาน กสทช. เอง ก็ได้เตรียมพร้อมทั้งในด้านสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบสารสนเทศ ความปลอดภัย และการประชาสัมพันธ์ สำหรับการประมูล โดยมีคณะกรรมการดำเนินการประมูล 4 คณะ ได้แก่ คณะทำงานเตรียมการประมูล คณะทำงานด้านวิชาการ คณะทำงานรับและตรวจสอบคำขอรับใบอนุญาต และคณะทำงานตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาต ดูแล สำหรับที่ปรึกษาการประมูลได้บริษัท พาวเวอร์ อ็อกชั่น มาเป็นที่ปรึกษา และดูแลระบบซอฟท์แวร์การประมูล

นายพิทยาพล กล่าวทิ้งท้ายว่า กสทช. อยากให้ประชาชนคนไทยทุกคนรวมพลัง และให้การสนับสนุนการประมูล 3G ครั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยของเราได้มีโอกาสใช้บริการที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มศักยภาพทางการสื่อสารให้กับประเทศเพิ่มโอกาสในการลงทุน 16 ตุลาคม 2555 นี้ วันประมูลคลื่นความถี่ครั้งแรกของประเทศไทย ณ สำนักงาน กสทช.

View :1412

เอไอเอส โชว์เทคโนโลยีในงาน Bangkok International ICT Expo 2012 ผ่านแนวคิด “Today & Beyond” หนุนประเทศไทยก้าวสู่ Smart Thailand

August 3rd, 2012 No comments

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “1
ในโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญของประเทศ คือเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในฐานะของการเชื่อมโยง
เพิ่มศักยภาพการใช้ชีวิต การบริหารจัดการ ทั้งในส่วนบุคคล และ ภาคธุรกิจซึ่งท้ายที่สุดส่งผลโดยตรงต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศดังนั้นที่ผ่านมาสำหรับเอไอเอสเราตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ดังกล่าวทำให้นอกจากจะมุ่งมั่นพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแล้วยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีนี้ในทุกๆมิติมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในส่วนของโครงข่ายและโซลูชั่นส์ต่างๆ ภายใต้กรอบของ Quality DNAs”

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)


การนำนวัตกรรมเข้าร่วมแสดงในงาน Bangkok InternationalICT Expo 2012 ครั้งนี้จึงเป็นการยืนยันถึงเจตนารมณ์และความตั้งใจดังกล่าวโดยต้องการสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์จากเทคโนโลยีในหลากหลายมิติและพัฒนาการจากวันนี้สู่อนาคตภายใต้แนวคิด”Today & Beyond” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญของ Hi Speed WirelessBroadband ที่สามารถลดทอนข้อจำกัดในขณะเดียวกันก็เสริมศักยภาพการใช้ชีวิตของคนไทยให้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยนวัตกรรมที่นำมาจัดแสดงแบ่งเป็น 3 โซน ประกอบด้วย

1. ร่วมกับ TOT นำเสนอ Thailand (The First 100 Mbps)

- Interactive Wall : การประชุมไร้สายผ่าน 4G – 4G to Wifi :
การใช้ 4G เป็นจุดบริการ Wifi

- HD VDO Wall : โชว์ภาพยนตร์แบบ HD ผ่าน 4G – Remote RC Anytime :
โชว์การบังคับรถเคลื่อนที่ผ่าน 4G

2. My Best Applications

- Guide&Go : The World First Social Navigator หรือ App
แรกที่เชื่อมแผนที่เข้ากับ Social

Network

- AIS Bookstore :The First Audio Book หรือ หนังสือเสียงครั้งแรกในประเทศไทย

- AIS Music Store : Music Entertainment App
ที่พัฒนาเพื่อรองรับความหลากหลายของหน้าจอ

Deviceในปัจจุบัน (Multi Screen)

- AIS Line : App Line บน AIS BlackBerry พร้อมสติ๊กเกอร์น้องอุ่นใจ
ครั้งแรกในเมืองไทย

- AIS mPay : สาธิต การโอน-ถอนเงินได้โดยไม่ต้องใช้บัตร ATM

- Telemedicine : ร่วมมือกับโรงพยาบาลพระมุงกุฏเกล้า
สาธิตเทคโนโลยีการรักษาในระยะไกลผ่าน

เครือข่ายไร้ สาย

3. AIS The Start up

- Chatter Box ผู้ชนะเลิศการประกวด AIS STARTUP WEEKEND ในผลงานทำให้ TV
เป็นมากกว่าเดิม ให้ผู้ใช้ เข้าถึงโลกของ Second Screen

- Shopspot ผู้ที่โด่งดังจาก Boot Camp ที่สิงคโปร์
พร้อมด้วยเงินลงทุนจากนักลงทุน
ด้วยแนวคิดการซื้อขายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่ 30 วินาที

- Got It แอพฯสะสมสิทธิประโยชน์จากร้านค้าชั้นนำ
ตัดความยุ่งยากที่ต้องเก็บบัตรสะสมของแต่ร้านจนรกกระเป๋าเงิน

-FreeHap ความสุขแบ่งปันกันได้
แชร์อารมณ์ความรู้สึกของคนให้คนพิเศษรับรู้
พร้อมสร้างสังคมให้น่าอยู่ด้วยการวัดค่าความสุข

“นอกจากนี้ในโอกาสของการเปิดตัวโครงการ ICT Free Wifiของรัฐบาลอย่างเป็นทางการในครั้งนี้เอไอเอสจึงรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขยายโอกาสทางการสื่อสารให้แก่คนไทยโดยเราได้ร่วมให้บริการ Wifi ผ่าน 2 เครือข่าย ทั้ง AIS Wifi และ 3BBWifi-Cyberpoint สนับสนุนจุดบริการ wifi ทั่วประเทศมากกว่า 51,000 จุดครอบคลุมทั้งชุมชน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม สถานพยาบาลสถาบันการศึกษา ด้วยความเร็วการดาวน์โหลดที่ 6 Mbps และอัพโหลด ที่ 512Kpbs โดยสามารถใช้งานได้ฟรีรวมสูงสุด 10 ชั่วโมงต่อเดือนคนไทยทุกคนสามารถลงทะเบียนใช้บริการ ICT Free Wifi ที่ www.ais.co.th/smartthailand เพื่อรับ Username และ Password ผ่านทางE-mail ที่ได้ลงทะเบียนไว้เพื่อเข้าใช้งานได้ตั้งแต่เดือนกันยายน ศกนี้”

นายวิเชียร กล่าวในตอนท้ายว่า “ปี 2555จะเป็นก้าวสำคัญอีกครั้งของประเทศไทยในการก้าวสู่เทคโนโลยี WirelessBroadband อย่างเต็มรูปแบบจากการสนับสนุนอย่างชัดเจนของภาครัฐอันจะทำให้อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศเดินหน้าไปอีกขั้นดังจะเห็นได้จากความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาคเอกชนและภาครัฐไม่ว่าจะเป็นบริการ ICT Free Wifi รวมถึงการร่วมกันนำเสนอนวัตกรรมผ่านงานBangkok International ICT Expo 2012 ในครั้งนี้ที่สะท้อนถึงความพร้อมของทุกภาคส่วนเพื่อการเตรียมมอบประสบการณ์อีกขั้นของเทคโนโลยีให้แก่คนไทยต่อไป”

View :1712

ดีแทคโชว์ศักยภาพรองรับ 4G ในไอซีทีเอ็กซ์โป พร้อมดันไทยก้าวสู่การแข่งขันเออีซี

August 1st, 2012 No comments

ดีแทคพร้อมแล้วจัดเต็มโชว์งานไอซีทีเอ็กซ์โป 2012 หวังใช้เป็นเวทีผลักดันความรู้ให้กับผู้เข้าชมเข้าใจโครงข่าย และโชว์ความพร้อม เตรียมผลักดันประเทศไทยสู่การรองรับการแข่งขันเศรษฐกิจเออีซี ชูภาพรวม 3 ไฮไลท์ 1. ลูกค้าคือศูนย์กลาง หรือ Customer Centricity 2. Life Network เครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีกว่า และ 3. ศูนย์บริการแนวคิดใหม่เพื่อลูกค้า ระหว่างวันที่ 3-6 สิงหาคม 2555 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี บนเนื้อที่ 168 ตรม. และยังมีเซอร์ไพรส์เด็ดชุดพิเศษเฉพาะในสไตล์

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่าดีแทคได้เข้าร่วมงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล ไอซีที เอ็กซ์โป 2012 ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยในภาพรวมจะใช้งานนี้เป็นเวทีที่แสดงศักยภาพในฐานะผู้นำโทรคมนาคมว่ามีส่วนช่วยผลักดันประเทศไทยให้พร้อมเข้าสู่การแข่งขันประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยการเตรียมความพร้อมเทคโนโลยีโทรคมนาคม และผู้ชมในงานที่เข้ามาเยี่ยมชมจะได้ความรู้ความเข้าใจถึงการใช้งานโครงข่าย 3G และความพร้อมกับเทคโนโลยี 4G พร้อมทั้งสัญญาณใหม่ กับการนำเสนอที่ทันสมัยและเข้าใจง่ายด้วยอินโฟกราฟฟิค (infographic) และ อินเตอร์แอคทีฟ โมชั่น (interactive motion) ซึ่งจะพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับโลกแห่งการสื่อสารได้ง่ายและเข้าใจมากขึ้น

“ในบูธดีแทคจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. ส่วนแสดงอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารต่างๆ ที่จำลองศูนย์บริการรูปแบบใหม่รองรับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่เน้นการใช้งานสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สื่อสารท่องโลกอินเทอร์เน็ต โดยจะมีสินค้าใหม่ๆ ที่จะนำมาจำหน่ายหรือเปิดตัวเร็วๆ นี้มาจัดแสดงในส่วนนี้เพิ่มเติมด้วย และที่พลาดชมไม่ได้ในส่วนนี้คือ DEEZERไฮไลท์ที่นำมาแนะนำเพื่อคนฟังเพลงในยุคออนไลน์ ที่ทำให้เลือกฟังเพลงผ่านสมาร์ทโฟนหรือแชร์ให้เพื่อนได้กว่า 18 ล้านเพลง” นายปกรณ์กล่าวและว่า

“ส่วนที่ 2 ที่ดีแทคนำมาจัดแสดงในบูธคือ New Network กับการใช้อินโฟกราฟฟิค (infographic) นำเสนอข้อมูลในโลกสื่อสารที่ยากต่อการเข้าใจมานำเสนอผ่านคาแรคเตอร์การ์ตูนน่ารักแบบอินโฟกราฟฟิค กับข้อมูลที่ล้วนมีความสำคัญและจำเป็นต้องสื่อสารให้กับผู้ใช้บริการต่างๆ ได้รับรู้เพื่อประโยชน์ของตนเองและการใช้งานต่างๆ ในยุค 3G และสำหรับในส่วนที่ 3 ที่ดีแทคได้นำเสนอในบูธ คือการใช้ อินเตอร์แอคทีฟ โมชั่น (interactive motion) พรีเซนต์เรื่องสปีดการใช้งานเปรียบเทียบระหว่าง 3G และ 4G และดีแทคยังพร้อมรองรับสำหรับเทคโนโลยี 4G จากการที่ลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาทในการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งระบบ ซึ่งมากกว่า 10,000 เสาสัญญาณทั่วประเทศ โดยเป็นโครงข่ายเจ้าแรกในประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก มาสู่ life network เครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

ดีแทคขอเชิญผู้สนใจเข้าชมบูธดีแทคบนเนื้อที่ 168 ตารางเมตรในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล ไอซีที เอ็กซ์โป 2012 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-6 สิงหาคม 2555 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี และอย่าพลาดชมการแสดงเซอร์ไพรส์สไตล์ดีแทคในงานนี้อีกด้วย

View :2190

กรุ๊ปเอ็มเผยสี่เทรนด์หลักในการตลาดสื่อดิจิตอลปี 2555

June 26th, 2012 No comments

กรุงเทพ, 26 มิถุนายน 2555 – กรุ๊ปเอ็ม ผู้นำการบริหารและจัดการธุรกิจสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจร ร่วมกับเอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น เอเยนซี่ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อดิจิตัลในเครือกรุ๊ปเอ็ม เผยสี่เทรนด์สำคัญของการตลาดออนไลน์ในปี 2555 ในงาน GroupM Focal 2012 งานสัมมาเกี่ยวกับภาพรวมการตลาดสื่อดิจิตัลครั้งสำคัญของประเทศไทย สำหรับปีนี้กรุ๊ปเอ็มเน้นย้ำให้นักการตลาดเล็งเห็นถึงความสำคัญของอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ การตลาดแบบ “always ON” การเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลสูง รวมถึงการใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่างชาญฉลาด

งานสัมมนา GroupM Focal 2012 ครั้งนี้ได้รับเกียรติจากลูกค้าของบริษัท นักการตลาด และมืออาชีพในวงการเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยมีการนำเสนอข่าวสารและความรู้ใหม่ๆในแวดวงการตลาดดิจิตัลของเมืองไทย รวมถึงย้ำความเชื่อมั่นในการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ซึ่งก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน โดยงานสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดจากงานสัมมนา GroupM Focal 2011 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการแนะนำสี่เครื่องมือสำคัญเพื่อเป็นแนวทางแก่นักการตลาดในการสร้างแคมเปญโฆษณาและสื่อสารแบรนด์สินค้าให้เป็นที่จดจำอย่างมีประสิทธิภาพ

เควิน คลาร์ก ประธานกรรมการบริหาร กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย เป็นผู้กล่าวเปืดงานสัมมนา GroupM Focal 2012 ท่ามกลางลูกค้าและแขกผู้มีเกียรติในวงการสื่อดิจิตัล โดยการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆรวมถึงแนวโน้มสื่อดิจิตัลของไทยในอนาคตว่า “สื่อดิจิตัลของไทยมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ทำให้มีโอกาสทางการตลาดเกิดขึ้นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง จนอาจสร้างความสับสนแก่นักการตลาดได้ กรุ๊ปเอ็มในฐานะผู้นำด้านการสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่มีเครือข่ายระดับภูมิภาคอันแข็งแกร่ง ประกอบกับมีความชำนาญและความเข้าใจผู้บริโภคในประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง จึงก้าวเข้ามาเป็นตัวช่วยแก่บริษัททั้งหลายในการใช้สื่อดิจิตัลที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความหลากหลายสูง เพื่อให้ก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอยู่เสมอ”

นิคลาส สตอล์เบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ บริษัทเอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น เสนอให้แบรนด์สินค้าต่างๆปรับตัวเพื่อตอบรับการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในโทรศัพท์เครื่องที่ ซึ่งมีการขยายตัวของเครื่อข่ายสัญญาณ การใช้โทรศัพท์ประเภทสมาร์ทโฟน รวมถึงการใช้งานแอพพลิเคชั่นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นิคลาสกล่าวว่า “ประเทศไทยจะมีสถานีบริการสัญญาณ มากถึง 10,000 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และจะมีการเปิดประมูลเครื่อข่าย ขึ้นอีกในเดือนตุลาคมที่กำลังจะมาถึง ในปีนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือจะมีการลงทุนประมาณ 20 พันล้านบาทเพื่อพัฒนาระบบ ให้ดียิ่งขึ้น จึงถือเป็นความท้าทายใหม่ของนักการตลาดที่จะเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยการปรับประยุกต์เวบไซต์ให้สามารถเข้าถึงผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ และมีการผสานแอพพลิเคชั่นเพื่อตอบโจทย์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด”

ศิวัตร เชาวรียวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น กล่าวว่า “การใช้ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลออนไลน์ (Search Engine) มีการเติบโตขึ้นถึง 290% ในช่วงปี 2553-2555 ผู้บริโภคเชื่อถือการค้นหาข้อมูลผ่าน Google และการอ่านความคิดเห็นของผู้อื่นมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นทุกๆวันแม้จะมีแคมเปญโฆษณาของสินค้าหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นลูกค้าของเอ็มอินเตอร์แอ็คชั่นส่วนมากจึงเริ่มใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Always ON เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภค”

“ยิ่งกว่านั้นการใช้โซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถสร้างสื่อของตนเองขึ้นได้ ทั้งยังสามารถเข้าถึงคนอีกจำนวนมากนับล้านๆคนในเวลาไม่กี่เดือน ดังเช่นเพจ Facebook อันดับหนึ่งของไทยที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อ 4 เดือนที่แล้วแต่มีแฟนเพจกว่า 2 ล้านคนในปัจจุบัน เอ็มอินเตอร์แอ็คชั่นได้ให้คำจำกัดความสื่อดังกล่าวว่าเป็น “ผู้บริโภคที่มีอิทธิพลสูง” ( Power Consumers ) และถือเป็นช่องทางใหม่ที่มีความสำคัญอย่างแท้จริง ที่จะเปิดโอกาสให้แบรนด์สินค้าได้ใช้ในการสื่อสารถึงกลุ่มผู้บริโภคผ่านวิธีการทางการตลาดต่างๆ”

ศิวัตร กล่าวสรุปว่า “ โดยรวมแล้วสื่อดิจิตัลในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก จนก้าวมาถึงจุดที่นักการตลาดควรเสริมอาวุธให้ตัวเองด้วยเครื่องมือทางการตลาดทั้งหลาย เช่นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดประเมินและตรวจสอบว่าแผนการตลาดออนไลน์และแคมเปญที่ลงทุนไปมีประสิทธิภาพอย่างไร และจะพัฒนาขึ้นไปอีกได้อย่างไร”
เกี่ยวกับเอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น

เอ็มอินเตอร์แอ็คชั่น เอเยนซี่ดิจิตัลชั้นนำของประเทศไทยในเครือกรุ๊ปเอ็ม ให้บริการให้คำปรึกษาและวางแผนโฆษณาผ่านสื่อดิจิตัลอย่างครบวงจร โดยมีความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพด้านการซื้อสื่อ วางแผนสื่อ ควบคุมการผลิตและลงโฆษณา งานครีเอทีฟ โซเชียลมีเดีย เครื่องมือค้นหาออนไลน์ ( Search Engine ) อีเมลล์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ การสร้างกระแสในโลกดิจิตัล การทำการตลาดผ่านบล๊อก และบริการอื่นๆอีกมากมาย ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อดิจิตัลอย่างแท้จริงกว่า 102 ชีวิต เอ็มอินเตอร์แอ็คชั่นมั่นใจว่าเราสามารถสร้างประสบการณ์การตลาดในสื่อดิจิตัลแก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการศึกษาค้นคว้าความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ก่อนพัฒนาสู่การวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและควบคุมคุณภาพงานให้สำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

View :2473

ทรู ยินดีให้ความร่วมมือ กสท. ในการปรับแก้สัญญาตามมติ กทค.

June 22nd, 2012 No comments

ตามที่มีการรายงานข่าวผ่านสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2555 เกี่ยวกับมติของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่มีคำสั่งให้ บมจ. กสท โทรคมนาคม ดำเนินการแก้ไขข้อสัญญา โครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ HSPA ระหว่าง บมจ. กสท โทรคมนาคม และกลุ่มทรู เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 นั้น

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บมจ. คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม ในการดำเนินการปรับปรุงรายละเอียดข้อสัญญาให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และให้สอดคล้องกับมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ตามมติของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม โดยประเด็นต่างๆ ที่ กทค. มีคำสั่งให้ ดำเนินการแก้ไขนั้น เป็นข้อปฏิบัติที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด บริษัทฯ จึงมั่นใจว่า และทรู จะสามารถร่วมมือกันในการดำเนินการดังกล่าวให้เรียบร้อยได้ด้วยดี และบริษัทฯ ขอยืนยันกับลูกค้าว่า การให้บริการทรูมูฟ เอช 3G+ ยังคงเป็นไปตามปกติ ขอให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

View :1396
Categories: 3G Tags: ,

ดีแทค เปิดตัวแคมเปญ สมาร์ทโฟน 3จี จาก ดีแทค ใครๆ ก็มีได้

May 2nd, 2012 No comments

รุกหนักตลาดโทรศัพท์มือถือโดยนำเสนอสมาร์ทโฟน และแพ็กเกจบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ทุกคนในราคาสุดคุ้มกับแคมเปญ สมาร์ทโฟน 3จี จาก ใครๆ ก็มีได้ ( Smartphone, Everyone Can Buy) ที่ยกขบวนสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ชั้นนำในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ มาพร้อมแพ็กเกจค่าโทร และค่าบริการอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ดีแทค ยังมุ่งนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการที่สำนักงานบริการลูกค้า โดยมี iBuddy และพนักงานที่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านผลิตภัณฑ์ และบริการ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่ดีสุด

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต และ โซเชียล เน็ตเวิร์ค ที่เพิ่มขึ้นสูง จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ดีแทค พร้อมก้าวเป็นผู้นำในการนำเสนอบริการอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือให้แก่ผู้บริโภคทุกคนในประเทศ โดยเปิดตัวแคมเปญ สมาร์ทโฟน 3จี จาก ดีแทค ใครๆ ก็มีได้ ซึ่งนำเสนอสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูล และใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ โดยมีสมาร์ทโฟนให้ลูกค้าเลือกมากกว่า 30 รุ่น เช่น ซัมซุง กาแล็คซี่ วาย ในราคาเพียง 228 บาทต่อเดือน นาน 10 เดือน พร้อมแพ็กเกจค่าโทร และค่าบริการอินเทอร์เน็ต การดำเนินกลยุทธ์ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามอย่างต่อเนื่องของดีแทคที่จะนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาสู่ผู้บริโภคในวันนี้ พร้อมทั้งให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอทั่วประเทศไทย”

นอกจากนี้ ปัจจัยความสำเร็จอย่างหนึ่งซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญของ ดีแทค ก็คือการมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าผ่านช่องทางบริการต่างๆ จากการเปิดตัวแคมเปญสมาร์ทโฟนครั้งนี้ ดีแทค มุ่งมั่นที่จะพัฒนา การให้บริการทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในด้านการใช้งานสมาร์ทโฟนที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ดีที่สุด

นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “การใช้งานสมาร์ทโฟนนั้นเป็นสิ่งที่ซับซ้อนกว่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือทั่วไป ดีแทค วางแผนการให้บริการที่จะช่วยเหลือลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เรามั่นใจอย่างยิ่งว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศโดยรวม และ การให้บริการต่างๆ ภายในสำนักงานบริการลูกค้า โดยมี iBuddy และพนักงานที่ผ่านการอบรมทุกคนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการตั้งค่าสมาร์ทโฟนเพื่อการใช้งาน การทดลองใช้ฟังก์ชั่น และแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมทั้ง การเลือกแพ็กเกจบริการซึ่งตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้ ทั้งนี้ ลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ใหม่นี้ นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่สำนักงานบริการลูกค้า ไปจนถึงความประทับใจตลอดการใช้งานสมาร์ทโฟนอีกด้วย

นอกจากนี้ ด้วยความต้องการของสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นสูง ดีแทค ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านบริการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไร้สาย และโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย เพื่อเป็นผู้ให้บริการด้านซัพพลายเชนแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งกลยุทธ์ด้านแหล่งวัตถุดิบ การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ การวางแผนซัพพลายเชน การสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่าย การจัดเก็บสินค้า และงานโลจิสติกส์ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะส่งผลให้ดีแทคสามารถเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดด้านการบริหารจัดการสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุดอีกด้วย

สำหรับแคมเปญ สมาร์ทโฟน 3จี จาก ดีแทค ใครๆ ก็มีได้ ลูกค้าสามารถเลือกสรรสมาร์ทโฟน พร้อมแพ็กเกจ ค่าโทร และค่าบริการอินเทอร์เน็ตในราคาสุดคุ้ม
* สมาร์ทโฟน 30 รุ่น ที่รองรับความถี่ 850 MHz
* ผ่อนต่ำสุดเริ่มต้นเพียง 228 บาท / เดือน
* รับโบนัสค่าโทร 300 บาท นานสูงสุด 24 เดือน
* เล่นเฟสบุคฟรี นานสูงสุด 24 เดือน

View :1606